“ถ้าอย่างนั้นเธอก็พักรักษาตัวให้หายก่อน ถ้าเขาไม่ส่งเธอกลับภายในหนึ่งสัปดาห์ ฉันจะแจ้งตำรวจอีกครั้ง” ไมค์โกรธ “ฉันรู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ฉินอันอัน “นายรู้ได้ยังไง?” ไมค์ “โจวจื่ออี้บอกฉันแล้ว เขาไม่เชื่อว่าเจ้านายของเขาเป็นคนเลว เขาจึงไปสืบมาแล้ว” ฉินอันอันยิ้มเจื่อน ๆ ไมค์ “แม่ของเขารู้เรื่องลูกเธอแล้วใช่ไหม?” “อืม” ไมค์ “ฉันว่าแล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้ เธอคงไม่ได้บอกเขา เขาเลยเป็นบ้า” “อืม” ไมค์ “เธอนี่มันโง่จริง ๆ! ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะไม่ยอมให้ตัวเองต้องมาทนกับความไม่ยุติธรรมแบบนี้หรอก! ถ้าเธอบอกเขาแล้วไงล่ะ? เขาจะฆ่ารุ่ยลากับเสี่ยวหานจริง ๆ งั้นเหรอ? ฉันไม่เชื่อหรอก! ฉันไม่เชื่อว่าเขาจะโหดร้ายกับเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองได้! เด็กทั้งสองไม่ได้ติดค้างอะไรเขาเลย!” ฉินอันอัน “แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ฉันไม่อยากเดิมพันอะไรทั้งนั้น” “โอเค งั้นเธอต้องโทรหาฉันอย่างน้อยวันละครั้ง ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งตำรวจ” ไมค์บอกความต้องการ “ฉันเข้าใจแล้ว” ฉินอันอันรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นมากหลังจากได้คุยโทรศัพท์กับไมค์ สองวันที่ผ่านมาเป็นราวกับฝันร้าย ฝันร้ายอย่างต่อเนื่องที่ไม่มีที่สิ้
เธอรีบเปิดไฟในห้องทันที แสงไฟที่จู่ ๆ สว่างขึ้นทำให้เขาแสบตา เขาโกรธและโมโหมากจึงกระแทกประตูเสียงดังปัง เธอมองเขาด้วยสายตาหวาดกลัว ตาของเขามีสีแดงเนื่องจากเมา หลังจากปิดประตู นิ้วเรียวก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อ เมื่อเธอรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร เธอก็ตกใจมากจนไม่กล้าหายใจ “ฟู่สือถิง! คุณมาผิดห้องแล้ว!” เธอต้องการเรียกสติเขา “นี่คือห้องของฉัน!” เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอแล้วเดินไปที่เตียงด้วยขาอันยาวเหยียด ขณะเดียวกัน เขาก็ถอดเสื้อออกแล้วโยนมันลงไปที่พื้น “ผมไม่ได้เมา” เขาขึ้นไปบนเตียงและจับขาที่บาดเจ็บของเธอไว้แน่น “อย่าขยับขาข้างนี้นะ” เธอพูดไม่ออก ดูเหมือนเขาจะไม่ได้เมาจริง ๆ แต่ในเมื่อเขารู้ว่าเธอได้รับบาดเจ็บ ทำไมเขาถึงยังทรมานเธออีก! จู่ ๆ ริมฝีปากอันอบอุ่นของเขาก็ประกบลงบนลำคอของเธอ เธอได้กลิ่นน้ำหอมฉุนแปลก ๆ ที่ติดอยู่บนตัวของเขา คิ้วเรียวขมวดคิ้วทันที แม่บ้านบอกว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนมีสาวสวยกลุ่มหนึ่งลงมาชั้นล่าง คนเหล่านั้นอยู่ที่นี่สามวัน ยังไม่กลับไป และกลิ่นน้ำหอมแปลก ๆ บนตัวเขา คงถูกหนึ่งในผู้หญิงกลุ่มนั้นตราตรึงบนร่างของเขาแล้ว แม้ว่าเขาจะถอดเสื้อออก แต่
เธอเอื้อมมือไปใต้หมอนแล้วดึงมีดออกมา! มีเล่มนี้เป็นมีดที่พี่สามมอบให้เธอไว้เพื่อป้องกันตัวตอนที่เธอหนี ตอนที่เธอได้รับการช่วยเหลือจากฟู่สือถิง เธอก็กำมีดเล่มนี้ติดมือมาด้วย เดิมทีฟู่สือถิงต้องการเก็บมีดเล่มนี้นไว้ให้ห่างจากตัวเธอ อาจกลัวว่าเธอจะฆ่าตัวตาย แต่เธอก็ยืนกรานว่าจะเอากลับมา หลังจากเอากลับมาได้ เธอก็เก็บมันไว้ใต้หมอน มีดเล่มนี้ช่วยชีวิตเธอและมีความหมายต่อเธอมาก ดังนั้นเธอจึงนำมันติดตัวไว้ แต่คิดไม่ถึงว่าคืนนี้จะถูกเขาเหยียดหยาม! ศักดิ์ศรีของเธอถูกบดขยี้ สติพังทลายลง ตอนนี้เธอแค่อยากจะตายไปพร้อมกับเขา! ฆ่าเขาแล้ว เธอก็จะฆ่าตัวตาย! เธอเป็นนักศึกษาแพทย์ดีเด่น เธอรู้ว่าแทงยังไงถึงจะทำให้เขาตายได้อย่างรวดเร็ว! เธอจับมีดไว้แน่น ในใจคิดว่าจะตัดหลอดเลือดส่วนไหนของเขาดี สายตาของเธอจับจ้องไปยังใบหน้าของเขา แสงสลัวจากข้างนอกทำให้สามารถมองเห็นโครงร่างใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาได้ไม่ชัดเจน เขากำลังหลับลึก คอของเขาถูกเปิดออกนอกผ้าห่ม ดึงดูดเธอ... มือของเธอที่ถือมีดยกขึ้นอย่างสั่นเทา แค่แทงเพียงครั้งเดียว ภายในครึ่งชั่วโมงเธอก็จะเป็นอิสระแล้ว! ขณะที่มีดกำลั
เสียงกรีดร้องของเธอดึงดูดความสนใจของบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างนอกอย่างรวดเร็ว! ทันทีที่เปิดประตู ไฟก็สว่างขึ้น! ภาพบนเตียงทำให้บอดี้การ์ดตกใจแทบช็อก! “หมอ! รีบไปตามหมอเร็ว!” บอดี้การ์ดตะโกนบอกคนข้างนอกแล้วรีบเดินไปที่เตียง ฉินอันอันร้องไห้และพูดกับบอดี้การ์ด “เอามือของเขาออก! รีบเอามือของเขาออกเร็ว!” ทีแรกบอดี้การ์ดคิดว่าฉินอันอันจะฆ่าฟู่สือถิง แต่เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเอามือฟู่สือถิงที่ถือมีดอยู่ออก! ดังนั้น ฟู่สือถิงจึงเป็นคนที่จับมีดในมือของฉินอันอันแทง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือฟู่สือถิงจะฆ่าตัวตาย หลังจากที่บอดี้การ์ดมือที่เปื้อนเลือดของฟู่สือถิงออก ฉินอันอันก็ลุกจากเตียงทันที หมอเข้ามาพร้อมกล่องยา ฉินอันอันคว้ากล่องยาจากมือของเขาแล้ววิ่งไปที่เตียงเพื่อหยุดเลือดให้ฟู่สือถิง! หมองง! ทำไมฉินอันอันถึงเดินเร็วขนาดนี้? ขาหายดีแล้วเหรอ? เธอคว้ากล่องยา...เธอคว้ากล่องยาไปแล้ว! หลังจากที่หมอรู้สึกตัวแล้ว เขาก็รีบเดินไปข้างเตียง ทันใดนั้น เขาก็ต้องตกใจกับมีดสั้นที่ปักอยู่ตรงหัวใจของฟู่สือถิง! และยังตกใจกับผ้าปูที่นอนและผ้านวมสีแดงเช่นกัน! “นี่ นี่...นี่!
บอดี้การ์ดและหมอรีบพาเขาออกไป เธอนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงพลางร้องไห้เสียงดัง ค่ำคืนนี้ยิ่งดึกขึ้นเรื่อย ๆ แต่เธอกลับตื่นตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน เธอได้ยินเสียงแห่งความเสียใจของตัวเองชัดเจน และได้ยินเสียงดังก้องของเฮลิคอปเตอร์ที่กำลังสตาร์ทอยู่บนดาดฟ้า ไม่นานเฮลิคอปเตอร์ก็หายไปในท้องฟ้ายามค่ำคืน มีเสียงฝีเท้าที่ประตูห้อง เธอไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง ไม่ว่าใครจะเข้ามา เธอก็ไม่สนใจแล้ว หลังจากชายคนนั้นเข้ามาเขาก็เดินตรงไปที่เตียงทันที เขาเอาผ้าห่มสะอาดในมือมาคลุมบนตัวเธอ จากนั้นก็หยิบมีดที่เปื้อนเลือดบนเตียงขึ้นมา “คุณฉิน ผมให้มีดนี้คุณเพื่อป้องกันตัวเอง ไม่ใช่เพื่อฆ่าคนนะ” พี่สามจำใจพูด “ผมจะเอามีดเล่มนี้คืน” ฉินอันอันสะอื้น “ฉันอยากฆ่าเขา...แต่ฉันไม่กล้าทำ...” “การกระทำของคุณทำให้เขาโกรธ” พี่สามพูดน้ำเสียงราบเรียบ “แล้วมันแตกต่างอะไรกับการที่คุณเอามีดจี้หัวใจเขา?” ฉินอันอันพูดไม่ออกหลังจากถูกซักถาม “แม่ของคุณเสียไปเมื่อปีที่แล้วใช่ไหม? คุณก็น่าจะรู้ว่าถ้าคนที่รักเสียชีวิต คนเราจะรู้สึกอ่อนไหวง่าย” พี่สามจุดบุหรี่แล้วชูไว้ระหว่างนิ้ว “แม่เขาเสียแล้ว พวกเราญาติพี่
เธอดูข่าวบนหน้าจอแล้วรู้สึกหายใจลำบาก ‘เขาเสียชีวิตแล้ว?’ ‘เป็นไปได้ยังไง...จะตายง่าย ๆ ขนาดนี้ได้ยังไง?’ ‘เมื่อคืนเธอห้ามเลือดให้เขาแล้ว! เฮลิคอปเตอร์ก็พาเขาส่งโรงพยาบาล และน่าจะได้รับการรักษาฉุกเฉินในทันที แล้วทำไมถึงช่วยเขาไว้ไม่ได้ล่ะ?’ ‘หรือว่าตอนที่เขาอยู่บนเฉลิคอปเตอร์ เขาจะฉีกผ้าพันแผลที่เธอพันให้ออก?’ ‘หรือตอนไปถึงโรงพยาบาล เขาไม่ยอมให้หมอรักษา?’ เธอสูดหายใจ น้ำตาพลันไหลอาบหน้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง เขาตายแล้วคือตายแล้ว! หมอสามารถช่วยคนไข้อาการสาหัสได้ แต่ไม่สามารถช่วยคนที่เสียชีวิตไปแล้วได้! เมื่อคืนตอนที่เธอมีความคิดจะฆ่าเขา เธอคิดว่าถ้าเขาตาย เธอก็จะเป็นอิสระ แต่พอผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบนั้น ทำไมกลับรู้สึกเสียใจมากขนาดนี้? ...... หลังจากข่าวการเสียชีวิตของฟู่สือถิงได้รับการเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต สื่อรายใหญ่ก็เริ่มเร่งเผยแพร่ข่าวที่เกี่ยวข้อง ไว้อาลัยให้กับฟู่สือถิง ปิดฉากตำนานรุ่นแรก! เอสทีกรุ๊ป อาณาจักรธุรกิจที่สร้างด้วยมือของฟู่สือถิงจะไปตกอยู่ที่ใคร? ฟู่สือถิง ความสำเร็จและความเศร้าโศกของเขา! เบื้องหลังการตายของฟู่สือถิงมีใครสมรู้ร่วม
ไมค์หยิบแก้วน้ำขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้นกับเจ้านายของคุณเหรอ? อย่ามาหาฉินอันอันทุกครั้งที่มีเรื่อง...” “เขาตายแล้ว” โจวจื่ออี้รู้สึกเสียใจมาก ไมค์ส่งเสียง พู่ และน้ำในปากก็พุ่งออกมา “อย่ามาล้อเล่นสิ คุณพูดว่าเขาตายแล้ว...เขาตายได้ยังไง?” “ไม่รู้ ในอินเทอร์เน็ตบอกว่าเขาตายแล้ว” ไมค์พูดไม่ออกเมื่อเห็นว่าเขาดูเหมือนจะมีน้ำตาไหลออกมาจึงวางแก้วน้ำลงแล้วเดินไปที่ห้องทันที “ไม่ต้องกังวล ผมจะโทรไปถามฉินอันอัน...เมื่อวานตอนเที่ยงเธอโทรหาผม บอกว่าเธอไม่ได้เจ็บมากแล้ว และเธอจะกลับมาในอีกไม่กี่วัน ตอนนั้นเธอไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับฟู่สือถิงเลย...” “เมื่อช่วงหัวค่ำของเมื่อคืนเกิดขึ้น” โจวจื่ออี้เดินตามเขาเข้าไปในห้อง “โทรศัพท์มือถือของเขาติดต่อไม่ได้ บอดี้การ์ดของเขาก็ไม่รับสาย ผมอยู่กับเขามาหลายปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” ไมค์เปิดโทรศัพท์ กดหมายเลขของฉินอันอัน และเปิดลำโพงในขณะเดียวกัน ใช้เวลารอสายสักพักก่อนที่สายจะถูกเชื่อมต่อ “ฉินอันอัน!” ไมค์รู้สึกกังวลใจตามโจวจื่ออี้ เขาเริ่มวิตกกังวล “ฉันได้ยินมาว่าฟู่สือถิงตายแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? คงไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอใช่ไหม
คฤหาสน์ในป่าลึก หลังจากไมค์จอดรถแล้วเขาก็เดินตรงไปที่ประตู บอดี้การ์ดหยุดเขาไว้ “ผมมารับฉินอันอัน!” ไมค์พูด “เจ้านายของคุณตายแล้ว บางทีคุณควรพิจารณาว่าต่อไปนี้จะมีใครจ่ายค่าจ้างให้คุณหรือเปล่า?” บอดี้การ์ดตกตะลึง อีกฝั่งของบันได แม่บ้านช่วยพยุงฉินอันอันลงไปชั้นล่าง เธอต้องการไปจากที่นี่ ฟู่สือถิงเสียชีวิตแล้ว เธออยากเจอเขาเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อไมค์เห็นฉินอันอัน เขาก็ผลักบอดี้การ์ดและวิ่งเข้าไปหาเธอทันที “ฉินอันอัน! ฉันมารับเธอกลับบ้าน!” ไมค์พยุงร่างฉินอันอันจากมือแม่บ้าน หลังจากช่วยเธอขึ้นรถแล้ว ไมค์ก็เหลือบไปเห็นขาของเธอ เธอสวมกางเกงนอนที่หลวมมาก จึงทำให้มองไม่เห็นแผลของเธอ “เมื่อกี้เธอเดินกะเผลกอยู่ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแผลของเธอใกล้หายแล้ว” ไมค์ขมวดคิ้วแล้วสตาร์ทรถ “ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาลก่อนจะเข้าบ้าน” ฉินอันอันคาดเข็มขัดนิรภัยไว้ที่หน้าอกด้วยมือทั้งสองข้าง ในใจรู้สึกว่างเปล่า “ฉินอันอัน ทนายของเขา...คงจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เธอใช่ไหม?” หลังจากที่รถขับออกไป ไมค์ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนถาม จริง ๆ แล้วไมค์เองก็ไม่ชอบฟู่สือถิง เพราะฟู่สือถิงทำไม่ดีกับฉิน
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง