เสียงกรีดร้องของเธอดึงดูดความสนใจของบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างนอกอย่างรวดเร็ว! ทันทีที่เปิดประตู ไฟก็สว่างขึ้น! ภาพบนเตียงทำให้บอดี้การ์ดตกใจแทบช็อก! “หมอ! รีบไปตามหมอเร็ว!” บอดี้การ์ดตะโกนบอกคนข้างนอกแล้วรีบเดินไปที่เตียง ฉินอันอันร้องไห้และพูดกับบอดี้การ์ด “เอามือของเขาออก! รีบเอามือของเขาออกเร็ว!” ทีแรกบอดี้การ์ดคิดว่าฉินอันอันจะฆ่าฟู่สือถิง แต่เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเอามือฟู่สือถิงที่ถือมีดอยู่ออก! ดังนั้น ฟู่สือถิงจึงเป็นคนที่จับมีดในมือของฉินอันอันแทง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือฟู่สือถิงจะฆ่าตัวตาย หลังจากที่บอดี้การ์ดมือที่เปื้อนเลือดของฟู่สือถิงออก ฉินอันอันก็ลุกจากเตียงทันที หมอเข้ามาพร้อมกล่องยา ฉินอันอันคว้ากล่องยาจากมือของเขาแล้ววิ่งไปที่เตียงเพื่อหยุดเลือดให้ฟู่สือถิง! หมองง! ทำไมฉินอันอันถึงเดินเร็วขนาดนี้? ขาหายดีแล้วเหรอ? เธอคว้ากล่องยา...เธอคว้ากล่องยาไปแล้ว! หลังจากที่หมอรู้สึกตัวแล้ว เขาก็รีบเดินไปข้างเตียง ทันใดนั้น เขาก็ต้องตกใจกับมีดสั้นที่ปักอยู่ตรงหัวใจของฟู่สือถิง! และยังตกใจกับผ้าปูที่นอนและผ้านวมสีแดงเช่นกัน! “นี่ นี่...นี่!
บอดี้การ์ดและหมอรีบพาเขาออกไป เธอนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงพลางร้องไห้เสียงดัง ค่ำคืนนี้ยิ่งดึกขึ้นเรื่อย ๆ แต่เธอกลับตื่นตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน เธอได้ยินเสียงแห่งความเสียใจของตัวเองชัดเจน และได้ยินเสียงดังก้องของเฮลิคอปเตอร์ที่กำลังสตาร์ทอยู่บนดาดฟ้า ไม่นานเฮลิคอปเตอร์ก็หายไปในท้องฟ้ายามค่ำคืน มีเสียงฝีเท้าที่ประตูห้อง เธอไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง ไม่ว่าใครจะเข้ามา เธอก็ไม่สนใจแล้ว หลังจากชายคนนั้นเข้ามาเขาก็เดินตรงไปที่เตียงทันที เขาเอาผ้าห่มสะอาดในมือมาคลุมบนตัวเธอ จากนั้นก็หยิบมีดที่เปื้อนเลือดบนเตียงขึ้นมา “คุณฉิน ผมให้มีดนี้คุณเพื่อป้องกันตัวเอง ไม่ใช่เพื่อฆ่าคนนะ” พี่สามจำใจพูด “ผมจะเอามีดเล่มนี้คืน” ฉินอันอันสะอื้น “ฉันอยากฆ่าเขา...แต่ฉันไม่กล้าทำ...” “การกระทำของคุณทำให้เขาโกรธ” พี่สามพูดน้ำเสียงราบเรียบ “แล้วมันแตกต่างอะไรกับการที่คุณเอามีดจี้หัวใจเขา?” ฉินอันอันพูดไม่ออกหลังจากถูกซักถาม “แม่ของคุณเสียไปเมื่อปีที่แล้วใช่ไหม? คุณก็น่าจะรู้ว่าถ้าคนที่รักเสียชีวิต คนเราจะรู้สึกอ่อนไหวง่าย” พี่สามจุดบุหรี่แล้วชูไว้ระหว่างนิ้ว “แม่เขาเสียแล้ว พวกเราญาติพี่
เธอดูข่าวบนหน้าจอแล้วรู้สึกหายใจลำบาก ‘เขาเสียชีวิตแล้ว?’ ‘เป็นไปได้ยังไง...จะตายง่าย ๆ ขนาดนี้ได้ยังไง?’ ‘เมื่อคืนเธอห้ามเลือดให้เขาแล้ว! เฮลิคอปเตอร์ก็พาเขาส่งโรงพยาบาล และน่าจะได้รับการรักษาฉุกเฉินในทันที แล้วทำไมถึงช่วยเขาไว้ไม่ได้ล่ะ?’ ‘หรือว่าตอนที่เขาอยู่บนเฉลิคอปเตอร์ เขาจะฉีกผ้าพันแผลที่เธอพันให้ออก?’ ‘หรือตอนไปถึงโรงพยาบาล เขาไม่ยอมให้หมอรักษา?’ เธอสูดหายใจ น้ำตาพลันไหลอาบหน้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง เขาตายแล้วคือตายแล้ว! หมอสามารถช่วยคนไข้อาการสาหัสได้ แต่ไม่สามารถช่วยคนที่เสียชีวิตไปแล้วได้! เมื่อคืนตอนที่เธอมีความคิดจะฆ่าเขา เธอคิดว่าถ้าเขาตาย เธอก็จะเป็นอิสระ แต่พอผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบนั้น ทำไมกลับรู้สึกเสียใจมากขนาดนี้? ...... หลังจากข่าวการเสียชีวิตของฟู่สือถิงได้รับการเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต สื่อรายใหญ่ก็เริ่มเร่งเผยแพร่ข่าวที่เกี่ยวข้อง ไว้อาลัยให้กับฟู่สือถิง ปิดฉากตำนานรุ่นแรก! เอสทีกรุ๊ป อาณาจักรธุรกิจที่สร้างด้วยมือของฟู่สือถิงจะไปตกอยู่ที่ใคร? ฟู่สือถิง ความสำเร็จและความเศร้าโศกของเขา! เบื้องหลังการตายของฟู่สือถิงมีใครสมรู้ร่วม
ไมค์หยิบแก้วน้ำขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้นกับเจ้านายของคุณเหรอ? อย่ามาหาฉินอันอันทุกครั้งที่มีเรื่อง...” “เขาตายแล้ว” โจวจื่ออี้รู้สึกเสียใจมาก ไมค์ส่งเสียง พู่ และน้ำในปากก็พุ่งออกมา “อย่ามาล้อเล่นสิ คุณพูดว่าเขาตายแล้ว...เขาตายได้ยังไง?” “ไม่รู้ ในอินเทอร์เน็ตบอกว่าเขาตายแล้ว” ไมค์พูดไม่ออกเมื่อเห็นว่าเขาดูเหมือนจะมีน้ำตาไหลออกมาจึงวางแก้วน้ำลงแล้วเดินไปที่ห้องทันที “ไม่ต้องกังวล ผมจะโทรไปถามฉินอันอัน...เมื่อวานตอนเที่ยงเธอโทรหาผม บอกว่าเธอไม่ได้เจ็บมากแล้ว และเธอจะกลับมาในอีกไม่กี่วัน ตอนนั้นเธอไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับฟู่สือถิงเลย...” “เมื่อช่วงหัวค่ำของเมื่อคืนเกิดขึ้น” โจวจื่ออี้เดินตามเขาเข้าไปในห้อง “โทรศัพท์มือถือของเขาติดต่อไม่ได้ บอดี้การ์ดของเขาก็ไม่รับสาย ผมอยู่กับเขามาหลายปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” ไมค์เปิดโทรศัพท์ กดหมายเลขของฉินอันอัน และเปิดลำโพงในขณะเดียวกัน ใช้เวลารอสายสักพักก่อนที่สายจะถูกเชื่อมต่อ “ฉินอันอัน!” ไมค์รู้สึกกังวลใจตามโจวจื่ออี้ เขาเริ่มวิตกกังวล “ฉันได้ยินมาว่าฟู่สือถิงตายแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? คงไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอใช่ไหม
คฤหาสน์ในป่าลึก หลังจากไมค์จอดรถแล้วเขาก็เดินตรงไปที่ประตู บอดี้การ์ดหยุดเขาไว้ “ผมมารับฉินอันอัน!” ไมค์พูด “เจ้านายของคุณตายแล้ว บางทีคุณควรพิจารณาว่าต่อไปนี้จะมีใครจ่ายค่าจ้างให้คุณหรือเปล่า?” บอดี้การ์ดตกตะลึง อีกฝั่งของบันได แม่บ้านช่วยพยุงฉินอันอันลงไปชั้นล่าง เธอต้องการไปจากที่นี่ ฟู่สือถิงเสียชีวิตแล้ว เธออยากเจอเขาเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อไมค์เห็นฉินอันอัน เขาก็ผลักบอดี้การ์ดและวิ่งเข้าไปหาเธอทันที “ฉินอันอัน! ฉันมารับเธอกลับบ้าน!” ไมค์พยุงร่างฉินอันอันจากมือแม่บ้าน หลังจากช่วยเธอขึ้นรถแล้ว ไมค์ก็เหลือบไปเห็นขาของเธอ เธอสวมกางเกงนอนที่หลวมมาก จึงทำให้มองไม่เห็นแผลของเธอ “เมื่อกี้เธอเดินกะเผลกอยู่ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแผลของเธอใกล้หายแล้ว” ไมค์ขมวดคิ้วแล้วสตาร์ทรถ “ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาลก่อนจะเข้าบ้าน” ฉินอันอันคาดเข็มขัดนิรภัยไว้ที่หน้าอกด้วยมือทั้งสองข้าง ในใจรู้สึกว่างเปล่า “ฉินอันอัน ทนายของเขา...คงจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เธอใช่ไหม?” หลังจากที่รถขับออกไป ไมค์ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนถาม จริง ๆ แล้วไมค์เองก็ไม่ชอบฟู่สือถิง เพราะฟู่สือถิงทำไม่ดีกับฉิน
ถ้าพ่อตายต้องไปเยี่ยมหลุมศพเขาไหม? “ถ้าเธออยากไปก็ไปได้เลย ฉันไม่ไป” หลังจากเสี่ยวหานพูดจบ เขาก็กลับเข้าไปในห้องเรียนด้วยสีหน้าเย็นชา “พี่...ฮือฮือ...หนูคิดถึงแม่...เมื่อไหร่แม่จะกลับมา?” รุ่ยลารีบตามเขาไปและดึงแขนเขาไว้ “เดี๋ยวแม่ก็กลับมาแล้ว” เสี่ยวหานมีลางสังหรณ์ ฟู่สือถิงตายแล้ว แม่จะได้ไม่ต้องกังวลอะไรอีกต่อไป ...... ไมค์ขับรถไปที่โรงพยาบาลตี้ซานและส่งฉินอันอันให้กับเว่ยเจิน ฉินอันอันเห็นเว่ยเจินจึงถามว่า “เขาอยู่โรงพยาบาลไหน?” เว่ยเจิน “โรงพยาบาลทั่วไป ข่าวล่าสุดที่ฉันได้รับก็คือตอนนี้หมอกำลังช่วยชีวิตเขาอยู่ อย่าเพิ่งกังวลไป” เว่ยเจินช่วยพยุ่งเธอขึ้นไปบนเตียงพยาบาล หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ฟื้นตัวจากอาการช็อกในที่สุด “พี่เว่ย พี่คิดว่าเขายังไม่ตายเหรอ?” เว่ยเจินถอนหายใจ “ฉันคิดว่าเขาช็อกไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่เขาได้รับการช่วยเหลือแล้ว และตอนนี้ก็ยังคงช่วยเขาอยู่” เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก เว่ยเจินเข็นเธอไปที่ห้องฉุกเฉินแล้วใช้กรรไกรตัดกางเกงของเธอออก ผ้าพันแผลถูกย้อมเป็นสีแดงทั้งหมด “อันอัน ทำไมเธอไม่ดูแลแผลเลย ปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้ยังไง?” เว่ยเจินขมวดคิ
ทนายความเห็นท่าทางมั่นใจของเซิ่งเป่ยแล้วพูดว่า “หลังจากที่แม่ของคุณฟู่เสียชีวิต เขาก็ขอให้ผมแก้ไขครับ” เซิ่งเป่ย “หา?” ทนายความ “ผมไม่ดื่มเหล้าและไม่กินข้าว หากมีความคืบหน้าเรื่องอาการของคุณฟู่ กรุณาแจ้งให้ผมทราบโดยเร็วที่สุดนะครับ” เซิ่งเป่ย “ครับ ผมจะไปส่งคุณ” หลังจากที่เซิ่งเป่ยส่งทนายออกไปแล้ว เขาก็ดูนาฬิกา เวลาผ่านไปไว้มาก จู่ ๆก็หนึ่งทุ่มแล้ว ฉินอันอันตื่นขึ้นมาหลังจากนอนหลับสนิท และรู้สึกสับสนในใจ “ฉินอันอัน ถึงบ้านแล้ว!” ไมค์เห็นเธอลืมตาขึ้นแล้วพูด “ฉันเพิ่งมาจากโรงพยาบาล ฟู่สือถิงยังไม่ตาย เขาถูกย้ายเข้าห้องไอซียู สื่อพวกนั้นต้องพอได้แล้ว! เขายังไม่ตาย กลับเขียนข่าวว่าเขาตายแล้ว!” ไมค์ช่วยพยุงฉินอันอันลุกขึ้น จู่ ๆ ฉินอันอันก็ตื่นตัว “นี่กี่โมงแล้ว?” ไมค์ช่วยพยุงเธอขึ้นนั่งบนรถเข็น “จะแปดโมงแล้ว เธอหิวเหรอ?” ฉินอันอันพยักหน้า เมื่อสองสามวันที่ผ่านมาเธอกินข้าวไม่อิ่มเลยสักมื้อ สิ่งที่เธอต้องการตอนนี้คือได้กินอาหารดี ๆ อาบน้ำ แล้วก็นอนหลับฝันดี เธอยังรู้สึกเวียนหัว นอนไม่หลับมาหลายวันแล้ว และอยากชดเชยให้หมดในคราวเดียว “ที่บ้านมีกับข้าว เรากลับไปกิ
เซิ่งเป่ยยืนเล่าสถานการณ์ให้เขาฟังอยู่ข้างเตียง หลังจากได้ยิน ใบหน้าของเขายังคงสงบนิ่ง ‘ก็จริง’ ‘เขากล้าตาย ยังมีอะไรที่เขายังปล่อยวางไม่ได้อีก?’ ‘ถ้าเขาตาย ก็มีคนมาช่วยเธอดูแลอิ๋นอิ๋นอยู่แล้ว’ หลังจากนั้นไม่นาน หมอก็เข้ามาตรวจร่างกายแล้วพูดว่า “คุณฟู่ ร่างกายของคุณอ่อนแอมาก คุณต้องเข้าอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาล ช่วงนี้หากคุณรู้สึกไม่สบาย คุณสามารถบอกผมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ” ฟู่สือถิงหลับตาลง เซิ่งเป่ยเรียกหมอออกไปคุยข้างนอก “เขาพ้นขีดอันตรายแล้วใช่ไหมครับ?” เซิ่งเป่ยถาม หมอ “ถ้าเขาให้ความร่วมมือในการรักษาก็ไม่น่าจะมีอะไร แต่สภาพจิตใจของเขาไม่แข็งแรงซึ่งเป็นอันตรายต่อการฟื้นตัวของเขา” เซิ่งเป่ยเม้มริมฝีปากแล้วพยักหน้า “ผมจะลองหาทางดูครับ” กว่าหนึ่งชั่วโมงต่อมา เซิ่งเป่ยพาอิ๋นอิ๋นไปโรงพยาบาล “อิ๋นอิ๋น พี่ของเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส เธอไปปลอบเขาหน่อย ตกลงไหม?” อิ๋นอิ๋นกระพริบตาและขมวดคิ้ว “ทำไมเขาถึงได้รับบาดเจ็บคะ?” “...มันเป็นอาการบาดเจ็บทางจิตใจ!” “บาดเจ็บทางจิตใจคืออะไรคะ?” “ก็คือ...เขาทะเลาะกับฉินอันอันอย่างรุนแรง” เซิ่งเป่ยบอกเธอด้วยอุปมาที่เข้าใจง่าย “ผลก