ทนายความเห็นท่าทางมั่นใจของเซิ่งเป่ยแล้วพูดว่า “หลังจากที่แม่ของคุณฟู่เสียชีวิต เขาก็ขอให้ผมแก้ไขครับ” เซิ่งเป่ย “หา?” ทนายความ “ผมไม่ดื่มเหล้าและไม่กินข้าว หากมีความคืบหน้าเรื่องอาการของคุณฟู่ กรุณาแจ้งให้ผมทราบโดยเร็วที่สุดนะครับ” เซิ่งเป่ย “ครับ ผมจะไปส่งคุณ” หลังจากที่เซิ่งเป่ยส่งทนายออกไปแล้ว เขาก็ดูนาฬิกา เวลาผ่านไปไว้มาก จู่ ๆก็หนึ่งทุ่มแล้ว ฉินอันอันตื่นขึ้นมาหลังจากนอนหลับสนิท และรู้สึกสับสนในใจ “ฉินอันอัน ถึงบ้านแล้ว!” ไมค์เห็นเธอลืมตาขึ้นแล้วพูด “ฉันเพิ่งมาจากโรงพยาบาล ฟู่สือถิงยังไม่ตาย เขาถูกย้ายเข้าห้องไอซียู สื่อพวกนั้นต้องพอได้แล้ว! เขายังไม่ตาย กลับเขียนข่าวว่าเขาตายแล้ว!” ไมค์ช่วยพยุงฉินอันอันลุกขึ้น จู่ ๆ ฉินอันอันก็ตื่นตัว “นี่กี่โมงแล้ว?” ไมค์ช่วยพยุงเธอขึ้นนั่งบนรถเข็น “จะแปดโมงแล้ว เธอหิวเหรอ?” ฉินอันอันพยักหน้า เมื่อสองสามวันที่ผ่านมาเธอกินข้าวไม่อิ่มเลยสักมื้อ สิ่งที่เธอต้องการตอนนี้คือได้กินอาหารดี ๆ อาบน้ำ แล้วก็นอนหลับฝันดี เธอยังรู้สึกเวียนหัว นอนไม่หลับมาหลายวันแล้ว และอยากชดเชยให้หมดในคราวเดียว “ที่บ้านมีกับข้าว เรากลับไปกิ
เซิ่งเป่ยยืนเล่าสถานการณ์ให้เขาฟังอยู่ข้างเตียง หลังจากได้ยิน ใบหน้าของเขายังคงสงบนิ่ง ‘ก็จริง’ ‘เขากล้าตาย ยังมีอะไรที่เขายังปล่อยวางไม่ได้อีก?’ ‘ถ้าเขาตาย ก็มีคนมาช่วยเธอดูแลอิ๋นอิ๋นอยู่แล้ว’ หลังจากนั้นไม่นาน หมอก็เข้ามาตรวจร่างกายแล้วพูดว่า “คุณฟู่ ร่างกายของคุณอ่อนแอมาก คุณต้องเข้าอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาล ช่วงนี้หากคุณรู้สึกไม่สบาย คุณสามารถบอกผมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ” ฟู่สือถิงหลับตาลง เซิ่งเป่ยเรียกหมอออกไปคุยข้างนอก “เขาพ้นขีดอันตรายแล้วใช่ไหมครับ?” เซิ่งเป่ยถาม หมอ “ถ้าเขาให้ความร่วมมือในการรักษาก็ไม่น่าจะมีอะไร แต่สภาพจิตใจของเขาไม่แข็งแรงซึ่งเป็นอันตรายต่อการฟื้นตัวของเขา” เซิ่งเป่ยเม้มริมฝีปากแล้วพยักหน้า “ผมจะลองหาทางดูครับ” กว่าหนึ่งชั่วโมงต่อมา เซิ่งเป่ยพาอิ๋นอิ๋นไปโรงพยาบาล “อิ๋นอิ๋น พี่ของเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส เธอไปปลอบเขาหน่อย ตกลงไหม?” อิ๋นอิ๋นกระพริบตาและขมวดคิ้ว “ทำไมเขาถึงได้รับบาดเจ็บคะ?” “...มันเป็นอาการบาดเจ็บทางจิตใจ!” “บาดเจ็บทางจิตใจคืออะไรคะ?” “ก็คือ...เขาทะเลาะกับฉินอันอันอย่างรุนแรง” เซิ่งเป่ยบอกเธอด้วยอุปมาที่เข้าใจง่าย “ผลก
หลีเสี่ยวเถียนกลัวว่าเธอจะเข้าใจตัวเองผิดจึงรีบพูดเสริม “อันอัน เขาไม่มาก็เรื่องของเขา เธอไม่มาไม่ได้นะ! เธอคือเพื่อนรักของฉัน ถ้าเธอไม่มา ฉันก็ไม่อยากแต่งแล้ว” ฉินอันนัน “ฉันต้องไปอยู่แล้ว หลีเสี่ยวเถียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ดีเลย! ฉันได้ยินมาว่าเธอได้รับบาดเจ็บที่ขา ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? ฉันอยากโทรหาเธอตั้งนานแล้ว… ก่อนหน้านี้ฟู่สือถิงไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอ ฉันก็กลัวว่าเธอจะอารมณ์ไม่ดีก็เลยไม่ได้โทรหา” “ขาของฉันดีขึ้นแล้ว” “งั้นดีเลย พรุ่งนี้เราไปชอปปิ้งกัน!” “มันยังไม่ได้ดีขนาดนั้น” ฉินอันอันเหลือบมองแผลที่ขาของตัวเอง ผ้ากอซถูกถอดออก เผยให้เห็นบาดแผลตกสะเก็ดแต่ยังเหลือร่องรอบน่ากลัว โชคดีที่ก่อนหน้านี้ซื้อกระโปรงยาวมา จึงสามารถปกปิดแผลได้ “แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ เธอไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่ถามเธอเรื่องฟู่สือถิงอีก” หลีเสี่ยวเถียนให้สัญญาก่อน “อืม” เช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนที่เด็ก ๆ จะไปโรงเรียนอนุบาล หลีเสี่ยวเถียนก็มา เธอไม่เพียงแต่จะเอาผลไม้ ขนม ของเล่น และเสื้อผ้าใหม่มาเท่านั้น แต่เธอยังหิ้วอาหารเช้าถุงใหญ่ติดมือมาอีกด้วย ฉินอันอันรู้สึกประหลาดใจ “เสี่ยวเถียน ไม่ขนาด
ในขณะนั้น แขกที่ฉินอันอันกล่าวก็มาถึงแล้ว รถบิวอิคก์สีดำจอดอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ ประตูรถเปิดออก บอดี้การ์ดสองคนลงจากรถก่อน หลีเสี่ยวเถียนจ้องมองด้านนอกโดยไม่กระพริบตา “นั่นใคร? มากับบอดี้การ์ดเยอะจัง!” ฉินอันอันลุกขึ้นจากโซฟาและเมื่อเดินผ่านหลีเสี่ยวเถียนก็ตอบว่า “จิ้นซือเหนียน” หลังจากทำกายภาพบำบัดเป็นเวลาหลายเดือน จิ้นซือเหนียนก็สามารถลุกขึ้นยืนได้ วันนี้เขามาเพื่อเยี่ยมฉินอันอันพร้อมกับครอบครัวของเขา และต้องการกล่าวขอบคุณเธอด้วยตนเอง จิ้นซือเหนียนสวมชุดกีฬาสีขาวดำ หมวกมีแก๊ป หน้ากากอนามัยและแว่นกันแดด เมื่อไปจะไม่เห็นลักษณะใบหน้าของเขา แต่รูปร่างที่สูงและบุคลิกที่ไม่ธรรมดาของเขากลับแสดงออกมา ทำให้เขาแตกต่างจากคนทั่วไป และทำให้ใคร ๆ ต่างตกตะลึง! “อันอัน ฉันกรี๊ดได้ไหม?!” ร่างกายของหลีเสี่ยวเถียนสั่นเล็กน้อย ฉินอันอัน “อย่าทำแบบนั้นจะดีที่สุด ฉันเกรงว่าเพื่อนบ้านจะไปแจ้งตำรวจเอา” หลีเสี่ยวเถียนต่อต้านแรงกระตุ้นภายในใจของเธอ จิ้นซือเหนียนและครอบครัวของเขาเข้าไปในห้องนั่งเล่นภายใต้การคุ้มกันของบอดี้การ์ด เมื่อจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอัน ไม่ทันได้ถอดหน้ากากอนาม
ตอนเที่ยง จิ้นซือเหนียนรับประทานอาหารกลางวันที่บ้านของฉินอันอันก่อนกลับ “อันอัน เธอไปนอนพักกลางวันแล้วตอนบ่ายค่อยไปตรวจร่างกาย ฉันจะพาเด็ก ๆ ออกไปเที่ยว โอเคไหม?” หลีเสี่ยวเถียนเห็นว่าอากาศดีและไม่อยากอยู่บ้าน “ฉันจะมาส่งเด็ก ๆ กลับก่อนหกโมงเย็นนะ” ฉินอันอันเห็นว่าเด็ก ๆ อยากออกไปข้างนอก เธอจึงไม่ปฏิเสธ “เสี่ยวเถียน จะรบกวนเธอมากเกินไปหรือเปล่า?” หลีเสี่ยวเถียน “ฃรบกวนอะไรกัน? พวกเขาไม่ใช่เด็กเล็กที่ฉันต้องอุ้มตลอดเวลาสักหน่อย… เวลาพาพวกเขาไปเที่ยวฉันไม่เหนื่อยเลย!” ฉินอันอันสั่งให้บอดี้การ์ดออกไปกับพวกเขาด้วย หลังจากพวกเขาออกไปแล้ว เธอก็กลับเข้าไปในบ้านและปิดประตู มีกล่องสีขาววางอยู่บนโต๊ะกาแฟในห้องนั่งเล่น กล่องนี้เป็นกล่องที่จิ้นซือเหนียนวางทิ้งไว้ มันคือของขวัญที่เขาตั้งใจมอบให้เธอ เขาบอกว่ามันเป็นเครื่องรางนำโชคของเขา มันไม่ใช่ของขวัญราคาแพง และเขาหวังว่ามันจะช่วยทำให้เธอโชคดี เธอทนปฏิเสธของขวัญราคาไม่แพงแต่มีความหมายแบบนี้ไม่ได้ เธอหยิบกล่องสีขาวแล้วกลับเข้าไปในห้อง ขณะที่นั่งลงข้างเตียง ไมค์ก็โทรมา “ฉินอันอัน อีกประมาณสองชั่วโมงฉันจะไปรับเธอที่บ้านนะ
ฉินอันอันส่ายหน้า “ฉันอยากออกไปเดินเล่นข้างนอก” “ถ้าเธอเจ็บขาก็บอกฉัน ห้ามฝืน” “ฉันรู้น่า” “ฉินอันอัน ถ้ารู้ว่ากลับมาแล้วพวกเราจะเจอปัญหามากมายขนาดนี้ ฉันไม่มีทางปล่อยให้เธอกลับมาตั้งแต่แรก” ไมค์ช่วยพยุงเธอขึ้นรถ “ตอนที่พวกเรายังอยู่ประเทศบี ทุกอย่างราบรื่น เธอไม่เคยทำให้ฉันต้องกังวล แต่พอเธอกลับมาประเทศบ้านเกิดของเธอ ไม่มีวันไหนที่เธอจะทำให้ฉันไม่ห่วงเธอเลย” ฉินอันอันรู้สึกผิดอย่างมาก “นายกลับประเทศบีไปเถอะ!” “ฉันไม่ได้หมายความแบบนี้!” “ฉันรู้ว่านายไม่ได้หมายความแบบนั้น ฉันคิดว่าฉันสามารถจัดการงานในประเทศนี้ได้ด้วยตัวเอง ถ้าอย่างนั้นทำไมนายไม่กลับประเทศบีล่ะ?…”“เธอต้องกลับไปกับฉัน” “ฉันไม่กลับ ฉันชอบประเทศบ้านเกิดฉันมากกว่า” ไมค์หัวเราะเยาะออกมา “งั้นฉันก็ไม่ไป เธออยู่ที่ไหน ฉันอยู่ที่นั่น” “นายทำใจแยกจากโจวจื่ออี้ไม่ได้ใช่ไหม?” “อยู่ดี ๆ จะไปพูดถึงเขาทำไม? เขาบล็อกฉันหมดทุกช่องทางแล้ว” ไมค์เหยียบคันแร่งขับรถออกไป “ไอ้สารเลวนั่นมีแต่เจ้านายเท่านั้นแหละที่อยู่ในใจ” ฉินอันอัน “ฉันขอโทษ!” “เธอขอโทษฉันทำไม? ถึงไม่มีเธอ เขากับฉันก็ยังมีปัญหาเรื่องนี้อยู่ดี! ถ้าเข
เธอท้อง! ตามอายุครรภ์จากรายงานการตรวจสุขภาพ เธอท้องในคืนที่ฟู่สือถิงแทงมีดเข้าไปในหัวใจของเขา ช่างน่าตลกจริง ๆ! เมื่อพวกเขาสองคนเข้าไปพัวพันกับสถานการณ์นี้แล้ว ผลลัพธ์ที่ได้คือเธอตั้งท้องลูกของเขา ในชั่วขณะนั้น เธอไม่มีคำพูดใดเลยที่จะสามารถอธิบายความตกใจภายในใจของเธอได้ เช่นเดียวกับตอนที่เธอตั้งท้องรุ่ยลาและเสี่ยวหาน เธอก็ปวดร้าวมากเหมือนกัน ตอนนั้นฟู่สือถิงหาเรื่องเพื่อจะได้หย่ากับเธอ ทว่าตอนนี้เธอมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว เธอสามารถเลี้ยงดูลูก ๆ ของเธอได้ ไม่ว่าจะเป็นหนึ่งคน สองคนหรือว่าสามคน แต่ว่าเรื่องนี้ต้องบอกเขาหรือเปล่า? ท้ายที่สุดแล้ว ตอนเสิ่นอวี๋แท้งลูกในท้อง เขาก็โยนความผิดใส่เธอและยังให้เธอคืนลูกให้พวกเขาด้วย ถึงแม้ตอนนี้พวกเขาจะไม่ติดต่อกันแล้ว แต่จะทำอย่างไรถ้าในอนาคตเขามารบกวนเธออีกครั้งเพราะเรื่องนี้? ไมค์เหลือบเห็นท่าทางตื่นตระหนกของเธอจากหางตา จึงรีบขยับเข้าไปใกล้เพื่อดูหน้าจอโทรศัพท์ของเธอเธอกดปุ่มเปิดปิดโทรศัพท์ แล้วหน้าจอก็ดับลงทันที “ผลการตรวจสุขภาพของเธอโอเคไหม? สีหน้าของเธอดูตกใจนิดหน่อย” ไมค์อยากเอาโทรศัพท์ของเธอมาดูทว่ากลับถูกเธอหลบเล
ชีวิตน้อย ๆ ได้ก่อกำเนิด ณ ที่แห่งนี้แล้ว แต่จนถึงตอนนี้ เธอกลับไม่ทันได้สังเกตเห็นเลยช่วงที่เธอตั้งครรภ์รุ่ยลากับเสี่ยวหานใหม่ ๆ อาการของเธอค่อนข้างชัดเจน เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ก็เกิดคำถามใหม่ขึ้นมา ขณะที่เธอตั้งท้องลูกคนนี้ ภาวะทางอารมณ์ของเธอแย่มาก ยิ่งไปกว่านั้นเพราะบาดแผลที่ขาจึงจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะจำนวนมาก เธอขมวดคิ้ว รู้สึกเจ็บปวดใจจนหายใจไม่ออก! ถึงตอนนี้เธอจะตั้งครรภ์ แต่ว่าเด็กคนนี้ก็คงจะไม่แข็งแรง! รถแท็กซี่จอดอยู่ที่ทางเข้าโรงพยาบาล ฉินอันอันจ่ายค่าโดยสารแล้วรีบร้อนลงจากรถทันที เธอนัดพบกับสูตินรีแพทย์ หลังจากคุณหมออธิบายแล้ว คุณหมอได้ให้แบบฟอร์มขอทำอัลตร้าซาวด์สีกับเธอ เธอนำเอกสารไปที่ห้องอัลตร้าซาวด์และรอ หลังจากรอประมาณสี่สิบนาทีก็ถึงคิวเธอ ครู่ต่อมา เธอถือแผ่นอัลตร้าซาวด์ออกมาจากโรงพยาบาล และเป็นไปตามที่เธอคาด เธอท้อง! เธอตั้งท้องลูกของฟู่สือถิงอีกครั้ง! ตอนนี้…ยังไม่รู้ว่าเด็กคนนี้แข็งแรงหรือไม่เพราะว่าเขายังเล็กเกินไป ถ้าหากไม่แข็งแรงจะถูกกำจัดออกไปเองตามธรรมชาติ ไม่ถึงสามเดือนก็จะแท้ง เป็นไปได้ว่าอาจจะไม่สามารถมีชีวิตรอดได้ในอีกสามเด