“เดี๋ยวนะ! ใครบอกเธอว่าห้องสแกนนิ้วไม่มีกล้องวงจรปิด”
สิรันถามพร้อมกับมองหน้าสองสาวนิ่ง
ผลัวะ!
จันจิราที่ผลักประตูห้องเข้ามาเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ หลังจากที่ทราบว่าหลานสาวของตนถูกเพื่อนในแผนกเดียวกันสาดกาแฟใส่
“เธอสองคนใช่ไหมที่ทำหลานฉัน”
“ค่ะ! หนูเป็นคนเอากาแฟสาดใส่กุ๊กเอง” มะลิฉัตรยอมรับ
“ไล่ออก! ให้สองคนนี้ออกจากงานเลยนะคุณสิรัน” จันจิราบอกเสียงดังอย่างเอาเรื่อง
“เอ่อ... สิเข้าใจนะคะว่ากุ๊กเป็นหลานของคุณจิรา แต่เราควรให้ความเป็นธรรมกับทุกคนค่ะ” สิรันบอกอีกฝ่ายอย่างใจเย็น
“หลานฉันโดนขนาดนี้ ฉันจะเอาเรื่องเด็กนั่นให้ถึงที่สุด” จันจิราบอกเสียงดังจนเล็ดลอดออกไปด้านนอกห้อง
“แจ้งความเลยไหมคะ? พอดีหนูมีเบอร์ผู้กำกับฯ อยู่ เดี๋ยวโทร.ให้เลยค่ะ” พิมาลาบอกพลางทำท่าจะล้วงมือถือออกจากกระเป๋าเสื้อ
“พิมาลา!” สิรันเอ่ยปรามก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปกันใหญ่
“ขอโทษค่ะหัวหน้า หนูแค่ทนฟังคนที่ตัดสินคนอื่นจากความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ คุณเห็นว่าหลานสาวของตัวเองเปียกไปด้วยน้ำกาแฟ แล้วคุณก็โกรธและตัดสินว่าพวกหนูผิด ประทานโทษนะคะคุณมองเห็นไหม? ว่าเพื่อนของหนูก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำแดงตั้งแต่หัวจดเท้าเหมือนกัน” พิมาลาลุกขึ้นยืนพร้อมกับชี้ให้อีกฝ่ายมองเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงตึงๆ
“นี่เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร มีตำแหน่งอะไรในโรงแรมนี้” จันจิรากัดฟันแน่น ตั้งแต่ทำงานมาไม่มีใครที่พูดจากับตนแบบนี้มาก่อน
“ไม่ทราบค่ะ หนูไม่ได้อยู่ฝ่ายบุคคล” พิมาลายิ้มก่อนจะยักไหล่สองข้างขึ้นพร้อมๆ กันอย่างไม่แคร์
“พิ!” มะลิฉัตรหน้าชาวาบเมื่อได้ยินประโยคกวนๆ ของเพื่อนที่เอ่ยออกไป
“กลัวอะไรเล่ามะลิ ผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จักแยกแยะถูกผิด เอาแต่พวกพ้องของตัวเองแบบนี้ มันน่านับถือหรือว่าน่าเกรงใจตรงไหนกัน”
“ไล่สองคนนี้ออกเดี๋ยวนี้!” จันจิราที่โดนถอนหงอกจนแทบจะหมดหัว ตะเบ็งเสียงดังด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“ใจเย็นๆ ค่ะป้าจิ” กุ๊กไก่รีบเข้าไปหาญาติผู้ใหญ่ที่กำลังโกรธจนหน้าแดงก่ำอย่างเป็นห่วงเป็นใย
“ถ้าเธอยังเก็บเด็กสองคนนี้ไว้! เธออยู่ยากแล้วสิรัน ไปยัยกุ๊ก กลับบ้าน!” จันจิราหันไปจ้องสิรันอย่างคาดโทษ ก่อนจะเดินออกไปด้วยสีหน้าตึงๆ
“ขอตัวก่อนนะคะหัวหน้า ไปสิไหมนั่งอยู่ทำไม!” กุ๊กไก่ยิ้มเยาะ สองสาวอย่างผู้ชนะ ‘หึ! บอกแล้วว่าอย่าลองดีกับคนอย่างกุ๊กไก่!’
“เอ่อ! ขอตัวค่ะ” สายไหมยกมือไหว้สิรันก่อนจะรีบเดินตาม เพื่อนรักออกไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
สิรันมองตามหลังจันจิราและสองสาวผ่านกระจกใสนิ่ง พยายามคิดหาวิธีต่างๆ ที่จะจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้น ‘เฮ้อ... เป็นผู้ใหญ่แล้วแท้ๆ แต่กลับก้าวก่ายหน้าที่การทำงานของแผนกอื่น! แถมยังให้ท้ายสองคนนั่น จนมองไม่เห็นหัวเราอีก แล้วแบบนี้จะมีกฎระเบียบเอาไว้ทำไมกัน’
“หัวหน้าไม่ต้องเครียดหรอกค่ะ ต่อให้เราสองคนทำงานต่อ เดี๋ยวก็โดนพวกนั้นแกล้งอีก ยังไงก็คงต้องออกจากงานอยู่ดี” พิมาลาบอกอย่างเข้าใจ
“ใช่ค่ะ! ขอบคุณหัวหน้ามากๆ นะคะ ที่สอนงานให้พวกหนู ขอบคุณค่ะ”
มะลิฉัตรบอกพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้หัวหน้าแผนก ที่เอ็นดูเธอทั้งสองคนมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาฝึกงาน จนกระทั่งเรียนจบแล้วได้เข้าทำงานที่นี่
“พวกหนูสองคนรักหัวหน้านะคะ” พิมาลาน้ำตาคลอ ขณะที่นึกไปถึงสิ่งดีๆ ที่สิรันได้เคยหยิบยื่นให้น้องๆ ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นประจำแทบทุกเดือน ทั้งเสื้อผ้า ขนม และของใช้ต่างๆ
สองสาวยกมือไหว้สิรัน ก่อนจะพากันเดินออกจากห้องไปที่แผนกบุคคล เพื่อเขียนใบลาออก
สิรันจ้องมองเด็กสาวสองคนที่ฝึกงานมากับมือร่วมหลายเดือน เดินออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกที่ตื้ออย่างบอกไม่ถูก ‘นี่เราจะปล่อยให้เด็กสองคนนี้ต้องออกจากงานจริงๆ เหรอ เราทำได้แค่มองดูแบบนี้น่ะเหรอ’
ครึ่งชั่วโมงต่อมา... ห้องผู้บริหาร
ก๊อกๆๆ
ธีรติ อัครเหมษ์ ผู้จัดการใหญ่โรคาซานเดอร์ แกรนด์ เงยหน้าขึ้นมองประตูห้อง ที่เลขานุการสาวใหญ่วัยสี่สิบห้าปีกำลังเปิดเข้ามาอย่างสนใจ
“มีเรื่องอะไรหรือครับ?”
ฉัตรนารียิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะบอกเรื่องสำคัญให้ผู้จัดการทราบ
“เอ่อ... คือว่า... คุณสิรันยื่นใบลาออกค่ะ”
“อะไรนะ?” ธีรติถามอย่างไม่เชื่อหู
“ที่ฝ่ายบุคคลไม่ยอมเซ็นอนุมัติให้ เลยต้องส่งต่อมาขอลายเซ็นจากผู้จัดการค่ะ” ฉัตรนารีเอ่ยพลางส่งเอกสารให้ผู้จัดการหนุ่มดู
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ” ชายหนุ่มถามด้วยสีหน้าตึงเครียด
ฉัตรนารีถอนใจ ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นภายใน แต่ทว่ากลับดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งที่ทำงาน ให้ผู้จัดการหนุ่มฟังคร่าวๆ
ฝ่ายบุคคล... ธาริณี หัวหน้าแผนกทำความสะอาด นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะห่างจากฝ่ายบุคคลไปห้าเมตร เดินเข้ามาถามเด็กสาวที่นั่งทำหน้าเศร้าๆ อยู่อย่างสนใจ หลังจากได้ยินข่าวแว่วๆ ที่แผนกต้อนรับดังมาเข้าหูเมื่อห้านาทีก่อน
“ชื่ออะไรเหรอหนู”
“เอ่อ... สวัสดีค่ะ หนูชื่อมะลิค่ะ” คนที่กำลังคิดว่าจะไปสมัครงาน ที่ไหนในวันรุ่งขึ้น หันมาตอบยิ้มๆ
“มาทำอะไรที่แผนกบุคคลเหรอจ๊ะ?” ธาริณีถามพลางสำรวจ อีกฝ่ายที่มีสภาพมอมแมมอย่างรู้สึกสงสาร
“หนูมากรอกใบลาออกค่ะ” มะลิฉัตรบอกเสียงเบา
“งานมีปัญหาเหรอ?” ธาริณีถามต่อ
“งานโอเคค่ะ ทั้งเงินเดือน ที่พัก อาหาร ไม่รู้ว่าออกจากที่นี่ไปแล้ว หนูจะหางานใหม่ที่ดีแบบนี้ ได้อีกหรือเปล่า” มะลิฉัตรบอกก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำที่หางตาทิ้งลวกๆ
“งั้นออกทำไมล่ะ”
“เอ่อ...”
“เพื่อนร่วมงานสินะ” ธาริณีสรุปให้
“ค่ะ” เธอเอ่ยรับเสียงเบา
“มาทำงานกับฉันไหม งานแม่บ้านอาจจะหนักหน่อย แต่เงินดีนะจะบอกให้”
“จะ... จริงเหรอคะ!” มะลิฉัตรหันไปถามอย่างสนใจ
“จริงสิ! ปกติอยู่หน้าเคาน์เตอร์ได้เดือนหนึ่งเท่าไหร่”
“เงินเดือนหมื่นเจ็ดค่ะ”
“เงินเดือนเมดหมื่นห้า แต่ได้ทิปเดือนหนึ่งเกือบหมื่น บางเดือนก็หมื่นกว่าแน่ะ” ธาริณีเปิดเผยตัวเลขให้หญิงสาวฟัง
“โห... ” มะลิฉัตรอุทานด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“สนใจไหมล่ะ! คนขาดพอดีเลย”
“สนใจมากๆ เลยค่ะ”
“เยี่ยม! แต่หนูจะโอเคไหม ที่เคยทำงานต้อนรับแล้วมาเป็นเมด ทำความสะอาดน่ะ”
“โอเคค่ะ! หนูไม่เกี่ยงงาน” เธอบอกด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
“งั้นก็รับนี่ไปจ้ะ” ธาริณีบอกพร้อมกับยื่นใบสมัครที่ซ่อนเอาไว้ด้านหลังให้กับหญิงสาวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรยกมือไหว้อย่างซาบซึ้งใจ เพราะตราบใด ที่เธอและเพื่อนยังทำงานที่โรคาซานเดอร์ แกรนด์ เธอก็ยังมีสิทธิ์ที่จะพัก ที่หอตามเดิม ซึ่งนั่นจะทำให้เธอและเพื่อนเซฟเรื่องค่าใช้จ่ายไปได้มาก
“สวัสดีค่ะ” พิมาลาที่เพิ่งไปเข้าห้องน้ำมา ยกมือไหว้หัวหน้าของเมดในโรงแรมด้วยสีหน้ายิ้มๆ เธอเคยเจออีกฝ่ายอยู่สองสามครั้งตอนไปซื้อกาแฟที่ร้านประจำ
“สวัสดีจ้ะหนู” ธาริณีหันมารับไหว้เด็กสาว ก่อนจะมองเลขานุการใหญ่ที่เดินตรงมาทางด้านหลังอย่างรู้สึกแปลกใจนิดๆ
“สวัสดีค่ะคุณณี” ฉัตรนารีเอ่ยทักทายอย่างคุ้นเคย
“สวัสดีค่ะคุณฉัตรมีอะไรกับณีหรือเปล่าคะ” ธาริณีเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย
“คือฉัตรมาตาม คุณพิมาลากับคุณมะลิฉัตร ไปหาผู้จัดการน่ะค่ะ”
ฉัตรนารีบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ พลางจ้องมองสองสาวนิ่งอย่างตกตะลึงในความสวย ‘เด็กสองคนนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ หน้าตาสวยกว่าดาราเสียอีกแน่ะ’
“นี่ข่าวไปถึงหูคุณธีรติแล้วเหรอ?” ธาริณีถามต่อ
“แหม! เดี๋ยวพักเบรกเจอกันที่ร้านเดิมนะคะ” ฉัตรนารียิ้มก่อนจะทำท่าเหมือนไม่สะดวกจะเมาท์มอยในตอนนี้
“ได้!” ธาริณีหัวเราะในลำคออย่างเข้าใจ
“เชิญค่ะ” ฉัตรนารีพยักหน้าให้สองสาวออกเดินตาม
“เอ่อ... เดี๋ยวหนูกลับมานะคะ” มะลิฉัตรรีบหันไปบอกอีกฝ่าย
“จ้ะ! ฉันจะเก็บใบสมัครเอาไว้ให้นะ” ธาริณีบอกยิ้มๆ
“ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรยกมือไหว้อีกครั้งก่อนจะเดินตามเพื่อนและเลขานุการใหญ่ไปด้วยสีหน้าตื่นๆ
ห้านาทีต่อมา...
สองสาวเดินตามฉัตรนารีมาจนถึงหน้าห้องของผู้จัดการใหญ่ที่ดูแลโรคาซานเดอร์ แกรนด์ สาขาในไทยทั้งหมดด้วยความรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
ฉัตรนารีหันมามองสองสาวยิ้มๆ ก่อนจะบอก
“เข้าไปได้เลยค่ะ คุณธีรออยู่”
“คะ... ค่ะ” มะลิฉัตรกับพิมาลารับคำเสียงสั่น ก่อนจะเคาะประตูห้องสองครั้ง แล้วเปิดประตูเข้าไป
“เชิญนั่งครับ” ธีรติละสายตาจากหน้าจอโน้ตบุ๊กขึ้นมองสองสาวที่ใบหน้าสะสวยไปคนละแบบอย่างทึ่งๆ
“มีเรื่องอะไรอีกหรือคะ” มะลิฉัตรถามพลางมองดูรูปของชายหญิงคู่หนึ่ง ที่ยังคงดูสง่างามและภูมิฐาน แม้ว่าอายุน่าจะล่วงเลยเข้าวัยห้าหรือหกสิบไปแล้ว ‘นี่คงเป็นรูปเจ้าของโรงแรมสินะ!’“ผมทราบเรื่องที่เกิดขึ้นคร่าวๆ จากคุณสิรัน และก็เปิดดูกล้องมาแล้ว ผมไม่อยากให้พนักงานมีปัญหากันในที่ทำงาน เพราะมันจะทำให้งานพังและเดือดร้อนเพื่อนร่วมงานที่ออกเวรไปแล้ว ต้องกลับเข้ามาทำงานต่อแทนพวกคุณ ฉะนั้นเพื่อตัดปัญหาทุกอย่าง ผมจะให้คุณทั้งสองคนมาเป็นผู้ช่วยเลขาฯ ที่หน้าห้องแทน พวกคุณโอเคไหม?”ผู้จัดการหนุ่มยื่นข้อเสนอ ตอนนี้พนักงานทั้งบริษัทกำลังลุ้นผลว่าการที่จันจิราออกโรงปกป้องหลานสาว และฉีกหน้าสิรันที่ห้องทำงาน จนอีกฝ่ายทนไม่ไหวขอยื่นใบลาออกนั้น เขาจะจัดการกับปัญหานี้ยังไง“เอ่อ... แต่คุณจิราไล่พวกเราออกแล้วนะคะ” พิมาลาท้วงด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ“ผมเป็นผู้จัดการ คำสั่งของผมถือเป็นที่สุด โอเค้!” ธีรติยกยิ้มนิดเมื่อจ้องมองสาวแกร่ง ที่คอยปกป้องเพื่อนในเทปบันทึกภาพที่สิรันส่งมาให้อย่างขำๆ ‘ท่าทางตอนนั้นกับตอนนี้ต่างกันลิบเลยนะพิมาลา!’“อะ... โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะที่ยังให้เราสองคนทำงานต่อ” พิมาลายิ้มกว้างอย่างดีใจ“เ
Rocasander Grand Hotelมะลิฉัตรวิ่งเข้าประตูด้านหลังของโรงแรมดั่งเช่นทุกครั้ง ก่อนจะตรงไปที่ลิฟต์และกดขึ้นไปยังชั้นบนสุดอย่างเร่งรีบติ๊ง!ทันทีที่มาถึงยังสถานที่ต้องห้าม เธอก็ตรงไปยังประตูบานใหญ่ พร้อมกับกดรหัสที่ธาริณีบอกลงยังแป้นพิมพ์ และเพียงเสี้ยวนาทีที่ประตูบานใหญ่เปิดออก เธอถึงกับอึ้งและตกตะลึงในความงดงามภายในห้อง ที่ตกแต่งด้วยสไตล์คลาสสิก โดยผสมผสานความหรูหราเอาไว้ได้อย่างลงตัว ในแบบที่ไม่เคยพบเคยเห็นที่ไหนมาก่อน“ว้าว! อย่างกับสวรรค์แน่ะ!” เมดสาวอุทานออกมาราวกับคนกำลังละเมอ ขณะที่เดินไปยังห้องนอนใหญ่ทางด้านปีกขวาตามที่หัวหน้าแผนกได้บอกเอาไว้ ด้วยหัวใจสั่นๆ“แม่เจ้า! เตียงใหญ่ขนาดนี้ คนหรือว่ายักษ์นอนกันนะ!” เธอเอ่ยเสียงดังอย่างตื่นเต้น ก่อนจะหลับตาแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงกว้าง อย่างหลงลืมตัวไปชั่วขณะ“กรี๊ดดดด” หญิงสาวถูไถใบหน้าไปมากับที่นอนแสนนุ่ม ก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมาอย่างชอบใจ กับความยืดหยุ่นที่ทำให้ตัวของเธอเด้งไปมาเหมือนได้เล่นสไลเดอร์ของเด็กๆเอี๊ยดดดดดเสียงเบรกรถที่ดังอยู่ด้านหน้าของโรงแรม ทำให้พนักงานต่างพากันหันมามองตามเสียงกันเป็นแถว“เอารถไปเก็บเร็ว!” ธีรติบอกก่อนจะ
“พูดบ้าอะไรมะลิ! นี่คุณเลโอนาดท์ โรคาซานเดอร์ เจ้าของโรงแรมนี้นะ!” ธาริณีสะบัดแขนจากการจับกุมของเด็กสาว แล้วรีบเดินเข้าไปหาบอสใหญ่ที่กำลังยันตัวลุกขึ้น“จะ... เจ้าของโรงแรม” มะลิฉัตรอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง! รู้สึกตัวชาวาบตั้งแต่ศีรษะยันปลายเท้าขึ้นมาทันใด“ใช่! แล้วนี่ก็ห้องพักของฉัน” เลโอนาดท์เสริมต่อด้วยน้ำเสียงเข้มๆ พลางจ้องมองใบหน้างามที่ซีดลงไปถนัดตาอย่างรู้สึกสะใจขึ้นมานิดๆ“เอ่อ... คือว่า... คือว่า...” สาวเจ้าอึกอักขึ้นมาทันใด“ณีกราบขอโทษท่านด้วยนะคะ ที่เด็กใหม่ เอ่อ... เสียมารยาท”ธาริณีรีบขอโทษอย่างร้อนใจ!“หึ! แต่เมื่อกี้ตอนที่ผมเข้ามา ผมเห็นเธอกำลังกระ... โดด”“ทะ... ทำความสะอาดค่ะ คือไอ้สิง เอ๊ย! ท่าน ขะ... เข้ามาตอน ที่มะลิกำลังทำความสะอาดน่ะค่ะ” มะลิฉัตรรีบแก้ตัว ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มด้วยสายตาวิงวอน!“พระเจ้า! เมื่อกี้เธอกำลังทำความสะอาดอยู่อย่างนั้นเหรอ?”เลโอนาดท์เดาอาการของสาวเจ้าอย่างรู้ทันว่าอีกฝ่ายคงกลัวหัวหน้าจะรู้เรื่องที่ขึ้นไปกระโดดเล่นเหยงๆ บนเตียง“ชะ... ใช่ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยรับเสียงสั่น“ปกติคุณทำความสะอาดที่นี่แค่คนเดียวไม่ใช่เหรอธาริณี!” เลโอนาดท์หันไปถามคน
“เธอนั่นแหละที่พูดไม่รู้เรื่อง! อยากให้ฉันใช้ภาษากายสื่อสารแทนไหมล่ะ บางทีมันอาจจะทำให้เธอเข้าใจอะไรๆ ง่ายขึ้น!”“ไม่มีทางเด็ดขาด อ๊ะ! ปล่อยนะไอ้คนบ้า” มะลิฉัตรกรีดร้อง เสียงหลงเพราะถูกคนปากว่ามือถึงรวบตัวแล้วอุ้มลอยขึ้น“เธอมีปัญหากับการสื่อสารนะรู้ตัวไหม?” เลโอนาดท์เอ่ยก่อน จะอุ้มสาวเจ้าเดินตรงไปยังอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่“ปล่อยเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นคุณเจ็บตัวแน่ๆ” มะลิฉัตรโกรธจนหน้าแดงก่ำที่ถูกลวนลาม ‘หึ! เจ้าของโรงแรมก็เจ้าของโรงแรมเถอะวะ ตายเป็นตาย!’ หญิงสาวเตรียมท่าพร้อมจะสู้“หึ! เธอจะทำอะไรฉันเหรอ” เลโอนาดท์ยิ้มยั่วอย่างนึกสนุก“ก็จะทำแบบนี้ไง” เธอบอกพร้อมกับฝังฟันซี่เล็กๆ ลงที่ต้นคอของอีกฝ่ายอย่างไม่รอช้า“อ๊ากกกกกก” เลโอนาดท์ร้องลั่น เจ็บจนเนื้อเต้น แต่ก็ยังอุ้มสาวเจ้าเอาไว้ไม่ยอมปล่อยเมดสาวถอนฟันซี่เล็กออกจากต้นคอหนา มองดูสิงโตหนุ่มแหกปากร้องคำรามอย่างสะใจ “ฉันเตือนคุณแล้วนะ”“หึ! กลัวตายละ” เลโอนาดท์กะพริบตาไล่หยดน้ำที่ปริ่มๆ ดวงตา ก่อนจะอุ้มสาวเจ้าเดินตรงไปยังอ่างอาบน้ำอย่างรวดเร็ว“ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ! นี่คุณอยากเจ็บตัวอีกใช่ไหม?” เธอเริ่มกลัวขึ้นมานิดๆ หลังจากที่เห็นอีกฝ่าย
ฟองสบู่ที่ค่อนข้างเยอะ ทำให้บดบังขีปนาวุธขนาดเขื่องที่กำลังพร้อมรบเอาไว้ได้ เลโอนาดท์รีบจัดระเบียบช่วงล่างให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะหันไปบอกเมดสาว“หันมาได้”“เอ่อ... มะลิขอไปใส่เสื้อก่อนได้ไหมคะ” คนที่เหลือแต่บราและกระโปรงตัวเดียวบอกอย่างรู้สึกอาย กลัวว่าอีกฝ่ายจะเจ้าเล่ห์แอบหันมามองหน้าอกของเธอ“ไม่ต้อง! ฉันนั่งเครื่องมานาน ฉันอยากอาบน้ำ ทานข้าว แล้วก็นอนพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้เช้าต้องเข้าประชุมใหญ่ และถ้าเธอยังประวิงเวลาออกไปเรื่อยๆ บางทีฉันอาจจะเปลี่ยนใจแล้วทำเหมือนเมื่อกี้กับเธออีก! และครั้งนี้มันคงจะหยุดไม่ได้ เข้าใจใช่ไหม?” เลโอนาดท์เอ่ยเตือนคนที่ทำท่าจะยึกยัก ขณะเดียวกันก็แอบท้วงตัวเองในใจอย่างหงุดหงิด‘นี่เราต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่อยากให้ยัยนี่อาบน้ำและสระผมให้’“ขะ... เข้าใจแล้วค่ะ” มะลิฉัตรตอบก่อนจะค่อยๆ หันกลับ ก็เห็นแผ่นหลังกว้างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามหนั่นแน่นของอีกฝ่ายชัดๆ‘พระเจ้า! คนหรือยักษ์เนี่ย’“รีบลงมือเร็วๆ สิ! เดี๋ยวเธอยังต้องทำอาหารให้ฉันทานอีก” คนที่เพิ่งจะข่มอารมณ์หื่นให้สงบ ต่อว่าด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน“ค่ะท่าน” มะลิฉัตรเอ่ยรับเบาๆ อย่างทำใจ“หึ! เรียกท่านได้แล้
พรึ่บ!“กรี๊ดดดดดด” เมดสาวกรีดร้องขึ้นสุดเสียงเมื่อรู้ว่ากระโปรงของเธอลงไปกองที่ผิวน้ำ จึงหันกลับไปตวัดฝ่ามือลงบนใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างไม่รอช้าเพียะ!เลโอนาดท์ที่หน้าหันไปตามแรงตบ ค่อยๆ หันกลับมามองหญิงสาวด้วยสายตาแดงก่ำ ขณะที่รอยนิ้วแดงๆ เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาจางๆ“พระเจ้า! ฉันเตือนเธอแล้วนะ!”“ไปตายซะไอ้คนสารเลว! อ๊ะ... อื้อ...” เธอตะโกนด่ายังไม่ทันขาดคำก็ถูกสิงโตหื่นบดขยี้จูบที่เร่าร้อนและเนิ่นนานเข้าอีกครั้ง‘เธอไม่น่าไว้ใจคนอย่างเขาเลย’ มะลิฉัตรต่อว่าตัวเอง ขณะที่ฝ่ามือหนาๆ ลูบไล้ไปทั่วทุกสัดส่วนอย่างถือดีเลโอนาดท์อุ้มสาวเจ้าลอยขึ้น แล้วรีบเดินตรงไปยังเตียงขนาด คิงไซส์ที่อยู่ด้านนอก“ฮึก! คะ... คุณจะทำอะไรฉัน”เธอเอ่ยทั้งน้ำตา เมื่อร่างหนาวางเธอลงบนเตียง แล้วตามขึ้นมาทาบทับไม่ให้เธอขยับดิ้นหนีไปไหนได้“ก็ทำให้เธอเลิกดื้อยังไงล่ะ!” เลโอนาดท์บอกพร้อมกับดึงบรา ที่โอบอุ้มดอกบัวงามออก“อ๊ะ! กรี๊ดดดดด” เมดสาวร้องเสียงดัง เมื่อริมฝีปากหนาสัมผัสลงยังปลายถันและดูดกลืนราวกับคนที่หิวกระหาย“อื้อ...” เลโอนาดท์ครางอย่างขัดใจเมื่อข้อมือบางพยายามจะผลักใบหน้าของตนออก“ฮือๆๆ ฉะ... ฉันจะ
“งั้นไปหาแหวนมาคุกเข่าขอฉันแต่งงานสิ! บางทีฉันอาจจะยอมคุณ!” มะลิฉัตรบอกข้อแลกเปลี่ยนที่ไม่มีทางเป็นไปได้“หึ! ฉันให้สิบล้านค่าตัวเธอ” เลโอนาดท์ยกยิ้มมุมปากพร้อมกับจ้องมองสาวตรงหน้าด้วยสายตาแพรวพราว“คนอย่างคุณคงไม่มีทางรู้จักคำว่ารักหรอก! รู้อะไรไหม? ต่อให้คนที่คุกเข่าขอฉันแต่งงาน จะเป็นแค่ยามหน้าโรงแรม เงินเดือนแค่หมื่นกว่าๆ ฉันก็ยินดีจะแต่งกับเขา แม้ว่าเขาจะไม่มีแหวนแต่งงานมาขอก็ตาม”มะลิฉัตรเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด เมื่อถูกอีกฝ่ายประเมินค่าเป็นเงินตรา“ฉันไม่ใช่ยาม โอเค้! และฉันสามารถซื้อแหวนเพชรเป็นร้อยๆ วงให้เธอได้” เลโอนาดท์บอกต่ออย่างหน้ามึน ‘พระเจ้า! ให้ขนาดนี้ยังไม่พอเหรอวะ’“นี่ฉันอธิบายไม่ชัดตรงไหน! มันไม่ได้เกี่ยวกับแหวน แต่มันเกี่ยวกับความรู้สึกต่างหาก! ให้ตายสิ! คุณเคยรักผู้หญิงสักคนไหม”“ไม่! ไม่เคยถามชื่อเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าพวกเธออายุเท่าไหร่ อยู่ประเทศไหน แค่เซ็กส์ร้อนๆ แล้วจบที่ค่าตัว!” เลโอนาดท์บอกด้วยท่าทีสบายๆ เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคยมาตลอดชีวิต“งั้นคุณก็ไปเรียกหาพวกเธอสิ! จะมายุ่งกับพนักงานทำความสะอาดอย่างฉั
“มะลิเดี๋ยว! หยุดก่อน มะลิ!” เลโอนาดท์ตะโกนบอกคนที่วิ่งหน้าตั้งให้หยุด“กรี๊ดดด อย่าตามนะไอ้โรคจิต”เมดสาววิ่งเร็วขึ้นทันทีที่เห็นอีกฝ่ายวิ่งตาม อารมณ์และสถานการณ์ต่างๆ มันดูคล้ายกับเหยื่อสาวบริสุทธิ์ที่กำลังวิ่งหนีฆาตกรโรคจิตอย่างไรอย่างนั้น“ให้ตายเถอะ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” สิงโตหนุ่มเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น“ฉะ... ฉันลาออก! ฉะ... ฉันจะไม่ทำงานที่นี่อีกแล้ว” สาวเจ้าวิ่งไปตะโกนไปอย่างเริ่มจะสับสนว่าประตูทางออกอยู่ตรงไหน เพราะเธอวิ่งวนกลับมาที่หน้าห้องของอีกฝ่ายเป็นรอบที่สองแล้ว“ใจเย็นๆ สิ ฉันก็แค่ปลดปล่อยความต้องการที่อัดอั้นและค้างคามาจากเธอ ก็แค่นั้น!” ลีโอนาดท์บอกหลังจากที่คว้าร่างบางเข้ากอดไว้ได้“อ๊ะ ปล่อยฉันนะ!” สาวเจ้าร้องเสียงหลงเมื่อถูกจับได้“เราต้องคุยกัน” เขาบอกเสียงจริงจัง พร้อมกับหมุนร่างบางให้ หันมาเผชิญหน้า“กะ... ก็เรื่องของคุณสิ! แต่ฉันกลัว ฉันรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้คะ... คุณทำให้ฉันสติแตก”“เธอก็ทำฉันส