“โธ่! นึกว่าจะแน่” สายไหมยิ้มเหยียดๆ ใส่สองสาว ทั้งที่ในใจก็กลัวว่าพิมาลาจะเอากาแฟสาดใส่ตนกับเพื่อน
“แกอยู่ยากแล้วนังมะลิ ระวังตัวให้ดีๆ” กุ๊กไก่บอกพร้อมกับชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างคาดโทษ
“เป็นแค่เด็กกำพร้าน่ะ! หัดเจียมตัวเอาไว้ซะบ้างสิ คุณคเชนทร์เขาคงไม่บ้าเอาเธอไปเป็นคุณนายผู้กำกับฯ หรอก หึ!”
สายไหมรีบดึงแขนของเพื่อนสาวเดินออกไป เพราะใกล้เวลาที่หัวหน้าแผนกจะมาตรวจงาน
“เด็กกำพร้าแล้วมันหนักส่วนไหนไม่ทราบฮะ! อีไหมขัดฟัน!” พิมาลาตะโกนตามหลังด้วยสีหน้าเดือดดาล
“ช่างเถอะพิ!” มะลิฉัตรปราม กลัวเสียงจะเล็ดลอดออกไปด้านนอกให้คนอื่นได้ยิน
“พวกมันทำแบบนี้มากี่ครั้งแล้วฮะมะลิ” พิมาลาหันมาถามคนข้างๆ ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
มะลิฉัตรถอนหายใจอย่างเพลียๆ ก่อนจะตอบ “ก็หลายครั้งอยู่ เราอยากจะลุกขึ้นสู้นะ อยากลองต่อยปากเสียๆ นั่นดูสักครั้ง! แต่พอนึกไปถึงหน้าน้องกับแม่แล้ว เราทำไม่ได้ เพราะที่นี่ให้เงินเดือนเยอะกว่าที่อื่นแถมสวัสดิการต่างๆ ก็ดี อะไรที่ทนได้ก็ทนไปก่อน”
“แต่เธอก็รู้ว่ามันไม่จบอยู่แค่นี้แน่ๆ”
“เอาน่า! ถ้าวันไหนที่มันไม่ไหวแล้วจริงๆ เราจะสู้ให้สุดใจขาดดิ้นไปเลยดีมะ”
“เฮ้อ... ก็เป็นซะแบบนี้!” พิมาลาบอกก่อนจะวางนิ้วลงที่แป้นสแกน จากนั้นก็เอากระเป๋าเข้าไปเก็บในล็อกเกอร์
“พักเบรกวันนี้เราไปกินส้มตำที่ร้านข้างตึกกันนะ” มะลิฉัตรรีบเปลี่ยนเรื่องคุย เมื่อเห็นเพื่อนยังไม่หายหน้าบูดบึ้ง
“อืม! ว่าแต่วันนี้ผู้กำกับฯ จะมาไหมนะ?”
“เฮ้อ...” มะลิฉัตรกลอกตาอย่างเซ็งๆ เมื่อได้ยินเพื่อนเอ่ยถึงชายหนุ่มผู้เป็นสาเหตุทำให้เธอเกือบโดนตบเมื่อครู่ ‘ก็เพราะเรื่องนี้แหละที่ทำให้อยู่ยาก’
“เธอไม่ชอบคุณคเชนทร์เหรอมะลิ ฉันว่าเขาหล่อบาดใจออก” พิมาลาถามต่ออย่างนึกสนุกเมื่อเห็นอาการของเพื่อนสาว
“ไม่อะ! ตอนนี้ฉันสนใจงานกับเงินเดือนที่จะต้องเก็บมากกว่า”
“อ๊ะ! แต่คุณคเชนทร์ฐานะร่ำรวยนะ เป็นฉันจะรีบคว้าเอาไว้เลย” พิมาลาที่เริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างเอ่ยแซว
“ได้โปรด... เปลี่ยนเรื่องคุยกันได้ไหมคะคุณพิ” มะลิฉัตรบอกด้วย สีหน้าเพลียๆ
“คิกๆๆ อายเหรอ” พิมาลายิ้มกว้างเมื่อเห็นเพื่อนหน้าแดง
“อายบ้าอะไรล่ะ!”
มะลิฉัตรบอกก่อนจะรีบคว้าแก้วกาแฟเดินออกไปวางที่ใต้เคาน์เตอร์ด้านหน้า พิมาลายิ้มก่อนจะรีบเดินตามเพื่อนสาวออกไปอย่างชอบใจที่เห็นอีกฝ่ายทำท่าทางขึงขังกลบเกลื่อนอาการเขินอาย
เช้าวันต่อมา... Rocasander Grand Hotel
มะลิฉัตรกับพิมาลาแวะซื้อกาแฟที่ร้านประจำก่อนจะเดินตรงไปยังทางเข้าด้านหลังสำหรับพนักงาน เพื่อเข้าทำงานเหมือนปกติ
“มะลิไปก่อนนะ เราขอแวะรดน้ำดอกไม้แป๊บ” พิมาลาสะกิดบอกเมื่อเดินผ่านห้องน้ำ
“อืม! รีบๆ มานะเหลืออีกไม่กี่นาทีแล้ว” มะลิฉัตรบอกอย่างขำๆ กับคารมคมคายของเพื่อน
“จะทำสถิติเลยจ้า” พิมาลาบอกก่อนจะวิ่งตรงไปยังห้องน้ำด้วยสีหน้าตื่นๆ มะลิฉัตรส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะรีบเดินไปยังห้องสแกนนิ้วมือพนักงาน
ร่างบอบบางในชุดยูนิฟอร์มของพนักงานต้อนรับ ที่เน้นสัดส่วน ทำให้ใครหลายๆ คน หันมามองตามกันเป็นตาเดียว มะลิฉัตรเดินเร็วๆ ตรงไปห้องสแกนนิ้วที่เห็นสายไหมเปิดประตูชะโงกหน้าออกมา จากนั้นก็ดึงประตูกลับเข้าไปเช่นเดิม
‘มาแล้วๆ’
เสียงแว่วๆ ที่ดังเล็ดลอดออกมาทำให้มะลิฉัตรชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะผลักประตูเข้าไป
ซ่า...
“อะ... อะไรกันเนี่ย?”
มะลิฉัตรถามอย่างมึนงง เมื่อถูกกุ๊กไก่สาดน้ำแดงใส่ จนเปียกชุ่มไปทั้งตัว
“อุ๊ย! ขอโทษด้วยจ้ะ” กุ๊กไก่ยิ้มก่อนจะทำท่าเสียใจ
“เป็นไรมากไหมจ๊ะมะลิคนสวย คิกๆๆ” สายไหมหัวเราะคิกคักอย่างสะใจที่เห็นอีกฝ่ายทำหน้าช็อก!
“นี่มันเกินไปแล้วนะ” มะลิฉัตรเอ่ยด้วยสีหน้าแดงก่ำ
“ฉันก็ขอโทษแล้วไงมะลิ ฉันไม่ได้ตั้งใจจ้ะ คิกๆๆ” กุ๊กไก่บอกพลางหัวเราะคิกคัก
“เธอตั้งใจสาดใส่ฉัน!” มะลิฉัตรว่าก่อนจะวางกระเป๋าที่เปียกน้ำแดงลงใกล้ๆ กับโต๊ะติดผนัง
“อ้าวพูดแบบนี้! จะหาเรื่องฉันเหรอ?” กุ๊กไก่ถามกลับเสียงดัง
“ฮะ! ใครกันแน่ที่หาเรื่อง” คนที่ทำใจเย็นมาตลอด ตอกกลับอย่างไม่ยอม
“ทำไม? แกจะทำอะไรฉันเหรอนังมะลิ” กุ๊กไก่ท้าอย่างถือดี เพราะป้าของเธอนั้นอยู่มานานจนผู้จัดการยังต้องเกรงใจ ต่อให้เธอจะทำอะไรมะลิฉัตร เธอก็ไม่มีทางเดือดร้อน
“ก็ทำแบบนี้ไง” มะลิฉัตรยิ้มก่อนจะสาดกาแฟใส่อีกฝ่ายคืน
ซ่า!
“กรี๊ดดดดด” กุ๊กไก่กรีดร้องขึ้นอย่างตกใจ ไม่ทันได้ตั้งตัว
“กุ๊ก!” สายไหมช็อกไปชั่วขณะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำ
“อุ๊ย! ขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจ” มะลิฉัตรบอกด้วยน้ำเสียงเดียวกับที่อีกฝ่ายบอกเธอเมื่อก่อนหน้า
“จับมัน! ฉันจะสั่งสอนอีเด็กกำพร้าให้รู้ว่าการที่มายุ่งกับคนอย่างกุ๊กไก่จะต้องเจอกับอะไรบ้าง” กุ๊กไก่บอกพลางปัดน้ำสีน้ำตาลอ่อนที่เกาะตามเนื้อตัวออก
“ดะ...” ได้เลย สายไหมยังไม่ทันได้พูดจบ อยู่ๆ ประตูห้องก็ถูกกระชากออกอย่างแรง
พลั่ก!
“มึงจะสั่งสอนใครเหรออีกุ๊ก!” พิมาลาถามด้วยสีหน้าตึงๆ พร้อมกับมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง
“พิ!” มะลิฉัตรเรียกคนที่เพิ่งมาถึงอย่างตกใจ
“ทำไมเปียกแบบนี้!” พิมาลาหันมามองเพื่อน ขณะที่อารมณ์เดือดพล่านพุ่งขึ้นจากเดิมอีกเท่าตัว หลังจากได้ยินคำพูดก่อนหน้าของกุ๊กไก่ ที่บอกว่าจะตบสั่งสอนอีเด็กกำพร้าเข้าเต็มๆ สองหู
“กุ๊กสาดน้ำแดงใส่เรา เราเลยสาดกาแฟกลับน่ะ” มะลิฉัตรบอก
“อ้าว! แบบนี้ก็สวยสิ” พิมาลามองหน้าสองสาวกลับอย่างไม่ยอม ‘ตายเป็นตาย! วันนี้จะขอตบอีลูกมีพ่อมีแม่ดูสักครั้งเถอะ!’
“กูสวยอยู่แล้ว!” กุ๊กไก่บอกพร้อมกับยกยิ้มมุมปากขึ้นนิดๆ
“นี่มึงรวบรวมความกล้านานไหม ที่จะบอกว่าตัวเองสวยด้วยท่าทางมั่นใจแบบนี้น่ะ” พิมาลาถามกลับพร้อมกับมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดๆ ตั้งแต่หัวจดเท้า
“เดี๋ยวฉันตบอีพิให้ เธอจัดการอีมะลิได้เลย”
สายไหมกระซิบบอกเพื่อนพร้อมกับตั้งท่าจะเปิดศึกกับสองสาว
“ได้!” กุ๊กไก่พยักหน้ารับ เตรียมจะตรงเข้าไปกระชากแขนของ อีกฝ่ายมาตบ แต่ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง
พลั่ก!
“นี่-มัน-เกิด-อะ-ไร-ขึ้น!” สิรันถามพลางกวาดตามองสี่สาวอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา กับสภาพพื้นห้องที่เปียกไปด้วยกาแฟและน้ำแดง
“เอ่อ... ก็มะลิน่ะสิคะหัวหน้า! อยู่ๆ ก็เอากาแฟสาดใส่กุ๊กไก่ค่ะ” สายไหมรีบรายงาน
“พวกเธอทุกคน! ตามฉันไปที่ห้อง เดี๋ยวนี้!” สิรันบอกเสียงเข้มก่อนจะเดินออกไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ ทำเอาสี่สาวรีบเก็บของใส่ล็อกเกอร์แล้วตามหัวหน้าแผนกไปติดๆ
แผนกต้อนรับ...
“เอาละมีใครจะเป็นคนเล่าก่อน” สิรันถามขึ้นเมื่อสี่สาวเข้ามานั่งกันจนครบ
“หนูค่ะ” กุ๊กไก่รีบยกมือขึ้น
“เชิญ” สิรันบอกพร้อมกับจ้องมองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างสำรวจ
“กุ๊กกับไหมกำลังจะเดินออกจากห้องสแกนนิ้ว มันเป็นจังหวะเดียวกับที่มะลิเดินเข้ามา แล้วชนกับแก้วน้ำแดงที่หนูถือเข้า เลยทำให้เปียกอย่างที่เห็น หนูพยายามขอโทษ และบอกว่าไม่ตั้งใจ แต่มะลิก็ไม่ฟัง เขาคิดว่าหนูตั้งใจทำ เลยเอากาแฟสาดใส่หนูค่ะ” กุ๊กไก่เล่าทั้งน้ำตานองหน้า ผิดไปจากท่าทีก่อนหน้าลิบลับ
“โห... จบการแสดงมาเปล่าเนี่ยแม่คุณ” พิมาลาถึงกับอึ้งในความสามารถของอีกฝ่าย ที่เรียกน้ำตาได้ทันทีทันใดอย่างไม่น่าเชื่อ
“พิมาลา!” สิรันเอ่ยปรามคนที่ขัดจังหวะ
“ขอโทษค่ะหัวหน้า” พิมาลายกมือขึ้นไหว้หัวหน้าแผนกทันใด
“เล่าต่อ” สิรันหันไปพยักหน้าให้ดาราเจ้าบทบาทพูดต่อ
“เอ่อ... พอพิมาลาเข้ามาเห็นว่ามะลิเปียกเท่านั้นค่ะ ก็คิดว่าถูกหนูกับสายไหมแกล้ง ฮึก! ถะ... ถ้าเมื่อกี้หัวหน้าเข้ามาไม่ทันหนูกับเพื่อนอาจจะโดนสองคนนี่ทำร้ายร่างกายแล้วค่ะ ฮึก...”
“มะลิ! ถึงตาเธอเล่าแล้ว” สิรันส่ายหน้าอย่างเพลียๆ ก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งเงียบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น
“ค่ะหัวหน้า! ก่อนที่หนูจะเข้าไปในห้องสแกนนิ้ว หนูได้ยินเสียงของสายไหมพูดว่า มาแล้วๆ และทันทีที่หนูเปิดประตูเข้าไป กุ๊กไก่ก็สาดน้ำแดงใส่หน้าหนู แล้วบอกว่า อุ๊ยตาย! โทษนะ ไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นกุ๊กไก่กับสายไหมก็หัวเราะใส่หนูค่ะ”
“เธอเลยสาดกาแฟใส่กุ๊กไก่คืน” สิรันถามแทรกขึ้นทันใด
“ค่ะ! หนูทำแบบเดียวกับที่เขาทำกับหนูทุกอย่าง ทั้งบอกว่าไม่ได้ตั้งใจและขอโทษ แต่หนูไม่ได้หัวเราะใส่เขาเท่านั้นค่ะ” มะลิฉัตรบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“พิมาลา! พอเธอเข้ามาแล้วเธอทำอะไร” สิรันถามต่อ
“หนูไปเข้าห้องน้ำ พอเดินออกมาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นที่ห้องสแกนนิ้ว หนูวิ่งเข้าไปแล้วทันได้ยินกุ๊กไก่พูดว่า จับมัน! ฉันจะสั่งสอน อีเด็กกำพร้าให้รู้จักว่าการที่มายุ่งกับคนอย่างกุ๊กไก่ จะต้องเจอกับอะไรบ้าง” พิมาลาบอกพร้อมกับจ้องหน้าสองสาวที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“ไม่จริง! กุ๊กไม่ได้พูดแบบนั้นนะคะหัวหน้า” กุ๊กไก่บอกพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างลืมตัว
“กุ๊กไก่!” สิรันปรามพร้อมกับชี้ให้อีกฝ่ายนั่งลง
“ขอโทษค่ะ แต่กุ๊กไม่ได้พูดจริงๆ นะคะหัวหน้า” กุ๊กไก่บอกย้ำเพราะกลัวหัวหน้าแผนกจะไม่เชื่อตน
“เล่าต่อ!” สิรันพยักหน้าให้พิมาลา
“หนูก็ถามกุ๊กว่าจะสั่งสอนใครเหรอ แล้วหัวหน้าก็เข้ามาค่ะ”
“หัวหน้าคะ สองคนนี้จะพูดยังไงก็ได้ เพราะในห้องสแกนนิ้วไม่มีกล้อง หนูยืนยันได้ว่าหนูไม่มีความคิดที่จะกลั่นแกล้งมะลิอย่างเด็ดขาด” กุ๊กไก่รีบออกตัว
“เดี๋ยวนะ! ใครบอกเธอว่าห้องสแกนนิ้วไม่มีกล้องวงจรปิด”สิรันถามพร้อมกับมองหน้าสองสาวนิ่งผลัวะ!จันจิราที่ผลักประตูห้องเข้ามาเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ หลังจากที่ทราบว่าหลานสาวของตนถูกเพื่อนในแผนกเดียวกันสาดกาแฟใส่“เธอสองคนใช่ไหมที่ทำหลานฉัน”“ค่ะ! หนูเป็นคนเอากาแฟสาดใส่กุ๊กเอง” มะลิฉัตรยอมรับ“ไล่ออก! ให้สองคนนี้ออกจากงานเลยนะคุณสิรัน” จันจิราบอกเสียงดังอย่างเอาเรื่อง“เอ่อ... สิเข้าใจนะคะว่ากุ๊กเป็นหลานของคุณจิรา แต่เราควรให้ความเป็นธรรมกับทุกคนค่ะ” สิรันบอกอีกฝ่ายอย่างใจเย็น“หลานฉันโดนขนาดนี้ ฉันจะเอาเรื่องเด็กนั่นให้ถึงที่สุด” จันจิราบอกเสียงดังจนเล็ดลอดออกไปด้านนอกห้อง“แจ้งความเลยไหมคะ? พอดีหนูมีเบอร์ผู้กำกับฯ อยู่ เดี๋ยวโทร.ให้เลยค่ะ” พิมาลาบอกพลางทำท่าจะล้วงมือถือออกจากกระเป๋าเสื้อ“พิมาลา!” สิรันเอ่ยปรามก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปกันใหญ่“ขอโทษค่ะหัวหน้า หนูแค่ทนฟังคนที่ตัดสินคนอื่นจากความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ คุณเห็นว่าหลานสาวของตัวเองเปียกไปด้วยน้ำกาแฟ แล้วคุณก็โกรธและตัดสินว่าพวกหนูผิด ประทานโทษนะคะคุณมองเห็นไหม? ว่าเพื่อนของหนูก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำแดงตั้งแต่หัวจดเท้าเหมือนกัน”
“มีเรื่องอะไรอีกหรือคะ” มะลิฉัตรถามพลางมองดูรูปของชายหญิงคู่หนึ่ง ที่ยังคงดูสง่างามและภูมิฐาน แม้ว่าอายุน่าจะล่วงเลยเข้าวัยห้าหรือหกสิบไปแล้ว ‘นี่คงเป็นรูปเจ้าของโรงแรมสินะ!’“ผมทราบเรื่องที่เกิดขึ้นคร่าวๆ จากคุณสิรัน และก็เปิดดูกล้องมาแล้ว ผมไม่อยากให้พนักงานมีปัญหากันในที่ทำงาน เพราะมันจะทำให้งานพังและเดือดร้อนเพื่อนร่วมงานที่ออกเวรไปแล้ว ต้องกลับเข้ามาทำงานต่อแทนพวกคุณ ฉะนั้นเพื่อตัดปัญหาทุกอย่าง ผมจะให้คุณทั้งสองคนมาเป็นผู้ช่วยเลขาฯ ที่หน้าห้องแทน พวกคุณโอเคไหม?”ผู้จัดการหนุ่มยื่นข้อเสนอ ตอนนี้พนักงานทั้งบริษัทกำลังลุ้นผลว่าการที่จันจิราออกโรงปกป้องหลานสาว และฉีกหน้าสิรันที่ห้องทำงาน จนอีกฝ่ายทนไม่ไหวขอยื่นใบลาออกนั้น เขาจะจัดการกับปัญหานี้ยังไง“เอ่อ... แต่คุณจิราไล่พวกเราออกแล้วนะคะ” พิมาลาท้วงด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ“ผมเป็นผู้จัดการ คำสั่งของผมถือเป็นที่สุด โอเค้!” ธีรติยกยิ้มนิดเมื่อจ้องมองสาวแกร่ง ที่คอยปกป้องเพื่อนในเทปบันทึกภาพที่สิรันส่งมาให้อย่างขำๆ ‘ท่าทางตอนนั้นกับตอนนี้ต่างกันลิบเลยนะพิมาลา!’“อะ... โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะที่ยังให้เราสองคนทำงานต่อ” พิมาลายิ้มกว้างอย่างดีใจ“เ
Rocasander Grand Hotelมะลิฉัตรวิ่งเข้าประตูด้านหลังของโรงแรมดั่งเช่นทุกครั้ง ก่อนจะตรงไปที่ลิฟต์และกดขึ้นไปยังชั้นบนสุดอย่างเร่งรีบติ๊ง!ทันทีที่มาถึงยังสถานที่ต้องห้าม เธอก็ตรงไปยังประตูบานใหญ่ พร้อมกับกดรหัสที่ธาริณีบอกลงยังแป้นพิมพ์ และเพียงเสี้ยวนาทีที่ประตูบานใหญ่เปิดออก เธอถึงกับอึ้งและตกตะลึงในความงดงามภายในห้อง ที่ตกแต่งด้วยสไตล์คลาสสิก โดยผสมผสานความหรูหราเอาไว้ได้อย่างลงตัว ในแบบที่ไม่เคยพบเคยเห็นที่ไหนมาก่อน“ว้าว! อย่างกับสวรรค์แน่ะ!” เมดสาวอุทานออกมาราวกับคนกำลังละเมอ ขณะที่เดินไปยังห้องนอนใหญ่ทางด้านปีกขวาตามที่หัวหน้าแผนกได้บอกเอาไว้ ด้วยหัวใจสั่นๆ“แม่เจ้า! เตียงใหญ่ขนาดนี้ คนหรือว่ายักษ์นอนกันนะ!” เธอเอ่ยเสียงดังอย่างตื่นเต้น ก่อนจะหลับตาแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงกว้าง อย่างหลงลืมตัวไปชั่วขณะ“กรี๊ดดดด” หญิงสาวถูไถใบหน้าไปมากับที่นอนแสนนุ่ม ก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมาอย่างชอบใจ กับความยืดหยุ่นที่ทำให้ตัวของเธอเด้งไปมาเหมือนได้เล่นสไลเดอร์ของเด็กๆเอี๊ยดดดดดเสียงเบรกรถที่ดังอยู่ด้านหน้าของโรงแรม ทำให้พนักงานต่างพากันหันมามองตามเสียงกันเป็นแถว“เอารถไปเก็บเร็ว!” ธีรติบอกก่อนจะ
“พูดบ้าอะไรมะลิ! นี่คุณเลโอนาดท์ โรคาซานเดอร์ เจ้าของโรงแรมนี้นะ!” ธาริณีสะบัดแขนจากการจับกุมของเด็กสาว แล้วรีบเดินเข้าไปหาบอสใหญ่ที่กำลังยันตัวลุกขึ้น“จะ... เจ้าของโรงแรม” มะลิฉัตรอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง! รู้สึกตัวชาวาบตั้งแต่ศีรษะยันปลายเท้าขึ้นมาทันใด“ใช่! แล้วนี่ก็ห้องพักของฉัน” เลโอนาดท์เสริมต่อด้วยน้ำเสียงเข้มๆ พลางจ้องมองใบหน้างามที่ซีดลงไปถนัดตาอย่างรู้สึกสะใจขึ้นมานิดๆ“เอ่อ... คือว่า... คือว่า...” สาวเจ้าอึกอักขึ้นมาทันใด“ณีกราบขอโทษท่านด้วยนะคะ ที่เด็กใหม่ เอ่อ... เสียมารยาท”ธาริณีรีบขอโทษอย่างร้อนใจ!“หึ! แต่เมื่อกี้ตอนที่ผมเข้ามา ผมเห็นเธอกำลังกระ... โดด”“ทะ... ทำความสะอาดค่ะ คือไอ้สิง เอ๊ย! ท่าน ขะ... เข้ามาตอน ที่มะลิกำลังทำความสะอาดน่ะค่ะ” มะลิฉัตรรีบแก้ตัว ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มด้วยสายตาวิงวอน!“พระเจ้า! เมื่อกี้เธอกำลังทำความสะอาดอยู่อย่างนั้นเหรอ?”เลโอนาดท์เดาอาการของสาวเจ้าอย่างรู้ทันว่าอีกฝ่ายคงกลัวหัวหน้าจะรู้เรื่องที่ขึ้นไปกระโดดเล่นเหยงๆ บนเตียง“ชะ... ใช่ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยรับเสียงสั่น“ปกติคุณทำความสะอาดที่นี่แค่คนเดียวไม่ใช่เหรอธาริณี!” เลโอนาดท์หันไปถามคน
“เธอนั่นแหละที่พูดไม่รู้เรื่อง! อยากให้ฉันใช้ภาษากายสื่อสารแทนไหมล่ะ บางทีมันอาจจะทำให้เธอเข้าใจอะไรๆ ง่ายขึ้น!”“ไม่มีทางเด็ดขาด อ๊ะ! ปล่อยนะไอ้คนบ้า” มะลิฉัตรกรีดร้อง เสียงหลงเพราะถูกคนปากว่ามือถึงรวบตัวแล้วอุ้มลอยขึ้น“เธอมีปัญหากับการสื่อสารนะรู้ตัวไหม?” เลโอนาดท์เอ่ยก่อน จะอุ้มสาวเจ้าเดินตรงไปยังอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่“ปล่อยเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นคุณเจ็บตัวแน่ๆ” มะลิฉัตรโกรธจนหน้าแดงก่ำที่ถูกลวนลาม ‘หึ! เจ้าของโรงแรมก็เจ้าของโรงแรมเถอะวะ ตายเป็นตาย!’ หญิงสาวเตรียมท่าพร้อมจะสู้“หึ! เธอจะทำอะไรฉันเหรอ” เลโอนาดท์ยิ้มยั่วอย่างนึกสนุก“ก็จะทำแบบนี้ไง” เธอบอกพร้อมกับฝังฟันซี่เล็กๆ ลงที่ต้นคอของอีกฝ่ายอย่างไม่รอช้า“อ๊ากกกกกก” เลโอนาดท์ร้องลั่น เจ็บจนเนื้อเต้น แต่ก็ยังอุ้มสาวเจ้าเอาไว้ไม่ยอมปล่อยเมดสาวถอนฟันซี่เล็กออกจากต้นคอหนา มองดูสิงโตหนุ่มแหกปากร้องคำรามอย่างสะใจ “ฉันเตือนคุณแล้วนะ”“หึ! กลัวตายละ” เลโอนาดท์กะพริบตาไล่หยดน้ำที่ปริ่มๆ ดวงตา ก่อนจะอุ้มสาวเจ้าเดินตรงไปยังอ่างอาบน้ำอย่างรวดเร็ว“ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ! นี่คุณอยากเจ็บตัวอีกใช่ไหม?” เธอเริ่มกลัวขึ้นมานิดๆ หลังจากที่เห็นอีกฝ่าย
ฟองสบู่ที่ค่อนข้างเยอะ ทำให้บดบังขีปนาวุธขนาดเขื่องที่กำลังพร้อมรบเอาไว้ได้ เลโอนาดท์รีบจัดระเบียบช่วงล่างให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะหันไปบอกเมดสาว“หันมาได้”“เอ่อ... มะลิขอไปใส่เสื้อก่อนได้ไหมคะ” คนที่เหลือแต่บราและกระโปรงตัวเดียวบอกอย่างรู้สึกอาย กลัวว่าอีกฝ่ายจะเจ้าเล่ห์แอบหันมามองหน้าอกของเธอ“ไม่ต้อง! ฉันนั่งเครื่องมานาน ฉันอยากอาบน้ำ ทานข้าว แล้วก็นอนพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้เช้าต้องเข้าประชุมใหญ่ และถ้าเธอยังประวิงเวลาออกไปเรื่อยๆ บางทีฉันอาจจะเปลี่ยนใจแล้วทำเหมือนเมื่อกี้กับเธออีก! และครั้งนี้มันคงจะหยุดไม่ได้ เข้าใจใช่ไหม?” เลโอนาดท์เอ่ยเตือนคนที่ทำท่าจะยึกยัก ขณะเดียวกันก็แอบท้วงตัวเองในใจอย่างหงุดหงิด‘นี่เราต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่อยากให้ยัยนี่อาบน้ำและสระผมให้’“ขะ... เข้าใจแล้วค่ะ” มะลิฉัตรตอบก่อนจะค่อยๆ หันกลับ ก็เห็นแผ่นหลังกว้างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามหนั่นแน่นของอีกฝ่ายชัดๆ‘พระเจ้า! คนหรือยักษ์เนี่ย’“รีบลงมือเร็วๆ สิ! เดี๋ยวเธอยังต้องทำอาหารให้ฉันทานอีก” คนที่เพิ่งจะข่มอารมณ์หื่นให้สงบ ต่อว่าด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน“ค่ะท่าน” มะลิฉัตรเอ่ยรับเบาๆ อย่างทำใจ“หึ! เรียกท่านได้แล้
พรึ่บ!“กรี๊ดดดดดด” เมดสาวกรีดร้องขึ้นสุดเสียงเมื่อรู้ว่ากระโปรงของเธอลงไปกองที่ผิวน้ำ จึงหันกลับไปตวัดฝ่ามือลงบนใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างไม่รอช้าเพียะ!เลโอนาดท์ที่หน้าหันไปตามแรงตบ ค่อยๆ หันกลับมามองหญิงสาวด้วยสายตาแดงก่ำ ขณะที่รอยนิ้วแดงๆ เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาจางๆ“พระเจ้า! ฉันเตือนเธอแล้วนะ!”“ไปตายซะไอ้คนสารเลว! อ๊ะ... อื้อ...” เธอตะโกนด่ายังไม่ทันขาดคำก็ถูกสิงโตหื่นบดขยี้จูบที่เร่าร้อนและเนิ่นนานเข้าอีกครั้ง‘เธอไม่น่าไว้ใจคนอย่างเขาเลย’ มะลิฉัตรต่อว่าตัวเอง ขณะที่ฝ่ามือหนาๆ ลูบไล้ไปทั่วทุกสัดส่วนอย่างถือดีเลโอนาดท์อุ้มสาวเจ้าลอยขึ้น แล้วรีบเดินตรงไปยังเตียงขนาด คิงไซส์ที่อยู่ด้านนอก“ฮึก! คะ... คุณจะทำอะไรฉัน”เธอเอ่ยทั้งน้ำตา เมื่อร่างหนาวางเธอลงบนเตียง แล้วตามขึ้นมาทาบทับไม่ให้เธอขยับดิ้นหนีไปไหนได้“ก็ทำให้เธอเลิกดื้อยังไงล่ะ!” เลโอนาดท์บอกพร้อมกับดึงบรา ที่โอบอุ้มดอกบัวงามออก“อ๊ะ! กรี๊ดดดดด” เมดสาวร้องเสียงดัง เมื่อริมฝีปากหนาสัมผัสลงยังปลายถันและดูดกลืนราวกับคนที่หิวกระหาย“อื้อ...” เลโอนาดท์ครางอย่างขัดใจเมื่อข้อมือบางพยายามจะผลักใบหน้าของตนออก“ฮือๆๆ ฉะ... ฉันจะ
“งั้นไปหาแหวนมาคุกเข่าขอฉันแต่งงานสิ! บางทีฉันอาจจะยอมคุณ!” มะลิฉัตรบอกข้อแลกเปลี่ยนที่ไม่มีทางเป็นไปได้“หึ! ฉันให้สิบล้านค่าตัวเธอ” เลโอนาดท์ยกยิ้มมุมปากพร้อมกับจ้องมองสาวตรงหน้าด้วยสายตาแพรวพราว“คนอย่างคุณคงไม่มีทางรู้จักคำว่ารักหรอก! รู้อะไรไหม? ต่อให้คนที่คุกเข่าขอฉันแต่งงาน จะเป็นแค่ยามหน้าโรงแรม เงินเดือนแค่หมื่นกว่าๆ ฉันก็ยินดีจะแต่งกับเขา แม้ว่าเขาจะไม่มีแหวนแต่งงานมาขอก็ตาม”มะลิฉัตรเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด เมื่อถูกอีกฝ่ายประเมินค่าเป็นเงินตรา“ฉันไม่ใช่ยาม โอเค้! และฉันสามารถซื้อแหวนเพชรเป็นร้อยๆ วงให้เธอได้” เลโอนาดท์บอกต่ออย่างหน้ามึน ‘พระเจ้า! ให้ขนาดนี้ยังไม่พอเหรอวะ’“นี่ฉันอธิบายไม่ชัดตรงไหน! มันไม่ได้เกี่ยวกับแหวน แต่มันเกี่ยวกับความรู้สึกต่างหาก! ให้ตายสิ! คุณเคยรักผู้หญิงสักคนไหม”“ไม่! ไม่เคยถามชื่อเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าพวกเธออายุเท่าไหร่ อยู่ประเทศไหน แค่เซ็กส์ร้อนๆ แล้วจบที่ค่าตัว!” เลโอนาดท์บอกด้วยท่าทีสบายๆ เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคยมาตลอดชีวิต“งั้นคุณก็ไปเรียกหาพวกเธอสิ! จะมายุ่งกับพนักงานทำความสะอาดอย่างฉั
“ผมผู้กำกับฯ คเชนทร์ ศิลากรณ์! ขออนุญาตแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบก่อนนะครับ! คุณเลโอนาดท์ถูกจับกุมในข้อหาขโมยสุนัขตัวนี้ครับ!”“เข้าใจผิดแล้วครับผู้กำกับฯ! ท่านจะขโมยสุนัขตัวนี้ได้ยังไง! ก็ในเมื่อ... มันเป็นสุนัขของท่าน” คงสิทธิ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงขบขัน“ผิดแล้วครับ! สุนัขตัวนี้เป็นของเธอต่างหาก!” คเชนทร์ตอบพร้อมกับยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างขำๆ“งั้นผมขอดูหลักฐานหน่อยสิครับ!” คงสิทธิ์เอ่ยต่อ“เอ่อ...” มะลิฉัตรอึกอัก ลางสังหรณ์บางอย่างทำให้เธอรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก!คงสิทธิ์หันมายิ้มบางๆ ให้หญิงสาวที่ยืนข้างๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ“สุนัขตัวนี้ชื่อเอล ซิมคาเนียร์ สายพันธุ์พอเมอเรเนียน เกิดเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2xxx พ่อชื่อมาร์ค ซิมคาเนียร์ แม่ชื่อโมริ พานาเซีย ถูกโอนสิทธิ์การเป็นเจ้าของให้คุณเลโอนาดท์เมื่อสามวันก่อน นี่ใบรับรองแล้วก็รูปถ่ายทั้งหมดครับ!” ทนายส่งเอกสารพร้อมรูปให้ ผกก. และหญิงสาวดู‘แจ็กพอตแล้วไหมล่ะ!’ มะลิฉัตรขนลุกซู่ไปทั้งตัว เมื่อเห็นหลักฐาน“เอ่อ... คือว่าสุนัขตัวนี้เป็นของหัวหน้าแผนกน่ะค่ะ ขะ... เขาฝากให้มะลิช่วยดูแลค่ะ”“คุณธาริณีใช่ไหมครับ!” คเชนทร์ยิ้มให้สาวสวย ที่ใบหน้าถอด
“ฉันไม่ว่าง! ฮึก!” มะลิฉัตรบอกพลางกลั้นเสียงสะอื้น“ฉันกลับจากเชียงใหม่เพิ่งมาถึงเมื่อครู่! ออกมาเจอฉันที่ร้านกาแฟหน่อยสิ!” เลโอนาดท์บอกด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็บอกว่าไม่ว่างไง ฮึก!” เธอบอกก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง! เจ้าหมาตัวน้อยหายไปอย่างไร้ร่องรอย ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์ออกไปที่ไหนทั้งนั้น!“ฉันให้เวลาเธอสิบนาที ไม่งั้นฉันจะโยนไอ้ตัวนี้ให้รถชน!” เลโอนาดท์หันกล้องไปหาเจ้าหมาตัวน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆ ให้สาวเจ้าดู พลางกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้จนตัวสั่น! ‘โถๆ ร้องไห้ซะหมดสภาพเลยแม่คุณ!’“สิงโต!” มะลิฉัตรกะพริบตามองลูกหมาตัวน้อยอย่างดีใจ“นี่เธอกล้าเรียกฉันว่าสิงโตอีกงั้นเหรอ? อยากเจอดีเหมือน ครั้งก่อนใช่ไหม!” เลโอนาดท์หน้าตึงขึ้นมาทันใด“ฉันไม่ได้เรียกคุณ!” มะลิฉัตรจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายผ่านหน้าจอมือถืออย่างโมโห เธอสติแตกกับการหาลูกหมาตัวน้อยและร้องไห้อย่างกับคนบ้า! เพราะถูกอีกฝ่ายแกล้ง!โฮ่งๆๆลูกหมาตัวน้อยขานรับพร้อมกับส่ายหางไปมาอย่างดีใจ“โอ้พระเจ้า!!” คนที่เพิ่งจะถึงบางอ้อขนลุกซู่ไปทั้งตัว ค่อยๆ หันกลับไปมองลูกหมาที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาลุกวาว!“คุณขโมยหมาฉันไปได้ยังไง!” เมดสาวตะโกนถ
“ว่าไงนะเมียจ๋า! อยากให้กลับไปหาเร็วๆ อย่างนั้นเหรอ”“ฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะไอ้สิงโตบ้า!” มะลิฉัตรเอ่ยเสร็จก็กดวางสายไปอย่างทนไม่ไหว“วางสายใส่ผัวแบบนี้! พรุ่งนี้เจอดีแน่มะลิ!” เลโอนาดท์คาดโทษสาวเจ้า ก่อนจะเก็บมือถือใส่กระเป๋าเสื้อแล้วตรงกลับเข้าห้องพักของตนเช้าวันต่อมา... หลังจากที่โดมินิกกระชับความสัมพันธ์ทางกายกับพราวดาราไปหลายต่อหลายครั้ง จนสาวเจ้านอนสลบไสลจนถึงเช้าของวันใหม่ตืดดดดด... เสียงสั่นของมือถือที่ดัง ทำให้โดมินิกลืมตาตื่น ควานหามือถือมาเปิดดู ก็เห็นเบอร์ของคนสนิทโทร. เข้า จึงรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วหยิบกุญแจมือที่อยู่ในลิ้นชักออกมา สวมมันที่ข้อมือของหญิงสาวทั้งสองข้าง จากนั้นก็หยิบมือถือแล้วเดินออกไปรับสายคนสนิทที่ด้านนอก“บอสครับ! คุณเลโอนาดท์นั่งเครื่องกลับกรุงเทพฯ ไปแล้วเมื่อ ห้านาทีก่อนครับ” ดีนรีบรายงาน“บ้าฉิบ! ลีโอหนีประชุมอย่างงั้นเหรอ?” โดมินิกกลอกตาอย่างเซ็งๆ ที่รู้ว่าเพื่อนรักแอบขึ้นเครื่องหนีกลับกรุงเทพฯ ก่อนหน้าที่จะเข้าประชุมเพียงไม่กี่นาที“ครับบอส! เอาไงดีครับ ผมก็เพิ่งทราบเหมือนกัน” ดีนบอกอย่างไม่รู้จะทำยังไง เพราะทั้งเลโอนาดท์กับเจ้านายของตนกำลังหลงสาวจนทิ
“กะ... ก็ใช่น่ะสิ ฮือๆๆ คุณจะฆ่าปิดปากฉัน” พราวดาราบอกพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลเอ่อทิ้งลวกๆ“ให้ตายเถอะพราว! ผมจะฆ่าปิดปากเมียของตัวเองทำไมฮะ” คนถูกกล่าวหาถอนใจยาวอย่างเพลียๆ กับความคิดและจินตนาการของสาวตรงหน้า“ฮึก! ฉันไม่ใช่เมียของคุณ ฮือๆๆ”คนที่ถูกยกตำแหน่งเมียให้ร้องไห้เสียงดังกว่าเดิมอีกเท่าตัว อย่างดีใจ เอ๊ย! อย่างเสียใจ“งั้นที่เราทำเมื่อคืนล่ะ เธอจะเรียกมันว่าอะไรฮะ” โดมินิกเลิกคิ้วถามอย่างยียวน“คุณทำคนเดียว! ฉะ... ฉันไม่ได้ทำ!” พราวดาราปฏิเสธเสียงแข็ง“ก็แล้วเธอ... ถึงสวรรค์หรือเปล่าล่ะ?” ชายหนุ่มถามอย่างกวนๆ“ไม่!” พราวดาราหน้าแดงก่ำ ทั้งโกรธทั้งอายที่อีกฝ่ายกล้าเอาเรื่องที่เกิดขึ้นมาถาม“งั้นสาบานมาสิ! ว่าไม่ถึง” โดมินิกท้าด้วยสีหน้าตึงๆ“ทะ... ทำไมฉันต้องสาบานด้วย!” พราวดาราถามเสียงสั่น“พราว! ผมรู้ว่าลึกๆ คุณชอบที่ผมทำ แล้วผมก็ชอบที่จะทำมันซ้ำๆ กับคุณอีกหลายๆ ครั้ง!” เขาบอกราวกับคนที่ถือไพ่เหนือกว่า“มะ... ไม่” เธอบอกเสียงสั่น“งั้นผมขอพิสูจน์อีกครั้ง! ถ้าครั้งนี้คุณไม่ถึง! ผมจะยอมปล่อยคุณไป” โดมินิกต่อรองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์“เดี๋ยวนะ! นี่มันใช่เรื่องที่เราคุยกันอยู่เ
“ตกลงจะบอกไหมคะ อ๊ะ! กรี๊ดดดดดดด” คนที่กำลังถามต่อถึงกับกรีดร้องเสียงหลง เมื่อเห็นอีกฝ่ายโชว์ของผ่านกล้องมือถือให้ดู“นี่ไงสาเหตุที่ทำให้ฉันนอนไม่หลับทั้งคืนน่ะ” คนหื่นตอบด้วยใบหน้าแดงก่ำ เพราะเมื่อคืนได้ชัก เอ๊ย! ช่วยตัวเองไปหลายครั้ง แต่พอกลับมาล้มตัวนอนบนเตียง ก็นอนไม่หลับ! เอาแต่คิดถึงหน้าอกโตๆ กับแพนตี้สีแดงของสาวเจ้า“ไอ้คนบ้า! ลามก หน้าไม่อาย!” เธอต่อว่าอย่างทนไม่ไหว“น้อยๆ หน่อยมะลิ! ที่ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอน่ะแหละ” คนหน้าด้านสวนกลับทันควัน“ฉะ... ฉันไปทำอะไรให้” มะลิฉัตรถามอย่างมึนงง“ก็เมื่อคืนเธอยั่วฉันยังไง” เลโอนาดท์บอก“ฉันไม่ได้...”“อย่ามาเถียง! เดี๋ยวส่งหลักฐานให้ดู” เลโอนาดท์เอ่ยก่อนจะกดวางสายไปดื้อๆนาทีต่อมา... ภาพถ่ายจากการแคปหน้าจอบนมือถือ ก็ถูกส่งเข้ามาจำนวนสี่ภาพ มะลิฉัตรเปิดดูถึงกับลุกพรวดจากที่นอนอย่างไม่อยาก จะเชื่อสายตาของตัวเอง“มะ...ไม่จริง ไอ้บ้านั่นแอบแคปรูปตอนคุยกันเหรอเนี่ย” สาวเจ้าถามตัวเองอย่างมึนงง ขณะเลื่อนดูรูปของตัวเองอย่างรับไม่ได้ติ๊ดๆ ติ๊ดๆมะลิฉัตรหน้าชาวาบ รีบกดรับสายของอีกฝ่ายด้วยมือสั่นๆ“เป็นไง ทีนี้รู้หรือยัง?”“ทำไมคุณถึงเลวแบบนี้
พราวดาราสะบัดฝ่ามือลงที่ใบหน้าของอีกฝ่ายทันที ติดๆ กันถึงสองครั้งเพียะ! เพียะ!คนที่หน้าหันตามแรงตบถึงกับชะงักไปสามวินาที ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่ซึมตรงมุมปากออก แล้วจับสาวเจ้าโยนขึ้นเตียงนอนของตนอย่างไม่ปรานีปราศรัย“อ๊ะ! กรี๊ดดดดด” พราวดารากรีดร้องเสียงดังอย่างตกใจ ที่ตัวของเธอลอยขึ้นราวกับลูกบาสที่ถูกชูตลงห่วง“เธออยากลองดีเองนะพราว” โดมินิกบอกก่อนกระชากเสื้อเชิ้ต ที่ใส่ออกจากตัว แล้วขึ้นไปทาบทับร่างบางบนเตียงอย่างรวดเร็ว“ไม่นะ! อะ...ไม่...อื้อ...” พราวดาราร้องได้เพียงครู่ก็ถูกอีกฝ่ายประกบริมฝีปากบดจูบอย่างดุเดือดเขาถอนจูบที่เนิ่นนานออก ก่อนจะซุกไซ้ที่ซอกคอระหงลงมาจนถึงเนินอกขนาดใหญ่เกินตัว แล้วจัดการปลดบราที่โอบอุ้มดอกบัวงามออกอย่างไม่รอช้า“อ๊ะ! ไม่นะ...อะ...อื้อ...” พราวดาราร้องห้ามเมื่อลิ้นอุ่นๆ ของ อีกฝ่ายดูดกลืนปลายถันของเธอ“อยากให้ฉันรุนแรงกับเธอใช่ไหม!” โดมินิกเตือนคนที่ใช้มือดันใบหน้าของตนออกจากปลายถันสีสดอย่างหงุดหงิด“อย่าทำแบบนี้! ได้โปรด...” พราวดาราพยายามตั้งสติ“อย่าขัดขืนเลยพราว ยังไงคุณต้องเป็นของผมอยู่ดี” โดมินิกบอกพร้อมกับยกมือที่ปัดป้องหน้าอกงามออก“ไม่!
“นี่แกไม่รู้เหรอว่าความรักมันไม่มีข้อยกเว้นโว้ย!” เลโอนาดท์บอกราวกับคนที่รู้จักความรักดี“มีสิ! ก็ฉันนี่ไงข้อยกเว้น ฮ่าๆๆ”“เอาที่สบายใจนะซาเก้”“อยู่แล้ว! ว่าแต่เราทานที่ห้องอาหารข้างล่างนะ ไม่อยากออกไปไหน เบื่อ!” โดมินิกว่าหลังจากที่ลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่าง“ก็ทานที่ห้องอาหารน่ะสิ ฉันมีเวลาไม่มาก!” เลโอนาดท์บอกพลางเดินนำออกไปทางห้องอาหาร“ทำไม? จะโทร. หาเมียอีกเหรอ?” โดมินิกเดินตามติดๆ“เออ!” เลโอนาดท์กลอกตา เริ่มจะรำคาญอีกฝ่ายขึ้นมานิดๆโดมินิกทำท่าตกใจกับคำตอบของเพื่อนรัก จึงแกล้งหยอกด้วยการหันไปถามบอดี้การ์ดที่เดินตามหลัง“พระเจ้า! เหลือเชื่อชะมัดเลย พวกนายได้ยินใช่ไหม?”“สนุกเหรอ?” เลโอนาดท์ถามด้วยสีหน้าตึงๆ“สุดๆ เพื่อน ฮ่าๆๆ ” โดมินิกที่มัวแต่หัวเราะ ทำให้ไม่เห็นร่างบางที่เดินถือเค้กตรงมาทางตน และ...“อ๊ะ! ให้ตายสิ! นี่คุณเดินประสาอะไรฮะ โอ๊ย! ชุดฉัน”พราวดารา สิรันยากรณ์ สาวสวยวัย 22 ปี หันไปโวยอย่างไม่พอใจ เพราะขนมเค้กที่ถือมาเตรียมจะเซอร์ไพรส์วันเกิดให้เพื่อนสาวในห้องอาหารของโรงแรม ถูกผู้ชายตัวใหญ่ที่เดินไม่ดูทางชนเข้าอย่างจัง! จนขนมเค้กที่ถือมาแปะเข้าที่หน้าอกของเธอ ก่อนจะลงไ
เลโอนาดท์หันไปพยักหน้ารับ ก่อนจะหันกลับมาบอกสาวเจ้าด้วยสายตาละห้อย“มะลิ! ฉันต้องวางสายก่อนนะ เดี๋ยวช่วงค่ำๆ ฉันจะโทร. ไปใหม่”“ค่ะ” มะลิฉัตรตอบก่อนจะกดวางสายไปอย่างขำๆห้านาทีต่อมา...ขณะที่นอนคิดอะไรไปมาเพลินๆ อยู่นั้น ก็มีสายเรียกเข้าของพิมาลาดังขึ้น เธอยิ้มก่อนจะกดรับ“ว่าไงพิ”“มะลิวันนี้ฉันไม่กลับนะ อยู่ประชุมที่พัทยาต่อพรุ่งนี้อีกวัน เดี๋ยวประชุมเสร็จว่าจะแวะเข้าไปหาแม่กับน้องๆ” พิมาลารีบรายงาน“อ้าว! งั้นคืนนี้ฉันก็นอนคนเดียวน่ะสิ”“นอนๆ ไปเถอะ เมื่อคืนฉันก็นอนคนเดียวนะ” พิมาลาบอกพลางหัวเราะเบาๆ อย่างชอบใจเมื่อนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืน“โอเค! ฝากหอมแก้มแม่ด้วยแล้วกัน” มะลิฉัตรกลอกตาอย่างเซ็งๆ ที่ถูกแซว“แหม! รีบเปลี่ยนเรื่องเลยนะคิกๆๆ”“บ้า! เปลี่ยนเรื่องอะไรล่ะ อ๊ะ! หัวหน้าโทร. มาอะ ฉันขอวางสายก่อนนะพิ!” มะลิฉัตรรีบบอกเมื่อเห็นเบอร์ของธาริณีโชว์ขึ้นมาที่หน้าจอ“ใช่หัวหน้าจริงๆ เหรอมะลิ คิกๆๆ”“จริงสิ จะโกหกทำไมล่ะ”“จะพยายามเชื่อนะ คิกๆๆๆ” พิมาลาหัวเราะชอบใจก่อนจะกดวางสายไปมะลิฉัตรถอนหายใจอย่างเพลียๆ ก่อนจะกดรับสายของธาริณี “ค่ะหัวหน้า”“มะลิ! ขึ้นมาที่ห้องของท่านด่วนเลยนะ” ปล
“งั้นมาเล่นที่ห้องทำงานฉันไหมล่ะ มาไหม! เดี๋ยวสั่งขนมรอ”“ไม่ค่ะ!” มะลิฉัตรปฏิเสธอีกครั้ง“มาเถอะนะ! ตั้งแต่เช้าแล้ว ฉันประชุมไม่รู้เรื่องเลย” ปลายสายเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง เหมือนมีอะไรในใจ“ทะ...ทำไมคะ” เธอถามกลับอย่างสงสัย“ก็หัวใจมันอยู่ที่ห้องน่ะสิ!” เลโอนาดท์หยอดน้ำตาลใส่สาวเจ้าทันทีที่ได้โอกาส“บ้า! มีอะไรอีกไหมคะ? เดี๋ยวหัวหน้าจะมาถึงแล้ว” มะลิฉัตรหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันใด กับประโยคหวานเลี่ยนของคนหื่น“อายเหรอ?” เลโอนาดท์ถามยิ้มๆ“มีอะไรจะคุยอีกไหมคะ?” มะลิฉัตรถามพร้อมกับมองใบหน้า คมเข้มแวบหนึ่ง แล้วรีบเบือนหน้าไปมองทางอื่น เพราะอยู่ๆ ภาพของเธอกับเขาที่เร่าร้อนบนเตียงเมื่อคืนกลับมาฉายซ้ำอีกครั้ง“อะไรกันมะลิ จะรีบวางสายไปไหน นี่พอพักเบรกปุ๊บ! ฉันก็รีบโทร. หาเธอเลยนะ” ชายหนุ่มต่อว่าอย่างงอนๆ“คะ... คุณทานข้าวหรือยังคะ?”“ยัง! หน้าฉันมีอะไรติดเหรอ เธอถึงไม่อยากมอง”“ปะ... เปล่าค่ะ ก็แค่...”“แค่อะไร!”“เอ่อ... ฉัน”“บอกมาเดี๋ยวนี้!”“คือ... ฉันอายเรื่อง เอ่อ... เมื่อคืนค่ะ”“ฉันไม่เห็นจะอายเลย! นึกถึงทีไรก็อยากจะทำอีก เมื่อกี้ก็คิดๆ อยู่ว่าจะกลับไปหาเธอ แล้วให้เจซีเข้าประชุมแทน”“บ้า