(ลีโอ) เลโอนาดท์ โรคาซานเดอร์
หนุ่มหล่อเลือดผสมอิตาลี ตุรกี รัสเซีย และไทย เขาเป็นชายหนุ่มที่ทรงอิทธิพลอันดับต้นๆ ของโลก ที่ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งประธานใหญ่ ผู้กุมบังเหียนของโรคาซานเดอร์ คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป ลอนดอน ด้วยวัยเพียง 36 ปี สืบทอดตำแหน่งจากผู้เป็นบิดา ‘เอเดน’ ที่วางมือแล้วไปใช้ชีวิตอยู่อิตาลีกับภรรยา ‘เมลิซ่า’ (มารดาของเลโอนาดท์)
เขาถูกจัดอันดับให้เป็นหนุ่มฮ็อตที่หล่อรวยแห่งปี ไม่ว่าจะขยับตัวไปทางไหน ก็มีสาวข้างกายไม่ว่างเว้น ทั้งดารานางแบบที่ผลัดเปลี่ยนเวียนหน้ากันมาเป็นของเล่นชั่วคราวไม่หยุดหย่อน แต่เลโอนาดท์ก็ไม่เคยให้สาวคนไหนอยู่เคียงข้างกายข้ามคืนเลยสักครั้ง! เพราะสำหรับเขาแล้ว พวกเธอไม่มีค่าพอที่จะตื่นขึ้นมาเพื่อมองแสงอาทิตย์ของวันใหม่ พร้อมกันกับเขา!
เธอก็แค่ผู้หญิงที่ต้อยต่ำ! มิอาจเทียบกับความสูงศักดิ์ ในชาติตระกูล และความร่ำรวยของเขาได้แม้แต่นิด แต่ไยถึงได้ปฏิเสธที่จะเป็นของเขา ยิ่งเธอดิ้นหนีและหวาดกลัว มันก็ยิ่งทำให้เขาอยากจะขย้ำและกลืนกิน กลิ่นสาปของเด็กสาว...ที่บริสุทธิ์ มันช่างหอมหวานและเย้ายวนใจ จนทำให้เขาแทบคลั่ง แล้วแบบนี้จะให้เขาปล่อยเธอไปอย่างนั้นหรือ? ไม่มีทาง!!
(มะลิ) มะลิฉัตร เดือนแรม
สาวน้อยอายุ 21 ปี ที่มีดวงตากลมโตสีฟ้าอมเขียว รายล้อมไปด้วยขนตาที่ดกดำและยาวงอนเป็นแพ ริมฝีปากบางสีแดงอมส้มที่อวบอิ่ม รับกับจมูกโด่งสวยได้รูป ผมที่ดำเงายาวสยายรายล้อมดวงหน้าจิ้มลิ้ม ทำให้ดูมีเสน่ห์เย้ายวน สวยสะดุดตาใครต่อใครที่พบเห็นไปทั่ว
มะลิฉัตรเป็นเด็กกำพร้า ที่เติบโตมาจากศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้าบ้านเดือนแรม เธอไม่เคยรู้ว่าบิดาและมารดาเป็นใคร เพราะตั้งแต่จำความได้ ก็มีเพียงคุณจันทร์ฉายหรือที่เธอเรียกว่า ‘แม่’ คอยดูแลเธอมาตลอด!
ทุกๆ วันที่ตื่นขึ้นมา เธอมีความสุขกับงานที่ทำ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นแค่เมดทำความสะอาดห้องพักในโรงแรม แต่มันก็เป็นงานที่ทำให้เธอมีเงินเดือนสูงถึงสามหมื่นบาทต่อเดือน ทุกๆ อย่างมันลงตัวดีกับชีวิตของคนคนหนึ่งที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนทำงานหลังจากที่เรียนจบ
แต่แล้วอยู่ๆ ความสุขของเธอก็หายไป! หลังจากที่ได้รับสายของหัวแผนก ที่โทร. มาในเช้าของวันนั้น! วันที่จะทำให้ชีวิตของเมดสาวอย่างเธอ ต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล!
1
Rocasander Grand Hotel... (ประเทศไทย)
ร่างสูงภูมิฐานในชุดเครื่องแบบสีกากี เดินผ่านประตูทางเข้ามาด้วยท่าทางยิ้มแย้ม เมื่อเห็นหญิงสาวที่ตนแอบหลงรัก ยืนอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์
“สวัสดีครับมะลิ” คเชนทร์ นายตำรวจหนุ่มหล่อเพิ่งเดินทางกลับจากไปเที่ยวอิตาลีกับครอบครัว ทันทีที่ลงจากเครื่องชั่วโมงก่อน เขาก็รีบ ขับรถตรงมาหาสาวเจ้าที่โรงแรมพร้อมกับของฝาก
“สะ... สวัสดีค่ะผู้กำกับฯ” มะลิฉัตรหันมามองอย่างรู้สึกตกใจนิดๆ ที่เห็นนายตำรวจหนุ่มหิ้วถุงกระดาษใบใหญ่สองสามใบเดินตรงเข้ามาหา
“ผมเอาของฝากมาให้ครับ” คเชนทร์บอกพร้อมยกถุงกระดาษวางบนเคาน์เตอร์ให้กับหญิงสาว
“ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยรับอย่างรู้สึกเขินอาย เพราะสายตาหลายคู่ของพนักงานและลูกค้าที่เข้าพักในโรงแรม กำลังหันมามองเธออย่างสนใจ
“ไม่มีของกุ๊กไก่บ้างเหรอคะผู้กำกับฯ” คนที่เพิ่งมาถึงฉีกยิ้มหวานให้ผู้กำกับการหนุ่มหล่อที่มักจะมานั่งจิบกาแฟที่ล็อบบีเป็นประจำ
“เอ่อ! ครั้งหน้าแล้วกันนะครับ” คเชนทร์บอกหญิงสาวจบ ก็หันกลับไปจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มของมะลิฉัตรต่ออย่างคิดถึง
“แหม... แบ่งที่มะลิให้ก็ได้นี่คะผู้กำกับฯ” สายไหมบอกพลางมองในถุงใบใหญ่ด้วยความรู้สึกอิจฉา
“คือขนมพวกนี้ผมตั้งใจซื้อฝากมะลิไปให้เด็กๆ น่ะครับ” คเชนทร์หันไปยิ้มให้สองสาวที่มาใหม่
“แต่เมื่อกี้ไหมเห็นกล่องคล้ายๆ กับน้ำหอมยี่ห้อดังนะคะ” สายไหมบอกพลางจ้องถุงกระดาษใบเล็กอย่างสนใจ
“ใช่ครับ! น้ำหอมของ Dior ขวดนั้นคุณแม่ของผมท่านฝากมาให้มะลิน่ะครับ” คเชนทร์ตอบพร้อมกับส่งสายตาสื่อความหมายไปให้คนที่เอาแต่เงียบ
“ว้าว!” กุ๊กไก่ทำตาลุกวาว ก่อนจะแสร้งถามต่อ เมื่อเห็นอีกกล่อง ที่อยู่ด้านในถุงใบเดียวกัน “แล้วกล่องนั้นอะไรคะ?”
“ก็น้ำหอมอีกนั่นแหละครับ ของคุณพิ” ชายหนุ่มบอกพลางมองท่าทางของสองสาวอย่างสังเกตอาการที่แปลกไป
“โห... มะลิกับพินี่โชคดีจริงๆ นะคะ” กุ๊กไก่เอ่ยด้วยน้ำเสียงค่อนขอดอย่างอดไม่ได้ ‘เดี๋ยวเถอะมึง เจอดีแน่อีมะลิ!’
“มะลิ! ไปทานข้าวกัน” พิมาลาที่ไปเข้าห้องน้ำมา เอ่ยชวน
“สวัสดีครับคุณพิ” คเชนทร์หันไปเอ่ยทักทายด้วยใบหน้ายิ้มๆ
“อ้าว! ผู้กำกับฯ คเชนทร์ สวัสดีค่ะ” พิมาลามองผู้กำกับการหนุ่มแวบหนึ่ง ก่อนจะมองเลยไปยังสองสาวที่ยืนอยู่ด้านในเคาน์เตอร์อย่างพอจะเดาสถานการณ์ออก ‘อีบ้าสองตัวนี่หาเรื่องมะลิหรือเปล่านะ!’
“มาได้จังหวะพอดีครับ ผมว่าจะชวนมะลิกับคุณพิไปทาน ข้าวเที่ยงด้วยกันน่ะครับ” คเชนทร์บอกยิ้มๆ เพราะเริ่มจะรำคาญสองสาวที่ตั้งคำถามไม่หยุดขึ้นมานิดๆ
“โอ้โฮ! ผู้กำกับฯ ชวนทั้งทีไม่ปฏิเสธเด็ดขาดค่ะ ปะ มะลิ! ไปเร็วฉันหิวจนตาลายไปหมดแล้ว” พิมาลาเอ่ยพลางหันไปยักคิ้วให้กุ๊กไก่กับสายไหมอย่างผู้ชนะ
“พิ! ช่วยเราถือของหน่อยสิ” มะลิฉัตรหันไปบอกเพื่อนอย่างขอความช่วยเหลือ
“เดี๋ยวผมถือให้ดีกว่าครับ” ผู้กำกับการหนุ่มรีบอาสา
“ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรส่งถุงใบใหญ่ให้อีกฝ่าย จากนั้นก็เดินออกมาที่นอกเคาน์เตอร์ด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ยินดีครับ” คเชนทร์รับถุงใบเดิมมาถือ แล้วชวนสาวเจ้าให้ออกเดินไปพร้อมกัน
“ไปก่อนนะ” พิมาลาหันไปบอกสองสาว ก่อนจะออกเดินตามเพื่อนรักกับนายตำรวจหนุ่มออกไปด้วยสีหน้ากวนๆ
“ผู้กำกับฯ หลงอีมะลิน่าดูเลยนะว่าไหม?” สายไหมเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นทั้งสองสาวเดินไปขึ้นรถ BMW รุ่นใหม่ของคเชนทร์ที่จอดอยู่ด้านหน้า!
“หึ! เดี๋ยวฉันจะสั่งสอนให้มันรู้ว่าไม่ควรมายุ่งกับของของคนอื่น”
กุ๊กไก่บอกอย่างเจ็บแค้นใจ เมื่อคนที่เธอแอบสนใจมานาน ไปสนใจเพื่อนร่วมงานอีกคน ที่ไม่มีอะไรจะสู้เธอได้แม้แต่น้อย
“ต้องแบบนี้สิกุ๊ก! อย่าไปยอมแพ้มันเด็ดขาด ใครๆ ก็รู้ว่าเธอน่ะ เป็นว่าที่คุณนายผู้กำกับฯ มาแต่ไหนแต่ไร” สายไหมรีบเสริม
“ใช่! ฉันจะไม่ยอมแพ้มันเด็ดขาด!” กุ๊กไก่บอกด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
“ฉันอยู่ข้างเธอจ้ะกุ๊ก!” สายไหมบอกอย่างเอาใจ เพราะป้าของ อีกฝ่ายเป็นคนเก่าคนแก่ของโรงแรมแห่งนี้มาตั้งแต่เริ่มเปิดใหม่ๆ ทำให้เป็นที่เกรงอกเกรงใจของพนักงานในทุกๆ แผนก
“ขอบใจมากไหม” กุ๊กไก่ยิ้มกว้างอย่างซาบซึ้งใจ ที่เพื่อนช่วยสนับสนุนและอยู่ข้างๆ
คเชนทร์ขับรถพาสองสาวไปทานมื้อเที่ยงที่ร้านดังใกล้ๆ กับโรงแรมเสร็จ ก็ขับรถไปส่งมะลิฉัตรกับพิมาลาที่หอพัก
“ขอบคุณผู้กำกับฯ มากๆ นะคะ” มะลิฉัตรเอ่ยพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่มหลังจากที่ลงจากรถ
“น้องๆ คงจะดีใจมากค่ะ ที่จะได้กินขนมของอิตาลี อ้อ! ขอบคุณสำหรับน้ำหอมด้วยนะคะ” พิมาลายกมือขึ้นไหว้ พร้อมกับยิ้มให้ชายหนุ่ม
“เล็กน้อยครับ!” คเชนทร์รับไหว้สองสาว ก่อนจะขับรถกลับคอนโดมิเนียมอย่างอารมณ์ดี พลางวาดฝันไปถึงอนาคตที่จะได้ครอบครองหญิงสาวที่ตนหลงรักตั้งแต่แรกเจอ
สองวันต่อมา... 8:54 น.
หลังจากที่สองสาวกลับจากชลบุรีก็ต้องเปลี่ยนกะการทำงาน เข้า 9:00 น. เลิกงาน 18:00 น. โดยพักเบรกตั้งแต่บ่ายโมงถึงบ่ายสอง เนื่องจากสองสาวไม่มีที่พักในกรุงเทพฯ จึงได้รับสิทธิ์ในการเข้าพักฟรีในหอพักของพนักงานที่อยู่ใกล้กับโรงแรม
มะลิฉัตรเดินแกมวิ่งตรงไปยังห้องสแกนนิ้วมือพนักงานอย่างเร่งรีบ เพื่อลงเวลาเข้างานเหมือนที่บางแห่งใช้การตอกบัตรเป็นเครื่องยืนยัน ตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่นาทีแล้ว
“ไงมะลิ!” กุ๊กไก่ที่เพิ่งจะออกกะ ทักทายศัตรูหัวใจด้วยสีหน้าตึงๆ
“มีอะไรเหรอกุ๊ก!” คนที่กำลังวางนิ้วลงบนเครื่องสแกนหันมาถามกุ๊กไก่กับสายไหม ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดเรื่องอะไร
“เธอรู้ว่าฉันชอบผู้กำกับฯ คเชนทร์ใช่ไหม” กุ๊กไก่เข้าประเด็น
“แล้ว...” มะลิฉัตรเลิกคิ้วถามพร้อมกับยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู อีกครั้ง เพราะพิมาลาที่แวะซื้อกาแฟยังไม่โผล่มาสแกนนิ้ว
“แหม! รู้แล้วก็ไม่ควรยุ่งกับคนที่เพื่อนแอบรักน่ะสิยะ” สายไหม ต่อว่าอย่างรู้สึกหมั่นไส้
“ผู้กำกับฯ เอาขนมมาฝากให้น้องๆ ของฉันก็แค่นั้น” เธอบอกก่อนจะเอากระเป๋าไปเก็บในล็อกเกอร์
“แล้วน้ำหอมล่ะ?” กุ๊กไก่ถามพลางมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจดเท้า
“พวกเธอก็ได้ยินไม่ใช่เหรอ ตอนที่เขาบอก” มะลิฉัตรรู้สึก เบื่อหน่าย ที่ถูกอีกฝ่ายถามเรื่องเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนแทบจะเรียกได้ว่ามันเป็นกิจวัตรประจำวันอย่างหนึ่ง ที่เธอจะต้องเจอตอนเข้างาน
กุ๊กไก่รีบกระชากแขนของคนที่กำลังจะเดินออกไป ให้หันมาคุยกับตน “เขาจะบอกยังไงก็ช่าง! ที่ฉันอยากรู้ตอนนี้คือแกจะเลิกยุ่งกับ ผู้กำกับฯ หรือเปล่า”
“ฉันไม่ได้ไปยุ่งกับเขาสักหน่อย พวกเธอก็เห็น” มะลิฉัตรบอกพร้อมกับยกยิ้มมุมปากอย่างเริ่มจะมีอารมณ์ขึ้นมานิดๆ
“ตกลงจะไม่เลิกยุ่งใช่ไหม” กุ๊กไก่จ้องมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาแดงก่ำอย่างเอาเรื่อง
“ลากมันเข้ามาตบข้างในนี่เลยกุ๊ก ข้างนอกมีกล้องวงจรปิด!”
สายไหมบอกเพื่อนสาว พร้อมกับเตรียมตั้งท่าจะตบอีกฝ่าย
“ก็ลองดูสิ!” พิมาลาที่ถือกาแฟเดินเข้ามา ทันได้ยินประโยคเมื่อครู่เข้า จึงบอกกับสายไหมแล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าพร้อม จะมีเรื่อง
“พิ!” มะลิฉัตรอุทานอย่างตกใจ เมื่อเห็นเพื่อนสาวโผล่เข้ามาได้จังหวะพอดี
“ถ้าเธอสองคนทำอะไรมะลิละก็ จบไม่สวยแน่” พิมาลาบอกพร้อมกับชี้หน้าของสองสาวอย่างเอาเรื่อง
“พิ! อย่า” มะลิฉัตรสะบัดแขนที่ถูกกุ๊กไก่จับออก แล้วรีบเดินเข้าไปจับแขนเพื่อนสาวจอมบู๊เอาไว้มั่น กลัวว่าอีกฝ่ายจะเบรกอารมณ์ไม่อยู่
“กลัวอะไรมะลิ” พิมาลาหันมาต่อว่าเพื่อนด้วยสีหน้าขุ่นเคือง
“ไม่ได้กลัว! แต่ถ้ามีเรื่องแล้วเราจะได้ออกจากงานทั้งคู่นะพิ!” มะลิฉัตรกระซิบบอกเสียงเบา
“โธ่! นึกว่าจะแน่” สายไหมยิ้มเหยียดๆ ใส่สองสาว ทั้งที่ในใจก็กลัวว่าพิมาลาจะเอากาแฟสาดใส่ตนกับเพื่อน“แกอยู่ยากแล้วนังมะลิ ระวังตัวให้ดีๆ” กุ๊กไก่บอกพร้อมกับชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างคาดโทษ“เป็นแค่เด็กกำพร้าน่ะ! หัดเจียมตัวเอาไว้ซะบ้างสิ คุณคเชนทร์เขาคงไม่บ้าเอาเธอไปเป็นคุณนายผู้กำกับฯ หรอก หึ!”สายไหมรีบดึงแขนของเพื่อนสาวเดินออกไป เพราะใกล้เวลาที่หัวหน้าแผนกจะมาตรวจงาน“เด็กกำพร้าแล้วมันหนักส่วนไหนไม่ทราบฮะ! อีไหมขัดฟัน!” พิมาลาตะโกนตามหลังด้วยสีหน้าเดือดดาล“ช่างเถอะพิ!” มะลิฉัตรปราม กลัวเสียงจะเล็ดลอดออกไปด้านนอกให้คนอื่นได้ยิน“พวกมันทำแบบนี้มากี่ครั้งแล้วฮะมะลิ” พิมาลาหันมาถามคนข้างๆ ด้วยอารมณ์ขุ่นมัวมะลิฉัตรถอนหายใจอย่างเพลียๆ ก่อนจะตอบ “ก็หลายครั้งอยู่ เราอยากจะลุกขึ้นสู้นะ อยากลองต่อยปากเสียๆ นั่นดูสักครั้ง! แต่พอนึกไปถึงหน้าน้องกับแม่แล้ว เราทำไม่ได้ เพราะที่นี่ให้เงินเดือนเยอะกว่าที่อื่นแถมสวัสดิการต่างๆ ก็ดี อะไรที่ทนได้ก็ทนไปก่อน”“แต่เธอก็รู้ว่ามันไม่จบอยู่แค่นี้แน่ๆ”“เอาน่า! ถ้าวันไหนที่มันไม่ไหวแล้วจริงๆ เราจะสู้ให้สุดใจขาดดิ้นไปเลยดีมะ”“เฮ้อ... ก็เป็นซะแบบนี้!” พิมาลาบอกก
“เดี๋ยวนะ! ใครบอกเธอว่าห้องสแกนนิ้วไม่มีกล้องวงจรปิด”สิรันถามพร้อมกับมองหน้าสองสาวนิ่งผลัวะ!จันจิราที่ผลักประตูห้องเข้ามาเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ หลังจากที่ทราบว่าหลานสาวของตนถูกเพื่อนในแผนกเดียวกันสาดกาแฟใส่“เธอสองคนใช่ไหมที่ทำหลานฉัน”“ค่ะ! หนูเป็นคนเอากาแฟสาดใส่กุ๊กเอง” มะลิฉัตรยอมรับ“ไล่ออก! ให้สองคนนี้ออกจากงานเลยนะคุณสิรัน” จันจิราบอกเสียงดังอย่างเอาเรื่อง“เอ่อ... สิเข้าใจนะคะว่ากุ๊กเป็นหลานของคุณจิรา แต่เราควรให้ความเป็นธรรมกับทุกคนค่ะ” สิรันบอกอีกฝ่ายอย่างใจเย็น“หลานฉันโดนขนาดนี้ ฉันจะเอาเรื่องเด็กนั่นให้ถึงที่สุด” จันจิราบอกเสียงดังจนเล็ดลอดออกไปด้านนอกห้อง“แจ้งความเลยไหมคะ? พอดีหนูมีเบอร์ผู้กำกับฯ อยู่ เดี๋ยวโทร.ให้เลยค่ะ” พิมาลาบอกพลางทำท่าจะล้วงมือถือออกจากกระเป๋าเสื้อ“พิมาลา!” สิรันเอ่ยปรามก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปกันใหญ่“ขอโทษค่ะหัวหน้า หนูแค่ทนฟังคนที่ตัดสินคนอื่นจากความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ คุณเห็นว่าหลานสาวของตัวเองเปียกไปด้วยน้ำกาแฟ แล้วคุณก็โกรธและตัดสินว่าพวกหนูผิด ประทานโทษนะคะคุณมองเห็นไหม? ว่าเพื่อนของหนูก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำแดงตั้งแต่หัวจดเท้าเหมือนกัน”
“มีเรื่องอะไรอีกหรือคะ” มะลิฉัตรถามพลางมองดูรูปของชายหญิงคู่หนึ่ง ที่ยังคงดูสง่างามและภูมิฐาน แม้ว่าอายุน่าจะล่วงเลยเข้าวัยห้าหรือหกสิบไปแล้ว ‘นี่คงเป็นรูปเจ้าของโรงแรมสินะ!’“ผมทราบเรื่องที่เกิดขึ้นคร่าวๆ จากคุณสิรัน และก็เปิดดูกล้องมาแล้ว ผมไม่อยากให้พนักงานมีปัญหากันในที่ทำงาน เพราะมันจะทำให้งานพังและเดือดร้อนเพื่อนร่วมงานที่ออกเวรไปแล้ว ต้องกลับเข้ามาทำงานต่อแทนพวกคุณ ฉะนั้นเพื่อตัดปัญหาทุกอย่าง ผมจะให้คุณทั้งสองคนมาเป็นผู้ช่วยเลขาฯ ที่หน้าห้องแทน พวกคุณโอเคไหม?”ผู้จัดการหนุ่มยื่นข้อเสนอ ตอนนี้พนักงานทั้งบริษัทกำลังลุ้นผลว่าการที่จันจิราออกโรงปกป้องหลานสาว และฉีกหน้าสิรันที่ห้องทำงาน จนอีกฝ่ายทนไม่ไหวขอยื่นใบลาออกนั้น เขาจะจัดการกับปัญหานี้ยังไง“เอ่อ... แต่คุณจิราไล่พวกเราออกแล้วนะคะ” พิมาลาท้วงด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ“ผมเป็นผู้จัดการ คำสั่งของผมถือเป็นที่สุด โอเค้!” ธีรติยกยิ้มนิดเมื่อจ้องมองสาวแกร่ง ที่คอยปกป้องเพื่อนในเทปบันทึกภาพที่สิรันส่งมาให้อย่างขำๆ ‘ท่าทางตอนนั้นกับตอนนี้ต่างกันลิบเลยนะพิมาลา!’“อะ... โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะที่ยังให้เราสองคนทำงานต่อ” พิมาลายิ้มกว้างอย่างดีใจ“เ
Rocasander Grand Hotelมะลิฉัตรวิ่งเข้าประตูด้านหลังของโรงแรมดั่งเช่นทุกครั้ง ก่อนจะตรงไปที่ลิฟต์และกดขึ้นไปยังชั้นบนสุดอย่างเร่งรีบติ๊ง!ทันทีที่มาถึงยังสถานที่ต้องห้าม เธอก็ตรงไปยังประตูบานใหญ่ พร้อมกับกดรหัสที่ธาริณีบอกลงยังแป้นพิมพ์ และเพียงเสี้ยวนาทีที่ประตูบานใหญ่เปิดออก เธอถึงกับอึ้งและตกตะลึงในความงดงามภายในห้อง ที่ตกแต่งด้วยสไตล์คลาสสิก โดยผสมผสานความหรูหราเอาไว้ได้อย่างลงตัว ในแบบที่ไม่เคยพบเคยเห็นที่ไหนมาก่อน“ว้าว! อย่างกับสวรรค์แน่ะ!” เมดสาวอุทานออกมาราวกับคนกำลังละเมอ ขณะที่เดินไปยังห้องนอนใหญ่ทางด้านปีกขวาตามที่หัวหน้าแผนกได้บอกเอาไว้ ด้วยหัวใจสั่นๆ“แม่เจ้า! เตียงใหญ่ขนาดนี้ คนหรือว่ายักษ์นอนกันนะ!” เธอเอ่ยเสียงดังอย่างตื่นเต้น ก่อนจะหลับตาแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงกว้าง อย่างหลงลืมตัวไปชั่วขณะ“กรี๊ดดดด” หญิงสาวถูไถใบหน้าไปมากับที่นอนแสนนุ่ม ก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมาอย่างชอบใจ กับความยืดหยุ่นที่ทำให้ตัวของเธอเด้งไปมาเหมือนได้เล่นสไลเดอร์ของเด็กๆเอี๊ยดดดดดเสียงเบรกรถที่ดังอยู่ด้านหน้าของโรงแรม ทำให้พนักงานต่างพากันหันมามองตามเสียงกันเป็นแถว“เอารถไปเก็บเร็ว!” ธีรติบอกก่อนจะ
“พูดบ้าอะไรมะลิ! นี่คุณเลโอนาดท์ โรคาซานเดอร์ เจ้าของโรงแรมนี้นะ!” ธาริณีสะบัดแขนจากการจับกุมของเด็กสาว แล้วรีบเดินเข้าไปหาบอสใหญ่ที่กำลังยันตัวลุกขึ้น“จะ... เจ้าของโรงแรม” มะลิฉัตรอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง! รู้สึกตัวชาวาบตั้งแต่ศีรษะยันปลายเท้าขึ้นมาทันใด“ใช่! แล้วนี่ก็ห้องพักของฉัน” เลโอนาดท์เสริมต่อด้วยน้ำเสียงเข้มๆ พลางจ้องมองใบหน้างามที่ซีดลงไปถนัดตาอย่างรู้สึกสะใจขึ้นมานิดๆ“เอ่อ... คือว่า... คือว่า...” สาวเจ้าอึกอักขึ้นมาทันใด“ณีกราบขอโทษท่านด้วยนะคะ ที่เด็กใหม่ เอ่อ... เสียมารยาท”ธาริณีรีบขอโทษอย่างร้อนใจ!“หึ! แต่เมื่อกี้ตอนที่ผมเข้ามา ผมเห็นเธอกำลังกระ... โดด”“ทะ... ทำความสะอาดค่ะ คือไอ้สิง เอ๊ย! ท่าน ขะ... เข้ามาตอน ที่มะลิกำลังทำความสะอาดน่ะค่ะ” มะลิฉัตรรีบแก้ตัว ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มด้วยสายตาวิงวอน!“พระเจ้า! เมื่อกี้เธอกำลังทำความสะอาดอยู่อย่างนั้นเหรอ?”เลโอนาดท์เดาอาการของสาวเจ้าอย่างรู้ทันว่าอีกฝ่ายคงกลัวหัวหน้าจะรู้เรื่องที่ขึ้นไปกระโดดเล่นเหยงๆ บนเตียง“ชะ... ใช่ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยรับเสียงสั่น“ปกติคุณทำความสะอาดที่นี่แค่คนเดียวไม่ใช่เหรอธาริณี!” เลโอนาดท์หันไปถามคน
“เธอนั่นแหละที่พูดไม่รู้เรื่อง! อยากให้ฉันใช้ภาษากายสื่อสารแทนไหมล่ะ บางทีมันอาจจะทำให้เธอเข้าใจอะไรๆ ง่ายขึ้น!”“ไม่มีทางเด็ดขาด อ๊ะ! ปล่อยนะไอ้คนบ้า” มะลิฉัตรกรีดร้อง เสียงหลงเพราะถูกคนปากว่ามือถึงรวบตัวแล้วอุ้มลอยขึ้น“เธอมีปัญหากับการสื่อสารนะรู้ตัวไหม?” เลโอนาดท์เอ่ยก่อน จะอุ้มสาวเจ้าเดินตรงไปยังอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่“ปล่อยเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นคุณเจ็บตัวแน่ๆ” มะลิฉัตรโกรธจนหน้าแดงก่ำที่ถูกลวนลาม ‘หึ! เจ้าของโรงแรมก็เจ้าของโรงแรมเถอะวะ ตายเป็นตาย!’ หญิงสาวเตรียมท่าพร้อมจะสู้“หึ! เธอจะทำอะไรฉันเหรอ” เลโอนาดท์ยิ้มยั่วอย่างนึกสนุก“ก็จะทำแบบนี้ไง” เธอบอกพร้อมกับฝังฟันซี่เล็กๆ ลงที่ต้นคอของอีกฝ่ายอย่างไม่รอช้า“อ๊ากกกกกก” เลโอนาดท์ร้องลั่น เจ็บจนเนื้อเต้น แต่ก็ยังอุ้มสาวเจ้าเอาไว้ไม่ยอมปล่อยเมดสาวถอนฟันซี่เล็กออกจากต้นคอหนา มองดูสิงโตหนุ่มแหกปากร้องคำรามอย่างสะใจ “ฉันเตือนคุณแล้วนะ”“หึ! กลัวตายละ” เลโอนาดท์กะพริบตาไล่หยดน้ำที่ปริ่มๆ ดวงตา ก่อนจะอุ้มสาวเจ้าเดินตรงไปยังอ่างอาบน้ำอย่างรวดเร็ว“ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ! นี่คุณอยากเจ็บตัวอีกใช่ไหม?” เธอเริ่มกลัวขึ้นมานิดๆ หลังจากที่เห็นอีกฝ่าย
ฟองสบู่ที่ค่อนข้างเยอะ ทำให้บดบังขีปนาวุธขนาดเขื่องที่กำลังพร้อมรบเอาไว้ได้ เลโอนาดท์รีบจัดระเบียบช่วงล่างให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะหันไปบอกเมดสาว“หันมาได้”“เอ่อ... มะลิขอไปใส่เสื้อก่อนได้ไหมคะ” คนที่เหลือแต่บราและกระโปรงตัวเดียวบอกอย่างรู้สึกอาย กลัวว่าอีกฝ่ายจะเจ้าเล่ห์แอบหันมามองหน้าอกของเธอ“ไม่ต้อง! ฉันนั่งเครื่องมานาน ฉันอยากอาบน้ำ ทานข้าว แล้วก็นอนพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้เช้าต้องเข้าประชุมใหญ่ และถ้าเธอยังประวิงเวลาออกไปเรื่อยๆ บางทีฉันอาจจะเปลี่ยนใจแล้วทำเหมือนเมื่อกี้กับเธออีก! และครั้งนี้มันคงจะหยุดไม่ได้ เข้าใจใช่ไหม?” เลโอนาดท์เอ่ยเตือนคนที่ทำท่าจะยึกยัก ขณะเดียวกันก็แอบท้วงตัวเองในใจอย่างหงุดหงิด‘นี่เราต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่อยากให้ยัยนี่อาบน้ำและสระผมให้’“ขะ... เข้าใจแล้วค่ะ” มะลิฉัตรตอบก่อนจะค่อยๆ หันกลับ ก็เห็นแผ่นหลังกว้างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามหนั่นแน่นของอีกฝ่ายชัดๆ‘พระเจ้า! คนหรือยักษ์เนี่ย’“รีบลงมือเร็วๆ สิ! เดี๋ยวเธอยังต้องทำอาหารให้ฉันทานอีก” คนที่เพิ่งจะข่มอารมณ์หื่นให้สงบ ต่อว่าด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน“ค่ะท่าน” มะลิฉัตรเอ่ยรับเบาๆ อย่างทำใจ“หึ! เรียกท่านได้แล้
พรึ่บ!“กรี๊ดดดดดด” เมดสาวกรีดร้องขึ้นสุดเสียงเมื่อรู้ว่ากระโปรงของเธอลงไปกองที่ผิวน้ำ จึงหันกลับไปตวัดฝ่ามือลงบนใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างไม่รอช้าเพียะ!เลโอนาดท์ที่หน้าหันไปตามแรงตบ ค่อยๆ หันกลับมามองหญิงสาวด้วยสายตาแดงก่ำ ขณะที่รอยนิ้วแดงๆ เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาจางๆ“พระเจ้า! ฉันเตือนเธอแล้วนะ!”“ไปตายซะไอ้คนสารเลว! อ๊ะ... อื้อ...” เธอตะโกนด่ายังไม่ทันขาดคำก็ถูกสิงโตหื่นบดขยี้จูบที่เร่าร้อนและเนิ่นนานเข้าอีกครั้ง‘เธอไม่น่าไว้ใจคนอย่างเขาเลย’ มะลิฉัตรต่อว่าตัวเอง ขณะที่ฝ่ามือหนาๆ ลูบไล้ไปทั่วทุกสัดส่วนอย่างถือดีเลโอนาดท์อุ้มสาวเจ้าลอยขึ้น แล้วรีบเดินตรงไปยังเตียงขนาด คิงไซส์ที่อยู่ด้านนอก“ฮึก! คะ... คุณจะทำอะไรฉัน”เธอเอ่ยทั้งน้ำตา เมื่อร่างหนาวางเธอลงบนเตียง แล้วตามขึ้นมาทาบทับไม่ให้เธอขยับดิ้นหนีไปไหนได้“ก็ทำให้เธอเลิกดื้อยังไงล่ะ!” เลโอนาดท์บอกพร้อมกับดึงบรา ที่โอบอุ้มดอกบัวงามออก“อ๊ะ! กรี๊ดดดดด” เมดสาวร้องเสียงดัง เมื่อริมฝีปากหนาสัมผัสลงยังปลายถันและดูดกลืนราวกับคนที่หิวกระหาย“อื้อ...” เลโอนาดท์ครางอย่างขัดใจเมื่อข้อมือบางพยายามจะผลักใบหน้าของตนออก“ฮือๆๆ ฉะ... ฉันจะ