“มะลิเดี๋ยว! หยุดก่อน มะลิ!” เลโอนาดท์ตะโกนบอกคนที่วิ่งหน้าตั้งให้หยุด
“กรี๊ดดด อย่าตามนะไอ้โรคจิต”
เมดสาววิ่งเร็วขึ้นทันทีที่เห็นอีกฝ่ายวิ่งตาม อารมณ์และสถานการณ์ต่างๆ มันดูคล้ายกับเหยื่อสาวบริสุทธิ์ที่กำลังวิ่งหนีฆาตกรโรคจิตอย่างไรอย่างนั้น
“ให้ตายเถอะ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” สิงโตหนุ่มเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
“ฉะ... ฉันลาออก! ฉะ... ฉันจะไม่ทำงานที่นี่อีกแล้ว” สาวเจ้าวิ่งไปตะโกนไปอย่างเริ่มจะสับสนว่าประตูทางออกอยู่ตรงไหน เพราะเธอวิ่งวนกลับมาที่หน้าห้องของอีกฝ่ายเป็นรอบที่สองแล้ว
“ใจเย็นๆ สิ ฉันก็แค่ปลดปล่อยความต้องการที่อัดอั้นและค้างคามาจากเธอ ก็แค่นั้น!” ลีโอนาดท์บอกหลังจากที่คว้าร่างบางเข้ากอดไว้ได้
“อ๊ะ ปล่อยฉันนะ!” สาวเจ้าร้องเสียงหลงเมื่อถูกจับได้
“เราต้องคุยกัน” เขาบอกเสียงจริงจัง พร้อมกับหมุนร่างบางให้ หันมาเผชิญหน้า
“กะ... ก็เรื่องของคุณสิ! แต่ฉันกลัว ฉันรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้คะ... คุณทำให้ฉันสติแตก”
“เธอก็ทำฉันสติแตกเหมือนกัน! หุ่นเธอ น้ำเสียงเธอ ริมฝีปากเธอ หน้าอกเธอ แล้วก็ตรงนั้นของเธอ ทำให้ฉันคลั่งจนแทบบ้า เธอนอนเปลือยเปล่าครวญครางอยู่บนเตียง ใต้ร่างของฉัน! แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรกับเธอ ทั้งๆ ที่อยากจะกลืนกินจนแทบคลั่ง! แต่สุดท้ายก็ต้องไปช่วยตัวเอง ในห้องน้ำ และเธอก็ดันเปิดประตูเข้ามาเห็นเข้า โอ้พระเจ้า! ฉันสิ! ฉันคือคนที่กำลังสติแตกอยู่ตอนนี้ต่างหาก มะลิ!” สิงโตหื่นระบายอารมณ์ด้วยใบหน้าแดงก่ำ ทั้งโมโหผู้หญิงตรงหน้า ทั้งอับอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“...” มะลิฉัตรค้างนิ่ง เบลอๆ งงๆ กับประโยคที่ยาวเหยียดของ อีกฝ่าย ไม่รู้ว่าตัวเองควรเข้าใจไปทางไหนดี
“เธอทำอาหารเสร็จหรือยัง ฉันหิว!” เขาเอ่ยถามหลังจากที่สาวเจ้านิ่งเงียบไปชั่วขณะ
“สะ... เสร็จแล้วค่ะ” มะลิฉัตรตอบอย่างมึนๆ
“งั้นเราไปทานข้าวกันเถอะ ฉันหิวแล้ว” เลโอนาดท์เอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ดะ... เดี๋ยว มะ... เมื่อกี้ฉันบอกว่าลาออกนะ” เธอรีบทวนความจำให้อีกฝ่าย
“ไม่เห็นได้ยินเลย เราไปกินกันดีกว่านะ” ชายหนุ่มตีมึนต่อราวกับว่าหลงลืมเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนนั้นไปจนหมดสิ้น
“นะ... นี่คุณโดนผีเข้าหรือเปล่าเนี่ย?” เธอถามอย่างไม่แน่ใจ
“ผีบ้าอะไรล่ะ! ไปเร็ว!” เลโอนาดท์บีบจมูกที่โด่ง นั้นอย่างมันเขี้ยว
‘ไอ้บ้านี่เต็มหรือเปล่านะ?’ มะลิฉัตรมองคนที่จูงมือเดินไป อย่างงงๆ ว่าอีกฝ่ายอยู่ในอารมณ์ไหน จนกระทั่งเดินมาถึงโต๊ะทานอาหาร ที่มีฝาชีใหญ่ครอบอยู่
“เธอทำอะไรให้ฉันทานเหรอ?” เขาหันมาถามยิ้มๆ
“ปะ... เปิดดูเองเถอะค่ะท่าน” มะลิฉัตรเริ่มใจสั่นขึ้นมานิดๆ
“ว้าว! มื้อแรกของเราจะเป็นอะไรนะ?” เลโอนาดท์ทำท่าตื่นเต้น ก่อนจะดึงฝาชีที่ครอบออก มะลิฉัตรรีบหลับตาลงอย่างรู้ชะตากรรมว่า อีกฝ่ายจะต้อง...
“พระเจ้า! นี่เธอกะจะให้ฉันตายเลยหรือไง มะลิ!” เขาหันไปถามสาวเจ้าที่ยืนนิ่งด้วยสีหน้าขุ่นเคือง หลังจากที่เห็นพริกกับเส้นมาม่าพันกันไปมาอยู่ในชามใบใหญ่ ‘พริกนี่น่าจะสักครึ่งโลได้’
“เอ่อ... ก็ท่านบอกว่าทานได้ทุกอย่างนี่คะ” คนมีความผิดเอ่ยเสียงเบา เตรียมท่าจะวิ่งหนีอีกครั้ง
“ใช่! แต่ต้องเป็นอาหารที่เธอทานได้ด้วย” เลโอนาดท์กลอกตาอย่างเซ็งๆ
“กะ... ก็ทานได้สิคะ แบบนี้มะลิทานเป็นประจำเลยค่ะ” เธอเอ่ยเสียงใสกลบเกลื่อนอาการสั่นกลัวในใจ
“จริงเหรอ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามอย่างไม่เชื่อ
“จะ... จริงค่ะ ไม่เชื่อมะลิทานให้ดูก็ได้” สาวเจ้าหยิบส้อมขึ้นมาทำท่าจะทานให้ดู แต่กลับถูกมือหนายกจานขึ้นซะก่อน
“อย่า! ฉันไม่อยากหามเธอส่งโรงพยาบาลเพราะอาหารนี่”เขาบอกพร้อมกับรีบเทผัดมาม่าลงในถังขยะ
“งั้นท่านจะทานอะไรดีคะ เดี๋ยวมะลิจะทำให้ใหม่ค่ะ” เธอบอกอย่างรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆ
“เธอนั่งรอก็พอ เดี๋ยวมื้อนี้ฉันจะทำเอง” เขาหันมาบอกก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็น แล้วหยิบของออกมาวาง
“ค่ะ” เธอตอบรับ พร้อมกับจ้องมองร่างสูงที่เริ่มลงมือทำอาหารด้วยท่าทางคล่องแคล่วราวกับเชฟมืออาชีพอย่างแปลกใจ
สามสิบนาทีต่อมา...
เลโอนาดท์วางสเต๊กฟิเลมิยองลงในจาน ที่มีผักร็อกเกตกับมะเขือเทศเชอร์รี่ที่ราดซอสบัลซามิกเอาไว้ แล้วส่งจานไปให้กับหญิงสาวที่นั่งจ้องหน้าตนนิ่งมาเกือบห้านาที
“นี่ของเธอ” เขาบอกก่อนจะหยิบจานของตัวเองมาวาง พร้อมนั่งลงข้างๆ กับเธอ
“ว้าว! ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรมองสเต๊กจานใหญ่อย่างทึ่งๆ แต่ยังไม่ยอมจับมีดกับส้อม
“หั่นเป็นไหม?” เลโอนาดท์เลิกคิ้วถามยิ้มๆ
“เอ่อ...” มะลิฉัตรส่ายหน้าเบาๆ
“มา! ฉันหั่นให้ดีกว่า จะได้ทานง่ายขึ้น” เขาเลื่อนจานของตัวเองออก แล้วยกจานของเธอมาวางแทนที่ จากนั้นก็ลงมือหั่นสเต๊กให้อย่างอารมณ์ดี
มะลิฉัตรแทบทำตัวไม่ถูก กับการกระทำที่ดูใส่ใจราวกับสุภาพบุรุษในเทพนิยาย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าออกจะหื่นจนเธอเกือบไม่รอดมาหลายครั้ง
“เรียบร้อยแล้ว!” เขาเลื่อนจานส่งคืนให้เธอหลังจากที่หั่นเสร็จ
“ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรเผลอยิ้มกว้างอย่างลืมตัว
“นี่! ตรงนี้... สำหรับคำว่าขอบคุณของเธอ” เลโอนาดท์บอกพร้อมกับชี้นิ้วลงที่แก้มของตัวเอง
“ฮะ...” มะลิฉัตรถึงกับอึ้งไปสามวินาที
“ฮะอะไรล่ะ เร็วสิ!” เลโอนาดท์หันมาทำหน้าดุ
“แต่ว่าฉัน...”
“เธอจะเป็นคนหอมฉัน! หรือว่าจะให้ฉันจูบเธอ เลือกมา!”
“เอ่อ... งั้นขอถอนคำพูดเมื่อกี้ได้ไหมคะ ที่บอกว่าขอบคุณ” คนที่ถือมีดกับส้อมค้างเริ่มจะมีอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง ‘อีตาบ้านี่หน้ามึนจริงๆ’
“โอเค! งั้นฉันจูบเลยแล้วกัน” เขาเอ่ยพลางทำท่าจะลุกขึ้น
“อย่านะ!” เธอรีบร้องห้ามแล้วขยับหนี
“ให้เร็วเลย! ฉันหิวแล้ว” เลโอนาดท์เอ่ยเสียงเข้มด้วยสีหน้าจริงจัง
“เฮ้อ...ค่ะ” เธอถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ก่อนจะลุกขึ้น
‘นี่เรามาถึงจุดนี้ได้ไงนะ จุดที่ต้องทำตามที่อีตาบ้านั่นสั่งทุกอย่าง’
“อาหารจะเย็นหมดแล้วนะ!” ชายหนุ่มเอ่ยเตือนเพราะสาวเจ้ายังไม่ยอมเข้ามาหอมแก้มตนสักที
“ค่ะ” มะลิฉัตรขยับเข้าไปใกล้ แล้วกดริมฝีปากบางที่แก้มของเขาอย่างรวดเร็ว! แต่แล้วก็ตกใจที่อยู่ๆ อีกฝ่ายดึงเธอเข้าไปกอด
“จุ๊บ! จุ๊บ!” เลโอนาดท์จดริมฝีปากลงที่แก้มนวลทั้งสองข้างอย่างอดใจไม่ไหว
“นี่คุณ!” มะลิฉัตรจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขุ่นเคือง ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นแล้วกลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง
“มารยาททางสังคมน่ะ หึๆ” ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะหยิบมีดกับส้อมมาหั่นสเต๊กของตัวเองทานต่ออย่างเนียนๆ
‘สังคมหื่นกามน่ะสิไม่ว่า!’ มะลิฉัตรต่อว่าอีกฝ่ายในใจ
“ทานต่อสิ!”
สาวเจ้าไม่ตอบ แต่จิ้มเนื้อนุ่มขึ้นมาทานต่อด้วยความหิว เพราะตั้งแต่โดนโทร. ตามตัวมาทำงาน เธอยังไม่ได้ทานอะไรเลย!
“อร่อยไหม?”
“ค่ะ” เมดสาวเอ่ยเบาๆ โดยไม่มองหน้าของอีกฝ่าย
“เอาน่า... ก็แค่หอมแก้มเองจะนอยด์อะไรนักหนา เมื่อกี้ฉันทั้งดูด ทั้ง...”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” มะลิฉัตรหน้าแดงขึ้นมาทันใด เมื่ออยู่ๆ ภาพของเธอกับเขาที่กำลังนัวเนียกันอยู่บนเตียง ก็ผุดขึ้นมาให้ระลึกถึงอีกครั้ง!“ฮ่าๆๆๆ” ชายหนุ่มหัวเราะอย่างขบขันกับท่าทางของสาวเจ้า‘ให้ตายสิ! เขาไม่เคยอยู่กับผู้หญิงคนไหนแล้วมีความสุขขนาดนี้มาก่อน!’“คุณสนุกนักหรือไงที่ได้แกล้งฉันน่ะ ฮึก!” มะลิฉัตรต่อว่าทั้งน้ำตา“เฮ้! ฉันแค่หยอกเล่นเฉยๆ” คนที่กำลังหัวเราะถึงกับหยุดชะงักไปทันทีทันใดที่เห็นสาวเจ้ามีน้ำตา“แล้วคุณเห็นฉันหัวเราะไหม! ฮือๆๆ” เธอปล่อยโฮออกมาเสียงดังอย่างกลั้นไม่อยู่เลโอนาดท์รู้สึกผิดขึ้นมาทันที ‘พระเจ้า! เขารู้สึกเหมือนตัวเอง เป็นเด็กเกเร ที่ชอบกลั่นแกล้งเด็กผู้หญิงให้ร้องไห้ยังไงยังงั้น!’“มะ... มะลิ เงียบก่อน ฉะ... ฉันขอโทษ”“ฮึก! คุณเห็นฉันเป็นคนที่ต้อยต่ำกว่า คุณจึงคิดว่าจะทำอะไรก็ได้อย่างงั้นเหรอ คุณมันไอ้คน...” เมดสาวจับมีดหั่นสเต๊กเอาไว้มั่น“เฮ้! ใจเย็นๆ มะลิ! อย่าเล่นมีดสิ” เลโอนาดท์รีบดึงมีดในมือของสาวเจ้ามาเก็บ เพราะเธอทำท่าเหมือนจะลุกขึ้น แล้วเอามันมาเสียบที่ไหนสักแห่งบนตัวเขา“ฮือๆๆ
สิบนาทีต่อมา... หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ มะลิฉัตรก็เดินตรงไป ที่เตียงนอน เธอเห็นชุดเสื้อผ้าสตรีของแบรนด์ Adidas วางอยู่บนเตียงหลายชุด จึงหยิบกางเกงเลกกิ้งขายาวสีดำกับเสื้อยืดแขนยาวสีขาวแถบ สีดำ ตรงไปยังห้องแต่งตัวทันทีที่เข้าไปด้านในก็เจอชุดชั้นในวางเรียงอยู่เต็ม จึงหยิบขึ้นมาดูด้วยมือสั่นๆ เพราะขนาดบราและแพนตี้พอดีกับขนาดที่เธอใส่อยู่เป๊ะ!“ว้าว! วิกตอเรียซีเคร็ตซะด้วย!” มะลิฉัตรเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยอารมณ์เบิกบาน เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคุณหนูที่ฐานะทางบ้านร่ำรวย ไม่มีผิดสาวเจ้ายืนหมุนซ้ายหมุนขวาที่หน้ากระจกบานใหญ่ สำรวจความเรียบร้อยอยู่ครู่หนึ่ง ก็เดินออกไปหาอีกฝ่ายที่ด้านนอกขณะที่เลโอนาดท์นั่งเลือกรองเท้าให้หญิงสาวฆ่าเวลาอยู่นั้น ทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดประตูห้อง เขาก็รีบหันไปมอง“ว้าว! อย่างกับเด็กสาวอายุ 16-17 แน่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยทักพร้อมกับจ้องมองเรือนร่างบอบบางอย่างสำรวจ“Adidas!” มะลิฉัตรไม่สนใจกับคำพูดของอีกฝ่าย เพราะกำลังตื่นเต้นกับรองเท้าที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะนับสิบคู่“ใช่ ของเธอทั้งหมดเลย วันนี้ใส่คู่นี้นะ”
รอนมองตามรถที่แล่นออกไปอย่างรู้สึกมึนๆ ไม่รู้ว่าผู้เป็นนาย ไปพาสาวเจ้ามาจากไหน แถมยังพาออกมาทางลิฟต์ส่วนตัวโดยไม่ห่วงความปลอดภัย ว่าเรื่องที่เป็นความลับนี้จะถูกแพร่งพรายให้คนนอกรู้“รอน! บอสออกไปรับคุณซาเก้เหรอ?” แดนที่เพิ่งไปเข้าห้องน้ำมาถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นรถของผู้เป็นนายขับออกไป“ไม่! นายกับฉันต่างหากที่ต้องไปรับคุณซาเก้แทน” รอนหันไปบอก“อ้าว! แล้วบอสไปไหน ทำไมไม่มีคนคุ้มกัน” แดนถามอย่างร้อนใจ เพราะกลัวว่าเจซีที่กำลังเตรียมเอกสารการประชุมอยู่ จะรู้เรื่องนี้เข้า“บอสพาสาวไปเที่ยว สั่งห้ามติดตาม” รอนย้ำก่อนเดินไปบอก บอดี้การ์ดอีกสองคนที่นั่งจิบกาแฟอยู่ในห้อง ให้เตรียมตัวไปรับเพื่อนเจ้านายที่สนามบิน“หวังว่าเรื่องคงไม่แย่นะ” แดนบอกด้วยสีหน้าหวั่นๆ“แย่อะไรล่ะ! บอสยิ้มให้สาวคนนั้นอย่างกับคนเป็นบ้าแน่ะ ไปๆ ไปเตรียมตัวเถอะ อีกชั่วโมงหนึ่งคุณซาเก้ก็มาถึงแล้ว” รอนบอกก่อนจะดึงแขนของแดนให้ออกเดินตามปรื้น! ปรื้น! ปรื้นนนนนเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ราคาแพงดังก้องไปทั่วบริเวณที่รถแล่นผ่าน มะลิฉัตรนั่งตัวตรง จ้องมองท้อง
“หึๆ ไม่เมาก็เสียตัวได้นะมะลิ” เลโอนาดท์บอกพลางขยิบตาให้สาวเจ้าอย่างต้องการจะหยอกเย้า“บ้า!” มะลิฉัตรมองค้อน ก่อนจะก้มลงเลือกเมนูที่ต้องการต่อ“ฉันดื่มคนเดียวจะสนุกอะไรล่ะ” เขาตื๊อต่อ“จ้างให้แก้วละพันก็ไม่ดื่มหรอกค่ะ” มะลิฉัตรบอกอย่างไม่สนใจ‘อีตาบ้านี่ยิ่งหื่นๆ อยู่ด้วย’“ฮ่าๆๆ งั้นให้แก้วละหมื่นแล้วกัน” เลโอนาดท์บอกพลางหัวเราะชอบใจกับท่าทางของสาวเจ้า ที่เหมือนจะรู้ทันความคิดของตน“อะ... อะไรนะคะ” มะลิฉัตรเงยหน้าขึ้นถามอย่างไม่เชื่อหู“ฉันให้แก้วละหมื่น พอจะดื่มเป็นเพื่อนฉันสักแก้วได้ไหม” เลโอนาดท์เอ่ยก่อนจะส่งยิ้มยียวนไปให้อย่างท้าทาย“สัญญานะว่าถ้าฉันเมาแล้วคุณจะไม่ลวนลามเหมือนตอนกลางวัน” คนที่ปฏิเสธในตอนแรก รีบขอคำมั่นด้วยหัวใจสั่น‘แม่เจ้า! แก้วละหมื่น รวยอย่างเดียวพูดไม่ได้นะเนี่ย’“ฉันสัญญา! เอาเลขบัญชีเธอมาได้เลย ฉันจะโอนเข้าให้ทุกครั้ง ที่เธอดื่มหมดแก้ว โอเคไหม?”“สิบแก้วก็หนึ่งแสน!” มะลิฉัตรตาโตขึ้นมาทันใดเมื่อนึกไปถึงเงินแสน เธอรีบหยิบมือถือออกมาเปิดหารูปหน้าบัญชีที่เคยถ่ายเอาไว้ แล้วส่งให
Rocasander Grand Hotel“มะลิ! อึดอัดไหม?” สิงโตหื่นเอ่ยหลังจากที่ถลกเสื้อยืดของสาวเจ้าขึ้นมาจนถึงหน้าอก“อื้อออ”“งั้นถอดนะ!” คนหื่นถามก่อน ราวกับคนที่มีมารยาทนักหนา“อื้อ!” มะลิฉัตรครางอย่างขัดใจที่ถูกก่อกวนการนอน“หึ! ฉันขอแล้วนะ!” เลโอนาดท์ยิ้ม ก่อนจะดึงเสื้อยืดออกจากตัวของสาวเจ้าอย่างไม่รอช้า“โอ้พระเจ้า!” ชายหนุ่มจ้องมองหน้าอกที่โอบอุ้มด้วยบราลายลูกไม้สีขาวอย่างรู้สึกหิวกระหาย“ถะ... ถอดกางเกงต่อเลยนะ” คนถามเริ่มมือไม้สั่นขึ้นมานิดๆ“อื้ออออ” สาวเจ้าครางพร้อมกับดึงหมอนมากอดอย่างรู้สึกหนาว เลโอนาดท์รีบดึงกางเกงเลกกิ้งสีดำออกจากเรียวขาเล็กคู่สวยทันที“โอ้พระเจ้า! เซ็กซี่เป็นบ้า” ชายหนุ่มจ้องมองเรือนร่างบอบบาง ที่เหลือแต่บราและแพนตี้ตัวน้อยอย่างเคลิบเคลิ้ม ก่อนจะก้มลงซุกไซ้ต้นขางามอย่างอดใจไม่ไหว“อื้อ...” คนที่หลับครางรับสัมผัสอย่างไม่รู้สึกตัวเลโอนาดท์จูบลงบนเนินเนื้อที่อวบนูนของสาวเจ้า ผ่านผ้าแพรบางๆ จากนั้นก็ใช้มือเกี่ยวขอบแพนตี้และดึงออกให้พ้นทาง“อื้อ อย่ากวนใจได้ไหม! คนจะนอน” คนที่กำล
“ฮือๆ ละ... แล้วคุณเอาไอ้ตรงนั้นใส่เข้ามาทำไมล่ะ ฮือๆ” สาวเจ้าที่ไม่เคยมาก่อน ตัดพ้อด้วยน้ำตานองหน้า“ให้ตายเถอะ! มันเป็นเรื่องที่ชายหญิงต้องทำกัน มันจะเจ็บแค่ครั้งแรกเท่านั้น ผมสัญญา” เลโอนาดท์ไม่เข้าใจว่าตัวเองทำไมต้องมาเสียเวลาอธิบายในวินาทีหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ด้วย“ฉะ... ฉัน ฉันอาจจะตาย ฮือๆๆ”“ผมไม่ให้คุณตายหรอก แต่ผมจะทำให้คุณมีความสุขต่างหาก ที่รัก” เขาเอ่ยเสียงอ่อน พร้อมกับก้มลงจูบซับน้ำตาให้สาวอย่างอ่อนโยน“ฉันไม่ อะ... อื้อ” เธอกำลังจะเถียงต่อ แต่ก็ถูกอีกฝ่ายจูบซะก่อน เลโอนาดท์ข่มอารมณ์ดิบเถื่อนที่จะไม่จับเอวบางรั้งเข้าหาตัว แต่เดินหน้าเริ่มเล้าโลมสาวเจ้าต่อ เพราะขนาดที่แตกต่างกันทำให้เขาหวั่นใจว่าหากทำรุนแรงไป เธออาจจะขยาดและหวาดกลัวกับการร่วมรักกับตน“ผมอยากจะกลืนกินคุณไปทั้งตัวเลย รู้ไหม อื้อ...” สิงโตกระซิบ ที่หูของสาวเจ้าอย่างหลงใหล ทั้งกลิ่นกายสาวที่หอมละมุน ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เป็นเธอ มันทำให้เขาแทบคลั่ง“อ๊ะ... กรี๊ดดดดด” มะลิฉัตรกรีดร้องปานจะขาดใจเมื่ออีกฝ่ายดันความใหญ่โตเข้ามาอีกครั้ง“ชู่ว์ๆ ผมร
“ผู้หญิงของนาย!” โดมินิกตาโตกับคำพูดของเพื่อนรัก‘ให้ตายสิ! มันบินมาถึงก่อนหน้าเขาแค่สิบชั่วโมงเองนะ!’“ใช่!” เลโอนาดท์ตอบรับ พร้อมกับดึงผ้าขึ้นมาคลุมแผ่นหลังบางให้มิดชิด“นายรู้ใช่ไหม! ว่านั่นหมายถึงอะไร” โดมินิกถามย้ำ“รู้สิ! ฉันรู้ดี” เลโอนาดท์ตอบเสียงหนักแน่นอย่างไม่ลังเล“โอเค! แล้วนายจะเข้าประชุมไหม?”“ฉัน... ฉันอยากอยู่กับเธอ” เลโอนาดท์เอ่ยตามตรง เพราะตอนนี้เขาไม่อยากจะห่างเธอไปไหนแม้แต่วินาทีเดียว!“โอ้พระเจ้า! นาย... นายมันบ้าไปแล้วแน่ๆ” โดมินิกเอ่ยก่อนจะเดินออกห้องไปอย่างหัวเสียปัง!เสียงกระแทกประตูห้องทำให้ร่างบางสะดุ้งสุดตัวทันที ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนระหว่างเธอกับเขาฉายชัดขึ้นมาอีกครั้ง“ตื่นแล้วใช่ไหมมะลิ! ขอโทษที่เพื่อนฉันเสียงดังใส่”“มะ... เมื่อคืนเรา” คนที่เพิ่งตื่นพยายามลำดับเหตุการณ์“เธอเป็นของฉันแล้ว” ชายหนุ่มยอมรับอย่างแมนๆ“ฮึก! ก็ไหนสัญญาว่า...” มะลิฉัตรเอ่ยเสียงสั่นๆ น้ำตาคลอหน่วยขึ้นมาทันใด“ใช่! ฉันสัญญาว่าจะดูแลเธอไปตลอดไง” เลโอนาดท์เอ่ยพร้อมกับดึงมือบางขึ้นม
“มะลิต้องเตรียมตัวไปชลบุรีค่ะ” เธอบอกก่อนจะตักซุปครีมเห็ดขึ้นมาทาน“ไปทำไม?” เลโอนาดท์ถามต่ออย่างไม่หายคาใจ“กลับบ้านค่ะ!”“เธอมีคนรักรออยู่ที่นั่นเหรอ?” ชายหนุ่มวางส้อมกับมีดหั่นสเต๊กลง แล้วยกมือขึ้นกอดอกด้วยสีหน้าหงุดหงิด“ถ้าคุณหมายถึงคนรักที่เป็นแฟน ไม่มีค่ะ แต่ถ้าเป็นคนรักอย่างเช่นครอบครัว น้องๆ มีค่ะ มีเยอะเลย” มะลิฉัตรยิ้มบางๆ กับท่าทางที่เหมือนคิงคองโมโหของอีกฝ่าย“กี่คน”“หกคนค่ะ แต่พวกเราไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่ก็รักกันมากค่ะ” เธอบอกพลางนึกไปถึงน้องๆ และจันทร์ฉายด้วยสีหน้ายิ้มๆ“หมายความว่า...”“เอ่อ... มะลิเป็นเด็กกำพร้า ที่โตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าค่ะ” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ผิดไปจากก่อนหน้าลิบลับ“ฉันขอโทษ” เลโอนาดท์ใจหายแวบกับน้ำเสียงที่ฟังดูขมขื่นนั้น“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ มะลิไม่ได้อาย!”คนที่บอกไม่อาย แต่กลับน้ำตาคลอหน่วยขึ้นมาทั้งสองข้าง เธอรู้สึกโหยหาความอบอุ่น เวลาเห็นเพื่อนคนอื่นๆ มีพ่อแม่อยู่พร้อมหน้า และมันเจ็บทุกๆ ครั้ง ที่พอทุกคนรู้ว่าเธอมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ก็ไม่มีใ