แชร์

11

“มะลิเดี๋ยว! หยุดก่อน มะลิ!” เลโอนาดท์ตะโกนบอกคนที่วิ่งหน้าตั้งให้หยุด

“กรี๊ดดด อย่าตามนะไอ้โรคจิต”

เมดสาววิ่งเร็วขึ้นทันทีที่เห็นอีกฝ่ายวิ่งตาม อารมณ์และสถานการณ์ต่างๆ มันดูคล้ายกับเหยื่อสาวบริสุทธิ์ที่กำลังวิ่งหนีฆาตกรโรคจิตอย่างไรอย่างนั้น

“ให้ตายเถอะ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” สิงโตหนุ่มเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น

“ฉะ... ฉันลาออก! ฉะ... ฉันจะไม่ทำงานที่นี่อีกแล้ว” สาวเจ้าวิ่งไปตะโกนไปอย่างเริ่มจะสับสนว่าประตูทางออกอยู่ตรงไหน เพราะเธอวิ่งวนกลับมาที่หน้าห้องของอีกฝ่ายเป็นรอบที่สองแล้ว

“ใจเย็นๆ สิ ฉันก็แค่ปลดปล่อยความต้องการที่อัดอั้นและค้างคามาจากเธอ ก็แค่นั้น!” ลีโอนาดท์บอกหลังจากที่คว้าร่างบางเข้ากอดไว้ได้

“อ๊ะ ปล่อยฉันนะ!” สาวเจ้าร้องเสียงหลงเมื่อถูกจับได้

“เราต้องคุยกัน” เขาบอกเสียงจริงจัง พร้อมกับหมุนร่างบางให้  หันมาเผชิญหน้า

“กะ... ก็เรื่องของคุณสิ! แต่ฉันกลัว ฉันรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้คะ... คุณทำให้ฉันสติแตก”

“เธอก็ทำฉันสติแตกเหมือนกัน! หุ่นเธอ น้ำเสียงเธอ ริมฝีปากเธอ หน้าอกเธอ แล้วก็ตรงนั้นของเธอ ทำให้ฉันคลั่งจนแทบบ้า เธอนอนเปลือยเปล่าครวญครางอยู่บนเตียง ใต้ร่างของฉัน! แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรกับเธอ ทั้งๆ ที่อยากจะกลืนกินจนแทบคลั่ง! แต่สุดท้ายก็ต้องไปช่วยตัวเอง ในห้องน้ำ และเธอก็ดันเปิดประตูเข้ามาเห็นเข้า โอ้พระเจ้า! ฉันสิ! ฉันคือคนที่กำลังสติแตกอยู่ตอนนี้ต่างหาก มะลิ!” สิงโตหื่นระบายอารมณ์ด้วยใบหน้าแดงก่ำ ทั้งโมโหผู้หญิงตรงหน้า ทั้งอับอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“...” มะลิฉัตรค้างนิ่ง เบลอๆ งงๆ กับประโยคที่ยาวเหยียดของ อีกฝ่าย ไม่รู้ว่าตัวเองควรเข้าใจไปทางไหนดี

“เธอทำอาหารเสร็จหรือยัง ฉันหิว!” เขาเอ่ยถามหลังจากที่สาวเจ้านิ่งเงียบไปชั่วขณะ

“สะ... เสร็จแล้วค่ะ” มะลิฉัตรตอบอย่างมึนๆ

“งั้นเราไปทานข้าวกันเถอะ ฉันหิวแล้ว” เลโอนาดท์เอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“ดะ... เดี๋ยว มะ... เมื่อกี้ฉันบอกว่าลาออกนะ” เธอรีบทวนความจำให้อีกฝ่าย

“ไม่เห็นได้ยินเลย เราไปกินกันดีกว่านะ” ชายหนุ่มตีมึนต่อราวกับว่าหลงลืมเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนนั้นไปจนหมดสิ้น

“นะ... นี่คุณโดนผีเข้าหรือเปล่าเนี่ย?” เธอถามอย่างไม่แน่ใจ

“ผีบ้าอะไรล่ะ! ไปเร็ว!” เลโอนาดท์บีบจมูกที่โด่ง นั้นอย่างมันเขี้ยว

‘ไอ้บ้านี่เต็มหรือเปล่านะ?’ มะลิฉัตรมองคนที่จูงมือเดินไป อย่างงงๆ ว่าอีกฝ่ายอยู่ในอารมณ์ไหน จนกระทั่งเดินมาถึงโต๊ะทานอาหาร ที่มีฝาชีใหญ่ครอบอยู่

“เธอทำอะไรให้ฉันทานเหรอ?” เขาหันมาถามยิ้มๆ

“ปะ... เปิดดูเองเถอะค่ะท่าน” มะลิฉัตรเริ่มใจสั่นขึ้นมานิดๆ

“ว้าว! มื้อแรกของเราจะเป็นอะไรนะ?” เลโอนาดท์ทำท่าตื่นเต้น ก่อนจะดึงฝาชีที่ครอบออก มะลิฉัตรรีบหลับตาลงอย่างรู้ชะตากรรมว่า อีกฝ่ายจะต้อง...

“พระเจ้า! นี่เธอกะจะให้ฉันตายเลยหรือไง มะลิ!” เขาหันไปถามสาวเจ้าที่ยืนนิ่งด้วยสีหน้าขุ่นเคือง หลังจากที่เห็นพริกกับเส้นมาม่าพันกันไปมาอยู่ในชามใบใหญ่ ‘พริกนี่น่าจะสักครึ่งโลได้’

“เอ่อ... ก็ท่านบอกว่าทานได้ทุกอย่างนี่คะ” คนมีความผิดเอ่ยเสียงเบา เตรียมท่าจะวิ่งหนีอีกครั้ง

“ใช่! แต่ต้องเป็นอาหารที่เธอทานได้ด้วย” เลโอนาดท์กลอกตาอย่างเซ็งๆ

“กะ... ก็ทานได้สิคะ แบบนี้มะลิทานเป็นประจำเลยค่ะ” เธอเอ่ยเสียงใสกลบเกลื่อนอาการสั่นกลัวในใจ

“จริงเหรอ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามอย่างไม่เชื่อ

“จะ... จริงค่ะ ไม่เชื่อมะลิทานให้ดูก็ได้” สาวเจ้าหยิบส้อมขึ้นมาทำท่าจะทานให้ดู แต่กลับถูกมือหนายกจานขึ้นซะก่อน

“อย่า! ฉันไม่อยากหามเธอส่งโรงพยาบาลเพราะอาหารนี่”เขาบอกพร้อมกับรีบเทผัดมาม่าลงในถังขยะ

“งั้นท่านจะทานอะไรดีคะ เดี๋ยวมะลิจะทำให้ใหม่ค่ะ” เธอบอกอย่างรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆ

“เธอนั่งรอก็พอ เดี๋ยวมื้อนี้ฉันจะทำเอง” เขาหันมาบอกก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็น แล้วหยิบของออกมาวาง

“ค่ะ” เธอตอบรับ พร้อมกับจ้องมองร่างสูงที่เริ่มลงมือทำอาหารด้วยท่าทางคล่องแคล่วราวกับเชฟมืออาชีพอย่างแปลกใจ

สามสิบนาทีต่อมา...

เลโอนาดท์วางสเต๊กฟิเลมิยองลงในจาน  ที่มีผักร็อกเกตกับมะเขือเทศเชอร์รี่ที่ราดซอสบัลซามิกเอาไว้ แล้วส่งจานไปให้กับหญิงสาวที่นั่งจ้องหน้าตนนิ่งมาเกือบห้านาที

“นี่ของเธอ” เขาบอกก่อนจะหยิบจานของตัวเองมาวาง พร้อมนั่งลงข้างๆ กับเธอ

“ว้าว! ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรมองสเต๊กจานใหญ่อย่างทึ่งๆ แต่ยังไม่ยอมจับมีดกับส้อม

“หั่นเป็นไหม?” เลโอนาดท์เลิกคิ้วถามยิ้มๆ

“เอ่อ...” มะลิฉัตรส่ายหน้าเบาๆ

“มา! ฉันหั่นให้ดีกว่า จะได้ทานง่ายขึ้น” เขาเลื่อนจานของตัวเองออก แล้วยกจานของเธอมาวางแทนที่ จากนั้นก็ลงมือหั่นสเต๊กให้อย่างอารมณ์ดี

มะลิฉัตรแทบทำตัวไม่ถูก กับการกระทำที่ดูใส่ใจราวกับสุภาพบุรุษในเทพนิยาย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าออกจะหื่นจนเธอเกือบไม่รอดมาหลายครั้ง

“เรียบร้อยแล้ว!” เขาเลื่อนจานส่งคืนให้เธอหลังจากที่หั่นเสร็จ

“ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรเผลอยิ้มกว้างอย่างลืมตัว

“นี่! ตรงนี้... สำหรับคำว่าขอบคุณของเธอ” เลโอนาดท์บอกพร้อมกับชี้นิ้วลงที่แก้มของตัวเอง

“ฮะ...” มะลิฉัตรถึงกับอึ้งไปสามวินาที

“ฮะอะไรล่ะ เร็วสิ!” เลโอนาดท์หันมาทำหน้าดุ

“แต่ว่าฉัน...”

“เธอจะเป็นคนหอมฉัน! หรือว่าจะให้ฉันจูบเธอ เลือกมา!”

“เอ่อ... งั้นขอถอนคำพูดเมื่อกี้ได้ไหมคะ ที่บอกว่าขอบคุณ” คนที่ถือมีดกับส้อมค้างเริ่มจะมีอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง ‘อีตาบ้านี่หน้ามึนจริงๆ’

“โอเค! งั้นฉันจูบเลยแล้วกัน” เขาเอ่ยพลางทำท่าจะลุกขึ้น

“อย่านะ!” เธอรีบร้องห้ามแล้วขยับหนี

“ให้เร็วเลย! ฉันหิวแล้ว” เลโอนาดท์เอ่ยเสียงเข้มด้วยสีหน้าจริงจัง

“เฮ้อ...ค่ะ” เธอถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ก่อนจะลุกขึ้น

‘นี่เรามาถึงจุดนี้ได้ไงนะ จุดที่ต้องทำตามที่อีตาบ้านั่นสั่งทุกอย่าง’

“อาหารจะเย็นหมดแล้วนะ!” ชายหนุ่มเอ่ยเตือนเพราะสาวเจ้ายังไม่ยอมเข้ามาหอมแก้มตนสักที

“ค่ะ” มะลิฉัตรขยับเข้าไปใกล้ แล้วกดริมฝีปากบางที่แก้มของเขาอย่างรวดเร็ว! แต่แล้วก็ตกใจที่อยู่ๆ อีกฝ่ายดึงเธอเข้าไปกอด

“จุ๊บ! จุ๊บ!” เลโอนาดท์จดริมฝีปากลงที่แก้มนวลทั้งสองข้างอย่างอดใจไม่ไหว

“นี่คุณ!” มะลิฉัตรจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขุ่นเคือง ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นแล้วกลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง

“มารยาททางสังคมน่ะ หึๆ” ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะหยิบมีดกับส้อมมาหั่นสเต๊กของตัวเองทานต่ออย่างเนียนๆ

‘สังคมหื่นกามน่ะสิไม่ว่า!’ มะลิฉัตรต่อว่าอีกฝ่ายในใจ

“ทานต่อสิ!”

สาวเจ้าไม่ตอบ แต่จิ้มเนื้อนุ่มขึ้นมาทานต่อด้วยความหิว เพราะตั้งแต่โดนโทร. ตามตัวมาทำงาน เธอยังไม่ได้ทานอะไรเลย!

“อร่อยไหม?”

“ค่ะ” เมดสาวเอ่ยเบาๆ โดยไม่มองหน้าของอีกฝ่าย

“เอาน่า... ก็แค่หอมแก้มเองจะนอยด์อะไรนักหนา เมื่อกี้ฉันทั้งดูด ทั้ง...”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status