“มะลิต้องเตรียมตัวไปชลบุรีค่ะ” เธอบอกก่อนจะตักซุปครีมเห็ดขึ้นมาทาน
“ไปทำไม?” เลโอนาดท์ถามต่ออย่างไม่หายคาใจ
“กลับบ้านค่ะ!”
“เธอมีคนรักรออยู่ที่นั่นเหรอ?” ชายหนุ่มวางส้อมกับมีดหั่นสเต๊กลง แล้วยกมือขึ้นกอดอกด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“ถ้าคุณหมายถึงคนรักที่เป็นแฟน ไม่มีค่ะ แต่ถ้าเป็นคนรักอย่างเช่นครอบครัว น้องๆ มีค่ะ มีเยอะเลย” มะลิฉัตรยิ้มบางๆ กับท่าทางที่เหมือนคิงคองโมโหของอีกฝ่าย
“กี่คน”
“หกคนค่ะ แต่พวกเราไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่ก็รักกันมากค่ะ” เธอบอกพลางนึกไปถึงน้องๆ และจันทร์ฉายด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“หมายความว่า...”
“เอ่อ... มะลิเป็นเด็กกำพร้า ที่โตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าค่ะ” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ผิดไปจากก่อนหน้าลิบลับ
“ฉันขอโทษ” เลโอนาดท์ใจหายแวบกับน้ำเสียงที่ฟังดูขมขื่นนั้น
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ มะลิไม่ได้อาย!”
คนที่บอกไม่อาย แต่กลับน้ำตาคลอหน่วยขึ้นมาทั้งสองข้าง เธอรู้สึกโหยหาความอบอุ่น เวลาเห็นเพื่อนคนอื่นๆ มีพ่อแม่อยู่พร้อมหน้า และมันเจ็บทุกๆ ครั้ง ที่พอทุกคนรู้ว่าเธอมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ก็ไม่มีใ
ยี่สิบนาทีต่อมา... เลโอนาดท์ใส่เสื้อคลุมเดินออกมาจากห้องน้ำ ตรงมายังเตียงนอน ก็เห็นสาวเจ้านอนคลุมโปงอยู่บนเตียง จึงเดินเลี่ยงออกไปยังบาร์เครื่องดื่มด้านนอก จากนั้นก็ถือบรั่นดีกับแก้วเดินเข้าไปยังห้องทำงานเขานั่งดื่มอยู่ร่วมสองชั่วโมง มันเป็นสองชั่วโมงที่มีแต่ภาพของเธอจ้องมองเขาผ่านม่านน้ำตา ตอนที่โถมเข้าใส่ มันทำให้เขาเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นในใจแต่ขณะเดียวกันก็หงุดหงิดที่เธอกำลังเรียกร้องความสัมพันธ์ที่เขาไม่อาจให้ได้ แม้ว่าเขาอยากจะเก็บเธอเอาไว้เป็นสมบัติส่วนตัวที่มีแค่เขาเท่านั้นที่แตะต้องได้ จึงยื่นตำแหน่งผู้หญิงของเขาให้ แต่เธอกลับไม่ต้องการ ทั้งๆ ที่เขาเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ‘พระเจ้า! เธอก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ทำไมถึงดื้อนักวะ!'17: 30 น. เจซีที่ประชุมกลับมาถึง ก็ตรงมารายงานผู้เป็นนายถึงรายละเอียดต่างๆ ของงาน ร่างสูงเดินตรงไปยังห้องนอน เพราะเห็นประตูเปิดทิ้งไว้ พอมองไปบนเตียงก็นึกว่าผู้เป็นนายนอนอยู่ จึงเข้าไปสะกิดเรียก!“บอสครับ! บอส!”“...” ไม่มีเสียงตอบรับ เจซีจึงกลั้นใจดึงผ้าห่มออก ก็พบเพียงหมอนหนุนกับหมอนข้างวางเรีย
“ไม่! ฉันจะไปกับนาย” โดมินิกบอกอย่างไม่ยอม“ซาเก้! ฉันขอเคลียร์กับเมียแบบส่วนตัวก่อนได้ไหม! ยังไงนายก็จะได้เจอเธอแน่นอน แต่เรื่องที่ดินที่เชียงใหม่ ถ้านายไปช้า อาจจะพลาดโอกาสได้นะเพื่อน!” เลโอนาดท์เตือนสติอีกฝ่ายกลับ“ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจไปกว่าเรื่องที่นายจะเอาเมียหรอก ลีโอ” โดมินิกบอกพร้อมกับยักไหล่อย่างไม่แคร์“ซาเก้ ได้โปรด... ฉันอยากคุยกับเธอก่อน โดยที่ไม่ เอ่อ...”“ก็ได้ๆ นายไปง้อเมีย ส่วนฉันไปดูที่ที่เชียงใหม่พรุ่งนี้ พอใจหรือยัง!” คนที่ตื๊อมานานบอกอย่างรำคาญ เพราะที่ดินที่เชียงใหม่มีคนจ้องจะกว้านซื้อแข่งอยู่สองสามราย“เยี่ยม งั้นฉันไปก่อนนะ!”เลโอนาดท์ออกเดินไปข้างนอก ตรงไปยังลิฟต์ที่ใช้เป็นเส้นทางลับลงไปยังที่เก็บรถส่วนตัว“อืม!” โดมินิกครางตอบในลำคอ ก่อนจะเดินตามไปติดๆ“นี่นายจะตามฉันมาทำไมวะ” คนจะไปตามเมียหันมาถามอย่างมึนงง“ฉันก็จะออกไปข้างนอกไง” โดมินิกตอบกวนๆ ก่อนจะหันไปกดลิฟต์ลงไปยังชั้นล่าง“นายจะไปไหน?” เลโอนาดท์ถามอย่างเริ่มไม่มั่นใจ กลัวว่าอีกฝ่ายจะแอบขับรถตาม“ไปหาผู้หญิงคลายเครียด ผู้ห
สองชั่วโมงต่อมา... มะลิฉัตรขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ก็เห็นรถสปอร์ตออดี้สีดำจอดอยู่ เธอรู้สึกใจสั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก‘คงไม่ใช่รถไอ้บ้านั่นหรอกนะ!’ สาวเจ้าส่งสายตามองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง“ว้าว! รถนี่ท่าจะแพงนะพี่ สงสัยจะมีผู้ใจบุญมาบริจาคเงินช่วยแน่ๆ” หนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นขณะจ้องมองรถหรูด้วยสายตาแวววาว“สาธุ! ขออย่าให้เป็นอีตาสิงโตเลย” มะลิฉัตรพึมพำ“สิงโตไหนเหรอพี่?” เด็กหนุ่มถามกลับอย่างสงสัย“ไม่มีอะไรหรอก เราเอาของไปเก็บที่ห้องครัวกันเถอะ”“ครับๆ” หนึ่งเอ่ย ก่อนจะเดินตามพี่สาวตรงไปห้องครัว“ว้าว! ของเยอะเลยพี่มะลิ” แนนที่ยืนล้างผักหันมาเอ่ยด้วยสีหน้าดีใจ ที่เห็นของทะเลวางบนโต๊ะเต็มไปหมด“จ้ะ แล้วน้องๆ ไปอาบน้ำกันใช่ไหม” มะลิฉัตรเงยหน้าขึ้นถามน้องสาววัย 9 ขวบ“จ้ะพี่” แนนตอบก่อนจะยกผักที่ล้างเสร็จไปวางให้สะเด็ดน้ำ“มีแขกมาเหรอ” เธอหันไปถามน้องสาว“ใช่จ้ะพี่! ผู้ชายตัวโตๆ ผมยาว หน้าตาดุๆ หน่อย” แนนตอบก่อนจะเดินมาเปิดดูของทะเลบนโต๊ะ“แนน! เดี๋ยวออกไปช่วยพี่หิ้วของ ข้างนอกยังมีอีก
“ฮึก! ถ้าฉันกลับไปคุณห้ามทำอะไรฉัน ห้ามเข้าใกล้ ฮึก! ฉันแค่อยากทำงานของฉัน ฉันไม่อยากเป็นผู้หญิงของคุณ” มะลิฉัตรต่อรอง เพราะเธอคงหางานใหม่ที่รายได้ดีแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ถ้าหากอีกฝ่ายรับปากว่าจะไม่ยุ่งกับเธออีก เธอก็ยังอยากจะทำงานที่นั่นเช่นเดิม“มะลิ! เธอเป็นเมียฉันนะ” เลโอนาดท์เอ่ยอย่างไม่เชื่อหูกับคำพูดเมื่อครู่“งั้นฉันก็ไม่กลับ ให้ตายยังไงฉันก็ไม่กลับ ฮึก!” เธอบอกพร้อมกับตั้งท่าจะร้องไห้อีกครั้ง“โอเคๆ งั้นกลับด้วยกันพรุ่งนี้”“ฉันจะกลับเอง คุณกลับไปได้เลย!”“ไม่มีทาง! ฉันมาถึงนี่แล้ว พรุ่งนี้ตอนสายๆ ฉันจะเข้าไปรับเธอกลับพร้อมกัน”“ไม่! ฉันจะนั่งรถกลับเอง!”“โอเค สิบโมงฉันเข้าไปรับนะ เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ”“นี่คุณพูดไม่รู้เรื่องหรือไงฮะ”“เธอต่างหากที่พูดไม่รู้เรื่อง! งั้นกลับกรุงเทพฯ ด้วยกันตอนนี้เลยไหม!”“ไม่! พรุ่งนี้สิบโมงเช้า ฉันจะนั่งรถมาหาคุณที่นี่!”“ถ้าเธอสายเกินห้านาที ฉันจะเข้าไปบอกเรื่องเราให้แม่เธอรู้”“ถ้าคุณทำแบบนั้น...ฉันจะหนีคุณไปให้ไกลเลยคอยดู”“ฉันถนัดเรื่องตามหาคนหาย เธอ
“ขอบคุณนะคะ”“จริงๆ ฉันมีโครงการจะสร้างที่นี่ใหม่ด้วยละ” เขาหันไปมองใบหน้าจิ้มลิ้มก่อนจะพูดต่อ “ฉันจะให้ทุนกับน้องๆ เธอ และให้งานทำ หลังจากที่พวกเขาเรียนจบ ฉันจะบริจาคเงินให้คุณจันทร์ฉายสิบล้าน ถ้าหากเธอยอมเป็นผู้หญิงของฉัน”“คุณ!” มะลิฉัตรอุทานอย่างไม่เชื่อหูว่าอีกฝ่ายจะกล้าพูดความต้องการออกมาตรงๆ“ฉันรู้ว่ามันฟังดูงี่เง่าและเห็นแก่ตัว เธออาจจะเกลียดฉัน แต่ตอนนี้ฉันไม่มีทางเลือก ฉันแค่อยากให้เธออยู่กับฉันทุกๆ วัน ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำแบบเมื่อตอนสายกับเธออีก” เลโอนาดท์บอกด้วยน้ำเสียงจริงจังมะลิฉัตรนิ่งเงียบไปทันใด คำถามมากมายวิ่งเข้ามาในหัวไม่หยุดหย่อน กับคำพูดที่เหมือนคนเห็นแก่ตัว หรือแค่... คนที่ไม่มีทางเลือก“เธอยังไม่ต้องให้คำตอบฉันวันนี้หรอก ฉันยังอยู่ที่ไทยอีกอาทิตย์หนึ่ง! นั่นแปลว่าเธอมีเวลาคิดทบทวนอีกหนึ่งอาทิตย์”“คุณลีโอคะ ขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่างค่ะ เด็กๆ ดีใจกันใหญ่เลย” จันทร์ฉายเอ่ยกับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กับบุตรสาวอย่างซาบซึ้ง“ผมยินดีครับ” เลโอนาดท์หันไปยิ้มกว้างให้คนที่ยืนน้ำตาคลออยู่ใกล้ๆ ด้วยความรู้สึกละอายนิดๆ เพราะ
“คุณลีโอมาแล้วลูก เอาไว้ค่อยโทร. คุยกันนะ”“ค่ะ” มะลิฉัตรเอ่ยรับพลางหันไปมองคนที่เดินลงมาจากรถอย่างขุ่นเคือง ‘มิน่า! เมื่อคืนแม่ถึงไม่ได้พูดอะไร ที่แท้ก็คุยกับอีตานี่แล้ว’“สวัสดีครับคุณจันทร์ฉาย” เลโอนาดท์ยกมือไหว้หญิงวัยห้าสิบอย่างนอบน้อม“สวัสดีค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ” จันทร์ฉายเอ่ยพร้อมกับยิ้มบางๆ ให้กับชายหนุ่ม“ครับ! ไปขึ้นรถกันเถอะมะลิ” ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมดึงกระเป๋าในมือของสาวเจ้าเอาไปเก็บที่รถ“มะลิไปก่อนนะคะ” มะลิฉัตรเอ่ยก่อนเดินเข้าไปกอดมารดาแล้วเดินตามอีกฝ่ายไปขึ้นรถ“สวัสดีครับ” เลโอนาดท์ยกมือไหว้อีกครั้ง ก่อนจะขับรถพาสาวเจ้ากลับเข้ากรุงเทพฯ เพราะต้องรีบไปเข้าประชุมด่วนรอบบ่าย“มีอะไรจะถามฉันไหม?”“คุณคุยอะไรกับแม่ของฉันเมื่อคืน” เธอยิงคำถามทันที“อ๋อ! นึกว่าเรื่องอะไร?” เขาบอกพลางทำท่าขำๆ“นี่ฉันจริงจังนะ” มะลิฉัตรต่อว่าอย่างเคืองๆ“ฉันก็จริงจังเหมือนกัน ท่านไม่ได้บอกเธอเหรอ?” เขาหันกลับมาถามทันใด“ถ้าบอกแล้วฉันจะถามคุณเหรอ!” เธอบอกด้วยน้ำเสียงตึงๆ“ฉันบอกท่านว่าชอบเธอ” เขาบอกก่อนจะป
“ปล่อยแขนฉันนะ! ไอ้บ้ากาม!” หญิงสาวปัดมือหนาที่กำลังเอื้อมมาจับออกทันใด“เธอน่ะสิบ้ากาม! ฉันจะชวนเธอไปหาอะไรทาน ฉันหิว!” คนที่ถูกทำท่ารังเกียจใส่ บอกด้วยสีหน้าตึงๆ ‘คำก็หื่น สองคำก็บ้ากาม เดี๋ยวก็จับกดบนเตียงทั้งวันทั้งคืนซะหรอก!’“อะ... อ้าว ฉะ... ฉันนึกว่าคุณจะ... จะ...” มะลิฉัตรรู้สึกอายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อถูกต่อว่า ‘ก็ชอบพูดจาทะลึ่งๆ อยู่ตลอด ใครจะคิดว่าหิวข้าวล่ะ’“จะอะไร?” เลโอนาดท์ถามกลับ พร้อมกับดึงแขนของคนที่เพิ่งออกจากรถเข้ามาชิดตัว“ปล่อยนะ ฉันจะเดินเอง!”“ไม่! เธอกลัวใครจะเห็นเหรอ?”“โอ๊ย! ก็ได้ๆ” มะลิฉัตรบอกอย่างขี้เกียจจะทะเลาะด้วย‘ชอบขัดใจอยู่เรื่อย!’ เลโอนาดท์มองค้อน ก่อนจะบอก“เดี๋ยวไปเปิดห้องก่อนแล้วค่อยสั่งอาหารขึ้นไปทาน”“นี่คุณ!” มะลิฉัตรเรียกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ‘หึ! เปิดห้องทานข้าว! มุกหลอกควายแบบนี้ เอาไปใช้กับคนอื่นเถอะ’“เรียกเบาๆ สิ! เธอจะเสียงดังไปทำไม คนมองกันใหญ่แล้ว” เขาบอกพลางหันไปมองรอบกายอย่างรู้สึกอาย ที่เห็นใครต่อใครพากันหันมามองอย่างสนใจ“คุณทานเสร็จแล้วออกมานะ ฉัน
“ร้องสิ! แต่ร้องเพราะกลัวกลับมาต่างหาก” เธอบอกพร้อมกับยักไหล่อย่างไม่แคร์“ฮ่าๆๆ ให้มันแน่เถอะมะลิ” เลโอนาดท์หัวเราะร่า ก่อนจะใช้ส้อมจิ้มเนื้อเซอร์ลอยน์ป้อนคนปากดี“จะบ้าเหรอ ฉันอายนะ” มะลิฉัตรบอกด้วยใบหน้าแดงก่ำที่อีกฝ่ายแสดงอาการหวานเลี่ยนในห้องอาหาร“เชื่อเถอะ! เธอจะอายกว่านี้ ถ้ายังไม่กิน” เลโอนาดท์เริ่มจะหน้าตึงขึ้นมานิดๆ ที่สาวเจ้าทำให้ตนต้องถือส้อมค้างนาน“เฮ้อ...” มะลิฉัตรจำใจอ้าปากรับเนื้อนุ่มๆ จากอีกฝ่ายแต่โดยดี“อร่อยไหม?” เลโอนาดท์ถาม ก่อนจะหั่นสเต๊กต่อ“อะ... อร่อยค่ะ” เธอเอ่ยพลางเหลือบไปมองรอบห้องอาหารอย่างอายๆ“ลองล็อบสเตอร์อบชีสสิ” เลโอนาดท์ตักจ่อริมฝีปากจิ้มลิ้มต่อ เมื่อเห็นเธอกลืนเสร็จ“ขอฉันทานเองได้ไหมคะ”“ทำไม?”“ฉันคิดว่าทุกคนกำลังมองเราอยู่”“อย่าไปสนใจ! เธอมองแค่ฉันคนเดียวก็พอมะลิ”“แต่...”“รู้ไหมว่าในห้องอาหารนี่! ฉันมองไม่เห็นใครอีกเลย นอกจากเธอคนเดียวเท่านั้น!”“บ้า!”“ฉันพูดเรื่องจริง! อ้าปากเร็ว เดี๋ยวชีสจะเย็นซะก่อน”“อื้ม!”“อร่อยไหม?”“อร่อยค่ะ แล้วคุณไม่ทานเหรอ เมื่อกี้บ่นว่าหิวนี่”“ก็รอให้เธอป้อนอยู่น่ะสิ”“ไม่จริง”“จริง! ฉันรอให้เธอป้อนอยู่”“ฉันข
“ผมผู้กำกับฯ คเชนทร์ ศิลากรณ์! ขออนุญาตแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบก่อนนะครับ! คุณเลโอนาดท์ถูกจับกุมในข้อหาขโมยสุนัขตัวนี้ครับ!”“เข้าใจผิดแล้วครับผู้กำกับฯ! ท่านจะขโมยสุนัขตัวนี้ได้ยังไง! ก็ในเมื่อ... มันเป็นสุนัขของท่าน” คงสิทธิ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงขบขัน“ผิดแล้วครับ! สุนัขตัวนี้เป็นของเธอต่างหาก!” คเชนทร์ตอบพร้อมกับยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างขำๆ“งั้นผมขอดูหลักฐานหน่อยสิครับ!” คงสิทธิ์เอ่ยต่อ“เอ่อ...” มะลิฉัตรอึกอัก ลางสังหรณ์บางอย่างทำให้เธอรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก!คงสิทธิ์หันมายิ้มบางๆ ให้หญิงสาวที่ยืนข้างๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ“สุนัขตัวนี้ชื่อเอล ซิมคาเนียร์ สายพันธุ์พอเมอเรเนียน เกิดเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2xxx พ่อชื่อมาร์ค ซิมคาเนียร์ แม่ชื่อโมริ พานาเซีย ถูกโอนสิทธิ์การเป็นเจ้าของให้คุณเลโอนาดท์เมื่อสามวันก่อน นี่ใบรับรองแล้วก็รูปถ่ายทั้งหมดครับ!” ทนายส่งเอกสารพร้อมรูปให้ ผกก. และหญิงสาวดู‘แจ็กพอตแล้วไหมล่ะ!’ มะลิฉัตรขนลุกซู่ไปทั้งตัว เมื่อเห็นหลักฐาน“เอ่อ... คือว่าสุนัขตัวนี้เป็นของหัวหน้าแผนกน่ะค่ะ ขะ... เขาฝากให้มะลิช่วยดูแลค่ะ”“คุณธาริณีใช่ไหมครับ!” คเชนทร์ยิ้มให้สาวสวย ที่ใบหน้าถอด
“ฉันไม่ว่าง! ฮึก!” มะลิฉัตรบอกพลางกลั้นเสียงสะอื้น“ฉันกลับจากเชียงใหม่เพิ่งมาถึงเมื่อครู่! ออกมาเจอฉันที่ร้านกาแฟหน่อยสิ!” เลโอนาดท์บอกด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็บอกว่าไม่ว่างไง ฮึก!” เธอบอกก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง! เจ้าหมาตัวน้อยหายไปอย่างไร้ร่องรอย ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์ออกไปที่ไหนทั้งนั้น!“ฉันให้เวลาเธอสิบนาที ไม่งั้นฉันจะโยนไอ้ตัวนี้ให้รถชน!” เลโอนาดท์หันกล้องไปหาเจ้าหมาตัวน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆ ให้สาวเจ้าดู พลางกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้จนตัวสั่น! ‘โถๆ ร้องไห้ซะหมดสภาพเลยแม่คุณ!’“สิงโต!” มะลิฉัตรกะพริบตามองลูกหมาตัวน้อยอย่างดีใจ“นี่เธอกล้าเรียกฉันว่าสิงโตอีกงั้นเหรอ? อยากเจอดีเหมือน ครั้งก่อนใช่ไหม!” เลโอนาดท์หน้าตึงขึ้นมาทันใด“ฉันไม่ได้เรียกคุณ!” มะลิฉัตรจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายผ่านหน้าจอมือถืออย่างโมโห เธอสติแตกกับการหาลูกหมาตัวน้อยและร้องไห้อย่างกับคนบ้า! เพราะถูกอีกฝ่ายแกล้ง!โฮ่งๆๆลูกหมาตัวน้อยขานรับพร้อมกับส่ายหางไปมาอย่างดีใจ“โอ้พระเจ้า!!” คนที่เพิ่งจะถึงบางอ้อขนลุกซู่ไปทั้งตัว ค่อยๆ หันกลับไปมองลูกหมาที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาลุกวาว!“คุณขโมยหมาฉันไปได้ยังไง!” เมดสาวตะโกนถ
“ว่าไงนะเมียจ๋า! อยากให้กลับไปหาเร็วๆ อย่างนั้นเหรอ”“ฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะไอ้สิงโตบ้า!” มะลิฉัตรเอ่ยเสร็จก็กดวางสายไปอย่างทนไม่ไหว“วางสายใส่ผัวแบบนี้! พรุ่งนี้เจอดีแน่มะลิ!” เลโอนาดท์คาดโทษสาวเจ้า ก่อนจะเก็บมือถือใส่กระเป๋าเสื้อแล้วตรงกลับเข้าห้องพักของตนเช้าวันต่อมา... หลังจากที่โดมินิกกระชับความสัมพันธ์ทางกายกับพราวดาราไปหลายต่อหลายครั้ง จนสาวเจ้านอนสลบไสลจนถึงเช้าของวันใหม่ตืดดดดด... เสียงสั่นของมือถือที่ดัง ทำให้โดมินิกลืมตาตื่น ควานหามือถือมาเปิดดู ก็เห็นเบอร์ของคนสนิทโทร. เข้า จึงรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วหยิบกุญแจมือที่อยู่ในลิ้นชักออกมา สวมมันที่ข้อมือของหญิงสาวทั้งสองข้าง จากนั้นก็หยิบมือถือแล้วเดินออกไปรับสายคนสนิทที่ด้านนอก“บอสครับ! คุณเลโอนาดท์นั่งเครื่องกลับกรุงเทพฯ ไปแล้วเมื่อ ห้านาทีก่อนครับ” ดีนรีบรายงาน“บ้าฉิบ! ลีโอหนีประชุมอย่างงั้นเหรอ?” โดมินิกกลอกตาอย่างเซ็งๆ ที่รู้ว่าเพื่อนรักแอบขึ้นเครื่องหนีกลับกรุงเทพฯ ก่อนหน้าที่จะเข้าประชุมเพียงไม่กี่นาที“ครับบอส! เอาไงดีครับ ผมก็เพิ่งทราบเหมือนกัน” ดีนบอกอย่างไม่รู้จะทำยังไง เพราะทั้งเลโอนาดท์กับเจ้านายของตนกำลังหลงสาวจนทิ
“กะ... ก็ใช่น่ะสิ ฮือๆๆ คุณจะฆ่าปิดปากฉัน” พราวดาราบอกพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลเอ่อทิ้งลวกๆ“ให้ตายเถอะพราว! ผมจะฆ่าปิดปากเมียของตัวเองทำไมฮะ” คนถูกกล่าวหาถอนใจยาวอย่างเพลียๆ กับความคิดและจินตนาการของสาวตรงหน้า“ฮึก! ฉันไม่ใช่เมียของคุณ ฮือๆๆ”คนที่ถูกยกตำแหน่งเมียให้ร้องไห้เสียงดังกว่าเดิมอีกเท่าตัว อย่างดีใจ เอ๊ย! อย่างเสียใจ“งั้นที่เราทำเมื่อคืนล่ะ เธอจะเรียกมันว่าอะไรฮะ” โดมินิกเลิกคิ้วถามอย่างยียวน“คุณทำคนเดียว! ฉะ... ฉันไม่ได้ทำ!” พราวดาราปฏิเสธเสียงแข็ง“ก็แล้วเธอ... ถึงสวรรค์หรือเปล่าล่ะ?” ชายหนุ่มถามอย่างกวนๆ“ไม่!” พราวดาราหน้าแดงก่ำ ทั้งโกรธทั้งอายที่อีกฝ่ายกล้าเอาเรื่องที่เกิดขึ้นมาถาม“งั้นสาบานมาสิ! ว่าไม่ถึง” โดมินิกท้าด้วยสีหน้าตึงๆ“ทะ... ทำไมฉันต้องสาบานด้วย!” พราวดาราถามเสียงสั่น“พราว! ผมรู้ว่าลึกๆ คุณชอบที่ผมทำ แล้วผมก็ชอบที่จะทำมันซ้ำๆ กับคุณอีกหลายๆ ครั้ง!” เขาบอกราวกับคนที่ถือไพ่เหนือกว่า“มะ... ไม่” เธอบอกเสียงสั่น“งั้นผมขอพิสูจน์อีกครั้ง! ถ้าครั้งนี้คุณไม่ถึง! ผมจะยอมปล่อยคุณไป” โดมินิกต่อรองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์“เดี๋ยวนะ! นี่มันใช่เรื่องที่เราคุยกันอยู่เ
“ตกลงจะบอกไหมคะ อ๊ะ! กรี๊ดดดดดดด” คนที่กำลังถามต่อถึงกับกรีดร้องเสียงหลง เมื่อเห็นอีกฝ่ายโชว์ของผ่านกล้องมือถือให้ดู“นี่ไงสาเหตุที่ทำให้ฉันนอนไม่หลับทั้งคืนน่ะ” คนหื่นตอบด้วยใบหน้าแดงก่ำ เพราะเมื่อคืนได้ชัก เอ๊ย! ช่วยตัวเองไปหลายครั้ง แต่พอกลับมาล้มตัวนอนบนเตียง ก็นอนไม่หลับ! เอาแต่คิดถึงหน้าอกโตๆ กับแพนตี้สีแดงของสาวเจ้า“ไอ้คนบ้า! ลามก หน้าไม่อาย!” เธอต่อว่าอย่างทนไม่ไหว“น้อยๆ หน่อยมะลิ! ที่ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอน่ะแหละ” คนหน้าด้านสวนกลับทันควัน“ฉะ... ฉันไปทำอะไรให้” มะลิฉัตรถามอย่างมึนงง“ก็เมื่อคืนเธอยั่วฉันยังไง” เลโอนาดท์บอก“ฉันไม่ได้...”“อย่ามาเถียง! เดี๋ยวส่งหลักฐานให้ดู” เลโอนาดท์เอ่ยก่อนจะกดวางสายไปดื้อๆนาทีต่อมา... ภาพถ่ายจากการแคปหน้าจอบนมือถือ ก็ถูกส่งเข้ามาจำนวนสี่ภาพ มะลิฉัตรเปิดดูถึงกับลุกพรวดจากที่นอนอย่างไม่อยาก จะเชื่อสายตาของตัวเอง“มะ...ไม่จริง ไอ้บ้านั่นแอบแคปรูปตอนคุยกันเหรอเนี่ย” สาวเจ้าถามตัวเองอย่างมึนงง ขณะเลื่อนดูรูปของตัวเองอย่างรับไม่ได้ติ๊ดๆ ติ๊ดๆมะลิฉัตรหน้าชาวาบ รีบกดรับสายของอีกฝ่ายด้วยมือสั่นๆ“เป็นไง ทีนี้รู้หรือยัง?”“ทำไมคุณถึงเลวแบบนี้
พราวดาราสะบัดฝ่ามือลงที่ใบหน้าของอีกฝ่ายทันที ติดๆ กันถึงสองครั้งเพียะ! เพียะ!คนที่หน้าหันตามแรงตบถึงกับชะงักไปสามวินาที ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่ซึมตรงมุมปากออก แล้วจับสาวเจ้าโยนขึ้นเตียงนอนของตนอย่างไม่ปรานีปราศรัย“อ๊ะ! กรี๊ดดดดด” พราวดารากรีดร้องเสียงดังอย่างตกใจ ที่ตัวของเธอลอยขึ้นราวกับลูกบาสที่ถูกชูตลงห่วง“เธออยากลองดีเองนะพราว” โดมินิกบอกก่อนกระชากเสื้อเชิ้ต ที่ใส่ออกจากตัว แล้วขึ้นไปทาบทับร่างบางบนเตียงอย่างรวดเร็ว“ไม่นะ! อะ...ไม่...อื้อ...” พราวดาราร้องได้เพียงครู่ก็ถูกอีกฝ่ายประกบริมฝีปากบดจูบอย่างดุเดือดเขาถอนจูบที่เนิ่นนานออก ก่อนจะซุกไซ้ที่ซอกคอระหงลงมาจนถึงเนินอกขนาดใหญ่เกินตัว แล้วจัดการปลดบราที่โอบอุ้มดอกบัวงามออกอย่างไม่รอช้า“อ๊ะ! ไม่นะ...อะ...อื้อ...” พราวดาราร้องห้ามเมื่อลิ้นอุ่นๆ ของ อีกฝ่ายดูดกลืนปลายถันของเธอ“อยากให้ฉันรุนแรงกับเธอใช่ไหม!” โดมินิกเตือนคนที่ใช้มือดันใบหน้าของตนออกจากปลายถันสีสดอย่างหงุดหงิด“อย่าทำแบบนี้! ได้โปรด...” พราวดาราพยายามตั้งสติ“อย่าขัดขืนเลยพราว ยังไงคุณต้องเป็นของผมอยู่ดี” โดมินิกบอกพร้อมกับยกมือที่ปัดป้องหน้าอกงามออก“ไม่!
“นี่แกไม่รู้เหรอว่าความรักมันไม่มีข้อยกเว้นโว้ย!” เลโอนาดท์บอกราวกับคนที่รู้จักความรักดี“มีสิ! ก็ฉันนี่ไงข้อยกเว้น ฮ่าๆๆ”“เอาที่สบายใจนะซาเก้”“อยู่แล้ว! ว่าแต่เราทานที่ห้องอาหารข้างล่างนะ ไม่อยากออกไปไหน เบื่อ!” โดมินิกว่าหลังจากที่ลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่าง“ก็ทานที่ห้องอาหารน่ะสิ ฉันมีเวลาไม่มาก!” เลโอนาดท์บอกพลางเดินนำออกไปทางห้องอาหาร“ทำไม? จะโทร. หาเมียอีกเหรอ?” โดมินิกเดินตามติดๆ“เออ!” เลโอนาดท์กลอกตา เริ่มจะรำคาญอีกฝ่ายขึ้นมานิดๆโดมินิกทำท่าตกใจกับคำตอบของเพื่อนรัก จึงแกล้งหยอกด้วยการหันไปถามบอดี้การ์ดที่เดินตามหลัง“พระเจ้า! เหลือเชื่อชะมัดเลย พวกนายได้ยินใช่ไหม?”“สนุกเหรอ?” เลโอนาดท์ถามด้วยสีหน้าตึงๆ“สุดๆ เพื่อน ฮ่าๆๆ ” โดมินิกที่มัวแต่หัวเราะ ทำให้ไม่เห็นร่างบางที่เดินถือเค้กตรงมาทางตน และ...“อ๊ะ! ให้ตายสิ! นี่คุณเดินประสาอะไรฮะ โอ๊ย! ชุดฉัน”พราวดารา สิรันยากรณ์ สาวสวยวัย 22 ปี หันไปโวยอย่างไม่พอใจ เพราะขนมเค้กที่ถือมาเตรียมจะเซอร์ไพรส์วันเกิดให้เพื่อนสาวในห้องอาหารของโรงแรม ถูกผู้ชายตัวใหญ่ที่เดินไม่ดูทางชนเข้าอย่างจัง! จนขนมเค้กที่ถือมาแปะเข้าที่หน้าอกของเธอ ก่อนจะลงไ
เลโอนาดท์หันไปพยักหน้ารับ ก่อนจะหันกลับมาบอกสาวเจ้าด้วยสายตาละห้อย“มะลิ! ฉันต้องวางสายก่อนนะ เดี๋ยวช่วงค่ำๆ ฉันจะโทร. ไปใหม่”“ค่ะ” มะลิฉัตรตอบก่อนจะกดวางสายไปอย่างขำๆห้านาทีต่อมา...ขณะที่นอนคิดอะไรไปมาเพลินๆ อยู่นั้น ก็มีสายเรียกเข้าของพิมาลาดังขึ้น เธอยิ้มก่อนจะกดรับ“ว่าไงพิ”“มะลิวันนี้ฉันไม่กลับนะ อยู่ประชุมที่พัทยาต่อพรุ่งนี้อีกวัน เดี๋ยวประชุมเสร็จว่าจะแวะเข้าไปหาแม่กับน้องๆ” พิมาลารีบรายงาน“อ้าว! งั้นคืนนี้ฉันก็นอนคนเดียวน่ะสิ”“นอนๆ ไปเถอะ เมื่อคืนฉันก็นอนคนเดียวนะ” พิมาลาบอกพลางหัวเราะเบาๆ อย่างชอบใจเมื่อนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืน“โอเค! ฝากหอมแก้มแม่ด้วยแล้วกัน” มะลิฉัตรกลอกตาอย่างเซ็งๆ ที่ถูกแซว“แหม! รีบเปลี่ยนเรื่องเลยนะคิกๆๆ”“บ้า! เปลี่ยนเรื่องอะไรล่ะ อ๊ะ! หัวหน้าโทร. มาอะ ฉันขอวางสายก่อนนะพิ!” มะลิฉัตรรีบบอกเมื่อเห็นเบอร์ของธาริณีโชว์ขึ้นมาที่หน้าจอ“ใช่หัวหน้าจริงๆ เหรอมะลิ คิกๆๆ”“จริงสิ จะโกหกทำไมล่ะ”“จะพยายามเชื่อนะ คิกๆๆๆ” พิมาลาหัวเราะชอบใจก่อนจะกดวางสายไปมะลิฉัตรถอนหายใจอย่างเพลียๆ ก่อนจะกดรับสายของธาริณี “ค่ะหัวหน้า”“มะลิ! ขึ้นมาที่ห้องของท่านด่วนเลยนะ” ปล
“งั้นมาเล่นที่ห้องทำงานฉันไหมล่ะ มาไหม! เดี๋ยวสั่งขนมรอ”“ไม่ค่ะ!” มะลิฉัตรปฏิเสธอีกครั้ง“มาเถอะนะ! ตั้งแต่เช้าแล้ว ฉันประชุมไม่รู้เรื่องเลย” ปลายสายเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง เหมือนมีอะไรในใจ“ทะ...ทำไมคะ” เธอถามกลับอย่างสงสัย“ก็หัวใจมันอยู่ที่ห้องน่ะสิ!” เลโอนาดท์หยอดน้ำตาลใส่สาวเจ้าทันทีที่ได้โอกาส“บ้า! มีอะไรอีกไหมคะ? เดี๋ยวหัวหน้าจะมาถึงแล้ว” มะลิฉัตรหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันใด กับประโยคหวานเลี่ยนของคนหื่น“อายเหรอ?” เลโอนาดท์ถามยิ้มๆ“มีอะไรจะคุยอีกไหมคะ?” มะลิฉัตรถามพร้อมกับมองใบหน้า คมเข้มแวบหนึ่ง แล้วรีบเบือนหน้าไปมองทางอื่น เพราะอยู่ๆ ภาพของเธอกับเขาที่เร่าร้อนบนเตียงเมื่อคืนกลับมาฉายซ้ำอีกครั้ง“อะไรกันมะลิ จะรีบวางสายไปไหน นี่พอพักเบรกปุ๊บ! ฉันก็รีบโทร. หาเธอเลยนะ” ชายหนุ่มต่อว่าอย่างงอนๆ“คะ... คุณทานข้าวหรือยังคะ?”“ยัง! หน้าฉันมีอะไรติดเหรอ เธอถึงไม่อยากมอง”“ปะ... เปล่าค่ะ ก็แค่...”“แค่อะไร!”“เอ่อ... ฉัน”“บอกมาเดี๋ยวนี้!”“คือ... ฉันอายเรื่อง เอ่อ... เมื่อคืนค่ะ”“ฉันไม่เห็นจะอายเลย! นึกถึงทีไรก็อยากจะทำอีก เมื่อกี้ก็คิดๆ อยู่ว่าจะกลับไปหาเธอ แล้วให้เจซีเข้าประชุมแทน”“บ้า