ดวงตาสีน้ำทะเลกวาดมองไปทุกสัดส่วนที่แอบซ่อนอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตา ร่างสูงใหญ่ยังคงเดินเข้าหาเธออย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอีกฝ่ายพยายามหนีและสอดส่ายสายตาหาทางเอาตัวรอด
“เธอพยายามร้องให้คนช่วยอย่างนั้นหรือ?”เขาถามในขณะที่กำลังถอดสูทและเกาะกระดุมเสื้อเชิ้ตออก
ริมฝีปากบางสั่นระริก กายสาวเริ่มสั่นสะท้านด้วยความกลัว พิษรักที่เขามอบให้ยังคงฝังตรึงอยู่ในร่าง รับไม่ได้อีกแล้ว ใบหน้าเรียวสวยเริ่มซีดเผือด น้ำตากำลังไหลออกมาอาบแก้ม เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร
ชายหนุ่มชะงักเมื่อปลายเท้าของเขาสะดุดเข้ากับถาดอาหารที่ยังมีอาหารอยู่ครบไม่ได้พร่อง แม้แต่นิดเดียว ตวัดสายตาจ้องคนตัวเล็ก
“ทำไมไม่กินอะไร อยากตายหรือไง!”
“ใช่! ฉันอยากตาย”เธอตอบเขาน้ำตาคลอ
“ฉันไม่ให้เธอตายง่ายๆ หรอก เธอต้องอยู่กับฉันจนกว่าจะเปิดปากว่าลุงเธอมันอยู่ที่ไหน!”เขาตวาด
ร่างบางสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงตวาดกร้าว เขาก้าวฉับๆ ไม่กี่ก้าวก็ถึงตัว มือกระชากร่างบางเข้าหาแล้วโอบรัดแนบชิดกายแกร่ง
“อย่าทำอะไรฉันเลย พอแล้ว! ฉันเจ็บแล้ว!”หญิงสาวร้องลั่นออกมาดิ้นรนทุบตีเพื่อให้เขาปล่อย
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจกับคำทัดทาน ร่างบางถูกลากไปอย่างไม่ไยดีแล้วเหวี่ยงลงบนเตียงกว้าง หญิงสาวรีบกระโจนหนีแต่เขากลับรั้งเอวบางไว้ แล้วพลิกกายพร้อมกับกดตรึงร่างงามแนบกับฟูก ใบหน้าเรียวสวยส่ายไปมาน้ำตาอาบแก้มหัวใจเธอกำลังเต้นระรัวด้วยความกลัว เธออยากตาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่ให้เขามาย่ำยีอีกแล้ว
“ฆ่าฉันซะได้โปรด...”เธอร้องขอเขาทั้งน้ำตา
ลุคส์ยิ้มเยาะ โน้มกายเข้าหา ร่างสูงใหญ่ใช้ริมฝีปากสำรวจเรือนร่าง แล้ววนมาจุมพิต มือลูบไล้สำรวจทั่วทุกอณูเนื้อนวล เธอสะอื้นออกมา และพยายามดิ้นรนเพื่อให้ตนเองหลุดพ้นจากเขา ถึงแม้จะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์เลย
“อี้อ!”เธอร้องออกมาเมื่อกำลังถูกเขารุกรานที่ริมฝีปากด้วยความช่ำชอง
เสื้อเชิ้ตของเขาที่อยู่บนกายเธอหายไปตอนไหนไม่รู้... ช่างเป็นความทรมานที่ใจเธอไม่อยากยินยอม แต่กายกลับทรยศ เสียอย่างนั้น
“ปล่อยฉันเถอะได้โปรด... อย่าทำร้ายฉันอีกเลย”เธออ้อนวอนเขาอีกครั้ง ทันทีที่ริมฝีปากเป็นอิสระ
“อยู่เฉยๆ เถอะ!”เขาดุ
เธอไม่สามารถพูดอะไรได้อีกต่อไปแล้ว เมื่อเขากำลังทำความต้องการของตัวเอง ทันทีที่เรือนกายแกร่งขยับ เธอได้แต่ภาวนาให้มันจบลงเสียที ถึงรู้สึกซาบซ่าน แต่เธอก็ไม่ปรารถนาเป็นของเล่นของผู้ชายใจทรามคนนี้
ร่างสูงใหญ่ถอนกายออกจากร่างบางแล้วนอนลงข้างหญิงสาว เขานิ่งงันไปชั่วครู่ และเหลือบมองเมื่อได้ยินเสียงเธอขยับตัวหันหน้าหนี
ปรารถนาที่เขามีต่อหญิงแปลกหน้าช่างมากมายเหลือเกิน... เขาไม่เคยรู้สึกอิ่มที่ได้ลิ้มลอง
ปรางค์ปรียากระชับผ้าห่มคลุมกายแน่น น้ำตาไหลออกมาไม่ขาด เจ็บจนไม่รู้จะเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้เช่นไร ยิ่งนอนร่วมเตียงยิ่งรู้สึกรังเกียจ เธอรีบพยุงกายลุกขึ้นจากเตียง แม้จะปวดร้าวทางกายแต่เธอไม่อยากอยู่ใกล้เขา เวลานี้เธอไม่ได้ต้องการอะไร ต้องการเพียงแค่ออกห่างจากเขา...
ดวงตาคมหรี่มอง ร่างบางที่เดินโซซัดโซเซหนีไปอยู่ที่มุมห้อง รังเกียจเขาอย่างนั้นเหรอ ชายหนุ่มกัดฟันกรอดแล้วรีบผุดลุก ก้าวฉับๆ ตรงเข้าหา กระชากร่างมากอดรัด
“ปล่อยฉัน! ปล่อยฉันได้ยินไหม! ฮือๆๆๆ”หญิงสาวตวาด ยกมือทุบตีอีกฝ่ายเป็นพัลวัน
ชายหนุ่มกกรามแน่น กล้าดีนัก! เขาก้มลงพรมจูบทั่วใบหน้าโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว
“อื้อ! อย่า! อย่าทำฉัน!” ปรางค์ปรียากรีดร้องจนสลบ
เขาชะงักงันในขณะที่ร่างบางยังหลับตานิ่งอยู่ในอ้อมแขน ชายหนุ่มนิ่งค้างจนกระทั่งได้สติจึงรีบช้อนร่างเธอ พาไปวางไว้บนเตียง โทรตามหมอประจำตระกูลเพื่อมารักษา
ไม่นานนักหมอประจำตระกูลเข้ามาทำการตรวจร่างกาย สายตาของหมอไม่เคยพลาดเมื่อร่องรอยบนตัวของหญิงสาวที่นอนบนเตียงนั้น เป็นจ้ำเต็มไปหมด ที่เขาเห็นนอกร่มผ้าก็ไม่ใช่น้อยแล้วในร่มผ้าคงมากกว่านี้ เขาเองก็ไม่รู้ว่าหญิงคนนี้เป็นใครแต่ช่างโชคร้ายนัก มาเจอกับคุณชายใหญ่ของตระกูล หมอประจำตระกูลจัดการให้น้ำเกลือ และจัดยาไว้ให้สองสามชุด
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้างหมอ?”เขาถามเสียงเข้ม
“เธออ่อนเพลียมาก อาจจะเกิดจากความเครียด ดูจากลักษณะเธอคงไม่ได้ทานอะไรเลย หากเป็นเช่นนี้คงจะแย่ครับ แล้วก็... เธอบอบช้ำจากภายใน ยังไงผมขอให้คุณชายระมัดระวังด้วยนะครับ”
ชายหนุ่มชะงักกับคำพูดของหมอ แต่เขาไม่แสดงสีหน้าอะไร
“ขอบคุณมาก กลับไปได้แล้ว” ลุคส์บอกเสียงเรียบ
ร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกมองดูร่างซึ่งนอนอยู่บนเตียงโดยมีสายน้ำเกลืออยู่ที่ข้อพับ จ้องมองเธออยู่เช่นนั้น เขาผิดหรือ? ไม่! คนอย่างเขาไม่มีวันผิด หากจะผิดก็ผิดที่ผู้หญิงคนนี้บังอาจต่อปากต่อคำเขา และยังกล้าโกหกเขา โทษแค่นี้ยังน้อยไป คนอย่างเขาไม่เคยผิดและไม่รู้จักคำว่าผิดด้วย
เจ้าของร่างอวบนั่งสะอื้นบนเตียงกว้าง หลังจากถูกชายที่เรียกได้ว่าเป็นคู่หมั้นทำร้ายจิตใจมาหมาดๆ เธอกัดฟันทนกับสิ่งที่ได้ยิน เขาหายเข้าไปในห้องนั้นไม่นาน เธอก็ได้ยินเสียงหวีดร้องและเสียงตวาดจากนั้นเสียงทั้งหมดก็เงียบหายไป เขาไม่แม้แต่จะสนใจไยดีเธอที่นั่งร้องไห้ตรงที่หน้าห้อง ขนาดอยู่ตรงนี่ ยังกล้านอนกับผู้หญิงอีกคน ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เธอจะกำจัดให้พ้นทาง ไม่มีวันยอมเสียเขาให้ใครเด็ดขาด
พินอาภาน้ำตาอาบแก้มเธอพยายามโทรหาลุงเป็นร้อยสาย แต่กลับฝากข้อความ ไม่รู้จะช่วยเพื่อนยังไง เพื่อนเธอจะเป็นเช่นไรบ้างก็ไม่รู้ ทำไมเธอต้องมาเจอเรื่องราวเลวร้ายเช่นนี้ด้วยนะ มือบางพยายามกดเบอร์ติดต่อหาลุงอีกครั้งในที่สุดความพยายามเธอก็สัมฤทธิ์ผล
“ลุงคะ! ลุงอยู่ที่ไหน?”เธอถามเสียงสั่น
“ลุงมีปัญหานิดหน่อยน่ะพิน ลุงเลยไม่ได้อยู่ที่บ้าน”
“ลุงคะ! เพื่อนของพินโดนผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้จับตัวไป พวกมันบอกให้เราบอกที่อยู่ของลุง เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ ลุงช่วยเพื่อนของพินด้วยนะคะ ฮือๆๆ”พินอาภาสะอื้น
“พินลุงขอโทษนะ”
“ช่วยเพื่อนพินด้วยนะคะลุง ได้โปรดเถอะค่ะ...”
ไมเคิลตัดสายกุมขมับแน่น เขาคิดหนักขบกรามแน่น กลัวหากว่าเขายินยอมไปหาลุคส์เอง ครอบครัวของอาจจะตกอยู่ในอันตรายก็ได้ แล้วจะทำยังไงดี หลานสาวไม่รู้เรื่องนี้ด้วย พวกเด็กๆ ไม่ควรมารับเคราะห์เพราะการกระทำของเขาเลย
พินอาภานั่งจ้องมองดูโทรศัพท์ทั้งน้ำตา ได้แต่ภาวนาให้ลุงติดต่อเธอมา ไม่อย่างนั้นปรางค์ต้องแย่แน่ๆ มาติชยืนดูด้วยความสงสัย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วผู้หญิงคนนี้เธอเป็นใครกัน เขารู้สึกสงสัยกับเรื่องนี้
ร่างอวบอัดเยื้องกรายมาเยื้อนคฤหาสน์ของคู่หมั้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอวางแผนมาอย่างดี และแผนนี้ต้องสำเร็จ ทุกคนหันมามองผู้มาเยือนด้วยความสงสัย เมื่อเธอหอบหิ้วทั้งขนมและน้ำมาแจกบอดี้การ์ดที่ทำหน้าที่ทุกคน ทุกคนยอมรับน้ำใจเธอ แม้จะรู้สึกงุนงงกับการกระทำในครั้งนี้ก็ตาม เธอรีบเดินไปที่ชั้นสองของคฤหาสน์ แล้วสาวเท้าเดินไปหาบอดี้การ์ดสองคนที่ทำหน้าที่เฝ้าห้องต้องสงสัย เธอต้องการรู้ว่าใครซ่อนตัวอยู่ในนั้น เอมม่ายื่นน้ำให้อย่างมีไมตรี “ฉันซื้อมาให้ กินซะสิ” เอมม่าบอกบอดี้การ์ดทั้งสองมองหน้ากันแล้วส่ายหน้าปฏิเสธน้ำใจเธอ หญิงสาวเม้มริมฝีปากด้วยความไม่พอใจ หากเป็นแบบนี้เห็นที ต้องจัดการแผนสอง เธอจัดการใช้ผ้าปิดปากไว้แล้วหยิบกระป๋องสเปรย์ขึ้นมาแอบซ่อนไว้ด้านหลัง บอดี้การ์ดทั้งสองหันมามองเธออีกครั้งด้วยความงุนงง เมื่อเห็นว่าคู่หมั้นของเจ้านายยังไม่ยอมไปไหน“มีอะไรอีกหรือเปล่าครับคุณเอมม่า?”“ไม่มีอะไรหรอกแค่หันมานี้หน่อย!”บอดี้การ์ดหันมามองเธอ สเปรย์ในมือถูกฉีดออกใส่ใบหน้า ทั้งสองสั่นศีรษะไล่ความมึนงงและรู้สึกมึนออกไป แต่ไม่นานพวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานฤทธิ์ยาสลบได้จนหลับไปในที่สุดเอมม่ามองดูบอดี้ก
ถาดอาหารถูกวางไว้ตรงหน้า หญิงสาวช้อนสายตามองคนที่วางมัน เกลียดเกินกว่าจะรับอะไรจากเขา เมินหน้าหนี การกระทำเช่นนั้นสร้างความหงุดหงิดให้กับเขาไม่น้อย หย่อนกายนั่งลงแล้วจับคางเรียวไว้ ออกแรงบีบเพื่อให้เปิดปาก เธอพยายามผลักให้หยุดการกระทำเช่นนั้น แต่ชายหนุ่มกลับไม่สะเทือน เพิ่มแรงบีบที่ปลายคางแล้วจัดการยัดอาหารเข้าปากของเธอทันทีปรางค์ปรียาอมอาหารไว้ในปาก แล้วพ่นใส่หน้าคนป้อน ดวงตาคมวาวโรจน์ เขาขบกรามแน่น จ้องหน้าหญิงสาวด้วยสายตาเอาเรื่อง กระชากเอวบางเข้ามาแนบชิดแล้วบดขยี้ริมฝีปากลงไป เพื่อเป็นการสั่งสอนที่เธอบังอาจทำกับเขาเช่นนั้น“อื้อ!”เขาถอนริมฝีปากออกมาแล้วตักอาหารขึ้นมาอีกครั้ง จ้องหน้าคนตัวเล็กไม่ละ ปรางค์ปรียารู้ดีหากว่าวันนี้เธอไม่ยอมกินเขาคงต้องทำมากกว่านี้แน่สุดท้ายแล้ว ต้องยอมกินอาหารที่เขาป้อนให้ ตักให้ไม่กี่คำเธอก็หน้าหนีเมื่อรู้สึกว่าอิ่มแล้ว เขามองแล้ววางช้อนลง ส่งยาให้เธอทาน หญิงสาวมองเขาด้วยความงุนงง เพราะคิดว่าคนอย่างเขาคงไม่มีวันทำเช่นนี้แน่ ทำท่าจะไม่รับแต่เมื่อเห็นสายตาเขา หญิงสาวจำต้องรับมาแล้วใส่มันลงไปในปาก ดื่มน้ำตาม ชายหนุ่มมองด้วยความพอใจ ในขณะที่อีกคนรีบเอนก
บอดี้การ์ดหนุ่มตัดสินใจติดต่อเจ้านายทันที เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นฉุดให้เขาหลุดออกจากภวังค์ คว้ามันแล้วหลุบตามองเบอร์หน้าจอ เขากดรับและกรอกเสียงตามสาย มาติชเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ได้รับรู้ ตัดสายแล้วทรุดกายนั่งลงที่โซฟาราคาแพงลูกน้องตามหาไมเคิลเจอแล้วและคนทรยศที่เขาตั้งใจจะกำจัดกลับเรียกร้องมาหาเขาเอง... ความจริงความคิดที่อยากกำจัดไมเคิลมันหมดไปตั้งแต่วันที่ผู้หญิงในห้องนั้นล้มลงต่อหน้า เขาไม่เคยอยากรู้เรื่องของคนทรยศอีกเลยเพราะถือว่ามันได้เอาหลานสาวมาชดใช้กับความผิดที่มันก่อแล้ว ทว่าเวลานี้ทุกอย่างมันกลับกลายเป็นอีกอย่างเขาไม่เคยคิดว่าไมเคิลจะยอมมาหา เพราะเขารู้ดีว่ามันต้องกลัวด้วยนิสัยของเขา ปกติไม่เคยปล่อยคนทรยศให้ลอยนวลไปได้ ลุคส์ลุกขึ้นยืน สองเท้าก้าวเดินไปยังห้องที่ใช้เป็นที่กักขังนกน้อยแสนสวยไว้และทุกคืนนกน้อยนั้นจะถูกเขากอดรัดด้วยแรงปรารถนาเสียงลูกบิดประตูห้องส่งผลให้คนในห้องหันมามองด้วยความกลัว ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าใครคือผู้มาเยือน ร่างบางรีบลุกขึ้นยืนแล้วถอยหลังชิดกำแพงเพื่อเอาตัวรอดทันที เขายืนนิ่งจ้องมองไปยังร่างงามตรงหน้า อยาก กระโจนไปโอบรัดไว้ แต่วันนี้เขาก
ปรางค์ปรียาน้ำตาไหลรินไม่หยุด ในอกเจ็บร้าวจนไม่รู้จะเอ่ยออกมาเช่นไร มันเป็นช่วงเวลาที่แสนทรมาน ยาวนาน และมันทำให้เธอได้ตระหนักถึงคำว่าความแค้น กัดริมฝีปากแน่นเพื่อข่มกลั้นอารมณ์ตนเองเอาไว้ พินอาภาดันเพื่อออกห่างกายจ้องมองใบหน้าแววตาหม่นน้ำตาเอ่อออกมาไม่หยุด เธอทำให้ปรางค์ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ หากไม่ชวนเพื่อนมาเที่ยวเรื่องเลวร้ายคงไม่เกิดขึ้น ปรางค์ต้องมารับเคราะห์เพราะเธอแท้ๆ“กลับกันเถอะปรางค์ เรื่องทุกอย่างมันจบแล้ว”พินอาภาบอกเพื่อนทั้งน้ำตาหญิงสาวเหลือบมองไปยังชายหนุ่มที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาราคาแพง เขาไม่เอ่ยอะไรออกมามีเพียงสีหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกความรู้สึกหรืออารมณ์ใดๆ“เรากลับได้แล้วจริงๆ เหรอพิน”เธอยังคงไม่มั่นใจ“จริงๆ ลุงเราจัดการเรื่องทุกอย่างหมดแล้ว”ปรางค์ปรียาโผเข้ากอดเพื่อนอีกครั้งด้วยความสุข เดีใจมากเหลือเกินได้รอดพ้นจากขุมนรกนี้เสียที พินอาภารีบดึงมือเพื่อนให้ตามไป เธอต้องการให้เพื่อนไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แต่เขากลับเดินมาดักทั้งสองไว้หญิงสาวชะงักจับมือเพื่อนไว้แน่น พินอาภาเหลือบมองเพื่อนสาวเธอรับรู้ได้ถึงอาการสั่นสะท้าน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเพื่อนเธอถึงได้หว
พินอาภาทอดสายตามองวิวผ่านหน้าต่าง คำพูดของลุงไมเคิลยังวนเวียนในหัว สร้อยเส้นนั้นซึ่งลุคส์ให้กับเพื่อนมามีความหมายมากมาย มันเป็นสมบัติประจำตระกูล ไว้สำหรับผู้สืบทอดเท่านั้น แล้วเหตุใดชายคนนั้นจึงยอมถอดมันให้กับปรางค์ มันน่าแปลกมากจริงๆ เธอคงได้แค่หวังให้ปรางค์อย่าพบเจอเรื่องเลวร้ายอีก ปรางค์ปกป้องเธอมาแล้ว และเธอไม่มีวันทอดทิ้งเพื่อนอีกครั้งแน่นอน หญิงสาวแน่วแน่กับตนเองร่างบางในชุดทำงานยืนมองตนเองหน้ากระจก ใบหน้าของถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางโทนสีอ่อน ปรางค์ปรียายิ้มให้กับตนเอง ได้เวลาเริ่มต้นใหม่แล้ว ต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อตนเองและครอบครัวของพินปรางค์ปรียาก้าวลงบันไดมาพอดีกับเพื่อนที่กำลังลงมาเช่นเดียวกัน สองร่างเดินเคียงกันเพราะนัดหมายไปทำงานพร้อมกัน ในขณะที่ทั้งสองยืนอยู่นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์ของใครบางคนมาจอดที่หน้าบ้าน ร่างสูงเดินลงมาจากรถแล้วโบกมือให้กับทั้งคู่ พินอาภายิ้มรับแล้วโบกมือตอบคว้าข้อมือเพื่อนเพื่อเข้าไปทักทายหนุ่มคนนั้นเขาเดินมาหาทั้งสองด้วยรอยยิ้ม แต่สายตากลับหยุดที่ผู้หญิงซึ่งตนหมายปองมานาน และดูเหมือนเธอเองก็มีใจให้เช่นกัน ปรางค์ปรียาเมินหน้าหนีไม่
พินอาภายืนอึ้งมองเพื่อนสาวที่กำลังอาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตาย เธอกำลังภาวนาขออย่าให้มันเป็นอย่างที่คิด ปรางค์ปรียาเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วทอดกายนั่งลงบนโซฟาราวกับคนหมดเรี่ยวแรง คนเป็นเพื่อนรีบเดินไปหาแล้วกุมมือบางไว้ด้วยความเป็นห่วง“ปรางค์ท้องใช่ไหม...”พินอาภาถามเพื่อนเสียงเบาหญิงสาวนิ่งมีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมา ทั้งๆ ที่ไม่อยากนึกถึงเรื่องราวแสนเจ็บปวดนั้น แต่สุดท้ายแล้วเธอก็คงหนีไม่พ้น โชคชะตาช่างเล่นตลกเสียจริง ประจำเดือนขาดหาย ระหว่างอยู่ฝรั่งเศสเธอไม่ได้ป้องกันอะไรเลย แล้วเขาก็เช่นเดียวกัน อาจเพราะเขาชิงชังเลยทำให้หลงลืม แล้วผลของมันคือการที่เธอตรวจพบว่าตนเองกำลังมีลูกน้อยในครรภ์“ใช่พิน เราท้อง” เธอตอบตามตรงไม่ปิดบังพินอาภาเม้มริมฝีปาก สีหน้าเครียดขึ้น สงสารเพื่อนจับใจ“แล้วปรางค์จะทำยังไง จะเอาเด็กไว้หรือเปล่า หรือปราค์จะ...” พินอาภายังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เพื่อนพูดแทรกขึ้นมาเสียงก่อน“ไม่พิน... เราไม่มีวันเอาเด็กออกเด็ดขาด เขาคือลูกของเรา ต่อให้ใครหน้าไหนจะว่าเรานินทาเราก็ตาม”ปรางค์ปรียาตั้งใจแน่วแน่“ได้ปรางค์ ถ้าปรางค์ต้องการเด็กคนนี้ เราจะช่วยปรางค์เลี้ยงเขานะ”พินอาภาบอกเพื่อน
หกปีผ่านไป ....ร่างสูงใหญ่เอนกายลงนอนบนเก้าอี้ที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสของสายการบิน เขากำลังขยายธุรกิจรถยนต์เข้าสู่เมืองไทย จำต้องเดินทางไปติดต่องานที่นั้น เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ทว่าเขาไม่อาจหลงลืมใบหน้าแสนสวยของหญิงสาวชายไทยได้เลย ปรางค์ปรียาหากโชคชะตาสองเรามีอันต้องบรรจบ เขาขอให้ได้พบเธออีกสักครั้งก็ยังดีหญิงสาวในชุดทำงานยืนอยู่ด้านหน้าประตูบ้าน มือจูงมือเด็กชายผมสีบลอนด์ เด็กคนนี้คือลูกของเธอ ลูกที่เกิดมาจากความผิดพลาด ผมและดวงตาทำให้ทุกคนรู้ว่าเธอไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนไทย เธอต้องอดทนต่อคำนินทามากมายจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ แม้รู้สึกเจ็บปวดแต่เมื่อได้เห็นหน้าบุตรชาย มันทำให้รู้สึกเหมือนโลกที่แบกไว้มลายลงไป“แม่ครับ วันนี้ไทม์ไม่อยากไปโรงเรียนเลยครับ...” เด็กชายบอกแววตาหม่น“ทำไมล่ะครับ?”เธอทรุดกายลงพร้อมกับจ้องมองใบหน้าลูกด้วยความสงสัย“เพื่อนล้อผมทุกวันเลยครับแม่ ว่าผมเป็นลูกฝรั่งที่ไหนก็ไม่รู้ ผมไม่ชอบเลยครับ”หัวใจกำลังเต้นตุบๆ ยิ่งเห็นหน้าลูกยิ่งสงสาร เธอเองรู้ดีว่ามันคงเป็นเช่นนี้อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง มือบางลูบศีรษะบุตรชายเบาๆ แล้วรั้งร่างเล็กมาโอบกอดไว้ ไทม์ลูกของเธอไม่เหมือนใค
ชายหนุ่มยืนนิ่งทอดสายตา มองไปยังวิวแม่น้ำเจ้าพระยา จากโรงแรมหรูระดับห้าดาว มือหนากอดอกขึ้นอย่างใช้ความคิด ใบหน้าของหญิงสาว ที่เขาไม่เคยลืม และรสสัมผัสนั้นยังคงตราตึง อยู่ในความรู้สึกไม่เคยจาง เวลานี้เขายืนอยู่ในประเทศเดียวกันกับเธอแล้ว แล้วเธออยู่ที่ไหนกัน เขาจะสามารถหาเธอเจอได้หรือเปล่า บางทีเวลานี้ผู้หญิงคนนั้นอาจแต่งงานไปกับใครสักคนแล้วก็เป็นได้ลุคส์ถอนหายใจออกมา แล้วนั่งลงบนเก้าอี้กำมะหยี่มือหนาคว้าเอกสารตรงหน้าขึ้นมาแล้วกวาดสายตาอ่านทุกตัวอักษร เข้ามาลงทุนทำธุรกิจส่งออกรถที่ประเทศไทยและต้องการตัวแทนจำหน่าย เขารู้สึกถูกใจบริษัทนี้ที่มีระบบการทำงานที่ดีและมีเสถียรภาพ หากได้ร่วมงานกันคงทำให้ธุรกิจรุดหน้าไปไกลมากขึ้นอีก“มาติช ไปตามคุณวิศรุตมาคุยกับผมหน่อย”“ได้ครับ” มาติชรับคำเจ้านายแล้วก้าวออกไปครู่ใหญ่ชายรูปร่างสันทัดผิวขาวสวมแว่นก้าวเข้ามาในห้อง วิศรุตนั่งลงตรงข้ามเจ้าของห้อง ลุคส์หยิบเอกสารให้ดู“ช่วยติดต่อบริษัทนี้ให้ผมหน่อย ผมต้องการร่วมหุ้นกับเขา“ได้ครับคุณลุคส์”“ได้เรื่องยังไงรายงานผมด้วยนะ ผมจะได้จัดการเอกสารสัญญาการรวมทุนกัน”“ครับ”วิศรุตก้มศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินออกนอก
เช้ารุ่งของวันใหม่หญิงสาวสลึมสลือลืมตาขึ้นมา ลุกพรวดด้วยความตกใจ แล้วรีบมองหาคนที่นอนอยู่เคียงข้างทั้งคืน แต่เตียงกว้างกลับว่างเปล่าเมื่อเขาหายไป เธอรีบวิ่งเร่งฝีเท้าเข้าห้องบุตรชายด้วยความตระหนก เมื่อเปิดประตูห้องนอนกลับพบแต่เพียงความว่างเปล่า รีบวิ่งลงไปชั้นล่าง หัวใจของคนเป็นแม่กำลังร้อนรุ่ม“แม่ครับ!”เด็กชายเรียกมารดาโบกมือให้ขณะอยู่ที่โต๊ะอาหารปรางค์ปรียาชะงักรับปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เดินมาหาบุตรชาย เห็นเขากำลังนั่งทานอาหารกับลูก เมื่อคืนเธอเพลียมากจนหลับไม่รู้เรื่องเลย“ตื่นนานแล้วเหรอครับลูกชายแม่” คนเป็นแม่ถามแล้วลูบศีรษะบุตรชายแผ่วเบา“ไม่นานหรอกครับ พ่อไปปลุกผม”ปรางค์ปรียาหันมองเขา ดวงตาสองคู่ผสานกัน นัยน์ตาสีฟ้าทำให้เธอชะงักไปชั่วครู่ รีบเมินหน้าหนี แปลกใจที่เขาไม่ได้พาลูกหนีอย่างที่คิดตั้งแต่ตอนแรก หญิงสาวมองดูบุตรชายคิ้วเริ่มขมวด เมื่อเห็นใส่ชุดนักเรียนเรียบร้อย ช้อนสายตามองเขาด้วยควาสงสัย“ไทม์ ลูกเอาชุดนักเรียนมาจากไหนครับ”“พ่อเอามาให้ครับ”เหลือบมองชายหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม คงไม่แปลกอะไร เพราะเขาร่ำรวยมหาศาลแค่ชุดนักเรียนของลูก ทำไมจะหามาไม่ได้ เธอแหงนมองนาฬิกาเร
“พ่อไปไหนมา ผมอยากเจอพ่อมาตลอด... ทำไมพ่อไม่มาหาไทม์ให้เร็วกว่านี้ล่ะครับ แม่จะได้ไม่ต้องร้องไห้เพราะผม...” ไทม์สะอื้นออกมา“พ่อขอโทษนะลูก พ่อไม่ได้ตั้งใจ... ไทม์อย่าโกรธพ่อได้ไหมลูก”“ไทม์ไม่โกรธพ่อหรอกนะครับ ไทม์แค่สงสารแม่... แม่ต้องอดทนเพื่อไทม์มาตลอดเลยนะครับพ่อ...”“พ่อจะไม่ทิ้งไทม์กับแม่ไปอีกนะลูก”ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ที่เขากอดลูกชายไว้อย่างนั้น แต่เวลานี้เด็กชายตัวน้อยกลับหลับไปในอ้อมกอดของคนเป็นพ่อไปเรียบร้อยแล้ว ปรางค์ปรียามองภาพนั้นด้วยความอิ่มเอม“พาลูกขึ้นไปนอนก่อนเถอะค่ะ”ลุคส์อุ้มลูกไว้เดินขึ้นไปที่ชั้นบนของบ้าน ชายหนุ่มหยุดยืนหน้าประตูห้องที่มีสีสันสวยงาม มือบางกำลูกบิดแล้วเปิดให้เขาพาลูกเข้าไปในห้องนอน ร่างเล็กถูกวางไว้บนเตียงขนาดพอเหมาะ ลุคส์จัดการรั้งผ้าห่มมาคลุมตัวบุตรชายไว้แล้วลูบศีรษะเบาๆ ไฟในห้องถูกปิดพร้อมกับประตูห้องนอน“เราก็คงต้องเข้านอนได้แล้ว”ชายหนุ่มเริ่มสั่ง“วันนี้ฉันนอนกับลูกได้ไหม?”“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวไทม์สงสัยไปนอนกันเถอะ”มือบางถูกดึงไปที่ห้องพร้อมกับเขา เธอไม่อยากดื้อดึงหรือขัดขืนอีกต่อไปแล้ว เพราะตลอดเวลาผ่านมามันไม่มีประโยชน์เลย ทันทีที่
ลุคส์ลอบมองบุตรชาย ในขณะที่ไทม์เองก็หยุดชะงักแล้วหันมามองเขาเช่นกัน เด็กชายรู้สึกแปลกใจที่เห็นเขาในวันนี้“คุณอา มาทำอะไรที่นี่ครับ”“อามาหาไทม์กับแม่ไงครับ”พินอาภารีบลากเพื่อนตนเองออกไปทันที โดยปล่อยให้ชายหนุ่มอยู่กับบุตรชายตนเอง ลุคส์รีบอุ้มไทม์ไว้ก่อนพาเดินไปนั่งเล่นที่ม้านั่งในสวน“ปรางค์หมายความว่ายังไงเราไม่เข้าใจเลย!”พินอาภาถามเสียงสั่น“พินเรามีข้อตกลงกับเขา เราคงต้องไปอยู่กับเขาที่บ้าน เพราะถ้าหากเราไม่ไปเขาจะเอาไทม์ไปจากเรา” เธอตอบเพื่อนเสียงเครือ“อะไรนะ!”“เราทำอะไรไม่ได้หรอกพิน เราคงต้องยอมเขา ถ้าหากเราดึงดันเขาจะฟ้องศาล พินก็รู้ว่าเขามีอำนาจมากแค่ไหน เราไม่ยอมเสียไทม์ไปเด็ดขาดพิน” กลืนก้อนสะอื้นไว้ แล้วข่มกลั้นน้ำตา เธอไม่อยากอ่อนแอไปมากกว่านี้พินอาภากัดริมฝีปากโอบไหล่เพื่อนไว้เพื่อปลอบ ช่วยเพื่อนไม่ได้เลย ทำไมลุคส์ถึงไม่เลิกยุ่งกับปรางค์เสียที ผู้ชายคนนั้นจะตามทำร้ายเพื่อนเธอไปถึงไหนกัน“ปรางค์... แน่ใจแล้วใช่ไหมที่จะไปอยู่ที่นั้น”“แน่ใจแล้วพิน ปรางค์คงต้องไปอยู่กับเขาเพื่อลูก...”“ขอโทษนะ ที่ช่วยอะไรไม่ได้อีกแล้ว”พินอาภาบอกเพื่อนเสียงสั่น“ไม่เป็นไรหรอกพิน เรารู้ดีว่
ลุคส์กัดฟันแน่นพยายามข่มใจไม่ให้แสดงอะไรออกมา ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึก แต่หนทางเดียวที่จะรั้งเธอกับลูกไว้ได้คือการใช้อำนาจเงินทั้งหมดที่เขามี“หยุดร้องได้แล้ว ฉันไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นหรอก ฉันแค่ต้องการให้ไทม์ไปอยู่กับฉันเท่านั้น แต่ฉันไม่เคยพูดคุยดูแลลูกมาก่อนเลย ฉันเลยต้องการให้เธอช่วยก็แค่นั้น”ชายหนุ่มบอกเสียงเบา“แต่คุณบอกว่าฉันต้องนอนกับคุณด้วย!” หญิงสาวเถียง“ก็ใช่! ถ้าเธอไม่นอนห้องเดียวกับฉัน แล้วไทม์จะเชื่อเหรอว่าฉันเป็นพ่อของเขา ทั้งๆ ที่ฉันก็เป็นจริงๆ นั้นแหละ!”ปรางค์ปรียาหยุดสะอื้น แปลกใจกับถ้อยคำและท่าทีที่อ่อนลง แม้ว่าเขาจะมีเหตุผลก็ตาม แต่เธอไม่ต้องการเป็นที่ระบายความใคร่ ก็เขามองเห็นเธอเป็นแค่เพียงผู้หญิงที่ไม่มีค่าไม่มีความหมายอะไร แล้วทำไมต้องนอนทอดกายให้เชยชมด้วย“ถ้าฉันนอนห้องเดียวกับคุณ แต่เราสองคนไม่มีความสัมพันธ์กันได้ไหมล่ะคะ?”หญิงสาวลองหยั่งเชิง“แล้วเธอคิดว่าได้ไหมล่ะ?”เขาย้อนถามคนถามเงียบกริบ เธอไม่เคยคิดจะคบหากับผู้ชายคนไหน เพราะใจเธอยังรู้สึกปวดร้าวกับเหตุการณ์ในอดีตอยู่ แผลที่เขาได้ทำกับเธอไว้มันลึกเกินกว่าที่ใครจะมาเยียวยารักษาให้หายได้ เกือบหกปีทีเธอไม่เคยมอ
พินอาภาครุ่นคิดก่อนจะยอมขยับกายแต่ว่า... มันเจ็บคงเป็นไปไม่ได้หรอกที่เธอจะเดินไป บอดี้การ์ดหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่สบอารมณ์อย่างแรงทำไมต้องมาซวยเจอเธอก็ไม่รู้“ขี่หลังผมไปแทนก็แล้วกัน...”เขากัดฟันพูดเขาย่อกายลง พินอาภาล้มตัวลงบนหลังพลางโอบรัดรอบคอเขาแน่น ท่อนแขนของเขารั้งเรียวขาไว้เพื่อความมั่นคง ใบหน้าเธอกำลังแดง แต่เมื่อเห็นเขาไม่ได้มีท่าทีอะไรใจที่เต้นโครมครามค่อยสงบลงทันทีที่ถึงบ้านร่างบางรีบตะเกียกตะกายหาเสื้อผ้าเพื่อนตนเองทันที แต่... มันไม่มีเลย เธอจะทำยังไงดีจะให้ใส่เสื้อผ้าแบบนี้เหรอ บอดี้การ์ดคนอื่นก็เริ่มมองมาที่เธอแล้ว“ไม่มีเลยแล้วฉันจะใส่อะไร!”มาติชเดินไปที่ห้องตนเอง ก่อนคว้าเสื้อกับกางเกงขาสั้นให้กับเธอ หญิงสาวรับมาอย่างงงๆ แต่ก็ย่อมดีกว่าไอ้แจ็กเก็ตหนังที่ใส่อยู่“รถคุณจอดไว้ที่นี่ก่อนเดี๋ยวผมจะไปส่งคุณที่บ้าน หรือคุณอยากจะไปหาหมอ?”“ไม่ค่ะ ฉันอยากกลับบ้าน”เขาเดินนำหญิงสาวออกมาด้านนอกพลางสตาร์ทรถรอ พินอาภารีบนั่งลงข้างคนขับเขาเหยียบคันเร่งรถออกไปทันที... อาการจุกแน่นของเธอเริ่มดีขึ้นมากแล้วเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขาแล้วรู้สึกดีใจหากวันนี้คู่อริเธอไม่มาช่วยไว้ป่า
เสียงเล็กๆ กำลังเรียกเขาทำให้เขาตื่นจากภวังค์อันแสนโหดร้าย รอยยิ้มดูสดใสบริสุทธิ์ยิ่งทำให้ใจเขาชุ่มชื่น นี่เป็นความสุขครั้งแรกที่เขาได้รับมาในชีวิต เขาอยากให้ความสุขแบบนี้อยู่กับเขาตลอดไป มันพอจะเป็นไปได้ไหม“ว่าไงครับไทม์”“พ่อจะไม่ไปไหนจากไทม์กับแม่ใช่ไหมครับ พ่อจะอยู่กับเราตลอดไปใช่ไหม” เด็กชายถามน้ำเสียงตื่นเต้นคนเป็นแม่ชะงักช้อนสายตามองเขา ริมฝีปากบางเม้มแน่น เธอไม่เคยคาดหวังอะไรอยู่แล้ว หวังแค่หากเขาจะไปก็ขอให้ตอบคำถามโดยนึกถึงใจลูกบ้าง และคิดถึงความรู้สึกของเธอสักนิดก็ยังดี“พ่อจะไม่ไปไหนจากไทม์แล้วครับ พ่อจะอยู่กับไทม์แล้วก็แม่ด้วย” ชายหนุ่มตอบแล้วสบตาหญิงสาว ปรางค์ปรียานิ่งงันแล้วหลุบตามองอาหาร ในหัวใจเต้นโครมคราม เหตุใดถึงรู้สึกเช่นนี้นะเธอไม่เข้าใจพินอาภาขับรถมาเยี่ยมเยือนเพื่อนตนเอง แต่รถดันมาเสียกลางทางซอยเปลี่ยวแม้จะรู้สึกหงุดหงิดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ โทรศัพท์ถูกยกขึ้นมาเพื่อใช้ติดต่อกับอู่ซ่อมรถ แต่อู่กลับบอกให้รอ... แล้วเธอจะต้องรอถึงเมื่อไหร่กันเสียงพูดคุยดังขึ้น เธอหันไปมองสายตากำลังจดจ้องไปยังกลุ่มวัยรุ่นสี่คนที่เดินมา และรู้สึกเหมือนว่าพวกมันกำลังเมาอยู่ เธอไม่รู้ว่า
ทุกคนเงียบกริบทำได้แค่เพียงนึกอิจฉาปรางค์ปรียา ที่เธอมีสามีรวยแถมหล่อมากขนาดนี้ แต่ใครจะรู้เลยว่าสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ปรางค์ปรียาต้องการเลย“คุณจะพาฉันไปไหนคะ?”หญิงสาวถามขึ้นขณะที่เขารั้งมือบางให้เดินตามมา“ไปซื้อของใช้ส่วนตัวของเธอ แล้วก็ของลูก”“ฉันไปเองได้ค่ะ คุณไม่ต้องไปด้วยหรอกนะคะ”“ฉันจะไปด้วย!”หญิงสาวยอมทำตามคำสั่งของเขา ร่างบางเดินเข้ามาในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ลุคส์เดินเคียงตลอดเส้นทางไม่ห่าง การกระทำของเขาทำให้เธออึดอัดไม่น้อย แต่กระนั้นกลับไม่กล้าพอต่อว่าต่อขาน เดินเลือกซื้อของแต่ไม่กล้าเลือกมากนัก ส่งผลให้คนเดินตามรู้สึกงุนงง“ทำไมไม่เลือก?”เขาถามเสียงเข้ม“ฉันไม่ได้รวยเหมือนคุณนี่คะ”“ก็บอกว่าจะจ่ายให้ยังไงล่ะ!”“ไม่ต้องค่ะ ฉันพอมีเงินอยู่บ้าง”“อย่าขัดคำสั่งฉัน!”ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิดอีกแล้วที่คำออกคำสั่งแบบนี้ เธอก็คงต้องทำตามอีกแล้วใช่ไหม เธอมองไปรอบๆ แล้วจัดการเลือกเสื้อผ้าทันที ดีเหมือนกันหากเขาต้องการแบบนั้นก็คงไม่ต้องเกรงใจกันแล้วร่างสูงใหญ่ยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงาน แล้วสั่งให้ลูกน้องมาขนของไปไว้ที่บ้านให้เขาแทน“วันพ่อฉันต้องทำอะไรบ้าง”ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย“
เธอเดินลงมาจากชั้นบนโดยมีเขาตามมา ไทม์มองพ่อแม่แล้วยิ้มกว้าง วิ่งเข้าหาจูงมือบุพการีรั้งไปยังรถ ปรางค์ปรียานั่งเบาะหน้าคู่คนขับ ส่วนไทม์นั่งเบาะหลัง เด็กชายคุกเข่าโน้มตัวมาด้านหน้า รอยยิ้มแต่งแต้มทั่วใบหน้าของเขา“พ่อครับวันนี้พ่อจะไปส่งไทม์ที่โรงเรียนใช่ไหมครับ”“ใช่ครับ” ลุคส์ตอบแล้วเผลอยิ้ม ก่อนแสร้งตีหน้านิ่งเหมือนเดิม“ผมดีใจมากเลย ผมจะได้อวดพ่อกับเพื่อนๆ จะได้ไม่มีใครมาว่าผมอีก” เด็กน้อยบอก“ครับไทม์ พ่อจะไปยืนโชว์ความหล่อของพ่อให้เพื่อนๆ ของไทม์ดูเลยนะครับ”“ครับพ่อ”เด็กชายยิ้มออกมาด้วยความดีใจคนเป็นแม่เงียบกริบ ไม่รู้ว่าควรเอ่ยอะไรออกมา เห็นลูกมีความสุขแบบนี้หัวอกคนเป็นแม่ก็เป็นสุขแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเขาจะอยู่เคียงข้างลูกไปอีกนานแค่ไหน เพราะทั้งเธอและเขาต่างกันราวกับฟ้ากับดิน คนอย่างเขาไม่มีวันยอมรับผู้หญิงจนๆ ไม่มีหน้าตาในสังคมเช่นเธอแน่นอน สำหรับไทม์คนเป็นแม่ที่เลี้ยงดูมาจะทำใจยกให้ได้อย่างไรกันรถเลี้ยวเข้ามาจอดภายในโรงเรียน ร่างบางจูงมือบุตรชายลงมาจากรถแล้วพาเดินเข้าห้อง ชายหนุ่มวนหาที่จอดรถแล้วเดินตามไปห่างๆ ทันทีที่ถึงหน้าห้องเรียน มีผู้ปกครองมากมายและนักเรียนยืนอยู่เต็มห้อ
หญิงสาวปรายตามองเขาก่อนหันไปสนใจกับผ้าต่อจนกระทั่งเสร็จ ลุคส์ขยับกายพลางชำเลืองมองให้หญิงสาวเดินตาม แม้อยากขัดใจไม่ทำตามความต้องการของเขา แต่ก็ไม่อาจทำได้เธอรู้ข้อนี้ดีเสมอ เสียงฝีเท้าดินตามหลังมาทำให้เขารู้สึกพอใจไม่น้อยที่เธอไม่ดื้อดึง“ฉันจะนอนข้างล่างนะคะ”หญิงสาวบอกเขาทันทีที่มาถึงห้อง“ทำไม!”“เราควรนอนแยกกันจะดีกว่าค่ะ”“เหตุผล?”“เพราะคุณกับฉันเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ฉันมาอยู่ที่นี่ในฐานะแม่ของไทม์แต่ไม่ได้อยู่ในฐานะภรรยาของคุณค่ะ”หญิงสาวตอบชัดเจน“ไม่ได้!”เขาสวนกลับทันควัน“เพราะอะไรไม่ได้ละค่ะ!”“นอนด้วยกันบนเตียงนี่แหละ อย่าเรื่องมากปรางค์ปรียา!”ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิดหญิงสาวถูกดึงให้ล้มตัวนอนลงบนเตียงทันที ร่างบางเกร็งนิ่งจนไม่กล้าขยับตัวไปไหนใจของเธอกำลังเต้นระรัวด้วยความกลัว แต่เขากลับนอนนิ่งมีเพียงมือที่พาดช่วงเอวของเธอไว้เท่านั้น ไม่นานนักเสียงลมหายใจของเขาก็สม่ำเสมอ ปรางค์ปรียาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกที่วันนี้เขาไม่เอาแต่ใจเช้ารุ่งของวันใหม่หญิงสาวสลึมสลือลืมตาขึ้นมา ลุกพรวดด้วยความตกใจ แล้วรีบมองหาคนที่นอนอยู่เคียงข้างทั้งคืน แต่เตียงกว้างกลับว่างเปล่าเมื่อเขาหายไป เธ