บอดี้การ์ดหนุ่มตัดสินใจติดต่อเจ้านายทันที เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นฉุดให้เขาหลุดออกจากภวังค์ คว้ามันแล้วหลุบตามองเบอร์หน้าจอ เขากดรับและกรอกเสียงตามสาย มาติชเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ได้รับรู้ ตัดสายแล้วทรุดกายนั่งลงที่โซฟาราคาแพง
ลูกน้องตามหาไมเคิลเจอแล้วและคนทรยศที่เขาตั้งใจจะกำจัดกลับเรียกร้องมาหาเขาเอง... ความจริงความคิดที่อยากกำจัดไมเคิลมันหมดไปตั้งแต่วันที่ผู้หญิงในห้องนั้นล้มลงต่อหน้า เขาไม่เคยอยากรู้เรื่องของคนทรยศอีกเลยเพราะถือว่ามันได้เอาหลานสาวมาชดใช้กับความผิดที่มันก่อแล้ว ทว่าเวลานี้ทุกอย่างมันกลับกลายเป็นอีกอย่าง
เขาไม่เคยคิดว่าไมเคิลจะยอมมาหา เพราะเขารู้ดีว่ามันต้องกลัวด้วยนิสัยของเขา ปกติไม่เคยปล่อยคนทรยศให้ลอยนวลไปได้ ลุคส์ลุกขึ้นยืน สองเท้าก้าวเดินไปยังห้องที่ใช้เป็นที่กักขังนกน้อยแสนสวยไว้และทุกคืนนกน้อยนั้นจะถูกเขากอดรัดด้วยแรงปรารถนา
เสียงลูกบิดประตูห้องส่งผลให้คนในห้องหันมามองด้วยความกลัว ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าใครคือผู้มาเยือน ร่างบางรีบลุกขึ้นยืนแล้วถอยหลังชิดกำแพงเพื่อเอาตัวรอดทันที เขายืนนิ่งจ้องมองไปยังร่างงามตรงหน้า อยาก กระโจนไปโอบรัดไว้ แต่วันนี้เขากลับชะงักราวกับว่าต้องการมองเธอเพื่อซึมซับความรู้สึกต่างๆ ไว้ให้นานที่สุด
แม้พยายามก้าวให้ถึงเธอ เธอก็จะขยับหนีไปอีกหนึ่งก้าว และเมื่อเขาหยุดนิ่งเธอก็จะชะงัก หยุดหนีแล้วมองเขา ชายหนุ่ม หัวเราะเยาะตัวเองในใจ เมื่อไหร่ที่เขาหยุดไล่ตาม เธอถึงจะหยุด เว้นระยะห่างจากเขาไว้เสมอ เ ไม่ได้หวังให้ผู้หญิงคนใดมารัก แต่ก็รู้สึกไม่ชอบใจนักที่ถูกผู้หญิงปฏิเสธเช่นนี้
ปรางค์ปรียา งุนงงกับท่าทางแปลกๆ แต่หญิงสาวก็ยังระแวงอยู่เสมอ เพราะสิ่งที่เขาเคยกระทำกับเธอมันช่างเลวร้าย เธอเจ็บปวด ทรมาน และรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกนรกทั้งเป็น เธอจะจำสิ่งที่เขาได้กระทำกับเธอไว้จนวันตายไม่มีวันลืมเด็ดขาด!
เขายืนนิ่งจ้องมองเธออีกครั้งหาก ไม่คว้าไว้ คงไม่มีวันสมปรารถนาเพราะเธอไม่มีวันนอนทอดกายให้กอดก่าย ดวงตาคมหรี่ลงแล้วใช้ความไวคว้าท่อนแขนไว้ ร่างบางดิ้นรนสุดชีวิตด้วยความตกใจปนกลัว เธอคิดว่าเขาจะหยุดการกระทำอันโหดร้ายกับเธอแล้วแต่มันคงเป็นไปไม่ได้สินะ
“ปล่อยฉันนะ!”เธอพยายามร้องขอ
ลุคส์ฉวยโอกาสช้อนร่างบางไปที่เตียงกว้าง คนถูกอุ้มตกใจดิ้นรนเพียงแผ่นหลังแตะถึงฟูก แม้รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นและไม่มีทางเอาตัวรอดจากชายผู้นี้ได้ แต่ยังไงเสียเธอก็ไม่มีวันนอนทอดกายให้เขาเชยชมง่าย ร่างบางตั้งท่าเตรียมกระโจนหนีแต่กลับถูกเขาตรึงร่างไว้บนเตียง ก้มลงซุกไซร้ซอกคอหอมกรุ่นอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ฉันสัญญาว่ามันจะไม่เหมือนครั้งอื่นๆ เธอจะไม่เจ็บ และจะชอบมัน... ”เขาบอกเสียงพร่า
หูของปรางค์ปรียาอื้อไปหมด เขาปรนเปรอจนหญิงสาวร้องครางออกมาเบาๆ ลมหายใจเริ่มติดขัดใบหน้าเรียวสวยเริ่มแดงและร้อนผ่าว มือกำลังลูบไล้ร่างงาม ไม่ว่าส่วนไหนก็สร้างความวาบหวาม ยิ่งเห็นเขาจ้องมองมายิ่งทำให้กัดริมฝีปากแน่น เรือนร่างสมชายชาตรีที่ปรากฏต่อหน้าสร้างความหวั่นไหว หัวสมองกำลังสับสน ทันทีที่เรือนกายแกร่งแทรกเขามาพร้อมกับขยับกายเร่งเร้าเพื่อเรียกร้องการตอบสนองของคนใต้ร่าง หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ ไม่นานเธอส่งเสียงกรีดร้องออกมาพร้อมกับการหยุดลงของเขา
ร่างสูงใหญ่พลิกกายนอนลงข้างหญิงสาว ปรางค์ปรียารีบหันหลังให้ เธอรู้สึกอายแทบแทรกแผ่นดินหนี นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเต็มใจตอบสนองเขา ไม่เคยรู้เลยว่าเรื่องแบบนี้จะให้ความสุข ลุคส์จ้องมองแผ่นหลังขาวเนียนก่อนใช้ริมฝีปากพรมจูบไปทั่ว ปรางค์ปรียาชะงักขยับกายหนีแต่เขากลับรั้งเอวบางไว้
“อย่าหนี!”เขาสั่ง
ใบหน้าเรียวสวยแดงซ่านขึ้นมาทันที มือหนารั้งหญิงสาวให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา ดวงตาคมสีน้ำทะเลจ้องลึกลงเพื่อรอคำตอบ เขาติดกับดักผู้หญิงคนนี้เข้าแล้ว ไม่รู้ว่าตนเองควรทำอย่างไร มันยากจะถอนตัว
“เธออยากอยู่กับฉันไหม?”
คิ้วบางขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ คำถามของเขาหมายความว่ายังไงกันแน่
“หมายความว่ายังไง ฉะ...ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่คุณกำลังพูด”
ก๊อก! ก๊อก!
เสียงประตูหน้าห้องดังขึ้น เขารีบผุดลุกขึ้น ไม่กล้าพอจะพูดอะไรออกไปอีก คนอย่างเขาไม่เคยทำเช่นนี้ ไม่เคยอ้อนวอนให้หญิงคนไหนมาอยู่ด้วย คงไม่จำเป็นต้องทำ
ปรางค์ปรียามองตามแผ่นหลังสีหน้าสับสน ครุ่นคิดเรื่องที่เขาถามเมื่อครู่ ต้องการอะไรกันแน่ถึงได้พูดแบบนั้น เขาเกลียดเธอไม่ใช่หรือ? เธอต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เพราะเขาชิงชังไม่ใช่หรือไง
เขาเดินออกมาจากห้องแม้กายยังครุกรุ่นกับบทรักที่เพิ่งผ่านมา และถ้อยคำที่เขาพูดออกไป แต่เขาก็จำต้องทำหน้าที่ของประธานบริษัทด้วยเช่นกัน ดวงตาสีฟ้าจ้องมองไปยังร่างของชายวัยกลางคนที่นั่งก้มหน้า อยู่ในส่วนห้องรับรองแขก ส่วนผู้หญิงอีกคนก็คือเพื่อนของปรางค์ปรียานั้นเอง
พินอาภากัดฟันแน่นเดินวนไปวนมา ใจห่วงเพื่อนมากเหลือเกิน ภาวนาขออย่าให้เกิดเรื่องอะไรร้ายแรง เสียงฝีเท้าที่เริ่มดังขึ้นทำให้เธอหันมอง ดวงตาเรียวเบิกกว้างหญิงสาวรีบนั่งลงข้างลุงด้วยความรู้สึกหวาดกลัว
ร่างสูงใหญ่เดินมาถึงห้องรับรอง เขาทอดกายนั่งลงบนโซฟาแล้วจ้องมายังทั้งคู่ด้วยสายตากร้าว แม้ใจอยากจะตรงเข้าไปกระชากไอ้ลูกน้องทรยศมาจัดการสักเท่าไหร่ แต่พอนึกถึงใบหน้าของคนตัวเล็กที่เขากกกอดทุกคืนเลยจำต้องอดทน อย่างน้อยเขาก็ถือว่าหลานได้เสียสละเพื่อลุง
“แกมีอะไรจะบอกกับฉันไหมไมเคิล”เขาถามเสียงเย็น
หนุ่มใหญ่สั่นเทิ้มก่อนคุกเข่าลงกับพื้น ยื่นซองเอกสารที่ขโมยจากบริษัทมาให้ เขารับมาเปิดดูเอกสารในซองดวงตาคมกริบพลิกกลับไปจ้องมองไมเคิลอีกครั้ง
แควก!
เอกสารในมือถูกเขาฉีกทิ้งอย่างไม่ไยดี ไมเคิลก้มหน้านิ่งตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าแม้แต่จะขยับเขยื้อนไปไหน
“นะ...นายผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ผมกลัว... พวกมันจับตัวลูกเมียผมไปแล้วให้ผมมาคอยเป็นสายในบริษัท พวกมันบอกให้ผมเอาแบบรถที่กำลังออกใหม่ไปให้พวกมัน หากผมไม่ทำพวกมันจะฆ่าลูกเมียของผม!”ไมเคิลสารภาพเสียงสั่น
คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ไม่นานจึงถอนหายใจ อยากจัดการไอ้ไมเคิลนัก แต่ก็เข้าใจว่าเป็นเหตุจำเป็น ลุคส์ลุกยืนแล้วแล้วเดินไปหาบอดี้การ์ดคนสนิท
“มาติช”
“ครับนาย”
“ได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้วใช่ไหม?”
“ครับ”
“ไปจัดการพวกมันซะ ทำให้มันไม่กล้าเผยอหน้ามาทำแบบนี้อีก!”เขาบอกเสียงกร้าวดวงตาวาวโรจน์
“ได้ครับ”
บอดี้การ์ดหนุ่มรับคำสั่งแล้วออกจากคฤหาสน์ เขาหันหลังกลับมานั่งประจำที่เดิมอีกครั้ง สายตากำลังจ้องมองไปยังผู้หญิงอีกคนที่กำลังนั่งกระสับกระส่าย กวาดสายตามองหาเพื่อนไม่ลดละ
ลุคส์ลอบยิ้มแล้วหันกลับมาสนใจคู่สนทนาตนเองต่อ เป็นลูกน้องทำงานกับเขามาก็นาน แต่ทำไมมันดันไม่กล้าพูดความจริงกับเขาแบบนี้
“ฉันขอเตือนไว้ก่อนเลยนะไมเคิล ต่อไปนี้มีเรื่องอะไรให้บอกฉัน แกไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร หรือแกคิดว่าฉันคงช่วยอะไรแกไม่ได้!”
“ปะ...เปล่าครับนาย ผมแค่กลัวว่าลูกเมียผมจะเป็นอะไรไปก็เท่านั้น”
“แกไม่เชื่อใจฉันหรือไง!”
“ผมขอโทษครับ”
ชายหนุ่มจบบทสนทนากับลูกน้องแล้วหันมามองพินอาภาอีกครั้ง น่าแปลก... เป็นแค่เพื่อนกันไม่น่าจะเป็นห่วงเป็นใยกับมากขนาดนี้ ลุคส์เหลือมองสาวใช้ประจำคฤหาสน์แล้วเอ่ยปากทันที
“ไปพาผู้หญิงที่อยู่ในห้องฉันมาที่นี่หน่อย”
“ค่ะคุณชาย”สาวใช้รับคำแล้วเดินไป
พินอาภายิ้มออกมาทันทีที่ได้ยินคำสั่งของเขา ใจเธอจดจ่อรอเพื่อนที่กำลังจะลงมาจากชั้นบน หวังว่าเพื่อนคงไม่เป็นอะไร ไม่นานนักเธอเห็นเพื่อนกำลังลมาพร้อมกับสาวใช้ พอมาถึงชั้นล่าง พินอาภารีบลุกจากโซฟาโผเข้ากอดด้วยความห่วงใย
ปรางค์ปรียาน้ำตาไหลรินไม่หยุด ในอกเจ็บร้าวจนไม่รู้จะเอ่ยออกมาเช่นไร มันเป็นช่วงเวลาที่แสนทรมาน ยาวนาน และมันทำให้เธอได้ตระหนักถึงคำว่าความแค้น กัดริมฝีปากแน่นเพื่อข่มกลั้นอารมณ์ตนเองเอาไว้ พินอาภาดันเพื่อออกห่างกายจ้องมองใบหน้าแววตาหม่นน้ำตาเอ่อออกมาไม่หยุด เธอทำให้ปรางค์ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ หากไม่ชวนเพื่อนมาเที่ยวเรื่องเลวร้ายคงไม่เกิดขึ้น ปรางค์ต้องมารับเคราะห์เพราะเธอแท้ๆ“กลับกันเถอะปรางค์ เรื่องทุกอย่างมันจบแล้ว”พินอาภาบอกเพื่อนทั้งน้ำตาหญิงสาวเหลือบมองไปยังชายหนุ่มที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาราคาแพง เขาไม่เอ่ยอะไรออกมามีเพียงสีหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกความรู้สึกหรืออารมณ์ใดๆ“เรากลับได้แล้วจริงๆ เหรอพิน”เธอยังคงไม่มั่นใจ“จริงๆ ลุงเราจัดการเรื่องทุกอย่างหมดแล้ว”ปรางค์ปรียาโผเข้ากอดเพื่อนอีกครั้งด้วยความสุข เดีใจมากเหลือเกินได้รอดพ้นจากขุมนรกนี้เสียที พินอาภารีบดึงมือเพื่อนให้ตามไป เธอต้องการให้เพื่อนไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แต่เขากลับเดินมาดักทั้งสองไว้หญิงสาวชะงักจับมือเพื่อนไว้แน่น พินอาภาเหลือบมองเพื่อนสาวเธอรับรู้ได้ถึงอาการสั่นสะท้าน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเพื่อนเธอถึงได้หว
พินอาภาทอดสายตามองวิวผ่านหน้าต่าง คำพูดของลุงไมเคิลยังวนเวียนในหัว สร้อยเส้นนั้นซึ่งลุคส์ให้กับเพื่อนมามีความหมายมากมาย มันเป็นสมบัติประจำตระกูล ไว้สำหรับผู้สืบทอดเท่านั้น แล้วเหตุใดชายคนนั้นจึงยอมถอดมันให้กับปรางค์ มันน่าแปลกมากจริงๆ เธอคงได้แค่หวังให้ปรางค์อย่าพบเจอเรื่องเลวร้ายอีก ปรางค์ปกป้องเธอมาแล้ว และเธอไม่มีวันทอดทิ้งเพื่อนอีกครั้งแน่นอน หญิงสาวแน่วแน่กับตนเองร่างบางในชุดทำงานยืนมองตนเองหน้ากระจก ใบหน้าของถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางโทนสีอ่อน ปรางค์ปรียายิ้มให้กับตนเอง ได้เวลาเริ่มต้นใหม่แล้ว ต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อตนเองและครอบครัวของพินปรางค์ปรียาก้าวลงบันไดมาพอดีกับเพื่อนที่กำลังลงมาเช่นเดียวกัน สองร่างเดินเคียงกันเพราะนัดหมายไปทำงานพร้อมกัน ในขณะที่ทั้งสองยืนอยู่นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์ของใครบางคนมาจอดที่หน้าบ้าน ร่างสูงเดินลงมาจากรถแล้วโบกมือให้กับทั้งคู่ พินอาภายิ้มรับแล้วโบกมือตอบคว้าข้อมือเพื่อนเพื่อเข้าไปทักทายหนุ่มคนนั้นเขาเดินมาหาทั้งสองด้วยรอยยิ้ม แต่สายตากลับหยุดที่ผู้หญิงซึ่งตนหมายปองมานาน และดูเหมือนเธอเองก็มีใจให้เช่นกัน ปรางค์ปรียาเมินหน้าหนีไม่
พินอาภายืนอึ้งมองเพื่อนสาวที่กำลังอาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตาย เธอกำลังภาวนาขออย่าให้มันเป็นอย่างที่คิด ปรางค์ปรียาเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วทอดกายนั่งลงบนโซฟาราวกับคนหมดเรี่ยวแรง คนเป็นเพื่อนรีบเดินไปหาแล้วกุมมือบางไว้ด้วยความเป็นห่วง“ปรางค์ท้องใช่ไหม...”พินอาภาถามเพื่อนเสียงเบาหญิงสาวนิ่งมีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมา ทั้งๆ ที่ไม่อยากนึกถึงเรื่องราวแสนเจ็บปวดนั้น แต่สุดท้ายแล้วเธอก็คงหนีไม่พ้น โชคชะตาช่างเล่นตลกเสียจริง ประจำเดือนขาดหาย ระหว่างอยู่ฝรั่งเศสเธอไม่ได้ป้องกันอะไรเลย แล้วเขาก็เช่นเดียวกัน อาจเพราะเขาชิงชังเลยทำให้หลงลืม แล้วผลของมันคือการที่เธอตรวจพบว่าตนเองกำลังมีลูกน้อยในครรภ์“ใช่พิน เราท้อง” เธอตอบตามตรงไม่ปิดบังพินอาภาเม้มริมฝีปาก สีหน้าเครียดขึ้น สงสารเพื่อนจับใจ“แล้วปรางค์จะทำยังไง จะเอาเด็กไว้หรือเปล่า หรือปราค์จะ...” พินอาภายังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เพื่อนพูดแทรกขึ้นมาเสียงก่อน“ไม่พิน... เราไม่มีวันเอาเด็กออกเด็ดขาด เขาคือลูกของเรา ต่อให้ใครหน้าไหนจะว่าเรานินทาเราก็ตาม”ปรางค์ปรียาตั้งใจแน่วแน่“ได้ปรางค์ ถ้าปรางค์ต้องการเด็กคนนี้ เราจะช่วยปรางค์เลี้ยงเขานะ”พินอาภาบอกเพื่อน
หกปีผ่านไป ....ร่างสูงใหญ่เอนกายลงนอนบนเก้าอี้ที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสของสายการบิน เขากำลังขยายธุรกิจรถยนต์เข้าสู่เมืองไทย จำต้องเดินทางไปติดต่องานที่นั้น เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ทว่าเขาไม่อาจหลงลืมใบหน้าแสนสวยของหญิงสาวชายไทยได้เลย ปรางค์ปรียาหากโชคชะตาสองเรามีอันต้องบรรจบ เขาขอให้ได้พบเธออีกสักครั้งก็ยังดีหญิงสาวในชุดทำงานยืนอยู่ด้านหน้าประตูบ้าน มือจูงมือเด็กชายผมสีบลอนด์ เด็กคนนี้คือลูกของเธอ ลูกที่เกิดมาจากความผิดพลาด ผมและดวงตาทำให้ทุกคนรู้ว่าเธอไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนไทย เธอต้องอดทนต่อคำนินทามากมายจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ แม้รู้สึกเจ็บปวดแต่เมื่อได้เห็นหน้าบุตรชาย มันทำให้รู้สึกเหมือนโลกที่แบกไว้มลายลงไป“แม่ครับ วันนี้ไทม์ไม่อยากไปโรงเรียนเลยครับ...” เด็กชายบอกแววตาหม่น“ทำไมล่ะครับ?”เธอทรุดกายลงพร้อมกับจ้องมองใบหน้าลูกด้วยความสงสัย“เพื่อนล้อผมทุกวันเลยครับแม่ ว่าผมเป็นลูกฝรั่งที่ไหนก็ไม่รู้ ผมไม่ชอบเลยครับ”หัวใจกำลังเต้นตุบๆ ยิ่งเห็นหน้าลูกยิ่งสงสาร เธอเองรู้ดีว่ามันคงเป็นเช่นนี้อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง มือบางลูบศีรษะบุตรชายเบาๆ แล้วรั้งร่างเล็กมาโอบกอดไว้ ไทม์ลูกของเธอไม่เหมือนใค
ชายหนุ่มยืนนิ่งทอดสายตา มองไปยังวิวแม่น้ำเจ้าพระยา จากโรงแรมหรูระดับห้าดาว มือหนากอดอกขึ้นอย่างใช้ความคิด ใบหน้าของหญิงสาว ที่เขาไม่เคยลืม และรสสัมผัสนั้นยังคงตราตึง อยู่ในความรู้สึกไม่เคยจาง เวลานี้เขายืนอยู่ในประเทศเดียวกันกับเธอแล้ว แล้วเธออยู่ที่ไหนกัน เขาจะสามารถหาเธอเจอได้หรือเปล่า บางทีเวลานี้ผู้หญิงคนนั้นอาจแต่งงานไปกับใครสักคนแล้วก็เป็นได้ลุคส์ถอนหายใจออกมา แล้วนั่งลงบนเก้าอี้กำมะหยี่มือหนาคว้าเอกสารตรงหน้าขึ้นมาแล้วกวาดสายตาอ่านทุกตัวอักษร เข้ามาลงทุนทำธุรกิจส่งออกรถที่ประเทศไทยและต้องการตัวแทนจำหน่าย เขารู้สึกถูกใจบริษัทนี้ที่มีระบบการทำงานที่ดีและมีเสถียรภาพ หากได้ร่วมงานกันคงทำให้ธุรกิจรุดหน้าไปไกลมากขึ้นอีก“มาติช ไปตามคุณวิศรุตมาคุยกับผมหน่อย”“ได้ครับ” มาติชรับคำเจ้านายแล้วก้าวออกไปครู่ใหญ่ชายรูปร่างสันทัดผิวขาวสวมแว่นก้าวเข้ามาในห้อง วิศรุตนั่งลงตรงข้ามเจ้าของห้อง ลุคส์หยิบเอกสารให้ดู“ช่วยติดต่อบริษัทนี้ให้ผมหน่อย ผมต้องการร่วมหุ้นกับเขา“ได้ครับคุณลุคส์”“ได้เรื่องยังไงรายงานผมด้วยนะ ผมจะได้จัดการเอกสารสัญญาการรวมทุนกัน”“ครับ”วิศรุตก้มศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินออกนอก
รถยนต์แล่นตามเส้นทาง ลุคส์เหม่อมองวิวเมืองไทยจนกระทั่งรถขับผ่านโรงเรียนประถมเอกชนแห่งหนึ่ง ปรางค์ปรียาจูงมือลูกออกมาจากโรงเรียนพร้อมกับเพื่อน การจราจรหยุดชะงักอยู่ด้านหน้าโรงเรียน ลุคส์ยังคงมองวิวเหมือนเดิม แต่ฉับพลันสายตากลับหยุดลง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันลมหายใจขาดหายเป็นห้วงๆ มือสั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อภาพที่เห็นทำให้เขาคิดว่าตนนั้นกำลังฝันอยู่ ชายหนุ่มพยายามตั้งสติ จ้องมองภาพของผู้หญิงคนหนึ่งจูงมือเด็กผู้ชายแล้วหยุดอยู่หน้าโรงเรียน ตัดสินใจขยับกายไปชิดหน้าต่างแล้วจ้องมองอย่างเอาเป็นเอาตายอีกครั้ง หัวใจเขากำลังเต้นตุบๆ ไม่เป็นจังหวะเมื่อยิ่งมองเขาก็ยิ่งมั่นใจ จำไม่ผิดแน่เป็นเธอแน่ๆ ผู้หญิงที่เขาไม่เคยลืมจนถึงตอนนี้ บอดี้การ์ดหนุ่มเหลือบมองนายตนด้วยความรู้สึกสงสัยกับท่าทีที่เปลี่ยนไป จึงหัน มองวิวนอกหน้าต่างที่เจ้านายให้ความสนใจอยู่ ดวงตาคมกริบเบิกกว้างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้เห็นลุคส์จ้องมองทุกการกระทำทุกอากัปกิริยา แล้วมองเลยไปถึงเด็กชายที่กำลังจูงมือเธอแน่น สายตาจ้องมองเด็กชายไม่วางตา เด็กคนนั้นหน้าตาผิวพรรณไม่ได้เกิดจากพ่อซึ่งเป็นชาวเอเชียแน่ เกิดอะไรขึ้น เด็กคนนั้นเป็นใคร
ลุคส์ขบกรามแน่น คิดแล้วไม่ผิดว่าต้องเป็นเธอ... การประชุมเริ่มขึ้นชายหนุ่มจึงหันไปสนใจกับงานแทน เขาจำต้องอดทนฟังหลายชั่วโมงผ่านไปจนกระทั่งจบ ชายหนุ่มรีบเดินออกจากห้อง แต่กลับไม่พบคนที่ต้องการจเอ ภูมิชัยมองตามด้วยความสงสัยก้าวเข้ามายืนเคียงหุ้นส่วนคนใหม่“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”ภูมิชัยถาม“เปล่าครับ”“ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกผมได้นะครับ”ชายหนุ่มลังเลเล็กน้อย เปิดปากถามคำถามภูมิชัยออกไปด้วยความสงสัย“ผู้หญิงที่เดินออกจากห้องมา เธอทำหน้าที่อะไรเหรอครับ?”ลุคส์ถาม“ผู้หญิงคนไหนเหรอครับ?”ภูมิชัยถาม เพราะผู้หญิงที่ออกมาจากห้องมีสองคน“คนที่เหมือนว่าจะไม่สบายน่ะครับ?”“อ๋อ ปรางค์ปรียาน่ะเหรอครับ เธอเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดของที่นี่ พอดีเธอเป็นเพื่อนลูกสาวของผม ผมเลยไหว้วานให้เธอช่วยเป็นเลขาจำเป็นแทนลูกสาวผมในวันนี้ครับ”ลุคส์มีสีหน้าครุ่นคิด พยักหน้าช้าพร้อมกับกล่าวขอบคุณภูมิชัย แล้วหันหลังเดินออกมา ภูมิชัยงุนงงๆ กับท่าทีของเขา“ใช่เธอจริงๆ ด้วยสินะปรางค์ปรียา” ชายหนุ่มพึมพำกับตนเองกวินภพรีบจูงมือเด็กชายมาที่บ้าน ปรางค์ปรียาเมื่อเห็นบุตรชายตนเองร่างบางรีบตรงเข้าไปกอดไว้พร้อมกับสะอื้น ไทม์มองมาร
ลุคส์เดินเข้าไปกระชากท่อนแขน แล้วรวบเอวบางไว้แน่น ดวงตากร้าวแข็งขึ้น ริมฝีปากหนายิ้มเหยียดออกมาเมื่อรู้สึกถึงอาการสั่นสะท้าน“เธอยังไม่ลืมฉันใช่ไหม ถึงได้สั่นแบบนี้...”เขาเย้ยหญิงสาวรีบดันแผงอก หันหน้าหนี พยายามดิ้นรนให้พ้นจากการกอดรัด แต่เธอรู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์“ฉันขอร้อง... ปล่อยฉันไปเถอะ... อย่าทำร้ายฉันอีกเลย ฉันทรมานเพราะคุณมามากแล้ว ฮือๆๆๆ”ปรางค์ปรียาอ้อนวอนพร้อมกับสะอื้นออกมา“เด็กคนนั้นเป็นลูกของฉันใช่ไหม?”เขาถาม“ไม่! เขาไม่ใช่ลูกคุณ!”หญิงสาวปฏิเสธทันควันเสียงเอะอะหน้าบ้านส่งผลให้ร่างเล็กรีบวิ่งออกมา เด็กน้อยยืนนิ่งเมื่อเห็นแม่กำลังร้องไห้ต่อหน้าผู้ชายร่างสูงใหญ่ ดูเหมือนเป็นคนต่างชาติ“แม่ครับ...”เด็กชายเรียกแม่เสียงเล็กๆ ทำให้ทั้งสองหันมามอง ลุคส์จ้องมองไปยังร่างเล็กแล้วพิจารณาดู ไม่ผิดแน่ลักษณะของเด็กคนนี้มีเค้าโครงเหมือนเขาตอนเด็กมาก สีผมของเด็กคนนั้นก็คล้ายกับเขา จะให้คิดว่าเป็นลูกคนอื่นได้ยังไง นอกจากผู้หญิงคนนี้จะไปมีความสัมพันธ์กับชาวต่างชาติคนอื่นที่ไม่ใช่เขาเธอชะงักเมื่อเห็นบุตรชายเดินมา ไทม์มองแม่แววตาสับสนผสมกับความหวาดหวั่น เขาไม่ชอบเลยผู้ชายคนนี้เป็นใคร
หญิงสาวมีท่าทีลังเลเล็กน้อย เธอหันไปสบตาบอดี้การ์ดคู่ใจสามี กลับเห็นแต่แววตาจริงจังหญิงสาวจึงยอมทำตาม แต่ก่อนที่จะไป ร่างบางหันกลับไปหามาติชอีกครั้ง“แล้วพินละ!”“รอสักครู่นะครับเดี๋ยวผมไปตามเธอมา”ประตูห้องเปิดออก พินอาภาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ยิ่งเห็นเขาเดินดุ่มๆ มาคว้าแขนเธอแล้วลากไปชั้นล่างยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดเข้าไปใหญ่“นี่คุณจะทำบ้าอะไร ปล่อยฉันนะ!”เสียงตวาดแว๊ดดังตลอดระยะทางที่เขาลากเธอมาข้อมือบางถูกปล่อยในขณะที่พินอาภามองหน้าเพื่อนด้วยความแปลกใจ“เกิดอะไรขึ้นปรางค์?”“ไม่มีเวลาแล้วพิน ไปกันเถอะ”ปรางค์ปรียาบอกแล้วรีบใช้มือข้างที่ว่างอยู่ดึงมือเพื่อนให้ตามไป“ปรางค์เกิดอะไรขึ้น!”“ไว้เราค่อยบอกนะ ไปกันก่อน”ปรางค์ปรียารีบสาวเท้าเดินโดยอุ้มบุตรชายไว้แนบอกโดยที่มีเพื่อนสาวเดินตามมาติดๆ เอมม่ารีบเปิดประตูรถให้ทุกคนเข้าไปด้านในแล้วรีบสตาร์ทรถออกไป ชายฉกรรจ์หลายคนเดินเข้าสวนในจังหวะที่รถขับออกไป ลูกัสขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เดินตรงไปยังสถานที่ที่เป็นเป้าหมายมาติชเร้นกายอยู่ในมุมหนึ่งของบ้านโดยที่สั่งให้ลูกน้อง พยายามแอบซ่อนตามจุดต่างๆ เพื่อไม่ให้เสียเปรียบ เพราะจำนวนคนน้อยกว่า ในขณะท
ร่างสูงใหญ่ก้าวออกจากรถ เดินเข้าในคฤหาสน์ที่เคยอาศัยอยู่กับแม่มาก่อน เขาไม่เคยคิดจะกลับมาที่นี่อีก แต่ครั้งนี้จำต้องยอมทำเพื่อลูกและผู้หญิงที่เขารัก ลูกัสเดินยิ้มออกมานอกบ้าน ในขณะที่ลุคส์เหลือบไปมองหนุ่มนักฆ่าด้วยสายตานิ่งสนิท“เชิญครับ ท่านเมแกนสั่งให้ท่านเดินเข้าไปด้านใน...”ลูกัสบอกพลางผายมือ“ขอบใจ”ลุคส์เดินเข้าไปด้านในห้องหนังสือ เห็นชายสูงวัยยืนถือไม้เท้าหันหน้าออกไปด้านนอกหน้าต่าง ชายหนุ่มรีบนั่งลงบนเก้าอี้สีครีมอ่อนที่วางไว้สำหรับรับแขก ชายชราหันมาสบตาเขาทันทีใบหน้าของชายที่เรียกได้ว่าเป็นพ่อที่เขาไม่ได้พบเห็นมานาน เขาไม่ได้เห็นพ่อตั้งแต่อายุยี่สิบปีจนเวลานี้อายุเข้าปาไปสามสิบสามปีแล้ว เขาไม่เคยอยากพบผู้ชายคนนี้เลยแม้แต่น้อย เขายังใจดีเห็นว่าเป็นพ่อ ถึงได้เหลือบ้านไว้ให้กับหุ้นบางส่วนในบริษัทเพื่อให้มีกินมีใช้ไม่ลำบาก แต่ดูเหมือนพ่อเจ้าบงการยังไม่สิ้นฤทธิ์เดชเมแกนทอดกายนั่งลงแล้ววางไม้เท้าลงข้างๆ ใบหน้าเหี่ยวย่นเชิดขึ้นเหมือนนิสัยส่วนตัว หยิ่งทะนงไม่ยอมใครและทำราวกับว่าตนเองมีอำนาจเหนือใคร“แกต้องการพบฉันเรื่องอะไร!”เมแกนเอ่ยปาก“ผมต้องการพูดกับคุณเรื่องที่คุณสั่งให้ลูกัสไป
ดวงตาสีน้ำทะเลหรี่ลง เห็นมาติชทะยานรถออกจากรั้วบ้านพัก ละสายตาไปยังพินอาภา ซึ่งเดินปาดน้ำตามายืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ลุคส์ถอนหายใจแล้วหย่อนกายลงบนโซฟา“พ่อครับ”เสียงเรียกเล็กๆ ปลุกจากภวังค์ทันทีที่เห็นพ่อ ร่างเล็กรีบกระโจนกอดแล้วพลิกกายนั่งลงบนตัก เด็กชายเงยหน้ามองบิดาแล้วยิ้มออกมาด้วยความสุข ยิ่งเห็นลูกมีความสุขแบบนี้เขายิ่งต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกไว้ให้ได้เสียงหยอกล้อส่งผลให้คนที่กำลังเดินมาหยุดชะงัก มองภาพเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นบุตรชายมีความสุขในอ้อกอดของพ่อเขา ลุคส์เหลือบมองหญิงสาว จังหวะนั้นบุตรชายเลยรีบเดินมาหาแม่แล้วจูงมาร่วมวงด้วยกันไทม์แทรกตัวอยู่ระหว่างพ่อกับแม่ ดวงตาสองคู่สบกัน หัวใจของเขาสั่นไหวขึ้นมา เมื่อพรุ่งนี้เขาจะต้องไปจัดการปัญหาทุกอย่างให้จบเสียที เขาไม่อยากไป... เพราะไม่รู้ว่าจะมีเรื่องอะไรรออยู่ข้างหน้า ทว่าจำต้องทำเพื่อเมียและลูกบอดี้การ์ดหนุ่มยืนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ค่อยๆ ก้าวอย่างเชื่องช้า ในมือถือดอกกุหลาบสีขาวที่อดีตภรรยาชอบ ความรู้สึกทั้งมวลตีตื้นขึ้นมาไม่หยุดหย่อน ยิ่งเห็นป้ายหลุมศพ ยิ่งพาให้ใจร้าวร้าน ย่อกายลงวางดอกไม้ไว้ด้านหน้าเอื้อมมือปัดฝุ่น
ลูกัสหายไปตั้งแต่นั้น และเขามารู้อีกครั้งก็ตอนที่มันกลายเป็นนักฆ่าฝีมือดีไปแล้ว และมันก็คอยตามจองล้างจองผลาญเขาไม่เลิกราไม่ว่าจะทำอะไร“แกคงโดนเป่าหูมามากสินะลูกัส แกถึงได้บ้าไม่เลิก แกต้องการอะไรพูดมาตรงๆ ดีกว่า!”มาติชถามเสียงกร้าว“วันพรุ่งนี้ วันเดียวกับที่นายของฉันกับแกนัดไปเจอกัน เรามาสะสางเรื่องของเราที่หลุมศพของเรนิต้า”ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปชั่วครู่ เขาจะปล่อยทุกคนที่ต้องคุ้มครองอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน“ไม่ได้ ฉันมีธุระต้องจัดการ!”“ทำไม แกกลัวว่าฉันจะบุกไปจัดการผู้หญิงของเจ้านายแกหรือไงมาติช!”“ใช่! คนอย่างแกมันเล่นไม่ซื่ออยู่แล้วนี่ไอ้ลูกัส”นักฆ่าหนุ่มขบกรามแน่น เขาต้องลากมาติชออกมาจากบ้านหลังนี้ให้ได้ เพราะไม่อย่างนั้นมันจะไม่เป็นไปตามแผน“ถ้าแกไม่ไป รับรองว่าฉันจะถล่มที่นี่ให้ยับโดยไม่สนว่าใครจะตายหรือไม่ตาย!”แววตากร้าวกับคำพูดสุดอำมหิต ส่งผลให้ร่างกำยำเกร็งแน่น แทบขยับเข้าไปจัดการคู่อริให้ย่อยยับคามือ“ถ้าแกทำอย่างที่แกพูด รับรู้ไว้ได้เลยไอ้ลูกัส หากฉันฆ่าแกไม่ได้จะไม่เลิกรา!”“คนอย่างฉันไม่กลัวตายหรอกมาติช เพราะฉันตายไปนานแล้ว!”“ไสหัวไปซะ แล้วไม่ต้องมาที่นี่อีก!”เสียงกร้าว
มือบางคว้าท่อนแขนเขาไว้ เธอไม่ได้อยากจะทำแบบนี้ แต่หัวใจกลับเรียกร้องให้ทำ เธอกลัว ทำไมแววตาของเขาถึงได้บอกกับเธอว่าเขากำลังจะจากไป ชายหนุ่มนิ่งงันก่อนหันมาเผชิญหน้า“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”เธอถามเสียงเบาแววตาเต็มไปด้วยความกังวลคำถามเบาๆ ออกมาจากริมฝีปากบาง สร้างความรู้สึกหวั่นไหวให้เขาได้มากมายนัก ทั้งๆ ที่พยายามทำใจที่จะออกห่างจากเธอ เพราะบางทีการไปพบพ่อของเขาคราวนี้ อาจไม่ได้กลับมาพบเธออีก เพียงแค่ได้เห็นสีหน้าแววตาแสดงความห่วงใย หัวใจเขากลับเตลิดไปไกลจนกู่ไม่กลับมือหนาคว้าร่างบางมากอดไว้แน่นราวกับไม่ต้องการจะให้เธอหนีหายไปไหน น้ำใสๆ ที่เริ่มเอ่อล้นออกมา มันกำลังไหรริน กลั้นมันไม่ไหวแล้วจริงๆ เธอและลูกคือของขวัญสุดแสนวิเศษที่พระเจ้ามอบให้ แต่เขาคงไม่ดีพอที่จะได้รับมันใช่ไหม กายแกร่งที่กำลังสั่นไหวส่งผลให้ใจเธอสะท้าน มือบางลูบไล้แผ่นหลังเขาเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบประโลม“ไม่เป็นอะไรนะคะ...”เสียงแผ่วเบาออกมาจากริมฝีปากบางอีกครั้ง“ปรางค์ผมขอโทษ...”เสียงสั่นเครือเบาๆ ออกมาจากริมฝีปากหนาชายชรานั่งยิ้มอยู่บนโต๊ะทำงาน ก่อนยกหูโทรศัพท์ต่อสายถึงลูกน้องคนสนิททันที ได้โอกาสที่จะจัดการทุกอย่
ร่างสูงกำยำเร่งฝีเท้าเมื่อถึงสนามบิน ด้านหน้ามีรถตู้สีขาวดจอดรอรับ ลูกัสก้าวขึ้นรถขบกราบแน่นนึกแค้นใจที่ตนถูกตลบหลัง มองวิวด้านนอกกระจกรถแววตาแข็งกร้าว ราวหนึ่งชั่วโมงถัดมารถเลี้ยวเข้าสู่เขตคฤหาสน์หลังงาม ลูกัสสูดหายใจเข้าปอดเพราะรู้ว่าจุดหมายจะต้องเจอสิ่งใดเพียะ!ฝ่ามือหนักกระทบลงบนใบหน้าคมเข้ม นักฆ่าหนุ่มกัดฟันแน่นเลียริมฝีปากซึ่งมีเลือดไหลซึมออกมา“แกมัวไปทำบ้าอะไรอยู่! ถึงได้ให้มันพาผู้หญิงคนนั้นมาถึงฝรั่งเศส มันยากนักหรือไงแค่จัดการผู้หญิงตัวเล็กๆ!”เมแกนตวาดกร้าวลมหายใจหนักหน่วงบอกอารมณ์ของผู้พูดได้ดี“ถ้าหากไม่มีมาติชทุกอย่างมันต้องสำเร็จไปตามแผนแน่นอนครับนาย”เมแกนขบกรามแน่นสายตากร้าวจ้องมองไปยังลูกน้องคนสนิท มาติช! เขาได้ยินแต่ชื่อนี้ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว หากไม่มีผู้ชายคนนี้ การควบคุมลุคส์คงเป็นไปได้ไม่ลำบาก แต่เพราะหมอนี่ดันเป็นมือดีที่เขาปลุกปั้นมา พอได้ดีกลับทรยศไปอยู่กับลูกชายเขาเสียได้ หากได้มือดีอย่างมาติชมาอยู่ข้างกายคงดีไม่น้อย“ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้งลูกัส จัดการเก็บผู้หญิงคนนั้นให้ได้ แล้วจับตัวหลานฉันมา... ฉันจะเอาไว้ต่อรองกับไอ้ลูกชายจองหอง ดูสิว่ามันจะยังหยิ่งจองหอง
มาติชพอข้าใจ เจ้านายเคยเป็นชายที่ได้ชื่อว่าโหดร้ายและป่าเถื่อนในการทำธุรกิจ หากสิ่งใดขวางทางเป็นกำจัดเรียบไม่เคยไว้หน้าใคร แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไป เมื่อเจ้านายได้พบกับหญิงไทยคนนั้น เมแกนคงจะรู้สึกขุ่นเคืองมากเมื่อลูกอ่อนแอลงเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว“แล้วนายจะให้ผมทำยังไงครับ หากลูกัสกลับมาที่นี่”กรามขบเป็นสันนูน เขาไม่รู้ว่าพ่อมีอำนาจมากแค่ไหนในเวลานี้ แต่ที่สำคัญปรางค์ปรียาและไทม์จะต้องปลอดภัย“หามือดีมามาติช หามาให้ได้มากที่สุด ก่อนที่พ่อฉันจะเริ่มไล่ล่าปรางค์”“ได้ครับ”“แล้วอีกอย่างแกจัดการลูกัสให้ได้ ส่วนที่เหลือฉันจะจัดการเอง”“ครับนาย!”มาติชรับคำแล้วหันกายเพื่อเดินออกจากห้อง“มาติช...” ชายหนุ่มเรียกลูกน้องเสียงแผ่วเบา“ครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มหันมาเผชิญหน้ากับเจ้านายอีกครั้ง“มะรืนนี้เป็นวันตายของเรนิต้าไม่ใช่เหรอ เธอถูกฝั่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่แกควรจะไปเยี่ยมเธอนะ”แววตาคนฟังหม่นลงไปชั่วครู่ ร่างกำยำรีบหันหลังกลับออกมาโดยไร้คำพูดใดๆ เมื่อความรู้สึกเจ็บปวดตีตื้นขึ้นมา ลุคส์มองตามแผ่นหลังของลูกน้องคนสนิท ใครจะรู้... หน้าตาท่าทางอันเรียบเฉยจะแฝงไว้ด้วยอดีตอันแสนปวดรวดร้าวไม่ต่างจากเขาบ
บ่ายสามโมง ร่างบางเดินทอดน่องออกมาจากบ้าน หยุดยืนอยู่ด้านหลังซึ่งมีลำธารเส้นน้อยตัดผ่าน น้ำใสไหลผ่านสายตา มันใสเสียจนมองเห็นพื้นด้านล่าง และฝูงปลามากมาย คนแถวนี้คงไม่นิยมจับพวกมันมาขาย คงนำพวกมันมาแค่พอรับประทานเท่านั้น ที่นี่อากาศดี แถมยังมีอาหารอุดมสมบูรณ์ เธอชอบมัน แต่ไม่รู้ว่าตัวเองจะมีโอกาสได้อยู่อีกนานไหมเสียงฝีเท้าเบื้องหลังทำให้หญิงสาวชะงักเล็กน้อย แต่ไม่ได้หันกลับไป จนกระทั่งมีเสียงทุ่มต่ำดังขึ้น“ผมมีข่าวดีจะบอก...”ร่างบางหันมาเผชิญหน้า แล้วสบตากับอีกฝ่าย“ข่าวอะไรคะ”“เพื่อนของคุณกำลังจะมาที่นี่”“พินนะเหรอคะ!”หญิงสาวร้องออกมาด้วยความตกใจ“ใช่แล้ว”หญิงสาวระบายยิ้มออกมาทันที หลังจากได้รับข่าวดี กระโจนกอดคนบอกข่าวด้วยความสุขใจ นี่เป็นข่าวดีที่เธอได้รับเลยทีเดียว ลุคส์จึงถือโอกาสโอบกอดตอบ ลูบไล้แผ่นหลังไว้เบาๆ ปรางค์ปรียาชะงักเมื่อรู้สึกว่าเขากำลังจะเขยิบไปทำอย่างอื่นแทน เธอรีบคลายอ้อมกอด หากนานกว่านี้คงได้เสียเปรียบอีกแน่“เสียดายจังครับ” ลุคส์ยิ้มเจ้าเล่ห์“ฉะ...ฉันจะไปดูลูกแล้ว”เธอแค่รู้สึกแปลกๆ ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปมากจนหัวใจเริ่มหวั่นไหวอย่างไม่คาดคิด ทำไมเธอถึงมีความรู้
สายถูกตัดไปแล้ว... แต่ใจเขากลับเต้นตุบๆ ไปด้วยความกังวล และรู้สึกไม่ไว้ใจอะไรเลย อยากอยู่แบบนี้ให้นานเท่าที่จะทำได้ ร่างสูงใหญ่หันไปมองภายในบ้าน มันไม่ใหญ่โตแต่แสนอบอุ่น ภาพลูกหัวเราะ และภาพเธอกำลังป้อนอาหารให้ลูก ยิ่งทำให้เขาสะเทือนใจเทราซ่าเหลือบมองหลานชาย เมื่อเห็นแววตาหม่นเศร้ายิ่งทำให้เธอกังวล เมื่อไหร่หนอหลานของเธอจะมีความสุขจริงๆ เสียที ลุคส์ฝืนยิ้มเดินเข้ามาในตัวบ้าน นั่งลงข้างหญิงสาว เธอหันมาทางเขา อ้ำอึ้งอยู่นานถึงได้เอ่ยปากออกมา“จะทานอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวปรางค์จะไปเตรียมให้”“อยากทานข้าวต้มฝีมือเมียมีไหมครับ?” ชายหนุ่มแสร้งเย้าแล้วยิ้มกว้างใบหน้าเรียวสวยแดงซ่านขึ้นมา ไทม์ยิ้มระรื่นแล้วกระโจนขึ้นนั่งตักบิดา ลุคส์เลยก้มลงจุมพิตแก้มอิ่มของลูกแทนด้วยความหมั่นเขี้ยวเทเรซ่ามองภาพนั้นแล้วยิ้มอ่อนโยน ปลีกตัวออกมาให้พ่อลูกได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน เดินมาถึงครัวเพื่อช่วยหลานสะใภ้ทำอาหารแทน เห็นแม่ครัวจำเป็นกำลังงกๆ เงินๆ หาของในตู้เย็นเลยรีบเข้าช่วย“หาอะไรจ๊ะ?”“หากุ้งค่ะน้าเทเรซ่า”หญิงสาวตอบพลางหลบสายตาเทเรซ่าค้นตู้เย็นหยิบกุ้งออกมาให้ แล้วยืนมองใบหน้าเรียวสวย พินิจพิจารณาอยู่นาน