บอดี้การ์ดหนุ่มตัดสินใจติดต่อเจ้านายทันที เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นฉุดให้เขาหลุดออกจากภวังค์ คว้ามันแล้วหลุบตามองเบอร์หน้าจอ เขากดรับและกรอกเสียงตามสาย มาติชเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ได้รับรู้ ตัดสายแล้วทรุดกายนั่งลงที่โซฟาราคาแพง
ลูกน้องตามหาไมเคิลเจอแล้วและคนทรยศที่เขาตั้งใจจะกำจัดกลับเรียกร้องมาหาเขาเอง... ความจริงความคิดที่อยากกำจัดไมเคิลมันหมดไปตั้งแต่วันที่ผู้หญิงในห้องนั้นล้มลงต่อหน้า เขาไม่เคยอยากรู้เรื่องของคนทรยศอีกเลยเพราะถือว่ามันได้เอาหลานสาวมาชดใช้กับความผิดที่มันก่อแล้ว ทว่าเวลานี้ทุกอย่างมันกลับกลายเป็นอีกอย่าง
เขาไม่เคยคิดว่าไมเคิลจะยอมมาหา เพราะเขารู้ดีว่ามันต้องกลัวด้วยนิสัยของเขา ปกติไม่เคยปล่อยคนทรยศให้ลอยนวลไปได้ ลุคส์ลุกขึ้นยืน สองเท้าก้าวเดินไปยังห้องที่ใช้เป็นที่กักขังนกน้อยแสนสวยไว้และทุกคืนนกน้อยนั้นจะถูกเขากอดรัดด้วยแรงปรารถนา
เสียงลูกบิดประตูห้องส่งผลให้คนในห้องหันมามองด้วยความกลัว ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าใครคือผู้มาเยือน ร่างบางรีบลุกขึ้นยืนแล้วถอยหลังชิดกำแพงเพื่อเอาตัวรอดทันที เขายืนนิ่งจ้องมองไปยังร่างงามตรงหน้า อยาก กระโจนไปโอบรัดไว้ แต่วันนี้เขากลับชะงักราวกับว่าต้องการมองเธอเพื่อซึมซับความรู้สึกต่างๆ ไว้ให้นานที่สุด
แม้พยายามก้าวให้ถึงเธอ เธอก็จะขยับหนีไปอีกหนึ่งก้าว และเมื่อเขาหยุดนิ่งเธอก็จะชะงัก หยุดหนีแล้วมองเขา ชายหนุ่ม หัวเราะเยาะตัวเองในใจ เมื่อไหร่ที่เขาหยุดไล่ตาม เธอถึงจะหยุด เว้นระยะห่างจากเขาไว้เสมอ เ ไม่ได้หวังให้ผู้หญิงคนใดมารัก แต่ก็รู้สึกไม่ชอบใจนักที่ถูกผู้หญิงปฏิเสธเช่นนี้
ปรางค์ปรียา งุนงงกับท่าทางแปลกๆ แต่หญิงสาวก็ยังระแวงอยู่เสมอ เพราะสิ่งที่เขาเคยกระทำกับเธอมันช่างเลวร้าย เธอเจ็บปวด ทรมาน และรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกนรกทั้งเป็น เธอจะจำสิ่งที่เขาได้กระทำกับเธอไว้จนวันตายไม่มีวันลืมเด็ดขาด!
เขายืนนิ่งจ้องมองเธออีกครั้งหาก ไม่คว้าไว้ คงไม่มีวันสมปรารถนาเพราะเธอไม่มีวันนอนทอดกายให้กอดก่าย ดวงตาคมหรี่ลงแล้วใช้ความไวคว้าท่อนแขนไว้ ร่างบางดิ้นรนสุดชีวิตด้วยความตกใจปนกลัว เธอคิดว่าเขาจะหยุดการกระทำอันโหดร้ายกับเธอแล้วแต่มันคงเป็นไปไม่ได้สินะ
“ปล่อยฉันนะ!”เธอพยายามร้องขอ
ลุคส์ฉวยโอกาสช้อนร่างบางไปที่เตียงกว้าง คนถูกอุ้มตกใจดิ้นรนเพียงแผ่นหลังแตะถึงฟูก แม้รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นและไม่มีทางเอาตัวรอดจากชายผู้นี้ได้ แต่ยังไงเสียเธอก็ไม่มีวันนอนทอดกายให้เขาเชยชมง่าย ร่างบางตั้งท่าเตรียมกระโจนหนีแต่กลับถูกเขาตรึงร่างไว้บนเตียง ก้มลงซุกไซร้ซอกคอหอมกรุ่นอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ฉันสัญญาว่ามันจะไม่เหมือนครั้งอื่นๆ เธอจะไม่เจ็บ และจะชอบมัน... ”เขาบอกเสียงพร่า
หูของปรางค์ปรียาอื้อไปหมด เขาปรนเปรอจนหญิงสาวร้องครางออกมาเบาๆ ลมหายใจเริ่มติดขัดใบหน้าเรียวสวยเริ่มแดงและร้อนผ่าว มือกำลังลูบไล้ร่างงาม ไม่ว่าส่วนไหนก็สร้างความวาบหวาม ยิ่งเห็นเขาจ้องมองมายิ่งทำให้กัดริมฝีปากแน่น เรือนร่างสมชายชาตรีที่ปรากฏต่อหน้าสร้างความหวั่นไหว หัวสมองกำลังสับสน ทันทีที่เรือนกายแกร่งแทรกเขามาพร้อมกับขยับกายเร่งเร้าเพื่อเรียกร้องการตอบสนองของคนใต้ร่าง หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ ไม่นานเธอส่งเสียงกรีดร้องออกมาพร้อมกับการหยุดลงของเขา
ร่างสูงใหญ่พลิกกายนอนลงข้างหญิงสาว ปรางค์ปรียารีบหันหลังให้ เธอรู้สึกอายแทบแทรกแผ่นดินหนี นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเต็มใจตอบสนองเขา ไม่เคยรู้เลยว่าเรื่องแบบนี้จะให้ความสุข ลุคส์จ้องมองแผ่นหลังขาวเนียนก่อนใช้ริมฝีปากพรมจูบไปทั่ว ปรางค์ปรียาชะงักขยับกายหนีแต่เขากลับรั้งเอวบางไว้
“อย่าหนี!”เขาสั่ง
ใบหน้าเรียวสวยแดงซ่านขึ้นมาทันที มือหนารั้งหญิงสาวให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา ดวงตาคมสีน้ำทะเลจ้องลึกลงเพื่อรอคำตอบ เขาติดกับดักผู้หญิงคนนี้เข้าแล้ว ไม่รู้ว่าตนเองควรทำอย่างไร มันยากจะถอนตัว
“เธออยากอยู่กับฉันไหม?”
คิ้วบางขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ คำถามของเขาหมายความว่ายังไงกันแน่
“หมายความว่ายังไง ฉะ...ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่คุณกำลังพูด”
ก๊อก! ก๊อก!
เสียงประตูหน้าห้องดังขึ้น เขารีบผุดลุกขึ้น ไม่กล้าพอจะพูดอะไรออกไปอีก คนอย่างเขาไม่เคยทำเช่นนี้ ไม่เคยอ้อนวอนให้หญิงคนไหนมาอยู่ด้วย คงไม่จำเป็นต้องทำ
ปรางค์ปรียามองตามแผ่นหลังสีหน้าสับสน ครุ่นคิดเรื่องที่เขาถามเมื่อครู่ ต้องการอะไรกันแน่ถึงได้พูดแบบนั้น เขาเกลียดเธอไม่ใช่หรือ? เธอต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เพราะเขาชิงชังไม่ใช่หรือไง
เขาเดินออกมาจากห้องแม้กายยังครุกรุ่นกับบทรักที่เพิ่งผ่านมา และถ้อยคำที่เขาพูดออกไป แต่เขาก็จำต้องทำหน้าที่ของประธานบริษัทด้วยเช่นกัน ดวงตาสีฟ้าจ้องมองไปยังร่างของชายวัยกลางคนที่นั่งก้มหน้า อยู่ในส่วนห้องรับรองแขก ส่วนผู้หญิงอีกคนก็คือเพื่อนของปรางค์ปรียานั้นเอง
พินอาภากัดฟันแน่นเดินวนไปวนมา ใจห่วงเพื่อนมากเหลือเกิน ภาวนาขออย่าให้เกิดเรื่องอะไรร้ายแรง เสียงฝีเท้าที่เริ่มดังขึ้นทำให้เธอหันมอง ดวงตาเรียวเบิกกว้างหญิงสาวรีบนั่งลงข้างลุงด้วยความรู้สึกหวาดกลัว
ร่างสูงใหญ่เดินมาถึงห้องรับรอง เขาทอดกายนั่งลงบนโซฟาแล้วจ้องมายังทั้งคู่ด้วยสายตากร้าว แม้ใจอยากจะตรงเข้าไปกระชากไอ้ลูกน้องทรยศมาจัดการสักเท่าไหร่ แต่พอนึกถึงใบหน้าของคนตัวเล็กที่เขากกกอดทุกคืนเลยจำต้องอดทน อย่างน้อยเขาก็ถือว่าหลานได้เสียสละเพื่อลุง
“แกมีอะไรจะบอกกับฉันไหมไมเคิล”เขาถามเสียงเย็น
หนุ่มใหญ่สั่นเทิ้มก่อนคุกเข่าลงกับพื้น ยื่นซองเอกสารที่ขโมยจากบริษัทมาให้ เขารับมาเปิดดูเอกสารในซองดวงตาคมกริบพลิกกลับไปจ้องมองไมเคิลอีกครั้ง
แควก!
เอกสารในมือถูกเขาฉีกทิ้งอย่างไม่ไยดี ไมเคิลก้มหน้านิ่งตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าแม้แต่จะขยับเขยื้อนไปไหน
“นะ...นายผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ผมกลัว... พวกมันจับตัวลูกเมียผมไปแล้วให้ผมมาคอยเป็นสายในบริษัท พวกมันบอกให้ผมเอาแบบรถที่กำลังออกใหม่ไปให้พวกมัน หากผมไม่ทำพวกมันจะฆ่าลูกเมียของผม!”ไมเคิลสารภาพเสียงสั่น
คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ไม่นานจึงถอนหายใจ อยากจัดการไอ้ไมเคิลนัก แต่ก็เข้าใจว่าเป็นเหตุจำเป็น ลุคส์ลุกยืนแล้วแล้วเดินไปหาบอดี้การ์ดคนสนิท
“มาติช”
“ครับนาย”
“ได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้วใช่ไหม?”
“ครับ”
“ไปจัดการพวกมันซะ ทำให้มันไม่กล้าเผยอหน้ามาทำแบบนี้อีก!”เขาบอกเสียงกร้าวดวงตาวาวโรจน์
“ได้ครับ”
บอดี้การ์ดหนุ่มรับคำสั่งแล้วออกจากคฤหาสน์ เขาหันหลังกลับมานั่งประจำที่เดิมอีกครั้ง สายตากำลังจ้องมองไปยังผู้หญิงอีกคนที่กำลังนั่งกระสับกระส่าย กวาดสายตามองหาเพื่อนไม่ลดละ
ลุคส์ลอบยิ้มแล้วหันกลับมาสนใจคู่สนทนาตนเองต่อ เป็นลูกน้องทำงานกับเขามาก็นาน แต่ทำไมมันดันไม่กล้าพูดความจริงกับเขาแบบนี้
“ฉันขอเตือนไว้ก่อนเลยนะไมเคิล ต่อไปนี้มีเรื่องอะไรให้บอกฉัน แกไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร หรือแกคิดว่าฉันคงช่วยอะไรแกไม่ได้!”
“ปะ...เปล่าครับนาย ผมแค่กลัวว่าลูกเมียผมจะเป็นอะไรไปก็เท่านั้น”
“แกไม่เชื่อใจฉันหรือไง!”
“ผมขอโทษครับ”
ชายหนุ่มจบบทสนทนากับลูกน้องแล้วหันมามองพินอาภาอีกครั้ง น่าแปลก... เป็นแค่เพื่อนกันไม่น่าจะเป็นห่วงเป็นใยกับมากขนาดนี้ ลุคส์เหลือมองสาวใช้ประจำคฤหาสน์แล้วเอ่ยปากทันที
“ไปพาผู้หญิงที่อยู่ในห้องฉันมาที่นี่หน่อย”
“ค่ะคุณชาย”สาวใช้รับคำแล้วเดินไป
พินอาภายิ้มออกมาทันทีที่ได้ยินคำสั่งของเขา ใจเธอจดจ่อรอเพื่อนที่กำลังจะลงมาจากชั้นบน หวังว่าเพื่อนคงไม่เป็นอะไร ไม่นานนักเธอเห็นเพื่อนกำลังลมาพร้อมกับสาวใช้ พอมาถึงชั้นล่าง พินอาภารีบลุกจากโซฟาโผเข้ากอดด้วยความห่วงใย
ปรางค์ปรียาน้ำตาไหลรินไม่หยุด ในอกเจ็บร้าวจนไม่รู้จะเอ่ยออกมาเช่นไร มันเป็นช่วงเวลาที่แสนทรมาน ยาวนาน และมันทำให้เธอได้ตระหนักถึงคำว่าความแค้น กัดริมฝีปากแน่นเพื่อข่มกลั้นอารมณ์ตนเองเอาไว้ พินอาภาดันเพื่อออกห่างกายจ้องมองใบหน้าแววตาหม่นน้ำตาเอ่อออกมาไม่หยุด เธอทำให้ปรางค์ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ หากไม่ชวนเพื่อนมาเที่ยวเรื่องเลวร้ายคงไม่เกิดขึ้น ปรางค์ต้องมารับเคราะห์เพราะเธอแท้ๆ“กลับกันเถอะปรางค์ เรื่องทุกอย่างมันจบแล้ว”พินอาภาบอกเพื่อนทั้งน้ำตาหญิงสาวเหลือบมองไปยังชายหนุ่มที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาราคาแพง เขาไม่เอ่ยอะไรออกมามีเพียงสีหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกความรู้สึกหรืออารมณ์ใดๆ“เรากลับได้แล้วจริงๆ เหรอพิน”เธอยังคงไม่มั่นใจ“จริงๆ ลุงเราจัดการเรื่องทุกอย่างหมดแล้ว”ปรางค์ปรียาโผเข้ากอดเพื่อนอีกครั้งด้วยความสุข เดีใจมากเหลือเกินได้รอดพ้นจากขุมนรกนี้เสียที พินอาภารีบดึงมือเพื่อนให้ตามไป เธอต้องการให้เพื่อนไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แต่เขากลับเดินมาดักทั้งสองไว้หญิงสาวชะงักจับมือเพื่อนไว้แน่น พินอาภาเหลือบมองเพื่อนสาวเธอรับรู้ได้ถึงอาการสั่นสะท้าน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเพื่อนเธอถึงได้หว
พินอาภาทอดสายตามองวิวผ่านหน้าต่าง คำพูดของลุงไมเคิลยังวนเวียนในหัว สร้อยเส้นนั้นซึ่งลุคส์ให้กับเพื่อนมามีความหมายมากมาย มันเป็นสมบัติประจำตระกูล ไว้สำหรับผู้สืบทอดเท่านั้น แล้วเหตุใดชายคนนั้นจึงยอมถอดมันให้กับปรางค์ มันน่าแปลกมากจริงๆ เธอคงได้แค่หวังให้ปรางค์อย่าพบเจอเรื่องเลวร้ายอีก ปรางค์ปกป้องเธอมาแล้ว และเธอไม่มีวันทอดทิ้งเพื่อนอีกครั้งแน่นอน หญิงสาวแน่วแน่กับตนเองร่างบางในชุดทำงานยืนมองตนเองหน้ากระจก ใบหน้าของถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางโทนสีอ่อน ปรางค์ปรียายิ้มให้กับตนเอง ได้เวลาเริ่มต้นใหม่แล้ว ต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อตนเองและครอบครัวของพินปรางค์ปรียาก้าวลงบันไดมาพอดีกับเพื่อนที่กำลังลงมาเช่นเดียวกัน สองร่างเดินเคียงกันเพราะนัดหมายไปทำงานพร้อมกัน ในขณะที่ทั้งสองยืนอยู่นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์ของใครบางคนมาจอดที่หน้าบ้าน ร่างสูงเดินลงมาจากรถแล้วโบกมือให้กับทั้งคู่ พินอาภายิ้มรับแล้วโบกมือตอบคว้าข้อมือเพื่อนเพื่อเข้าไปทักทายหนุ่มคนนั้นเขาเดินมาหาทั้งสองด้วยรอยยิ้ม แต่สายตากลับหยุดที่ผู้หญิงซึ่งตนหมายปองมานาน และดูเหมือนเธอเองก็มีใจให้เช่นกัน ปรางค์ปรียาเมินหน้าหนีไม่
พินอาภายืนอึ้งมองเพื่อนสาวที่กำลังอาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตาย เธอกำลังภาวนาขออย่าให้มันเป็นอย่างที่คิด ปรางค์ปรียาเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วทอดกายนั่งลงบนโซฟาราวกับคนหมดเรี่ยวแรง คนเป็นเพื่อนรีบเดินไปหาแล้วกุมมือบางไว้ด้วยความเป็นห่วง“ปรางค์ท้องใช่ไหม...”พินอาภาถามเพื่อนเสียงเบาหญิงสาวนิ่งมีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมา ทั้งๆ ที่ไม่อยากนึกถึงเรื่องราวแสนเจ็บปวดนั้น แต่สุดท้ายแล้วเธอก็คงหนีไม่พ้น โชคชะตาช่างเล่นตลกเสียจริง ประจำเดือนขาดหาย ระหว่างอยู่ฝรั่งเศสเธอไม่ได้ป้องกันอะไรเลย แล้วเขาก็เช่นเดียวกัน อาจเพราะเขาชิงชังเลยทำให้หลงลืม แล้วผลของมันคือการที่เธอตรวจพบว่าตนเองกำลังมีลูกน้อยในครรภ์“ใช่พิน เราท้อง” เธอตอบตามตรงไม่ปิดบังพินอาภาเม้มริมฝีปาก สีหน้าเครียดขึ้น สงสารเพื่อนจับใจ“แล้วปรางค์จะทำยังไง จะเอาเด็กไว้หรือเปล่า หรือปราค์จะ...” พินอาภายังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เพื่อนพูดแทรกขึ้นมาเสียงก่อน“ไม่พิน... เราไม่มีวันเอาเด็กออกเด็ดขาด เขาคือลูกของเรา ต่อให้ใครหน้าไหนจะว่าเรานินทาเราก็ตาม”ปรางค์ปรียาตั้งใจแน่วแน่“ได้ปรางค์ ถ้าปรางค์ต้องการเด็กคนนี้ เราจะช่วยปรางค์เลี้ยงเขานะ”พินอาภาบอกเพื่อน
หกปีผ่านไป ....ร่างสูงใหญ่เอนกายลงนอนบนเก้าอี้ที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสของสายการบิน เขากำลังขยายธุรกิจรถยนต์เข้าสู่เมืองไทย จำต้องเดินทางไปติดต่องานที่นั้น เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ทว่าเขาไม่อาจหลงลืมใบหน้าแสนสวยของหญิงสาวชายไทยได้เลย ปรางค์ปรียาหากโชคชะตาสองเรามีอันต้องบรรจบ เขาขอให้ได้พบเธออีกสักครั้งก็ยังดีหญิงสาวในชุดทำงานยืนอยู่ด้านหน้าประตูบ้าน มือจูงมือเด็กชายผมสีบลอนด์ เด็กคนนี้คือลูกของเธอ ลูกที่เกิดมาจากความผิดพลาด ผมและดวงตาทำให้ทุกคนรู้ว่าเธอไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนไทย เธอต้องอดทนต่อคำนินทามากมายจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ แม้รู้สึกเจ็บปวดแต่เมื่อได้เห็นหน้าบุตรชาย มันทำให้รู้สึกเหมือนโลกที่แบกไว้มลายลงไป“แม่ครับ วันนี้ไทม์ไม่อยากไปโรงเรียนเลยครับ...” เด็กชายบอกแววตาหม่น“ทำไมล่ะครับ?”เธอทรุดกายลงพร้อมกับจ้องมองใบหน้าลูกด้วยความสงสัย“เพื่อนล้อผมทุกวันเลยครับแม่ ว่าผมเป็นลูกฝรั่งที่ไหนก็ไม่รู้ ผมไม่ชอบเลยครับ”หัวใจกำลังเต้นตุบๆ ยิ่งเห็นหน้าลูกยิ่งสงสาร เธอเองรู้ดีว่ามันคงเป็นเช่นนี้อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง มือบางลูบศีรษะบุตรชายเบาๆ แล้วรั้งร่างเล็กมาโอบกอดไว้ ไทม์ลูกของเธอไม่เหมือนใค
ชายหนุ่มยืนนิ่งทอดสายตา มองไปยังวิวแม่น้ำเจ้าพระยา จากโรงแรมหรูระดับห้าดาว มือหนากอดอกขึ้นอย่างใช้ความคิด ใบหน้าของหญิงสาว ที่เขาไม่เคยลืม และรสสัมผัสนั้นยังคงตราตึง อยู่ในความรู้สึกไม่เคยจาง เวลานี้เขายืนอยู่ในประเทศเดียวกันกับเธอแล้ว แล้วเธออยู่ที่ไหนกัน เขาจะสามารถหาเธอเจอได้หรือเปล่า บางทีเวลานี้ผู้หญิงคนนั้นอาจแต่งงานไปกับใครสักคนแล้วก็เป็นได้ลุคส์ถอนหายใจออกมา แล้วนั่งลงบนเก้าอี้กำมะหยี่มือหนาคว้าเอกสารตรงหน้าขึ้นมาแล้วกวาดสายตาอ่านทุกตัวอักษร เข้ามาลงทุนทำธุรกิจส่งออกรถที่ประเทศไทยและต้องการตัวแทนจำหน่าย เขารู้สึกถูกใจบริษัทนี้ที่มีระบบการทำงานที่ดีและมีเสถียรภาพ หากได้ร่วมงานกันคงทำให้ธุรกิจรุดหน้าไปไกลมากขึ้นอีก“มาติช ไปตามคุณวิศรุตมาคุยกับผมหน่อย”“ได้ครับ” มาติชรับคำเจ้านายแล้วก้าวออกไปครู่ใหญ่ชายรูปร่างสันทัดผิวขาวสวมแว่นก้าวเข้ามาในห้อง วิศรุตนั่งลงตรงข้ามเจ้าของห้อง ลุคส์หยิบเอกสารให้ดู“ช่วยติดต่อบริษัทนี้ให้ผมหน่อย ผมต้องการร่วมหุ้นกับเขา“ได้ครับคุณลุคส์”“ได้เรื่องยังไงรายงานผมด้วยนะ ผมจะได้จัดการเอกสารสัญญาการรวมทุนกัน”“ครับ”วิศรุตก้มศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินออกนอก
รถยนต์แล่นตามเส้นทาง ลุคส์เหม่อมองวิวเมืองไทยจนกระทั่งรถขับผ่านโรงเรียนประถมเอกชนแห่งหนึ่ง ปรางค์ปรียาจูงมือลูกออกมาจากโรงเรียนพร้อมกับเพื่อน การจราจรหยุดชะงักอยู่ด้านหน้าโรงเรียน ลุคส์ยังคงมองวิวเหมือนเดิม แต่ฉับพลันสายตากลับหยุดลง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันลมหายใจขาดหายเป็นห้วงๆ มือสั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อภาพที่เห็นทำให้เขาคิดว่าตนนั้นกำลังฝันอยู่ ชายหนุ่มพยายามตั้งสติ จ้องมองภาพของผู้หญิงคนหนึ่งจูงมือเด็กผู้ชายแล้วหยุดอยู่หน้าโรงเรียน ตัดสินใจขยับกายไปชิดหน้าต่างแล้วจ้องมองอย่างเอาเป็นเอาตายอีกครั้ง หัวใจเขากำลังเต้นตุบๆ ไม่เป็นจังหวะเมื่อยิ่งมองเขาก็ยิ่งมั่นใจ จำไม่ผิดแน่เป็นเธอแน่ๆ ผู้หญิงที่เขาไม่เคยลืมจนถึงตอนนี้ บอดี้การ์ดหนุ่มเหลือบมองนายตนด้วยความรู้สึกสงสัยกับท่าทีที่เปลี่ยนไป จึงหัน มองวิวนอกหน้าต่างที่เจ้านายให้ความสนใจอยู่ ดวงตาคมกริบเบิกกว้างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้เห็นลุคส์จ้องมองทุกการกระทำทุกอากัปกิริยา แล้วมองเลยไปถึงเด็กชายที่กำลังจูงมือเธอแน่น สายตาจ้องมองเด็กชายไม่วางตา เด็กคนนั้นหน้าตาผิวพรรณไม่ได้เกิดจากพ่อซึ่งเป็นชาวเอเชียแน่ เกิดอะไรขึ้น เด็กคนนั้นเป็นใคร
ลุคส์ขบกรามแน่น คิดแล้วไม่ผิดว่าต้องเป็นเธอ... การประชุมเริ่มขึ้นชายหนุ่มจึงหันไปสนใจกับงานแทน เขาจำต้องอดทนฟังหลายชั่วโมงผ่านไปจนกระทั่งจบ ชายหนุ่มรีบเดินออกจากห้อง แต่กลับไม่พบคนที่ต้องการจเอ ภูมิชัยมองตามด้วยความสงสัยก้าวเข้ามายืนเคียงหุ้นส่วนคนใหม่“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”ภูมิชัยถาม“เปล่าครับ”“ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกผมได้นะครับ”ชายหนุ่มลังเลเล็กน้อย เปิดปากถามคำถามภูมิชัยออกไปด้วยความสงสัย“ผู้หญิงที่เดินออกจากห้องมา เธอทำหน้าที่อะไรเหรอครับ?”ลุคส์ถาม“ผู้หญิงคนไหนเหรอครับ?”ภูมิชัยถาม เพราะผู้หญิงที่ออกมาจากห้องมีสองคน“คนที่เหมือนว่าจะไม่สบายน่ะครับ?”“อ๋อ ปรางค์ปรียาน่ะเหรอครับ เธอเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดของที่นี่ พอดีเธอเป็นเพื่อนลูกสาวของผม ผมเลยไหว้วานให้เธอช่วยเป็นเลขาจำเป็นแทนลูกสาวผมในวันนี้ครับ”ลุคส์มีสีหน้าครุ่นคิด พยักหน้าช้าพร้อมกับกล่าวขอบคุณภูมิชัย แล้วหันหลังเดินออกมา ภูมิชัยงุนงงๆ กับท่าทีของเขา“ใช่เธอจริงๆ ด้วยสินะปรางค์ปรียา” ชายหนุ่มพึมพำกับตนเองกวินภพรีบจูงมือเด็กชายมาที่บ้าน ปรางค์ปรียาเมื่อเห็นบุตรชายตนเองร่างบางรีบตรงเข้าไปกอดไว้พร้อมกับสะอื้น ไทม์มองมาร
ลุคส์เดินเข้าไปกระชากท่อนแขน แล้วรวบเอวบางไว้แน่น ดวงตากร้าวแข็งขึ้น ริมฝีปากหนายิ้มเหยียดออกมาเมื่อรู้สึกถึงอาการสั่นสะท้าน“เธอยังไม่ลืมฉันใช่ไหม ถึงได้สั่นแบบนี้...”เขาเย้ยหญิงสาวรีบดันแผงอก หันหน้าหนี พยายามดิ้นรนให้พ้นจากการกอดรัด แต่เธอรู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์“ฉันขอร้อง... ปล่อยฉันไปเถอะ... อย่าทำร้ายฉันอีกเลย ฉันทรมานเพราะคุณมามากแล้ว ฮือๆๆๆ”ปรางค์ปรียาอ้อนวอนพร้อมกับสะอื้นออกมา“เด็กคนนั้นเป็นลูกของฉันใช่ไหม?”เขาถาม“ไม่! เขาไม่ใช่ลูกคุณ!”หญิงสาวปฏิเสธทันควันเสียงเอะอะหน้าบ้านส่งผลให้ร่างเล็กรีบวิ่งออกมา เด็กน้อยยืนนิ่งเมื่อเห็นแม่กำลังร้องไห้ต่อหน้าผู้ชายร่างสูงใหญ่ ดูเหมือนเป็นคนต่างชาติ“แม่ครับ...”เด็กชายเรียกแม่เสียงเล็กๆ ทำให้ทั้งสองหันมามอง ลุคส์จ้องมองไปยังร่างเล็กแล้วพิจารณาดู ไม่ผิดแน่ลักษณะของเด็กคนนี้มีเค้าโครงเหมือนเขาตอนเด็กมาก สีผมของเด็กคนนั้นก็คล้ายกับเขา จะให้คิดว่าเป็นลูกคนอื่นได้ยังไง นอกจากผู้หญิงคนนี้จะไปมีความสัมพันธ์กับชาวต่างชาติคนอื่นที่ไม่ใช่เขาเธอชะงักเมื่อเห็นบุตรชายเดินมา ไทม์มองแม่แววตาสับสนผสมกับความหวาดหวั่น เขาไม่ชอบเลยผู้ชายคนนี้เป็นใคร
ปรางค์ปรียายืนมองหญิงวัยกลางคน กำลังลากบุตรชายเข้าห้องน้ำ เรียบร้อยแล้วพามาทานขนม พออิ่มจึงเข้าห้องนอนกล่อมให้เสร็จสรรพ เธอแทบไม่ได้ทำอะไรเลย หญิงสาวก้าวเข้าห้องนอนของเทเรซ่า มองดูบุตรชาย ดูเหมือนไทม์เองกำลังหลับไป สีหน้าดูยิ้มแย้ม ลูกคงมีความสุข“เอ่อ...”หญิงสาวอึกอักไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดอะไรดีเทเรซ่าเหลือบมองแล้วยิ้มกว้าง เธอจดจำสายตาหลานเวลามองผู้หญิงคนนี้ได้ดี ไอ้หลานชายตัวดีคงต้องการใช้เวลาอยู่กับเธอบ้าง คนเป็นน้าจึงขอสร้างบรรยากาศแสนวิเศษนี้ให้“น้าขอให้ไทม์นอนกับน้านะจ๊ะ”เทเรซ่าบอก แล้วหันกลับไปสนใจต่อเด็กชายต่อ“แล้วปรางค์นอนที่ห้องไหนเหรอคะ?”“นอนกับลุคส์ไงจ๊ะ”หญิงสาวชะงัก เธอไม่อยากนอนกับเขา เรื่องในเครื่องบินก็แทบเอาตัวไม่รอด หากนอนร่วมห้อง ยังไงคงเสียเปรียบเขาอยู่ดี เจ้าของห้องเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งเลยลงมาจากเตียง ปรางค์ปรียาถอยห่างออกมาเมื่อเทเรซ่าจับลูกบิด ประตูไม้ถูกปิดลงต่อหน้า คนตัวเล็กยืนค้างอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งร่างสูงใหญ่เดินอ้าปากหาวเข้ามาหา“ง่วงหรือยังปรางค์?”ปรางค์ปรียาชะงักเมื่อได้ยินเสียงเขาอยู่ใกล้เแค่นิดเดียว ไหนจะลมหายใจหนักเป็นห้วงๆ ที่กำลังเป่ารดลงมาบนศีร
หญิงสาวรีบเดินตามชายหนุ่มออกมาด้านนอก ร่างสูงรีบสาวเท้าเดินนำหน้า แล้วสอดส่ายสายตามมองหาคนที่อยู่บริเวณนี้ มาติชรีบเดินตรงเข้าไปหาชาวบ้านที่กำลังเดินมาหาปลาที่หนองน้ำทันที“คุณไปถามเขาหน่อยว่าจะกลับตัวเมืองได้ยังไง” มาติชหันมาสั่งคนถูกสั่งยอมทำตาม ไปหาชายชราที่กำลังเหวี่ยงแหหาปลา“คุณลุงคะ”ชายชราหันหน้ามาหา แล้วยิ้มให้กับหญิงสาวด้วยท่าทางเป็นมิตร“ว่าไงแม่หนู”“เอ่อ... หนูจะหาทางไปที่ตัวเมืองได้ยังไงคะ”ชาวบ้านครุ่นคิดครู่หนึ่ง“หนูเดินไปตรงหมู่บ้านข้างหน้านี้นะ พวกเขากำลังจะเข้าไปที่ตลาด หนูไปที่นั้นแล้วขอติดรถเขา แล้วไปต่อรถที่ตลาดอีกทีนะ”“ขอบคุณมากนะคะคุณลุง” พินอาภายิ้มกว้างอย่างมีความหวังพินอาภาเดินนำหน้าเขาเพื่อเข้าหมู่บ้าน ทุกคนในหมู่บ้านมองดูทั้งสองด้วยสีหน้าแปลกๆ มาติชทำหน้าไม่ถูกเมื่อเขาเป็นที่สนใจของชาวบ้านไม่น้อย หญิงสาวรีบเดินไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน เธอพยายามขอร้องให้หัวหน้าหมู่บ้านยอมให้ขึ้นรถโดยสารไปที่ตลาดด้วย“แล้วผัวเอ็งจะไปด้วยหรือเปล่านังหนู”หัวหน้าบ้านถามแล้วยิ้มออกมา“ไม่ใช่นะคะ!”หญิงสาวรีบปฏิเสธเสียงแข็ง“ไม่ต้องมาโกหกพวกข้าหรอก พวกข้าไม่ว่าอะไรหรอกถ้าเอ็งจะมีผั
ปัง!เสียงปืนดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ลูกัสรีบก้มหลบด้วยความตกใจ หญิงสาวได้ทีรีบยันเท้าเข้าลำตัวรีบเผ่นหนีออกมาจากที่บ้านนั้นอย่างไม่คิดชีวิต เธอวิ่งอยากไม่รู้ทิศทางขอเพียงแค่รอดไปได้ก็พอ เสียงฝีเท้าวิ่งตามมาด้านหลังยิ่งทำให้หวาดกลัวมากขึ้น“ว้าย!”เอวบางโดนโอบรัด กระชากเธอลงไปจนแผ่นหลังแตะกับพื้นที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้งโดยมีกายเขาทาบทับลงมาบนตัว“กรี๊ด!”หญิงสาวหวีดร้องสุดเสียงโดยที่ยังไม่ทันดูว่าเป็นใคร“อย่าร้อง!”เขารีบกระซิบบอกแต่ไม่ได้ผลเมื่อเธอหลับหูหลับตาร้องมืออีกข้างหนึ่งที่ว่างอยู่ถูกยกขึ้นมาปิดปากเธอไว้นั้น ยิ่งทำให้ความกลัวของคนถูกกระทำทวีคูณมากขึ้น มือบางสองข้างยกขึ้นมาประทุษร้ายอีกฝ่ายไม่หยุดให้ตายสิ อยากจะบ้าตายกับสถานการณ์แบบนี้จริงๆมือข้างที่ใช้ปิดปากถูกนำมารวบข้อมือสองข้างไว้แทน เมื่อปากเธอว่าง หญิงสาวเริ่มกรีดร้องด้วยความกลัวอีกครั้ง อีกฝ่ายเลยตัดสินใจก้มลงกดริมฝีปากทาบทับเพื่อให้เสียงเงียบลง“อื้อ!”บอดี้การ์ดหนุ่มถอนริมฝีปากออกมา เธอจ้องมองหน้าเขาเมื่อชัดเจนเลยสะอื้นออกมา ที่แท้เป็นเขา ผู้ชายที่คอยปกป้องเธอมาตลอด แม้จะปากร้ายและมีท่าทางเย็นชาแต่เขาก็ดีกับเธอเสมอ“
พินอาภานิ่งงันแล้วสะอื้นออกมาเพราะคำพูดของเขา จะให้เธอทำยังไงใ นเมื่อเรื่องในอดีตที่เพื่อนเคยโดนเจ้านายเขาทำร้าย เธอยังจำฝังใจ และเคยลั่นวาจา หากเกิดอะไรกับเพื่อนอีก จะขอปกป้องให้ถึงที่สุด แล้วเธอผิดหรือไง!กายสาวสั่นไหวด้วยแรงสะอื้นจนแผ่นหลังเขารับรู้ถึงสัมผัสนั้นได้ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผิดที่พลั้งปากต่อว่าเธอด้วยความโมโห เขาโกรธที่เธอวุ่นวายทำให้เขาทำงานยากขึ้นไปอีก เพราะต้องคอยปกป้องเธอ ลูกัสก็สร้างปัญหาให้เขามากพออยู่แล้ว เขายังต้องคอยกันเธอไม่ให้ถูกลูกัสระแวงหรือสงสัยความสัมพันธ์ของเธอกับผู้หญิงของเจ้านายอีกหากลูกัสรู้ว่าพินอาภาคือเพื่อนของปรางค์ปรียาแล้วล่ะก็ มีหวังเธอได้ถูกตามล่าไม่หยุดแน่ แทนที่เขาจะได้จับตามองมันอยู่ในที่ลับ เขาคงต้องเปิดเผยตัวออกมาเพื่อปกป้องเธอแทน“ผมขอโทษ ผมแค่ต้องการให้คุณเลิกยุ่งกับเรื่องนี้... มันอันตรายเกินไป”เขาบอกเสียงอ่อนลง“ฉันแค่เป็นห่วงเพื่อนมากแค่นั้น คุณก็รู้ว่าเรื่องในอดีตที่ผ่านมาปรางค์ทำเพื่อฉันมามาก...”มาติชไม่รู้จะพูดอะไรออกมาเขาทำได้แค่เพียงเงียบ ความเงียบคือคำตอบที่ดีที่สุด เพราะเขาเป็นคนพูดไม่เก่งปลอบใจใครไม่เป็น ยิ่งกับเพศตรงข้ามด้วยแ
นักฆ่าหนุ่มเฝ้าตามหาเป้าหมายที่เขาได้รับคำสั่งมา แต่กลับไม่ได้ข่าวคราวและวี่แววเลย ถ้าจะเค้นออกจากปากมาติชแล้วยิ่งยากเข้าไปใหญ่เพราะเขาไม่สามารถชนะผู้ชายคนนั้นได้เลยหากสู้กันซึ่งๆ หน้า ขบกรามแน่นสูดหายใจเข้าเต็มปอด มันต้องมีทาง จะตามหาผู้หญิงคนนั้นได้อย่างไรกัน ตัดสินใจต่อสายถึงเมแกน“นายครับ!”“ว่าไง”“ผมขอมือดีให้ผมซักสามคน”“แกคนเดียวไม่ไหวหรือไง!”“มาติชคอยขวางผมตลอด”เมแกนนิ่งเมื่อได้ยินชื่อมาติช เขายอมรับฝีมือผู้ชายคนนี้ เพราะเมื่อก่อนมาติชเองก็ยังเคยทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดให้กับเขา“ได้! ฉันจะส่งไปให้แกจัดการให้สำเร็จเร็วๆ ล่ะ ฉันจะต้องให้ลุคส์มันแต่งงานกับเอมม่าให้ได้”“ครับนาย”มาติชต่อสายถึงลุคส์ทันที หลังจากที่เครื่องออกไปได้เกือบสองวันแล้ว เขายังคงเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของลูกัสอยู่ตลอดเวลา เพราะคนอย่างลูกัสไม่เคยเลือกวิธีตามหาเป้าหมายที่มันต้องการได้“ว่าไงมาติช?”“นายถึงบ้านคุณเทเรซ่าเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ”“ใช่”“แล้วนายจะให้ผมไปฝรั่งเศสตอนนี้เลยหรือเปล่าครับ”เขาถามเจ้านายด้วยความรู้สึกกังวล เพราะฝรั่งเศสยังมีคนที่หมายตาปรางค์ปรียาอยู่คือเมแกนนั้นเอง“ยังไม่ต้องเฝ้าไอ
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เคลื่อนบินจอดลงตรงสนามบิน ลุคส์จูงมือลูกออกจากสนามบินโดยมีเธอเดินเคียงข้างไม่ห่าง รถยนต์มาจอดรับด้านหน้าเขารีบขึ้นไปนั่ง เมื่อเรียบร้อยรถจึงเคลื่อนออกทันทีเทเรซ่ายืนรอใจจดใจจ่อวันนี้เธอจะได้เห็นหน้าหลาน และยังได้เห็นเหลนเล็กๆ อีกคนหนึ่งเสียด้วย ทันทีที่รถของชายหนุ่มเข้ามาจอดเธอรีบเดินเข้ามาหาหลานชายที่กำลังลงจากรถ เทราซ่าลากลุคส์เข้ามาใกล้แล้วพรมจูบไปทั่วใบหน้า“มาหาน้าได้สักทีนะ คิดถึงหลานมากเลย”เทราซ่าบอกแล้วยิ้มออกมา“น้าครับอย่าทำแบบนี้เลย”“ทำไมล่ะ น้าทำแบบนี้กับหลานน้าบ่อยๆ ไม่ต้องเขินน้าหรอกนะพ่อหนุ่มน้อยของน้า”ชายหนุ่มพูดไม่ออก เหลือบมองไปทางหญิงสาวที่กำลังยืนอมยิ้มอยู่ใกล้ๆ เขา อาย... อาการนี้ เพิ่งรู้สึกก็ตอนที่น้ามาทำกับเขาแบบเมื่อกี้ ไม่ว่านานแค่ไหนน้าเทเรซ่าก็ไม่เคยเห็นว่าเขาโตสักทีสายตาของหญิงวัยกลางคนหันไปสบกับหญิงสาวหน้าตาสะสวย เธอยิ้มกว้างออกมาด้วยความยินดี ก่อนละสายตามองเด็กชายตัวน้อย เทเรซ่าก้าวเข้าหาแล้วจับมือเล็กไว้“เข้าไปกินขนมข้างในกันนะจ๊ะ”เทเรซ่าบอกกับเด็กชาย มืออีกข้างหนึ่งก็รั้งให้หญิงสาวเดินตามไปลุคส์รีบสาวเท้าเดินตามเข้าไปด้านใน
หญิงสาวเม้มริมฝีปาก ลุคส์ตัดสายแล้วหันมาทางเธอรั้งร่างบางนั่งลงเคียงข้าง ท่อนแขนโอบรัดรอบเอวแล้วเกยคางไว้ที่หัวไหล่ ปรางค์ปรียาสับสนกับการกระทำของเขา ลุคส์ต้องการสิ่งใดถึงได้ทำแบบนี้ หรือต้องการตัวลูกกลับไปด้วย เธอเดาทางไม่ถูกเลย“ไปฝรั่งเศสกับผมนะปรางค์ ผมขอร้อง หากคุณอยู่ที่นี่ จะมีอันตราย ผมจะปกป้องคุณได้ง่ายกว่า ถ้าคุณไปอยู่ฝรั่งเศสกับผม”ริมฝีปากบางเม้มแน่นสีหน้าเธอเต็มไปด้วยความกังวล ฝรั่งเศสอย่างนั้นหรือ? แล้วถ้าอยู่ที่นี่จะไม่ปลอดภัยจริงหรือเปล่า เขากำลังพูดจริงหรือโกหกให้ตายใจแล้วแอบพาไทม์หนีไปกันแน่“คุณอย่าลังเลเลยปรางค์ ผมขอร้องไปกับผมเถอะนะ ผมอยากปกป้องคุณและลูก”เขาบอกพลางซุกไซร้ซอกคอหอมกรุ่น เธอขนลุกเกรียว“อย่าทำแบบนี้สิคะ”เธอดุเขา“คุณตอบผมก่อนสิ ว่าจะไปหรือไม่ไป ถ้าคุณไม่ตอบผมจะทำต่อไปเรื่อยๆ”ชายหนุ่มเริ่มเอาแต่ใจตัวเอง“ไปค่ะไป พอได้แล้วนะคะอย่าทำแบบนี้เลย”เขายิ้มออกมาแล้วกอดเธอไว้แน่น ไทม์เดินเข้ามาหาแม่ เด็กชายยิ้มกว้างแล้วรีบวิ่งออกไปด้านนอก เพื่อปล่อยให้พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันอีกครั้งหลังจากแผลหายดีแล้ว ลุคส์จัดการพาหญิงสาวและไทม์ออกจากบ้านพักทันที เขาต้องแข่งกับเ
ร่างบางกัดริมฝีปากแน่นเพียะ!มือบางฟาดลงไปบนหน้าเขาน้ำตาคลอ ผู้ชายอะไรทุเรศที่สุด ลากเธอเข้ามา แถมลูกน้องก็ยังเต็มบ้าน เขาต้องการทำให้เธออับอายใช่ไหม“เลวที่สุด!”เธอบริภาษเขาทั้งน้ำตา“ที่ผมทำไปผมมีเหตุผล”“เสื้อฉันอยู่ที่ไหน!”มาติชขบกรามแน่นชูเสื้อในมือที่ขาดวิ่นเพราะแรงกระชากของเขา เขาไม่ได้ตั้งใจ ทำเพราะต้องการปกป้องเธอเท่านั้น ไม่อยากเห็นพินอาภากลายเป็นเหยื่อ“คุณเป็นบ้าอะไรถึงทำแบบนี้!”เธอต่อว่า แล้วผลักอกอีกฝ่ายด้วยแรงโทสะ“ผมทำเพื่อปกป้องคุณรู้ไว้แค่นั้น”เขาบอกเสียงเครียดพินอาภารีบใส่เสื้อมือไม้สั่น อยากจะบ้า ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกับสถานการณ์แสนทุเรศแบบนี้ ผู้ชายอะไรแย่ที่สุดหยาบคาย ป่าเถื่อน กักขฬะ ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ รีบเมินหน้าหนีแล้วสาวเท้าเดินออกจากบ้าน อารมณ์โกรธกำลังปะทุจนแทบถึงขีดสุดมาติชรีบคว้าท่อนแขน ส่งเสื้อหนังที่เขาใส่อยู่ให้ แต่หญิงสาวกลับปัดมันอกจนร่วงลงสู่พื้น เขารีบเก็บมันขึ้นมา“ใส่ซะ ถ้าคุณยังอยากรู้เรื่องของเพื่อนคุณ!”เขาสั่งเธอรีบหันมามองหน้าเขา กัดริมฝีปากแน่น จำต้องรับเสื้อมาสวมเอาไว้“ผมจะไปส่ง จะได้คุยกันด้วย”มาติชขับรถออกมา พินอาภาเปิดประตูลงน
เธอขมวดคิ้วและจับถ้อยคำที่เขาเพ้อออกมา เป็นเด็กขาดแม่หรือไงกัน โตจนป่านนี้ยังร้องเรียกหาแม่อีกเธอเป็นเด็กกำพร้ายังไม่ร้องเลยสักครั้ง“คุณลุคส์ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ”ไม่นานอ้อมกอดถูกคลายออก คนเจ็บนอนหายใจสม่ำเสมอในที่สุด เธอมองดูเขาแล้วลุกยืนสาวเท้าเพื่อไปดูบุตรชายอีกห้อง มองดูลูกกำลังหลับใหลในห้องนอนอีกห้องแล้วทอดถอนใจออกมา ลูกเธออายุแค่นี้ แต่ต้องมาพบเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายมากมาย ไม่อยากเชื่อว่าไทม์ต้องมาเสี่ยงอันตรายเพราะความผิดพลาดในอดีตของเธอ ลูบศีรษะบุตรชายแล้วจุมพิตหน้าผากเบาๆ ลุกยืนปลีกตัวออกมาด้านนอกห้องปรางค์ปรียาจัดหาผ้ามาปูนอนบนพื้นในห้องเดียวกับเขา เธอจำต้องดูแลยามค่ำคืน เพราะกลัวว่าเขาอาจมีไข้สูง เสียงครางปลุกให้ตื่นขึ้นมา เธอเห็นเขานอนตัวสั่นเหงื่อผุดออกมาเต็มใบหน้า หญิงสาวรีบใช้มือแตะหน้าผาก เธอสะดุ้งเพราะความร้อน หาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวเขา เพื่อลดพิษไข้จนกระทั่งความร้อนในร่างกายลดลง เกือบรุ่งเช้าเธอถึงได้นอน แสงแดดส่องเข้ามาปลุกให้ร่างสูงใหญ่ที่นอนหมดสภาพบนเตียงลืมตา เขาเหม่อมองสักพัก แล้วกวาดสายตารอบห้อง ก่อนหยุดลงที่ร่างบางซึ่งฟุบอยู่ข้างเตียงนี่เธอ... ดูแลเขามาทั้งคืนเ