พินอาภายืนอึ้งมองเพื่อนสาวที่กำลังอาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตาย เธอกำลังภาวนาขออย่าให้มันเป็นอย่างที่คิด ปรางค์ปรียาเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วทอดกายนั่งลงบนโซฟาราวกับคนหมดเรี่ยวแรง คนเป็นเพื่อนรีบเดินไปหาแล้วกุมมือบางไว้ด้วยความเป็นห่วง
“ปรางค์ท้องใช่ไหม...”พินอาภาถามเพื่อนเสียงเบา
หญิงสาวนิ่งมีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมา ทั้งๆ ที่ไม่อยากนึกถึงเรื่องราวแสนเจ็บปวดนั้น แต่สุดท้ายแล้วเธอก็คงหนีไม่พ้น โชคชะตาช่างเล่นตลกเสียจริง ประจำเดือนขาดหาย ระหว่างอยู่ฝรั่งเศสเธอไม่ได้ป้องกันอะไรเลย แล้วเขาก็เช่นเดียวกัน อาจเพราะเขาชิงชังเลยทำให้หลงลืม แล้วผลของมันคือการที่เธอตรวจพบว่าตนเองกำลังมีลูกน้อยในครรภ์
“ใช่พิน เราท้อง” เธอตอบตามตรงไม่ปิดบัง
พินอาภาเม้มริมฝีปาก สีหน้าเครียดขึ้น สงสารเพื่อนจับใจ
“แล้วปรางค์จะทำยังไง จะเอาเด็กไว้หรือเปล่า หรือปราค์จะ...” พินอาภายังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เพื่อนพูดแทรกขึ้นมาเสียงก่อน
“ไม่พิน... เราไม่มีวันเอาเด็กออกเด็ดขาด เขาคือลูกของเรา ต่อให้ใครหน้าไหนจะว่าเรานินทาเราก็ตาม”ปรางค์ปรียาตั้งใจแน่วแน่
“ได้ปรางค์ ถ้าปรางค์ต้องการเด็กคนนี้ เราจะช่วยปรางค์เลี้ยงเขานะ”พินอาภาบอกเพื่อนด้วยรอยยิ้มที่มาพร้อมกับน้ำตา
ร่างบางในชุดคลุมท้องเดินเข้าที่ทำงาน เสียงซุบซิบนินทาตั้งแต่หญิงสาวตั้งครรภ์เข้าสู่เดือนที่ห้า แม้จะรู้สึกอับอายแต่เธอจำต้องฝืนกันฟันทน กวินภพยืนมองด้วยความรู้สึกผิดหวัง ไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงอย่างปรางค์ปรียาจะเป็นแบบนี้ไปได้ ทำไมถึงทำตัวเหลวไหล ท้องไม่มีพ่อ คิดว่าดูคนไม่ผิดแล้ว ที่ไหนได้ปรางค์ปรียาก็เหมือนผู้หญิงรักสนุกทั่วไป
กวินภพก้าวเข้ามาหา แล้วรั้งเรียวแขนของคนท้อง อยากรู้นักว่าใจของเธอทำด้วยอะไร ถึงได้ทำร้ายหัวใจเขาแบบนี้ รักเธอบูชาเธอ แต่เธอกลับทำตัวเป็นผู้หญิงไร้ค่า ส่ำส่อน
“ทำไมทำกับผมแบบนี้ปรางค์ คุณก็รู้ว่าผมคิดยังไงกับคุณ!”เขาตัดพ้อเสียงสั่น
“ปรางค์ขอโทษวิน...” หญิงสาวสบตาน้ำตาเริ่มเอ่อ
“ทำไมปรางค์ทำตัวแบบนี้ ถ้าปรางค์ท้อง ทำไมไม่บอกพ่อของเด็ก ทำไมต้องมาดูแลลูกคนเดียวแบบนี้ ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร มันดีกว่าวินเหรอ ปรางค์ถึงได้ยอมไปมีอะไรกับมัน!”
“มันไม่ใช่แบบนั้นวิน เราไม่ได้ตั้งใจ”ปรางค์ปรียาพยายามอธิบาย
“อ๋อ! หรือว่าปรางค์เมาเลยเผลอไปมีอะไรกับผู้ชาย ทำไมทำตัวไร้ค่าแบบนี้ปรางค์!”เขาตวาดลั่น
เพียะ!
ฝ่ามือบางของพินอาภาฟาดลงไปบนใบหน้าของกวินภพ คนถูกตบหน้าชาหันมองสีหน้าปวดร้าว
“นายไม่รู้อะไรอย่ามาพูดกับปรางค์แบบนี้อีก!”พินอาภาตวาด
“ทำไมจะพูดไม่ได้ ในเมื่อสิ่งที่ผมเห็นตรงหน้ามันบอกแบบนั้น!”เขาย้อน
“ที่ปรางค์ต้องเป็นแบบนี้เพราะฉัน นายไม่มีสิทธิ์มาดูถูกปรางค์!”
ปรางค์ปรียารีบห้ามเพื่อนตนเองทันควัน เธอไม่อยากให้เพื่อนต้องรู้สึกผิด ไม่ว่าใครจะว่าอะไร เธอไม่เคยใส่ใจอยู่แล้ว
“เธอหมายความว่ายังไงพิน!”
“อย่าบอกนะพิน เราไม่เป็นไร...”หญิงสาวพยายามห้ามเพื่อน
“ไม่ได้หรอกปรางค์ ต่อไปนี้เราจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายปรางค์อีกแล้ว...”
มือบางกระชากท่อนแขนเขาไปที่ลับตาคนแล้วเปิดปากเล่าเรื่องทุกอย่าง คำพูดจากปากของพินอาภาทำให้ชายหนุ่มพูดไม่ออก เหมือนมีบางอย่างมันจุกแน่นในอก มือกำหมัดเพื่อสะกดอารมณ์โกรธ ผู้ชายที่ทำร้ายผู้หญิงที่เขารักคนนั้นมันเป็นใคร มันกล้าดียังไงถึงได้ทำแบบนี้ มันเห็นชีวิตคนเป็นอะไรถึงได้ย่ำยีกันโดยไม่มีจิตสำนึก!
กวินภพจ้องมองหญิงสาวด้วยความเสียใจ เขารักเธอด้วยใจจริง และไม่ว่าเธอจะเป็นของใคร เขาก็ยินดียอมรับมัน เพราะรักปรางค์ปรียามากจริงๆ รักตั้งแต่ที่ได้พบกับครั้งแรกแล้ว
หกปีผ่านไป ....ร่างสูงใหญ่เอนกายลงนอนบนเก้าอี้ที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสของสายการบิน เขากำลังขยายธุรกิจรถยนต์เข้าสู่เมืองไทย จำต้องเดินทางไปติดต่องานที่นั้น เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ทว่าเขาไม่อาจหลงลืมใบหน้าแสนสวยของหญิงสาวชายไทยได้เลย ปรางค์ปรียาหากโชคชะตาสองเรามีอันต้องบรรจบ เขาขอให้ได้พบเธออีกสักครั้งก็ยังดีหญิงสาวในชุดทำงานยืนอยู่ด้านหน้าประตูบ้าน มือจูงมือเด็กชายผมสีบลอนด์ เด็กคนนี้คือลูกของเธอ ลูกที่เกิดมาจากความผิดพลาด ผมและดวงตาทำให้ทุกคนรู้ว่าเธอไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนไทย เธอต้องอดทนต่อคำนินทามากมายจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ แม้รู้สึกเจ็บปวดแต่เมื่อได้เห็นหน้าบุตรชาย มันทำให้รู้สึกเหมือนโลกที่แบกไว้มลายลงไป“แม่ครับ วันนี้ไทม์ไม่อยากไปโรงเรียนเลยครับ...” เด็กชายบอกแววตาหม่น“ทำไมล่ะครับ?”เธอทรุดกายลงพร้อมกับจ้องมองใบหน้าลูกด้วยความสงสัย“เพื่อนล้อผมทุกวันเลยครับแม่ ว่าผมเป็นลูกฝรั่งที่ไหนก็ไม่รู้ ผมไม่ชอบเลยครับ”หัวใจกำลังเต้นตุบๆ ยิ่งเห็นหน้าลูกยิ่งสงสาร เธอเองรู้ดีว่ามันคงเป็นเช่นนี้อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง มือบางลูบศีรษะบุตรชายเบาๆ แล้วรั้งร่างเล็กมาโอบกอดไว้ ไทม์ลูกของเธอไม่เหมือนใค
ชายหนุ่มยืนนิ่งทอดสายตา มองไปยังวิวแม่น้ำเจ้าพระยา จากโรงแรมหรูระดับห้าดาว มือหนากอดอกขึ้นอย่างใช้ความคิด ใบหน้าของหญิงสาว ที่เขาไม่เคยลืม และรสสัมผัสนั้นยังคงตราตึง อยู่ในความรู้สึกไม่เคยจาง เวลานี้เขายืนอยู่ในประเทศเดียวกันกับเธอแล้ว แล้วเธออยู่ที่ไหนกัน เขาจะสามารถหาเธอเจอได้หรือเปล่า บางทีเวลานี้ผู้หญิงคนนั้นอาจแต่งงานไปกับใครสักคนแล้วก็เป็นได้ลุคส์ถอนหายใจออกมา แล้วนั่งลงบนเก้าอี้กำมะหยี่มือหนาคว้าเอกสารตรงหน้าขึ้นมาแล้วกวาดสายตาอ่านทุกตัวอักษร เข้ามาลงทุนทำธุรกิจส่งออกรถที่ประเทศไทยและต้องการตัวแทนจำหน่าย เขารู้สึกถูกใจบริษัทนี้ที่มีระบบการทำงานที่ดีและมีเสถียรภาพ หากได้ร่วมงานกันคงทำให้ธุรกิจรุดหน้าไปไกลมากขึ้นอีก“มาติช ไปตามคุณวิศรุตมาคุยกับผมหน่อย”“ได้ครับ” มาติชรับคำเจ้านายแล้วก้าวออกไปครู่ใหญ่ชายรูปร่างสันทัดผิวขาวสวมแว่นก้าวเข้ามาในห้อง วิศรุตนั่งลงตรงข้ามเจ้าของห้อง ลุคส์หยิบเอกสารให้ดู“ช่วยติดต่อบริษัทนี้ให้ผมหน่อย ผมต้องการร่วมหุ้นกับเขา“ได้ครับคุณลุคส์”“ได้เรื่องยังไงรายงานผมด้วยนะ ผมจะได้จัดการเอกสารสัญญาการรวมทุนกัน”“ครับ”วิศรุตก้มศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินออกนอก
รถยนต์แล่นตามเส้นทาง ลุคส์เหม่อมองวิวเมืองไทยจนกระทั่งรถขับผ่านโรงเรียนประถมเอกชนแห่งหนึ่ง ปรางค์ปรียาจูงมือลูกออกมาจากโรงเรียนพร้อมกับเพื่อน การจราจรหยุดชะงักอยู่ด้านหน้าโรงเรียน ลุคส์ยังคงมองวิวเหมือนเดิม แต่ฉับพลันสายตากลับหยุดลง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันลมหายใจขาดหายเป็นห้วงๆ มือสั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อภาพที่เห็นทำให้เขาคิดว่าตนนั้นกำลังฝันอยู่ ชายหนุ่มพยายามตั้งสติ จ้องมองภาพของผู้หญิงคนหนึ่งจูงมือเด็กผู้ชายแล้วหยุดอยู่หน้าโรงเรียน ตัดสินใจขยับกายไปชิดหน้าต่างแล้วจ้องมองอย่างเอาเป็นเอาตายอีกครั้ง หัวใจเขากำลังเต้นตุบๆ ไม่เป็นจังหวะเมื่อยิ่งมองเขาก็ยิ่งมั่นใจ จำไม่ผิดแน่เป็นเธอแน่ๆ ผู้หญิงที่เขาไม่เคยลืมจนถึงตอนนี้ บอดี้การ์ดหนุ่มเหลือบมองนายตนด้วยความรู้สึกสงสัยกับท่าทีที่เปลี่ยนไป จึงหัน มองวิวนอกหน้าต่างที่เจ้านายให้ความสนใจอยู่ ดวงตาคมกริบเบิกกว้างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้เห็นลุคส์จ้องมองทุกการกระทำทุกอากัปกิริยา แล้วมองเลยไปถึงเด็กชายที่กำลังจูงมือเธอแน่น สายตาจ้องมองเด็กชายไม่วางตา เด็กคนนั้นหน้าตาผิวพรรณไม่ได้เกิดจากพ่อซึ่งเป็นชาวเอเชียแน่ เกิดอะไรขึ้น เด็กคนนั้นเป็นใคร
ลุคส์ขบกรามแน่น คิดแล้วไม่ผิดว่าต้องเป็นเธอ... การประชุมเริ่มขึ้นชายหนุ่มจึงหันไปสนใจกับงานแทน เขาจำต้องอดทนฟังหลายชั่วโมงผ่านไปจนกระทั่งจบ ชายหนุ่มรีบเดินออกจากห้อง แต่กลับไม่พบคนที่ต้องการจเอ ภูมิชัยมองตามด้วยความสงสัยก้าวเข้ามายืนเคียงหุ้นส่วนคนใหม่“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”ภูมิชัยถาม“เปล่าครับ”“ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกผมได้นะครับ”ชายหนุ่มลังเลเล็กน้อย เปิดปากถามคำถามภูมิชัยออกไปด้วยความสงสัย“ผู้หญิงที่เดินออกจากห้องมา เธอทำหน้าที่อะไรเหรอครับ?”ลุคส์ถาม“ผู้หญิงคนไหนเหรอครับ?”ภูมิชัยถาม เพราะผู้หญิงที่ออกมาจากห้องมีสองคน“คนที่เหมือนว่าจะไม่สบายน่ะครับ?”“อ๋อ ปรางค์ปรียาน่ะเหรอครับ เธอเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดของที่นี่ พอดีเธอเป็นเพื่อนลูกสาวของผม ผมเลยไหว้วานให้เธอช่วยเป็นเลขาจำเป็นแทนลูกสาวผมในวันนี้ครับ”ลุคส์มีสีหน้าครุ่นคิด พยักหน้าช้าพร้อมกับกล่าวขอบคุณภูมิชัย แล้วหันหลังเดินออกมา ภูมิชัยงุนงงๆ กับท่าทีของเขา“ใช่เธอจริงๆ ด้วยสินะปรางค์ปรียา” ชายหนุ่มพึมพำกับตนเองกวินภพรีบจูงมือเด็กชายมาที่บ้าน ปรางค์ปรียาเมื่อเห็นบุตรชายตนเองร่างบางรีบตรงเข้าไปกอดไว้พร้อมกับสะอื้น ไทม์มองมาร
ลุคส์เดินเข้าไปกระชากท่อนแขน แล้วรวบเอวบางไว้แน่น ดวงตากร้าวแข็งขึ้น ริมฝีปากหนายิ้มเหยียดออกมาเมื่อรู้สึกถึงอาการสั่นสะท้าน“เธอยังไม่ลืมฉันใช่ไหม ถึงได้สั่นแบบนี้...”เขาเย้ยหญิงสาวรีบดันแผงอก หันหน้าหนี พยายามดิ้นรนให้พ้นจากการกอดรัด แต่เธอรู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์“ฉันขอร้อง... ปล่อยฉันไปเถอะ... อย่าทำร้ายฉันอีกเลย ฉันทรมานเพราะคุณมามากแล้ว ฮือๆๆๆ”ปรางค์ปรียาอ้อนวอนพร้อมกับสะอื้นออกมา“เด็กคนนั้นเป็นลูกของฉันใช่ไหม?”เขาถาม“ไม่! เขาไม่ใช่ลูกคุณ!”หญิงสาวปฏิเสธทันควันเสียงเอะอะหน้าบ้านส่งผลให้ร่างเล็กรีบวิ่งออกมา เด็กน้อยยืนนิ่งเมื่อเห็นแม่กำลังร้องไห้ต่อหน้าผู้ชายร่างสูงใหญ่ ดูเหมือนเป็นคนต่างชาติ“แม่ครับ...”เด็กชายเรียกแม่เสียงเล็กๆ ทำให้ทั้งสองหันมามอง ลุคส์จ้องมองไปยังร่างเล็กแล้วพิจารณาดู ไม่ผิดแน่ลักษณะของเด็กคนนี้มีเค้าโครงเหมือนเขาตอนเด็กมาก สีผมของเด็กคนนั้นก็คล้ายกับเขา จะให้คิดว่าเป็นลูกคนอื่นได้ยังไง นอกจากผู้หญิงคนนี้จะไปมีความสัมพันธ์กับชาวต่างชาติคนอื่นที่ไม่ใช่เขาเธอชะงักเมื่อเห็นบุตรชายเดินมา ไทม์มองแม่แววตาสับสนผสมกับความหวาดหวั่น เขาไม่ชอบเลยผู้ชายคนนี้เป็นใคร
พินอาภาวางสายลงแล้วรีบวิ่งไปที่รถ ขับออกไปจนคนในบ้านตกใจไปตามๆ กัน ได้ยินเสียงเพื่อนสะอื้นมาตามสายเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ไม่คิดว่าลุคส์จะหันกลับมาจองล้างจองผลาญปรางค์อีก ทั้งๆ ที่เรื่องทุกอย่างเพื่อนเธอไม่ผิดสักนิด แล้วเขามีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้เสียงรถเบรกดังสนั่น เจ้าของรถลงมาแล้วเปิดประตูรั้วบ้าน เดินก้าวฉับฉับด้วยความโมโหปนสงสารเพื่อน โกรธแทน กล้าดียังไงมายุ่งวุ่นวาย มาถึงห้องนั่งเล่นเห็นปรางค์กำลังร่ำไห้โดยมีบุตรชายคอยปลอบ“ไทม์ไปนอนก่อนนะครับ เดี๋ยวน้าจะดูแม่ให้เอง”พินอาภาบอกหลานชาย“ครับน้าพิน”เด็นชายรับคำเสียงเศร้าแล้วเดินขึ้นชั้นสอง ไม่วายหันมามองแม่ด้วยความเป็นห่วงกุมมือเพื่อนไว้แล้วโอบไหล่ ไม่รู้จะทำยังไง ความจริงอยากให้พ่อยกเลิกสัญญาของบริษัทซะ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะหากทำแบบนั้นบริษัทจะถูกฟ้องร้องเป็นจำนวนเงินมหาศาล หากบิดาเธอรู้เรื่องนี้เข้า เธอมั่นใจว่าท่านจะต้องยกเลิกสัญญานั้นแน่ และมันอาจส่งผลให้ผู้คนมากมายต้องตกงาน เธอทำแบบนั้นไม่ได้ พ่อเป็นคนแน่วแน่ บุญคุณต้องทดแทน ครอบครัวเธอสัญญากันแล้วว่าจะไม่ให้ปรางค์ต้องทุกข์อีก ทว่าเธอกลับทำผิด ช่วยเพื่อนไม่ได้ มิหนำซ้ำยังต้องใ
รถของกวินภพมาจอดรอหญิงสาวที่หน้าบ้าน ร่างบางรีบจูงมือบุตรชายขึ้นรถ ไทม์บอกลามารดาแล้วเดินเข้าโรงเรียนหลังจากรถมาจอดเทียบด้านหน้าโรงเรียน เขาขับรถมาจอดตรงลานกว้าง ปรางค์ปรียานั่งนิ่ง ไม่อยากเข้าไปทำงานเอาเสียเลย เธอรู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังเข้าสู่สนามรบ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องเข้าไป เพราะวันนี้เธอตั้งใจขอย้ายสาขาต่างจังหวัดเพื่อตัดปัญหาซะ เธอไม่อยากให้เขามายุ่งกับลูก คำพูดโหดร้ายเหล่านั้นยังคงสะท้อนในโสตประสาทเจ้าของรถเปิดประตูให้ เธอก้าวลงมาแต่กลับสะดุด ดีที่เขาประคองไว้“เป็นอะไรหรือเปล่าปรางค์ วันนี้ปรางค์ดูเหม่อๆ นะ”“เปล่าเราไม่ได้เป็นอะไรหรอกวิน แค่รู้สึกเพลียๆ แค่นั้นเอง”“เหรอ งั้นว่างๆ เดี๋ยวเราพาไปหาหมอก็แล้วกันนะ”กวินภพบอกด้วยความเป็นห่วงลุคส์นั่งมองทั้งสองผ่านกระจกรถ มือหนากำแน่นด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างแรง เขาเปิดประตูออกจากรถทันทีที่เห็นภาพนั้นด้วยความหงุดหงิด เธอยืนรอลิฟท์กับเพื่อนไม่นานนักลิฟท์ลงมาจอด หญิงสาวรีบเดินเข้าด้านในตัวลิฟท์โดยมีกวินภพยืนเคียงข้าง ประตูลิฟท์กำลังจะปิดลง แต่ร่างสูงใช้มือกั้นไว้แล้วแทรกตัวเข้าไปทันที หญิงสาวชะงักที่เห็นหน้า คนกลัวก้มหน้าแล้วข
ลุคส์กระตุกยิ้มสีหน้ายินดี เขาคิดไว้แล้วว่ายังไงเสียภูมิชัยต้องแนะนำปรางค์ปรียาให้แน่นอน เพราะไม่อยากให้บริษัทตนเองเสียหน้า จะต้องส่งมือดีมาทำงานกับเขาแน่“งั้นก็ดีครับ ผมตกลง ผมต้องการให้เลขาใหม่มาทำงานกับผมด่วนเลยนะครับ เพราะผมต้องไปติดต่องานอีกหลายที่” ลุคส์แสร้งบอกความจำเป็น ทั้งที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย เขาก็แค่ต้องการระลึกวันเก่าๆ กับผู้หญิงคนนั้นเท่านั้นเอง“ได้เลยครับ ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุดเลย”“ขอบคุณมากครับ ผมขอตัวก่อน” เขาลุกยืนแล้วออกมาจากห้องร่างบางสงบสติอารมณ์ตนเองเรียบร้อย เดินออกจากห้องน้ำเพื่อทำงาน พอนั่งประจำโต๊ะเพื่อจัดการติดต่อลูกค้า เสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้น“ปรางค์ปรียาพูดค่ะ”“คุณปรางค์คะ ท่านประธานเชิญให้มาพบค่ะ”“ค่ะพี่แวว” หญิงสาวตอบรับแล้ววางสายประตูห้องประธานเปิดออก เธอมาถึงนั่งลงตรงเก้าอี้หนังสีดำหน้าโต๊ะทำงานกระจก ภมิชัยยิ้มแย้มทักทายสีหน้าอ่อนโยนเช่นเคย “ท่านประธานมีอะไรจะให้ปรางค์ทำเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถาม“ปรางค์พ่ออยากให้หนูไปทำงานเป็นเลขาหุ้นส่วนบริษัทคนใหม่ หนูพอจะจำได้ใช่ไหม เขาเป็นคนฝรั่งเศสชื่อลุคส์ วันนั้นที่เรามีประชุมกัน พอดีหนูป่วยเลยไม่ได้
สายตากวาดมองรอบๆ หยุดที่บอดี้การ์ดของลุคส์ มาติชสบตาเข้ากับพินอาภาแล้วระบายลมหายใจ เธอรีบสาวเท้าเดินไปหาแล้วกระชากคอเสื้อเขาไว้ด้วยความโมโห“เจ้านายของนายใช่ไหม ที่ทำให้เพื่อนฉันเป็นแบบนี้ เมื่อไหร่จะเลิกวุ่นวายกับเพื่อนฉัน!”เธอตวาดเขาลั่นเขาแกะมือที่กำลังติดหนึบกับคอเสื้อ แล้วขบกรามแน่น เธอไม่รู้เรื่องหรือไงถึงได้มาหาเรื่องเจ้านายเขาถึงที่นี่ เขาไม่อยากให้เธอมารับเคราะห์เหมือนผู้หญิงคนนั้นอีกคน“อย่ามาวุ่นวายดีกว่าคุณ ผมไม่อยากให้คุณเดือดร้อน”เขาเตือน“ฉันไม่กลัว ที่นี่ประเทศไทย เจ้านายของนายใหญ่แค่ไหนฉันก็ไม่กลัว!”ลุคส์มองดูผู้หญิงเดินมากระชากคอเสื้อลูกน้องเขาด้วยความสงสัยเพราะรู้สึกคุ้นหน้า น่าแปลกมาติชไม่ทำอะไรนอกจากสนทนาด้วยดีๆ ดูท่าผู้หญิงคนนี้คงไม่ธรรมดา เขาลดกระจกลง“มาติช!”พินอาภาอ้าปากจะต่อว่าเขา แต่กลับถูกชายคนนั้นปิดปากเธอไว้แน่นเพื่อไม่ให้พูดอะไรออกมา แล้วหันกลับไปหาเจ้านายตนเอง“มีอะไรครับนาย?”“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครมาวุ่นวายอะไร!”“อ๋อ! เธอแอบชอบผมครับ ผมไม่ชอบเธอ เธอเลยโวยวาย เดี๋ยวผมจัดการให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้ครับ” มาติชตอบ“เนื้อหอมแล้วนะแกเดี๋ยวนี้ จัดการให้เรียบร
คำพูดของเด็กชายส่งผลให้คนฟังถึงกับอึ้งพูดไม่ออก หลายปีที่ผ่านมาแม้ว่าเขาจะไม่ลืมเธอ แต่ก็ไม่เคยติดตามหาหรือสนใจ และไม่คิดว่าปรางค์ปรียาจะตั้งท้องลูกกับเขาด้วย ดันลืมนึกไป ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันไม่เคยป้องกันเลยสักครั้ง อยากนั่งอยู่ตรงนี้ต่อ แต่เขามีธุระต้องจัดการอีกมาก“ไทม์ตั้งใจเรียนนะครับ อามีธุระต้องไปทำ ไว้อาจะมาหาไทม์ใหม่นะ”“จะกลับแล้วเหรอครับ” เด็กชายถามเสียงแผ่วเห็นแววตาเด็กคนนี้แล้วลุคส์แทบไม่อยากไปไหน“ครับ เดี๋ยวอามาหาไทม์ใหม่นะ”“ครับคุณอา”ร่างเล็กถูกช้อนในอ้อมแขน ลุคส์พาเด็กชายไปส่งคุณครูแล้วขอตัวกลับทันทีปรางค์ปรียารีบกระหืดหระหอบมาโรงเรียน เมื่อเธอได้รับสายจากคุณครูว่ามีหนุ่มฝรั่งหน้าตาดีมาหาบุตรชาย หวังว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่คิด! ไม่นานนักร่างบางก็มาถึงโรงเรียนหญิงสาวรีบวิ่งไปด้านในจนบังเอิญชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งจนแทบล้ม เอวบางถูกคว้าไว้อย่างรวดเร็ว“ขอโทษนะคะฉันไม่ได้ตั้งใจ!”หญิงสาวขอโทษเขาทั้งๆ ที่ก้มหน้าอยู่“ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าเธอคงไม่ได้ตั้งใจ”สำเนียงภาษาไทยที่ค่อนข้างชัด แต่รู้ว่าเจ้าของคำพูดไม่ใช่คนไทย ส่งผลให้เธอเงยหน้าขึ้นมอง หญิงสาวชะงักรีบผลักเขาออกห่างด
ลุคส์กระตุกยิ้มสีหน้ายินดี เขาคิดไว้แล้วว่ายังไงเสียภูมิชัยต้องแนะนำปรางค์ปรียาให้แน่นอน เพราะไม่อยากให้บริษัทตนเองเสียหน้า จะต้องส่งมือดีมาทำงานกับเขาแน่“งั้นก็ดีครับ ผมตกลง ผมต้องการให้เลขาใหม่มาทำงานกับผมด่วนเลยนะครับ เพราะผมต้องไปติดต่องานอีกหลายที่” ลุคส์แสร้งบอกความจำเป็น ทั้งที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย เขาก็แค่ต้องการระลึกวันเก่าๆ กับผู้หญิงคนนั้นเท่านั้นเอง“ได้เลยครับ ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุดเลย”“ขอบคุณมากครับ ผมขอตัวก่อน” เขาลุกยืนแล้วออกมาจากห้องร่างบางสงบสติอารมณ์ตนเองเรียบร้อย เดินออกจากห้องน้ำเพื่อทำงาน พอนั่งประจำโต๊ะเพื่อจัดการติดต่อลูกค้า เสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้น“ปรางค์ปรียาพูดค่ะ”“คุณปรางค์คะ ท่านประธานเชิญให้มาพบค่ะ”“ค่ะพี่แวว” หญิงสาวตอบรับแล้ววางสายประตูห้องประธานเปิดออก เธอมาถึงนั่งลงตรงเก้าอี้หนังสีดำหน้าโต๊ะทำงานกระจก ภมิชัยยิ้มแย้มทักทายสีหน้าอ่อนโยนเช่นเคย “ท่านประธานมีอะไรจะให้ปรางค์ทำเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถาม“ปรางค์พ่ออยากให้หนูไปทำงานเป็นเลขาหุ้นส่วนบริษัทคนใหม่ หนูพอจะจำได้ใช่ไหม เขาเป็นคนฝรั่งเศสชื่อลุคส์ วันนั้นที่เรามีประชุมกัน พอดีหนูป่วยเลยไม่ได้
รถของกวินภพมาจอดรอหญิงสาวที่หน้าบ้าน ร่างบางรีบจูงมือบุตรชายขึ้นรถ ไทม์บอกลามารดาแล้วเดินเข้าโรงเรียนหลังจากรถมาจอดเทียบด้านหน้าโรงเรียน เขาขับรถมาจอดตรงลานกว้าง ปรางค์ปรียานั่งนิ่ง ไม่อยากเข้าไปทำงานเอาเสียเลย เธอรู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังเข้าสู่สนามรบ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องเข้าไป เพราะวันนี้เธอตั้งใจขอย้ายสาขาต่างจังหวัดเพื่อตัดปัญหาซะ เธอไม่อยากให้เขามายุ่งกับลูก คำพูดโหดร้ายเหล่านั้นยังคงสะท้อนในโสตประสาทเจ้าของรถเปิดประตูให้ เธอก้าวลงมาแต่กลับสะดุด ดีที่เขาประคองไว้“เป็นอะไรหรือเปล่าปรางค์ วันนี้ปรางค์ดูเหม่อๆ นะ”“เปล่าเราไม่ได้เป็นอะไรหรอกวิน แค่รู้สึกเพลียๆ แค่นั้นเอง”“เหรอ งั้นว่างๆ เดี๋ยวเราพาไปหาหมอก็แล้วกันนะ”กวินภพบอกด้วยความเป็นห่วงลุคส์นั่งมองทั้งสองผ่านกระจกรถ มือหนากำแน่นด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างแรง เขาเปิดประตูออกจากรถทันทีที่เห็นภาพนั้นด้วยความหงุดหงิด เธอยืนรอลิฟท์กับเพื่อนไม่นานนักลิฟท์ลงมาจอด หญิงสาวรีบเดินเข้าด้านในตัวลิฟท์โดยมีกวินภพยืนเคียงข้าง ประตูลิฟท์กำลังจะปิดลง แต่ร่างสูงใช้มือกั้นไว้แล้วแทรกตัวเข้าไปทันที หญิงสาวชะงักที่เห็นหน้า คนกลัวก้มหน้าแล้วข
พินอาภาวางสายลงแล้วรีบวิ่งไปที่รถ ขับออกไปจนคนในบ้านตกใจไปตามๆ กัน ได้ยินเสียงเพื่อนสะอื้นมาตามสายเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ไม่คิดว่าลุคส์จะหันกลับมาจองล้างจองผลาญปรางค์อีก ทั้งๆ ที่เรื่องทุกอย่างเพื่อนเธอไม่ผิดสักนิด แล้วเขามีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้เสียงรถเบรกดังสนั่น เจ้าของรถลงมาแล้วเปิดประตูรั้วบ้าน เดินก้าวฉับฉับด้วยความโมโหปนสงสารเพื่อน โกรธแทน กล้าดียังไงมายุ่งวุ่นวาย มาถึงห้องนั่งเล่นเห็นปรางค์กำลังร่ำไห้โดยมีบุตรชายคอยปลอบ“ไทม์ไปนอนก่อนนะครับ เดี๋ยวน้าจะดูแม่ให้เอง”พินอาภาบอกหลานชาย“ครับน้าพิน”เด็นชายรับคำเสียงเศร้าแล้วเดินขึ้นชั้นสอง ไม่วายหันมามองแม่ด้วยความเป็นห่วงกุมมือเพื่อนไว้แล้วโอบไหล่ ไม่รู้จะทำยังไง ความจริงอยากให้พ่อยกเลิกสัญญาของบริษัทซะ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะหากทำแบบนั้นบริษัทจะถูกฟ้องร้องเป็นจำนวนเงินมหาศาล หากบิดาเธอรู้เรื่องนี้เข้า เธอมั่นใจว่าท่านจะต้องยกเลิกสัญญานั้นแน่ และมันอาจส่งผลให้ผู้คนมากมายต้องตกงาน เธอทำแบบนั้นไม่ได้ พ่อเป็นคนแน่วแน่ บุญคุณต้องทดแทน ครอบครัวเธอสัญญากันแล้วว่าจะไม่ให้ปรางค์ต้องทุกข์อีก ทว่าเธอกลับทำผิด ช่วยเพื่อนไม่ได้ มิหนำซ้ำยังต้องใ
ลุคส์เดินเข้าไปกระชากท่อนแขน แล้วรวบเอวบางไว้แน่น ดวงตากร้าวแข็งขึ้น ริมฝีปากหนายิ้มเหยียดออกมาเมื่อรู้สึกถึงอาการสั่นสะท้าน“เธอยังไม่ลืมฉันใช่ไหม ถึงได้สั่นแบบนี้...”เขาเย้ยหญิงสาวรีบดันแผงอก หันหน้าหนี พยายามดิ้นรนให้พ้นจากการกอดรัด แต่เธอรู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์“ฉันขอร้อง... ปล่อยฉันไปเถอะ... อย่าทำร้ายฉันอีกเลย ฉันทรมานเพราะคุณมามากแล้ว ฮือๆๆๆ”ปรางค์ปรียาอ้อนวอนพร้อมกับสะอื้นออกมา“เด็กคนนั้นเป็นลูกของฉันใช่ไหม?”เขาถาม“ไม่! เขาไม่ใช่ลูกคุณ!”หญิงสาวปฏิเสธทันควันเสียงเอะอะหน้าบ้านส่งผลให้ร่างเล็กรีบวิ่งออกมา เด็กน้อยยืนนิ่งเมื่อเห็นแม่กำลังร้องไห้ต่อหน้าผู้ชายร่างสูงใหญ่ ดูเหมือนเป็นคนต่างชาติ“แม่ครับ...”เด็กชายเรียกแม่เสียงเล็กๆ ทำให้ทั้งสองหันมามอง ลุคส์จ้องมองไปยังร่างเล็กแล้วพิจารณาดู ไม่ผิดแน่ลักษณะของเด็กคนนี้มีเค้าโครงเหมือนเขาตอนเด็กมาก สีผมของเด็กคนนั้นก็คล้ายกับเขา จะให้คิดว่าเป็นลูกคนอื่นได้ยังไง นอกจากผู้หญิงคนนี้จะไปมีความสัมพันธ์กับชาวต่างชาติคนอื่นที่ไม่ใช่เขาเธอชะงักเมื่อเห็นบุตรชายเดินมา ไทม์มองแม่แววตาสับสนผสมกับความหวาดหวั่น เขาไม่ชอบเลยผู้ชายคนนี้เป็นใคร
ลุคส์ขบกรามแน่น คิดแล้วไม่ผิดว่าต้องเป็นเธอ... การประชุมเริ่มขึ้นชายหนุ่มจึงหันไปสนใจกับงานแทน เขาจำต้องอดทนฟังหลายชั่วโมงผ่านไปจนกระทั่งจบ ชายหนุ่มรีบเดินออกจากห้อง แต่กลับไม่พบคนที่ต้องการจเอ ภูมิชัยมองตามด้วยความสงสัยก้าวเข้ามายืนเคียงหุ้นส่วนคนใหม่“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”ภูมิชัยถาม“เปล่าครับ”“ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกผมได้นะครับ”ชายหนุ่มลังเลเล็กน้อย เปิดปากถามคำถามภูมิชัยออกไปด้วยความสงสัย“ผู้หญิงที่เดินออกจากห้องมา เธอทำหน้าที่อะไรเหรอครับ?”ลุคส์ถาม“ผู้หญิงคนไหนเหรอครับ?”ภูมิชัยถาม เพราะผู้หญิงที่ออกมาจากห้องมีสองคน“คนที่เหมือนว่าจะไม่สบายน่ะครับ?”“อ๋อ ปรางค์ปรียาน่ะเหรอครับ เธอเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดของที่นี่ พอดีเธอเป็นเพื่อนลูกสาวของผม ผมเลยไหว้วานให้เธอช่วยเป็นเลขาจำเป็นแทนลูกสาวผมในวันนี้ครับ”ลุคส์มีสีหน้าครุ่นคิด พยักหน้าช้าพร้อมกับกล่าวขอบคุณภูมิชัย แล้วหันหลังเดินออกมา ภูมิชัยงุนงงๆ กับท่าทีของเขา“ใช่เธอจริงๆ ด้วยสินะปรางค์ปรียา” ชายหนุ่มพึมพำกับตนเองกวินภพรีบจูงมือเด็กชายมาที่บ้าน ปรางค์ปรียาเมื่อเห็นบุตรชายตนเองร่างบางรีบตรงเข้าไปกอดไว้พร้อมกับสะอื้น ไทม์มองมาร
รถยนต์แล่นตามเส้นทาง ลุคส์เหม่อมองวิวเมืองไทยจนกระทั่งรถขับผ่านโรงเรียนประถมเอกชนแห่งหนึ่ง ปรางค์ปรียาจูงมือลูกออกมาจากโรงเรียนพร้อมกับเพื่อน การจราจรหยุดชะงักอยู่ด้านหน้าโรงเรียน ลุคส์ยังคงมองวิวเหมือนเดิม แต่ฉับพลันสายตากลับหยุดลง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันลมหายใจขาดหายเป็นห้วงๆ มือสั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อภาพที่เห็นทำให้เขาคิดว่าตนนั้นกำลังฝันอยู่ ชายหนุ่มพยายามตั้งสติ จ้องมองภาพของผู้หญิงคนหนึ่งจูงมือเด็กผู้ชายแล้วหยุดอยู่หน้าโรงเรียน ตัดสินใจขยับกายไปชิดหน้าต่างแล้วจ้องมองอย่างเอาเป็นเอาตายอีกครั้ง หัวใจเขากำลังเต้นตุบๆ ไม่เป็นจังหวะเมื่อยิ่งมองเขาก็ยิ่งมั่นใจ จำไม่ผิดแน่เป็นเธอแน่ๆ ผู้หญิงที่เขาไม่เคยลืมจนถึงตอนนี้ บอดี้การ์ดหนุ่มเหลือบมองนายตนด้วยความรู้สึกสงสัยกับท่าทีที่เปลี่ยนไป จึงหัน มองวิวนอกหน้าต่างที่เจ้านายให้ความสนใจอยู่ ดวงตาคมกริบเบิกกว้างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้เห็นลุคส์จ้องมองทุกการกระทำทุกอากัปกิริยา แล้วมองเลยไปถึงเด็กชายที่กำลังจูงมือเธอแน่น สายตาจ้องมองเด็กชายไม่วางตา เด็กคนนั้นหน้าตาผิวพรรณไม่ได้เกิดจากพ่อซึ่งเป็นชาวเอเชียแน่ เกิดอะไรขึ้น เด็กคนนั้นเป็นใคร
ชายหนุ่มยืนนิ่งทอดสายตา มองไปยังวิวแม่น้ำเจ้าพระยา จากโรงแรมหรูระดับห้าดาว มือหนากอดอกขึ้นอย่างใช้ความคิด ใบหน้าของหญิงสาว ที่เขาไม่เคยลืม และรสสัมผัสนั้นยังคงตราตึง อยู่ในความรู้สึกไม่เคยจาง เวลานี้เขายืนอยู่ในประเทศเดียวกันกับเธอแล้ว แล้วเธออยู่ที่ไหนกัน เขาจะสามารถหาเธอเจอได้หรือเปล่า บางทีเวลานี้ผู้หญิงคนนั้นอาจแต่งงานไปกับใครสักคนแล้วก็เป็นได้ลุคส์ถอนหายใจออกมา แล้วนั่งลงบนเก้าอี้กำมะหยี่มือหนาคว้าเอกสารตรงหน้าขึ้นมาแล้วกวาดสายตาอ่านทุกตัวอักษร เข้ามาลงทุนทำธุรกิจส่งออกรถที่ประเทศไทยและต้องการตัวแทนจำหน่าย เขารู้สึกถูกใจบริษัทนี้ที่มีระบบการทำงานที่ดีและมีเสถียรภาพ หากได้ร่วมงานกันคงทำให้ธุรกิจรุดหน้าไปไกลมากขึ้นอีก“มาติช ไปตามคุณวิศรุตมาคุยกับผมหน่อย”“ได้ครับ” มาติชรับคำเจ้านายแล้วก้าวออกไปครู่ใหญ่ชายรูปร่างสันทัดผิวขาวสวมแว่นก้าวเข้ามาในห้อง วิศรุตนั่งลงตรงข้ามเจ้าของห้อง ลุคส์หยิบเอกสารให้ดู“ช่วยติดต่อบริษัทนี้ให้ผมหน่อย ผมต้องการร่วมหุ้นกับเขา“ได้ครับคุณลุคส์”“ได้เรื่องยังไงรายงานผมด้วยนะ ผมจะได้จัดการเอกสารสัญญาการรวมทุนกัน”“ครับ”วิศรุตก้มศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินออกนอก