ลุคส์กระตุกยิ้มสีหน้ายินดี เขาคิดไว้แล้วว่ายังไงเสียภูมิชัยต้องแนะนำปรางค์ปรียาให้แน่นอน เพราะไม่อยากให้บริษัทตนเองเสียหน้า จะต้องส่งมือดีมาทำงานกับเขาแน่“งั้นก็ดีครับ ผมตกลง ผมต้องการให้เลขาใหม่มาทำงานกับผมด่วนเลยนะครับ เพราะผมต้องไปติดต่องานอีกหลายที่” ลุคส์แสร้งบอกความจำเป็น ทั้งที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย เขาก็แค่ต้องการระลึกวันเก่าๆ กับผู้หญิงคนนั้นเท่านั้นเอง“ได้เลยครับ ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุดเลย”“ขอบคุณมากครับ ผมขอตัวก่อน” เขาลุกยืนแล้วออกมาจากห้องร่างบางสงบสติอารมณ์ตนเองเรียบร้อย เดินออกจากห้องน้ำเพื่อทำงาน พอนั่งประจำโต๊ะเพื่อจัดการติดต่อลูกค้า เสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้น“ปรางค์ปรียาพูดค่ะ”“คุณปรางค์คะ ท่านประธานเชิญให้มาพบค่ะ”“ค่ะพี่แวว” หญิงสาวตอบรับแล้ววางสายประตูห้องประธานเปิดออก เธอมาถึงนั่งลงตรงเก้าอี้หนังสีดำหน้าโต๊ะทำงานกระจก ภมิชัยยิ้มแย้มทักทายสีหน้าอ่อนโยนเช่นเคย “ท่านประธานมีอะไรจะให้ปรางค์ทำเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถาม“ปรางค์พ่ออยากให้หนูไปทำงานเป็นเลขาหุ้นส่วนบริษัทคนใหม่ หนูพอจะจำได้ใช่ไหม เขาเป็นคนฝรั่งเศสชื่อลุคส์ วันนั้นที่เรามีประชุมกัน พอดีหนูป่วยเลยไม่ได้
คำพูดของเด็กชายส่งผลให้คนฟังถึงกับอึ้งพูดไม่ออก หลายปีที่ผ่านมาแม้ว่าเขาจะไม่ลืมเธอ แต่ก็ไม่เคยติดตามหาหรือสนใจ และไม่คิดว่าปรางค์ปรียาจะตั้งท้องลูกกับเขาด้วย ดันลืมนึกไป ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันไม่เคยป้องกันเลยสักครั้ง อยากนั่งอยู่ตรงนี้ต่อ แต่เขามีธุระต้องจัดการอีกมาก“ไทม์ตั้งใจเรียนนะครับ อามีธุระต้องไปทำ ไว้อาจะมาหาไทม์ใหม่นะ”“จะกลับแล้วเหรอครับ” เด็กชายถามเสียงแผ่วเห็นแววตาเด็กคนนี้แล้วลุคส์แทบไม่อยากไปไหน“ครับ เดี๋ยวอามาหาไทม์ใหม่นะ”“ครับคุณอา”ร่างเล็กถูกช้อนในอ้อมแขน ลุคส์พาเด็กชายไปส่งคุณครูแล้วขอตัวกลับทันทีปรางค์ปรียารีบกระหืดหระหอบมาโรงเรียน เมื่อเธอได้รับสายจากคุณครูว่ามีหนุ่มฝรั่งหน้าตาดีมาหาบุตรชาย หวังว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่คิด! ไม่นานนักร่างบางก็มาถึงโรงเรียนหญิงสาวรีบวิ่งไปด้านในจนบังเอิญชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งจนแทบล้ม เอวบางถูกคว้าไว้อย่างรวดเร็ว“ขอโทษนะคะฉันไม่ได้ตั้งใจ!”หญิงสาวขอโทษเขาทั้งๆ ที่ก้มหน้าอยู่“ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าเธอคงไม่ได้ตั้งใจ”สำเนียงภาษาไทยที่ค่อนข้างชัด แต่รู้ว่าเจ้าของคำพูดไม่ใช่คนไทย ส่งผลให้เธอเงยหน้าขึ้นมอง หญิงสาวชะงักรีบผลักเขาออกห่างด
สายตากวาดมองรอบๆ หยุดที่บอดี้การ์ดของลุคส์ มาติชสบตาเข้ากับพินอาภาแล้วระบายลมหายใจ เธอรีบสาวเท้าเดินไปหาแล้วกระชากคอเสื้อเขาไว้ด้วยความโมโห“เจ้านายของนายใช่ไหม ที่ทำให้เพื่อนฉันเป็นแบบนี้ เมื่อไหร่จะเลิกวุ่นวายกับเพื่อนฉัน!”เธอตวาดเขาลั่นเขาแกะมือที่กำลังติดหนึบกับคอเสื้อ แล้วขบกรามแน่น เธอไม่รู้เรื่องหรือไงถึงได้มาหาเรื่องเจ้านายเขาถึงที่นี่ เขาไม่อยากให้เธอมารับเคราะห์เหมือนผู้หญิงคนนั้นอีกคน“อย่ามาวุ่นวายดีกว่าคุณ ผมไม่อยากให้คุณเดือดร้อน”เขาเตือน“ฉันไม่กลัว ที่นี่ประเทศไทย เจ้านายของนายใหญ่แค่ไหนฉันก็ไม่กลัว!”ลุคส์มองดูผู้หญิงเดินมากระชากคอเสื้อลูกน้องเขาด้วยความสงสัยเพราะรู้สึกคุ้นหน้า น่าแปลกมาติชไม่ทำอะไรนอกจากสนทนาด้วยดีๆ ดูท่าผู้หญิงคนนี้คงไม่ธรรมดา เขาลดกระจกลง“มาติช!”พินอาภาอ้าปากจะต่อว่าเขา แต่กลับถูกชายคนนั้นปิดปากเธอไว้แน่นเพื่อไม่ให้พูดอะไรออกมา แล้วหันกลับไปหาเจ้านายตนเอง“มีอะไรครับนาย?”“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครมาวุ่นวายอะไร!”“อ๋อ! เธอแอบชอบผมครับ ผมไม่ชอบเธอ เธอเลยโวยวาย เดี๋ยวผมจัดการให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้ครับ” มาติชตอบ“เนื้อหอมแล้วนะแกเดี๋ยวนี้ จัดการให้เรียบร
ลุคส์นั่งรอผลอยู่ที่โรงพยาบาล หลังจากพยาบาลโทรมานัดหมาย เสียงเรียกเข้าพบทำให้ชายหนุ่มลุกเดินเข้าในห้องรอฟังผลการตรวจดีเอ็นเอ เขาจ้องมองผลการตรวจในแผ่นกระดาษที่หมอส่งให้ หัวใจกำลังสั่นรัว เมื่อผลออกมาว่าไทม์เป็นบุตรชายของเขาแน่นอน ร่างสูงใหญ่เดินออกมายืนอยู่หน้าโรงพยาบาลแล้วสูดหายใจเข้าเต็มปอด มันเป็นความรู้สึกยินดี อิ่มเอม แล้วก็เป็นสุขอย่างบอกไม่ถูก“เธอไม่มีวันหนีฉันพ้นหรอกปรางค์ปรียา ไทม์เป็นลูกของฉัน”เขาคิดในใจอย่างลิงโลดชายหนุ่มกลับมาทำงาน ปรางค์ปรียารับเอกสารจากภูมิชัยมาเพื่อให้เขาเซ็น ร่างบางก้าวเดินมาหาเขาอย่างยากเย็น เหงื่อกำลังแตก มือบางเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งก็ไม่ปาน เสียงเคาะประตูทำให้ลุคส์เหลือบมอง เขาเห็นร่างบางที่คุ้นเคยเปิดประตูเข้ามา เจ้าของห้องกระตุกยิ้มมุมปากปรางค์ปรียารีบวางเอกสารตรงหน้า เธออยากให้เขาเซ็นได้รีบออก อึดอัดกับสายตาและท่าทาง ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรอีก“อะไร!”“เอกสารค่ะ คุณภูมิชัยต้องการให้คุณเซ็น”เธอบอกเขาเขาหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านแล้วปิดมันลง พร้อมกับเหลือบมองหญิงสาวที่กำลังยืนสั่นอยู่ตรงหน้า“กลัวผมมากหรือไงปรางค์ปรียา?”“ปะ...เปล่าค่ะ”“วันนี้คุณต้องออ
ลุคส์สบตาผ่านม่านน้ำตา พยายามระงับอารมณ์โกรธ ก็แค่ต้องการให้ลูกรู้ว่าเขามีพ่อ แต่ไทม์ได้รับการเลี้ยงดูมาโดยแม่ของเขา หากต้องการใกล้ชิดกับลูกเขาคงต้องให้ปรางค์ปรียาช่วย ไทม์ไม่ใช่เด็กโง่ คงรู้ว่าเขานั้นเคยทำไม่ดีต่อแม่ และเด็กคนนั้นคงไม่มีทางยอมรับเขาเป็นพ่อแน่นอน“ฉันต้องการให้เธอกับลูกย้ายไปอยู่กับฉัน”“ไม่! ฉันไม่ไปเด็ดขาด!”หญิงสาวค้าน“ถ้าเธอไม่หุบปากฟังฉันให้จบ ฉันจะไม่ตกลงอะไรกับเธออีกแล้วปรางค์ปรียา!”เธอหุบปากลงทันทีที่ได้ยินเสียงขู่ อดทนฟังสิ่งที่เขากำลังพูด“ฉันต้องการให้ไทม์รู้ว่าฉันเป็นพ่อของเขา เพราะฉะนั้นเธอต้องช่วยฉัน ฉันจะให้เธอเข้าไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน ฉันอยากทำความคุ้นเคยกับลูก ไม่อยากให้ลูกคิดว่าตัวเองไม่มีพ่ออีกแล้ว ส่วนเธอก็ต้องแสดงเป็นภรรยาที่ดีของฉันต่อหน้าไทม์ด้วย ถ้าหากเธอยอมฉันจะเลิกคิดที่จะเอาลูกไปฝรั่งเศสด้วย แต่ถ้าหากไม่ตกลง เราเจอกันที่ศาล ต่อให้ฉันผิดและไม่มีโอกาสชนะในการฟ้องร้อง แต่เธอก็น่าจะรู้ว่าอำนาจเงินน่ะ มันสามารถบันดาลอะไรก็ได้ใช่ไหมปรางค์ปรียา”เธอพูดอะไรไม่ออก หากไม่ยอมต้องเสียลูกไปแน่ แล้วถ้าหากยอม ไทม์จะมีพ่อ แต่เธอจะต้องทนให้เขาข่มเหงรังแก จะเ
ลุคส์ขยับกายแล้วควานหาร่างบางที่นอนอยู่ข้างกายเขาแต่กลับว่างเปล่า ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองหาเขาเห็นเธอกำลังนอนหลับอยู่ที่มุมห้อง ชายหนุ่มกระตุกยิ้มพลันนึกถึงอดีตที่เคยอยู่ด้วยกัน ร่างสูงใหญ่สาวเท้าเดินตรงเข้าไปหาแล้วช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขนวางลงบนเตียง ใช้มือเกลี่ยเส้นผมออกจากใบหน้าเนียนเบาๆ เขาไม่อาจแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นได้ เขาไม่กล้าพอที่จะรักใคร แต่ทำไม... กับเธอคนนี้เขาถึงห้ามใจตัวเองไม่ได้เลยเสียงโทรศัพท์ของหญิงสาวดังขึ้น ร่างบางสะดุ้งแล้วลืมตามือบางไขว่คว้าหาโทรศัพท์ด้วยความเคยชินเพราะคิดว่าตนเองอยู่ในห้องนอน เธอลูบคลำไปทั่วมือบางชะงัก คิ้วบางขมวดเข้าหากันเมื่อรู้สึกว่ามือตนเองกำลังจับอะไรบางอย่างอยู่ ลุคส์ลืมตาขึ้นเมื่อพบว่ามือของหญิงสาวอยู่บนแผงอกที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามของเขา หญิงสาวเงยหน้ามองจนเผลอสบตาเข้าพอดี เธอรีบชักมือกลับด้วยความตกใจแล้วพยายามหาโทรศัพท์ตนเองต่อไป“หาอะไร!”ลุคส์ถามเสียงเข้ม“โทรศัพท์ของฉัน!”“เอาไปทำไม เดี๋ยวก็จะกลับกันแล้ว”เขาบอก“โทรศัพท์ฉันอยู่ที่ไหน ไทม์อาจจะโทรมาก็ได้!”เธอบอกเขาเสียงสั่นท่าทีร้อนรนเขาคว้าโทรศัพท์เธอมาดูแล้วเพ่งมองลงไป เขาจำต้องใช้เวลา
ลุคส์กัดฟันแน่นพยายามข่มใจไม่ให้แสดงอะไรออกมา ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึก แต่หนทางเดียวที่จะรั้งเธอกับลูกไว้ได้คือการใช้อำนาจเงินทั้งหมดที่เขามี“หยุดร้องได้แล้ว ฉันไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นหรอก ฉันแค่ต้องการให้ไทม์ไปอยู่กับฉันเท่านั้น แต่ฉันไม่เคยพูดคุยดูแลลูกมาก่อนเลย ฉันเลยต้องการให้เธอช่วยก็แค่นั้น”ชายหนุ่มบอกเสียงเบา“แต่คุณบอกว่าฉันต้องนอนกับคุณด้วย!” หญิงสาวเถียง“ก็ใช่! ถ้าเธอไม่นอนห้องเดียวกับฉัน แล้วไทม์จะเชื่อเหรอว่าฉันเป็นพ่อของเขา ทั้งๆ ที่ฉันก็เป็นจริงๆ นั้นแหละ!”ปรางค์ปรียาหยุดสะอื้น แปลกใจกับถ้อยคำและท่าทีที่อ่อนลง แม้ว่าเขาจะมีเหตุผลก็ตาม แต่เธอไม่ต้องการเป็นที่ระบายความใคร่ ก็เขามองเห็นเธอเป็นแค่เพียงผู้หญิงที่ไม่มีค่าไม่มีความหมายอะไร แล้วทำไมต้องนอนทอดกายให้เชยชมด้วย“ถ้าฉันนอนห้องเดียวกับคุณ แต่เราสองคนไม่มีความสัมพันธ์กันได้ไหมล่ะคะ?”หญิงสาวลองหยั่งเชิง“แล้วเธอคิดว่าได้ไหมล่ะ?”เขาย้อนถามคนถามเงียบกริบ เธอไม่เคยคิดจะคบหากับผู้ชายคนไหน เพราะใจเธอยังรู้สึกปวดร้าวกับเหตุการณ์ในอดีตอยู่ แผลที่เขาได้ทำกับเธอไว้มันลึกเกินกว่าที่ใครจะมาเยียวยารักษาให้หายได้ เกือบหกปีทีเธอไม่เคยม
เธอกัดฟันทนกับคำสั่งของเขา ทำได้แค่ทำตามเขาเธอรู้ อำนาจเงินเขามันมากล้นฟ้า เธอสู้อะไรไม่ได้หรอก ความหวังเดียวคือการได้อยู่กับลูกเท่านั้น ต่อให้เขาย่ำยีเธอมากเท่าไหร่ก็ต้องทนเพื่อไทม์ทันทีที่รถของชายหนุ่มจอด พินอาภารีบวิ่งออกมาแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นลุคส์เปิดประตูรถออกมาพร้อมกับเพื่อนของตนเอง ร่างบางรีบเดินมาหามองหน้าเพื่อนอย่างไม่เชื่อสายตา ปรางค์ปรียายืนก้มหน้านิ่งไม่กล้าสบตาเพื่อนเพราะกลัวคำถาม“พิน... ไทม์อยู่ไหนเหรอ?”“แม่ครับ!”ไทม์วิ่งออกมาจากตัวบ้านแล้วกระโจนกอดมารดาทันที“เป็นไงบ้างครับลูกชายของแม่ อยู่กับน้าพินสนุกไหม”“สนุกครับแม่”ลุคส์ลอบมองบุตรชาย ในขณะที่ไทม์เองก็หยุดชะงักแล้วหันมามองเขาเช่นกัน เด็กชายรู้สึกแปลกใจที่เห็นเขาในวันนี้“คุณอา มาทำอะไรที่นี่ครับ”“อามาหาไทม์กับแม่ไงครับ”พินอาภารีบลากเพื่อนตนเองออกไปทันที โดยปล่อยให้ชายหนุ่มอยู่กับบุตรชายตนเอง ลุคส์รีบอุ้มไทม์ไว้ก่อนพาเดินไปนั่งเล่นที่ม้านั่งในสวน“ปรางค์หมายความว่ายังไงเราไม่เข้าใจเลย!”พินอาภาถามเสียงสั่น“พินเรามีข้อตกลงกับเขา เราคงต้องไปอยู่กับเขาที่บ้าน เพราะถ้าหากเราไม่ไปเขาจะเอาไทม์ไปจากเรา” เธอตอบเ
เช้ารุ่งของวันใหม่หญิงสาวสลึมสลือลืมตาขึ้นมา ลุกพรวดด้วยความตกใจ แล้วรีบมองหาคนที่นอนอยู่เคียงข้างทั้งคืน แต่เตียงกว้างกลับว่างเปล่าเมื่อเขาหายไป เธอรีบวิ่งเร่งฝีเท้าเข้าห้องบุตรชายด้วยความตระหนก เมื่อเปิดประตูห้องนอนกลับพบแต่เพียงความว่างเปล่า รีบวิ่งลงไปชั้นล่าง หัวใจของคนเป็นแม่กำลังร้อนรุ่ม“แม่ครับ!”เด็กชายเรียกมารดาโบกมือให้ขณะอยู่ที่โต๊ะอาหารปรางค์ปรียาชะงักรับปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เดินมาหาบุตรชาย เห็นเขากำลังนั่งทานอาหารกับลูก เมื่อคืนเธอเพลียมากจนหลับไม่รู้เรื่องเลย“ตื่นนานแล้วเหรอครับลูกชายแม่” คนเป็นแม่ถามแล้วลูบศีรษะบุตรชายแผ่วเบา“ไม่นานหรอกครับ พ่อไปปลุกผม”ปรางค์ปรียาหันมองเขา ดวงตาสองคู่ผสานกัน นัยน์ตาสีฟ้าทำให้เธอชะงักไปชั่วครู่ รีบเมินหน้าหนี แปลกใจที่เขาไม่ได้พาลูกหนีอย่างที่คิดตั้งแต่ตอนแรก หญิงสาวมองดูบุตรชายคิ้วเริ่มขมวด เมื่อเห็นใส่ชุดนักเรียนเรียบร้อย ช้อนสายตามองเขาด้วยควาสงสัย“ไทม์ ลูกเอาชุดนักเรียนมาจากไหนครับ”“พ่อเอามาให้ครับ”เหลือบมองชายหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม คงไม่แปลกอะไร เพราะเขาร่ำรวยมหาศาลแค่ชุดนักเรียนของลูก ทำไมจะหามาไม่ได้ เธอแหงนมองนาฬิกาเร
“พ่อไปไหนมา ผมอยากเจอพ่อมาตลอด... ทำไมพ่อไม่มาหาไทม์ให้เร็วกว่านี้ล่ะครับ แม่จะได้ไม่ต้องร้องไห้เพราะผม...” ไทม์สะอื้นออกมา“พ่อขอโทษนะลูก พ่อไม่ได้ตั้งใจ... ไทม์อย่าโกรธพ่อได้ไหมลูก”“ไทม์ไม่โกรธพ่อหรอกนะครับ ไทม์แค่สงสารแม่... แม่ต้องอดทนเพื่อไทม์มาตลอดเลยนะครับพ่อ...”“พ่อจะไม่ทิ้งไทม์กับแม่ไปอีกนะลูก”ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ที่เขากอดลูกชายไว้อย่างนั้น แต่เวลานี้เด็กชายตัวน้อยกลับหลับไปในอ้อมกอดของคนเป็นพ่อไปเรียบร้อยแล้ว ปรางค์ปรียามองภาพนั้นด้วยความอิ่มเอม“พาลูกขึ้นไปนอนก่อนเถอะค่ะ”ลุคส์อุ้มลูกไว้เดินขึ้นไปที่ชั้นบนของบ้าน ชายหนุ่มหยุดยืนหน้าประตูห้องที่มีสีสันสวยงาม มือบางกำลูกบิดแล้วเปิดให้เขาพาลูกเข้าไปในห้องนอน ร่างเล็กถูกวางไว้บนเตียงขนาดพอเหมาะ ลุคส์จัดการรั้งผ้าห่มมาคลุมตัวบุตรชายไว้แล้วลูบศีรษะเบาๆ ไฟในห้องถูกปิดพร้อมกับประตูห้องนอน“เราก็คงต้องเข้านอนได้แล้ว”ชายหนุ่มเริ่มสั่ง“วันนี้ฉันนอนกับลูกได้ไหม?”“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวไทม์สงสัยไปนอนกันเถอะ”มือบางถูกดึงไปที่ห้องพร้อมกับเขา เธอไม่อยากดื้อดึงหรือขัดขืนอีกต่อไปแล้ว เพราะตลอดเวลาผ่านมามันไม่มีประโยชน์เลย ทันทีที่
ลุคส์ลอบมองบุตรชาย ในขณะที่ไทม์เองก็หยุดชะงักแล้วหันมามองเขาเช่นกัน เด็กชายรู้สึกแปลกใจที่เห็นเขาในวันนี้“คุณอา มาทำอะไรที่นี่ครับ”“อามาหาไทม์กับแม่ไงครับ”พินอาภารีบลากเพื่อนตนเองออกไปทันที โดยปล่อยให้ชายหนุ่มอยู่กับบุตรชายตนเอง ลุคส์รีบอุ้มไทม์ไว้ก่อนพาเดินไปนั่งเล่นที่ม้านั่งในสวน“ปรางค์หมายความว่ายังไงเราไม่เข้าใจเลย!”พินอาภาถามเสียงสั่น“พินเรามีข้อตกลงกับเขา เราคงต้องไปอยู่กับเขาที่บ้าน เพราะถ้าหากเราไม่ไปเขาจะเอาไทม์ไปจากเรา” เธอตอบเพื่อนเสียงเครือ“อะไรนะ!”“เราทำอะไรไม่ได้หรอกพิน เราคงต้องยอมเขา ถ้าหากเราดึงดันเขาจะฟ้องศาล พินก็รู้ว่าเขามีอำนาจมากแค่ไหน เราไม่ยอมเสียไทม์ไปเด็ดขาดพิน” กลืนก้อนสะอื้นไว้ แล้วข่มกลั้นน้ำตา เธอไม่อยากอ่อนแอไปมากกว่านี้พินอาภากัดริมฝีปากโอบไหล่เพื่อนไว้เพื่อปลอบ ช่วยเพื่อนไม่ได้เลย ทำไมลุคส์ถึงไม่เลิกยุ่งกับปรางค์เสียที ผู้ชายคนนั้นจะตามทำร้ายเพื่อนเธอไปถึงไหนกัน“ปรางค์... แน่ใจแล้วใช่ไหมที่จะไปอยู่ที่นั้น”“แน่ใจแล้วพิน ปรางค์คงต้องไปอยู่กับเขาเพื่อลูก...”“ขอโทษนะ ที่ช่วยอะไรไม่ได้อีกแล้ว”พินอาภาบอกเพื่อนเสียงสั่น“ไม่เป็นไรหรอกพิน เรารู้ดีว่
ลุคส์กัดฟันแน่นพยายามข่มใจไม่ให้แสดงอะไรออกมา ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึก แต่หนทางเดียวที่จะรั้งเธอกับลูกไว้ได้คือการใช้อำนาจเงินทั้งหมดที่เขามี“หยุดร้องได้แล้ว ฉันไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นหรอก ฉันแค่ต้องการให้ไทม์ไปอยู่กับฉันเท่านั้น แต่ฉันไม่เคยพูดคุยดูแลลูกมาก่อนเลย ฉันเลยต้องการให้เธอช่วยก็แค่นั้น”ชายหนุ่มบอกเสียงเบา“แต่คุณบอกว่าฉันต้องนอนกับคุณด้วย!” หญิงสาวเถียง“ก็ใช่! ถ้าเธอไม่นอนห้องเดียวกับฉัน แล้วไทม์จะเชื่อเหรอว่าฉันเป็นพ่อของเขา ทั้งๆ ที่ฉันก็เป็นจริงๆ นั้นแหละ!”ปรางค์ปรียาหยุดสะอื้น แปลกใจกับถ้อยคำและท่าทีที่อ่อนลง แม้ว่าเขาจะมีเหตุผลก็ตาม แต่เธอไม่ต้องการเป็นที่ระบายความใคร่ ก็เขามองเห็นเธอเป็นแค่เพียงผู้หญิงที่ไม่มีค่าไม่มีความหมายอะไร แล้วทำไมต้องนอนทอดกายให้เชยชมด้วย“ถ้าฉันนอนห้องเดียวกับคุณ แต่เราสองคนไม่มีความสัมพันธ์กันได้ไหมล่ะคะ?”หญิงสาวลองหยั่งเชิง“แล้วเธอคิดว่าได้ไหมล่ะ?”เขาย้อนถามคนถามเงียบกริบ เธอไม่เคยคิดจะคบหากับผู้ชายคนไหน เพราะใจเธอยังรู้สึกปวดร้าวกับเหตุการณ์ในอดีตอยู่ แผลที่เขาได้ทำกับเธอไว้มันลึกเกินกว่าที่ใครจะมาเยียวยารักษาให้หายได้ เกือบหกปีทีเธอไม่เคยมอ
พินอาภาครุ่นคิดก่อนจะยอมขยับกายแต่ว่า... มันเจ็บคงเป็นไปไม่ได้หรอกที่เธอจะเดินไป บอดี้การ์ดหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่สบอารมณ์อย่างแรงทำไมต้องมาซวยเจอเธอก็ไม่รู้“ขี่หลังผมไปแทนก็แล้วกัน...”เขากัดฟันพูดเขาย่อกายลง พินอาภาล้มตัวลงบนหลังพลางโอบรัดรอบคอเขาแน่น ท่อนแขนของเขารั้งเรียวขาไว้เพื่อความมั่นคง ใบหน้าเธอกำลังแดง แต่เมื่อเห็นเขาไม่ได้มีท่าทีอะไรใจที่เต้นโครมครามค่อยสงบลงทันทีที่ถึงบ้านร่างบางรีบตะเกียกตะกายหาเสื้อผ้าเพื่อนตนเองทันที แต่... มันไม่มีเลย เธอจะทำยังไงดีจะให้ใส่เสื้อผ้าแบบนี้เหรอ บอดี้การ์ดคนอื่นก็เริ่มมองมาที่เธอแล้ว“ไม่มีเลยแล้วฉันจะใส่อะไร!”มาติชเดินไปที่ห้องตนเอง ก่อนคว้าเสื้อกับกางเกงขาสั้นให้กับเธอ หญิงสาวรับมาอย่างงงๆ แต่ก็ย่อมดีกว่าไอ้แจ็กเก็ตหนังที่ใส่อยู่“รถคุณจอดไว้ที่นี่ก่อนเดี๋ยวผมจะไปส่งคุณที่บ้าน หรือคุณอยากจะไปหาหมอ?”“ไม่ค่ะ ฉันอยากกลับบ้าน”เขาเดินนำหญิงสาวออกมาด้านนอกพลางสตาร์ทรถรอ พินอาภารีบนั่งลงข้างคนขับเขาเหยียบคันเร่งรถออกไปทันที... อาการจุกแน่นของเธอเริ่มดีขึ้นมากแล้วเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขาแล้วรู้สึกดีใจหากวันนี้คู่อริเธอไม่มาช่วยไว้ป่า
เสียงเล็กๆ กำลังเรียกเขาทำให้เขาตื่นจากภวังค์อันแสนโหดร้าย รอยยิ้มดูสดใสบริสุทธิ์ยิ่งทำให้ใจเขาชุ่มชื่น นี่เป็นความสุขครั้งแรกที่เขาได้รับมาในชีวิต เขาอยากให้ความสุขแบบนี้อยู่กับเขาตลอดไป มันพอจะเป็นไปได้ไหม“ว่าไงครับไทม์”“พ่อจะไม่ไปไหนจากไทม์กับแม่ใช่ไหมครับ พ่อจะอยู่กับเราตลอดไปใช่ไหม” เด็กชายถามน้ำเสียงตื่นเต้นคนเป็นแม่ชะงักช้อนสายตามองเขา ริมฝีปากบางเม้มแน่น เธอไม่เคยคาดหวังอะไรอยู่แล้ว หวังแค่หากเขาจะไปก็ขอให้ตอบคำถามโดยนึกถึงใจลูกบ้าง และคิดถึงความรู้สึกของเธอสักนิดก็ยังดี“พ่อจะไม่ไปไหนจากไทม์แล้วครับ พ่อจะอยู่กับไทม์แล้วก็แม่ด้วย” ชายหนุ่มตอบแล้วสบตาหญิงสาว ปรางค์ปรียานิ่งงันแล้วหลุบตามองอาหาร ในหัวใจเต้นโครมคราม เหตุใดถึงรู้สึกเช่นนี้นะเธอไม่เข้าใจพินอาภาขับรถมาเยี่ยมเยือนเพื่อนตนเอง แต่รถดันมาเสียกลางทางซอยเปลี่ยวแม้จะรู้สึกหงุดหงิดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ โทรศัพท์ถูกยกขึ้นมาเพื่อใช้ติดต่อกับอู่ซ่อมรถ แต่อู่กลับบอกให้รอ... แล้วเธอจะต้องรอถึงเมื่อไหร่กันเสียงพูดคุยดังขึ้น เธอหันไปมองสายตากำลังจดจ้องไปยังกลุ่มวัยรุ่นสี่คนที่เดินมา และรู้สึกเหมือนว่าพวกมันกำลังเมาอยู่ เธอไม่รู้ว่า
ทุกคนเงียบกริบทำได้แค่เพียงนึกอิจฉาปรางค์ปรียา ที่เธอมีสามีรวยแถมหล่อมากขนาดนี้ แต่ใครจะรู้เลยว่าสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ปรางค์ปรียาต้องการเลย“คุณจะพาฉันไปไหนคะ?”หญิงสาวถามขึ้นขณะที่เขารั้งมือบางให้เดินตามมา“ไปซื้อของใช้ส่วนตัวของเธอ แล้วก็ของลูก”“ฉันไปเองได้ค่ะ คุณไม่ต้องไปด้วยหรอกนะคะ”“ฉันจะไปด้วย!”หญิงสาวยอมทำตามคำสั่งของเขา ร่างบางเดินเข้ามาในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ลุคส์เดินเคียงตลอดเส้นทางไม่ห่าง การกระทำของเขาทำให้เธออึดอัดไม่น้อย แต่กระนั้นกลับไม่กล้าพอต่อว่าต่อขาน เดินเลือกซื้อของแต่ไม่กล้าเลือกมากนัก ส่งผลให้คนเดินตามรู้สึกงุนงง“ทำไมไม่เลือก?”เขาถามเสียงเข้ม“ฉันไม่ได้รวยเหมือนคุณนี่คะ”“ก็บอกว่าจะจ่ายให้ยังไงล่ะ!”“ไม่ต้องค่ะ ฉันพอมีเงินอยู่บ้าง”“อย่าขัดคำสั่งฉัน!”ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิดอีกแล้วที่คำออกคำสั่งแบบนี้ เธอก็คงต้องทำตามอีกแล้วใช่ไหม เธอมองไปรอบๆ แล้วจัดการเลือกเสื้อผ้าทันที ดีเหมือนกันหากเขาต้องการแบบนั้นก็คงไม่ต้องเกรงใจกันแล้วร่างสูงใหญ่ยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงาน แล้วสั่งให้ลูกน้องมาขนของไปไว้ที่บ้านให้เขาแทน“วันพ่อฉันต้องทำอะไรบ้าง”ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย“
เธอเดินลงมาจากชั้นบนโดยมีเขาตามมา ไทม์มองพ่อแม่แล้วยิ้มกว้าง วิ่งเข้าหาจูงมือบุพการีรั้งไปยังรถ ปรางค์ปรียานั่งเบาะหน้าคู่คนขับ ส่วนไทม์นั่งเบาะหลัง เด็กชายคุกเข่าโน้มตัวมาด้านหน้า รอยยิ้มแต่งแต้มทั่วใบหน้าของเขา“พ่อครับวันนี้พ่อจะไปส่งไทม์ที่โรงเรียนใช่ไหมครับ”“ใช่ครับ” ลุคส์ตอบแล้วเผลอยิ้ม ก่อนแสร้งตีหน้านิ่งเหมือนเดิม“ผมดีใจมากเลย ผมจะได้อวดพ่อกับเพื่อนๆ จะได้ไม่มีใครมาว่าผมอีก” เด็กน้อยบอก“ครับไทม์ พ่อจะไปยืนโชว์ความหล่อของพ่อให้เพื่อนๆ ของไทม์ดูเลยนะครับ”“ครับพ่อ”เด็กชายยิ้มออกมาด้วยความดีใจคนเป็นแม่เงียบกริบ ไม่รู้ว่าควรเอ่ยอะไรออกมา เห็นลูกมีความสุขแบบนี้หัวอกคนเป็นแม่ก็เป็นสุขแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเขาจะอยู่เคียงข้างลูกไปอีกนานแค่ไหน เพราะทั้งเธอและเขาต่างกันราวกับฟ้ากับดิน คนอย่างเขาไม่มีวันยอมรับผู้หญิงจนๆ ไม่มีหน้าตาในสังคมเช่นเธอแน่นอน สำหรับไทม์คนเป็นแม่ที่เลี้ยงดูมาจะทำใจยกให้ได้อย่างไรกันรถเลี้ยวเข้ามาจอดภายในโรงเรียน ร่างบางจูงมือบุตรชายลงมาจากรถแล้วพาเดินเข้าห้อง ชายหนุ่มวนหาที่จอดรถแล้วเดินตามไปห่างๆ ทันทีที่ถึงหน้าห้องเรียน มีผู้ปกครองมากมายและนักเรียนยืนอยู่เต็มห้อ
หญิงสาวปรายตามองเขาก่อนหันไปสนใจกับผ้าต่อจนกระทั่งเสร็จ ลุคส์ขยับกายพลางชำเลืองมองให้หญิงสาวเดินตาม แม้อยากขัดใจไม่ทำตามความต้องการของเขา แต่ก็ไม่อาจทำได้เธอรู้ข้อนี้ดีเสมอ เสียงฝีเท้าดินตามหลังมาทำให้เขารู้สึกพอใจไม่น้อยที่เธอไม่ดื้อดึง“ฉันจะนอนข้างล่างนะคะ”หญิงสาวบอกเขาทันทีที่มาถึงห้อง“ทำไม!”“เราควรนอนแยกกันจะดีกว่าค่ะ”“เหตุผล?”“เพราะคุณกับฉันเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ฉันมาอยู่ที่นี่ในฐานะแม่ของไทม์แต่ไม่ได้อยู่ในฐานะภรรยาของคุณค่ะ”หญิงสาวตอบชัดเจน“ไม่ได้!”เขาสวนกลับทันควัน“เพราะอะไรไม่ได้ละค่ะ!”“นอนด้วยกันบนเตียงนี่แหละ อย่าเรื่องมากปรางค์ปรียา!”ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิดหญิงสาวถูกดึงให้ล้มตัวนอนลงบนเตียงทันที ร่างบางเกร็งนิ่งจนไม่กล้าขยับตัวไปไหนใจของเธอกำลังเต้นระรัวด้วยความกลัว แต่เขากลับนอนนิ่งมีเพียงมือที่พาดช่วงเอวของเธอไว้เท่านั้น ไม่นานนักเสียงลมหายใจของเขาก็สม่ำเสมอ ปรางค์ปรียาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกที่วันนี้เขาไม่เอาแต่ใจเช้ารุ่งของวันใหม่หญิงสาวสลึมสลือลืมตาขึ้นมา ลุกพรวดด้วยความตกใจ แล้วรีบมองหาคนที่นอนอยู่เคียงข้างทั้งคืน แต่เตียงกว้างกลับว่างเปล่าเมื่อเขาหายไป เธ