รถยนต์แล่นตามเส้นทาง ลุคส์เหม่อมองวิวเมืองไทยจนกระทั่งรถขับผ่านโรงเรียนประถมเอกชนแห่งหนึ่ง ปรางค์ปรียาจูงมือลูกออกมาจากโรงเรียนพร้อมกับเพื่อน การจราจรหยุดชะงักอยู่ด้านหน้าโรงเรียน ลุคส์ยังคงมองวิวเหมือนเดิม แต่ฉับพลันสายตากลับหยุดลง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันลมหายใจขาดหายเป็นห้วงๆ มือสั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อภาพที่เห็นทำให้เขาคิดว่าตนนั้นกำลังฝันอยู่ ชายหนุ่มพยายามตั้งสติ จ้องมองภาพของผู้หญิงคนหนึ่งจูงมือเด็กผู้ชายแล้วหยุดอยู่หน้าโรงเรียน ตัดสินใจขยับกายไปชิดหน้าต่างแล้วจ้องมองอย่างเอาเป็นเอาตายอีกครั้ง หัวใจเขากำลังเต้นตุบๆ ไม่เป็นจังหวะเมื่อยิ่งมองเขาก็ยิ่งมั่นใจ จำไม่ผิดแน่เป็นเธอแน่ๆ ผู้หญิงที่เขาไม่เคยลืมจนถึงตอนนี้
บอดี้การ์ดหนุ่มเหลือบมองนายตนด้วยความรู้สึกสงสัยกับท่าทีที่เปลี่ยนไป จึงหัน มองวิวนอกหน้าต่างที่เจ้านายให้ความสนใจอยู่ ดวงตาคมกริบเบิกกว้างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้เห็น
ลุคส์จ้องมองทุกการกระทำทุกอากัปกิริยา แล้วมองเลยไปถึงเด็กชายที่กำลังจูงมือเธอแน่น สายตาจ้องมองเด็กชายไม่วางตา เด็กคนนั้นหน้าตาผิวพรรณไม่ได้เกิดจากพ่อซึ่งเป็นชาวเอเชียแน่ เกิดอะไรขึ้น เด็กคนนั้นเป็นใครมีความเกี่ยวข้องยังไงกับปรางค์ปรียา
รถยนต์ขยับเคลื่อนไปด้านหน้า ลุคส์ยังคงจ้องมองสองร่างจนกระทั่งรถแล่นผ่านเลยไป เขาไม่อาจละสายตา จนกระทั่งรถขับเลย
“มาติช!”
“ครับนาย”
“ไปสืบเรื่องผู้หญิงคนนั้นให้ฉันหน่อย!”ลุคส์สั่งเสียงเข้ม
“ผู้หญิงคนไหนครับ?”บอดี้การ์ดหนุ่มกวน
“แกก็เห็นเหมือนฉันแล้วจะมาย้อนทำไม!”ชายหนุ่มเริ่มฉุน
“ได้ครับ เจ้านาย”
รุ่งเช้าวันใหม่ปรางค์ปรียาแต่งตัวในชุดเดรสสีสดใสก่อนจะเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน เธอย้ายออกมาอยู่ที่บ้านใหม่ไม่ได้อาศัยอยู่กับเพื่อนเหมือนเคย เพราะเกรงใจ ไทม์เองก็โตขึ้น ไม่อยากรบกวนพ่อแม่พินไปตลอดชีวิต เธอจำต้องออกมาสร้างครอบครัวด้วยตนเอง
ยิ่งเติบโต ไทม์ยิ่งเหมือนเหลือเกิน ใบหน้าของลูกทำให้คิดถึงเขาไม่เคยลืม... ลูกชายที่เป็นเหมือนแก้วตาดวงใจเป็นเด็กฉลาดไม่ดื้อ เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ไม่เหมือนพ่อที่โหดร้ายป่าเถื่อนต่อเธอ
เสียงรถยนต์จอดเทียบหน้าบ้าน กวินภพโบกมือเมื่อเห็นเจ้าของบ้านออกมาพร้อมกับบุตรชาย เขาลงจากรถอุ้มร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนด้วยความเอ็นดู
“สวัสดีครับอาวิน”ไทม์ยกมือไหว้
“สวัสดีครับน้องไทม์ วันนี้อาจะไปส่งนะครับ”กวินภพบอก
“ครับ”
ลุคส์จ้องมองภาพนั้น แล้วขบกรามแน่น เธอแต่งงานแล้วใช่ไหม อยากจะไปตะบันหน้ามันจริงๆ แสดงว่าเด็กคนนั้นคงเป็นลูกของเธอกับชายคนนั้น แต่ใบหน้าและสีผมของเด็กคนนั้นทำไมถึงไม่เหมือนคนเอเชีย แต่กลับเหมือนเด็กลูกครึ่งทางยุโรปมากกว่า คงคิดทางเดียวเท่านั้น
สองแม่ลูกขึ้นรถก่อนยานพาหนะคันนั้นจะเคลื่อนออกจากบริเวณรั้วบ้าน ลุคส์กัดฟันแน่น เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของใครกันแน่ เพราะเขาไม่มีวันให้ไอ้ผู้ชายหน้าไหนมาสมอ้างเป็นพ่อเด็กแน่นอน หากเด็กคือลูกของเขา
พินอาภาหน้าบึ้งตึง เม้มริมฝีปากไม่พอใจ เหตุใดพ่อถึงได้บังคับเธอหนักหนาให้มาทำงานเป็นเลขา มันเป็นงานที่เธอไม่ชอบเอาเสียเลย แค่เห็นเอกสารก็เหนื่อยแทบแย่แล้ว
“แกไม่คิดจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้างหรือไงยัยพิน!” ภูมิชัยเหลืออด
“ก็หนูไม่ชอบทำงานกับพ่อนี่ ให้หนูไปทำงานกับปรางค์ได้ไหม?” ทำเสียงอ่อนลงแล้วยิ้มหวานรอให้พ่ออนุมัติ
“ไม่ต้องมาอ้อนพ่อไม่อนุญาต อย่างแกถ้าไม่มีคนคุมล่ะก็มีหวังได้ชิ่งหนีไม่มาทำงานแน่!”
หญิงสาวชักสีหน้าไม่พอใจ แล้วรีบหันไปหาเพื่อนตนเองที่กำลังจัดเอกสารการประชุมอยู่ที่โต๊ะเพื่อขอความเห็นใจ แต่เธอกลับเห็นเพียงเพื่อน กำลังสนใจอยู่กับการทำงาน ได้รับมอบหมายจากบิดา วันนี้บิดาให้ปรางค์มาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย เพราะตัวเธอเองยังไม่เก่งงานด้านเอกสารมากนัก
ปรางค์ปรียามองเพื่อนแล้วลอบยิ้มออกมา เธอเห็นความรักความอบอุ่นแบบนี้มานานแล้ว ระหว่างเพื่อนกับบิดาสนิทสนมกันมาก จนบางครั้งเธอยังแอบอิจฉาเล็กๆ
พนักงานและผู้ถือหุ้นเริ่มเข้ามาในบริษัท ปรางค์ปรียาทำหน้าที่จดย่อรายละเอียดการประชุมในวันนี้ ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทเดินเข้ามาภายในบริษัทเพื่อร่วมประชุมใหญ่กับผู้ถือหุ้น ทุกคนเข้ามาแล้วแยกย้านนั่งประจำที่ตนเอง
ลุคส์เดินตรงไปที่เก้าอี้ประจำตำแหน่ง แต่เท้ากลับหยุดชะงักดวงตาเรียวคมทอดมองร่างบางที่กำลังยืนอยู่ หญิงสาวในความทรงจำอยู่ใกล้แค่เอื้อม หัวใจเต้นระรัว มันอิ่มเอม จุกแน่นจนบอกไม่ถูก ไม่คิดว่าโชคชะตาจะเล่นตลกกับเขาถึงเพียงนี้
ปรางค์ปรียาก้มหน้าก้มตาจัดเอกสารเพื่อเตรียมงานโดยไม่ได้มองว่าใครมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า พินอาภารู้สึกได้ถึงใครบางคนจึงเงยหน้าขึ้นมอง หญิงสาวตกอยู่ในสภาวะไม่ต่างจากถูกแช่แข็ง อ้าปากค้างด้วยความตกใจ มือไม้ก็อ่อนไปหมดจนปากกาตกลงสู่พื้นโดยไม่ตั้งใจ ปรางค์ปรียามองปากกาแล้วย่อกายลงหยิบส่งคืนให้เพื่อน
“พินปากกาหล่นแล้วทำอะไรอยู่!”
ยื่นปากกาให้เพื่อนแต่กลับรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าของพินอาภา เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงได้ทำหน้าราวกับเห็นผี เงยมองตามเพื่อน ร่างบางนิ่งงันราวกับถูกสาป หัวใจกระตุกวูบ ใบหน้าเริ่มซีดเซียวริมฝีปากสั่นระริก มือบางสั่นเทาจนแทบจับอะไรไม่ได้ ขากำลังอ่อนแรงลงจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น พินอาภารีบเข้าไปประคองเพื่อนงจ้องหน้าเขาอย่างไม่วางตา
ลุคส์ยืนผสานสายตา ทุกคนในห้องประชุมเริ่มงุนงงกับอาการแปลกๆ ของเลขาประธาน และผู้ถือหุ้นรายใหม่ พินอาภารู้สึกได้ถึงอาการสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เลยโอบเอวแล้วพยุงออกจากห้อง
“ปรางค์อดทนหน่อยนะ ใกล้จะถึงประตูแล้ว!”พินอาภาบอก
ภูมิชัยมองบุตรสาวและเพื่อนด้วยสีหน้างงๆ แล้วรีบเดินตามไปทันที เขายืนนิ่งอยู่ต่อหน้าลูก เหลือบมองเลขาจำเป็น ปรางค์ปรียานั่งนิ่งน้ำตาไหลรินออกมาไม่ขาดสาย เขาสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นยัยพิน”
“พ่อคะ ผู้ชายคนนั้นเขาเป็นใครคะ?”พินอาภาถาม
“คนไหนล่ะ”ภูมิชัยย้อนบุตรสาว
“ผู้ชายฝรั่งคนนั้นไงคะ ทำไมเขาถึงมาประชุมร่วมกับเราล่ะคะพ่อ!”
“เค้าชื่อลุคส์ เป็นนักธุรกิจฝรั่งเศสเค้าเป็นหุ้นส่วนของพ่อ เราเพิ่งเซ็นสัญญากันไปเมื่อวาน”ประธานบริษัทบอกก่อนจะยิ้มกว้าง
พินอาภาทำท่าจะขยับปากพูดเรื่องราวในอดีตออกมา แต่ถูกเพื่อนจับมือไว้พร้อมกับส่ายหน้าไม่ให้พูดความจริงหากภูมิชัยรู้เรื่องนี้ต้องยกเลิกสัญญาแน่นอน แล้วบริษัทจะเสียหายอย่างใหญ่หลวง เธอจำต้องกัดฟันระงับความโกรธของตนเอง พินอาภาแววตาหม่นลง
อีกแล้ว... ไม่สามารถช่วยอะไรเพื่อนได้อีกแล้ว
“พ่อไปประชุมเถอะ ปรางค์ไม่สบายหนูก็เลยพาออกมา วันนี้ยังไงให้พนักงานที่เก่งงานด้านเอกสารจัดการแทนปรางค์ไปก่อนแล้วกันนะคะ”
ภูมิชัยถึงกับพูดไม่ออก ดูนาฬิกาข้อมือชายวัยทองรีบจ้ำกลับไปที่ห้องประชุมเมื่อเห็นว่าได้เวลา พินอาภารีบกุมมือเพื่อนไว้แน่น มองดูใบหน้าที่ซีดเซียวด้วยความสงสาร ไม่รู้ว่าเพราะอะไรโลกมันถึงกลมขนาดนี้ ทำไมสวรรค์ต้องกลั่นแกล้งให้พบเจอผู้ชายคนนั้นอีก แล้วแบบนี้ปรางค์จะทำเช่นไรเล่า
ปรางค์ปรียาพยายามข่มน้ำตาเอาไว้ในอก อดทนกล้ำกลืนมานานกว่าจะยอมรับและทำใจกับมันได้ แต่เวลานี้แผลเป็นในใจของเธอกำลังกลัดหนอง ภาพความเจ็บปวดทรมานที่เคยได้รับมันวนกลับมาให้หวาดผวาอีกครั้ง ความโหดร้ายของเขายังคงตราตรึงอยู่ในความรู้สึก และรสสัมผัส เธอเหมือนคนกำลังจะขาดใจ ทำไม! ต้องเจอเขาอีกครั้งทำไมกัน! อุตส่าห์อยู่ห่างจากเขาตั้งไกล พรหมลิขิตบ้าบออะไรที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ เธอไม่ต้องการเจอเขาอีกแล้ว
ลุคส์ขบกรามแน่น คิดแล้วไม่ผิดว่าต้องเป็นเธอ... การประชุมเริ่มขึ้นชายหนุ่มจึงหันไปสนใจกับงานแทน เขาจำต้องอดทนฟังหลายชั่วโมงผ่านไปจนกระทั่งจบ ชายหนุ่มรีบเดินออกจากห้อง แต่กลับไม่พบคนที่ต้องการจเอ ภูมิชัยมองตามด้วยความสงสัยก้าวเข้ามายืนเคียงหุ้นส่วนคนใหม่“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”ภูมิชัยถาม“เปล่าครับ”“ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกผมได้นะครับ”ชายหนุ่มลังเลเล็กน้อย เปิดปากถามคำถามภูมิชัยออกไปด้วยความสงสัย“ผู้หญิงที่เดินออกจากห้องมา เธอทำหน้าที่อะไรเหรอครับ?”ลุคส์ถาม“ผู้หญิงคนไหนเหรอครับ?”ภูมิชัยถาม เพราะผู้หญิงที่ออกมาจากห้องมีสองคน“คนที่เหมือนว่าจะไม่สบายน่ะครับ?”“อ๋อ ปรางค์ปรียาน่ะเหรอครับ เธอเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดของที่นี่ พอดีเธอเป็นเพื่อนลูกสาวของผม ผมเลยไหว้วานให้เธอช่วยเป็นเลขาจำเป็นแทนลูกสาวผมในวันนี้ครับ”ลุคส์มีสีหน้าครุ่นคิด พยักหน้าช้าพร้อมกับกล่าวขอบคุณภูมิชัย แล้วหันหลังเดินออกมา ภูมิชัยงุนงงๆ กับท่าทีของเขา“ใช่เธอจริงๆ ด้วยสินะปรางค์ปรียา” ชายหนุ่มพึมพำกับตนเองกวินภพรีบจูงมือเด็กชายมาที่บ้าน ปรางค์ปรียาเมื่อเห็นบุตรชายตนเองร่างบางรีบตรงเข้าไปกอดไว้พร้อมกับสะอื้น ไทม์มองมาร
ลุคส์เดินเข้าไปกระชากท่อนแขน แล้วรวบเอวบางไว้แน่น ดวงตากร้าวแข็งขึ้น ริมฝีปากหนายิ้มเหยียดออกมาเมื่อรู้สึกถึงอาการสั่นสะท้าน“เธอยังไม่ลืมฉันใช่ไหม ถึงได้สั่นแบบนี้...”เขาเย้ยหญิงสาวรีบดันแผงอก หันหน้าหนี พยายามดิ้นรนให้พ้นจากการกอดรัด แต่เธอรู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์“ฉันขอร้อง... ปล่อยฉันไปเถอะ... อย่าทำร้ายฉันอีกเลย ฉันทรมานเพราะคุณมามากแล้ว ฮือๆๆๆ”ปรางค์ปรียาอ้อนวอนพร้อมกับสะอื้นออกมา“เด็กคนนั้นเป็นลูกของฉันใช่ไหม?”เขาถาม“ไม่! เขาไม่ใช่ลูกคุณ!”หญิงสาวปฏิเสธทันควันเสียงเอะอะหน้าบ้านส่งผลให้ร่างเล็กรีบวิ่งออกมา เด็กน้อยยืนนิ่งเมื่อเห็นแม่กำลังร้องไห้ต่อหน้าผู้ชายร่างสูงใหญ่ ดูเหมือนเป็นคนต่างชาติ“แม่ครับ...”เด็กชายเรียกแม่เสียงเล็กๆ ทำให้ทั้งสองหันมามอง ลุคส์จ้องมองไปยังร่างเล็กแล้วพิจารณาดู ไม่ผิดแน่ลักษณะของเด็กคนนี้มีเค้าโครงเหมือนเขาตอนเด็กมาก สีผมของเด็กคนนั้นก็คล้ายกับเขา จะให้คิดว่าเป็นลูกคนอื่นได้ยังไง นอกจากผู้หญิงคนนี้จะไปมีความสัมพันธ์กับชาวต่างชาติคนอื่นที่ไม่ใช่เขาเธอชะงักเมื่อเห็นบุตรชายเดินมา ไทม์มองแม่แววตาสับสนผสมกับความหวาดหวั่น เขาไม่ชอบเลยผู้ชายคนนี้เป็นใคร
พินอาภาวางสายลงแล้วรีบวิ่งไปที่รถ ขับออกไปจนคนในบ้านตกใจไปตามๆ กัน ได้ยินเสียงเพื่อนสะอื้นมาตามสายเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ไม่คิดว่าลุคส์จะหันกลับมาจองล้างจองผลาญปรางค์อีก ทั้งๆ ที่เรื่องทุกอย่างเพื่อนเธอไม่ผิดสักนิด แล้วเขามีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้เสียงรถเบรกดังสนั่น เจ้าของรถลงมาแล้วเปิดประตูรั้วบ้าน เดินก้าวฉับฉับด้วยความโมโหปนสงสารเพื่อน โกรธแทน กล้าดียังไงมายุ่งวุ่นวาย มาถึงห้องนั่งเล่นเห็นปรางค์กำลังร่ำไห้โดยมีบุตรชายคอยปลอบ“ไทม์ไปนอนก่อนนะครับ เดี๋ยวน้าจะดูแม่ให้เอง”พินอาภาบอกหลานชาย“ครับน้าพิน”เด็นชายรับคำเสียงเศร้าแล้วเดินขึ้นชั้นสอง ไม่วายหันมามองแม่ด้วยความเป็นห่วงกุมมือเพื่อนไว้แล้วโอบไหล่ ไม่รู้จะทำยังไง ความจริงอยากให้พ่อยกเลิกสัญญาของบริษัทซะ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะหากทำแบบนั้นบริษัทจะถูกฟ้องร้องเป็นจำนวนเงินมหาศาล หากบิดาเธอรู้เรื่องนี้เข้า เธอมั่นใจว่าท่านจะต้องยกเลิกสัญญานั้นแน่ และมันอาจส่งผลให้ผู้คนมากมายต้องตกงาน เธอทำแบบนั้นไม่ได้ พ่อเป็นคนแน่วแน่ บุญคุณต้องทดแทน ครอบครัวเธอสัญญากันแล้วว่าจะไม่ให้ปรางค์ต้องทุกข์อีก ทว่าเธอกลับทำผิด ช่วยเพื่อนไม่ได้ มิหนำซ้ำยังต้องใ
รถของกวินภพมาจอดรอหญิงสาวที่หน้าบ้าน ร่างบางรีบจูงมือบุตรชายขึ้นรถ ไทม์บอกลามารดาแล้วเดินเข้าโรงเรียนหลังจากรถมาจอดเทียบด้านหน้าโรงเรียน เขาขับรถมาจอดตรงลานกว้าง ปรางค์ปรียานั่งนิ่ง ไม่อยากเข้าไปทำงานเอาเสียเลย เธอรู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังเข้าสู่สนามรบ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องเข้าไป เพราะวันนี้เธอตั้งใจขอย้ายสาขาต่างจังหวัดเพื่อตัดปัญหาซะ เธอไม่อยากให้เขามายุ่งกับลูก คำพูดโหดร้ายเหล่านั้นยังคงสะท้อนในโสตประสาทเจ้าของรถเปิดประตูให้ เธอก้าวลงมาแต่กลับสะดุด ดีที่เขาประคองไว้“เป็นอะไรหรือเปล่าปรางค์ วันนี้ปรางค์ดูเหม่อๆ นะ”“เปล่าเราไม่ได้เป็นอะไรหรอกวิน แค่รู้สึกเพลียๆ แค่นั้นเอง”“เหรอ งั้นว่างๆ เดี๋ยวเราพาไปหาหมอก็แล้วกันนะ”กวินภพบอกด้วยความเป็นห่วงลุคส์นั่งมองทั้งสองผ่านกระจกรถ มือหนากำแน่นด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างแรง เขาเปิดประตูออกจากรถทันทีที่เห็นภาพนั้นด้วยความหงุดหงิด เธอยืนรอลิฟท์กับเพื่อนไม่นานนักลิฟท์ลงมาจอด หญิงสาวรีบเดินเข้าด้านในตัวลิฟท์โดยมีกวินภพยืนเคียงข้าง ประตูลิฟท์กำลังจะปิดลง แต่ร่างสูงใช้มือกั้นไว้แล้วแทรกตัวเข้าไปทันที หญิงสาวชะงักที่เห็นหน้า คนกลัวก้มหน้าแล้วข
ลุคส์กระตุกยิ้มสีหน้ายินดี เขาคิดไว้แล้วว่ายังไงเสียภูมิชัยต้องแนะนำปรางค์ปรียาให้แน่นอน เพราะไม่อยากให้บริษัทตนเองเสียหน้า จะต้องส่งมือดีมาทำงานกับเขาแน่“งั้นก็ดีครับ ผมตกลง ผมต้องการให้เลขาใหม่มาทำงานกับผมด่วนเลยนะครับ เพราะผมต้องไปติดต่องานอีกหลายที่” ลุคส์แสร้งบอกความจำเป็น ทั้งที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย เขาก็แค่ต้องการระลึกวันเก่าๆ กับผู้หญิงคนนั้นเท่านั้นเอง“ได้เลยครับ ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุดเลย”“ขอบคุณมากครับ ผมขอตัวก่อน” เขาลุกยืนแล้วออกมาจากห้องร่างบางสงบสติอารมณ์ตนเองเรียบร้อย เดินออกจากห้องน้ำเพื่อทำงาน พอนั่งประจำโต๊ะเพื่อจัดการติดต่อลูกค้า เสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้น“ปรางค์ปรียาพูดค่ะ”“คุณปรางค์คะ ท่านประธานเชิญให้มาพบค่ะ”“ค่ะพี่แวว” หญิงสาวตอบรับแล้ววางสายประตูห้องประธานเปิดออก เธอมาถึงนั่งลงตรงเก้าอี้หนังสีดำหน้าโต๊ะทำงานกระจก ภมิชัยยิ้มแย้มทักทายสีหน้าอ่อนโยนเช่นเคย “ท่านประธานมีอะไรจะให้ปรางค์ทำเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถาม“ปรางค์พ่ออยากให้หนูไปทำงานเป็นเลขาหุ้นส่วนบริษัทคนใหม่ หนูพอจะจำได้ใช่ไหม เขาเป็นคนฝรั่งเศสชื่อลุคส์ วันนั้นที่เรามีประชุมกัน พอดีหนูป่วยเลยไม่ได้
คำพูดของเด็กชายส่งผลให้คนฟังถึงกับอึ้งพูดไม่ออก หลายปีที่ผ่านมาแม้ว่าเขาจะไม่ลืมเธอ แต่ก็ไม่เคยติดตามหาหรือสนใจ และไม่คิดว่าปรางค์ปรียาจะตั้งท้องลูกกับเขาด้วย ดันลืมนึกไป ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันไม่เคยป้องกันเลยสักครั้ง อยากนั่งอยู่ตรงนี้ต่อ แต่เขามีธุระต้องจัดการอีกมาก“ไทม์ตั้งใจเรียนนะครับ อามีธุระต้องไปทำ ไว้อาจะมาหาไทม์ใหม่นะ”“จะกลับแล้วเหรอครับ” เด็กชายถามเสียงแผ่วเห็นแววตาเด็กคนนี้แล้วลุคส์แทบไม่อยากไปไหน“ครับ เดี๋ยวอามาหาไทม์ใหม่นะ”“ครับคุณอา”ร่างเล็กถูกช้อนในอ้อมแขน ลุคส์พาเด็กชายไปส่งคุณครูแล้วขอตัวกลับทันทีปรางค์ปรียารีบกระหืดหระหอบมาโรงเรียน เมื่อเธอได้รับสายจากคุณครูว่ามีหนุ่มฝรั่งหน้าตาดีมาหาบุตรชาย หวังว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่คิด! ไม่นานนักร่างบางก็มาถึงโรงเรียนหญิงสาวรีบวิ่งไปด้านในจนบังเอิญชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งจนแทบล้ม เอวบางถูกคว้าไว้อย่างรวดเร็ว“ขอโทษนะคะฉันไม่ได้ตั้งใจ!”หญิงสาวขอโทษเขาทั้งๆ ที่ก้มหน้าอยู่“ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าเธอคงไม่ได้ตั้งใจ”สำเนียงภาษาไทยที่ค่อนข้างชัด แต่รู้ว่าเจ้าของคำพูดไม่ใช่คนไทย ส่งผลให้เธอเงยหน้าขึ้นมอง หญิงสาวชะงักรีบผลักเขาออกห่างด
สายตากวาดมองรอบๆ หยุดที่บอดี้การ์ดของลุคส์ มาติชสบตาเข้ากับพินอาภาแล้วระบายลมหายใจ เธอรีบสาวเท้าเดินไปหาแล้วกระชากคอเสื้อเขาไว้ด้วยความโมโห“เจ้านายของนายใช่ไหม ที่ทำให้เพื่อนฉันเป็นแบบนี้ เมื่อไหร่จะเลิกวุ่นวายกับเพื่อนฉัน!”เธอตวาดเขาลั่นเขาแกะมือที่กำลังติดหนึบกับคอเสื้อ แล้วขบกรามแน่น เธอไม่รู้เรื่องหรือไงถึงได้มาหาเรื่องเจ้านายเขาถึงที่นี่ เขาไม่อยากให้เธอมารับเคราะห์เหมือนผู้หญิงคนนั้นอีกคน“อย่ามาวุ่นวายดีกว่าคุณ ผมไม่อยากให้คุณเดือดร้อน”เขาเตือน“ฉันไม่กลัว ที่นี่ประเทศไทย เจ้านายของนายใหญ่แค่ไหนฉันก็ไม่กลัว!”ลุคส์มองดูผู้หญิงเดินมากระชากคอเสื้อลูกน้องเขาด้วยความสงสัยเพราะรู้สึกคุ้นหน้า น่าแปลกมาติชไม่ทำอะไรนอกจากสนทนาด้วยดีๆ ดูท่าผู้หญิงคนนี้คงไม่ธรรมดา เขาลดกระจกลง“มาติช!”พินอาภาอ้าปากจะต่อว่าเขา แต่กลับถูกชายคนนั้นปิดปากเธอไว้แน่นเพื่อไม่ให้พูดอะไรออกมา แล้วหันกลับไปหาเจ้านายตนเอง“มีอะไรครับนาย?”“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครมาวุ่นวายอะไร!”“อ๋อ! เธอแอบชอบผมครับ ผมไม่ชอบเธอ เธอเลยโวยวาย เดี๋ยวผมจัดการให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้ครับ” มาติชตอบ“เนื้อหอมแล้วนะแกเดี๋ยวนี้ จัดการให้เรียบร
ลุคส์นั่งรอผลอยู่ที่โรงพยาบาล หลังจากพยาบาลโทรมานัดหมาย เสียงเรียกเข้าพบทำให้ชายหนุ่มลุกเดินเข้าในห้องรอฟังผลการตรวจดีเอ็นเอ เขาจ้องมองผลการตรวจในแผ่นกระดาษที่หมอส่งให้ หัวใจกำลังสั่นรัว เมื่อผลออกมาว่าไทม์เป็นบุตรชายของเขาแน่นอน ร่างสูงใหญ่เดินออกมายืนอยู่หน้าโรงพยาบาลแล้วสูดหายใจเข้าเต็มปอด มันเป็นความรู้สึกยินดี อิ่มเอม แล้วก็เป็นสุขอย่างบอกไม่ถูก“เธอไม่มีวันหนีฉันพ้นหรอกปรางค์ปรียา ไทม์เป็นลูกของฉัน”เขาคิดในใจอย่างลิงโลดชายหนุ่มกลับมาทำงาน ปรางค์ปรียารับเอกสารจากภูมิชัยมาเพื่อให้เขาเซ็น ร่างบางก้าวเดินมาหาเขาอย่างยากเย็น เหงื่อกำลังแตก มือบางเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งก็ไม่ปาน เสียงเคาะประตูทำให้ลุคส์เหลือบมอง เขาเห็นร่างบางที่คุ้นเคยเปิดประตูเข้ามา เจ้าของห้องกระตุกยิ้มมุมปากปรางค์ปรียารีบวางเอกสารตรงหน้า เธออยากให้เขาเซ็นได้รีบออก อึดอัดกับสายตาและท่าทาง ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรอีก“อะไร!”“เอกสารค่ะ คุณภูมิชัยต้องการให้คุณเซ็น”เธอบอกเขาเขาหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านแล้วปิดมันลง พร้อมกับเหลือบมองหญิงสาวที่กำลังยืนสั่นอยู่ตรงหน้า“กลัวผมมากหรือไงปรางค์ปรียา?”“ปะ...เปล่าค่ะ”“วันนี้คุณต้องออ
หญิงสาวมีท่าทีลังเลเล็กน้อย เธอหันไปสบตาบอดี้การ์ดคู่ใจสามี กลับเห็นแต่แววตาจริงจังหญิงสาวจึงยอมทำตาม แต่ก่อนที่จะไป ร่างบางหันกลับไปหามาติชอีกครั้ง“แล้วพินละ!”“รอสักครู่นะครับเดี๋ยวผมไปตามเธอมา”ประตูห้องเปิดออก พินอาภาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ยิ่งเห็นเขาเดินดุ่มๆ มาคว้าแขนเธอแล้วลากไปชั้นล่างยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดเข้าไปใหญ่“นี่คุณจะทำบ้าอะไร ปล่อยฉันนะ!”เสียงตวาดแว๊ดดังตลอดระยะทางที่เขาลากเธอมาข้อมือบางถูกปล่อยในขณะที่พินอาภามองหน้าเพื่อนด้วยความแปลกใจ“เกิดอะไรขึ้นปรางค์?”“ไม่มีเวลาแล้วพิน ไปกันเถอะ”ปรางค์ปรียาบอกแล้วรีบใช้มือข้างที่ว่างอยู่ดึงมือเพื่อนให้ตามไป“ปรางค์เกิดอะไรขึ้น!”“ไว้เราค่อยบอกนะ ไปกันก่อน”ปรางค์ปรียารีบสาวเท้าเดินโดยอุ้มบุตรชายไว้แนบอกโดยที่มีเพื่อนสาวเดินตามมาติดๆ เอมม่ารีบเปิดประตูรถให้ทุกคนเข้าไปด้านในแล้วรีบสตาร์ทรถออกไป ชายฉกรรจ์หลายคนเดินเข้าสวนในจังหวะที่รถขับออกไป ลูกัสขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เดินตรงไปยังสถานที่ที่เป็นเป้าหมายมาติชเร้นกายอยู่ในมุมหนึ่งของบ้านโดยที่สั่งให้ลูกน้อง พยายามแอบซ่อนตามจุดต่างๆ เพื่อไม่ให้เสียเปรียบ เพราะจำนวนคนน้อยกว่า ในขณะท
ร่างสูงใหญ่ก้าวออกจากรถ เดินเข้าในคฤหาสน์ที่เคยอาศัยอยู่กับแม่มาก่อน เขาไม่เคยคิดจะกลับมาที่นี่อีก แต่ครั้งนี้จำต้องยอมทำเพื่อลูกและผู้หญิงที่เขารัก ลูกัสเดินยิ้มออกมานอกบ้าน ในขณะที่ลุคส์เหลือบไปมองหนุ่มนักฆ่าด้วยสายตานิ่งสนิท“เชิญครับ ท่านเมแกนสั่งให้ท่านเดินเข้าไปด้านใน...”ลูกัสบอกพลางผายมือ“ขอบใจ”ลุคส์เดินเข้าไปด้านในห้องหนังสือ เห็นชายสูงวัยยืนถือไม้เท้าหันหน้าออกไปด้านนอกหน้าต่าง ชายหนุ่มรีบนั่งลงบนเก้าอี้สีครีมอ่อนที่วางไว้สำหรับรับแขก ชายชราหันมาสบตาเขาทันทีใบหน้าของชายที่เรียกได้ว่าเป็นพ่อที่เขาไม่ได้พบเห็นมานาน เขาไม่ได้เห็นพ่อตั้งแต่อายุยี่สิบปีจนเวลานี้อายุเข้าปาไปสามสิบสามปีแล้ว เขาไม่เคยอยากพบผู้ชายคนนี้เลยแม้แต่น้อย เขายังใจดีเห็นว่าเป็นพ่อ ถึงได้เหลือบ้านไว้ให้กับหุ้นบางส่วนในบริษัทเพื่อให้มีกินมีใช้ไม่ลำบาก แต่ดูเหมือนพ่อเจ้าบงการยังไม่สิ้นฤทธิ์เดชเมแกนทอดกายนั่งลงแล้ววางไม้เท้าลงข้างๆ ใบหน้าเหี่ยวย่นเชิดขึ้นเหมือนนิสัยส่วนตัว หยิ่งทะนงไม่ยอมใครและทำราวกับว่าตนเองมีอำนาจเหนือใคร“แกต้องการพบฉันเรื่องอะไร!”เมแกนเอ่ยปาก“ผมต้องการพูดกับคุณเรื่องที่คุณสั่งให้ลูกัสไป
ดวงตาสีน้ำทะเลหรี่ลง เห็นมาติชทะยานรถออกจากรั้วบ้านพัก ละสายตาไปยังพินอาภา ซึ่งเดินปาดน้ำตามายืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ลุคส์ถอนหายใจแล้วหย่อนกายลงบนโซฟา“พ่อครับ”เสียงเรียกเล็กๆ ปลุกจากภวังค์ทันทีที่เห็นพ่อ ร่างเล็กรีบกระโจนกอดแล้วพลิกกายนั่งลงบนตัก เด็กชายเงยหน้ามองบิดาแล้วยิ้มออกมาด้วยความสุข ยิ่งเห็นลูกมีความสุขแบบนี้เขายิ่งต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกไว้ให้ได้เสียงหยอกล้อส่งผลให้คนที่กำลังเดินมาหยุดชะงัก มองภาพเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นบุตรชายมีความสุขในอ้อกอดของพ่อเขา ลุคส์เหลือบมองหญิงสาว จังหวะนั้นบุตรชายเลยรีบเดินมาหาแม่แล้วจูงมาร่วมวงด้วยกันไทม์แทรกตัวอยู่ระหว่างพ่อกับแม่ ดวงตาสองคู่สบกัน หัวใจของเขาสั่นไหวขึ้นมา เมื่อพรุ่งนี้เขาจะต้องไปจัดการปัญหาทุกอย่างให้จบเสียที เขาไม่อยากไป... เพราะไม่รู้ว่าจะมีเรื่องอะไรรออยู่ข้างหน้า ทว่าจำต้องทำเพื่อเมียและลูกบอดี้การ์ดหนุ่มยืนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ค่อยๆ ก้าวอย่างเชื่องช้า ในมือถือดอกกุหลาบสีขาวที่อดีตภรรยาชอบ ความรู้สึกทั้งมวลตีตื้นขึ้นมาไม่หยุดหย่อน ยิ่งเห็นป้ายหลุมศพ ยิ่งพาให้ใจร้าวร้าน ย่อกายลงวางดอกไม้ไว้ด้านหน้าเอื้อมมือปัดฝุ่น
ลูกัสหายไปตั้งแต่นั้น และเขามารู้อีกครั้งก็ตอนที่มันกลายเป็นนักฆ่าฝีมือดีไปแล้ว และมันก็คอยตามจองล้างจองผลาญเขาไม่เลิกราไม่ว่าจะทำอะไร“แกคงโดนเป่าหูมามากสินะลูกัส แกถึงได้บ้าไม่เลิก แกต้องการอะไรพูดมาตรงๆ ดีกว่า!”มาติชถามเสียงกร้าว“วันพรุ่งนี้ วันเดียวกับที่นายของฉันกับแกนัดไปเจอกัน เรามาสะสางเรื่องของเราที่หลุมศพของเรนิต้า”ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปชั่วครู่ เขาจะปล่อยทุกคนที่ต้องคุ้มครองอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน“ไม่ได้ ฉันมีธุระต้องจัดการ!”“ทำไม แกกลัวว่าฉันจะบุกไปจัดการผู้หญิงของเจ้านายแกหรือไงมาติช!”“ใช่! คนอย่างแกมันเล่นไม่ซื่ออยู่แล้วนี่ไอ้ลูกัส”นักฆ่าหนุ่มขบกรามแน่น เขาต้องลากมาติชออกมาจากบ้านหลังนี้ให้ได้ เพราะไม่อย่างนั้นมันจะไม่เป็นไปตามแผน“ถ้าแกไม่ไป รับรองว่าฉันจะถล่มที่นี่ให้ยับโดยไม่สนว่าใครจะตายหรือไม่ตาย!”แววตากร้าวกับคำพูดสุดอำมหิต ส่งผลให้ร่างกำยำเกร็งแน่น แทบขยับเข้าไปจัดการคู่อริให้ย่อยยับคามือ“ถ้าแกทำอย่างที่แกพูด รับรู้ไว้ได้เลยไอ้ลูกัส หากฉันฆ่าแกไม่ได้จะไม่เลิกรา!”“คนอย่างฉันไม่กลัวตายหรอกมาติช เพราะฉันตายไปนานแล้ว!”“ไสหัวไปซะ แล้วไม่ต้องมาที่นี่อีก!”เสียงกร้าว
มือบางคว้าท่อนแขนเขาไว้ เธอไม่ได้อยากจะทำแบบนี้ แต่หัวใจกลับเรียกร้องให้ทำ เธอกลัว ทำไมแววตาของเขาถึงได้บอกกับเธอว่าเขากำลังจะจากไป ชายหนุ่มนิ่งงันก่อนหันมาเผชิญหน้า“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”เธอถามเสียงเบาแววตาเต็มไปด้วยความกังวลคำถามเบาๆ ออกมาจากริมฝีปากบาง สร้างความรู้สึกหวั่นไหวให้เขาได้มากมายนัก ทั้งๆ ที่พยายามทำใจที่จะออกห่างจากเธอ เพราะบางทีการไปพบพ่อของเขาคราวนี้ อาจไม่ได้กลับมาพบเธออีก เพียงแค่ได้เห็นสีหน้าแววตาแสดงความห่วงใย หัวใจเขากลับเตลิดไปไกลจนกู่ไม่กลับมือหนาคว้าร่างบางมากอดไว้แน่นราวกับไม่ต้องการจะให้เธอหนีหายไปไหน น้ำใสๆ ที่เริ่มเอ่อล้นออกมา มันกำลังไหรริน กลั้นมันไม่ไหวแล้วจริงๆ เธอและลูกคือของขวัญสุดแสนวิเศษที่พระเจ้ามอบให้ แต่เขาคงไม่ดีพอที่จะได้รับมันใช่ไหม กายแกร่งที่กำลังสั่นไหวส่งผลให้ใจเธอสะท้าน มือบางลูบไล้แผ่นหลังเขาเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบประโลม“ไม่เป็นอะไรนะคะ...”เสียงแผ่วเบาออกมาจากริมฝีปากบางอีกครั้ง“ปรางค์ผมขอโทษ...”เสียงสั่นเครือเบาๆ ออกมาจากริมฝีปากหนาชายชรานั่งยิ้มอยู่บนโต๊ะทำงาน ก่อนยกหูโทรศัพท์ต่อสายถึงลูกน้องคนสนิททันที ได้โอกาสที่จะจัดการทุกอย่
ร่างสูงกำยำเร่งฝีเท้าเมื่อถึงสนามบิน ด้านหน้ามีรถตู้สีขาวดจอดรอรับ ลูกัสก้าวขึ้นรถขบกราบแน่นนึกแค้นใจที่ตนถูกตลบหลัง มองวิวด้านนอกกระจกรถแววตาแข็งกร้าว ราวหนึ่งชั่วโมงถัดมารถเลี้ยวเข้าสู่เขตคฤหาสน์หลังงาม ลูกัสสูดหายใจเข้าปอดเพราะรู้ว่าจุดหมายจะต้องเจอสิ่งใดเพียะ!ฝ่ามือหนักกระทบลงบนใบหน้าคมเข้ม นักฆ่าหนุ่มกัดฟันแน่นเลียริมฝีปากซึ่งมีเลือดไหลซึมออกมา“แกมัวไปทำบ้าอะไรอยู่! ถึงได้ให้มันพาผู้หญิงคนนั้นมาถึงฝรั่งเศส มันยากนักหรือไงแค่จัดการผู้หญิงตัวเล็กๆ!”เมแกนตวาดกร้าวลมหายใจหนักหน่วงบอกอารมณ์ของผู้พูดได้ดี“ถ้าหากไม่มีมาติชทุกอย่างมันต้องสำเร็จไปตามแผนแน่นอนครับนาย”เมแกนขบกรามแน่นสายตากร้าวจ้องมองไปยังลูกน้องคนสนิท มาติช! เขาได้ยินแต่ชื่อนี้ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว หากไม่มีผู้ชายคนนี้ การควบคุมลุคส์คงเป็นไปได้ไม่ลำบาก แต่เพราะหมอนี่ดันเป็นมือดีที่เขาปลุกปั้นมา พอได้ดีกลับทรยศไปอยู่กับลูกชายเขาเสียได้ หากได้มือดีอย่างมาติชมาอยู่ข้างกายคงดีไม่น้อย“ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้งลูกัส จัดการเก็บผู้หญิงคนนั้นให้ได้ แล้วจับตัวหลานฉันมา... ฉันจะเอาไว้ต่อรองกับไอ้ลูกชายจองหอง ดูสิว่ามันจะยังหยิ่งจองหอง
มาติชพอข้าใจ เจ้านายเคยเป็นชายที่ได้ชื่อว่าโหดร้ายและป่าเถื่อนในการทำธุรกิจ หากสิ่งใดขวางทางเป็นกำจัดเรียบไม่เคยไว้หน้าใคร แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไป เมื่อเจ้านายได้พบกับหญิงไทยคนนั้น เมแกนคงจะรู้สึกขุ่นเคืองมากเมื่อลูกอ่อนแอลงเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว“แล้วนายจะให้ผมทำยังไงครับ หากลูกัสกลับมาที่นี่”กรามขบเป็นสันนูน เขาไม่รู้ว่าพ่อมีอำนาจมากแค่ไหนในเวลานี้ แต่ที่สำคัญปรางค์ปรียาและไทม์จะต้องปลอดภัย“หามือดีมามาติช หามาให้ได้มากที่สุด ก่อนที่พ่อฉันจะเริ่มไล่ล่าปรางค์”“ได้ครับ”“แล้วอีกอย่างแกจัดการลูกัสให้ได้ ส่วนที่เหลือฉันจะจัดการเอง”“ครับนาย!”มาติชรับคำแล้วหันกายเพื่อเดินออกจากห้อง“มาติช...” ชายหนุ่มเรียกลูกน้องเสียงแผ่วเบา“ครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มหันมาเผชิญหน้ากับเจ้านายอีกครั้ง“มะรืนนี้เป็นวันตายของเรนิต้าไม่ใช่เหรอ เธอถูกฝั่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่แกควรจะไปเยี่ยมเธอนะ”แววตาคนฟังหม่นลงไปชั่วครู่ ร่างกำยำรีบหันหลังกลับออกมาโดยไร้คำพูดใดๆ เมื่อความรู้สึกเจ็บปวดตีตื้นขึ้นมา ลุคส์มองตามแผ่นหลังของลูกน้องคนสนิท ใครจะรู้... หน้าตาท่าทางอันเรียบเฉยจะแฝงไว้ด้วยอดีตอันแสนปวดรวดร้าวไม่ต่างจากเขาบ
บ่ายสามโมง ร่างบางเดินทอดน่องออกมาจากบ้าน หยุดยืนอยู่ด้านหลังซึ่งมีลำธารเส้นน้อยตัดผ่าน น้ำใสไหลผ่านสายตา มันใสเสียจนมองเห็นพื้นด้านล่าง และฝูงปลามากมาย คนแถวนี้คงไม่นิยมจับพวกมันมาขาย คงนำพวกมันมาแค่พอรับประทานเท่านั้น ที่นี่อากาศดี แถมยังมีอาหารอุดมสมบูรณ์ เธอชอบมัน แต่ไม่รู้ว่าตัวเองจะมีโอกาสได้อยู่อีกนานไหมเสียงฝีเท้าเบื้องหลังทำให้หญิงสาวชะงักเล็กน้อย แต่ไม่ได้หันกลับไป จนกระทั่งมีเสียงทุ่มต่ำดังขึ้น“ผมมีข่าวดีจะบอก...”ร่างบางหันมาเผชิญหน้า แล้วสบตากับอีกฝ่าย“ข่าวอะไรคะ”“เพื่อนของคุณกำลังจะมาที่นี่”“พินนะเหรอคะ!”หญิงสาวร้องออกมาด้วยความตกใจ“ใช่แล้ว”หญิงสาวระบายยิ้มออกมาทันที หลังจากได้รับข่าวดี กระโจนกอดคนบอกข่าวด้วยความสุขใจ นี่เป็นข่าวดีที่เธอได้รับเลยทีเดียว ลุคส์จึงถือโอกาสโอบกอดตอบ ลูบไล้แผ่นหลังไว้เบาๆ ปรางค์ปรียาชะงักเมื่อรู้สึกว่าเขากำลังจะเขยิบไปทำอย่างอื่นแทน เธอรีบคลายอ้อมกอด หากนานกว่านี้คงได้เสียเปรียบอีกแน่“เสียดายจังครับ” ลุคส์ยิ้มเจ้าเล่ห์“ฉะ...ฉันจะไปดูลูกแล้ว”เธอแค่รู้สึกแปลกๆ ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปมากจนหัวใจเริ่มหวั่นไหวอย่างไม่คาดคิด ทำไมเธอถึงมีความรู้
สายถูกตัดไปแล้ว... แต่ใจเขากลับเต้นตุบๆ ไปด้วยความกังวล และรู้สึกไม่ไว้ใจอะไรเลย อยากอยู่แบบนี้ให้นานเท่าที่จะทำได้ ร่างสูงใหญ่หันไปมองภายในบ้าน มันไม่ใหญ่โตแต่แสนอบอุ่น ภาพลูกหัวเราะ และภาพเธอกำลังป้อนอาหารให้ลูก ยิ่งทำให้เขาสะเทือนใจเทราซ่าเหลือบมองหลานชาย เมื่อเห็นแววตาหม่นเศร้ายิ่งทำให้เธอกังวล เมื่อไหร่หนอหลานของเธอจะมีความสุขจริงๆ เสียที ลุคส์ฝืนยิ้มเดินเข้ามาในตัวบ้าน นั่งลงข้างหญิงสาว เธอหันมาทางเขา อ้ำอึ้งอยู่นานถึงได้เอ่ยปากออกมา“จะทานอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวปรางค์จะไปเตรียมให้”“อยากทานข้าวต้มฝีมือเมียมีไหมครับ?” ชายหนุ่มแสร้งเย้าแล้วยิ้มกว้างใบหน้าเรียวสวยแดงซ่านขึ้นมา ไทม์ยิ้มระรื่นแล้วกระโจนขึ้นนั่งตักบิดา ลุคส์เลยก้มลงจุมพิตแก้มอิ่มของลูกแทนด้วยความหมั่นเขี้ยวเทเรซ่ามองภาพนั้นแล้วยิ้มอ่อนโยน ปลีกตัวออกมาให้พ่อลูกได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน เดินมาถึงครัวเพื่อช่วยหลานสะใภ้ทำอาหารแทน เห็นแม่ครัวจำเป็นกำลังงกๆ เงินๆ หาของในตู้เย็นเลยรีบเข้าช่วย“หาอะไรจ๊ะ?”“หากุ้งค่ะน้าเทเรซ่า”หญิงสาวตอบพลางหลบสายตาเทเรซ่าค้นตู้เย็นหยิบกุ้งออกมาให้ แล้วยืนมองใบหน้าเรียวสวย พินิจพิจารณาอยู่นาน