ชายหนุ่มยืนนิ่งทอดสายตา มองไปยังวิวแม่น้ำเจ้าพระยา จากโรงแรมหรูระดับห้าดาว มือหนากอดอกขึ้นอย่างใช้ความคิด ใบหน้าของหญิงสาว ที่เขาไม่เคยลืม และรสสัมผัสนั้นยังคงตราตึง อยู่ในความรู้สึกไม่เคยจาง เวลานี้เขายืนอยู่ในประเทศเดียวกันกับเธอแล้ว แล้วเธออยู่ที่ไหนกัน เขาจะสามารถหาเธอเจอได้หรือเปล่า บางทีเวลานี้ผู้หญิงคนนั้นอาจแต่งงานไปกับใครสักคนแล้วก็เป็นได้
ลุคส์ถอนหายใจออกมา แล้วนั่งลงบนเก้าอี้กำมะหยี่มือหนาคว้าเอกสารตรงหน้าขึ้นมาแล้วกวาดสายตาอ่านทุกตัวอักษร เข้ามาลงทุนทำธุรกิจส่งออกรถที่ประเทศไทยและต้องการตัวแทนจำหน่าย เขารู้สึกถูกใจบริษัทนี้ที่มีระบบการทำงานที่ดีและมีเสถียรภาพ หากได้ร่วมงานกันคงทำให้ธุรกิจรุดหน้าไปไกลมากขึ้นอีก
“มาติช ไปตามคุณวิศรุตมาคุยกับผมหน่อย”
“ได้ครับ” มาติชรับคำเจ้านายแล้วก้าวออกไป
ครู่ใหญ่ชายรูปร่างสันทัดผิวขาวสวมแว่นก้าวเข้ามาในห้อง วิศรุตนั่งลงตรงข้ามเจ้าของห้อง ลุคส์หยิบเอกสารให้ดู
“ช่วยติดต่อบริษัทนี้ให้ผมหน่อย ผมต้องการร่วมหุ้นกับเขา
“ได้ครับคุณลุคส์”
“ได้เรื่องยังไงรายงานผมด้วยนะ ผมจะได้จัดการเอกสารสัญญาการรวมทุนกัน”
“ครับ”
วิศรุตก้มศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินออกนอกห้อง ชายหนุ่มลุกยืนก้าวมาตรงหน้าต่างอีกครั้งแล้วทอดสายตามองวิวด้านนอก
ปรางค์ปรียาหยุดดูนาฬิกาข้อมือหลังเลิกงาน วันนี้เลิกช้ากว่าปกติ จึงต้องรีบไปที่โรงเรียนอย่างเร่งด่วนไม่รู้ว่าป่านนี้บุตรชายจะเป็นอย่างไรบ้าง ร่างบางสาวเท้าเดินอย่างรวดเร็วแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อท่อนแขนถูกรั้งไว้
“พินมีอะไรหรือเปล่า?”เธอถามเมื่อพบว่าใครที่รั้งเธอไว้
“เราจะไปรับไทม์ด้วย”
“ว่างเหรอ เดี๋ยวก็โดนพ่อดุเอาหรอก”
“ก็เราหนีพ่อมานี้แหละถึงได้จะไปรับไทม์กับปรางค์ยังไงล่ะ รีบไปเถอะเดี๋ยวพ่อมาตาม!”พินอาภารีบดึงมือเพื่อนสาวไปทันที
รถจอดหน้าโรงเรียกเอกชน ปรางค์ปรียาลงจากรถพร้อมเพื่อน เธอเดินเข้ามาด้านในเพื่อพบครูประจำชั้น มีผู้ปกครองมากมายมารับบุตรหลาน เด็กชายเห็นมารดารีบวิ่งเข้ามากอดทันที
ไทม์ผละห่างจากมารดาแล้วยกมือไหว้ “สวัสดีครับแม่”
“น้าพินก็มานะครับไทม์”มารดาเตือน
เด็กชายเหลือบไปมอง ยกมือไหว้แล้วโผเข้ากอดแม่อีกครั้ง พินอาภาขยี้ศีรษะเด็กน้อยเบาๆ คนเป็นแม่จูงมือลูกไปสวนหย่อมเพื่อพักก่อนกลับบ้าน โดยมีพินอาภาอาสาซื้อขนมกับน้ำมาให้
“นี่เธอเห็นผู้หญิงคนนั้นไหมเขาว่าท้องไม่มีพ่อน่ะ พ่อเป็นฝรั่งที่ไหนก็ไม่รู้ สงสัยจะไปเที่ยวเมืองนอกจนใจแตกฉันว่านะ”ผู้ปกครองที่มารับบุตรหลาน เริ่มซุบซิบนินทาอีก เธอชินกับเรื่องนี้เป็นห่วงแค่ลูกจะรู้สึกอย่างไร
พินอาภาเข้ามาพบเหตุการณ์พอดี เดินตรงไปหาผู้ปกครองสองคนที่ยืนนินทาเพื่อนสาวของเธออย่างสนุกปาก แก้วน้ำในมือถูกสาดใส่ใบหน้าทั้งสอง ผู้ปกครองถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ ปรางค์ปรียาหันมองเพื่อนแล้วรีบวิ่งมาดูเหตุการณ์
“ตายแล้วพิน!” หญิงสาวร้องบอกสีหน้าตระหนก “ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะคะ” เธอก้มหน้ารับผิดยกใหญ่
“ปรางค์จะก้มหัวให้พวกเค้าทำไม ปากอย่างนี้โดนแค่นี้ยังน้อยไป!”พินอาภาห้ามเพื่อนเสียงดัง เธอกำลังโกรธจนควันออกหู
ทั้งสองหันมาจ้องมองพินอาภาด้วยสายตาแค้นเคือง แล้วหันไปยิ้มเหยียดปรางค์ปรียาที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“เป็นเพื่อนกันสินะนิสัยถึงได้เหมือนกัน ถึงว่าเพื่อนเธอถึงได้ท้องไม่มีพ่อ ไปได้ฝรั่งที่ไหนมาล่ะไม่อายคนอื่นบ้างหรือไง ถ้าเป็นพวกฉันคงอายแทบแทรกแผ่นดินหนีไม่กล้าเอาลูกมาโรงเรียนด้วยซ้ำ!”
เด็กชายวิ่งเข้ามาร่วมในเหตุการณ์ รีบจับมือไว้แน่นเมื่อเริ่มเห็นใบหน้าของแม่ซีดเซียว น้ำใสๆ เริ่มเอ่อล้นออกจากดวงตา เมื่อเห็นแม่ต้องถูกคนอื่นพูดจาไม่ดีใส่
“ท้องไม่มีพ่อแล้วมันหนักหัวใคร หรือพวกเธอมาเลี้ยงลูกให้เพื่อนฉันเอาปากหมาๆ ของพวกเธอไปสอนลูกเต้าซะไป สันดานนินทาชาวบ้านเขาาไปทั่วแบบนี้ ระวังลูกจะติดสันดานแย่ๆ มา” พินอาภาตอกกลับอย่างไม่เกรงใจ
“กล้าดียังไงมาว่าพวกฉัน!”
“แล้วพวกแกกล้าดียังไงมาว่าเพื่อนฉัน!”
ปรางค์ปรียามองสีหน้าลูก น้ำตากำลังไหลรินอาบแก้มเล็น คนเป็นแม่รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน ร่างบางทรุดกายลงมือกอบใบหน้าบุตรชายไว้
“แม่ครับไทม์ขอโทษที่เกิดมาแล้วทำให้แม่ลำบากแบบนี้ ฮือๆๆ”เด็กชายสะอื้น
คนเป็นแม่ชะงักกับคำพูดของลูก ทำไมคนอื่นถึงใจร้ายนัก ไม่ได้รู้ต้นสายปลายเหตุแต่กลับนินทาว่าร้ายเธอ ไทม์ต้องทนกับเรื่องแบบนี้มามากแค่ไหน หากไม่เห็นใจเธอ แค่เห็นใจเด็กตาดำๆ สักคนไม่ได้เลยหรือไร
“ไม่นะครับไทม์ แม่ดีใจที่หนูเกิดมาอย่าพูดแบบนี้อีกนะลูก ไทม์คือของขวัญที่มีค่าของแม่ ไม่ว่าใครจะพูดยังไงหนูไม่ต้องสนใจนะครับ แค่รู้ว่าแม่รักหนูมากก็พอ...”ปรางค์ปรียาบอกบุตรชายก่อนรั้งร่างเล็กมาโอบกอดไว้แน่น
พินอาภาชะงักเมื่อได้ยินคำพูดทั้งสอง มันพูดอะไรไม่ออก ผู้คนมากมายในโรงเรียนต่างยืนดูแล้วหันหน้าไปซุบซิบนินทาผู้ปกครองสองคนที่กำลังโต้เถียงกับพินอาภา มองด้วยสายตาไม่พอใจและรู้สึกสงสารสองแม่ลูกที่โดนกล่าวหา
“ซะใจพวกเธอหรือยังที่ทำให้เด็กคิดแบบนี้ ดีใจแล้วใข่ไหม!” พินอาภาตวาดผู้ปกครอง ยิ่งส่งผลให้ผู้คนหันมองแววตาไม่พอใจ
สองผู้ปกครองหันมากระซิบกัน
“พวกฉันไม่ได้ตั้งใจ ขอตัวล่ะ!” สองผู้ปกครองเดินหนีไปทันที
พินอาภามองเพื่อนแล้วรู้สึกผิด ถึงเรื่องนั้นจะผ่านมานานแล้ว แต่ความเจ็บปวดของเพื่อนยังคงไม่จากหาย ไทม์คือของขวัญอันล้ำค่าที่สุดของเพื่อน และเธอจะไม่มีทางให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายปรางค์ได้อีก
ลุคส์ อัลเบอร์ทีนเดินเข้าไปในอาคารบริษัทคาร์ไดมอนด์ วันนี้เขามีนัดหมายกับประธานบริษัทจำหน่ายรถยนต์ระดับประเทศ พนักงานมากมายต่างหยุดมอง มาถึงห้องประชุมใหญ่ซึ่งทางบริษัทจัดไว้ต้อนรับ พนักงานเปิดประตูให้เขาเข้าด้านในพร้อมบอดี้การ์ด ลุคส์กวาดตามองบรรดาผุ้บริหารกำลังนั่งรอเขา
ภูมิชัยจัดการให้พนักงานพรีเซ็นต์การทำงานของบริษัท ฝ่ายของชายหนุ่มพรีเซ็นต์สินค้า ทั้งสองได้จัดการเซ็นสัญญาเป็นหุ้นส่วนกันเรียบร้อยด้วยดี ลุคส์จึงเดินทางกลับ ภูมิชัยมองแผ่นหลังของเขาด้วยความรู้สึกพึงพอใจกับการทำงานของอีกฝ่าย
รถยนต์แล่นตามเส้นทาง ลุคส์เหม่อมองวิวเมืองไทยจนกระทั่งรถขับผ่านโรงเรียนประถมเอกชนแห่งหนึ่ง ปรางค์ปรียาจูงมือลูกออกมาจากโรงเรียนพร้อมกับเพื่อน การจราจรหยุดชะงักอยู่ด้านหน้าโรงเรียน ลุคส์ยังคงมองวิวเหมือนเดิม แต่ฉับพลันสายตากลับหยุดลง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันลมหายใจขาดหายเป็นห้วงๆ มือสั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อภาพที่เห็นทำให้เขาคิดว่าตนนั้นกำลังฝันอยู่ ชายหนุ่มพยายามตั้งสติ จ้องมองภาพของผู้หญิงคนหนึ่งจูงมือเด็กผู้ชายแล้วหยุดอยู่หน้าโรงเรียน ตัดสินใจขยับกายไปชิดหน้าต่างแล้วจ้องมองอย่างเอาเป็นเอาตายอีกครั้ง หัวใจเขากำลังเต้นตุบๆ ไม่เป็นจังหวะเมื่อยิ่งมองเขาก็ยิ่งมั่นใจ จำไม่ผิดแน่เป็นเธอแน่ๆ ผู้หญิงที่เขาไม่เคยลืมจนถึงตอนนี้ บอดี้การ์ดหนุ่มเหลือบมองนายตนด้วยความรู้สึกสงสัยกับท่าทีที่เปลี่ยนไป จึงหัน มองวิวนอกหน้าต่างที่เจ้านายให้ความสนใจอยู่ ดวงตาคมกริบเบิกกว้างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้เห็นลุคส์จ้องมองทุกการกระทำทุกอากัปกิริยา แล้วมองเลยไปถึงเด็กชายที่กำลังจูงมือเธอแน่น สายตาจ้องมองเด็กชายไม่วางตา เด็กคนนั้นหน้าตาผิวพรรณไม่ได้เกิดจากพ่อซึ่งเป็นชาวเอเชียแน่ เกิดอะไรขึ้น เด็กคนนั้นเป็นใคร
ลุคส์ขบกรามแน่น คิดแล้วไม่ผิดว่าต้องเป็นเธอ... การประชุมเริ่มขึ้นชายหนุ่มจึงหันไปสนใจกับงานแทน เขาจำต้องอดทนฟังหลายชั่วโมงผ่านไปจนกระทั่งจบ ชายหนุ่มรีบเดินออกจากห้อง แต่กลับไม่พบคนที่ต้องการจเอ ภูมิชัยมองตามด้วยความสงสัยก้าวเข้ามายืนเคียงหุ้นส่วนคนใหม่“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”ภูมิชัยถาม“เปล่าครับ”“ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกผมได้นะครับ”ชายหนุ่มลังเลเล็กน้อย เปิดปากถามคำถามภูมิชัยออกไปด้วยความสงสัย“ผู้หญิงที่เดินออกจากห้องมา เธอทำหน้าที่อะไรเหรอครับ?”ลุคส์ถาม“ผู้หญิงคนไหนเหรอครับ?”ภูมิชัยถาม เพราะผู้หญิงที่ออกมาจากห้องมีสองคน“คนที่เหมือนว่าจะไม่สบายน่ะครับ?”“อ๋อ ปรางค์ปรียาน่ะเหรอครับ เธอเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดของที่นี่ พอดีเธอเป็นเพื่อนลูกสาวของผม ผมเลยไหว้วานให้เธอช่วยเป็นเลขาจำเป็นแทนลูกสาวผมในวันนี้ครับ”ลุคส์มีสีหน้าครุ่นคิด พยักหน้าช้าพร้อมกับกล่าวขอบคุณภูมิชัย แล้วหันหลังเดินออกมา ภูมิชัยงุนงงๆ กับท่าทีของเขา“ใช่เธอจริงๆ ด้วยสินะปรางค์ปรียา” ชายหนุ่มพึมพำกับตนเองกวินภพรีบจูงมือเด็กชายมาที่บ้าน ปรางค์ปรียาเมื่อเห็นบุตรชายตนเองร่างบางรีบตรงเข้าไปกอดไว้พร้อมกับสะอื้น ไทม์มองมาร
ลุคส์เดินเข้าไปกระชากท่อนแขน แล้วรวบเอวบางไว้แน่น ดวงตากร้าวแข็งขึ้น ริมฝีปากหนายิ้มเหยียดออกมาเมื่อรู้สึกถึงอาการสั่นสะท้าน“เธอยังไม่ลืมฉันใช่ไหม ถึงได้สั่นแบบนี้...”เขาเย้ยหญิงสาวรีบดันแผงอก หันหน้าหนี พยายามดิ้นรนให้พ้นจากการกอดรัด แต่เธอรู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์“ฉันขอร้อง... ปล่อยฉันไปเถอะ... อย่าทำร้ายฉันอีกเลย ฉันทรมานเพราะคุณมามากแล้ว ฮือๆๆๆ”ปรางค์ปรียาอ้อนวอนพร้อมกับสะอื้นออกมา“เด็กคนนั้นเป็นลูกของฉันใช่ไหม?”เขาถาม“ไม่! เขาไม่ใช่ลูกคุณ!”หญิงสาวปฏิเสธทันควันเสียงเอะอะหน้าบ้านส่งผลให้ร่างเล็กรีบวิ่งออกมา เด็กน้อยยืนนิ่งเมื่อเห็นแม่กำลังร้องไห้ต่อหน้าผู้ชายร่างสูงใหญ่ ดูเหมือนเป็นคนต่างชาติ“แม่ครับ...”เด็กชายเรียกแม่เสียงเล็กๆ ทำให้ทั้งสองหันมามอง ลุคส์จ้องมองไปยังร่างเล็กแล้วพิจารณาดู ไม่ผิดแน่ลักษณะของเด็กคนนี้มีเค้าโครงเหมือนเขาตอนเด็กมาก สีผมของเด็กคนนั้นก็คล้ายกับเขา จะให้คิดว่าเป็นลูกคนอื่นได้ยังไง นอกจากผู้หญิงคนนี้จะไปมีความสัมพันธ์กับชาวต่างชาติคนอื่นที่ไม่ใช่เขาเธอชะงักเมื่อเห็นบุตรชายเดินมา ไทม์มองแม่แววตาสับสนผสมกับความหวาดหวั่น เขาไม่ชอบเลยผู้ชายคนนี้เป็นใคร
พินอาภาวางสายลงแล้วรีบวิ่งไปที่รถ ขับออกไปจนคนในบ้านตกใจไปตามๆ กัน ได้ยินเสียงเพื่อนสะอื้นมาตามสายเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ไม่คิดว่าลุคส์จะหันกลับมาจองล้างจองผลาญปรางค์อีก ทั้งๆ ที่เรื่องทุกอย่างเพื่อนเธอไม่ผิดสักนิด แล้วเขามีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้เสียงรถเบรกดังสนั่น เจ้าของรถลงมาแล้วเปิดประตูรั้วบ้าน เดินก้าวฉับฉับด้วยความโมโหปนสงสารเพื่อน โกรธแทน กล้าดียังไงมายุ่งวุ่นวาย มาถึงห้องนั่งเล่นเห็นปรางค์กำลังร่ำไห้โดยมีบุตรชายคอยปลอบ“ไทม์ไปนอนก่อนนะครับ เดี๋ยวน้าจะดูแม่ให้เอง”พินอาภาบอกหลานชาย“ครับน้าพิน”เด็นชายรับคำเสียงเศร้าแล้วเดินขึ้นชั้นสอง ไม่วายหันมามองแม่ด้วยความเป็นห่วงกุมมือเพื่อนไว้แล้วโอบไหล่ ไม่รู้จะทำยังไง ความจริงอยากให้พ่อยกเลิกสัญญาของบริษัทซะ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะหากทำแบบนั้นบริษัทจะถูกฟ้องร้องเป็นจำนวนเงินมหาศาล หากบิดาเธอรู้เรื่องนี้เข้า เธอมั่นใจว่าท่านจะต้องยกเลิกสัญญานั้นแน่ และมันอาจส่งผลให้ผู้คนมากมายต้องตกงาน เธอทำแบบนั้นไม่ได้ พ่อเป็นคนแน่วแน่ บุญคุณต้องทดแทน ครอบครัวเธอสัญญากันแล้วว่าจะไม่ให้ปรางค์ต้องทุกข์อีก ทว่าเธอกลับทำผิด ช่วยเพื่อนไม่ได้ มิหนำซ้ำยังต้องใ
รถของกวินภพมาจอดรอหญิงสาวที่หน้าบ้าน ร่างบางรีบจูงมือบุตรชายขึ้นรถ ไทม์บอกลามารดาแล้วเดินเข้าโรงเรียนหลังจากรถมาจอดเทียบด้านหน้าโรงเรียน เขาขับรถมาจอดตรงลานกว้าง ปรางค์ปรียานั่งนิ่ง ไม่อยากเข้าไปทำงานเอาเสียเลย เธอรู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังเข้าสู่สนามรบ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องเข้าไป เพราะวันนี้เธอตั้งใจขอย้ายสาขาต่างจังหวัดเพื่อตัดปัญหาซะ เธอไม่อยากให้เขามายุ่งกับลูก คำพูดโหดร้ายเหล่านั้นยังคงสะท้อนในโสตประสาทเจ้าของรถเปิดประตูให้ เธอก้าวลงมาแต่กลับสะดุด ดีที่เขาประคองไว้“เป็นอะไรหรือเปล่าปรางค์ วันนี้ปรางค์ดูเหม่อๆ นะ”“เปล่าเราไม่ได้เป็นอะไรหรอกวิน แค่รู้สึกเพลียๆ แค่นั้นเอง”“เหรอ งั้นว่างๆ เดี๋ยวเราพาไปหาหมอก็แล้วกันนะ”กวินภพบอกด้วยความเป็นห่วงลุคส์นั่งมองทั้งสองผ่านกระจกรถ มือหนากำแน่นด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างแรง เขาเปิดประตูออกจากรถทันทีที่เห็นภาพนั้นด้วยความหงุดหงิด เธอยืนรอลิฟท์กับเพื่อนไม่นานนักลิฟท์ลงมาจอด หญิงสาวรีบเดินเข้าด้านในตัวลิฟท์โดยมีกวินภพยืนเคียงข้าง ประตูลิฟท์กำลังจะปิดลง แต่ร่างสูงใช้มือกั้นไว้แล้วแทรกตัวเข้าไปทันที หญิงสาวชะงักที่เห็นหน้า คนกลัวก้มหน้าแล้วข
ลุคส์กระตุกยิ้มสีหน้ายินดี เขาคิดไว้แล้วว่ายังไงเสียภูมิชัยต้องแนะนำปรางค์ปรียาให้แน่นอน เพราะไม่อยากให้บริษัทตนเองเสียหน้า จะต้องส่งมือดีมาทำงานกับเขาแน่“งั้นก็ดีครับ ผมตกลง ผมต้องการให้เลขาใหม่มาทำงานกับผมด่วนเลยนะครับ เพราะผมต้องไปติดต่องานอีกหลายที่” ลุคส์แสร้งบอกความจำเป็น ทั้งที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย เขาก็แค่ต้องการระลึกวันเก่าๆ กับผู้หญิงคนนั้นเท่านั้นเอง“ได้เลยครับ ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุดเลย”“ขอบคุณมากครับ ผมขอตัวก่อน” เขาลุกยืนแล้วออกมาจากห้องร่างบางสงบสติอารมณ์ตนเองเรียบร้อย เดินออกจากห้องน้ำเพื่อทำงาน พอนั่งประจำโต๊ะเพื่อจัดการติดต่อลูกค้า เสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้น“ปรางค์ปรียาพูดค่ะ”“คุณปรางค์คะ ท่านประธานเชิญให้มาพบค่ะ”“ค่ะพี่แวว” หญิงสาวตอบรับแล้ววางสายประตูห้องประธานเปิดออก เธอมาถึงนั่งลงตรงเก้าอี้หนังสีดำหน้าโต๊ะทำงานกระจก ภมิชัยยิ้มแย้มทักทายสีหน้าอ่อนโยนเช่นเคย “ท่านประธานมีอะไรจะให้ปรางค์ทำเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถาม“ปรางค์พ่ออยากให้หนูไปทำงานเป็นเลขาหุ้นส่วนบริษัทคนใหม่ หนูพอจะจำได้ใช่ไหม เขาเป็นคนฝรั่งเศสชื่อลุคส์ วันนั้นที่เรามีประชุมกัน พอดีหนูป่วยเลยไม่ได้
คำพูดของเด็กชายส่งผลให้คนฟังถึงกับอึ้งพูดไม่ออก หลายปีที่ผ่านมาแม้ว่าเขาจะไม่ลืมเธอ แต่ก็ไม่เคยติดตามหาหรือสนใจ และไม่คิดว่าปรางค์ปรียาจะตั้งท้องลูกกับเขาด้วย ดันลืมนึกไป ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันไม่เคยป้องกันเลยสักครั้ง อยากนั่งอยู่ตรงนี้ต่อ แต่เขามีธุระต้องจัดการอีกมาก“ไทม์ตั้งใจเรียนนะครับ อามีธุระต้องไปทำ ไว้อาจะมาหาไทม์ใหม่นะ”“จะกลับแล้วเหรอครับ” เด็กชายถามเสียงแผ่วเห็นแววตาเด็กคนนี้แล้วลุคส์แทบไม่อยากไปไหน“ครับ เดี๋ยวอามาหาไทม์ใหม่นะ”“ครับคุณอา”ร่างเล็กถูกช้อนในอ้อมแขน ลุคส์พาเด็กชายไปส่งคุณครูแล้วขอตัวกลับทันทีปรางค์ปรียารีบกระหืดหระหอบมาโรงเรียน เมื่อเธอได้รับสายจากคุณครูว่ามีหนุ่มฝรั่งหน้าตาดีมาหาบุตรชาย หวังว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่คิด! ไม่นานนักร่างบางก็มาถึงโรงเรียนหญิงสาวรีบวิ่งไปด้านในจนบังเอิญชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งจนแทบล้ม เอวบางถูกคว้าไว้อย่างรวดเร็ว“ขอโทษนะคะฉันไม่ได้ตั้งใจ!”หญิงสาวขอโทษเขาทั้งๆ ที่ก้มหน้าอยู่“ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าเธอคงไม่ได้ตั้งใจ”สำเนียงภาษาไทยที่ค่อนข้างชัด แต่รู้ว่าเจ้าของคำพูดไม่ใช่คนไทย ส่งผลให้เธอเงยหน้าขึ้นมอง หญิงสาวชะงักรีบผลักเขาออกห่างด
สายตากวาดมองรอบๆ หยุดที่บอดี้การ์ดของลุคส์ มาติชสบตาเข้ากับพินอาภาแล้วระบายลมหายใจ เธอรีบสาวเท้าเดินไปหาแล้วกระชากคอเสื้อเขาไว้ด้วยความโมโห“เจ้านายของนายใช่ไหม ที่ทำให้เพื่อนฉันเป็นแบบนี้ เมื่อไหร่จะเลิกวุ่นวายกับเพื่อนฉัน!”เธอตวาดเขาลั่นเขาแกะมือที่กำลังติดหนึบกับคอเสื้อ แล้วขบกรามแน่น เธอไม่รู้เรื่องหรือไงถึงได้มาหาเรื่องเจ้านายเขาถึงที่นี่ เขาไม่อยากให้เธอมารับเคราะห์เหมือนผู้หญิงคนนั้นอีกคน“อย่ามาวุ่นวายดีกว่าคุณ ผมไม่อยากให้คุณเดือดร้อน”เขาเตือน“ฉันไม่กลัว ที่นี่ประเทศไทย เจ้านายของนายใหญ่แค่ไหนฉันก็ไม่กลัว!”ลุคส์มองดูผู้หญิงเดินมากระชากคอเสื้อลูกน้องเขาด้วยความสงสัยเพราะรู้สึกคุ้นหน้า น่าแปลกมาติชไม่ทำอะไรนอกจากสนทนาด้วยดีๆ ดูท่าผู้หญิงคนนี้คงไม่ธรรมดา เขาลดกระจกลง“มาติช!”พินอาภาอ้าปากจะต่อว่าเขา แต่กลับถูกชายคนนั้นปิดปากเธอไว้แน่นเพื่อไม่ให้พูดอะไรออกมา แล้วหันกลับไปหาเจ้านายตนเอง“มีอะไรครับนาย?”“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครมาวุ่นวายอะไร!”“อ๋อ! เธอแอบชอบผมครับ ผมไม่ชอบเธอ เธอเลยโวยวาย เดี๋ยวผมจัดการให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้ครับ” มาติชตอบ“เนื้อหอมแล้วนะแกเดี๋ยวนี้ จัดการให้เรียบร
ปรางค์ปรียายืนมองหญิงวัยกลางคน กำลังลากบุตรชายเข้าห้องน้ำ เรียบร้อยแล้วพามาทานขนม พออิ่มจึงเข้าห้องนอนกล่อมให้เสร็จสรรพ เธอแทบไม่ได้ทำอะไรเลย หญิงสาวก้าวเข้าห้องนอนของเทเรซ่า มองดูบุตรชาย ดูเหมือนไทม์เองกำลังหลับไป สีหน้าดูยิ้มแย้ม ลูกคงมีความสุข“เอ่อ...”หญิงสาวอึกอักไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดอะไรดีเทเรซ่าเหลือบมองแล้วยิ้มกว้าง เธอจดจำสายตาหลานเวลามองผู้หญิงคนนี้ได้ดี ไอ้หลานชายตัวดีคงต้องการใช้เวลาอยู่กับเธอบ้าง คนเป็นน้าจึงขอสร้างบรรยากาศแสนวิเศษนี้ให้“น้าขอให้ไทม์นอนกับน้านะจ๊ะ”เทเรซ่าบอก แล้วหันกลับไปสนใจต่อเด็กชายต่อ“แล้วปรางค์นอนที่ห้องไหนเหรอคะ?”“นอนกับลุคส์ไงจ๊ะ”หญิงสาวชะงัก เธอไม่อยากนอนกับเขา เรื่องในเครื่องบินก็แทบเอาตัวไม่รอด หากนอนร่วมห้อง ยังไงคงเสียเปรียบเขาอยู่ดี เจ้าของห้องเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งเลยลงมาจากเตียง ปรางค์ปรียาถอยห่างออกมาเมื่อเทเรซ่าจับลูกบิด ประตูไม้ถูกปิดลงต่อหน้า คนตัวเล็กยืนค้างอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งร่างสูงใหญ่เดินอ้าปากหาวเข้ามาหา“ง่วงหรือยังปรางค์?”ปรางค์ปรียาชะงักเมื่อได้ยินเสียงเขาอยู่ใกล้เแค่นิดเดียว ไหนจะลมหายใจหนักเป็นห้วงๆ ที่กำลังเป่ารดลงมาบนศีร
หญิงสาวรีบเดินตามชายหนุ่มออกมาด้านนอก ร่างสูงรีบสาวเท้าเดินนำหน้า แล้วสอดส่ายสายตามมองหาคนที่อยู่บริเวณนี้ มาติชรีบเดินตรงเข้าไปหาชาวบ้านที่กำลังเดินมาหาปลาที่หนองน้ำทันที“คุณไปถามเขาหน่อยว่าจะกลับตัวเมืองได้ยังไง” มาติชหันมาสั่งคนถูกสั่งยอมทำตาม ไปหาชายชราที่กำลังเหวี่ยงแหหาปลา“คุณลุงคะ”ชายชราหันหน้ามาหา แล้วยิ้มให้กับหญิงสาวด้วยท่าทางเป็นมิตร“ว่าไงแม่หนู”“เอ่อ... หนูจะหาทางไปที่ตัวเมืองได้ยังไงคะ”ชาวบ้านครุ่นคิดครู่หนึ่ง“หนูเดินไปตรงหมู่บ้านข้างหน้านี้นะ พวกเขากำลังจะเข้าไปที่ตลาด หนูไปที่นั้นแล้วขอติดรถเขา แล้วไปต่อรถที่ตลาดอีกทีนะ”“ขอบคุณมากนะคะคุณลุง” พินอาภายิ้มกว้างอย่างมีความหวังพินอาภาเดินนำหน้าเขาเพื่อเข้าหมู่บ้าน ทุกคนในหมู่บ้านมองดูทั้งสองด้วยสีหน้าแปลกๆ มาติชทำหน้าไม่ถูกเมื่อเขาเป็นที่สนใจของชาวบ้านไม่น้อย หญิงสาวรีบเดินไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน เธอพยายามขอร้องให้หัวหน้าหมู่บ้านยอมให้ขึ้นรถโดยสารไปที่ตลาดด้วย“แล้วผัวเอ็งจะไปด้วยหรือเปล่านังหนู”หัวหน้าบ้านถามแล้วยิ้มออกมา“ไม่ใช่นะคะ!”หญิงสาวรีบปฏิเสธเสียงแข็ง“ไม่ต้องมาโกหกพวกข้าหรอก พวกข้าไม่ว่าอะไรหรอกถ้าเอ็งจะมีผั
ปัง!เสียงปืนดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ลูกัสรีบก้มหลบด้วยความตกใจ หญิงสาวได้ทีรีบยันเท้าเข้าลำตัวรีบเผ่นหนีออกมาจากที่บ้านนั้นอย่างไม่คิดชีวิต เธอวิ่งอยากไม่รู้ทิศทางขอเพียงแค่รอดไปได้ก็พอ เสียงฝีเท้าวิ่งตามมาด้านหลังยิ่งทำให้หวาดกลัวมากขึ้น“ว้าย!”เอวบางโดนโอบรัด กระชากเธอลงไปจนแผ่นหลังแตะกับพื้นที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้งโดยมีกายเขาทาบทับลงมาบนตัว“กรี๊ด!”หญิงสาวหวีดร้องสุดเสียงโดยที่ยังไม่ทันดูว่าเป็นใคร“อย่าร้อง!”เขารีบกระซิบบอกแต่ไม่ได้ผลเมื่อเธอหลับหูหลับตาร้องมืออีกข้างหนึ่งที่ว่างอยู่ถูกยกขึ้นมาปิดปากเธอไว้นั้น ยิ่งทำให้ความกลัวของคนถูกกระทำทวีคูณมากขึ้น มือบางสองข้างยกขึ้นมาประทุษร้ายอีกฝ่ายไม่หยุดให้ตายสิ อยากจะบ้าตายกับสถานการณ์แบบนี้จริงๆมือข้างที่ใช้ปิดปากถูกนำมารวบข้อมือสองข้างไว้แทน เมื่อปากเธอว่าง หญิงสาวเริ่มกรีดร้องด้วยความกลัวอีกครั้ง อีกฝ่ายเลยตัดสินใจก้มลงกดริมฝีปากทาบทับเพื่อให้เสียงเงียบลง“อื้อ!”บอดี้การ์ดหนุ่มถอนริมฝีปากออกมา เธอจ้องมองหน้าเขาเมื่อชัดเจนเลยสะอื้นออกมา ที่แท้เป็นเขา ผู้ชายที่คอยปกป้องเธอมาตลอด แม้จะปากร้ายและมีท่าทางเย็นชาแต่เขาก็ดีกับเธอเสมอ“
พินอาภานิ่งงันแล้วสะอื้นออกมาเพราะคำพูดของเขา จะให้เธอทำยังไงใ นเมื่อเรื่องในอดีตที่เพื่อนเคยโดนเจ้านายเขาทำร้าย เธอยังจำฝังใจ และเคยลั่นวาจา หากเกิดอะไรกับเพื่อนอีก จะขอปกป้องให้ถึงที่สุด แล้วเธอผิดหรือไง!กายสาวสั่นไหวด้วยแรงสะอื้นจนแผ่นหลังเขารับรู้ถึงสัมผัสนั้นได้ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผิดที่พลั้งปากต่อว่าเธอด้วยความโมโห เขาโกรธที่เธอวุ่นวายทำให้เขาทำงานยากขึ้นไปอีก เพราะต้องคอยปกป้องเธอ ลูกัสก็สร้างปัญหาให้เขามากพออยู่แล้ว เขายังต้องคอยกันเธอไม่ให้ถูกลูกัสระแวงหรือสงสัยความสัมพันธ์ของเธอกับผู้หญิงของเจ้านายอีกหากลูกัสรู้ว่าพินอาภาคือเพื่อนของปรางค์ปรียาแล้วล่ะก็ มีหวังเธอได้ถูกตามล่าไม่หยุดแน่ แทนที่เขาจะได้จับตามองมันอยู่ในที่ลับ เขาคงต้องเปิดเผยตัวออกมาเพื่อปกป้องเธอแทน“ผมขอโทษ ผมแค่ต้องการให้คุณเลิกยุ่งกับเรื่องนี้... มันอันตรายเกินไป”เขาบอกเสียงอ่อนลง“ฉันแค่เป็นห่วงเพื่อนมากแค่นั้น คุณก็รู้ว่าเรื่องในอดีตที่ผ่านมาปรางค์ทำเพื่อฉันมามาก...”มาติชไม่รู้จะพูดอะไรออกมาเขาทำได้แค่เพียงเงียบ ความเงียบคือคำตอบที่ดีที่สุด เพราะเขาเป็นคนพูดไม่เก่งปลอบใจใครไม่เป็น ยิ่งกับเพศตรงข้ามด้วยแ
นักฆ่าหนุ่มเฝ้าตามหาเป้าหมายที่เขาได้รับคำสั่งมา แต่กลับไม่ได้ข่าวคราวและวี่แววเลย ถ้าจะเค้นออกจากปากมาติชแล้วยิ่งยากเข้าไปใหญ่เพราะเขาไม่สามารถชนะผู้ชายคนนั้นได้เลยหากสู้กันซึ่งๆ หน้า ขบกรามแน่นสูดหายใจเข้าเต็มปอด มันต้องมีทาง จะตามหาผู้หญิงคนนั้นได้อย่างไรกัน ตัดสินใจต่อสายถึงเมแกน“นายครับ!”“ว่าไง”“ผมขอมือดีให้ผมซักสามคน”“แกคนเดียวไม่ไหวหรือไง!”“มาติชคอยขวางผมตลอด”เมแกนนิ่งเมื่อได้ยินชื่อมาติช เขายอมรับฝีมือผู้ชายคนนี้ เพราะเมื่อก่อนมาติชเองก็ยังเคยทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดให้กับเขา“ได้! ฉันจะส่งไปให้แกจัดการให้สำเร็จเร็วๆ ล่ะ ฉันจะต้องให้ลุคส์มันแต่งงานกับเอมม่าให้ได้”“ครับนาย”มาติชต่อสายถึงลุคส์ทันที หลังจากที่เครื่องออกไปได้เกือบสองวันแล้ว เขายังคงเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของลูกัสอยู่ตลอดเวลา เพราะคนอย่างลูกัสไม่เคยเลือกวิธีตามหาเป้าหมายที่มันต้องการได้“ว่าไงมาติช?”“นายถึงบ้านคุณเทเรซ่าเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ”“ใช่”“แล้วนายจะให้ผมไปฝรั่งเศสตอนนี้เลยหรือเปล่าครับ”เขาถามเจ้านายด้วยความรู้สึกกังวล เพราะฝรั่งเศสยังมีคนที่หมายตาปรางค์ปรียาอยู่คือเมแกนนั้นเอง“ยังไม่ต้องเฝ้าไอ
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เคลื่อนบินจอดลงตรงสนามบิน ลุคส์จูงมือลูกออกจากสนามบินโดยมีเธอเดินเคียงข้างไม่ห่าง รถยนต์มาจอดรับด้านหน้าเขารีบขึ้นไปนั่ง เมื่อเรียบร้อยรถจึงเคลื่อนออกทันทีเทเรซ่ายืนรอใจจดใจจ่อวันนี้เธอจะได้เห็นหน้าหลาน และยังได้เห็นเหลนเล็กๆ อีกคนหนึ่งเสียด้วย ทันทีที่รถของชายหนุ่มเข้ามาจอดเธอรีบเดินเข้ามาหาหลานชายที่กำลังลงจากรถ เทราซ่าลากลุคส์เข้ามาใกล้แล้วพรมจูบไปทั่วใบหน้า“มาหาน้าได้สักทีนะ คิดถึงหลานมากเลย”เทราซ่าบอกแล้วยิ้มออกมา“น้าครับอย่าทำแบบนี้เลย”“ทำไมล่ะ น้าทำแบบนี้กับหลานน้าบ่อยๆ ไม่ต้องเขินน้าหรอกนะพ่อหนุ่มน้อยของน้า”ชายหนุ่มพูดไม่ออก เหลือบมองไปทางหญิงสาวที่กำลังยืนอมยิ้มอยู่ใกล้ๆ เขา อาย... อาการนี้ เพิ่งรู้สึกก็ตอนที่น้ามาทำกับเขาแบบเมื่อกี้ ไม่ว่านานแค่ไหนน้าเทเรซ่าก็ไม่เคยเห็นว่าเขาโตสักทีสายตาของหญิงวัยกลางคนหันไปสบกับหญิงสาวหน้าตาสะสวย เธอยิ้มกว้างออกมาด้วยความยินดี ก่อนละสายตามองเด็กชายตัวน้อย เทเรซ่าก้าวเข้าหาแล้วจับมือเล็กไว้“เข้าไปกินขนมข้างในกันนะจ๊ะ”เทเรซ่าบอกกับเด็กชาย มืออีกข้างหนึ่งก็รั้งให้หญิงสาวเดินตามไปลุคส์รีบสาวเท้าเดินตามเข้าไปด้านใน
หญิงสาวเม้มริมฝีปาก ลุคส์ตัดสายแล้วหันมาทางเธอรั้งร่างบางนั่งลงเคียงข้าง ท่อนแขนโอบรัดรอบเอวแล้วเกยคางไว้ที่หัวไหล่ ปรางค์ปรียาสับสนกับการกระทำของเขา ลุคส์ต้องการสิ่งใดถึงได้ทำแบบนี้ หรือต้องการตัวลูกกลับไปด้วย เธอเดาทางไม่ถูกเลย“ไปฝรั่งเศสกับผมนะปรางค์ ผมขอร้อง หากคุณอยู่ที่นี่ จะมีอันตราย ผมจะปกป้องคุณได้ง่ายกว่า ถ้าคุณไปอยู่ฝรั่งเศสกับผม”ริมฝีปากบางเม้มแน่นสีหน้าเธอเต็มไปด้วยความกังวล ฝรั่งเศสอย่างนั้นหรือ? แล้วถ้าอยู่ที่นี่จะไม่ปลอดภัยจริงหรือเปล่า เขากำลังพูดจริงหรือโกหกให้ตายใจแล้วแอบพาไทม์หนีไปกันแน่“คุณอย่าลังเลเลยปรางค์ ผมขอร้องไปกับผมเถอะนะ ผมอยากปกป้องคุณและลูก”เขาบอกพลางซุกไซร้ซอกคอหอมกรุ่น เธอขนลุกเกรียว“อย่าทำแบบนี้สิคะ”เธอดุเขา“คุณตอบผมก่อนสิ ว่าจะไปหรือไม่ไป ถ้าคุณไม่ตอบผมจะทำต่อไปเรื่อยๆ”ชายหนุ่มเริ่มเอาแต่ใจตัวเอง“ไปค่ะไป พอได้แล้วนะคะอย่าทำแบบนี้เลย”เขายิ้มออกมาแล้วกอดเธอไว้แน่น ไทม์เดินเข้ามาหาแม่ เด็กชายยิ้มกว้างแล้วรีบวิ่งออกไปด้านนอก เพื่อปล่อยให้พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันอีกครั้งหลังจากแผลหายดีแล้ว ลุคส์จัดการพาหญิงสาวและไทม์ออกจากบ้านพักทันที เขาต้องแข่งกับเ
ร่างบางกัดริมฝีปากแน่นเพียะ!มือบางฟาดลงไปบนหน้าเขาน้ำตาคลอ ผู้ชายอะไรทุเรศที่สุด ลากเธอเข้ามา แถมลูกน้องก็ยังเต็มบ้าน เขาต้องการทำให้เธออับอายใช่ไหม“เลวที่สุด!”เธอบริภาษเขาทั้งน้ำตา“ที่ผมทำไปผมมีเหตุผล”“เสื้อฉันอยู่ที่ไหน!”มาติชขบกรามแน่นชูเสื้อในมือที่ขาดวิ่นเพราะแรงกระชากของเขา เขาไม่ได้ตั้งใจ ทำเพราะต้องการปกป้องเธอเท่านั้น ไม่อยากเห็นพินอาภากลายเป็นเหยื่อ“คุณเป็นบ้าอะไรถึงทำแบบนี้!”เธอต่อว่า แล้วผลักอกอีกฝ่ายด้วยแรงโทสะ“ผมทำเพื่อปกป้องคุณรู้ไว้แค่นั้น”เขาบอกเสียงเครียดพินอาภารีบใส่เสื้อมือไม้สั่น อยากจะบ้า ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกับสถานการณ์แสนทุเรศแบบนี้ ผู้ชายอะไรแย่ที่สุดหยาบคาย ป่าเถื่อน กักขฬะ ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ รีบเมินหน้าหนีแล้วสาวเท้าเดินออกจากบ้าน อารมณ์โกรธกำลังปะทุจนแทบถึงขีดสุดมาติชรีบคว้าท่อนแขน ส่งเสื้อหนังที่เขาใส่อยู่ให้ แต่หญิงสาวกลับปัดมันอกจนร่วงลงสู่พื้น เขารีบเก็บมันขึ้นมา“ใส่ซะ ถ้าคุณยังอยากรู้เรื่องของเพื่อนคุณ!”เขาสั่งเธอรีบหันมามองหน้าเขา กัดริมฝีปากแน่น จำต้องรับเสื้อมาสวมเอาไว้“ผมจะไปส่ง จะได้คุยกันด้วย”มาติชขับรถออกมา พินอาภาเปิดประตูลงน
เธอขมวดคิ้วและจับถ้อยคำที่เขาเพ้อออกมา เป็นเด็กขาดแม่หรือไงกัน โตจนป่านนี้ยังร้องเรียกหาแม่อีกเธอเป็นเด็กกำพร้ายังไม่ร้องเลยสักครั้ง“คุณลุคส์ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ”ไม่นานอ้อมกอดถูกคลายออก คนเจ็บนอนหายใจสม่ำเสมอในที่สุด เธอมองดูเขาแล้วลุกยืนสาวเท้าเพื่อไปดูบุตรชายอีกห้อง มองดูลูกกำลังหลับใหลในห้องนอนอีกห้องแล้วทอดถอนใจออกมา ลูกเธออายุแค่นี้ แต่ต้องมาพบเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายมากมาย ไม่อยากเชื่อว่าไทม์ต้องมาเสี่ยงอันตรายเพราะความผิดพลาดในอดีตของเธอ ลูบศีรษะบุตรชายแล้วจุมพิตหน้าผากเบาๆ ลุกยืนปลีกตัวออกมาด้านนอกห้องปรางค์ปรียาจัดหาผ้ามาปูนอนบนพื้นในห้องเดียวกับเขา เธอจำต้องดูแลยามค่ำคืน เพราะกลัวว่าเขาอาจมีไข้สูง เสียงครางปลุกให้ตื่นขึ้นมา เธอเห็นเขานอนตัวสั่นเหงื่อผุดออกมาเต็มใบหน้า หญิงสาวรีบใช้มือแตะหน้าผาก เธอสะดุ้งเพราะความร้อน หาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวเขา เพื่อลดพิษไข้จนกระทั่งความร้อนในร่างกายลดลง เกือบรุ่งเช้าเธอถึงได้นอน แสงแดดส่องเข้ามาปลุกให้ร่างสูงใหญ่ที่นอนหมดสภาพบนเตียงลืมตา เขาเหม่อมองสักพัก แล้วกวาดสายตารอบห้อง ก่อนหยุดลงที่ร่างบางซึ่งฟุบอยู่ข้างเตียงนี่เธอ... ดูแลเขามาทั้งคืนเ