หกปีผ่านไป ....
ร่างสูงใหญ่เอนกายลงนอนบนเก้าอี้ที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสของสายการบิน เขากำลังขยายธุรกิจรถยนต์เข้าสู่เมืองไทย จำต้องเดินทางไปติดต่องานที่นั้น เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ทว่าเขาไม่อาจหลงลืมใบหน้าแสนสวยของหญิงสาวชายไทยได้เลย ปรางค์ปรียาหากโชคชะตาสองเรามีอันต้องบรรจบ เขาขอให้ได้พบเธออีกสักครั้งก็ยังดี
หญิงสาวในชุดทำงานยืนอยู่ด้านหน้าประตูบ้าน มือจูงมือเด็กชายผมสีบลอนด์ เด็กคนนี้คือลูกของเธอ ลูกที่เกิดมาจากความผิดพลาด ผมและดวงตาทำให้ทุกคนรู้ว่าเธอไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนไทย เธอต้องอดทนต่อคำนินทามากมายจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ แม้รู้สึกเจ็บปวดแต่เมื่อได้เห็นหน้าบุตรชาย มันทำให้รู้สึกเหมือนโลกที่แบกไว้มลายลงไป
“แม่ครับ วันนี้ไทม์ไม่อยากไปโรงเรียนเลยครับ...” เด็กชายบอกแววตาหม่น
“ทำไมล่ะครับ?”เธอทรุดกายลงพร้อมกับจ้องมองใบหน้าลูกด้วยความสงสัย
“เพื่อนล้อผมทุกวันเลยครับแม่ ว่าผมเป็นลูกฝรั่งที่ไหนก็ไม่รู้ ผมไม่ชอบเลยครับ”
หัวใจกำลังเต้นตุบๆ ยิ่งเห็นหน้าลูกยิ่งสงสาร เธอเองรู้ดีว่ามันคงเป็นเช่นนี้อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง มือบางลูบศีรษะบุตรชายเบาๆ แล้วรั้งร่างเล็กมาโอบกอดไว้ ไทม์ลูกของเธอไม่เหมือนใค รแค่เพียงเดินผ่านก็สามารถมองออกว่าบิดาไม่ใช่คนไทย และนี้เป็นเหตุผลให้ทุกคนต่างคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงส่ำส่อน ไปเที่ยวเมืองนอกมีอะไรกับฝรั่งแล้วท้องไม่มีพ่อ
“ไทม์ต้องอดทนนะครับลูก ถ้าน้องไทม์ไม่เรียนหนังสือ เวลาไทม์โตขึ้นไทม์จะไม่มีงานทำเลี้ยงแม่นะครับ”
เด็กชายมองหน้ามารดาแล้วถอนหายใจออกมา ไม่นานรถโรงเรียนก็มาจอดหน้าบ้าน เขายอมละจากอ้อมกอดมารดา แล้วโบกมือให้ขึ้นรถไปโรงเรียน มองลูกขึ้นรถลับหายจากสายตา ในอกรวดร้าว สงสารลูกจับใจ รถยนต์จอดเทียบหน้าบ้านแทนรถโรงเรียน หญิงสาวจำต้องคลายเศร้าแล้วยิ้มให้แทน
เจ้าของรถชะโงกหน้าออกมา “ปรางค์ไปเร็วเดี๋ยวจะสาย วันนี้เห็นว่าจะมีการประชุมเรื่องรถนำเข้ายี่ห้อใหม่ซะด้วย” กวินภพเร่งเพื่อน
“รู้แล้ววิน”
ร่างบางเปิดประตูรถแล้วรีบนั่งลงข้างคนขับ เวลาผ่านมาเนิ่นนานแต่เธอไม่สามารถตกลงปลงใจกับกวินภพได้ เธอต้องนอนฝันซ้ำๆ ถึงชายใจร้าย หากเรื่องในอดีตอันแสนเศร้ายังไม่จางหาย เธอเองก็ไม่อาจลากเพื่อนที่แสนดีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเป็นอันขาด
“ปรางค์...แต่งงานกับวินเถอะนะ”กวินภพเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบภายในรถ
ปรางค์ปรียาก้มหน้านิ่งจำต้องแอบซ่อนความรู้สึก ที่ตัวเองต้องทนทุกข์ทรมานมานานแสนนาน เธอไม่อยากให้กวินภพต้องมารับเคราะห์ในเรื่องนี้ด้วย
“ล้อเราเล่นอีกแล้วนะวิน”หญิงสาวบอกพร้อมกับแสร้งยิ้มออกมา
“เราไมได้ล้อเล่นปรางค์เราพูดจริง!”
แววตากวินภพมีความจริงใจ เธอไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรให้เขาเข้าใจดี ภายในรถจึงกลายเป็นบรรยากาศที่ชวนอึดอัด
เขารู้ดีว่าเธอผ่านเรื่องอะไรมา เรื่องทุกอย่างปรางค์ไม่ใช่คนผิด เขายินดียอมรับทุกอย่างเพราะรักเธอมาก และหวังร่วมสร้างครอบครัวกับเธอ เวลาผ่านมานานมากแล้ว เขาไม่อยากรออีก
“แต่งงานกับเราเถอะนะปรางค์... ปรางค์ก็รู้ว่าเราไม่เคยรังเกียจเรื่องของปรางค์ แล้วเราก็รักไทม์มากด้วย”
ริมฝีปากบางสั่นระริก หัวใจกำลังสั่นอย่างช่วยไม่ได้ ภาพวันเก่าๆ มันย้อนกลับมาเล่นงาน และสิ่งนั้นมันทำให้เธอต้องลุกขึ้นมายามค่ำคืนบ่อยครั้ง เธอลืมชายคนนั้นไม่ได้เลยไม่รู้ว่าทำไม หากเธอต้องนอนเคียงข้างชายอีกคนแต่ฝันถึงอีกคนเธอคงทำไม่ได้
“ไม่ได้หรอกวิน... วินควรได้เจอผู้หญิงที่ดีกว่าปรางค์ ปรางค์อยากให้วินได้เจอผู้หญิงดีๆ สักคนที่ไม่ใช่ผู้หญิงที่มีราคีอย่างปรางค์”เธอบอกเขาเสียงเครือ
“เราไม่สน! ปรางค์ไม่ได้เป็นคนทำ ผู้ชายคนนั้นต่างหากที่ทำให้ปรางค์ต้องมาทนทุกข์ทรมานแบบนี้ เราไม่อยากเห็นปรางค์ต้องเป็นขี้ปากชาวบ้านอีกแล้ว ไทม์จะได้ไม่ต้องโดนเด็กคนอื่นมาล้อเลียนอีก”
มือบางกำแน่น น้ำใสๆ เริ่มเอ่อล้นออกมาจากดวงตา เจ็บปวดกับคำพูดของคนทั่วไปที่มองเธอเป็นผู้หญิงส่ำส่อนแต่เธอก็ไม่โทษใคร ไม่ว่าใครจะมองยังไง เธอก็ยังสามารถกัดฟันทนเลี้ยงลูกมาจนถึงทุกวันนี้ ไทม์เติบโตและมีความคิดเกินเด็ก เธอไม่เคยลำบากใจที่เลี้ยงลูกคนนี้เลย และรู้สึกเป็นสุขที่ไทม์มาเติบเต็มชีวิต หากเหตุการณ์ครั้งนั้นมันโหดร้ายจนยากจะลืมลง แต่อย่างน้อยสิ่งที่ทำให้เธอยิ้มได้ คือเขาได้ฝากของขวัญอันมีค่าไว้ให้เธอนั้นเอง
“เราทนได้วินและไทม์ก็ทนได้... เราขอโทษนะวิน แต่เรารับความหวังดีของวินไม่ได้หรอก” ปรางค์ปรียาตัดใจบอกความรู้สึกออกไป เธอไม่อยากให้เขามารออีกแล้ว
“ปรางค์ไม่เคยรักเราเลยเหรอ หรือว่าปรางค์รักผู้ชายคนนั้น!”
“เปล่าวินเราไม่ได้รักเขา แต่เราแค่ไม่อยากเอาเปรียบวินก็เท่านั้นเอง...”
“เราไม่รับคำปฏิเสธของปรางค์หรอกนะ เราจะรอวันที่ปรางค์ยอมรับเรา”เขาบอกพร้อมกับเร่งเครื่องยนต์
ชายหนุ่มยืนนิ่งทอดสายตา มองไปยังวิวแม่น้ำเจ้าพระยา จากโรงแรมหรูระดับห้าดาว มือหนากอดอกขึ้นอย่างใช้ความคิด ใบหน้าของหญิงสาว ที่เขาไม่เคยลืม และรสสัมผัสนั้นยังคงตราตึง อยู่ในความรู้สึกไม่เคยจาง เวลานี้เขายืนอยู่ในประเทศเดียวกันกับเธอแล้ว แล้วเธออยู่ที่ไหนกัน เขาจะสามารถหาเธอเจอได้หรือเปล่า บางทีเวลานี้ผู้หญิงคนนั้นอาจแต่งงานไปกับใครสักคนแล้วก็เป็นได้ลุคส์ถอนหายใจออกมา แล้วนั่งลงบนเก้าอี้กำมะหยี่มือหนาคว้าเอกสารตรงหน้าขึ้นมาแล้วกวาดสายตาอ่านทุกตัวอักษร เข้ามาลงทุนทำธุรกิจส่งออกรถที่ประเทศไทยและต้องการตัวแทนจำหน่าย เขารู้สึกถูกใจบริษัทนี้ที่มีระบบการทำงานที่ดีและมีเสถียรภาพ หากได้ร่วมงานกันคงทำให้ธุรกิจรุดหน้าไปไกลมากขึ้นอีก“มาติช ไปตามคุณวิศรุตมาคุยกับผมหน่อย”“ได้ครับ” มาติชรับคำเจ้านายแล้วก้าวออกไปครู่ใหญ่ชายรูปร่างสันทัดผิวขาวสวมแว่นก้าวเข้ามาในห้อง วิศรุตนั่งลงตรงข้ามเจ้าของห้อง ลุคส์หยิบเอกสารให้ดู“ช่วยติดต่อบริษัทนี้ให้ผมหน่อย ผมต้องการร่วมหุ้นกับเขา“ได้ครับคุณลุคส์”“ได้เรื่องยังไงรายงานผมด้วยนะ ผมจะได้จัดการเอกสารสัญญาการรวมทุนกัน”“ครับ”วิศรุตก้มศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินออกนอก
รถยนต์แล่นตามเส้นทาง ลุคส์เหม่อมองวิวเมืองไทยจนกระทั่งรถขับผ่านโรงเรียนประถมเอกชนแห่งหนึ่ง ปรางค์ปรียาจูงมือลูกออกมาจากโรงเรียนพร้อมกับเพื่อน การจราจรหยุดชะงักอยู่ด้านหน้าโรงเรียน ลุคส์ยังคงมองวิวเหมือนเดิม แต่ฉับพลันสายตากลับหยุดลง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันลมหายใจขาดหายเป็นห้วงๆ มือสั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อภาพที่เห็นทำให้เขาคิดว่าตนนั้นกำลังฝันอยู่ ชายหนุ่มพยายามตั้งสติ จ้องมองภาพของผู้หญิงคนหนึ่งจูงมือเด็กผู้ชายแล้วหยุดอยู่หน้าโรงเรียน ตัดสินใจขยับกายไปชิดหน้าต่างแล้วจ้องมองอย่างเอาเป็นเอาตายอีกครั้ง หัวใจเขากำลังเต้นตุบๆ ไม่เป็นจังหวะเมื่อยิ่งมองเขาก็ยิ่งมั่นใจ จำไม่ผิดแน่เป็นเธอแน่ๆ ผู้หญิงที่เขาไม่เคยลืมจนถึงตอนนี้ บอดี้การ์ดหนุ่มเหลือบมองนายตนด้วยความรู้สึกสงสัยกับท่าทีที่เปลี่ยนไป จึงหัน มองวิวนอกหน้าต่างที่เจ้านายให้ความสนใจอยู่ ดวงตาคมกริบเบิกกว้างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้เห็นลุคส์จ้องมองทุกการกระทำทุกอากัปกิริยา แล้วมองเลยไปถึงเด็กชายที่กำลังจูงมือเธอแน่น สายตาจ้องมองเด็กชายไม่วางตา เด็กคนนั้นหน้าตาผิวพรรณไม่ได้เกิดจากพ่อซึ่งเป็นชาวเอเชียแน่ เกิดอะไรขึ้น เด็กคนนั้นเป็นใคร
ลุคส์ขบกรามแน่น คิดแล้วไม่ผิดว่าต้องเป็นเธอ... การประชุมเริ่มขึ้นชายหนุ่มจึงหันไปสนใจกับงานแทน เขาจำต้องอดทนฟังหลายชั่วโมงผ่านไปจนกระทั่งจบ ชายหนุ่มรีบเดินออกจากห้อง แต่กลับไม่พบคนที่ต้องการจเอ ภูมิชัยมองตามด้วยความสงสัยก้าวเข้ามายืนเคียงหุ้นส่วนคนใหม่“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”ภูมิชัยถาม“เปล่าครับ”“ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกผมได้นะครับ”ชายหนุ่มลังเลเล็กน้อย เปิดปากถามคำถามภูมิชัยออกไปด้วยความสงสัย“ผู้หญิงที่เดินออกจากห้องมา เธอทำหน้าที่อะไรเหรอครับ?”ลุคส์ถาม“ผู้หญิงคนไหนเหรอครับ?”ภูมิชัยถาม เพราะผู้หญิงที่ออกมาจากห้องมีสองคน“คนที่เหมือนว่าจะไม่สบายน่ะครับ?”“อ๋อ ปรางค์ปรียาน่ะเหรอครับ เธอเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดของที่นี่ พอดีเธอเป็นเพื่อนลูกสาวของผม ผมเลยไหว้วานให้เธอช่วยเป็นเลขาจำเป็นแทนลูกสาวผมในวันนี้ครับ”ลุคส์มีสีหน้าครุ่นคิด พยักหน้าช้าพร้อมกับกล่าวขอบคุณภูมิชัย แล้วหันหลังเดินออกมา ภูมิชัยงุนงงๆ กับท่าทีของเขา“ใช่เธอจริงๆ ด้วยสินะปรางค์ปรียา” ชายหนุ่มพึมพำกับตนเองกวินภพรีบจูงมือเด็กชายมาที่บ้าน ปรางค์ปรียาเมื่อเห็นบุตรชายตนเองร่างบางรีบตรงเข้าไปกอดไว้พร้อมกับสะอื้น ไทม์มองมาร
ลุคส์เดินเข้าไปกระชากท่อนแขน แล้วรวบเอวบางไว้แน่น ดวงตากร้าวแข็งขึ้น ริมฝีปากหนายิ้มเหยียดออกมาเมื่อรู้สึกถึงอาการสั่นสะท้าน“เธอยังไม่ลืมฉันใช่ไหม ถึงได้สั่นแบบนี้...”เขาเย้ยหญิงสาวรีบดันแผงอก หันหน้าหนี พยายามดิ้นรนให้พ้นจากการกอดรัด แต่เธอรู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์“ฉันขอร้อง... ปล่อยฉันไปเถอะ... อย่าทำร้ายฉันอีกเลย ฉันทรมานเพราะคุณมามากแล้ว ฮือๆๆๆ”ปรางค์ปรียาอ้อนวอนพร้อมกับสะอื้นออกมา“เด็กคนนั้นเป็นลูกของฉันใช่ไหม?”เขาถาม“ไม่! เขาไม่ใช่ลูกคุณ!”หญิงสาวปฏิเสธทันควันเสียงเอะอะหน้าบ้านส่งผลให้ร่างเล็กรีบวิ่งออกมา เด็กน้อยยืนนิ่งเมื่อเห็นแม่กำลังร้องไห้ต่อหน้าผู้ชายร่างสูงใหญ่ ดูเหมือนเป็นคนต่างชาติ“แม่ครับ...”เด็กชายเรียกแม่เสียงเล็กๆ ทำให้ทั้งสองหันมามอง ลุคส์จ้องมองไปยังร่างเล็กแล้วพิจารณาดู ไม่ผิดแน่ลักษณะของเด็กคนนี้มีเค้าโครงเหมือนเขาตอนเด็กมาก สีผมของเด็กคนนั้นก็คล้ายกับเขา จะให้คิดว่าเป็นลูกคนอื่นได้ยังไง นอกจากผู้หญิงคนนี้จะไปมีความสัมพันธ์กับชาวต่างชาติคนอื่นที่ไม่ใช่เขาเธอชะงักเมื่อเห็นบุตรชายเดินมา ไทม์มองแม่แววตาสับสนผสมกับความหวาดหวั่น เขาไม่ชอบเลยผู้ชายคนนี้เป็นใคร
พินอาภาวางสายลงแล้วรีบวิ่งไปที่รถ ขับออกไปจนคนในบ้านตกใจไปตามๆ กัน ได้ยินเสียงเพื่อนสะอื้นมาตามสายเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ไม่คิดว่าลุคส์จะหันกลับมาจองล้างจองผลาญปรางค์อีก ทั้งๆ ที่เรื่องทุกอย่างเพื่อนเธอไม่ผิดสักนิด แล้วเขามีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้เสียงรถเบรกดังสนั่น เจ้าของรถลงมาแล้วเปิดประตูรั้วบ้าน เดินก้าวฉับฉับด้วยความโมโหปนสงสารเพื่อน โกรธแทน กล้าดียังไงมายุ่งวุ่นวาย มาถึงห้องนั่งเล่นเห็นปรางค์กำลังร่ำไห้โดยมีบุตรชายคอยปลอบ“ไทม์ไปนอนก่อนนะครับ เดี๋ยวน้าจะดูแม่ให้เอง”พินอาภาบอกหลานชาย“ครับน้าพิน”เด็นชายรับคำเสียงเศร้าแล้วเดินขึ้นชั้นสอง ไม่วายหันมามองแม่ด้วยความเป็นห่วงกุมมือเพื่อนไว้แล้วโอบไหล่ ไม่รู้จะทำยังไง ความจริงอยากให้พ่อยกเลิกสัญญาของบริษัทซะ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะหากทำแบบนั้นบริษัทจะถูกฟ้องร้องเป็นจำนวนเงินมหาศาล หากบิดาเธอรู้เรื่องนี้เข้า เธอมั่นใจว่าท่านจะต้องยกเลิกสัญญานั้นแน่ และมันอาจส่งผลให้ผู้คนมากมายต้องตกงาน เธอทำแบบนั้นไม่ได้ พ่อเป็นคนแน่วแน่ บุญคุณต้องทดแทน ครอบครัวเธอสัญญากันแล้วว่าจะไม่ให้ปรางค์ต้องทุกข์อีก ทว่าเธอกลับทำผิด ช่วยเพื่อนไม่ได้ มิหนำซ้ำยังต้องใ
รถของกวินภพมาจอดรอหญิงสาวที่หน้าบ้าน ร่างบางรีบจูงมือบุตรชายขึ้นรถ ไทม์บอกลามารดาแล้วเดินเข้าโรงเรียนหลังจากรถมาจอดเทียบด้านหน้าโรงเรียน เขาขับรถมาจอดตรงลานกว้าง ปรางค์ปรียานั่งนิ่ง ไม่อยากเข้าไปทำงานเอาเสียเลย เธอรู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังเข้าสู่สนามรบ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องเข้าไป เพราะวันนี้เธอตั้งใจขอย้ายสาขาต่างจังหวัดเพื่อตัดปัญหาซะ เธอไม่อยากให้เขามายุ่งกับลูก คำพูดโหดร้ายเหล่านั้นยังคงสะท้อนในโสตประสาทเจ้าของรถเปิดประตูให้ เธอก้าวลงมาแต่กลับสะดุด ดีที่เขาประคองไว้“เป็นอะไรหรือเปล่าปรางค์ วันนี้ปรางค์ดูเหม่อๆ นะ”“เปล่าเราไม่ได้เป็นอะไรหรอกวิน แค่รู้สึกเพลียๆ แค่นั้นเอง”“เหรอ งั้นว่างๆ เดี๋ยวเราพาไปหาหมอก็แล้วกันนะ”กวินภพบอกด้วยความเป็นห่วงลุคส์นั่งมองทั้งสองผ่านกระจกรถ มือหนากำแน่นด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างแรง เขาเปิดประตูออกจากรถทันทีที่เห็นภาพนั้นด้วยความหงุดหงิด เธอยืนรอลิฟท์กับเพื่อนไม่นานนักลิฟท์ลงมาจอด หญิงสาวรีบเดินเข้าด้านในตัวลิฟท์โดยมีกวินภพยืนเคียงข้าง ประตูลิฟท์กำลังจะปิดลง แต่ร่างสูงใช้มือกั้นไว้แล้วแทรกตัวเข้าไปทันที หญิงสาวชะงักที่เห็นหน้า คนกลัวก้มหน้าแล้วข
ลุคส์กระตุกยิ้มสีหน้ายินดี เขาคิดไว้แล้วว่ายังไงเสียภูมิชัยต้องแนะนำปรางค์ปรียาให้แน่นอน เพราะไม่อยากให้บริษัทตนเองเสียหน้า จะต้องส่งมือดีมาทำงานกับเขาแน่“งั้นก็ดีครับ ผมตกลง ผมต้องการให้เลขาใหม่มาทำงานกับผมด่วนเลยนะครับ เพราะผมต้องไปติดต่องานอีกหลายที่” ลุคส์แสร้งบอกความจำเป็น ทั้งที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย เขาก็แค่ต้องการระลึกวันเก่าๆ กับผู้หญิงคนนั้นเท่านั้นเอง“ได้เลยครับ ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุดเลย”“ขอบคุณมากครับ ผมขอตัวก่อน” เขาลุกยืนแล้วออกมาจากห้องร่างบางสงบสติอารมณ์ตนเองเรียบร้อย เดินออกจากห้องน้ำเพื่อทำงาน พอนั่งประจำโต๊ะเพื่อจัดการติดต่อลูกค้า เสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้น“ปรางค์ปรียาพูดค่ะ”“คุณปรางค์คะ ท่านประธานเชิญให้มาพบค่ะ”“ค่ะพี่แวว” หญิงสาวตอบรับแล้ววางสายประตูห้องประธานเปิดออก เธอมาถึงนั่งลงตรงเก้าอี้หนังสีดำหน้าโต๊ะทำงานกระจก ภมิชัยยิ้มแย้มทักทายสีหน้าอ่อนโยนเช่นเคย “ท่านประธานมีอะไรจะให้ปรางค์ทำเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถาม“ปรางค์พ่ออยากให้หนูไปทำงานเป็นเลขาหุ้นส่วนบริษัทคนใหม่ หนูพอจะจำได้ใช่ไหม เขาเป็นคนฝรั่งเศสชื่อลุคส์ วันนั้นที่เรามีประชุมกัน พอดีหนูป่วยเลยไม่ได้
คำพูดของเด็กชายส่งผลให้คนฟังถึงกับอึ้งพูดไม่ออก หลายปีที่ผ่านมาแม้ว่าเขาจะไม่ลืมเธอ แต่ก็ไม่เคยติดตามหาหรือสนใจ และไม่คิดว่าปรางค์ปรียาจะตั้งท้องลูกกับเขาด้วย ดันลืมนึกไป ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันไม่เคยป้องกันเลยสักครั้ง อยากนั่งอยู่ตรงนี้ต่อ แต่เขามีธุระต้องจัดการอีกมาก“ไทม์ตั้งใจเรียนนะครับ อามีธุระต้องไปทำ ไว้อาจะมาหาไทม์ใหม่นะ”“จะกลับแล้วเหรอครับ” เด็กชายถามเสียงแผ่วเห็นแววตาเด็กคนนี้แล้วลุคส์แทบไม่อยากไปไหน“ครับ เดี๋ยวอามาหาไทม์ใหม่นะ”“ครับคุณอา”ร่างเล็กถูกช้อนในอ้อมแขน ลุคส์พาเด็กชายไปส่งคุณครูแล้วขอตัวกลับทันทีปรางค์ปรียารีบกระหืดหระหอบมาโรงเรียน เมื่อเธอได้รับสายจากคุณครูว่ามีหนุ่มฝรั่งหน้าตาดีมาหาบุตรชาย หวังว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่คิด! ไม่นานนักร่างบางก็มาถึงโรงเรียนหญิงสาวรีบวิ่งไปด้านในจนบังเอิญชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งจนแทบล้ม เอวบางถูกคว้าไว้อย่างรวดเร็ว“ขอโทษนะคะฉันไม่ได้ตั้งใจ!”หญิงสาวขอโทษเขาทั้งๆ ที่ก้มหน้าอยู่“ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าเธอคงไม่ได้ตั้งใจ”สำเนียงภาษาไทยที่ค่อนข้างชัด แต่รู้ว่าเจ้าของคำพูดไม่ใช่คนไทย ส่งผลให้เธอเงยหน้าขึ้นมอง หญิงสาวชะงักรีบผลักเขาออกห่างด
ปรางค์ปรียายืนมองหญิงวัยกลางคน กำลังลากบุตรชายเข้าห้องน้ำ เรียบร้อยแล้วพามาทานขนม พออิ่มจึงเข้าห้องนอนกล่อมให้เสร็จสรรพ เธอแทบไม่ได้ทำอะไรเลย หญิงสาวก้าวเข้าห้องนอนของเทเรซ่า มองดูบุตรชาย ดูเหมือนไทม์เองกำลังหลับไป สีหน้าดูยิ้มแย้ม ลูกคงมีความสุข“เอ่อ...”หญิงสาวอึกอักไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดอะไรดีเทเรซ่าเหลือบมองแล้วยิ้มกว้าง เธอจดจำสายตาหลานเวลามองผู้หญิงคนนี้ได้ดี ไอ้หลานชายตัวดีคงต้องการใช้เวลาอยู่กับเธอบ้าง คนเป็นน้าจึงขอสร้างบรรยากาศแสนวิเศษนี้ให้“น้าขอให้ไทม์นอนกับน้านะจ๊ะ”เทเรซ่าบอก แล้วหันกลับไปสนใจต่อเด็กชายต่อ“แล้วปรางค์นอนที่ห้องไหนเหรอคะ?”“นอนกับลุคส์ไงจ๊ะ”หญิงสาวชะงัก เธอไม่อยากนอนกับเขา เรื่องในเครื่องบินก็แทบเอาตัวไม่รอด หากนอนร่วมห้อง ยังไงคงเสียเปรียบเขาอยู่ดี เจ้าของห้องเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งเลยลงมาจากเตียง ปรางค์ปรียาถอยห่างออกมาเมื่อเทเรซ่าจับลูกบิด ประตูไม้ถูกปิดลงต่อหน้า คนตัวเล็กยืนค้างอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งร่างสูงใหญ่เดินอ้าปากหาวเข้ามาหา“ง่วงหรือยังปรางค์?”ปรางค์ปรียาชะงักเมื่อได้ยินเสียงเขาอยู่ใกล้เแค่นิดเดียว ไหนจะลมหายใจหนักเป็นห้วงๆ ที่กำลังเป่ารดลงมาบนศีร
หญิงสาวรีบเดินตามชายหนุ่มออกมาด้านนอก ร่างสูงรีบสาวเท้าเดินนำหน้า แล้วสอดส่ายสายตามมองหาคนที่อยู่บริเวณนี้ มาติชรีบเดินตรงเข้าไปหาชาวบ้านที่กำลังเดินมาหาปลาที่หนองน้ำทันที“คุณไปถามเขาหน่อยว่าจะกลับตัวเมืองได้ยังไง” มาติชหันมาสั่งคนถูกสั่งยอมทำตาม ไปหาชายชราที่กำลังเหวี่ยงแหหาปลา“คุณลุงคะ”ชายชราหันหน้ามาหา แล้วยิ้มให้กับหญิงสาวด้วยท่าทางเป็นมิตร“ว่าไงแม่หนู”“เอ่อ... หนูจะหาทางไปที่ตัวเมืองได้ยังไงคะ”ชาวบ้านครุ่นคิดครู่หนึ่ง“หนูเดินไปตรงหมู่บ้านข้างหน้านี้นะ พวกเขากำลังจะเข้าไปที่ตลาด หนูไปที่นั้นแล้วขอติดรถเขา แล้วไปต่อรถที่ตลาดอีกทีนะ”“ขอบคุณมากนะคะคุณลุง” พินอาภายิ้มกว้างอย่างมีความหวังพินอาภาเดินนำหน้าเขาเพื่อเข้าหมู่บ้าน ทุกคนในหมู่บ้านมองดูทั้งสองด้วยสีหน้าแปลกๆ มาติชทำหน้าไม่ถูกเมื่อเขาเป็นที่สนใจของชาวบ้านไม่น้อย หญิงสาวรีบเดินไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน เธอพยายามขอร้องให้หัวหน้าหมู่บ้านยอมให้ขึ้นรถโดยสารไปที่ตลาดด้วย“แล้วผัวเอ็งจะไปด้วยหรือเปล่านังหนู”หัวหน้าบ้านถามแล้วยิ้มออกมา“ไม่ใช่นะคะ!”หญิงสาวรีบปฏิเสธเสียงแข็ง“ไม่ต้องมาโกหกพวกข้าหรอก พวกข้าไม่ว่าอะไรหรอกถ้าเอ็งจะมีผั
ปัง!เสียงปืนดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ลูกัสรีบก้มหลบด้วยความตกใจ หญิงสาวได้ทีรีบยันเท้าเข้าลำตัวรีบเผ่นหนีออกมาจากที่บ้านนั้นอย่างไม่คิดชีวิต เธอวิ่งอยากไม่รู้ทิศทางขอเพียงแค่รอดไปได้ก็พอ เสียงฝีเท้าวิ่งตามมาด้านหลังยิ่งทำให้หวาดกลัวมากขึ้น“ว้าย!”เอวบางโดนโอบรัด กระชากเธอลงไปจนแผ่นหลังแตะกับพื้นที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้งโดยมีกายเขาทาบทับลงมาบนตัว“กรี๊ด!”หญิงสาวหวีดร้องสุดเสียงโดยที่ยังไม่ทันดูว่าเป็นใคร“อย่าร้อง!”เขารีบกระซิบบอกแต่ไม่ได้ผลเมื่อเธอหลับหูหลับตาร้องมืออีกข้างหนึ่งที่ว่างอยู่ถูกยกขึ้นมาปิดปากเธอไว้นั้น ยิ่งทำให้ความกลัวของคนถูกกระทำทวีคูณมากขึ้น มือบางสองข้างยกขึ้นมาประทุษร้ายอีกฝ่ายไม่หยุดให้ตายสิ อยากจะบ้าตายกับสถานการณ์แบบนี้จริงๆมือข้างที่ใช้ปิดปากถูกนำมารวบข้อมือสองข้างไว้แทน เมื่อปากเธอว่าง หญิงสาวเริ่มกรีดร้องด้วยความกลัวอีกครั้ง อีกฝ่ายเลยตัดสินใจก้มลงกดริมฝีปากทาบทับเพื่อให้เสียงเงียบลง“อื้อ!”บอดี้การ์ดหนุ่มถอนริมฝีปากออกมา เธอจ้องมองหน้าเขาเมื่อชัดเจนเลยสะอื้นออกมา ที่แท้เป็นเขา ผู้ชายที่คอยปกป้องเธอมาตลอด แม้จะปากร้ายและมีท่าทางเย็นชาแต่เขาก็ดีกับเธอเสมอ“
พินอาภานิ่งงันแล้วสะอื้นออกมาเพราะคำพูดของเขา จะให้เธอทำยังไงใ นเมื่อเรื่องในอดีตที่เพื่อนเคยโดนเจ้านายเขาทำร้าย เธอยังจำฝังใจ และเคยลั่นวาจา หากเกิดอะไรกับเพื่อนอีก จะขอปกป้องให้ถึงที่สุด แล้วเธอผิดหรือไง!กายสาวสั่นไหวด้วยแรงสะอื้นจนแผ่นหลังเขารับรู้ถึงสัมผัสนั้นได้ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผิดที่พลั้งปากต่อว่าเธอด้วยความโมโห เขาโกรธที่เธอวุ่นวายทำให้เขาทำงานยากขึ้นไปอีก เพราะต้องคอยปกป้องเธอ ลูกัสก็สร้างปัญหาให้เขามากพออยู่แล้ว เขายังต้องคอยกันเธอไม่ให้ถูกลูกัสระแวงหรือสงสัยความสัมพันธ์ของเธอกับผู้หญิงของเจ้านายอีกหากลูกัสรู้ว่าพินอาภาคือเพื่อนของปรางค์ปรียาแล้วล่ะก็ มีหวังเธอได้ถูกตามล่าไม่หยุดแน่ แทนที่เขาจะได้จับตามองมันอยู่ในที่ลับ เขาคงต้องเปิดเผยตัวออกมาเพื่อปกป้องเธอแทน“ผมขอโทษ ผมแค่ต้องการให้คุณเลิกยุ่งกับเรื่องนี้... มันอันตรายเกินไป”เขาบอกเสียงอ่อนลง“ฉันแค่เป็นห่วงเพื่อนมากแค่นั้น คุณก็รู้ว่าเรื่องในอดีตที่ผ่านมาปรางค์ทำเพื่อฉันมามาก...”มาติชไม่รู้จะพูดอะไรออกมาเขาทำได้แค่เพียงเงียบ ความเงียบคือคำตอบที่ดีที่สุด เพราะเขาเป็นคนพูดไม่เก่งปลอบใจใครไม่เป็น ยิ่งกับเพศตรงข้ามด้วยแ
นักฆ่าหนุ่มเฝ้าตามหาเป้าหมายที่เขาได้รับคำสั่งมา แต่กลับไม่ได้ข่าวคราวและวี่แววเลย ถ้าจะเค้นออกจากปากมาติชแล้วยิ่งยากเข้าไปใหญ่เพราะเขาไม่สามารถชนะผู้ชายคนนั้นได้เลยหากสู้กันซึ่งๆ หน้า ขบกรามแน่นสูดหายใจเข้าเต็มปอด มันต้องมีทาง จะตามหาผู้หญิงคนนั้นได้อย่างไรกัน ตัดสินใจต่อสายถึงเมแกน“นายครับ!”“ว่าไง”“ผมขอมือดีให้ผมซักสามคน”“แกคนเดียวไม่ไหวหรือไง!”“มาติชคอยขวางผมตลอด”เมแกนนิ่งเมื่อได้ยินชื่อมาติช เขายอมรับฝีมือผู้ชายคนนี้ เพราะเมื่อก่อนมาติชเองก็ยังเคยทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดให้กับเขา“ได้! ฉันจะส่งไปให้แกจัดการให้สำเร็จเร็วๆ ล่ะ ฉันจะต้องให้ลุคส์มันแต่งงานกับเอมม่าให้ได้”“ครับนาย”มาติชต่อสายถึงลุคส์ทันที หลังจากที่เครื่องออกไปได้เกือบสองวันแล้ว เขายังคงเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของลูกัสอยู่ตลอดเวลา เพราะคนอย่างลูกัสไม่เคยเลือกวิธีตามหาเป้าหมายที่มันต้องการได้“ว่าไงมาติช?”“นายถึงบ้านคุณเทเรซ่าเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ”“ใช่”“แล้วนายจะให้ผมไปฝรั่งเศสตอนนี้เลยหรือเปล่าครับ”เขาถามเจ้านายด้วยความรู้สึกกังวล เพราะฝรั่งเศสยังมีคนที่หมายตาปรางค์ปรียาอยู่คือเมแกนนั้นเอง“ยังไม่ต้องเฝ้าไอ
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เคลื่อนบินจอดลงตรงสนามบิน ลุคส์จูงมือลูกออกจากสนามบินโดยมีเธอเดินเคียงข้างไม่ห่าง รถยนต์มาจอดรับด้านหน้าเขารีบขึ้นไปนั่ง เมื่อเรียบร้อยรถจึงเคลื่อนออกทันทีเทเรซ่ายืนรอใจจดใจจ่อวันนี้เธอจะได้เห็นหน้าหลาน และยังได้เห็นเหลนเล็กๆ อีกคนหนึ่งเสียด้วย ทันทีที่รถของชายหนุ่มเข้ามาจอดเธอรีบเดินเข้ามาหาหลานชายที่กำลังลงจากรถ เทราซ่าลากลุคส์เข้ามาใกล้แล้วพรมจูบไปทั่วใบหน้า“มาหาน้าได้สักทีนะ คิดถึงหลานมากเลย”เทราซ่าบอกแล้วยิ้มออกมา“น้าครับอย่าทำแบบนี้เลย”“ทำไมล่ะ น้าทำแบบนี้กับหลานน้าบ่อยๆ ไม่ต้องเขินน้าหรอกนะพ่อหนุ่มน้อยของน้า”ชายหนุ่มพูดไม่ออก เหลือบมองไปทางหญิงสาวที่กำลังยืนอมยิ้มอยู่ใกล้ๆ เขา อาย... อาการนี้ เพิ่งรู้สึกก็ตอนที่น้ามาทำกับเขาแบบเมื่อกี้ ไม่ว่านานแค่ไหนน้าเทเรซ่าก็ไม่เคยเห็นว่าเขาโตสักทีสายตาของหญิงวัยกลางคนหันไปสบกับหญิงสาวหน้าตาสะสวย เธอยิ้มกว้างออกมาด้วยความยินดี ก่อนละสายตามองเด็กชายตัวน้อย เทเรซ่าก้าวเข้าหาแล้วจับมือเล็กไว้“เข้าไปกินขนมข้างในกันนะจ๊ะ”เทเรซ่าบอกกับเด็กชาย มืออีกข้างหนึ่งก็รั้งให้หญิงสาวเดินตามไปลุคส์รีบสาวเท้าเดินตามเข้าไปด้านใน
หญิงสาวเม้มริมฝีปาก ลุคส์ตัดสายแล้วหันมาทางเธอรั้งร่างบางนั่งลงเคียงข้าง ท่อนแขนโอบรัดรอบเอวแล้วเกยคางไว้ที่หัวไหล่ ปรางค์ปรียาสับสนกับการกระทำของเขา ลุคส์ต้องการสิ่งใดถึงได้ทำแบบนี้ หรือต้องการตัวลูกกลับไปด้วย เธอเดาทางไม่ถูกเลย“ไปฝรั่งเศสกับผมนะปรางค์ ผมขอร้อง หากคุณอยู่ที่นี่ จะมีอันตราย ผมจะปกป้องคุณได้ง่ายกว่า ถ้าคุณไปอยู่ฝรั่งเศสกับผม”ริมฝีปากบางเม้มแน่นสีหน้าเธอเต็มไปด้วยความกังวล ฝรั่งเศสอย่างนั้นหรือ? แล้วถ้าอยู่ที่นี่จะไม่ปลอดภัยจริงหรือเปล่า เขากำลังพูดจริงหรือโกหกให้ตายใจแล้วแอบพาไทม์หนีไปกันแน่“คุณอย่าลังเลเลยปรางค์ ผมขอร้องไปกับผมเถอะนะ ผมอยากปกป้องคุณและลูก”เขาบอกพลางซุกไซร้ซอกคอหอมกรุ่น เธอขนลุกเกรียว“อย่าทำแบบนี้สิคะ”เธอดุเขา“คุณตอบผมก่อนสิ ว่าจะไปหรือไม่ไป ถ้าคุณไม่ตอบผมจะทำต่อไปเรื่อยๆ”ชายหนุ่มเริ่มเอาแต่ใจตัวเอง“ไปค่ะไป พอได้แล้วนะคะอย่าทำแบบนี้เลย”เขายิ้มออกมาแล้วกอดเธอไว้แน่น ไทม์เดินเข้ามาหาแม่ เด็กชายยิ้มกว้างแล้วรีบวิ่งออกไปด้านนอก เพื่อปล่อยให้พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันอีกครั้งหลังจากแผลหายดีแล้ว ลุคส์จัดการพาหญิงสาวและไทม์ออกจากบ้านพักทันที เขาต้องแข่งกับเ
ร่างบางกัดริมฝีปากแน่นเพียะ!มือบางฟาดลงไปบนหน้าเขาน้ำตาคลอ ผู้ชายอะไรทุเรศที่สุด ลากเธอเข้ามา แถมลูกน้องก็ยังเต็มบ้าน เขาต้องการทำให้เธออับอายใช่ไหม“เลวที่สุด!”เธอบริภาษเขาทั้งน้ำตา“ที่ผมทำไปผมมีเหตุผล”“เสื้อฉันอยู่ที่ไหน!”มาติชขบกรามแน่นชูเสื้อในมือที่ขาดวิ่นเพราะแรงกระชากของเขา เขาไม่ได้ตั้งใจ ทำเพราะต้องการปกป้องเธอเท่านั้น ไม่อยากเห็นพินอาภากลายเป็นเหยื่อ“คุณเป็นบ้าอะไรถึงทำแบบนี้!”เธอต่อว่า แล้วผลักอกอีกฝ่ายด้วยแรงโทสะ“ผมทำเพื่อปกป้องคุณรู้ไว้แค่นั้น”เขาบอกเสียงเครียดพินอาภารีบใส่เสื้อมือไม้สั่น อยากจะบ้า ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกับสถานการณ์แสนทุเรศแบบนี้ ผู้ชายอะไรแย่ที่สุดหยาบคาย ป่าเถื่อน กักขฬะ ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ รีบเมินหน้าหนีแล้วสาวเท้าเดินออกจากบ้าน อารมณ์โกรธกำลังปะทุจนแทบถึงขีดสุดมาติชรีบคว้าท่อนแขน ส่งเสื้อหนังที่เขาใส่อยู่ให้ แต่หญิงสาวกลับปัดมันอกจนร่วงลงสู่พื้น เขารีบเก็บมันขึ้นมา“ใส่ซะ ถ้าคุณยังอยากรู้เรื่องของเพื่อนคุณ!”เขาสั่งเธอรีบหันมามองหน้าเขา กัดริมฝีปากแน่น จำต้องรับเสื้อมาสวมเอาไว้“ผมจะไปส่ง จะได้คุยกันด้วย”มาติชขับรถออกมา พินอาภาเปิดประตูลงน
เธอขมวดคิ้วและจับถ้อยคำที่เขาเพ้อออกมา เป็นเด็กขาดแม่หรือไงกัน โตจนป่านนี้ยังร้องเรียกหาแม่อีกเธอเป็นเด็กกำพร้ายังไม่ร้องเลยสักครั้ง“คุณลุคส์ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ”ไม่นานอ้อมกอดถูกคลายออก คนเจ็บนอนหายใจสม่ำเสมอในที่สุด เธอมองดูเขาแล้วลุกยืนสาวเท้าเพื่อไปดูบุตรชายอีกห้อง มองดูลูกกำลังหลับใหลในห้องนอนอีกห้องแล้วทอดถอนใจออกมา ลูกเธออายุแค่นี้ แต่ต้องมาพบเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายมากมาย ไม่อยากเชื่อว่าไทม์ต้องมาเสี่ยงอันตรายเพราะความผิดพลาดในอดีตของเธอ ลูบศีรษะบุตรชายแล้วจุมพิตหน้าผากเบาๆ ลุกยืนปลีกตัวออกมาด้านนอกห้องปรางค์ปรียาจัดหาผ้ามาปูนอนบนพื้นในห้องเดียวกับเขา เธอจำต้องดูแลยามค่ำคืน เพราะกลัวว่าเขาอาจมีไข้สูง เสียงครางปลุกให้ตื่นขึ้นมา เธอเห็นเขานอนตัวสั่นเหงื่อผุดออกมาเต็มใบหน้า หญิงสาวรีบใช้มือแตะหน้าผาก เธอสะดุ้งเพราะความร้อน หาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวเขา เพื่อลดพิษไข้จนกระทั่งความร้อนในร่างกายลดลง เกือบรุ่งเช้าเธอถึงได้นอน แสงแดดส่องเข้ามาปลุกให้ร่างสูงใหญ่ที่นอนหมดสภาพบนเตียงลืมตา เขาเหม่อมองสักพัก แล้วกวาดสายตารอบห้อง ก่อนหยุดลงที่ร่างบางซึ่งฟุบอยู่ข้างเตียงนี่เธอ... ดูแลเขามาทั้งคืนเ