ฉากนี้ทำให้ทหารองครักษ์เหล่านั้นตกใจอย่างมากบางคนถึงกับชี้ไปที่โลงศพและตะโกนขึ้น "มี...มีบางอย่างกำลังจะออกมาจากข้างในหรือเปล่า? มันอาจจะเป็นปีศาจก็ได้!"อู๋หลางตบหัวชายคนนั้น "ทำตกใจไปได้ จะมีปีศาจมาจากไหนกัน?""แต่..."ลูกน้องคนนั้นยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง และเขาก็เริ่มรู้สึกขาอ่อน ที่นี่คือสุสานหลวง!สุสานหลวงตั้งอยู่มานานหลายร้อยปี ไม่เพียงแต่บรรจุบรรพบุรุษของแคว้นหนานเย่จากทุกยุคสมัยไว้นับไม่ถ้วนเท่านั้น แต่ยังมีผู้ที่ตายไปพร้อมกับความแค้นนับไม่ถ้วนด้วยแสงจากคบเพลิงในมือของเขาสั่นไหว รู้สึกได้ว่าอากาศรอบ ๆ เย็นลง ทุกคนที่อยู่ที่นี่ขนลุกชัน รู้สึกว่าอากาศเย็นยะเยือกนั้นกำลังจะเสียดแทงเข้าไปในกระดูกทันใดนั้น ฝาหีบศพแถวหนึ่งก็ลอยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เหมือนว่ามีบางอย่างระเบิดข้างในจนเสียงดังลั่นทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นตกใจ จากนั้นก็เห็นแสงไฟท่วมท้นพุ่งออกมาจากในหีบศพตรงมาทางพวกเขา"หนี! หนีเร็ว!"ทุกคนที่รู้สึกตัวก็หันกลับไปแล้ววิ่งหนีไปทันทีตอนนี้พวกเขาแยกไม่ออกแล้วว่าทางไหนเป็นทางไหน เพียงแต่เห็นว่าประตูข้างหน้าเปิดอยู่ก็รีบพุ่งเข้าไปทันทีอู๋หลางไม่ลืมที่จะลากตัวซูเช
ในพริบตาคนหนึ่งที่โดนลูกธนูเข้าก็ถูกไฟที่ปลายลูกธนูลุกไหม้เสื้อผ้าของเขาทันที แม้ลูกธนูจะไม่ได้พุ่งเข้าจุดสำคัญ แต่เขาไม่สามารถดับไฟได้ทันท่วงที มันเผาไหม้รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขาถูกเผาทั้งเป็นต่อหน้าทุกคน...ยอดฝีมือที่อู๋หลางพามาด้วยหยิบดาบยาวออกมาเพื่อสกัดกั้นลูกธนูไฟที่พุ่งเข้ามาได้ทั้งหมด ปกป้ององค์ชายใหญ่อย่างไร้ช่องโหว่เสียงดังก้องอยู่รอบข้าง อู๋หลางสีหน้าไม่สู้ดี ขณะที่พาคนอื่น ๆ ไปยังที่ปลอดภัย เขาก็มีสีหน้าเคร่งขรึม กัดฟันกรอดคนที่เหลือต่างรอดจากห่าลูกธนูเหล่านั้นอย่างยากลำบาก คนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ล้มลงบนพื้นด้วยความเหนื่อยอ่อนทหารองครักษ์เหล่านั้นต่างก็มีบาดแผลไม่มากก็น้อย ใบหน้าของพวกเขาก็มีรอยไหม้ ดูแล้วน่าสงสารอย่างยิ่งอู๋หลางหรี่ตาลง ดวงตาของเขามืดมนมาก "เพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน ทำไมถึงเจอกลไกมากมายขนาดนี้ และข้าก็สังเกตเห็นด้วยว่า ไม่น่าจะมีใครเผลอไปแตะต้องกับดักเลย!"ทันใดนั้น เขาก็มุ่งความสนใจไปที่เย่อวิ๋นถูซึ่งก็มีสภาพไม่ต่างกันกับพวกเขา“บอกข้าสิ นี่เจ้าเล่นตุกติกหรือเปล่า!”เขายืนขึ้น คว้าคอเสื้อของเย่อวิ๋นถูไว้ ดวงตาเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงอย่างไม่ป
เย่อวิ๋นถูหันไปมองอู๋หลาง "องค์ชายใหญ่ แม้ว่าพวกท่านจะพบสมบัติทองเงินพวกนี้ คนไม่กี่คนของพวกท่านก็ไม่สามารถขนทั้งหมดออกไปได้"ทันใดนั้นอู๋หลางก็เยาะเย้ย มองไปที่เย่อวิ๋นถูด้วยสีหน้าแปลกประหลาดเล็กน้อย“เจ้าคิดว่าข้าขาดเงินหรืออย่างไร?”เย่อวิ๋นถูสับสนเล็กน้อย "องค์ชายใหญ่หมายความว่าอย่างไร?"ทันใดนั้นอู๋หลางก็หัวเราะ ดวงตาของเขาดูเย็นชาและคมเข้มจากนั้นเขาก็พูดว่า "ข้าไม่เคยคิดจะนำสมบัติเงินทองเหล่านี้ออกไป แต่ข้าวางแผนที่จะทำลายพวกมันต่างหาก""ทำลาย?"เย่อวิ๋นถูแสดงสีหน้าตกตะลึงทันทีเขามองดูอู๋หลางด้วยความไม่เชื่อ“ใช่ ทรัพย์สินมีค่าเหล่านี้ ถ้าข้าจะขนย้ายออกจากที่นี่แล้วนำกลับไปที่แคว้นอู๋ตะวันตก ก็ยากพอ ๆ กับการปีนฟ้า แต่ถ้าจะทำลายพวกมันกลับง่ายมาก แค่ระเบิดที่นี่ให้หมด ก็จะไม่มีใครหาพบอีกต่อไปแล้ว เรื่องนี้จะเป็นการโจมตีที่รุนแรงสำหรับแคว้นหนานเย่อย่างแน่นอน และข้าก็จะได้ผลงานใหญ่ เมื่อกลับไป เสด็จพ่อของข้าจะต้องให้รางวัลข้าเพิ่มแน่!"สิ่งที่อู๋หลางพูดนั้นสมเหตุสมผล และเป็นไปตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่ต้นจนจบการค้นหาจุดชีพจรมังกรของแคว้นหนานเย่แล้วทำลายให้สิ้นซาก เป็นเป้าห
“เหตุใดจู่ ๆ จึงเกิดการสั่นสะเทือนรุนแรงเช่นนี้ได้?”ขณะที่เขากำลังสงสัย ประตูหินที่อยู่ไม่ไกลก็พลันพังทลายลงมา"แย่แล้ว ที่นี่ดูเหมือนจะถล่มลงมา!"อู๋หลางดูตกใจเล็กน้อย "ยังไม่ได้จุดระเบิดมิใช่หรือ?"“ทูลองค์ชาย กระหม่อมไม่ทราบสาเหตุ ประตูหินทลายลงมาแล้ว รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะพ่ะย่ะค่ะ!”อู๋หลางจ้องมองไปที่ประตูหินที่อยู่ไม่ไกลรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงมากขึ้นรอบตัวเขา สีหน้าของเขาย่ำแย่อย่างมาก ราวกับว่าตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาที่นี่ เขาก็ได้ตกหลุมพรางของบางคนเข้าแล้วเขาไม่ควรมาที่นี่ด้วยตนเองเลยแต่เขาก็จำเป็นต้องเอาบางสิ่งในจุดชีพจรมังกรไป เพื่อที่เขาจะได้พิสูจน์ได้ว่าเขาเคยมาที่นี่อู๋หลางรีบวิ่งเข้าไปภายใน สายตาจับจ้องไปที่โลงศพที่แขวนอยู่ด้านบน เขาได้ยินมาว่ามีจุดชีพจรมังกรแห่งนี้มีลูกแก้วมังกรซึ่งเป็นสมบัติที่สืบทอดมาของแคว้นหนานเย่มีเพียงการได้สิ่งนี้ไปเท่านั้น เขาถึงจะไม่มาเสียเที่ยวและการเสี่ยงภัยนี้จะไม่สูญเปล่า“องค์ชายใหญ่!”“ถ้าท่านไม่รีบไปตอนนี้ก็จะไม่ทันแล้ว!”บรรดาผู้ที่แยกย้ายกันไปวางระเบิด ตอนนี้รวบรวมดินระเบิดใหม่แล้ววางพวกมันไว้ที่ประตู ตั้งใจที่
“องค์ชาย!”มีคนอยู่ใกล้ ๆ ตะโกนด้วยความหวาดกลัวยอดฝีมืออันดับหนึ่งโยนคบเพลิงไปทันที หมายจะเผาแมลงกู่ที่บินออกมากลิ่นไหม้คลุ้งขึ้นพร้อมเสียงแตกดังในอากาศ ซากแมลงที่ถูกเผาหล่นลงสู่พื้นทุกอาณาบริเวณยอดฝีมือคนนั้นใบหน้าซีดเผือด ดวงตาหนาวเหน็บมองร่างไร้ชีวิตของอู๋หลาง และตะโกนด้วยเสียงเย็นเยียบ "องค์ชายสวรรคตแล้วและไม่มีใครรอดไปได้แน่ หากพวกเจ้าไม่ต้องการให้คนในตระกูลต้องตายตามไปด้วย ก็จงฆ่าพวกมันให้หมด!”เขาชี้ไปที่เย่อวิ๋นถูและคนอื่น ๆ เย่อวิ๋นถูไม่คาดคิดว่าสถานการณ์จะบานปลายมาถึงขั้นนี้ เช่นนั้นเขาจึงถอยกลับไปพร้อมกับคนของเขาอย่างรวดเร็วขณะนั้นไม่ทราบว่าใครจุดระเบิด เสียงตูมดังขึ้น และประตูหินถูกแรงระเบิดเปิดออกทันทีหลายคนที่อยู่ใกล้เคียงไม่สามารถโต้ตอบได้ ถูกรัศมีของการระเบิดกลืนกินไปในพริบตา!เย่อวิ๋นถูรู้สึกเวียนหัวจากแรงระเบิด โชคดีที่เขาอยู่ห่างจากจุดระเบิด จึงได้รับผลกระทบไม่มากนักเมื่อเห็นผู้คนจากแคว้นอู๋ตะวันตกรีบวิ่งเข้าหาพวกเขา เย่อวิ๋นถูก็มีสีหน้าบอกบุญไม่รับและรู้สึกเสียใจอีกหนที่มายังจุดชีพจรมังกรกับองค์ชายใหญ่ของแคว้นอู๋ตะวันตก!โชคร้ายอะไรเช่นนี้!“ไป เร
นี่คือสุสานของอดีตฮ่องเต้และการมาถึงที่นี่แสดงว่าทางออกอยู่ไม่ไกลเย่อวิ๋นถูรู้สึกมีความสุข รอยยิ้มอดไม่ได้ที่จะปรากฏในดวงตา"เร็ว!"เขาตะโกน พาคนของเขาสองคนไปที่โลงศพที่อยู่ข้างในเขารู้ว่าตอนสร้างสุสานนี้ได้ทิ้งทางลับไว้ ซึ่งอยู่ในโลงศพเเหล่านี้แค่เปิดฝาโลงและมุดเข้าไป ก็จะสามารถออกไปจากที่นี่ได้ถึงตอนนั้นเขาก็จะปลอดภัย!สีหน้าของเย่อวิ๋นถูเปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียด เมื่อเขานึกถึงการตายของอู๋หลาง เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะมีกลไกที่ร้ายกาจเช่นนี้ซ่อนอยู่ในห้องหินลึกสุดนั้นด้วย!ตราบใดที่แมลงเหล่านั้นสัมผัสกับผู้คน พวกมันก็สามารถเจาะเข้าไปในเนื้อหนัง และปล่อยพิษออกมาได้พิษนั้นร้ายแรงมากจนไม่มีโอกาสรักษา นับเป็นโชคร้ายของอู๋หลางที่ตกเป็นเป้าหมายทันทีที่เขาเข้าไปพวกเขาทั้งสามไปยกฝาโลงขึ้นพร้อมกัน เพราะพวกเขาไม่แน่ใจว่าเป็นโลงไหนพวกเขาจึงได้แต่ลองเปิดทีละฝาเท่านั้นเปิดออกอันหนึ่ง...ข้างในมีศพที่เน่าเปื่อยมาเป็นเวลานาน เหลือเพียงเสื้อผ้าและผิวหนังที่แห้งเหี่ยวสององครักษ์กลั้นความรู้สึกคลื่นไส้ไว้ แล้วไปเปิดโลงต่อไปเนื่องจากเสียเวลาไปเล็กน้อย เย่อวิ๋นถูจึงรู้สึกได้ชัดเจ
เย่อวิ๋นถูอยากจะฆ่าซูเชียนหลิงเสียเดี๋ยวนี้!เนื่องจากนางทำให้เขาเสียเวลา ยอดฝีมือจากแคว้นอู๋ตะวันตกจึงตามมาทัน แล้วยกมือฟันเขาด้วยดาบยาวเย่อวิ๋นถูกลิ้งไปกับพื้นในท่าที่น่าอับอาย แล้วรีบวิ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง แต่การหลบครั้งนี้แม้จะพ้นการโจมตี ทว่ากลับห่างจากทางออกมากขึ้นคนจากแคว้นอู๋ตะวันตกล้อมรอบเขา ดวงตาของเย่อวิ๋นถูแดงก่ำ“พวกเจ้านี่ช่างกล้าหักหลังกันเสียจริง ก่อนหน้านี้เราตกลงกันไว้แล้ว ข้าก็ร่วมมือกับองค์ชายของพวกเจ้าด้วยใจจริง แล้วพวกเจ้ากลับปฏิบัติต่อพันธมิตรเช่นนี้หรือ?”ยอดฝีมือจากแคว้นอู๋ตะวันตกแสยะยิ้มด้วยสีหน้าเย็นชา "องค์ชายของข้าสวรรคตไปแล้ว ตอนนี้มาพูดเรื่องนี้มัน... สายไปแล้ว!"คนเหล่านั้นลงมืออีกครั้ง รีบพุ่งเข้าหาเย่อวิ๋นถูเย่อวิ๋นถูกัดฟันและถอย แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางถอยไปไหนได้อีกแล้ว เพราะข้างหลังเขาคือกำแพงห้อง...เขากำลังจะต้องตาย!จะต้องตายด้วยน้ำมือของคนพวกนี้...แต่ทันใดนั้น คนที่พุ่งเข้ามาข้างหน้ากลับรู้สึกหมดแรงขึ้นมาในทันทีแม้แต่ยอดฝีมือระดับสูงของแคว้นอู๋ตะวันตกก็ยังรู้สึกว่าเขากำลังสูญเสียความแข็งแกร่งของตัวเองไปดาบยาวหล่นกระทบพื้น ร่างสูงและ
ริมฝีปากของซูเชียนหลิงยังคงสั่นไหว ร่างกายของนางก็สั่นเทาเช่นกัน เมื่อนางเห็นเย่เสวียนถิงเดินเข้ามาทางด้านหลังซูชิงอู่ รูม่านตาของนางก็หดตัวลง“พวกเจ้า...พวกเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”ซูชิงอู่เลิกคิ้วเล็กน้อย "ข้าไม่ได้บอกข่าวเรื่องจุดชีพจรมังกรอยู่ที่นี่หรอกหรือ? เจ้ายังมีหน้ามาถามข้าอีกว่าเหตุใดข้ามาอยู่ที่นี่ได้"คำพูดของนางคล้ายกับกำลังเย้ยหยันซูเชียนหลิงว่าโง่เขลาดวงตาของซูเชียนหลิงเบิกกว้าง ในที่สุดนางก็เข้าใจว่านางตกหลุมพรางของสตรีที่อยู่ตรงหน้ามาตั้งแต่แรกเริ่ม!ที่เรียกว่าความลับนั้น แท้จริงแล้วเป็นคำสั่งประหารของนาง!“ซูชิงอู่เจ้าใจดำอำมหิตยิ่งนัก! เหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนี้กับข้า!”ซูเชียนหลิงหายใจติดขัดด้วยความโกรธ จ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาอาฆาตแค้นความโกรธในใจของนางเผาผลาญความกลัวจนหมดสิ้น!หลังจากถูกใช้เป็นเพียงหมากมาตลอดจนในที่สุดก็ลงเอยอย่างน่าเวทนาเช่นนี้ สภาพจิตใจของซูเชียนหลิงจึงแตกสลายไม่มีชิ้นดีเส้นประสาทที่ตึงเครียดนั้นเปรียบเสมือนเชือกที่ขาดผึงลงได้ทุกเมื่อเมื่อเผชิญหน้ากับซูเชียนหลิงซึ่งขยับตัวไม่ได้ ซูชิงอู่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก นางหันไปมองทางเย่อวิ๋นถู
คนขายเนื้อทำสีหน้าหวาดกลัว “คนผู้นี้เลวทรามถึงเพียงนี้เลยรึ?”“เจ้าคอยระวังตัวเอาไว้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ทางนั้นตรวจดูเสร็จรึยัง? ไปกันต่อเถิด!”เมื่อกองกำลังทำการค้นหาเสร็จเรียบร้อย คนขายเนื้อก็ยิ้มมุมปากเบา ๆเขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะพบเบาะแสทางตะวันตกของเมืองเร็วถึงเพียงนี้หากเขาไม่ได้เตรียมพร้อมมาก่อนหน้านี้และรีบปลอมตัวโดยไว เขาก็คงจะถูกจับได้ไปแล้วคนขายเนื้อรีบเข้าไปยังพื้นที่ด้านในสุดของร้านเขาเหลือบมองหนอนกู่ที่ซ่อนเอาไว้ในตู้ในหนึ่ง และเมื่อเปิดตู้ใบนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววน่ากลัวออกมาผ่านมาหลายปี ดูเหมือนโลกภายนอกจะลืมความน่ากลัวของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เริ่มแรกนั้นพวกเขาได้ครอบครองตำแหน่งระดับสูงของราชวงศ์ในแคว้นต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่งในนามแต่มันสามารถแทรกแซงแคว้นนั้น ๆ และพลิกสถานการณ์ได้ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการแอบเข้าไปในพระราชวังเพื่อช่วยเหลือเจียงเฟยเอ๋อร์หากต้องการเข้าไปในพระราชวังมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาได้ก็ต้องใช้วิธีที่ต่างออกไปบุรุษผู้นั้นออกจากร้านขายเนื้อหมูที่ถูกตรวจค้นเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับปิดประตูร้านแสร้งทำเป็นออกไปทำธุร
หลังจากซูชิงอู่ส่งชิงอวี่ออกไปก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยซูชิงอู่หาคนมาวาดภาพเหมือนเจ้าอาวาสในปีที่แล้วและส่งต่อให้คนอื่น ๆ เพื่อช่วยกันค้นหา ซึ่งมันก็ผ่านมานานมากแล้ว และมีเพียงชิงอวี่เท่านั้นที่นำข่าวที่ได้รับการยืนยันกลับมาแจ้งนางแม้จะยังไม่ได้เจอคนผู้นั้น แต่ก็หมายความว่านางจะได้รู้ความจริงของการตายของท่านแม่เสียทีหลังจากสงบสติอารมณ์ได้ ซูชิงอู่ก็ตัดสินใจเดินทางไปทันทีนางอยากไปเจอจิ้งซินผู้นั้นด้วยตนเองและถามเขาว่าเหตุใดตอนนั้นเขาถึงฆ่าท่านแม่ของนาง!คืนเดียวกันนั้นซูชิงอู่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับเย่เสวียนถิงเมื่อเย่เสวียนถิงได้รับรู้เรื่องราวก็พยักหน้าเบา ๆ และตัดสินใจอย่างทันทีว่า “ข้าจะส่งคนไปจับเขามาให้เจ้า”ซูชิงอู่ได้ยินอีกฝ่ายตอบง่าย ๆ และห้วนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงและหัวเราะ“ได้”ตอนนี้มีศิษย์พี่ของเจียงเฟยเอ๋อร์คอยจับตาดูอยู่ในเมืองหลวง ซูชิงอู่จึงไม่สามารถไปหาคนผู้นั้นพร้อมกับชิงอวี่ได้บรรยากาศในเมืองหลวงเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆแม้แต่ฮ่องเต้เช่นเย่ชิวหมิงก็สังเกตเห็นสัญญาณของเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างที่กำลังจะตามมาเขาเคยได้ยินซูชิงอู่พูดว่าศัตรูที่ซ่อนตัวอ
ไป๋เฟิงก้มหัวลงอย่างเชื่อฟัง ราวกับมันได้กลายเป็นแมวตัวใหญ่ไปแล้วซูชิงอู่อดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าคงเหนื่อยแย่ วันนี้ทำได้ดีมาก”ในที่สุดก็ได้ใช้ประโยชน์จากไป๋เฟิง สมกับที่เลี้ยงมันมานานไป๋เฟิงยืนขึ้นและอ้าปากหาว ส่วนสิงโตขนทองคำที่อยู่ข้าง ๆ ย่องเข้ามาทางด้านหลังซูชิงอู่ และใช้หัวถูเอวของนางดูเหมือนว่ามันต้องการให้ซูชิงอู่ลูบมันด้วยคนอื่น ๆ มองไปยังซูชิงอู่ที่มีร่างกายบอบบางยืนอยู่ตรงหน้าสัตว์ดุร้ายทั้งสอง พวกเขาทั้งหมดก็พูดไม่ออกอยู่นานนี่มัน...ร้ายกาจเกินไปแล้ว!แม้แต่กลุ่มบุรุษร่างใหญ่เช่นพวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้สัตว์ดุร้ายทั้งสองแม้แต่ครึ่งก้าว ทว่าซูชิงอู่กลับสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับพวกมันได้อย่างกลมกลืนเหมือนพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงของนางเมื่อไม่ถูกยุงกัดและกินยาสมุนไพรที่ผสมไว้แล้ว ม้าทุกตัวในสนามฝึกก็สงบลงและกลับสู่ภาวะปกติทันทีที่ซูชิงอู่กลับมาถึงตำหนัก ก็เห็นหรงหย่าวิ่งเข้ามา“พระชายา เมื่อครู่มีคนมาพบท่านและบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรายงาน”“มีเรื่องด่วนอะไรรึ?”หรงหย่าส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ท่านไปดูก่อนเถิด”ซูชิงอู่สั่งให้คนพาผู้ส่งข่าวเข้ามาทันทีนางจ้อง
เลือดของแมลงวันติดอยู่ที่มือของซูชิงอู่ส่งกลิ่นแปลก ๆ ออกมาเมื่อซูชิงอู่มองชัด ๆ นางก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่แมลงวันแต่เป็น…แมลงมีปีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายแมลงวันปากของแมลงมีความคมมาก สามารถเจาะทะลุขนของสัตว์บางชนิดได้ง่าย ทว่าแมลงมีปีกชนิดนี้ไม่สนใจมนุษย์และจะกัดเฉพาะสัตว์เท่านั้นที่แท้นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้สัตว์ในเมืองหลวงบ้าคลั่งในช่วงหลายวันนี้!ซูชิงอู่ยังสังเกตเห็นว่ายุงเหล่านี้ถูกพิษและเมื่อพวกมันแพร่พันธุ์ ในไข่ก็มีสารพิษดังกล่าวติดไปด้วยขอเพียงแมลงเหล่านี้ยังกัดสัตว์ต่อไป สารพิษก็จะค่อย ๆ สะสมทีละน้อยสุดท้ายก็ถึงขั้นทำให้เสียสติ!คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีเจตนาชั่วร้ายหากนางไม่ค้นพบสิ่งนี้ก่อน เกรงว่าม้าศึกทั้งหมดจะต้องตายไปด้วยความบ้าคลั่งอีกทั้งยังไม่อาจทราบสาเหตุได้แน่นอนว่าม้าศึกเป็นส่วนสำคัญในกองทัพ หากทหารม้าเสียม้าไป ก็คงไม่ต่างไปจากคนอ่อนแอไร้ค่า...ซูชิงอู่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว“นำม้าทุกตัวไปไว้ในที่ปิดและหาทางฆ่าแมลงมีปีกเหล่านี้ให้สิ้นเสีย”รองแม่ทัพที่ติดตามนางมารีบจำคำสั่งนี้เอาไว้ทันที“รับทราบพ่ะย่ะค่ะพระชายา!”เขาก็รีบกระจายคำสั่งออก
เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินสิ่งที่ซูชิงอู่พูด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ซูชิงอู่ส่ายหัวทันที “ยาพิษนี้คงไม่ได้อยู่ในอาหารสัตว์ อีกทั้งเมื่อมาลองคิดดู สัตว์ป่าจำนวนมากที่อยู่ใกล้เมืองหลวง รวมไปถึงม้าศึกล้วนติดพิษกันหมด มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ไม่เป็นอะไร นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่มีใครสามารถวางยาพิษม้าศึกในเมืองหลวงได้อย่างเงียบ ๆ ”การวิเคราะห์ของซูชิงอู่นั้นสมเหตุสมผลมาก แม้แต่เย่เสวียนถิงเองก็ขมวดคิ้วขึ้นมาหากหาสาเหตุไม่พบก็แก้ปัญหาไม่ได้แม้จะรักษาม้าหนึ่งในนั้นจนหายขาด แต่ก็จะกลับมามีอาการเดิมในอีกไม่ช้าไม่ไกลกันนักก็มีนายทหารระดับสูงนายหนึ่งวิ่งเข้ามาเขาหอบหายใจและกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ทำการตรวจสอบเสบียงอาหารแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ”“น้ำล่ะ?”“ตรวจสอบน้ำแล้วเช่นกัน ไม่มีร่องรอยของการวางยาพิษเลยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินรายงาน เย่เสวียนถิงก็ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าคราวนี้แย่แล้วสิซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ช่วยทำให้ม้าทุกตัวสงบลงก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูรางอาหารม้าเอง”“ได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา กรุณารอสักครู่ ก
เริ่มแรก เขาสงสัยในเรื่องที่ซูชิงอู่เคยพูดจนเกิดความคิดจินตนาการบางส่วนขึ้นมา เรียกได้ว่าตอนกลางวันก็เอาแต่นึกถึง ตกกลางคืนก็เก็บมาฝันอีกแต่เขาไม่เคยได้ยินซูชิงอู่พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยจริง ๆเนื่องจากความฝันนั้นมันดูเพ้อเจ้อเกินไป เย่เสวียนถิงจึงไม่พูดออกมา เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับซูชิงอู่อย่างไม่มีเหตุผลหลายวันมานี้ซูชิงอู่อาศัยอยู่กับลูกน้อยทั้งสามของนางเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่นางห่างพวกเขาไปนานเด็ก ๆ ที่เพิ่งจะอายุได้ไม่กี่เดือนแต่กลับต้องห่างจากอ้อมอกของพ่อแม่ นั่นทำให้ซูชิงอู่รู้สึกผิดขึ้นมาดังนั้นนางจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องภายนอกมากนักทันใดนั้นนางก็นึกอะไรออกและถามว่า “เสวียนถิง ช่วงนี้หมาป่าเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ไม่ได้มีเพียงสัตว์ร้าย แต่ยังกระทบไปถึงม้าศึกด้วย ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเริ่มไม่เชื่อฟังคำสั่งกัน”“เดี๋ยวข้าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้เสียหน่อย”ซูชิงอู่รู้สึกได้โดยไม่รู้ตัวว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้เรื่องจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่มีผลกระทบกับมนุษย์มากนัก แต่นางก็รู้สึกอ
ทันใดนั้นหมอหลวงซุนก็เหมือนจะคิดอะไรออก “เหมือนกับตอนที่พระชายาใช้ดอกไม้ชนิดหนึ่งเพื่อทำให้ม้าพยศคลั่งใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“อืม ทำนองนั้นแหละ”สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่นางพบในเภสัชตำรับ และหากใช้มัน ผลลัพธ์ที่ได้จะน่าทึ่งมากแม้ลงมือไปอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่มีใครจับได้ปรมาจารย์มือวางพิษที่แท้จริงคือผู้ที่วางยาพิษโดยไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ เอาไว้“ขอบพระทัยพระชายาสำหรับคำชี้แนะ หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่าน กระหม่อมก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ปิดเภสัชตำรับ “ข้าท่องเภสัชตำรับนี้จนจำขึ้นใจ และเข้าใจเนื้อหาด้านในได้คร่าว ๆ เพียงแต่ยังไม่พบวิธีที่จะไขความลับที่อยู่ในนั้น หวังว่าท่านจะช่วยเรื่องนี้ได้”คราวนี้ ทุกคนเชื่อมั่นในคำพูดของซูชิงอู่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้สนใจ แต่พระชายากลับนำมาใช้งานได้ถึงขั้นนี้ ยังมีอะไรที่ต้องพูดกันอีกหรือ?ตาแก่เช่นพวกเขาที่อาศัยว่าตนอายุมากทำตัวอาวุโสดูถูกผู้อื่นนั้นเทียบเทียมพระชายาไม่ได้เลย!หลังจากที่ซูชิงอู่อธิบายเรื่องนี้จบ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแอบหลบออกมาทางประตูใหญ่นางกลัวว่าคนเหล่านั้นจะถามนางว่านางศึกษาเรียนรู้ทักษะทางการ
หมอหลวงซุนขมวดคิ้วเล็กน้อย“อย่าพูดไร้สาระ นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร? พระชายาไม่จำเป็นต้องโกหกพวกเราเลย โกหกพวกเราไปแล้วนางจะได้ประโยชน์อะไร?”คำพูดนี้ก็ถือว่ามีเหตุผลทุกคนต่างพูดไม่ออกทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ แล้วพลิกหน้าอ่านต่อไปพลิกหน้ากระดาษตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และอ่านจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นตำราทั้งเล่มถูกอ่านจนจบอย่างรวดเร็ว ทุกคนในสำนักหมอหลวงไม่ได้นอนมาสองวันสองคืน และตอนนี้ทุกคนดูเหนื่อยและมีสีหน้าทรุดโทรมเมื่ออ่านหน้าจนถึงสุดท้าย แม้แต่หมอหลวงซุนก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะเภสัชตำรับเล่มนี้บันทึกเฉพาะโรคและวัตถุดิบยาที่ธรรดาทั่วไปมาก ๆ บางส่วนเท่านั้นข้อแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวคือผู้อาวุโสเช่นพวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบยาหลายประเภทและพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆแม้จะไม่ไร้ประโยชน์ แต่ความคาดหวังกับผลลัพธ์ก็แตกต่างกันมากเลยทีเดียวถึงขั้นทำให้พวกเขาขาดความมั่นใจและอดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่น่ะหรือคือเภสัชตำรับที่ตระกูลฟางเฝ้าหวงแหนมานานหลายปี?ดวงตาของหมอหลวงซุนเต็มไปด้วยสีแดงก่ำที่เกิดจากการอดนอน“ในเมื่อเภสัชตำรับของตระกูลฟางไร้ประโยชน์ เช่นนั้นพระชายาไปเรียนรู้ทักษะด้านการแพทย์มา
“นี่คือวัตถุดิบยาและปริมาณที่คนผู้นั้นทำการวางยา ที่สำนักหมอหลวงของพวกท่านมีสิ่งนี้อยู่แล้ว หากจะทำยาถอนพิษก็คงไม่ใช่เรื่องยากกระมัง”“ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ ไม่ยาก!”หมอหลวงซุนยิ้มร่าราวกับได้รับสมบัติเขามองซูชิงอู่ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว แต่กลับเก่งกาจกว่าเหล่าคนชราเช่นพวกเขาเมื่อรวมกับเภสัชตำรับของตระกูลฟางที่ซูชิงอู่พูดถึง หมอหลวงเฒ่าก็ดีใจจนเนื้อเต้นหากได้เรียนรู้และกลายเป็นคนที่เก่งกาจเหมือนพระชายา ระดับความรู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วยหรือไม่?แต่หมอหลวงซุนไม่เคยรู้เลยว่าทุกสิ่งที่ซูชิงอู่เรียนรู้ไม่ได้มาจากเภสัชตำรับของตระกูลฟางในเภสัชตำรับเล่มนั้นมีความแตกต่างตรงจุดไหน ตัวซูชิงอู่ในตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำแม้ตอนตายไปในชาติก่อน เภสัชตำรับก็ถูกทำลายและไม่มีใครเห็นความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นจุดเด่นเพียงหนึ่งเดียวของเภสัชตำรับเล่มนั้นคือบันทึกข้อมูลวัตถุดิบยาจำนวนมากที่คนทั่วไปไม่ทราบและสรรพคุณลับบางส่วนบรรดาผู้อาวุโสของสำนักหมอหลวงพากันมาช่วยคิดค้นยาถอนพิษเพื่อที่จะได้อ่านเภสัชตำรับนั้นเร็ว ๆในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้นยาที่สามารถฟื้นฟูสติของสัตว์ร้ายได้ก็ถูกส่งมาให้ฮ่องเต้