ริมฝีปากของซูเชียนหลิงยังคงสั่นไหว ร่างกายของนางก็สั่นเทาเช่นกัน เมื่อนางเห็นเย่เสวียนถิงเดินเข้ามาทางด้านหลังซูชิงอู่ รูม่านตาของนางก็หดตัวลง“พวกเจ้า...พวกเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”ซูชิงอู่เลิกคิ้วเล็กน้อย "ข้าไม่ได้บอกข่าวเรื่องจุดชีพจรมังกรอยู่ที่นี่หรอกหรือ? เจ้ายังมีหน้ามาถามข้าอีกว่าเหตุใดข้ามาอยู่ที่นี่ได้"คำพูดของนางคล้ายกับกำลังเย้ยหยันซูเชียนหลิงว่าโง่เขลาดวงตาของซูเชียนหลิงเบิกกว้าง ในที่สุดนางก็เข้าใจว่านางตกหลุมพรางของสตรีที่อยู่ตรงหน้ามาตั้งแต่แรกเริ่ม!ที่เรียกว่าความลับนั้น แท้จริงแล้วเป็นคำสั่งประหารของนาง!“ซูชิงอู่เจ้าใจดำอำมหิตยิ่งนัก! เหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนี้กับข้า!”ซูเชียนหลิงหายใจติดขัดด้วยความโกรธ จ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาอาฆาตแค้นความโกรธในใจของนางเผาผลาญความกลัวจนหมดสิ้น!หลังจากถูกใช้เป็นเพียงหมากมาตลอดจนในที่สุดก็ลงเอยอย่างน่าเวทนาเช่นนี้ สภาพจิตใจของซูเชียนหลิงจึงแตกสลายไม่มีชิ้นดีเส้นประสาทที่ตึงเครียดนั้นเปรียบเสมือนเชือกที่ขาดผึงลงได้ทุกเมื่อเมื่อเผชิญหน้ากับซูเชียนหลิงซึ่งขยับตัวไม่ได้ ซูชิงอู่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก นางหันไปมองทางเย่อวิ๋นถู
ซูเชียนหลิงไม่กล้าเสียเวลาอีกต่อไป นางขยับขาเดินเข้าไปหาเย่อวิ๋นถูซูชิงอู่มองมองการแสดงตรงหน้า พลางคิดว่ามันช่างน่าขันนักเพื่อที่จะแต่งงานกับซูเชียนหลิง เย่อวิ๋นถูจึงถอนหมั้นกับนางเพื่อที่จะแต่งงานกับเย่อวิ๋นถู ซูเชียนหลิงถึงกับวางแผนให้นางมีมลทินคู่ชายหญิงที่เคยลอบเป็นชู้รักกัน เคยส่งสายตาหวานซึ้งให้กัน บัดนี้กลับต้องหันอาวุธเข้าหากันยิ่งเมื่อนางคิดถึงชีวิตครั้งก่อนที่ทั้งสองคนปรากฏตัวต่อหน้านาง นางก็รู้สึกว่าน่าขันยิ่งขึ้นเท่านั้น!เย่อวิ๋นถูไม่สามารถขยับร่างกายของเขาได้ในเวลานี้ เขาทำได้เพียงเบิกตากว้าง ปล่อยให้คนอื่นสังหารเขาได้ตามใจชอบ“ซูเชียนหลิง ตราบใดที่เจ้าไม่ฆ่าข้า ข้าสามารถให้เจ้ามากมาย ข้าสัญญาจะให้ตำแหน่งพระชายาแก่เจ้า รวมถึงทองคำและอัญมณีมากมายด้วย...”ซูเชียนหลิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ตอนนี้ใบหน้านางบิดเนี้ยว มองเย่อวิ๋นถูด้วยความผิดหวัง“เมือก่อนข้าเชื่อจริง ๆ ว่าท่านจะแต่งงานกับข้าแต่ไม่คิดเลยว่า พอข้าเจอปัญหาท่านกลับหนีไปเร็วกว่าใคร ตอนที่แม่ข้าตาย ท่านไปอยู่ที่ไหน ตอนที่ข้าถูกจับและถูกทรมาน ท่านไปอยู่ไหน?”ดวงตาของซูเชียนหลิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง นางก
สีหน้าท่าทางของเย่ชิวหมิงไม่เปลี่ยนแปลง ตอนนี้เขามีสิ่งที่เขาต้องการและมีคนที่อยากปกป้องแล้ว เช่นนั้นก็ต้องตอบแทนอย่างเหมาะสมยิ่งไปกว่านั้น เขารู้จักกับซูชิงอู่มานานและนางก็ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังหากอีกฝ่ายต้องการบัลลังก์ เขาก็ยินดีที่จะมอบให้โดยไม่ลังเลใจแม้แต่น้อยหลังจากพาทุกคนออกจากสุสานหลวงแล้ว เย่ชิวหมิงก็จัดการฝังพระศพของไทเฮาต่อไปราวกับไม่มีอะไรผิดปกตินี่คือภาระหน้าที่หลักของเขาในการมาที่นี่ ต้องทำออกมาให้ดีถึงจะถูกจนกระทั่งสองชั่วยามต่อมา โลงพระศพของไทเฮาที่ถูกฝังลงในสุสานของฮ่องเต้ผู้ล่วงลับก็ถูกปิดผนึกไว้อย่างสมบูรณ์ทางเข้าถูกปิดกั้น นับจากนี้ไป ไทเฮาจะกลายเป็นเพียงฝุ่นผงเมื่อประตูใหญ่สุสานหลวงปิดลงอีกครั้ง ผู้คนกลุ่มหนึ่งก็กลับมาที่พระราชวังหลังจากสวดภาวนาเพื่อไทเฮาเรียบร้อยแล้วและงานพระศพครั้งใหญ่นี้ก็ได้สิ้นสุดลงเย่อวิ๋นถูถูกหมอหลวงที่ติดตามมาด้วยนำตัวไปรักษา ตอนนี้เขายังอยู่ในภาวะหมดสติซูเชียนหลิงถูกจับมัดขังไว้ในกรง นางมีสีหน้าซีดเซียว อีกทั้งยังเกาะขอบกรงและเอาแต่พูดไม่หยุดว่า “ซูชิงอู่เป็นคนสั่งให้ข้าสังหารเขา ข้าไม่ใช่ฆาตกร ซูชิงอู่เป็นคนสั่งให้ข้าสั
ฮ่องเต้กลอกตาทอดพระเนตรไปยังทูตของแคว้นอู๋ตะวันตกที่อยู่ด้านล่าง“โอ้?”ผู้นำกลุ่มปรมาจารย์แห่งแคว้นอู๋ตะวันตกรีบกล่าวขึ้นทันที “องค์ชายใหญ่ของพวกข้าถูกองค์ชายสามแห่งแคว้นหนานเย่สังหาร พวกท่านต้องให้คำอธิบายถึงจะถูก!”เย่ชิวหมิงหรี่ตาลงเล็กน้อย “พวกเจ้าบุกรุกสถานที่สำคัญอย่างสุสานหลวงของแคว้นเรา ถูกจับได้คาหนังคาเขาเช่นนี้ยังจะมีหน้ามาเถียงข้าง ๆ คู ๆ อีก ช่างน่าขันเสียจริง!”ใบหน้าของชายฉกรรจ์ร่างใหญ่แข็งกระด้างมีท่าทีดุร้าย “หากพวกเราทุกคนตายอยู่ที่นี่ ฮ่องเต้ของพวกเราไม่มีวันปล่อยแคว้นหนานเย่ไปแน่!”เย่ชิวหมิงแค่นเสียงเย็นเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ขนาดพวกเจ้าอยู่ที่นี่ก็ยังคิดที่จะฉวยโอกาสล่วงล้ำแคว้นหนานเย่ให้ได้!”“ไม่ว่าจะพูดอย่างไร องค์ชายของพวกเราก็สิ้นพระชนม์ที่นี่เพราะถูกพวกท่านสังหาร!”คนที่อยู่ข้าง ๆ ตอบกลับมา ใบหน้าของคนเหล่านั้นแสดงสีหน้าของคนที่ยอมตายมากกว่ายอมจำนนเพียงแต่การแสดงออกเช่นนี้ตอนนี้ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูน่าขันทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการจัดการความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างทั้งสองแคว้นแล้ว ความจริงเป็นอย่างไรนั้นไม่สำคัญเลยฮ่องเต้เฒ่าได้ยินอย่างชัดเจนถึ
เย่เสวียนถิงดึงคอเสื้อของชายคนนั้นโดยไม่พูดอะไร จากนั้นก็โยนเขาออกจากพระตำหนักจินหลวน“อ๊าก…”มีเพียงเสียงกรีดร้องและเสียงดังตึง ชายคนนั้นล้มลงกับพื้นด้านนอก เสียงกระดูกหักทำเอาหลายคนพากันหวาดหวั่นการเคลื่อนไหวของเย่เสวียนถิงทำให้บรรดาขุนนางพากันตกตะลึง จากนั้นก็มีคนถามขึ้นมาว่า “ท่านอ๋องเสวียน นี่ท่านทำอะไร!”เย่เสวียนถิงเงยหน้ามองคนอื่น ๆ ด้วยสายตาเย็นชา “โทษฐานดูหมิ่นพระชายา ข้าไม่ดึงลิ้นของเขาออกมาก็ถือว่าดีเพียงใดแล้ว หากครั้งหน้าข้ายังได้ยินใครในหมู่พวกเจ้าพูดจาสามหาวใส่พระชายาอีก ข้าจะตีเรียงตัวเลยคอยดู!”“อ๋องเสวียน ท่าน…”เหล่าขุนนางอดไม่ได้ที่จะกลัวจนหัวหดเมื่อเห็นสายตาดุดันของเย่เสวียนถิงบางคนเงยหน้าขึ้นไปมองฮ่องเต้เฒ่าที่ประทับอยู่ด้านบน แต่กลับพบว่าทรงไม่แยแสและไม่คิดจะตำหนิอ๋องเสวียนแม้แต่น้อยบรรดาขุนนางเฒ่าต่างมองหน้ากันด้วยความสับสน เมื่อคิดได้ว่าแม้แต่มหาราชครูมู่หรงก็ยังอยู่ในกำมือของอ๋องเสวียน ความกล้าหาญที่พวกเขาเพิ่งรวบรวมไว้ก็ถูกเก็บกลับไปทันทีมีคนพูดขึ้นว่า “แม้สิ่งที่พระชายาเสวียนพูดจะเป็นเรื่องจริง แต่ว่า...ในแง่ของอำนาจของแคว้นและความแข็งแกร่งทางก
สายพระเนตรของฮ่องเต้เฒ่าจับจ้องไปยังใบหน้าของเซียวเฝิง ทรงจำได้ว่าผู้นี้คือจอหงวนฝ่ายบู๊คนปัจจุบันแม้แรกเริ่มตำแหน่งของเขาจะไม่สูง แต่เขาก็ประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงเวลาสั้น ๆ โดยอาศัยความสามารถของตัวเอง และเมื่อไม่นานมานี้ เขาได้นำคนไปช่วยเหลือองค์รัชทายาทและสังหารนักฆ่าไปมากมายมีบุคลิกนิ่งสงบให้ความรู้สึกเหมือนแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ และได้รับการเลื่อนตำแหน่งโดยเย่เสวียนถิงตอนนี้เขาเป็นผู้นำของกองกำลังเล็ก ๆทรงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วตรัสว่า “ได้”เมื่อเสี่ยวเฟิงได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเขาก็มีความประหลาดใจเล็กน้อยแต่หลังจากได้ยินคำพูดของฮ่องเต้เฒ่า ขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ในราชสำนักก็ส่งเสียงเซ็งแซ่ขึ้นมาทันที“ได้อย่างไรกัน หากเราเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีแคว้นอู๋ตะวันตกจะไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรือ?”“เหตุใดจู่ ๆ ฝ่าบาททรงตอบรับ!”“เราไม่มีเสบียงและทหารทำสงคราม จะเอาอะไรไปสู้?”การทำสงครามต้องเตรียมอะไรมากมายไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนให้กับทหารและเสบียง หรือการรับสมัครทหารและซื้อม้าล่วงหน้า ซึ่งต้องใช้เวลานานพอสมควรนอกจากนี้ห้ามเผยแพร่ข่าวสารออกไป หากมีคนภายนอกทราบนั่นคงจะแย่มากหากพวกเขาไม
บัดนี้ชายผู้นี้จะกลับเข้าสู่สนามรบอีกครั้งหรือ?ซูชิงอู่รู้ว่าเย่เสวียนถิงกำลังคิดอะไรอยู่ เขาไม่เคยอยากเป็นสัตว์ร้ายที่ถูกขัง แต่อยากเป็นราชสีห์ที่ต่อสู้ในสนามรบ!การนำกองทหารและเหล่าแม่ทัพไปทำลายล้างกองทหารศัตรูเป็นสิ่งที่เขาทำมายาวนานและเขาทำได้ดีมากเทพเจ้าแห่งสงครามผู้สง่างามซึ่งสั่งการกองทัพนับแสนคนจะเอาแต่ถูกกักบริเวณได้อย่างไร...ในฐานะพระชายา ซูชิงอู่จะไม่สนับสนุนเขาได้หรือนางจะไม่ทำให้เขาต้องกังวลกับสิ่งใด!ซูชิงอู่มองไปยังฮ่องเต้เฒ่าแล้วพูดอีกครั้ง “ฝ่าบาท ที่ท่านอ๋องเสวียนขอพระราชทานอนุญาตขอกองกำลังก็เพื่อประโยชน์ของแคว้นหนานเย่เพคะ”ดวงตาของฮ่องเต้เฒ่าขุ่นมัวเล็กน้อย และทรงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ข้าอนุญาตให้เจ้านำกองทหารสองแสนนายไปโจมตีแคว้นอู๋ตะวันตก!”เสียงของพระองค์สงบมาก จากนั้นก็ทรงหยิบพระราชโองการออกมาจากโต๊ะข้าง ๆ และส่งให้ขันทีหนุ่มเป็นผู้เขียนถ่ายทอด“อ๋องเสวียนฟังรับสั่ง!”เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตาของเขาจ้องมองไปยังฮ่องเต้เฒ่าเขาก้าวไปข้างหน้าและคุกเข่ารับคำสั่งต่อหน้าทุกคน“ลูกรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อมีการอ่านพระราชโองการของฮ่องเต้ท
ช่วงนี้จิตใจของฮ่องเต้เฒ่าไม่ค่อยมั่นคง ในวันปกติดูเหมือนจะสับสนเล็กน้อยแต่ทรงจำสิ่งหนึ่งได้ ซึ่งก็คือการฟังคำพูดของซูชิงอู่ซูชิงอู่พยักหน้าเล็กน้อยพลางเหลือบมองขันทีหนุ่มที่ติดตามฮ่องเต้เฒ่ามาด้วยขันทีหนุ่มก้มหน้าขอตัวจากไปทันทีบริเวณรอบ ๆ ไม่มีใครอยู่ อีกทั้งท้องฟ้าด้านนอกก็มืดครึ้ม ดังนั้นบรรยากาศจึงดูเปลี่ยวเล็กน้อย“ฝ่าบาททรงทำดีมากเพคะ”ทันใดนั้นฮ่องเต้เฒ่าก็หัวเราะ ดูเหมือนจะมีประกายในดวงตาพร่าด้วยความชราของเขา“ข้ารู้ว่าชิงอู่จะไม่ทำร้ายข้า”เมื่อซูชิงอู่ได้ยินฮ่องเต้ตรัสถึงเรื่องนั้น นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนถูกประชด“ฝ่าบาท โปรดทรงช่วยชิงอู่อีกเรื่องหนึ่ง…”ฮ่องเต้เฒ่าเริ่มจริงจังทันที “พูดมา ไม่ว่าเจ้าพูดอะไรข้าก็ย่อมทำตามอย่างแน่นอน…”ไม่พูดไม่ได้ว่าตั้งแต่ที่ฮ่องเต้เฒ่าประชวรและมีอาการเลอะเลือนก็กลายเป็นคนที่น่ารักขึ้นมาก ทว่าซูชิงอู่ก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้เขามีสภาพเช่นนี้แม้ตอนนี้จะทรงแสร้งทำ แต่อีกไม่นานมันก็จะกลายเป็นจริง“ขอทรงออกรับสั่งให้บุตรชายคนโตของตระกูลมู่หรงเข้าเมืองหลวงเพคะ!”ในฐานะผู้บังคับบัญชากองทัพ หากไม่มีเหตุการณ์สำคัญก็ห้ามเข้าเ