จู่ ๆ สีหน้าของเสนาบดีซูก็ขรึมขึ้น “ใครหน้าไหนมาพูดเรื่องไร้สาระที่นี่? แล้วเหตุใดถึงยังไม่โยนมันออกไป?!”คนรับใช้กล่าวว่า “ไม่ได้ขอรับท่านเสนาบดี ผู้ชายคนนั้นกำลังตะโกนอยู่บนถนนด้านนอก ดึงดูดผู้คนมากมายให้มาดู หากจัดการกับมันอย่างเร่งรีบ ชื่อเสียงของคุณหนูรองก็จะ…”นางหลิงลุกขึ้นจากพื้นและเช็ดหางตาของนางนางพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ท่านเสนาบดี พวกเราไปดูกันดีกว่าเจ้าค่ะ เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เกี่ยวกับชื่อเสียงของชิงอู่ …”ซูชิงอู่ค่อย ๆ ระงับประกายในดวงตาของนาง พลางยิ้มเยาะ “เอาสิ”นางหยิบป้ายวิญญาณบนโต๊ะแล้วหันหลังเดินออกไปจวนหลังนี้ไม่คู่ควรแก่การที่จะนำป้ายวิญญาณของท่านแม่มาตั้งไว้นางยื่นป้ายวิญญาณให้กับอวิ๋นจื่อที่ติดตามมา อวิ๋นจื่อหยิบมันอย่างระมัดระวัง เมื่อเดินผ่านเย่เสวียนถิง ซูชิงอู่ก็หยุดและเงยหน้ามองนางมองชายคนนั้นด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “ทางนี้ไกลนิดหน่อย ขาของท่านคงจะไม่สบายเอามาก ๆ หลังจากยืนเป็นเวลานาน ข้าจะช่วยท่านเดินเอง”ก่อนที่เย่เสวียนถิงจะได้ปฏิเสธ ซูชิงอู่ก็คว้าแขนของเขาไว้แล้วดวงตาของเย่เสวียนถิงขรึมลงครู่หนึ่ง ด้วยการช่วยเหลือของซูชิงอู่ ทำให้เขาเดินเร็วม
เพราะทั้งสองนั้นรู้จักกันอย่างถี่ถ้วนแล้วถึงแม้จะเป็นเพียงทางร่างกายก็ตามในชาติที่แล้ว ซูชิงอู่ตื่นตระหนกต่อคำว่าร้ายของชายที่อยู่นอกประตูนางหลิงแกล้งทำเป็นเป็นคนดีเพื่อปลอบใจนางและสั่งให้คนมาจับกุมชายคนนั้นแต่เย่เสวียนถิงหยิบดาบของเขาขึ้นมาและตัดหัวชายคนนั้นต่อหน้าทุกคนการฆ่าผู้คนบนท้องถนน แม้เย่เสวียนถิงจะเป็นผู้สืบเชื้อสายราชวงศ์ แต่เขาก็ไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความยุ่งยากครั้งใหญ่ เย่เสวียนถิงถูกฮ่องเต้เรียกตัวไปและไม่ได้กลับมาหลายวัน นางที่พักอยู่ในจวนของเสนาบดีสักพักหนึ่งเพื่อฟังข่าวลือทุกอย่างเกี่ยวกับนางทั้งภายนอกและภายในจวนในตอนนั้นชื่อเสียงของนางแย่มากจนขุนนางและภรรยาของชนชั้นสูงหลายคนที่นางเคยเป็นเพื่อนในอดีตไม่สนใจนางเท่าไหร่แล้วนางเหมือนกับกำลังวิ่งหนีจากโรคระบาดขณะนี้ ฉากที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตานาง แต่ซูชิงอู่กลับไม่กลัวเลยแม้แต่น้อยนางบีบมือของเย่เสวียนถิง ทันใดนั้นก็ยืนเขย่งเท้าและกระซิบที่ข้างหูเขา “เสวียนถิง ท่านเชื่อใจข้าหรือไม่?”กล้ามเนื้อของเย่เสวียนถิงแข็งทื่อลมหายใจอันอบอุ่นพัดผ่านหูของเขา ทำให้ใบหน้างามดั่งห
ให้เขาเข้ามาแล้วปิดประตูอย่างนั้นหรือ?ข้าเกรงว่าแม้นจะปิดประตูบานนี้ลงแล้ว ท่านก็ยังสามารถอาศัยปากของคนรับใช้ในจวนอัครเสนาบดีซูพูดไปตามที่ท่านต้องการได้อยู่วันยันค่ำ?ซูชิงอู่คนนี้จะไม่โง่เหมือนชีวิตครั้งก่อน และจะไม่หลงเชื่อคำพูดของหลิงซื่อที่พร่ำพูดว่า 'เห็นแก่ประโยชน์ของนางเอง' อย่างแน่นอนหลิงซื่อคิดไม่ถึงว่าซูชิงอู่จะกล้าพูดกับนางเช่นนี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย ความโกรธที่พุ่งพล่านขึ้นครู่หนึ่ง ทำให้นางกระสับกระส่ายไปทั้งร่าง และเวียนศรีษะเพราะโทสะเสียงของนางสั่น “สำหรับข้าแล้ว... นี่ก็เพื่อประโยชน์ของเจ้าเอง แต่เจ้ากลับปฏิบัติต่อความหวังดีของข้าราวกับข้าทำคุณบูชาโทษ...” อัครเสนาบดีซูที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อได้ยินซูชิงอู่พูดเช่นนี้ ใบหน้าของเขาก็มืดมนยิ่งขึ้นเขาพูดว่า “ซูชิงอู่ เห็นแก่หน้าของข้าเถอะ เจ้าอย่าทำให้ข้าต้องอับอายขายหน้าเช่นนี้เลย!”ซูชิงอู่กลอกตามองเขา "นี้ไม่สำคัญแล้ว ในเมื่อท่านนำนางเข้ามาและยกฐานะให้นางเป็นแม่เลี้ยงของข้า ท่านย่อมไม่มีความละอายใดหลงเหลือให้จะต้องอายอีก...”“เจ้า……”ดวงตาของอัครเสนาบดีซูเบิกกว้าง และโกรธซูชิงอู่มากเช่นกันเขายืนอยู่ตรงนั้นเอามือ
นางแนะนำตนเองต่อหน้าสาธารณชนดูเหมือนจะมีความภาคภูมิใจอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนบนใบหน้าที่ยิ้มแย้มนั้นราวกับได้บอกทั้งโลกให้รู้ถึงผู้ที่สำคัญที่สุดในใจของนาง และแนะนำเขาให้กับทุกคนที่นางรู้จัก รวมทั้งที่ไม่รู้ด้วยเมื่อเย่เสวียนถิงเห็นซูชิงอู่ทำเช่นนี้ จิตใจของเขาก็เกิดความรู้สึกที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ เมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยเริ่มเหี่ยวเฉาลงเช่นกันเหงื่อเย็นไหลลงมาบนหน้าผากของชายเนื้อตัวสกปรกผู้นั้นทันทีเขาอยากจะทิ้งสิ่งที่ถืออยู่ หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไปแต่เขารู้ว่าหากทำเช่นนั้นเขาจะไม่มีวันรอด เช่นนั้นเขาจึงทำได้เพียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือต่อไป "แม้... แม้ว่าท่านจะเป็นถึงพระชายาเสวียน แต่สิ่งที่ข้าพูดก็เป็นความจริง นี่... เสื้อชั้นในนี้เป็นของท่าน ท่านกล้าให้ใครมาตรวจปานบนร่างกายของท่านหรือไม่?”ซูชิงอู่พูดอย่างไม่แยแส "ถ้าเช่นนั้น ข้าเกรงว่าเจ้าจะเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่มีปานบนร่างกายเลย ท่านอ๋องรู้เรื่องนี้ดีที่สุด และเขาสามารถช่วยข้าเป็นพยานได้"เย่เสวียนถิงพยักหน้าเล็กน้อยเสียงของเขาเย็นชาและเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร "ผู้ที่ใส่ร้ายพระชายาและทำลายชื่อเสียงของพระชายา
จู่ ๆ ซูชิงอู่ก็ยิ้มและพูดขึ้นว่า "ท่านน้าหลิง ลองเรียกเขาเข้าไปในจวน แล้วปิดประตูจัดการเรื่องนี้ดีไหม? การเปิดประตูให้ชาวบ้านมุงดูเช่นนี้จะส่งผลต่อชื่อเสียงของซูเชียนหลิงได้นะ ท่านว่าไหม?"เย่เสวียนถิงพยักหน้าเล็กน้อยให้คนของเขาจากนั้นมีคนไปยังประตูจวนอัครเสนาบดีซูทันทีทันใดนั้นใบหน้าของหลิงซื่อก็ซีดลง และนางก็รีบวิ่งไปขว้างหน้าประตูไว้อย่างเงียบ ๆ เพื่อหยุดไม่ให้ใครปิดประตูในทันที“อย่าปิดประตู เรื่องนี้ต้องทำให้กระจ่าง เชียนหลิงของข้ายังเป็นเด็กสาวที่ยังไม่ออกเรือน นางจะไปข้องเกี่ยวกับคนป่าเถื่อนเช่นนี้ได้อย่างไร?!”เมื่อซูชิงอู่เห็นปฏิกิริยาของนาง นางก็อดไม่ได้ที่จะเย้ยหยันมากขึ้นเรื่อย ๆ "ท่านพ่อ ท่านเห็นมันด้วยตาของท่านเองและได้ยินมันด้วยหูของท่านเองมิใช่หรือ? ในตอนที่ชายผู้นี้ใส่ร้ายข้าเมื่อครู่ ท่านน้าก็พูดเองนี่ว่า นางต้องการปิดประตูและจัดการกับเรื่องนี้ แต่สุดท้ายพอเป็นคราวของซูเชียนหลิง นางกลับเปลี่ยนความคิดไปอีกทาง ท่านคิดว่าความตั้งใจของนางคืออะไรกัน?"ดวงตาของหลิงซื่อเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีนางกังวล แต่นางก็ไม่สามารถพูดอะไรเพื่อปฏิเสธออกไปได้ใบหน้าของอัครเสนาบดีซ
เมื่อพูดถึงการปกป้องพระชายาของเขา เย่เสวียนถิงนับว่าช่ำชองอย่างแท้จริงแม้ว่าเขาจะพูดโกหกตาใส แต่เขาก็พูดอย่างจริงใจและปราศจากท่าทีพิรุธแต่อย่างไรยามของจวนอัครเสนาบดีซูเดินเข้ามาทันที และคว้าคอเสื้อของชายผู้นั้นเอาไว้แล้วตบเขาทั้งซ้ายและขวาอย่างไม่ลังเลเสียงตบดังมากจนทำให้ผู้คนปวดหู ผู้ชมหลายคนรู้สึกราวกับเจ็บปวดเช่นเดียวกับชายผู้นั้นทันใดนั้น ใบหน้าของชายผู้นั้นก็ถูกตบจนบวมเหมือนหัวหมู แม้แต่จะพูด ก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำยามคนเดิมชักมือของตนกลับและยืนเงียบ ๆ ข้างเย่เสวียนถิงท่าทีของเย่เสวียนถิงเผยให้เห็นปัญหาอย่างชัดเจนยิ่งกว่านั้น ผู้คนที่สังเกตการณ์ต่างก็คิดว่าในฐานะองค์ชายแล้ว เย่เสวียนถิงถือเป็นศักดิ์ศรีของราชวงศ์ ผู้ใดจะละเมิดไม่ได้ เขาเป็นถึงท่านอ๋องจะอภิเษกกับสตรีขี้แพ้ได้อย่างไร?นั่นคงเป็นข่าวลือการกระทำของของเย่เสวียนถิง ถือเป็นการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของซูชิงอู่ทางอ้อมแต่ด้วยวิธีนี้ ความกดดันและปลายหอกล้วนพุ่งไปยังซูเชียนหลิงแทนซูเชียนหลิงสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง บุรุษและสตรีที่อยู่ตรงหน้านางเรียกได้ว่าเป็นภรรยาและสามีอย่างถูกต้องนางเคยเห็นปานสีแดงบนร่างกายขอ
ซูเชียนหลิงรีบปิดแผ่นหลังของนางทันทีใบหน้าของนางซีดเซียว รู้สึกได้ถึงผ้าที่ฉีกขาดใต้ฝ่ามือของนางเมื่อครู่ผ้าถูกซูชิงอู่ฟันจนขาดนางตั้งใจเช่นนี้!นางมีผื่นแดงตามร่างกายโดยไม่ทราบสาเหตุในช่วงสองวันที่ผ่านมา ผื่นไม่หนาแน่น แต่มีเพียงอาการคันเล็กน้อยซูเชียนหลิงคิดเพียงว่านางกินอะไรผิดสำแดงลงไปและนั่นคือเหตุผลว่าเหตุใดนางจึงเป็นเช่นนี้ นางเพียงต้องรออีกสักหน่อย มันก็จะหายไปเอง เช่นนั้นนางจึงไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้เลยแต่ตอนนี้นางกลายเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกะทันหันใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงและนางก็ส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง“ไม่ ไม่ใช่นะ นั่นไม่ใช่ปานแดง มันเป็นผื่นบนตัวข้าต่างหาก!”ซูชิงอู่หัวเราะเบา ๆ "เจ้าไม่ละอายในคำโกหกของตัวเองเลยหรือ? มีคนจับตาดูอยู่มากมาย จะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้เกิดขึ้นในโลกนี้ได้อย่างไร?"ใช่ มันจะบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร?!จิตใจของซูเชียนหลิงตะลึงไปชั่วขณะ นางไม่อาจเชื่อมโยงทุกสิ่งเข้าด้วยกันได้ แม้จะคำนวณทุกสิ่งแล้วก็ตามสิ่งเดียวที่นางนึกถึงคือของขวัญที่นางได้รับจากซูชิงอู่เมื่อครั้งไม่กี่วันนี้…แต่นางจะรู้ได้อย่างไรว่าวันนี้จะมีใครมาที
ลูกกระเดือกของเย่เสวียนถิงขยับขึ้นลงเล็กน้อย การถูกคนเย็นชาและร้อนแรงพิงอยู่ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้สัมผัสกับโลกแห่งน้ำแข็งและไฟทันใดนั้นเขาก็เอ่ยถามขึ้นเบา ๆ "เจ้าต้องการให้ข้าทำเช่นไร?"ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดซูชิงอู่ถึงเปลี่ยนไปเช่นนี้แม้ว่าเขาจะเป็นคนนอก ไม่ค่อยรู้เรื่องราวของตระกูลซูมากนัก แต่เขาก็ตระหนักถึงความทะเยอทะยานอันร้ายกาจของสองแม่ลูกตระกูลซูมานานแล้วเขาเคยเตือนซูชิงอู่อย่างอ้อม ๆ มาก่อน แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับกลายเป็นความรังเกียจมากขึ้นเรื่อย ๆ แทนเย่เสวียนถิงหลับตา ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกผ่อนคลายและเศร้าเล็กน้อย…ด้านความโล่งใจก็คือ เขาอาจรู้เหตุผลว่าทำไมจู่ ๆ ซูชิงอู่ถึงดีกับเขา และมีความเป็นไปได้สูงมากที่นางจะปรารถนาให้เขาช่วยจัดการกับคนในตระกูลซูด้านที่ทำให้เขารู้สึกเศร้า...เพราะเขารู้ถึงเหตุผลดังกล่าวแล้ว…ซูชิงอู่กะพริบตา และทันใดนั้นก็กอดแขนของเขาไว้แน่นเวลานี้ประตูหน้าจวนถูกปิดลงแล้ว หลิงซื่อก็รีบไปเกลี้ยกล่อมซูเชียนหลิง อัครเสนาบดีซูก็โกรธจัดจนหนีไปเช่นกัน ซูชิงอู่ไม่สนใจสายตาของคนรับใช้ นางจับหน้าเขา หรี่ตาลง ยิ้มแล้วถามว่า "เหตุใดท่านจึงถามเช