จู่ ๆ ซูชิงอู่ก็ยิ้มและพูดขึ้นว่า "ท่านน้าหลิง ลองเรียกเขาเข้าไปในจวน แล้วปิดประตูจัดการเรื่องนี้ดีไหม? การเปิดประตูให้ชาวบ้านมุงดูเช่นนี้จะส่งผลต่อชื่อเสียงของซูเชียนหลิงได้นะ ท่านว่าไหม?"เย่เสวียนถิงพยักหน้าเล็กน้อยให้คนของเขาจากนั้นมีคนไปยังประตูจวนอัครเสนาบดีซูทันทีทันใดนั้นใบหน้าของหลิงซื่อก็ซีดลง และนางก็รีบวิ่งไปขว้างหน้าประตูไว้อย่างเงียบ ๆ เพื่อหยุดไม่ให้ใครปิดประตูในทันที“อย่าปิดประตู เรื่องนี้ต้องทำให้กระจ่าง เชียนหลิงของข้ายังเป็นเด็กสาวที่ยังไม่ออกเรือน นางจะไปข้องเกี่ยวกับคนป่าเถื่อนเช่นนี้ได้อย่างไร?!”เมื่อซูชิงอู่เห็นปฏิกิริยาของนาง นางก็อดไม่ได้ที่จะเย้ยหยันมากขึ้นเรื่อย ๆ "ท่านพ่อ ท่านเห็นมันด้วยตาของท่านเองและได้ยินมันด้วยหูของท่านเองมิใช่หรือ? ในตอนที่ชายผู้นี้ใส่ร้ายข้าเมื่อครู่ ท่านน้าก็พูดเองนี่ว่า นางต้องการปิดประตูและจัดการกับเรื่องนี้ แต่สุดท้ายพอเป็นคราวของซูเชียนหลิง นางกลับเปลี่ยนความคิดไปอีกทาง ท่านคิดว่าความตั้งใจของนางคืออะไรกัน?"ดวงตาของหลิงซื่อเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีนางกังวล แต่นางก็ไม่สามารถพูดอะไรเพื่อปฏิเสธออกไปได้ใบหน้าของอัครเสนาบดีซ
เมื่อพูดถึงการปกป้องพระชายาของเขา เย่เสวียนถิงนับว่าช่ำชองอย่างแท้จริงแม้ว่าเขาจะพูดโกหกตาใส แต่เขาก็พูดอย่างจริงใจและปราศจากท่าทีพิรุธแต่อย่างไรยามของจวนอัครเสนาบดีซูเดินเข้ามาทันที และคว้าคอเสื้อของชายผู้นั้นเอาไว้แล้วตบเขาทั้งซ้ายและขวาอย่างไม่ลังเลเสียงตบดังมากจนทำให้ผู้คนปวดหู ผู้ชมหลายคนรู้สึกราวกับเจ็บปวดเช่นเดียวกับชายผู้นั้นทันใดนั้น ใบหน้าของชายผู้นั้นก็ถูกตบจนบวมเหมือนหัวหมู แม้แต่จะพูด ก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำยามคนเดิมชักมือของตนกลับและยืนเงียบ ๆ ข้างเย่เสวียนถิงท่าทีของเย่เสวียนถิงเผยให้เห็นปัญหาอย่างชัดเจนยิ่งกว่านั้น ผู้คนที่สังเกตการณ์ต่างก็คิดว่าในฐานะองค์ชายแล้ว เย่เสวียนถิงถือเป็นศักดิ์ศรีของราชวงศ์ ผู้ใดจะละเมิดไม่ได้ เขาเป็นถึงท่านอ๋องจะอภิเษกกับสตรีขี้แพ้ได้อย่างไร?นั่นคงเป็นข่าวลือการกระทำของของเย่เสวียนถิง ถือเป็นการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของซูชิงอู่ทางอ้อมแต่ด้วยวิธีนี้ ความกดดันและปลายหอกล้วนพุ่งไปยังซูเชียนหลิงแทนซูเชียนหลิงสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง บุรุษและสตรีที่อยู่ตรงหน้านางเรียกได้ว่าเป็นภรรยาและสามีอย่างถูกต้องนางเคยเห็นปานสีแดงบนร่างกายขอ
ซูเชียนหลิงรีบปิดแผ่นหลังของนางทันทีใบหน้าของนางซีดเซียว รู้สึกได้ถึงผ้าที่ฉีกขาดใต้ฝ่ามือของนางเมื่อครู่ผ้าถูกซูชิงอู่ฟันจนขาดนางตั้งใจเช่นนี้!นางมีผื่นแดงตามร่างกายโดยไม่ทราบสาเหตุในช่วงสองวันที่ผ่านมา ผื่นไม่หนาแน่น แต่มีเพียงอาการคันเล็กน้อยซูเชียนหลิงคิดเพียงว่านางกินอะไรผิดสำแดงลงไปและนั่นคือเหตุผลว่าเหตุใดนางจึงเป็นเช่นนี้ นางเพียงต้องรออีกสักหน่อย มันก็จะหายไปเอง เช่นนั้นนางจึงไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้เลยแต่ตอนนี้นางกลายเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกะทันหันใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงและนางก็ส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง“ไม่ ไม่ใช่นะ นั่นไม่ใช่ปานแดง มันเป็นผื่นบนตัวข้าต่างหาก!”ซูชิงอู่หัวเราะเบา ๆ "เจ้าไม่ละอายในคำโกหกของตัวเองเลยหรือ? มีคนจับตาดูอยู่มากมาย จะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้เกิดขึ้นในโลกนี้ได้อย่างไร?"ใช่ มันจะบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร?!จิตใจของซูเชียนหลิงตะลึงไปชั่วขณะ นางไม่อาจเชื่อมโยงทุกสิ่งเข้าด้วยกันได้ แม้จะคำนวณทุกสิ่งแล้วก็ตามสิ่งเดียวที่นางนึกถึงคือของขวัญที่นางได้รับจากซูชิงอู่เมื่อครั้งไม่กี่วันนี้…แต่นางจะรู้ได้อย่างไรว่าวันนี้จะมีใครมาที
ลูกกระเดือกของเย่เสวียนถิงขยับขึ้นลงเล็กน้อย การถูกคนเย็นชาและร้อนแรงพิงอยู่ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้สัมผัสกับโลกแห่งน้ำแข็งและไฟทันใดนั้นเขาก็เอ่ยถามขึ้นเบา ๆ "เจ้าต้องการให้ข้าทำเช่นไร?"ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดซูชิงอู่ถึงเปลี่ยนไปเช่นนี้แม้ว่าเขาจะเป็นคนนอก ไม่ค่อยรู้เรื่องราวของตระกูลซูมากนัก แต่เขาก็ตระหนักถึงความทะเยอทะยานอันร้ายกาจของสองแม่ลูกตระกูลซูมานานแล้วเขาเคยเตือนซูชิงอู่อย่างอ้อม ๆ มาก่อน แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับกลายเป็นความรังเกียจมากขึ้นเรื่อย ๆ แทนเย่เสวียนถิงหลับตา ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกผ่อนคลายและเศร้าเล็กน้อย…ด้านความโล่งใจก็คือ เขาอาจรู้เหตุผลว่าทำไมจู่ ๆ ซูชิงอู่ถึงดีกับเขา และมีความเป็นไปได้สูงมากที่นางจะปรารถนาให้เขาช่วยจัดการกับคนในตระกูลซูด้านที่ทำให้เขารู้สึกเศร้า...เพราะเขารู้ถึงเหตุผลดังกล่าวแล้ว…ซูชิงอู่กะพริบตา และทันใดนั้นก็กอดแขนของเขาไว้แน่นเวลานี้ประตูหน้าจวนถูกปิดลงแล้ว หลิงซื่อก็รีบไปเกลี้ยกล่อมซูเชียนหลิง อัครเสนาบดีซูก็โกรธจัดจนหนีไปเช่นกัน ซูชิงอู่ไม่สนใจสายตาของคนรับใช้ นางจับหน้าเขา หรี่ตาลง ยิ้มแล้วถามว่า "เหตุใดท่านจึงถามเช
เย่เสวียนถิงถูกซูชิงอู่พาไปที่ห้องบัญชีของอัครเสนาบดีซูด้วยความงุนงงพ่อบ้านกำลังมอบหมายงานให้คนรับใช้อยู่ที่ประตู เมื่อได้เห็นซูชิงอู่และเย่เสวียนถิงเดินมา เหงื่อเย็นก็ผุดบนหน้าผากเขาทันทีเขามองเห็นได้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นที่ประตู เขาจึงรู้โดยสัญชาตญาณว่าสถานการณ์ในจวนตอนนี้ไม่สู้ดีนักอัครเสนาบดีซูโกรธมาก ฮูหยินและบุตรีของเขากำลังพัวพันกับเรื่องซุบซิบนินทา และเขาต้องเผชิญหน้ากับคนทั้งสองเพียงลำพัง!“ข้าน้อยขอคารวะท่านอ๋องเสวียนและพระชายา!” ซูชิงอู่โบกมือแล้วพูดเข้าประเด็น "พ่อบ้านอวี๋ โปรดนำสมุดบัญชีทั้งหมดของจวนอัครเสนาบดีซูในช่วงสิบปีที่ผ่านมา มาให้ข้าด้วย"“หือ? อะไรนะขอรับ?”พ่อบ้านอวี๋ตะลึง “พระชายา แต่ว่าสมุดบัญชีเหล่านี้... จะนำออกมาให้ท่านได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากอัครเสนาบดีซูเท่านั้น หากท่านอัครเสนาบดีซูไม่อนุญาตเช่นนั้นข้าก็ไม่กล้าฝ่าฝืนกฎ!”ซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และตระหนักได้ว่าคงเป็นเรื่องยากสำหรับพ่อบ้านที่จะทำเช่นนี้ทันใดนั้นนางก็ยกมุมปากขึ้นแล้วยิ้ม จากนั้นจึงหรี่ตาลงแล้วถามว่า "ท่านรู้ไหมว่าท่านแม่ของข้าคือใคร?"“เอ่อ? ข้ารู้... ข้ารู้...”ซูช
เพราะในครานั้นหลิงซื่อเอาแต่พูดเป่าหูนางว่าได้จัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้สินสอดทองหมั้นอย่างพิถีพิถันให้นางมากเพียงใด และนางได้เลือกทุกอย่างอย่างระมัดระวัง…หลังจากนั้น นางจึงค้นพบว่าสิ่งเหล่านั้นคือของที่ซูเชียนหลิงไม่ชอบ เช่นนั้นแล้วนางจึงได้แต่ของเหลือเดนและความมั่งคั่งทั้งหมดที่อยู่ในมือของหลิงซื่อ ล้วนแล้วแต่เป็นข้าวของเงินตราของฟางอี๋ซิน ผู้เป็นมารดาของนางทั้งสิ้น…ซูชิงอู่กุมหน้าอกแค่คิดก็เจ็บปวดใจแล้ว!พ่อบ้านอวี๋ไม่ชักช้าให้เสียเวลารีบไปที่ด้านหลังของจวนเพื่อตามหาอัครเสนาบดีทันทีอัครเสนาบดีซูกำลังดื่มชาอยู่ที่โถงรับรอง เมื่อเขาได้ยินคำพูดของพ่อบ้าน เขาก็สำลักชาและไออยู่เป็นเวลานาน“แค่ก ๆ… เจ้า ว่าอย่างไรนะ ซูชิงอู่นางต้องการสมุดบัญชี!”“ใช่ขอรับ ท่านอัครเสนาบดี พระชายาขอให้ท่านคำนวณรายได้ในช่วงสิบสองปีที่ผ่านมาและส่งเงินให้นางที่จวนอ๋องโดยตรง”แก้มของอัครเสนาบดีซูเปลี่ยนเป็นสีแดง และดวงตาแดงก่ำมือและเท้าเย็น ทั่งร่างกายสั่นเทิ้มหากไม่ใช่เพราะร่างกายของเขาแข็งแกร่ง ป่านนี้ใบหน้าของเขาก็คงบิดเบี้ยวไปแล้ว…“สตรีฉาวโฉ่นั่นอยากทำอะไรกันแน่? หลังจากอภิเษกแล้ว นางก
เมื่อซูชิงอู่เห็นซูฉางเซิง นางก็ตื่นเต้นมากจนพูดไม่ออกเพราะนางไม่ได้เจอซูฉางเซิงมานานแล้วสองปีหลังจากนี้ ซูฉางเซิงจะเสียชีวิตด้วยอาการป่วย…ร่างกายของเขาอ่อนแอมาตั้งแต่กำเนิด ย้อนกลับไปตอนนั้น นางไม่มีความสามารถมากพอในการรักษาโรคของซูฉางเซิงได้ แม้ว่านางจะลองวิธีการนับไม่ถ้วน แต่ก็ไร้ประโยชน์อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นางสามารถรักษาเขาให้หายได้แล้ว!เมื่อซูชิงอู่คิดถึงสิ่งนี้ นางก็ถอนหายใจ ขอบตาเปลี่ยนเป็นสีแดง น้ำตาเอ่อล้นออกมา นางกอดร่างผอมเพรียวของพี่ห้าไว้ในขณะนี้ซูฉางเซิงตกตะลึงความเยือกเย็นบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาหายไป เสียงของเขาลดต่ำลงถึงขีดสุด และถามอย่างอ่อนโยนว่า "เด็กน้อย เจ้าเป็นอะไรไป?"ในขณะที่ลูบหลังของซูชิงอู่พลางปลอบประโลมนาง จากนั้นดวงตาของเขาก็จ้องมองไปที่เย่เสวียนถิงอย่างรวดเร็ว“มีใครรังแกเด็กน้อยของข้าหรือเปล่า?”ขณะที่ถูกจ้องมอง เย่เสวียนถิงตึงเครียดเล็กน้อยเขาเม้มริมฝีปากแน่น ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียวเขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ ซูชิงอู่ถึงเริ่มร้องไห้เมื่อนางเห็นซูฉางเซิง อาจเป็นเพราะเขาทำได้ไม่ดีพอจริง ๆ…นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้นางเศร้าโศกเมื่อนึกถึง
เขาจ้องมองที่เย่เสวียนถิงอย่างไร้ความเมตตา ความสงสัยเคลือบแคลงในดวงตาของเขายังคงไม่จางหายไป แต่เมื่อเขามองไปที่ซูชิงอู่ เสียงของเขาก็ค่อย ๆ สงบลง“ข้าไม่เชื่อเขา แต่ข้าเชื่อเจ้า”ซูชิงอู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พี่ห้าเก่งที่สุดที่จะรับมือเรื่องเช่นนี้เพราะเขาเอ็นดูนางเป็นพิเศษตั้งแต่เด็ก นางซึ่งเป็นน้องสาวที่อายุน้อยกว่าเขาเพียงสองปีนางเป็นบุตรีภรรยาเอกเพียงคนเดียวในตระกูล นางจึงเป็นดั่งแก้วตาดวงใจท่ามกลางเหล่าพี่ชายทั้งหลายเมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ซูชิงอู่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นหากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้แล้ว เมื่อครั้นนางขอความช่วยเหลือต่อพวกเขา พวกเขาคงไม่รีบช่วยเหลือนางอย่างไม่คิดลังเลเช่นนั้น…สุดท้ายพวกเขาถึงต้องจบชีวิตลง!ซูชิงอู่หันหน้าไปทางเย่เสวียนถิง นางขยิบตาขวาให้เขาท่าทางนั้นมีแววเล่นสนุกเจือปนอยู่เย่เสวียนถิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็รู้สึกราวกับก้อนหินขนาดใหญ่ที่กดทับหัวใจของเขาเอาไว้ถูกเคลื่อนออกไปในทันทีมุมริมฝีปากอันเย็นชาของเขาอดไม่ได้ที่จะโค้งขึ้นเล็กน้อยซูชิงอู่ถามอีกครั้ง "พี่ห้า ท่านคงมาที่นี่เพราะคำสั่งของท่านพ่อ เขาขอให้ท่านช่วยกล่อมข้า