“อ๊า!”จู่ ๆ หมอเทวดาหม่าก็ส่งเสียงกรีดร้อง ก่อนจะเอื้อมมือไปจับขาแล้วล้มลงกับพื้นฮ่องเต้และกุ้ยเฟยผู้สูงศักดิ์ต่างตกตะลึงกับการกระทำอย่างกะทันหันของซูชิงอู่เจียวกุ้ยเฟยถึงกับตะโกนเสียงดัง "ใครก็ได้มานี่ ชายาเสวียนกำลังทำร้ายผู้คนอย่างบ้าคลั่ง! จับตัวนางไว้"นางกำนัลอาวุโสของเจียวกุ้ยเฟยที่เฝ้าอยู่หน้าประตูบุกเข้ามาในห้องทันที นางเตรียมพร้อมจะลงมือกับซูชิงอู่ทว่าเย่เสวียนถิงกลับดึงซูชิงอู่เข้ามาในอ้อมแขนของเขา แล้วมองดูคนเหล่านั้นด้วยสายตาเย็นชา“ข้าอยากเห็นนักว่าใครจะกล้าบังอาจแตะต้องชายาเสวียน!”เหล่านางกำนัลอาวุโสหยุดฝีเท้า พวกนางหันหน้าไปมองเจียวกุ้ยเฟยด้วยความลำบากใจเจียวกุ้ยเฟยโกรธมากพร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างเกรี้ยวกราดว่า "อ๋องเสวียน เจ้าจะก่อกบฎใช่หรือไม่? ชายาเสวียนถืออาวุธตั้งใจจะแทงฝ่าบาท แต่เจ้ากลับยังกล้าปกป้องนางจากข้อกล่าวหานี้อีกหรือ?"เย่เสวียนถิงตอบโต้อย่างเย็นชา "ประการแรก ชายาเสวียนไม่ได้ถืออาวุธสังหาร ประการที่สอง ขณะนี้เป็นการประลองทักษะทางการแพทย์ ท่านโปรดอย่าได้รบกวนนาง หากมีผลกระทบต่อผลลัพธ์ เช่นนั้นแล้วท่านจะถูกตำหนิเอาได้""เช่นนี้หรือถือว่าเป็นการ
เขาไร้ซึ่งหนทางจะห้ามเลือดที่ไหลออกจากบาดแผลนั้นได้นี่มันเกิดอะไรขึ้น?หมอหม่าไม่รู้เลยว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับร่างกายของเขา ทันใดนั้นเขาก็มองไปยังเจียวกุ้ยเฟยและฮ่องเต้ เขาคุกเข่าลงต่อหน้าทั้งสอง ก่อนจะก้มหัวลงอย่างสิ้นหวังด้วยใจปรารถนาที่จะมีชีวิตรอด"ได้โปรดฝ่าบาทและกุ้ยเฟย ทรงช่วยชีวิต… ช่วยชีวิตกระหม่อมด้วย!"เลือดสีแดงสดเจิ่งนองไปทั่วพื้นทำให้ผู้ที่ได้เห็นต่างพากันรู้สึกสะอิดสะเอียนฮ่องเต้ถึงกับบีบจมูกไม่อาจทนมองดูภาพตรงหน้านี้ได้เหล่าข้าราชบริพารต่างรีบเข้ามาขวางทางเดินของหมอเทวดาหม่าทันที เพื่อยับยั้งไม่ให้เขาสร้างมลทินใดเปรอะเปื้อนต่ออาภรณ์ของฮ่องเต้ใบหน้าของเจียวกุ้ยเฟยบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด เมื่อมองดูผู้ที่ได้ชื่อว่าหมอเทวดา ซึ่งขณะนี้เขาทั้งไร้ประโยชน์ไม่อาจแม้แต่จะหยุดเลือดจากบาดแผลของตัวเองได้ นางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "หมอเทวดาหม่าเจ้าเป็นหมอ แต่ไม่อาจรักษาบาดแผลเล็ก ๆ นี้ได้กระนั้นหรือ?”หมอหม่ามีท่าทีกระอักกระอ่วนเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดเขาจึงไม่อาจห้ามเลือดจากบาดแผลนั้นได้แม้จะใช้วิธีต่าง ๆ มากมายก็ตาม ซูชิงอู่เย้ยหยัน นางพูดอย่างเคร่งขรึม "ใ
ใบหน้าของเจียวกุ้ยเฟยบิดเบี้ยวอย่างเห็นได้ชัดนางโกรธมากเสียจนหน้าเขียวฮ่องเต้พยักหน้าเบา ๆ "ลากหมอเทวดาจอมปลอมผู้นั้นออกไป สอบสวนเขาอย่างเข้มงวด ไม่ว่าใครก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชักจูงเจียวกุ้ยเฟยจะไม่ได้รับการยกเว้นเด็ดขาด!"“น้อมรับราชโองการ!”ราชองครักษ์เมื่อได้รับคำสั่งก็นำตัวหมอหม่าออกไปทันทีหากไม่มีใครห้ามเลือดให้ได้ หมอหม่าอาจเสียเลือดจนตายในไม่ช้าทว่าเวลานี้เขาได้ก่อความผิดร้ายแรงขึ้นแล้วไม่ว่าใครก็ไม่กล้ายื่นมือช่วยเหลือเขาได้ใบหน้าของฮ่องเต้มืดมนและน่าสะพรึงกลัว แต่เมื่อเขามองไปยังซูชิงอู่กับเย่เสวียนถิง การแสดงออกของเขาก็กลับมาอ่อนโยนเล็กน้อยเขาลดสายตาลง ก่อนจะมองไปที่ขาของเย่เสวียนถิง จากนั้นเอื้อมมือไปตบไหล่ของเขา“ลูกเอ๋ย พ่อไม่ได้คาดหวังว่าเจ้าจะได้รับบาดเจ็บหนักถึงเพียงนี้แม้ว่าเจ้าจะได้รับบาดเจ็บ ก็อย่าได้เป็นกังวล ข้าจะคิดหาทุกวิถีทางเพื่อรักษาเจ้าอย่างแน่นอน”เย่เสวียนถิงพูดอย่างสุขุม "ขอบพระทัยเสด็จพ่อสำหรับความห่วงใยของพระองค์ที่มีต่อกระหม่อม"ฮ่องเต้ไม่ได้พูดสิ่งใดอีก จากนั้นเขาจึงหันหลังกลับออกจากห้องโถงด้านข้างไปหลังจากที่ฮ่องเต้จากไปพร้
เย่เสวียนถิงลูบศีรษะของซูชิงอู่ใบหน้าอันเย็นชาและงดงามของบุรุษผู้นั้นดูอ่อนโยนอย่างยิ่งดวงตาหงส์ของเย่เสวียนถิงหรี่ลงเล็กน้อย เขาเอ่ยขึ้นเบา ๆ ว่า "ข้าเชื่อเจ้า"ซูชิงอู่สุขใจเป็นอย่างมากท้ายที่สุดแล้ว เมื่อนางแนะนำให้เขาใช้พิษผึ้งเพื่อทำให้ขาของตนดูเหมือนบาดเจ็บสาหัส อีกฝ่ายก็ทำตามโดยไม่ลังเลทันทีพวกเขาทั้งสองเพิ่งพักผ่อนในห้องโถงด้านข้างได้เพียงชั่วครู่ ทันใดนั้นกลับมีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกประตูนางกำนัลอาวุโสที่อยู่เคียงข้างซูเฟยรายงานที่นอกประตูว่า “ซูเฟยเชิญท่านทั้งสองไปที่ตำหนักจิ้งอี๋เพคะ”ตำหนักจิ้งอี๋เงียบมาก ซูเฟยกำลังนั่งรอทั้งสองคนอยู่บนที่นั่งหลัก เมื่อเห็นซูชิงอู่พยุงเย่เสวียนถิงเข้ามาทางประตู นางก็ลุกขึ้นก้าวเดินมายังด้านข้างของเย่เสวียนถิงทันที“เสวียนถิง อาการบาดเจ็บที่ขาเป็นเช่นไรบ้าง? เมื่อครู่ขันทีข้างกายฝ่าบาทส่งตราประทับหงส์มาให้แม่ อีกทั้งยังกล่าวว่าแม่ควรทำหน้าที่เป็นตัวแทนของหกตำหนักฝ่ายใน…”เห็นได้ชัดว่าซูเฟย ไม่ค่อยมีความสุขมากนักนางไม่ชอบการแย่งชิงอำนาจในวัง โชคดีที่ไม่มีใครยุ่งกับนาง แต่ จู่ ๆ การมีอำนาจในมือก็ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
ทันใดนั้น ซูชิงอู่ก็พูดแทรกขึ้นมาว่า "สิ่งที่คนภายนอกพูดกัน ล้วนแต่กล่าวว่าเป็นลูกในไส้หรือไม่ใช่ ล้วนต่างกัน!"ซูเฟยถูกขัดจังหวะ นางจ้องมองซูชิงอู่ด้วยใบหน้าซีดเซียว "เจ้าหมายความว่าอย่างไร?"ซูชิงอู่ตบหลังมือของเย่เสวียนถิงเบา ๆ จากนั้นจึงก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับแสดงสีหน้าเย้ยหยันเพื่อจัดการกับคนของนาง เช่นนั้นจะต้องโจมตีจุดอ่อนของนางเสียก่อน“หม่อมฉันพูดว่า ‘ซูเฟย’ ไม่ใช่มารดาโดยสายเลือดของท่านอ๋องจริง ๆ พระนางไม่เคยคำนึงถึงท่านอ๋องเลย ไม่อาจดูแลและมอบความรักให้ท่านอ๋อง ไม่อาจแม้แต่จะเปรียบเทียบท่านกับฮองเฮาหรือเหล่าชายาผู้สูงศักดิ์ที่มอบทั้งความรักความเอาใจใส่ต่อบุตรชายของพวกนางได้เลย!”ซูเฟยโกรธจัดและเอ่ยว่า "เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระ!"นางคิดว่านางใกล้ชิดกับเย่เสวียนถิงมากพอแล้ว ตั้งแต่วันที่นางรับเลี้ยงเขา นางก็ปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นบุตรชายของนางอย่างแท้จริงมาโดยตลอด ไม่เคยปฏิบัติต่อเขารุนแรงเลยสักครั้งในเวลานั้น เย่เสวียนถิงที่ถูกทิ้งขว้างโดยไร้คนเหลียวแลน่าสงสารจริง ๆ นางจึงรับเลี้ยงเย่เสวียนถิงไว้การดูแลของนางนั้นนับว่าเป็นความเมตตาอย่างมากอยู่แล้ว!ซูเฟยมองไปยังเย่
เป็นตามที่นางคาดการณ์ไว้ นางได้ยินซูชิงอู่พูดต่อว่า "เช่นนั้นแล้วหากพระนางไม่ต้องการ พระนางก็จงเลือกเป็นซูเฟยต่อไป อย่าได้ข้องเกี่ยวสิ่งใดกับท่านอ๋อง แต่หากพระนางต้องการยืนหยัดเคียงข้างท่านอ๋อง พระนางต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือเขา" แม้ว่าซูเฟยจะมีนิสัยอ่อนโยน แต่นางก็ไม่ใช่คนโง่ที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ว่าซูชิงอู่หมายถึงอะไรซูเฟยมองไปที่เย่เสวียนถิงอีกครั้ง ร่างกายของนางสั่นเล็กน้อย "เสวียนถิง เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้า..."เย่เสวียนถิงพูดขึ้นอย่างไม่ลังเล "ความปรารถนาของชายาเสวียน ก็คือความปรารถนาของลูกเช่นกัน"เมื่อถูกบังคับให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ทันใดนั้นซูเฟยก็สงบลงทันที นางยังคงเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ ทว่านางกลับจมดิ่งสู่ห้วงความคิดอย่างลึกซึ้งนางเลี้ยงดูเย่เสวียนถิงมานานหลายปีแล้ว เช่นนั้นนางจึงมีความผูกพันกับเขาเป็นธรรมดานอกจากนี้นางยังคงเฝ้ามองดูเขาเติบโตจากเด็กไร้เดียงสาขึ้นสู่เทพเจ้าสงครามผู้มีชื่อเสียง ไม่เพียงเท่านั้นเขายิ่งเก่งกล้าและมีความสามารถมากขึ้นในทุกวัน เช่นนั้นแล้วนางจึงอดไม่ได้ที่จะภูมิใจในตัวเขาอย่างมากนางรู้สึกราวกับว่าจะสูญเสียกำลังทั้งหมด แต่เมื่
ซูเฟยมีสีหน้าตกตะลึง นางยกมือขึ้นปิดริมฝีปากแล้วถอยหลังไปสองสามก้าวนางมองไปยังนางกำนัลอาวุโสสวี่อย่างไม่กะพริบตาพร้อมกับชี้นิ้วไปที่คนผู้นั้นแล้วพูดขึ้นด้วยความโกรธว่า "เจ้า...เจ้า..."นางก็ไม่ใช่หญิงสาวที่จะไม่รู้อะไรเลย ตอนนี้นางรู้สึกเวียนศีรษะแทบจะล้มลงกับพื้นซูชิงอู่และเย่เสวียนถิงต่างก็รีบเร่งก้าวไปข้างหน้าทันที ก่อนจะเอื้อมมือประคองซูเฟยอย่างรวดเร็วพร้อมกันทั้งทางซ้ายและขวาซูเฟยไม่สนใจความคิดของตนที่มีต่อซูชิงอู่อีกต่อไป ความคิดภายในใจของนางทั้งหมดถูกยับยั้งโดยการทรยศของนางกำนัลอาวุโสสวี่ซึ่งอยู่เคียงข้างตนมาตลอดนางกำนัลอาวุโสสวี่พูดไม่ออก นางรีบคุกเข่าลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นานทุกคนในห้องก็ได้กลิ่นแปลก ๆนางกลัวมากจนปัสสาวะราดเย่เสวียนถิงขมวดคิ้ว "พานางออกไป แล้วโบยนางให้ตาย!"องครักษ์เงาที่สิบเจ็ดเอื้อมมือคว้าคอเสื้อของนางกำนัลอาวุโสสวี่ขึ้นมาในขณะที่เขากำลังจะจากไปจู่ ๆ ซูชิงอู่ก็พูดขึ้น"อย่าได้รีบร้อน"องครักษ์เงาที่สิบเจ็ดหยุดเดินอย่างเชื่อฟัง เขาตั้งใจฟังคำแนะนำต่อไปของชายาเสวียนดวงตาที่มองซูชิงอู่เต็มไปด้วยความเคารพและความชื่นชมเพราะในสา
ซูเฟยผงะ ทันใดนั้นก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างซึ่งทำให้หนังศีรษะของนางรู้สึกชาหนึบในทันที“ข้าจำได้ว่าพี่สาวของฮองเฮาถูกวางยาพิษโดยฮ่องเต้องค์ก่อนเพราะไสยศาสตร์ของนาง เช่นนั้นเรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องต้องห้าม และฮองเฮาก็ไม่ยอมให้สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ปรากฏในพระราชวัง… เพราะเหตุนี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านจึงไม่มีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้น แล้วใครกันที่กล้าทำเลวร้ายเช่นนี้?”ซูชิงอู่กรอกตาจะเป็นใครได้อีกเล่า?ผู้มีอำนาจในเหล่าสตรีของฮ่องเต้ นอกจากฮองเฮาแล้ว ก็คือ เจียวกุ้ยเฟย“ไม่ว่าใครจะเป็นผู้บงการที่แท้จริงเบื้องหลังเรื่องนี้ หากซูเฟยยังคงอยู่เฉย ๆ เช่นนี้ต่อไป หม่อมฉันเกรงว่าท่านอาจจะไม่เหลือแม้แต่กระดูกหรือเศษซากให้แร้งกัดกิน”ใบหน้าของซูเฟยซีดเผือด นางเต็มไปด้วยความละอายใจในชีวิตก่อนหน้าองค์ชายหกสิ้นพระชนม์ด้วยอาการป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุ และพบว่ามีบางคนใช้ไสยศาสตร์ในวังหลวงแห่งนี้ฮองเฮาโกรธเคืองอย่างมากเมื่อทราบเรื่องนี้เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวซูเฟยจึงถูกลงโทษและกักขังในตำหนักจิ้งอี๋ รวมทั้งไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากประตูตำหนักตลอดชีวิตต้องขอบคุณตระกูลหลินซึ่งช่วยเหลืออยู