Share

บทที่ 106  

Author: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
“โธ่เอ๋ย เด็กสาวอย่างพวกเจ้าไปเล่นอยู่ด้วยกันเถิด นั่งคุยกับว่าคนแก่เฒ่าอย่างพวกเราจะไม่อึดอัดแย่หรือ” ฮูหยินผู้เฒ่าจางพูดขึ้นมาทันที

จากนั้น นางก็เรียกดรุณีน้อยรูปโฉมงดงามอ่อนหวานตามมาตรฐานคนหนึ่งมาข้างกาย “มั่วเอ๋อร์ เจ้าเหม่ออะไรอยู่หรือ เข้ามาคุยกับพระชายาอ๋องสามและพระชายาอ๋องห้าสิ”

จางอวี่มั่ววัยสิบเก้าแล้ว ทว่านางยังมิได้แต่งงาน ยิ่งไปกว่านั้นยังมิได้หมั้นหมายกับผู้ใด ด้วยฐานะของจวนจางกั๋วกง องค์ชายและคุณชายในเมืองหลวงพร้อมให้นางเลือกสรร

ทว่า นางกลับไม่สนใจชายใดเลย เว้นแต่…

“ท่านย่า” จางอวี่มั่วขานรับด้วยเสียงอันอ่อนโยน เมื่อนางเห็นเจียงเฟิ่งหัว ทันใดนั้นใบหน้าก็แดงขึ้นมา

เจียงเฟิ่งหัวมองไปทางนาง ก็จำได้ว่าเมื่อชาติก่อนมีสตรีจากสกุลจางท่านหนึ่งปลิดชีวิตตนเองที่แม่น้ำ หรือก็คือแม่นางน้อยจางท่านนี้

ชาติก่อน พี่ชายใหญ่มิได้ออกไปเร่ร่อนหาวิชาความรู้ ทว่าไปสอบเข้าเป็นขุนนางในเมืองหลวงแทน และได้เข้าร่วมการสอบหน้าพระที่นั่งด้วยผลการสอบอันดับหนึ่ง ทั้งที่ควรจะได้เป็นจอหงวนแล้ว แต่กลับถูกฮ่องเต้ขีดฆ่าและจัดสรรให้เป็นเพียงขุนนางทั่นฮวาลำดับที่สาม เขาได้เข้าสู่เส้นทางขุนนางแล้ว
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 107  

    ทุกคนมองว่าภายนอกพระชายาเหิงอ๋องบอบบางอ่อนแอ นอกพระตำหนักเมื่อครู่ก่อน พระชายาอวี้อ๋องพูดจาเสียดสีกระทบกระแทกนาง ทว่านางก็ทำเสมือนว่าไม่ได้ยินและไม่แม้แต่จะเอ่ยปากตอบโต้ ทุกคนจึงคิดว่านางเป็นผลพลับอ่อนถูกรังแกได้ง่าย บัดนี้เพียงถ้อยคำประโยคเดียวกลับทำให้พระชายาอวี้อ๋องและเยี่ยนเฟยกลายเป็นใบ้ไปในทันที ทุกคนต่างรู้แล้วว่า พระชายาเหิงอ๋องมิใช่คนที่จะถูกรังแกได้ง่ายดายเพียงนั้น หยวนเหวินเฉียง พระชายาอ๋องสามเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี ก็รีบเอ่ยทันใด “เฟิ่งหัว พวกเราไปเดินเล่นด้านนอกกันเถิด เสด็จพ่อและบรรดาขุนนางอำมาตย์กำลังต้อนรับคณะทูตจากแคว้นเจาซีกันอยู่ ได้ยินว่าองค์หญิงที่มาจากแคว้นเจาซีเป็นหญิงงามสะคราญ ฝ่าบาททรงพระราชทานแต่งตั้งนางขึ้นเป็นหย่าเฟยแล้ว พวกเราเองก็ไปดูสักหน่อยเป็นอย่างไร” “งานเลี้ยงฉลองยังไม่เริ่ม ออกไปแบบนี้เกรงว่าจะผิดต่อประเพณีเจ้าค่ะ” เจียงเฟิ่งหัวตักเตือนนางด้วยเสียงแผ่วเบา ฮ่องเต้และท่านอ๋องทุกพระองค์ รวมถึงขุนนางอำมาตย์ผู้ใหญ่กำลังต้องรับแขกจากต่างแดน สตรีอย่างพวกนางมิควรออกไปชมความครึกครื้น หากว่าเกิดเรื่องน่าอับอายขึ้นมา จะต้องถูกลงโทษอย่างเลี่ยงไม่ได้ อาจถึงข

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 108  

    ฮองเฮาตรัสถาม “เจ้ามีนามว่าอะไร? ไฉนจึงเข้ามาที่ตำหนักฝ่ายในเพียงลำพัง และเหตุใดจึงทะเลาะวิวาทกับองค์หญิงเก้า?” “หม่อมฉันนามว่าอวี๋เพียนเพียน เป็นนางกำนัลขององค์หญิงเชียนหย่าแห่งแคว้นเจาซี หม่อมฉันหลงทางจึงเผลอเดินเข้ามายังที่แห่งนี้เพคะ” นางชี้นิ้วไปที่ซูถิงหว่านพลางเอ่ยว่า “เป็นนางที่ถือดีมากล่าววาจาจาบจ้วงก่อนเพคะ จากนั้นแม่นางน้อยคนนั้นก็ไม่ฟังเหตุผล ตบหน้าหม่อมฉันทันทีหนึ่งฉาด ด้วยความโมโหหม่อมฉันจึงตบนางคืนไปสองฉาด จากนั้นแม่นางอีกคนที่พอเป็นวิชามวยอยู่บ้างก็เข้ามาจัดการหม่อมฉันอย่างทารุณ หม่อมฉันโกรธจึงตอบโต้กลับไป…” นางสาธยายอย่างละเอียดโดยใจความหลักสรุปได้ว่า ซูถิงหว่านมิได้ว่ากล่าวอวี๋เพียนเพียน ทว่าปากพล่อยปากไวไปกล่าวว่าแคว้นเจาซีเป็นดินแดนเล็กจ้อย หากแคว้นต้าโจวจะยึดคืนก็ง่ายดายเหมือนบี้มดตัวหนึ่งให้ตาย นางดูหมิ่นทั้งแคว้นเจาซี อวี๋เพียนเพียนบังเอิญได้ยินเข้าย่อมรู้สึกไม่พอใจ เพราะแคว้นเจาซีเป็นฝ่ายขอเจรจาสงบศึกด้วยเห็นแก่คุณธรรม ไม่อยากให้ราษฎรของสองดินแดนต้องเข่นฆ่าทำลายชีวิต หากแคว้นเจาซียืนกรานจะทำสงครามต่อ ผลแพ้ชนะมิอาจคาดเดา ด้วยเหตุนี้เอง อวี๋เพียนเพียนจึงด่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 109  

    เจียงเฟิ่งหัวรีบตามไปทันที ก็ยิ้มให้นางพลางเอ่ยอย่างอ่อนโยน “แม่นางเพียนเพียนช้าก่อน” ไม่แปลกใจเลยที่รู้สึกคุ้นหน้า ที่แท้ก็เป็นดรุณีอาภรณ์สีแดงท่านนั้นที่เคยเข้าร่วมประลองฝีมือชิงตำแหน่งยอดนางคณิกาที่หออี๋ชุนเมื่อคืนก่อนนั้นเอง ในบรรดาสตรีที่เข้าร่วมการแข่งขันในคืนนี้ แน่นอนว่าเป็นเพียนเพียนที่ได้รับเลือกให้เป็นอันดับหนึ่ง ทว่านับจากคืนนั้น นางคณิกาเพียนเพียนก็หายสาบสูญไป เป็นเหตุให้หลินอวี่ถึงกับตั้งใจสืบหาความจริงเป็นพิเศษ ที่แท้นางก็คือแขกผู้มีเกียรติจากแคว้นเจาซีนี่เอง อวี๋เพียนเพียนมองนางกลับ รู้สึกเพียงแค่ว่าดรุณีตรงหน้าอ่อนโยนและสง่างาม เรียบร้อยมีมารยาทสมเป็นกุลสตรี ทั้งรูปโฉมและผิวพรรณยังงดงามเป็นที่สุด เป็นไปตามแบบฉบับของดรุณีในตระกูลใหญ่ของพื้นที่จงหยวนที่นางเคยได้ยินคนเล่าลือมาไม่มีผิดเพี้ยน นางตอบ “มีเรื่องใดหรือ” “ผู้มาเยือนย่อมเป็นแขก เมื่อครู่ได้รับรู้ถึงคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ของแม่นางเพียนเพียนแล้ว เฟิ่งหัวนับถือยิ่งนัก” อวี๋เพียนเพียนผงะไปเล็กน้อย เจียงเฟิ่งหัวกล่าวต่อ “จากแคว้นเจาซีผ่านมาราวพันลี้ถึงแคว้นต้าโจว เดาว่าต้องมีความจริงใจที่จะเจริญสัมพันธไมตรีอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 110  

    บุรุษแคว้นต้าโจวล้วนชื่นชอบการมีภรรยาหลายคน ไม่อาจเข้าใจได้เลยจริง ๆ ทั้งที่มีพระชายาที่งดงามเลิศล้ำดุจหยกแก้วและบุปผาอยู่แล้ว เหตุใดจะต้องแต่งชายารองที่ไม่รู้กฎระเบียบอีกคนหนึ่งด้วย นางกวาดสายตามองอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงผู้คนจอแจอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความเสื่อมโทรม ทว่าในตอนนี้เองนางคล้ายจะมองเห็นเงาร่างสีขาววูบหนึ่งปรากฏอยู่ตรงที่นั่งสำหรับบุรุษด้านนอก เพียงแค่สีขาววูบเดียวนั้นกลับปลุกเร้าอารมณ์ที่แตกต่างออกไปขึ้นมาได้ นางรู้สึกเพียงว่ากลิ่นอายของความโสมมทั่วทั้งท้องพระโรงถูกแต่งแต้มไปด้วยความสงบและบริสุทธิ์ ซางอวี๋เพียนเพียนพลันลุกขึ้นยืนและเดินออกไปด้านนอก ฝีเท้าของนางดุจสายลม สายตามุ่งตรงไปด้านหน้า รู้สึกเพียงแค่ว่าบุคคลผู้นั้นช่างสง่างามและเต็มด้วยพลัง ดั่งจันทร์กระจ่างหลังสายพิรุณ นางเดินไปตรงหน้าเจียงจิ่นเหยียน และเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “ข้ารู้จักท่าน” เจียงจิ่นเหยียนกำลังยกจอกสุราดื่มฉลองกับเซียวอวี้และบรรดาศิษย์ ครั้นเห็นสตรีในอาภรณ์หรูหราท่านหนึ่งเดินมาตรงหน้า ชุดของนางคือชุดแบบแคว้นเจาซี อีกทั้งยังแต่งตัวได้รุ่มรวยทรงเกียรติ ก็เดาฐานะของผู้มาเยือนได้ในทันที “องค์หญิง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 111

    เสียงเพลงอันไพเราะนุ่มนวลที่บรรเลงไม่หยุดสามารถรักษาอาการนอนไม่หลับได้ เจียงเฟิ่งหัวดื่มเหล้าไปสองจอกหน้าก็เริ่มแดง นางเริ่มตัวโงนเงน สัปหงก เมื่อตัวนางเซก็ไปซบไหล่เซี่ยซางเจียงเฟิ่งหัวก็สะดุ้งตื่นทันที นั่งตัวตรง พยายามเบิกตากว้างเหมือนกำลังจดจ้องที่นางรำ นางไม่รู้ว่านางรำเต้นท่าอะไรบ้าง เหมือนเป็นคนตาบอดที่ลืมตาดูเท่านั้นเซี่ยซางเห็นท่าทางของนางแล้ว ก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย ถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย “เมื่อเช้าตื่นเช้าไปหรือ?”เจียงเฟิ่งหัวผงกหัว “เพคะ”เซี่ยซางกวาดสายตาดูในงาน งานเลี้ยงเพิ่งเริ่ม ทุกคนก็เหมือนจะง่วงกันหมดแล้ว คนที่สัปหงกก็ไม่น้อย งานเลี้ยงนี้ที่กรมพิธีการจัดก็น่าเบื่ออยู่บ้างจริง ๆ “ข้าส่งเจ้าไปพักผ่อนที่ตำหนักเฉินซีหน่อยแล้วกัน รองานเลี้ยงเลิกแล้วค่อยส่งเจ้าออกจากวัง”เจียงเฟิ่งหัวส่ายหน้าไปมา กล่าวเสียงเบาว่า “หม่อมฉันยังทนไหวอยู่เพคะ แขกสำคัญยังไม่กลับ ไหนเลยเจ้าภาพจะกลับก่อนได้”ซูถิงหว่านเข้ามาแทรก กล่าวเบา ๆ “หม่อมฉันก็เริ่มง่วงแล้ว หม่อมฉันไปพักกับพระชายาสักหน่อยนะเพคะ! งานเลี้ยงนี้ก็น่าเบื่ออยู่ไม่น้อยจริง ๆ” นางพูดความจริงอย่างเต็มปากเต็มคำเจียงเฟิ่งหัวไม

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 112

    แต่นางก็ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าเซียวอวี้จะเข้าวังได้นี่นา นอกเสียจากว่าซูกุ้ยเฟยไปกระซิบข้างหมอนกับฮ่องเต้ บรรดาบัณฑิตในสำนักศึกษาจึงเข้าวังมาร่วมงานเลี้ยงได้ ทำเป็นบอกว่าให้ราชทูตต่างชาติได้เห็นว่าแคว้นต้าโจวเต็มไปด้วยคนมีความสามารถ ที่แท้เป็นการล่อเซียวอวี้เข้าวังเมื่อเข้าใจสิ่งเหล่านี้แล้ว เจียงเฟิ่งหัวก็เดินช้า ๆ นางรู้ว่าพี่ใหญ่ต้องอยู่กับเซียวอวี้แน่ ต้องคิดหาวิธีบอกให้พี่ใหญ่รู้ แล้วก็อย่าให้เซียวอวี้อยู่ตามลำพังเด็ดขาดเวลานี้เอง อู๋ซินกงกงบังเอิญผ่านมาพอดี ถวายคำนับไปทางเจียงเฟิ่งหัวอย่างเคารพนบนอบหนึ่งครั้ง “บ่าวถวายพระพรพระชายาเหิงอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”“อู๋ซินกงกงไม่อยู่รับใช้ข้างพระวรกายฝ่าบาทหรือ?” เจียงเฟิ่งหัวถามเป็นพิธี“มีท่านอาจารย์รับใช้อยู่ มิต้องเรียกใช้บ่าวหรอกพ่ะย่ะค่ะ” อู๋ซินพูดอีกว่า “ตอนนี้บ่าวก็เป็นคนว่างงานคนหนึ่ง รอให้ท่านอาจารย์เรียกอยู่ทุกเมื่อ”เจียงเฟิ่งหัวยิ้ม “ยังไม่ได้ขอบคุณอู๋ซินซินกงกงเลยที่ไปส่งข้าคัดพระคัมภีร์ที่ศาลบรรพชนคราวก่อน ไม่เช่นนั้นหลงทางในวังหลวงที่ใหญ่โตเช่นนี้ก็ได้ขายหน้าแย่”อู๋ซินกล่าวด้วยความเคารพ “พระชายาไม่ต้องเกรงใจไป เรื่องเหล่าน

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 113

    ขณะเดียวกัน ณ ตำหนักหลวนเฟิ่งซูกุ้ยเฟยรู้ว่าฮ่องเต้แต่งตั้งองค์หญิงแคว้นเฉาซีเป็นพระสนมหย่าเฟยแล้วก็โกรธสุดขีด นางก็ไม่อยากไปร่วมงานให้คนอื่นมาหัวเราะเยาะ จึงอ้างว่าไม่สบายเพื่อไม่ไปร่วมงานเลี้ยงอวิ๋นฟางคุกเข่าลงด้วยความเคารพหน้าซูกุ้ยเฟย “ทูลกุ้ยเฟย จากที่บ่าวแอบสอดส่องอย่างลับ ๆ พยายามค้นหา ในที่สุดก็เจอจุดอ่อนของพระชายาเหิงอ๋องแล้วเพคะ”ซูกุ้ยเฟยกล่าวเสียงเข้ม “คราวก่อนเจ้าส่งจดหมายบอกข้าให้เกลี้ยกล่อมฝ่าบาทให้เชิญบัณฑิตที่เพียบพร้อมทั้งปัญญาและคุณธรรมจากสำนักศึกษาหลวง เข้าวังมาร่วมงานเลี้ยงรับรองราชทูตจากแคว้นเจาซี เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”อวิ๋นฟางยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็น “กุ้ยเฟย บ่าวค้นพบความลับอย่างหนึ่งของพระชายาเหิงอ๋องเพคะ”ซูกุ้ยเฟยได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้ว “เจ้าแน่ใจนะ”“บ่าวสืบจนแน่ชัดแล้วเพคะ จริงแท้แน่นอน คนผู้นั้นก็ศึกษาอยู่ที่สำนักศึกษาหลวง เป็นศิษย์ของเจียงหวย วันนี้ก็เข้าวังมา ไม่แน่ว่าก่อนที่เจียงเฟิ่งหัวจะแต่งกับเหิงอ๋อง ทั้งสองคนก็รักกันมานานแล้ว”ซูกุ้ยเฟยจ้องอวิ๋นฟางด้วยแววตาเย็นเยียบ “เจียงเฟิ่งหัวไม่ใช่คนโง่ นางไม่มีทางโง่จนวิ่งเข้าวังมากับผู้ชายคนหนึ่งเพื่อ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 114

    “ลากไปซ่อนในเรือนด้านข้างที่ไม่มีคน แค่นางกำนัลตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง รอให้ซูกุ้ยเฟยถูกเปิดโปง นางก็ไม่ได้มีจุดจบที่ดีแน่”ขณะนี้จุดสำคัญของวังหลวงอยู่ที่ตำหนักหงฝู มีอู๋ซินนำทาง เขาก็นำตัวคนไปซ่อนในตำหนักของซูกุ้ยเฟยโดยที่ไม่มีใครรู้ได้อย่างง่ายดาย......ขณะเดียวกัน ทางนี้ซูถิงหว่านเห็นเจียงเฟิ่งหัวเอาแต่เดินเล่นริมทะเลสาบอย่างไร้จุดหมาย ก็พูดว่า “ที่นี่หนาวเกินไปแล้ว ทุกคนไปกันหมดแล้ว พวกเราก็ไปกันเถอะเพคะ!”“ก็ใช่น่ะสิ ทุกคนไปกันหมดแล้ว พวกเราก็ไปกันเถอะ!” ท่าทางอ้อนแอ้นของเจียงเฟิ่งหัวทำให้ซูถิงหว่านรู้สึกสะอิดสะเอียน“พระชายารองอยากไปเดินเล่นที่สวนบุปผชาติไหม?” นางกล่าวในทันใดซูถิงหว่านตาลุกวาว “ได้สิเพคะ ได้ยินว่าดอกไม้ทางนั้นกำลังบานสะพรั่ง หม่อมฉันกำลังอยากไปดูสักหน่อยพอดีเลย”“ข้าก็กำลังอยากไปดูพอดีเหมือนกัน ดอกไม้ในวังบานสะพรั่งหนาแน่นกว่าในจวนเรา” เจียงเฟิ่งหัวท่าทางเหมือนเป็นคนรักดอกไม้มาก ยื่นมือไปทางซูถิงหว่านอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน “พระชายารองดึงข้าขึ้นไปหน่อยสิ ขั้นบันไดนี่สูงเกินไปแล้ว ข้าก้าวไม่ขึ้น”ซูถิงหว่านตะลึงจนเบิกตากว้าง เจียงเฟิ่งหัวจะบอบบางเพียงไรก็ไม่ต้องท

Latest chapter

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 160

    “เช่นนั้นเราจะแต่งตั้งสนมรักเป็นเจาอี๋แล้วกัน และประทานทองคำและเงินอีกอย่างละหนึ่งพันตำลึง ส่วนปิ่นทองและเครื่องประดับให้สนมรักเลือกได้ตามใจ” ฮ่องเต้มือเติบเป็นอย่างยิ่งในเสี้ยวนาทีที่ความสูงศักดิ์มั่งคั่งอันมโหฬารนี้ถูกโยนลงมา ก็กระแทกใส่หวังเหม่ยเหรินจนวิงเวียน ชั่วขณะหนึ่งไม่รู้ว่าควรตอบสนองอย่างไรดี ยังคงเป็นนางกำนัลที่ปรนนิบัตินางก้าวเข้าไปเตือน นางจึงได้กล่าวขอบพระทัยติดๆ กันฮ่องเต้ตรัสแล้วไม่คืนคำ เพียงชั่วพริบตา หวังเหม่ยเหรินก็ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปถึงสองระดับ ทำให้เหล่าฮูหยินและไฉเหรินทั้งหลายอิจฉาไม่หยุดในเสี้ยววินาทีนั้น ก็มีคนเสนอตัวออกมาติดต่อกันเป็นจำนวนมาก จนทั่วทั้งตำหนักก็คึกคักขึ้นมาหย่าเฟยก็เต้นระบำของแคว้นเจาซีท่ามกลางสายตาผู้คนเพื่อสร้างความสำราญเช่นกัน สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปยังสะดือที่ปรากฏขึ้นอย่างวับวาบของนางเจียงเฟิ่งหัวนั่งอยู่บนที่นั่งอย่างว่าง่าย สายตาของฮ่องเต้มิได้ละจากฮองเฮาเลย นี่เขาหมายความว่าอย่างไรกัน? หรือฮ่องเต้ประสงค์ให้ฮองเฮาร่ายรำเพื่อพระองค์สักเพลงเช่นกัน?นางรีบปฏิเสธความคิดนี้ เพราะฮองเฮาอายุสี่สิบกว่าแล้ว ผู้ใดจะคาดว่าวินาทีฮ่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 159

    ก็เห็นฮองเฮาทรงอาภรณ์หงส์อันหรูหราน่าเกรงขามประทับนั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน แม้นทั่วทั้งตำหนักจะเป็นสนมนางในของฮ่องเต้ ทว่าความยินดีบนใบหน้าของนางไม่ว่าจะปิดบังอย่างไรก็ปิดไม่มิดนางกำลังยินดีต่อความใส่ใจและห่วงใยที่บุตรชายมีต่อนาง ดังนั้นนางจึงอยากบอกให้ทุกคนได้รับรู้“ซางเอ๋อร์ หรวนหร่วน พวกเจ้าสองสามีภรรยากินให้มากหน่อย อาหารบนโต๊ะล้วนเป็นของที่พวกเจ้าชอบ” ฮองเฮาตรัสเซี่ยซางรู้สึกกระดากเล็กน้อย “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่” ที่แท้สิ่งที่เสด็จแม่ต้องการเป็นเพียงคำพูดที่แสดงความห่วงใยไม่กี่ประโยคของเขา ทว่าหลายปีมานี้เขากลับไม่เคยทำเลยสักครั้ง ส่วนมากล้วนเป็นการตัดพ้อต่อว่า เขาจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เสด็จแม่ก็เสวยให้มากหน่อยพ่ะย่ะค่ะ”เซี่ยซางเลือกอาหารที่ดีที่สุดวางลงในจาน แล้วให้นางกำนัลส่งไปที่เบื้องหน้าของฮองเฮา ฮองเฮาตะลึงไปครู่หนึ่ง หมอกน้ำตาจางๆ ปรากฏขึ้นในดวงตา จากนั้นก็กินอาหารลงไปอย่างยินดี การที่เขาเรียกนางว่าเสด็จแม่คำหนึ่งทำให้นางถึงกับน้ำตาไหลอาบแก้มมื้ออาหารเช่นนี้ทำผู้คนรับประทานจนหัวใจจะวาย มีเพียงฮองเฮาผู้เดียวเท่านั้นที่เพลิดเพลินไปกับมัน“ฝ่าบาทเสด็จ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 158

    ในชาตินี้ นางจะให้ลูกของนางถือกำเนิดภายใต้การรอคอยของเซี่ยซาง ได้รับความรักจากเขาจนเติบใหญ่ นางจะไม่มีทางซ้ำรอยความผิดพลาดในชาติก่อนแน่เจียงเฟิ่งหัวไม่มีทางไปสนใจว่า ซูถิงหว่านจะถูกจับกรอกยาป้องกันการมีบุตรด้วยวิธีใดเมื่อเรื่องในตำหนักคุนหนิงและตำหนักเฉินซีลอยไปถึงหูตำหนักอื่น หลังทุกคนได้รู้ก็เพียงหัวเราะออกมาเท่านั้นซูกุ้ยเฟยกดฮองเฮามานานหลายปีเพียงนี้ เวลานี้ซูกุ้ยเฟยถูกย้ายไปอยู่ตำหนักเย็นแล้ว ฮองเฮาจะไม่จัดการกับหลานสาวของนางได้อย่างไรผู้ใดใช้ให้หลานสาวของนางยั่วยวนจนลูกชายของฮองเฮาจนลุ่มหลง ฮองเฮาถอยแล้วถอยอีกถึงได้รับปากให้รับนางเข้าจวนมาเป็นชายารอง คิดไม่ถึงว่านางกลับไม่รู้จักกฎระเบียบ ไม่รู้หนักเบาเช่นนี้ที่น่าสงสารที่สุดคือบุตรสาวของราชครูเจียง เป็นพระชายาเหิงอ๋องแล้วอย่างไร ยังมิใช่ไม่ได้รับความโปรดปรานจากสวามีหรือ คำพูดนี้ ในชาติก่อนยามทุกคนพบหน้าล้วนต้องกล่าวถึงขึ้นมาสักประโยค ราวกับกำลังรำพันถึงความหนาวเหน็บที่อยู่ในใจนางอย่างไรก็ตาม ในชาตินี้ทุกคนต้องพูดว่า พระชายาเหิงอ๋องมีการศึกษารู้ธรรมเนียม สง่างามสูงศักดิ์ รูปโฉมไม่ธรรมดา เหิงอ๋องก็โปรดปรานนางเป็นอย่างยิ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 157

    รอจนเซี่ยซางจากไป ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวของซูถิงหว่านจึงจับจ้องไปที่เจียงเฟิ่งหัว จะต้องเป็นนางกล่าวสิ่งใดกับอาซางแน่ อาซางถึงได้รังเกียจข้าเช่นนี้สี่หมัวมัวก็ตกใจมากเช่นกัน นางไม่เคยเห็นเหิงอ๋องบันดาลโทสะใส่ชายารองซูเช่นนี้มาก่อน ยิ่งไม่เคยเห็นเขาเป็นห่วงฮองเฮาถึงเพียงนี้เจียงเฟิ่งหัวปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าของซูถิงหว่านอย่างสง่างามและน่าเกรงขาม นางจับจ้องไปที่นางโดยไม่แม้จะกะพริบด้วยสีหน้าเย็นชาและบรรยากาศที่กดดันผู้คน “ชายารองซู เจ้าคิดว่าท่านอ๋องทรงไม่ทราบเรื่องที่เจ้าแอบอ้างชื่อของข้าหลอกลวงคนไปทั่วอย่างนั้นหรือ”ดวงตาของซูถิงหว่านแสดงความประหลาดใจออกมา รีบปฏิเสธอย่างเร่งร้อนว่า “ท่านพูดสิ่งใดกัน ข้าฟังไม่เข้าใจ”“ฟังไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร เพราะถึงอย่างไรชายารองก็ลงชื่อไว้ ถูกเขียนไว้บนกระดาษเป็นลายลักษณ์อักษรเช่นนั้น คิดจะบ่ายเบี่ยงก็บ่ายเบี่ยงไม่พ้น”ซูถิงหว่านลนลานอย่างสิ้นเชิง นี่ก็เป็นเรื่องที่อวิ๋นฟางออกความคิดขึ้นมาเช่นกัน นางกล่าวว่า “อาศัยสิ่งใดท่านถึงใช้เงินของอา...ท่านอ๋องได้ แต่ข้าใช้ไม่ได้ล่ะ”“เจ้าย่อมใช้ได้เช่นกัน เพียงแต่เจ้าไม่อาจนำชื่อของข้า ‘เจ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 156

    นางย้อนนึกถึงการเปลี่ยนแปลงของเซี่ยซาง มีเพียงตอนที่นางพูดถึงเฉิงฮองเฮาเท่านั้น ที่เขาดูเหมือนจะสะเทือนใจขึ้นมา กระทั่ง…คำพูดประโยคนั้นของเขาจู่ๆ ในสมองของเจียงเฟิ่งหัวก็มีความคิดที่ทำให้คนตื่นตระหนกผุดขึ้นมา หรือว่าเซี่ยซางเข้าใจมาตลอดว่าเฉิงฮองเฮาไม่ใช่มารดาแท้ๆ ของเขาแม้แต่ท่าทีที่ฮ่องเต้มีต่อเฉิงฮองเฮาก็ไร้ไมตรีเช่นนั้น นางจึงคิดว่าตัวนางในอดีตก็เหมือนเฉิงฮองเฮา ที่ไม่เป็นที่พึงใจของสวามีตน และถึงขนาดรังเกียจเพราะในใจของเซี่ยซางมีสตรีนางอื่นอยู่อย่างนั้นที่ฮ่องเต้ทรงรังเกียจฮองเฮา ก็เพราะในใจของฮองเฮามีบุรุษอื่นเช่นนั้นหรือ? จึงคิดว่าเซี่ยซางเป็นลูกที่ถือกำเนิดจากฮองเฮาและชายอื่นนางรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ราชวงศ์ไม่มีทางยอมให้สายเลือดของเชื้อพระวงศ์ไม่บริสุทธิ์อย่างเด็ดขาด นอกจากนี้เซี่ยซางยังต้องเป็นโอรสของฮ่องเต้จริงๆ ไม่เช่นนั้นเขาไม่มีทางมีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้นางคล้ายจะตะลึงค้างไปแล้ว ดูเหมือนนางจะค้นพบความลับอันยิ่งใหญ่ของวังหลวงเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจซะแล้ว“ท่านอ๋อง ศีรษะของหม่อมฉันถูกพระองค์หมุนจนวิงเวียนไปหมดแล้วเพคะ ทรงรีบวางหม่อมฉันลงเร็วเข้า” เจียงเฟิ่งหัวรีบปรับ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 155

    สีหน้าของเจียงเฟิ่งหัวตะลึงไป ไม่มีสิ่งใดจะกล่าวอีก เซี่ยซางมุ่งมั่นปักใจรักซูถิงหว่านไม่แปรเปลี่ยน ดังนั้นเขาจึงมอบความโปรดปรานให้นาง และให้นางและอดทนให้อภัยนางอย่างไม่มีขีดจำกัดจู่ๆ นางก็กล่าวออกมาว่า “แม้แต่เด็กเล็กยังสามารถรับผิดชอบต่อคำพูดและพฤติกรรมของตน แล้วเหตุใดชายารองซูจึงทำไม่ได้ ชายารองซูนางไม่ใช่เด็กแล้ว ไม่อาจนำความไร้เดียงสา ร่าเริงเปิดกว้างมารับมือได้ทุกครั้ง นางสามารถไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ได้ แต่หม่อมฉันไม่ทำตามอำเภอใจโกรธใครโดยไม่มีเหตุผลได้”“วันนั้นหม่อมฉันเห็นท่านอ๋องแยกแยะถูกผิดในศาลได้อย่างง่ายดาย หม่อมฉันจึงเต็มไปด้วยความยอมรับนับถือต่อท่านอ๋อง คิดว่าไม่ว่าท่านอ๋องจัดการเรื่องใดล้วนสามารถพิจารณาถูกผิดได้อย่างกระจ่าง คิดไม่ถึงว่าเมื่อท่านอ๋องทรงเผชิญหน้ากับหญิงอันเป็นที่รัก จะทรงมัวเมาหลงใหลจนสูญเสียบรรทัดฐานที่ควรมี”เซี่ยซางจ้องนางอย่างไม่ละสายตา เพราะนางผิดหวังในตัวเขาเสียแล้ว จึงได้ไม่สนใจใช่หรือไม่?นางย่อมไม่มีทางพูดคำพูดประเภท ‘ผิดหวังในตัวเขา’ ที่ทำร้ายสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาออกมา จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไป “ท่านอ๋องทรงอยากถามใช่หรือไม่ว่า ที

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 154

    เมื่อซูถิงหว่านได้ยินก็ตกใจจนสีหน้าซีดสีขาว รีบกล่าวว่า “ข้าไม่ดื่ม เหตุใดข้าต้องดื่มด้วย ข้าไม่ได้ทำเรื่องที่ผิดต่ออาซาง ข้าก็บอกแล้ว ข้าไม่ได้อยู่กับชายอื่น ข้าอยู่กับแค่ท่านอ๋องเท่านั้น พวกท่านไปเรียกท่านอ๋องมาสิ ถามเขาดูว่าเมื่อเช้าทำเรื่องนั้นกับข้าใช่หรือไม่ ข้าจะพูดกับเขาต่อหน้า”หลังเฉิงฮองเฮาได้ยินก็หน้าแดงด้วยความเขินอาย เมื่อบุรุษผู้หนึ่งเต็มใจแตะต้องสตรีนางหนึ่งแสดงถึงสิ่งใด นี่แสดงว่าเขาชอบนาง หากครั้งนี้ซูถิงหว่านตั้งครรภ์ขึ้นมา และคืนก่อนนางก็ไม่ได้อยู่ในจวนอ๋องอีก เรื่องนี้ก็พูดได้ไม่ชัดเจนแล้วสี่หมัวมัวสั่งหมัวมัวอีกสี่นางให้กดซูถิงหว่านไว้อีกครั้งส่วนสี่หมัวมัวเมื่อยกยาขึ้นมาได้ก็จับกรอกลงปากของนางไปทันที ซูถิงหว่านหวาดกลัวแทบตาย นางปิดปากแน่น ไม่ง่ายเลยกว่านางจะล่อให้เซี่ยซางมาอยู่กับนางอีกครั้ง ต้องไม่ให้แผนชั่วของเฉิงฮองเฮาสำเร็จเด็ดขาดถึงอย่างไรซูถิงหว่านก็เป็นวรยุทธ์ แล้วจะยอมให้พวกนางกรอกยาง่ายๆ ได้อย่างไร นางโขกศีรษะออกไปอย่างแรงจนกระแทกถูกดั้งจมูกของสี่หมัวมัว เป็นเหตุให้จมูกของสี่หมัวมัวมีเลือดสดไหลออกมาจากนั้นก็ถือโอกาสที่ทุกคนกำลังตกตะลึงและผ่อนคลา

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 153

    เซี่ยซางเป็นฝ่ายเดินเข้าไปประคองเจียงเฟิ่งหัวขึ้นมาด้วยฝีเท้าที่มั่นคง “ลุกขึ้นมาเถอะ”เขารู้จักเสด็จแม่ดี ขอเพียงเขาใส่ใจใครแม้เพียงเล็กน้อย เสด็จแม่ก็จะต้องเห็นคนผู้นั้นเป็นดั่งศัตรู ยี่สิบกว่าปีแล้ว ความเป็นห่วงใยที่เสด็จแม่มีต่อเขากดดันเขาจนแทบจะหายใจไม่ออกดวงตาทั้งคู่ของเจียงเฟิ่งหัวอดกลั้นจนเต็มไปด้วยหมอกน้ำตา ทำท่าจะลุกขึ้นมาทันที แต่ต้องพบว่าขาทั้งคู่ของนางแข็งทื่อ เซี่ยซางต้องช่วยประคองนางอีกแรงนางถึงลุกขึ้นมาได้เซี่ยซางคิดวางนางยืนดีแล้วจึงปล่อยมือออกวินาทีถัดมา ก็เห็นขาทั้งคู่ของเจียงเฟิ่งหัวสั่นสะท้านแล้วซวนเซจนล้มลงกับพื้น สีหน้าขาวซีดไปหมดเมื่อเซี่ยซางเห็นเช่นนั้นดวงตาก็เต็มไปด้วยความร้อนใจ อุ้มนางขึ้นมาทันที “หรวนหร่วน เจ้าเป็นอะไรไป? เหตุใดสีหน้าจึงได้แย่เช่นนี้”“หม่อมฉันไม่เป็นอะไรเพคะ อาจเป็นเพราะคุกเข่านานไป เลยรู้สึกเวียนหัวอยู่บ้าง หม่อมฉันออกไปสูดอากาศเสียหน่อยก็หายแล้วเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวพูดเสียงเบา นางกำลังอดทนเซี่ยซางกอดนางไว้ในอ้อมกอดแน่น พยายามสะกดกลั้นเพลิงโทสะที่อัดแน่นอยู่ในอกโดยตลอด อุ้มนางได้ก็ออกจากตำหนักคุนหนิงทันทีเฉิงฮองเฮาก็ไม่คิดว่าจะ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 152

    เจียงเฟิ่งหัวรู้จักเฉิงฮองเฮาดี การที่นางส่งวังหมัวมัวไปเฝ้าดูทุกความเคลื่อนไหวของเซี่ยซาง ทำให้เขาไม่พอใจอยู่นานแล้ว ดังนั้นจึงทำให้ชาติก่อน พอเซี่ยซางขึ้นครองราชย์ อาศัยเพียงคำพูดประโยคเดียวของซูถิงหว่านก็แต่งตั้งซูกุ้ยเฟยเป็นไทเฮาแห่งวังตะวันตกนางไม่ได้รับความรักจากฮ่องเต้ จึงถ่ายโอนความสนใจทั้งหมดมาที่ตัวของเซี่ยซาง การควบคุมที่รุนแรงเช่นนี้แทบจะกลายเป็นความคลุ้มคลั่งไปแล้วเฉิงฮองเฮาก็ปล่อยให้นางคุกเข่าอยู่บนพื้น แม้แต่เบาะรองเข่าก็ไม่ประทานให้นางสักอัน ผิวของนางบอบบาง ตอนนี้หัวเขาแดงช้ำเป็นปื้นไปนานแล้ว แต่นางไม่ขยับแม้แต่น้อย หัวเข่ายิ่งออกแรงกดลงกับพื้นเข้าไปอีก ยิ่งแรงยิ่งดีในตอนที่เซี่ยซางบุกเข้ามาในตำหนักคุนหนิงด้วยความโมโห ก็เห็นเจียงเฟิ่งหัวกำลังคุกเข่าอยู่กลางตำหนัก ทั่วทั้งร่างของนางสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว หมอบราบอยู่บนพื้นจากนั้น เขาก็มิได้มองนางอีก แต่ทำความเคารพฮองเฮาอย่างเคารพครั้งหนึ่ง “ลูกถวายบังคมเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”ซูถิงหว่านติดตามอยู่เบื้องหลังของเซี่ยซาง เมื่อเห็นเจียงเฟิ่งหัวคุกเข่าอย่างเรียบร้อยอยู่บนพื้น นางก็ทำความเคารพอย่างนอบน้อมเช่นเดียวกัน “หม

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status