แชร์

บทที่ 103  

ผู้เขียน: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
เซี่ยซางถามเขาว่า ทั้งที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์และความสามารถชาญฉลาด ไฉนจึงไม่เข้ารับราชการเป็นขุนนาง?

เขาบ่ายเบี่ยงและไม่ตอบคำถาม “หากท่านอ๋องไว้ใจผู้แซ่เจียง ข้าน้อยสามารถช่วยท่านเกลี้ยกล่อมไล่ซานได้ หากว่าเขายอมช่วยเหลือด้วยความยินดีแล้ว ก็ประหยัดทั้งแรงและเวลามากกว่าการที่ท่านอ๋องต้องวิ่งวุ่นไปทั่วเช่นนี้”

เซี่ยซางเงียบไม่เอ่ยวาจาใด เขากำลังคิดว่าเจียงจิ่นเหยียนจะสามารถทำให้เขายอมเชื่อหมดใจได้หรือไม่

เจียงจิ่นเหยียนกล่าวต่อ “หากท่านอ๋องไว้ใจผู้แซ่เจียง ท่านอ๋องโปรดเขียนใบแสดงรายการออกมา ไม่เกินสองเดือน ข้ารับรองว่าจะตามหาทุกสิ่งกลับมาอย่างครบถ้วน”

เซี่ยซางหยิบพู่กันขึ้นมาวาดบางสิ่งลงบนกระดาษ ครั้นเจียงจิ่นเหยียนมองไปแล้ว สีหน้าก็เยือกเย็นในทันใด

หลังจากนั้น เจียงจิ่นเหยียนก็ได้พบไล่ซานแล้ว

ไล่ซานถูกทารุณอย่างหนัก ทว่าเซี่ยซางก็ยังคงไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เท่าใดนักจากปากของเขา กระทั่งเขาได้พบเจียงจิ่นเหยียน “หัวหน้าเจียงช่วยข้าด้วย”

เขามองไปยังเซี่ยซางซึ่งอยู่ด้านข้างอีกครั้ง ก่อนจะพูดต่อทันที “ต่อให้ข้าน้อยจะกล้าหาญถึงร้อยเท่า ข้าน้อยก็ไม่บังอาจไปปล้นสุสานหลวงหรอก”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 104  

    ทุกคนเมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าก็แดงขึ้นพร้อมกัน รีบเอ่ยทันใด “คารวะพระชายาอ๋องสาม คารวะพระชายาอ๋องห้าเพคะ” พระชายาอ๋องสามกล่าวอย่างองอาจผ่าเผย “วันนี้ในวังหลวงจัดงานเลี้ยงฉลอง มีผู้คนมากมาย พวกเจ้าทั้งหลายอย่าได้ทำให้สามีของพวกเจ้าขายหน้าเด็ดขาด” ทุกคนเมื่อได้ยิน ก็ส่งเสียงตอบรับคำทันที จากนั้นกล่าวลาและทยอยกันแยกย้ายออกไป พระชายาอ๋องรองเห็นทุกคนแยกย้ายกันไปหมดแล้ว ก็หันไปเอ่ยกับพระชายาอ๋องสาม “พระชายาอ๋องสามบารมียิ่งใหญ่นัก วังหลวงทั้งบนทั้งล่างล้วนอยู่ในกำมือของท่าน” “พระชายารองพูดล้อเล่นแล้ว ในฐานะสตรีของราชวงศ์ ข้าเพียงแค่ทำไปตามหน้าที่ของตนเองเท่านั้น” พระชายาอ๋องสามกล่าวต่อไปว่า “เรื่องที่อวี้อ๋องทำในวัง ข้าเองก็พอได้ยินผ่านหูมาบ้าง พอฟังจบแม้แต่ท่านอ๋องของข้ายังหน้าแดง ราวกับผิวหนังถูกเลาะออกไปจนเกลี้ยง ยากเกินจะรับไหว” “หยวนเหวินเฉียง เจ้าเจอหน้าข้าเมื่อใด หากไม่ทำตัวเป็นอริกับข้าแล้วเจ้าจะกระสับกระส่ายจนทนไม่ได้หรือ!” พระชายาอ๋องรองโกรธจนเหลืออดแล้ว พระชายาอ๋องสามคร้านจะสนใจนาง ก็ดึงมือเจียงเฟิ่งหัวมาและเดินมุ่งหน้าไปยังตำหนักคุนหนิง ซูถิงหว่านเดินมาข้างกายพระชาย

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 105  

    ภายในท้องพระโรงของตำหนักคุนหนิงได้จัดวางโต๊ะเก้าอี้และม้านั่งไว้พร้อมก่อนแล้ว ฮูหยินของอำมาตย์ใหญ่ในราชสำนักรวมไปถึงบรรดาประยูรญาติเชื้อพระวงศ์ต่างพากันนั่งลงตรงตำแหน่งที่นั่งถัดลงมาและพูดคุยกับฮองเฮา ภายในท้องพระโรงของตำหนักเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เจียงเฟิ่งหัวและหยวนเหวินเฉียงเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะพากันทำความเคารพต่อฮองเฮา “ถวายบังคมเพคะเสด็จแม่ ขอเสด็จแม่ทรงเกษมสำราญยิ่งยืนนาน” ฮองเฮาแย้มพระสรวลอย่างเบิกบ้าน “ลุกขึ้นเถิด วันนี้คนมาก ไม่ต้องมากพิธีแล้ว” “ขอบพระทัยเพคะเสด็จแม่” สองคนลุกขึ้นอย่างอ่อนช้อย ครั้นทั้งสองเข้ามา ก็ได้รับเสียงชื่นชมจากเหล่าสตรีผู้สูงศักดิ์ไม่ขาดปาก พระชายาอ๋องสามเข้าไปร่วมในวงสนทนาเดียวกับเหล่าสตรีผู้สูงศักดิ์ แย้มยิ้มพลางเอ่ยว่า “พวกท่านอย่าล้อข้านักเลย เป็นแม่ลูกสามแล้ว พูดออกไปก็เกรงว่าจะถูกคนหัวเราะเยาะเอา พระชายาอ๋องห้าต่างหากที่เป็นหญิงงามอย่างแท้จริง!” เจียงเฟิ่งหัวใบหน้าเปื้อนสีแดงระเรื่อ ก่อนจะกล่าวอย่างถ่อมตัว “พี่สะใภ้สามอย่าให้ท้ายเฟิ่งหัวด้วยคำชื่นชมเลยเพคะ เฟิ่งหัวเพิ่งเข้าวังมาครั้งแรก ยังต้องขอคำชี้แนะจากพี่สะใภ้สามอีกมาก เพื

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 106  

    “โธ่เอ๋ย เด็กสาวอย่างพวกเจ้าไปเล่นอยู่ด้วยกันเถิด นั่งคุยกับว่าคนแก่เฒ่าอย่างพวกเราจะไม่อึดอัดแย่หรือ” ฮูหยินผู้เฒ่าจางพูดขึ้นมาทันที จากนั้น นางก็เรียกดรุณีน้อยรูปโฉมงดงามอ่อนหวานตามมาตรฐานคนหนึ่งมาข้างกาย “มั่วเอ๋อร์ เจ้าเหม่ออะไรอยู่หรือ เข้ามาคุยกับพระชายาอ๋องสามและพระชายาอ๋องห้าสิ” จางอวี่มั่ววัยสิบเก้าแล้ว ทว่านางยังมิได้แต่งงาน ยิ่งไปกว่านั้นยังมิได้หมั้นหมายกับผู้ใด ด้วยฐานะของจวนจางกั๋วกง องค์ชายและคุณชายในเมืองหลวงพร้อมให้นางเลือกสรร ทว่า นางกลับไม่สนใจชายใดเลย เว้นแต่… “ท่านย่า” จางอวี่มั่วขานรับด้วยเสียงอันอ่อนโยน เมื่อนางเห็นเจียงเฟิ่งหัว ทันใดนั้นใบหน้าก็แดงขึ้นมา เจียงเฟิ่งหัวมองไปทางนาง ก็จำได้ว่าเมื่อชาติก่อนมีสตรีจากสกุลจางท่านหนึ่งปลิดชีวิตตนเองที่แม่น้ำ หรือก็คือแม่นางน้อยจางท่านนี้ ชาติก่อน พี่ชายใหญ่มิได้ออกไปเร่ร่อนหาวิชาความรู้ ทว่าไปสอบเข้าเป็นขุนนางในเมืองหลวงแทน และได้เข้าร่วมการสอบหน้าพระที่นั่งด้วยผลการสอบอันดับหนึ่ง ทั้งที่ควรจะได้เป็นจอหงวนแล้ว แต่กลับถูกฮ่องเต้ขีดฆ่าและจัดสรรให้เป็นเพียงขุนนางทั่นฮวาลำดับที่สาม เขาได้เข้าสู่เส้นทางขุนนางแล้ว

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 107  

    ทุกคนมองว่าภายนอกพระชายาเหิงอ๋องบอบบางอ่อนแอ นอกพระตำหนักเมื่อครู่ก่อน พระชายาอวี้อ๋องพูดจาเสียดสีกระทบกระแทกนาง ทว่านางก็ทำเสมือนว่าไม่ได้ยินและไม่แม้แต่จะเอ่ยปากตอบโต้ ทุกคนจึงคิดว่านางเป็นผลพลับอ่อนถูกรังแกได้ง่าย บัดนี้เพียงถ้อยคำประโยคเดียวกลับทำให้พระชายาอวี้อ๋องและเยี่ยนเฟยกลายเป็นใบ้ไปในทันที ทุกคนต่างรู้แล้วว่า พระชายาเหิงอ๋องมิใช่คนที่จะถูกรังแกได้ง่ายดายเพียงนั้น หยวนเหวินเฉียง พระชายาอ๋องสามเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี ก็รีบเอ่ยทันใด “เฟิ่งหัว พวกเราไปเดินเล่นด้านนอกกันเถิด เสด็จพ่อและบรรดาขุนนางอำมาตย์กำลังต้อนรับคณะทูตจากแคว้นเจาซีกันอยู่ ได้ยินว่าองค์หญิงที่มาจากแคว้นเจาซีเป็นหญิงงามสะคราญ ฝ่าบาททรงพระราชทานแต่งตั้งนางขึ้นเป็นหย่าเฟยแล้ว พวกเราเองก็ไปดูสักหน่อยเป็นอย่างไร” “งานเลี้ยงฉลองยังไม่เริ่ม ออกไปแบบนี้เกรงว่าจะผิดต่อประเพณีเจ้าค่ะ” เจียงเฟิ่งหัวตักเตือนนางด้วยเสียงแผ่วเบา ฮ่องเต้และท่านอ๋องทุกพระองค์ รวมถึงขุนนางอำมาตย์ผู้ใหญ่กำลังต้องรับแขกจากต่างแดน สตรีอย่างพวกนางมิควรออกไปชมความครึกครื้น หากว่าเกิดเรื่องน่าอับอายขึ้นมา จะต้องถูกลงโทษอย่างเลี่ยงไม่ได้ อาจถึงข

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 108  

    ฮองเฮาตรัสถาม “เจ้ามีนามว่าอะไร? ไฉนจึงเข้ามาที่ตำหนักฝ่ายในเพียงลำพัง และเหตุใดจึงทะเลาะวิวาทกับองค์หญิงเก้า?” “หม่อมฉันนามว่าอวี๋เพียนเพียน เป็นนางกำนัลขององค์หญิงเชียนหย่าแห่งแคว้นเจาซี หม่อมฉันหลงทางจึงเผลอเดินเข้ามายังที่แห่งนี้เพคะ” นางชี้นิ้วไปที่ซูถิงหว่านพลางเอ่ยว่า “เป็นนางที่ถือดีมากล่าววาจาจาบจ้วงก่อนเพคะ จากนั้นแม่นางน้อยคนนั้นก็ไม่ฟังเหตุผล ตบหน้าหม่อมฉันทันทีหนึ่งฉาด ด้วยความโมโหหม่อมฉันจึงตบนางคืนไปสองฉาด จากนั้นแม่นางอีกคนที่พอเป็นวิชามวยอยู่บ้างก็เข้ามาจัดการหม่อมฉันอย่างทารุณ หม่อมฉันโกรธจึงตอบโต้กลับไป…” นางสาธยายอย่างละเอียดโดยใจความหลักสรุปได้ว่า ซูถิงหว่านมิได้ว่ากล่าวอวี๋เพียนเพียน ทว่าปากพล่อยปากไวไปกล่าวว่าแคว้นเจาซีเป็นดินแดนเล็กจ้อย หากแคว้นต้าโจวจะยึดคืนก็ง่ายดายเหมือนบี้มดตัวหนึ่งให้ตาย นางดูหมิ่นทั้งแคว้นเจาซี อวี๋เพียนเพียนบังเอิญได้ยินเข้าย่อมรู้สึกไม่พอใจ เพราะแคว้นเจาซีเป็นฝ่ายขอเจรจาสงบศึกด้วยเห็นแก่คุณธรรม ไม่อยากให้ราษฎรของสองดินแดนต้องเข่นฆ่าทำลายชีวิต หากแคว้นเจาซียืนกรานจะทำสงครามต่อ ผลแพ้ชนะมิอาจคาดเดา ด้วยเหตุนี้เอง อวี๋เพียนเพียนจึงด่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 109  

    เจียงเฟิ่งหัวรีบตามไปทันที ก็ยิ้มให้นางพลางเอ่ยอย่างอ่อนโยน “แม่นางเพียนเพียนช้าก่อน” ไม่แปลกใจเลยที่รู้สึกคุ้นหน้า ที่แท้ก็เป็นดรุณีอาภรณ์สีแดงท่านนั้นที่เคยเข้าร่วมประลองฝีมือชิงตำแหน่งยอดนางคณิกาที่หออี๋ชุนเมื่อคืนก่อนนั้นเอง ในบรรดาสตรีที่เข้าร่วมการแข่งขันในคืนนี้ แน่นอนว่าเป็นเพียนเพียนที่ได้รับเลือกให้เป็นอันดับหนึ่ง ทว่านับจากคืนนั้น นางคณิกาเพียนเพียนก็หายสาบสูญไป เป็นเหตุให้หลินอวี่ถึงกับตั้งใจสืบหาความจริงเป็นพิเศษ ที่แท้นางก็คือแขกผู้มีเกียรติจากแคว้นเจาซีนี่เอง อวี๋เพียนเพียนมองนางกลับ รู้สึกเพียงแค่ว่าดรุณีตรงหน้าอ่อนโยนและสง่างาม เรียบร้อยมีมารยาทสมเป็นกุลสตรี ทั้งรูปโฉมและผิวพรรณยังงดงามเป็นที่สุด เป็นไปตามแบบฉบับของดรุณีในตระกูลใหญ่ของพื้นที่จงหยวนที่นางเคยได้ยินคนเล่าลือมาไม่มีผิดเพี้ยน นางตอบ “มีเรื่องใดหรือ” “ผู้มาเยือนย่อมเป็นแขก เมื่อครู่ได้รับรู้ถึงคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ของแม่นางเพียนเพียนแล้ว เฟิ่งหัวนับถือยิ่งนัก” อวี๋เพียนเพียนผงะไปเล็กน้อย เจียงเฟิ่งหัวกล่าวต่อ “จากแคว้นเจาซีผ่านมาราวพันลี้ถึงแคว้นต้าโจว เดาว่าต้องมีความจริงใจที่จะเจริญสัมพันธไมตรีอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 110  

    บุรุษแคว้นต้าโจวล้วนชื่นชอบการมีภรรยาหลายคน ไม่อาจเข้าใจได้เลยจริง ๆ ทั้งที่มีพระชายาที่งดงามเลิศล้ำดุจหยกแก้วและบุปผาอยู่แล้ว เหตุใดจะต้องแต่งชายารองที่ไม่รู้กฎระเบียบอีกคนหนึ่งด้วย นางกวาดสายตามองอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงผู้คนจอแจอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความเสื่อมโทรม ทว่าในตอนนี้เองนางคล้ายจะมองเห็นเงาร่างสีขาววูบหนึ่งปรากฏอยู่ตรงที่นั่งสำหรับบุรุษด้านนอก เพียงแค่สีขาววูบเดียวนั้นกลับปลุกเร้าอารมณ์ที่แตกต่างออกไปขึ้นมาได้ นางรู้สึกเพียงว่ากลิ่นอายของความโสมมทั่วทั้งท้องพระโรงถูกแต่งแต้มไปด้วยความสงบและบริสุทธิ์ ซางอวี๋เพียนเพียนพลันลุกขึ้นยืนและเดินออกไปด้านนอก ฝีเท้าของนางดุจสายลม สายตามุ่งตรงไปด้านหน้า รู้สึกเพียงแค่ว่าบุคคลผู้นั้นช่างสง่างามและเต็มด้วยพลัง ดั่งจันทร์กระจ่างหลังสายพิรุณ นางเดินไปตรงหน้าเจียงจิ่นเหยียน และเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “ข้ารู้จักท่าน” เจียงจิ่นเหยียนกำลังยกจอกสุราดื่มฉลองกับเซียวอวี้และบรรดาศิษย์ ครั้นเห็นสตรีในอาภรณ์หรูหราท่านหนึ่งเดินมาตรงหน้า ชุดของนางคือชุดแบบแคว้นเจาซี อีกทั้งยังแต่งตัวได้รุ่มรวยทรงเกียรติ ก็เดาฐานะของผู้มาเยือนได้ในทันที “องค์หญิง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 111

    เสียงเพลงอันไพเราะนุ่มนวลที่บรรเลงไม่หยุดสามารถรักษาอาการนอนไม่หลับได้ เจียงเฟิ่งหัวดื่มเหล้าไปสองจอกหน้าก็เริ่มแดง นางเริ่มตัวโงนเงน สัปหงก เมื่อตัวนางเซก็ไปซบไหล่เซี่ยซางเจียงเฟิ่งหัวก็สะดุ้งตื่นทันที นั่งตัวตรง พยายามเบิกตากว้างเหมือนกำลังจดจ้องที่นางรำ นางไม่รู้ว่านางรำเต้นท่าอะไรบ้าง เหมือนเป็นคนตาบอดที่ลืมตาดูเท่านั้นเซี่ยซางเห็นท่าทางของนางแล้ว ก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย ถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย “เมื่อเช้าตื่นเช้าไปหรือ?”เจียงเฟิ่งหัวผงกหัว “เพคะ”เซี่ยซางกวาดสายตาดูในงาน งานเลี้ยงเพิ่งเริ่ม ทุกคนก็เหมือนจะง่วงกันหมดแล้ว คนที่สัปหงกก็ไม่น้อย งานเลี้ยงนี้ที่กรมพิธีการจัดก็น่าเบื่ออยู่บ้างจริง ๆ “ข้าส่งเจ้าไปพักผ่อนที่ตำหนักเฉินซีหน่อยแล้วกัน รองานเลี้ยงเลิกแล้วค่อยส่งเจ้าออกจากวัง”เจียงเฟิ่งหัวส่ายหน้าไปมา กล่าวเสียงเบาว่า “หม่อมฉันยังทนไหวอยู่เพคะ แขกสำคัญยังไม่กลับ ไหนเลยเจ้าภาพจะกลับก่อนได้”ซูถิงหว่านเข้ามาแทรก กล่าวเบา ๆ “หม่อมฉันก็เริ่มง่วงแล้ว หม่อมฉันไปพักกับพระชายาสักหน่อยนะเพคะ! งานเลี้ยงนี้ก็น่าเบื่ออยู่ไม่น้อยจริง ๆ” นางพูดความจริงอย่างเต็มปากเต็มคำเจียงเฟิ่งหัวไม

บทล่าสุด

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 372  

    เจียงเฟิ่งหัวออกจากตำหนักคุนหนิงก็ตรงไปยังตำหนักเฉินซีทันที ในตอนนั้น เห็นนางกำนัลคนหนึ่งท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ก็โพล่งเสียงตำหนิออกไป “ใคร” อ้าวเสวี่ยตั้งรับทันที ไม่รอให้นางเดินเข้าไปใกล้ อวิ๋นฟางก็เดินงก ๆ เงิ่น ๆ มาหยุดเบื้องหน้าเจียงเฟิ่งหัว “บ่าวคารวะเพคะพระชายา” เจียงเฟิ่งหัวเห็นนางชัดถนัดตาแล้วก็แอบคิดเงียบ ๆ ในใจ นางมีฝีมือไม่เบาเลยทีเดียว แอบลอบกลับวังมาได้ ทว่าด้วยสถานการณ์ของนางตอนนี้ ซูถิงหว่านไม่มีทางปล่อยนางไปแน่ นางจนตรอกไม่มีทางถอยแล้ว จำต้องวิ่งเข้ามาหลบในวังถึงจะไม่ถูกคนไล่ล่า อ้าวเสวี่ยและเหลียนเย่เองก็ชะงักงันไปแล้วเช่นกัน อวิ๋นฟางช่างกล้าหาญยิ่งนัก กล้ากลับเข้ามาในวังหลวงอีก พวกนางคิดว่าหลังจากอวิ๋นฟางหนีไปทางประตูหลังของเขตเมืองหลวงแล้ว นางจะหนีออกไปจากเมืองเซิ่งจิง อย่างน้อยก็ต้องหนีให้ห่างไกลจากเรื่องวุ่นวาย ปกป้องชีวิตไว้เป็นสำคัญ “เข้ามาเถิด!” เจียงเฟิ่งหัวกล่าว อวิ๋นฟางตามเข้าไปในตำหนักเฉินซี นางกำนัลได้ต้มน้ำร้อนเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว ภายในห้องอบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง ภายใต้แสงตะเกียงสว่างรุบรู่ อวิ๋นฟางก็เริ่มขะมักเขม้นทำงานสารพัดทั้งยกน้ำเทน้ำ นางยังกระตือ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 371  

    เฉิงฮองเฮาเปิดเปลือกตา ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า “มาแล้ว จัดการเรื่องข้างนอกวังเรียบร้อยดีแล้วหรือยัง? ออกจากวังไปครึ่งเดือนแล้วมิใช่หรือ!” เจียงเฟิ่งหัวท่าทางมิได้หยิ่งยโสเกินควรแต่ก็มิได้ถ่อมตัวจนเกินเหตุ “ทูลเสด็จแม่ จัดการเหมาะสมเรียบร้อยดีแล้วเพคะ” “ข้าได้ยินว่าเมื่อสิบวันก่อนสินค้าและวัตถุดิบถูกส่งไปหมดแล้ว” แม่สามีของนางก็ดูจะวางมาดขึ้นเช่นกัน ราวกับต้องการให้นางยอมเชื่อฟังคำสั่งสอน เหมือนกับเมื่อชาติก่อนไม่มีผิด “เพคะ เพียงแต่ของที่ส่งออกไปเมื่อสิบวันก่อนเป็นแค่ชุดแรกเพคะ เพราะมีจำนวนมากเกินไป ชุดต่อไปจะต้องทยอยลำเลียงออกไปเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวอย่างละเอียด มองแล้วอ่อนโยนนอบน้อม สงบเสงี่ยมเรียบร้อยมารยาทเพียบพร้อมไร้ที่ติ แม้แต่เฉิงฮองเฮายังมิอาจหาจุดใส่ไฟได้เลย “ลุกขึ้นมานั่งเถิด” น้ำเสียงของเฉิงฮองเฮาฟังดูดีขึ้นเล็กน้อย “ซางเอ๋อร์มีสกุลซูคอยจุนเจือ บัดนี้เด็กในครรภ์ของเจ้าสำคัญเหนือสิ่งใด อย่ามัวเพ่นพ่านด้านนอกมากนัก อย่าไปข้องเกี่ยวกับสตรีในหมู่ขุนนางราชสำนักมากเกินไป ที่สำคัญจงอย่าได้มัวละโมบใฝ่หาความดีความชอบจนลำดับความสำคัญผิดไป” เจียงเฟิ่งหัวคิดในใจ ตอนอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 370

    “เพคะ สะใภ้รับบัญชา”จากนั้น เจียงเฟิ่งหัวก็วางหมากลงไปตัวหนึ่ง “เสด็จพ่อ ทรงแพ้แล้วเพคะ”ฮ่องเต้เหลือบมองกระดานหมากคราหนึ่ง เริ่มจากความตกตะลึง ตามด้วยสีหน้ามืดครึ้มที่มองไม่ออก จากนั้นก็ทรงหัวเราะออกมาว่า “ดูเหมือนเราไม่อาจไม่ตกรางวัลนี้แล้ว มาเล่นอีกตา หากเจ้าชนะเราอีก เราก็จะมอบรางวัลให้อีกครั้ง”เจียงเฟิ่งหัวเก็บหมากบนกระดานขึ้นมาอย่างเยือกเย็น ไร้ความลนลาน “ลูกก็ชนะมาได้อย่างหวุดหวิดเพคะ ต้องเป็นเพราะเมื่อครู่เสด็จพ่อทรงฟังลูกพูดเพลิน จึงได้ออมมือให้ลูกแน่เลยเพคะ”“เจ้าคงไม่รู้สินะ หลายวันมานี้เรามีราชโองการเรียกตัวบิดาของเจ้าเข้าวังมาเดินหมากเป็นเพื่อนเราทุกวัน เขากลับไม่เคยชนะเราเลยสักตา ช่างน่าเบื่อนัก แต่เขาบอกว่าบุตรสาวของเขาเป็นยอดฝีมือในการเดินหมาก เรายังคิดว่าเขาพูดเกินจริงเสียอีก แต่วันนี้ หลังได้เดินหมากไปกระดานหนึ่งเราก็เชื่อแล้ว”“ท่านพ่อก็เหมือนยายหวังขายแตง ที่ชอบขายเองชมเองเพคะ ต่อให้บุตรสาวของท่านจะทำสิ่งใดไม่เป็นเลย ท่านก็รู้สึกว่าดีอยู่ดีเพคะ”“ยังถ่อมตัวเข้าเสียแล้ว เมื่อมาเป็นลูกสะใภ้ของราชวงศ์เรา แค่การถ่อมตนอย่างเดียวไม่พอหรอกนะ ในอนาคตยังต้องช่วยซางเอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 369

    เมื่อเจียงเฟิ่งหัวกลับวังก็ถูกฮ่องเต้เรียนตัวไปที่ห้องทรงอักษร หลังนางรายงานเรื่องภารกิจที่ฮ่องเต้มอบหมายให้นาง ก็วางแผนจะกลับตำหนักคุนหนิงไปคารวะฮองเฮาแต่จู่ๆ ฮ่องเต้ก็ตรัสขึ้นมาว่า “ได้ยินว่าพระชายาของเหิงอ๋องชำนาญการวางหมาก เราอยากหาคนมาเล่นด้วยสักตาพอดี ว่าอย่างไร จะอยู่เล่นเป็นเพื่อนเราสักตาหรือไม่”เจียงเฟิ่งหัวคารวะลงรอบหนึ่งด้วยมารยาที่พอเหมาะ ไม่ถ่อมตัวไม่เย่อหยิ่ง แล้วกล่าวอย่างเคารพว่า “เคารพมิสู้เชื่อฟัง สะใภ้ย่อมทำตามพระบัญชาของเสด็จพ่อเพคะ แต่หากเสด็จพ่อทรงเป็นฝ่ายปราชัย ลูกจะขอรางวัลจากเสด็จพ่อสักอย่างได้ไหมเพคะ”ฮ่องเต้ตรัสว่า “อยากได้อะไรก็พูดมาได้เลย หากเจ้าเอาชนะข้าได้ ก็ถือเป็นรางวัลที่เจ้ามีผลงานใดการทำคดี แต่หากพ่ายแพ้ รางวัลก็จะไม่มีแล้วนะ”เจียงเฟิ่งหัวแอบคิดว่า “ฮ่องเต้ยังคงเป็นพวกที่ไม่ยอมเสียเปรียบ ถึงกับเอารางวัลของนางมาใช้เดิมพันหมาก หากนางชนะหมากควรนับเป็นรางวัลพิเศษไม่ใช่หรือ!”“เพคะ” นางตอบอย่างว่าง่ายเพราะในท้องของเจียงเฟิ่งหัวมีเด็กอยู่ เพื่อดูแลเด็กในท้องของนาง จึงให้หัวหน้าขันทีเฉายกโต๊ะที่สูงขึ้นเล็กน้อยเข้ามาตัวหนึ่งมาใช้แก้ขัด และยังเตรียม

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 368

    คนทั้งสองเท้าสะเอวหัวเราะขึ้นมา “คนที่คิดจะช่วยคุณหนูหลินของเราไถ่ตัวมีเต็มไปหมด ท่านต่อแถวไม่ทันหรอก อีกอย่าง ท่านก็ไม่มีคุณสมบัตินั้นด้วย อย่าได้เพ้อฝันอีกเลย” คุณหนูหลินไม่ขาดแคลนเงินทอง ทั่วทั้งหออี๋ชุนล้วนอยู่ใต้การตัดสินใจของนาง ไม่จำเป็นต้องไถ่ตัวเพราะนางไม่มีสัญญาขายตัว“ข้าจะต้องแต่งนางเป็นภรรยาให้ได้ พวกเจ้ารอก่อนเถอะ” กัวเซี่ยวตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะแต่งกับหลินอวี่ให้ได้ในบรรดาเหล่าคุณชายตระกูลใหญ่ กัวเซี่ยวก็พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง เขาหน้าตาไม่เลว ชาติตระกูลก็ไม่เลว เขาจึงคิดว่าหลินอวี่ไม่มีทางปฏิเสธแน่ได้ยินเขาพูดเช่นนั้น จื่อฮุ่ยจึงเอ่ยบ้างว่า “หากคิดจะแต่งกับคุณหนูของข้า นอกเสียจากว่าท่านจะเป็นจอหงวน นั่นอาจพอมีโอกาสบ้าง ไม่เช่นนั้นก็อย่าได้เสียเวลาอีกเลย”กัวเซี่ยวตะลึงงันไปแล้ว ที่เขาไม่ชอบที่สุดก็คือการอ่านตำรานี่แหละเห็นเขายังคงไม่ยอมจากไปอีก พวกนางก็ไม่อยากเปลืองน้ำลายกับเขาแล้ว จึงตีกัวเซี่ยวจนสลบแล้วโยนเขาออกไปนอกหออี๋ชุนเสียเลย “ช่างน่ารำคาญเหลือเกิน คนที่อยากแต่งงานกับคุณหนูของข้าตอนนี้ต่อแถวไปถึงนอกประตูเมืองนู่นแล้ว ค่อยๆ ไปต่อแถวเถอะ” พวกนางย่อมไม่เห็น

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 367

    “แม่นางหลิน เจ้าดื่มช้าๆ หน่อย” กัวเซี่ยวไม่เหลือท่าทางเสเพลไร้ความสำรวมในอดีตอีก เขาเอ่ยห้ามปรามว่า “แม่นางหลิน เจ้าอารมณ์ไม่ดีหรือ!”“ผู้ใดบอกว่าข้าอารมณ์ไม่ดีกัน” หลินอวี่กล่าวต่อว่า “สุรานี้เจ้าเป็นคนออกเงินซื้อ ท่านจะดื่มไม่ดื่ม?” กัวเซี่ยวรีบเทเหล้าออกมาอีกจอกแล้วดื่มลงไปจนหมดในอึกเดียว “ข้าดื่ม” ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะได้ดื่มสุรากับนาง แน่นอนว่าต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้มั่นสุราผ่านไปสามรอบ กัวเซี่ยวก็ดื่มจนหน้าแดงก่ำแล้ว แม้แต่นั่งก็นั่งไม่มั่น “ดื่มอีก ข้ายังดื่มได้…ดื่ม…แม่นาง…แม่นางหลิน เจ้าช่างงามนัก”สีหน้าของหลินอวี่ยิ่งเปล่งปลั่งแดงระเรื่อ จู่ๆ นิ้วเรียวงามทั้งสิบของนางก็สัมผัสลงบนแก้มของเขา คนที่อยู่เบื้องหน้าราวกับได้กลายเป็นผู้ที่อยู่ในใจนางไปแล้ว นางพึมพำว่า “คุณชายน้อย ดื่มสุราสิ”กัวเซี่ยวถูกอารมณ์รักทำให้เลอะเลือนไปแล้ว เขาคว้ามือนางไว้แล้วดึงนางเข้าสู่อ้อมกอด “แม่นางหลิน ข้าชอบเจ้า”หลินอวี่หัวเราะอย่างหยาดเยิ้ม ตั้งแต่เด็กนางก็เรียนรู้ทักษะการล่อลวงบุรุษพวกนั้นกับเจียงเฟิ่งหัว ยามนี้นำมาใช้กับกัวเซี่ยวก็เกินจะพอ อาศัยเพียงยิ้มเดียวของนางก็ทำให้กัวเซี่ยวมัวเมาลุ่มห

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 366

    ไม่รอให้ชายฉกรรจ์ตอบสนอง หลินอวี่ก็เอ่ยเสียงหนักว่า “นำสุรามา คืนนี้พี่ชายจะออกเงินครั้งละร้อยตำลึงได้มากเท่าใด ข้าก็จะดื่มเป็นเพื่อนท่านมากเท่านั้น ว่าอย่างไร?”ม่านตาของชายฉกรรจ์หดแคบลง สุราเช่นนี้พวกเขาดื่มไม่ไหวดอก ทันใดนั้น คนทั้งสองก็ห่อเหี่ยวลงทันทีหลินอวี่ลุกขึ้นมา กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าว่าสองท่านคงไม่ได้คิดมาดื่มสุราหาความสำราญ แต่เหมือนจะมาก่อเรื่องในหออี๋ชุนของข้ามากกว่า”“ผู้ใดบอกว่าไม่ได้มาดื่มสุรากัน” บุรุษหนึ่งในนั้นลุกขึ้นมา ชี้จมูกหลินอวี่ได้ก็ด่าออกมาทันทีว่า “หอสุราเน่าๆ อะไรของพวกเจ้ากัน เหล้าจอกละร้อยตำลึง ทำไมพวกเจ้าไม่ไปปล้นเสียเลยล่ะ”พูดจบเขาก็คิดจะเริ่มทำลายข้าวของ สุราอาหารกับจอกสุราถูกเขาพลิกโต๊ะจนล้มคว่ำหลินอวี่ทนไม่ไหวอีกต่อไป แต่ไม่ทันที่นางจะลงมือ ในเวลานั้นเอง ที่หน้าประตูก็มีบุรุษผู้หนึ่งบุกเข้ามาปกป้องอยู่เบื้องหน้าของนางอย่างสง่างามน่าเกรงขาม “ข้ามาแล้ว เป็นไอ้ลูกเต่าลูกตะพาบตัวไหนกล้ามาก่อเรื่องที่หออี๋ชุนกัน”“แม่นางหลินวางใจเถอะ มีข้าอยู่ไม่มีใครกล้ามาสร้างความวุ่นวายที่นี่แน่” ใบหน้ากัวเซี่ยวเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นหลินอวี่ถอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 365

    หิมะตกแล้ว หิมะที่ตกหนักและปลิวไสวดุจขนห่าน ทำให้เมืองหลวงอันเรืองรองประดุจปกคลุมไปด้วยอาภรณ์สีเงิน ทัศนียภาพที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะนี้ก็ดูงดงามมีเอกลักษณ์ไปอีกแบบไม่ว่าสงครามที่ชายแดนจะรบกันหนักหน่วงเพียงใด ล้วนไม่อาจส่งผลกระทบต่อเมืองหลวง ที่ยังคงคึกคักและรุ่งเรืองเช่นเดิมเจียงเฟิ่งหัวสวมเสื้อคลุมอันหรูหราที่มีหมวกคลุมศีรษะยืนอยู่ข้างหน้าต่างพลางทอดสายตาออกไปไกล ความคิดของนางล่องลอยออกไปไกลแสนไกล แววตาที่ลึกล้ำดุจบึงน้ำอันหนาวเหน็บสาดประกายเย็นเยียบออกมาคิดไม่ถึงว่าจะจัดการกับจีเฉินได้รวดเร็วเช่นนี้ ในชาติก่อน จีเฉินเป็นแรงหนุนคนสำคัญของซูถิงหว่าน พวกเขาคนหนึ่งอยู่ในวังคนหนึ่งอยู่นอกวัง ในนอกเสริมประสาน การกำจัดเขาทิ้งในเวลานี้จึงถือเป็นการกำจัดศัตรูคู่แค้นที่สำคัญไปได้คนหนึ่ง“เจ้าต้องกลับวังอีกแล้วสินะ! ข้าจะไม่ได้เห็นเจ้าอีกหลายเดือนอีกแล้วใช่หรือไม่ หวังจริงว่า ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าตอนเจ้าคลอดลูกได้ คนอื่นล้วนบอกว่า การคลอดลูกเป็นด่านความเป็นตายของผู้หญิงที่เท้าข้างหนึ่งก้าวไปอยู่ในตำหนักมัจจุราช” หลินอวี่ยืนอยู่ข้างนาย มองตามสายตาของนางไปยังควันที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่ไกลออกไป

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 364

    เนื่องจากสายสัมพันธ์กับซูฮองเฮา บัดนี้ อำนาจของซูไทเฮาจึงเหนือล้ำเฉิงฮองเฮาไปแล้วดังนั้น ฝูลู่จึงไม่กล้าล่วงเกินฮองเฮาเช่นกัน เพราะไม่ว่าอย่างไรยามอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ ตำแหน่งแห่งที่ของเขาก็ยังไม่มั่นคงนัก ขันทีผู้หนึ่งแบบเขาจะไปช่วยใครได้ เขาช่วยผู้ใดไม่ได้ทั้งนั้นยังคงยุ่งเรื่องผู้อื่นให้น้อยลงจะดีกว่า!“คืนนี้ ฝ่าบาทจะทรงพลิกป้ายของพระสนมท่านใดพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้กล่าวว่า “ไม่พลิกป้ายแล้ว ช่วงนี้ข้างานราชกิจรัดตัว ไม่ต้องจัดนางสนมมาปรนนิบัติแล้ว ตรงไปที่ห้องทรงอักษรเลยเถอะ!”“พ่ะย่ะค่ะ” ฝูลู่กล่าว นับตั้งแต่ฮ่องเต้กลายเป็นองค์รัชทายาท มีวันใดที่ทรงไม่ยุ่งบ้าง เหล่าพระสนมในวังล้วนได้ไทเฮาดูแลทั้งนั้น ก็น่าจะทรงไปทำความรู้จักบ้างเฮ้อ! สถานที่ที่ฮ่องเต้ไปมากที่สุดยังคงเป็นตำหนักคุนหนิงของฮองเฮา ดูท่าเสียนเฟยคงไม่มีโอกาสแล้ว ยังดีที่นางมีลูกสองคนจึงยังรักษาตำแหน่งเสียนเฟยไว้ได้เมื่อจีเฉินที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเห็นฉากนี้ ในใจก็ยิ่งตื่นเต้น อย่างนั้นก็แปลว่าในอนาคตเจียงเฟิ่งหัวจะไม่ได้เป็นฮองเฮา และเซี่ยซางก็ไม่ได้ชอบนางด้วยแต่ไม่ถูกสิ!ลูกก็คลอดออกมาแล้ว เหตุใดพวกเขาสองคนจึงยังดู

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status