Share

บทที่ 6

Author: จูน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
เธอเช็ดเลือดและเหงื่อบริเวณหน้าผาก จากนั้นก็สวมเสื้อ แล้วจึงตามนางข้าหลวงของฮองเฮาเข้าไปข้างใน

ความงดงามของพระราชวังนั้นตรงกันข้ามกับความซอมซ่อและความจนตรอกของเธออย่างสื้นเชิง เธอพยายามย่ำเท้าเดินตามไปอย่างสงบเสงี่ยม ทีละก้าว ทีละก้าว จนรู้สึกว่าลำบากยากเย็นเสียเหลือเกิน

ข้างหน้ามีเงาคนเคลื่อนไหวไปมา แต่แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่เงาเคลื่อนไหวของผู้ใด กลับเป็นตัวเธอเองที่รู้สึกเหวียนหัวจนตาลาย ดังนั้นเธอจึงมองเห็นอย่างเลือนลางว่ามีคนสามคนกำลังนั่งอยู่ในตำหนัก คนตรงกลางสวมใส่ผ้าไหมปักเงินปักทองชาววังสีแดง มัดมวยผมสูง เพียงแค่ชำเลืองมอง ก็รู้สึกว่างามสง่ามากทีเดียว

เธอคุกเข่าลงบนพื้น “หม่อมฉันเซี่ยจื่ออัน ขอเข้าเฝ้าฮองเฮาเพคะ”

ภายในตำหนักเงียบสงัด แม้แต่เสียงหายใจก็ไม่ได้ยิน โคมไฟบนผนังส่องสว่างผ่านฝาเคลือบสีออกมาได้อย่างสวยงาม สะท้อนทุกสิ่งทุกอย่าง ราวกับเป็นดินแดนมหัศจรรย์

ผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงนางหนึ่งที่แทบจะไร้อารมณ์และแสนจะเย็นชาดังขึ้น “เงยหน้า” เซี่ยจื่ออันใช้มือทั้งสองพยุงตัวขึ้น และเงยหน้าอย่างช้า ๆ

ดวงตาอันแหลมคมและโหดร้ายจ้องมาที่เธอ นัยน์ตาเป็นสีฟ้าเข้ม สิ่งนี้ทำให้เธอนึกถึงคราวที่ไปเป็นแพทย์ทหาร ครั้งหนึ่งเคยประสบกับอันตราย ณ ดินแดนทะเลทรายแห่งหนึ่ง เธอเผชิญหน้ากับงูหางกระดิ่งที่ซ่อนตัวอยู่หลังเนินทราย มันมองเธออย่างดุร้ายแบบนี้เช่นกัน

มองจากหางตา เธอเห็นฮองเฮาอยู่ข้าง ๆ มีคนนั่งอยู่ทางซ้ายและทางขวาด้านละคน ผู้ที่ประทับทางด้านขวาคือท่านอ๋องเหลียง พระองค์ดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทั้งไม่พูดและยังเบือนหน้าหนี ราวกับไม่อยากแม้แต่จะมองไปที่เธอ

ได้เห็นท่านอ๋องเหลียงประทับอยู่ที่นี่ จึงสามารถวางไจไปได้ครึ่งหนึ่ง อย่างน้อยแผนการของเธอก็บรรลุไปอย่างราบรื่น

ส่วนชายที่สวมใส่ชุดดำทางด้านซ้าย เธอไม่เคยพบมาก่อน เจ้าของเดิมก็คงไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นกัน เพราะในความคิดของเธอ เขาไม่มีความน่าประทับใจใด ๆ เลย

ออร่าที่เปล่งประกายของคนผู้นี้ ทำให้เซี่ยจื่ออันตกใจเล็กน้อยและไม่กล้ามองหน้า เขาเพียงนั่งเฉยอยู่ข้าง ๆ ในมือถือถ้วยกระเบื้องใบหนึ่ง แต่ท่าทางที่เย็นชานี้ กลับทำให้คนรู้สึกกดดันอย่างแรงกล้า

เซี่ยจื่ออันคิดในใจ เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะเป็นน้องชายขององค์จักรพรรดิ หรือไม่ก็เป็นผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิมู่หรงเจี๋ย

เพื่อไม่ให้เซี่ยจื่ออันคิดต่อไป ฮองเฮาจึงพูดออกมาอย่างช้า ๆ เปลี่ยนไปจากที่ดุร้ายเมื่อก่อนหน้านี้ มุมปากยกขึ้น และหัวเราะเบา ๆ “เจ้าคือเซี่ยจื่ออันใช่หรือไม่?”

“กราบทูลฮองเฮา หม่อมฉันคือ เซี่ยจื่ออันเพคะ” เซี่ยจื่ออันตอบรับ ลำคอเหมือนมีใยฝ้ายอุดอยู่ พูดอย่างลำบากมาก จากนั้นฮองเฮาก็ยิ้มออกมา นัยน์ตากลับมาดุร้ายอีกครั้ง เสียงล่องลอย

“ได้ยินมาว่า เจ้าไม่ชอบองค์ท่านอ๋องเหลียงอย่างนั้นรึ”

ประโยคที่ฟังดูสบาย ๆ ได้กลายเป็นคำถามไปเสียแล้ว

เซี่ยจื่ออันก้มศีรษะลงอย่างสงบ แล้วค่อย ๆ เงยศีรษะขึ้นอย่างช้า ๆ ด้วยแววตาอันเศร้าหมอง “ฮองเฮา หม่อมฉันรู้ว่าโทษประหารในวันนี้ยากเกินแก่การให้อภัย และหม่อมฉันก็ขอรับการลงโทษ แต่การที่หม่อมฉันกระทำการเช่นนี้ มิใช่ตั้งใจให้องค์ท่านอ๋องเหลียงเสียหน้า แท้จริงแล้ว หม่อมฉันไม่มีทางเลือกต่างหาก หม่อมฉันรู้สึกผิดและหาได้สบายใจไม่ ดังนั้นไม่ว่าฮองเฮาและองค์ท่านอ๋องเหลียงจะลงโทษหม่อมฉันอย่างไร หม่อมฉันขอยอมรับผิดทุกประการ”

“โอ้” ดวงตาของฮองเฮาเย็นชาเล็กน้อย “เจ้าไม่มีทางเลือกได้อย่างไร ไหนเล่าให้ข้าฟัง”

ท่านอ๋องมู่หรงเจี๋ยได้ยินดังนั้นจึงยิ้มเล็กน้อย นางฉลาดแถมยังไม่ปฏิเสธความผิดสักนิด กลับบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าโทษการประหารชีวิตของนางยากที่จะให้อภัย แต่เมื่อใดก็ตาม หากนางปริปากอธิบายความ ต้องทำให้ฮองเฮาโกรธเป็นฟืนไฟอย่างแน่นอน จะมีโอกาสพูดออกไปได้ที่ไหน

เซี่ยจื่ออันคุกเข่าลงอย่างยากลำบาก และพูดต่อไปว่า “ฮองเฮาเพคะ เมื่อครู่นี้แม่นมของฮองเฮาบอกว่า เพื่อที่จะขอพรให้พระราชชนนี มารดาหรือฮูหยินของขุนนางสูงศักดิ์ที่เข้ามาในวังหลวงภายในหนึ่งเดือน จำต้องกราบสามครั้ง คำนับเก้าครั้ง จิตใจที่แสดงความกตัญญูเช่นนี้ ทำให้หม่อมฉันประทับใจอย่างมาก วันนี้หม่อมฉันยอมเสี่ยงตายดีกว่าไปขึ้นเกี้ยว แม้ว่าใจดวงนี้ของหม่อมฉันจะเคร่งศาสนาไม่เท่าฮองเฮา แต่ก็เพื่อท่านแม่ของหม่อมฉันเช่นกัน หม่อมฉันอยู่ในตำแหน่งเสนาบดี ควรต้องได้ยินจากปากของฮองเฮา หากหม่อมฉันสามารถอภิเสกกับฝ่าบาทได้ ก็จะเปลี่ยนเป็นนางสนมที่เสวยสุขและมีเกียรติ แต่กระนั้นหม่อมฉันก็มิสามารถเสวยสุขเพียงผู้เดียว แต่กลับทิ้งมารดาไว้ในที่แสนอันตรายได้ลงคอ ตราบใดที่หม่อมฉันแต่งงานออกไป มารดาของหม่อมฉันจะถูกนำตัวออกจากบ้านเพราะโดนกฎการขับชั่วโคตร”

มู่หรงเจี๋ยรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าวันนี้เป็นวันที่นางจะถูกเรียกตัวไปสารภาพผิดในวังหลวง แม้ว่าถ้อยคำทั้งหลายจะถูกเตรียมไว้ก่อนหน้าแล้วก็ตาม นางก็ไม่ได้พูดว่านางไม่ต้องการแต่งงานกับองค์ท่านอ๋องเหลียง ทั้งยังไม่ได้แสดงความลังเลหรือความคับข้องใจใด ๆ ต่อการแต่งงานครั้งนี้สักนิด นั่นก็เพื่อสิ่ง ๆ เดียวกันคือความกตัญญู

มู่หรงเจี๋ยต้องการดูว่านางจะอยู่กับฮองเฮาได้นานเพียงใด เขาจึงพูดอย่างเฉยเมยว่า “กฏการขับไล่เจ็ดชั่วโคตร ไม่ใช่มีเพียงความผิดข้อนี้เสียเมื่อไหร่ เหตุใดเจ้าถึงแน่ใจนักว่า พ่อของเจ้าจะทิ้งแม่ของเจ้าด้วยโทษข้อนี้กัน”

เซี่ยจื่ออันมองไปที่ชายผู้เปรียบดั่งเทพเจ้าผู้หนึ่งผ่านหน้าผากอันเปียกชุ่มของเขา เขาจ้องมองตัวเอง ทั่วทั้งร่างกายส่งกลิ่นอายแห่งความว่างเปล่า แต่ยังกลับทำให้ผู้คนรู้สึกว่าสูงส่งเกินเอื้อมไม่เปลี่ยน

อย่างไรก็ตาม ดูเขาจะถามอย่างไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก แต่นั้นกลับช่วยให้นางได้กราบทูลฮองเฮาว่า พ่อของนางต้องการหย่าร้างกับภรรยาจริง ๆ

เขาจะช่วยเหลือตนเองเพราะเหตุใด

เซี่ยจื่ออันยิ้มอย่างข่มขื่น “ท่านอ๋อง เรามิได้มีเพียงกฎการขับไล่เจ็ดชั่วโคตร แต่ยังมีกฎห้ามขับไล่สามชั่วโคตรอีกด้วย ท่านแม่ของหม่อมฉันปรนนิบัติท่านปู่อย่างดีมาสามปี หลังจากนั้นจึงได้จัดการไว้ทุกข์ในวันที่ท่านปู่จากไป การกระทำนี้เท่านั้นที่มิได้อยู่ภายใต้ข้อจำกัดของกฎการขับไล่ ดังนั้นหากท่านพ่อต้องการหย่าร้างกับท่านแม่ ก็ต้องใช้โทษข้อนี้เท่านั้น”

ฮองเฮายังคงนิ่งเฉย จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สุดจะเย็นชา “แล้วอย่างไรต่อ เป็นไปได้หรือที่เมื่อเจ้าปฏิเสธการขึ้นเกี้ยว แล้วพ่อของเจ้าจะเปลี่ยนใจไม่หย่ากับแม่ของเจ้า”

เซี่ยจื่ออันพูดอย่างทรมานใจว่า “วันนี้หม่อมฉันเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องมาเผชิญหน้ากับเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในวังหลวง ขอเปิดเผยว่าท่านพ่อของหม่อมฉันมีเจตนาที่จะหย่ากับท่านแม่อยู่แล้ว ทุกคนรู้ว่าเขาคงไม่กล้าทำผิดอีกเป็นแน่ และถึงแม้ว่าจะหย่ากันได้ เขาก็จะหาวิธีการอื่น ๆ มาใช้อีกแน่นอน นี่เป็นหนทางเดียวที่หม่อมฉันจะช่วยแม่ของหม่อมฉันได้ หากแม่ของหม่อมฉันถูกจับไป คงไม่รอดเป็นแน่”

ท่านอ๋องเหลียงโกรธมาก “เจ้าหลอกใช้ข้าหรอกหรือ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม ยังไงก็ล้วนเป็นความผิดร้ายแรง!”

เซี่ยจื่ออันเงยศีรษะขึ้น ขนตาเปื้อนหยดน้ำตา ริมฝีปากสั่น ใบหน้าที่มีบาดแผลดูเศร้ามอง “ขออภัยเพคะฝ่าบาท แท้ที่จริงหม่อมฉันต้องการทูลเรื่องนี้ให้พระองค์ทรงทราบมาโดยตลอด เพียงแต่หม่อมฉันหาทางมาพบพระองค์ไม่ได้ ท่านพ่อก็ห้ามไม่ให้หม่อมฉันมาคุยกับพระองค๋ ก็เพราะเรื่องนี้ หม่อมฉันถึงได้ปฏิเสธการนั่งเกี้ยวอย่างไรเพคะ”

ท่านอ๋องเหลียงงุนงงเล็กน้อย “เรื่องอันใดกัน”

ในที่สุดน้ำตาของเซี่ยจื่ออันก็ไหลออกมาจากหางตา ทั้วทั้งร่างสั่นไหวจนคาดเดาไม่ได้ ดูสิ้นหวังไปหมด “ร่างกายของหม่อมฉันอ่อนแอนัก มิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตรไม่ได้ หม่อมฉันจะแต่งงานกับฝ่าบาททั้งที่หม่อมฉันเป็นหมันได้อย่างไร ฝ่าบาทเป็นผู้ที่สูงศักดิ์ หม่อมฉัน...ก็เป็นเพียงฝุ่นใต้พระบาท”

“อะไรกัน” สุดท้ายฮองเฮาก็อดที่จะพิโรธไม่ได้ “เขากล้าหลอกลวงและตบตาราชสำนักได้อย่างไร”

การแต่งงานของหญิงผู้เป็นหมันกับท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ ถึงมีความกล้ามากเท่าไหร่ ก็คงไม่กล้าแต่งหรอก เว้นเสียแต่ว่า เขาจะรู้อะไรบางอย่าง สายตาอันอาฆาตของฮองเฮากระพริบแวบนึง

ท่านอ๋องเหลียงก็สั่นไปทั่งตัวเช่นกัน ใบหน้าของเขาซีดเผือดขึ้นมาทันที สายตาจ้องมองไปยังเซี่ยจื่ออัน ราวกับอยากถามว่าที่เซี่ยจื่ออันพูดมาเป็นความจริงหรือ

“หมอหลวง! เข้ามานี่” ท่านอ๋องเหลียงโกรธมาก ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง

เซี่ยจื่ออันตื่นตระหนก ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ ท่านอ๋องเหลียงจึงโกรธเคืองเช่นนี้ แม้เธอจะคิดไว้แล้วว่าหมอหลวงต้องมา แต่ท่านอ๋องเหลียงก็ไม่น่าจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแบบนี้ อย่างไรก็ตามการที่วันนี้ตัวข้าปฏิเสธที่จะขึ้นเกี้ยว เช่นนี้เองจึงทำให้เขาอับอายขายหน้า แต่เขาก็มิได้ด่าทอ แต่ขณะนี้ฮองเฮาและผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิประทับอยู่ที่นี่ เหตุใดเขาจึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกันนะ

Related chapters

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 7

    ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิกลับค่อย ๆ เบะริมฝีปากหัวเราะเยาะเซี่ยจื่ออัน แม้ว่าเจ้าจะฉลาด แต่ก็กลับอวดฉลาดด้วยเช่นกัน เจ้าคิดว่าที่เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นหมันนั้น แล้วฮองเฮาจะยอมแพ้และลงโทษมหาเสนาบดีหรอกหรือ ไม่เลยนั่นเป็นข้อห้ามของอ๋องเหลียง ดังนั้นหยุดเสียเถอะ ไม่เช่นนั้นเขาจะคิดว่าที่เจ้าบอกว่าตนเองเป็นหมันคือ การกำลังตีวัวกระทบคราดอ๋องเหลียงจ้องมายังจื่ออันอย่างดุร้าย “หากหมอหลวงตรวจพบว่าเจ้าโกหก ข้าจะแทงเจ้าด้วยมีดพันเล่มทีเดียว”ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิส่ายหัวเล็กน้อย มองไปยังใบหน้าที่ตกใจอย่างเฉียบพลัน ดูท่าชีวิตของหญิงสาวผู้นี้คงจบสิ้นแล้วกระมังอ๋องเหลียงเริ่มมีท่าทีแปลก ๆ เขาตัวสั่นเทา เริ่มจากปากไปถึงร่ายกายที่ค่อย ๆ สั่นขึ้น ๆ สีหน้าเริ่มเปลี่ยนจากซีดเป็นเขียว ริมฝีปากเริ่มม่วงทันใดนั้น เขาก็ล้มลงกับพื้น ร่างกายแข็งทื่อ เท้าพยายามถีบไปข้างหน้า ใบหน้าชักกระตุก ร่างกายกระตุกและเกร็งมู่หรงเจี๋ยพร้อมกับฮองเฮาล้วนตกใจกับเหตการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ฮองเฮารีบวิ่งพรวดเข้าไป ตะโกนด้วยความตกใจสุดขีด “หมอหลวง เร็วเข้า!”จื่ออันเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ก็รู้ทันทีว่าอาการลมช

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 8

    คำพูดของเซี่ยจื่ออันที่ว่า “ไม่ต้องการเห็นฝ่าบาทอาการกำเริบ หรือร่างกายบาดเจ็บอีก” ชวนให้รู้สึกสนใจว่า จริง ๆ วันนี้เซี่ยจื่ออันเป็นบุคคลที่น่ายกย่องทีเดียว ตอนที่อาการฝ่าบาทกำเริบ ก็ได้นางที่รีบเข้ามาช่วย ส่วนถ้อยคำที่นางแก้ตัว ก็ล้วนเป็นความจริง มีคนรายงานเหตุการณ์วันนี้ในจวนมหาเสนาบดีได้รับทราบแล้ว เซี่ยจื่ออันมิได้พูดโกหก เห็นได้ว่านางทั้งซื่อสัตย์และมีสัจจะ คำพูดเกี่ยวกับการฝังเข็มก็ไม่น่าเป็นเรื่องที่ถูกปั้นขึ้นมาเช่นกันในความเป็นจริง นางจะไม่พูดก็ได้ เหตุใดจึงหาเรื่องใส่ตัว นางเองก็พลอยมีเรื่องร้าย ๆ กับตัวมากพออยู่แล้วหมอหลวงลังเลสองจิตสองใจขึ้นมา “ฮองเฮา วิธีการฝังเข็มที่หูได้ผลพ่ะย่ะค่ะ ทว่าประสิทธิผลจะเป็นอย่างไร ยังไม่สามารถตรวจดูได้อย่างละเอียด อีกทั้งต้องระวังให้มากเป็นพิเศษ เมื่อฝังเข็มที่หูหรือศีรษะ เพราะหากเลือกบริเวณฝังเข็มผิด หรือกลศาสตร์ของเข็มเอียงไม่ถูกต้อง อาจก่อให้เกิดผลที่ร้ายแรงตามมา”จื่ออันได้ยินคำกล่าวนั้น ริมฝีปากก็ขยับ เธอก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย ยังไม่กล้าเอ่ยคำพูดใด ๆฮองเฮาจ้องมาที่นางอีกครั้ง พร้อมกับไตร่ตรองประเดี๋ยวเดียว แล้วจึงเอ่ยว่า “เจ้าเข้าไ

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 9

    ภายในใจของจื่ออันไม่สงบสุขและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ นางทำได้เพียงคำนับและพูดว่า “เพคะ หม่อมฉันรับทราบ”ฮองเฮาเงยหน้าขึ้น ดวงตาไม่อ่อนโยนเหมือนเมื่อครู่นี้ กลับกลายเป็นสีหน้าแสนดุดัน “ครั้งนี้เจ้าใช้ืท่านอ๋องเหลียงเป็นเครื่องมือ มิหนำซ้ำยังทำลายชื่อเสียงของพระองค์ ทางราชสำนักควรลงโทษเจ้าอย่างสาสม แต่พอมาคิดดูว่าที่เจ้าวางแผนทำลงไปก็เพื่อแม่ของเจ้า ข้าคิดว่าการลงโทษสถานเบานั้นก็เพียงพอ เข้ามา เตรียมสมุนไพรดอกคำฝอยหนึ่งชามให้นางดื่มเสีย”อารมณ์โกรธของจื่ออันทะยานสูงขึ้นทันที ร่างกายของเธออ่อนแรงมากแล้ว อีกทั้งชีพจรยังเต้นผิดจังหวะ การตั้งครรภ์จึงถือว่าเป็นเรื่องยากมาก เมื่อกินสมุนไพรดอกคำฝอยลงไป เธอก็ต้องล้มเลิกความหวังไปพระสนมของผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิมู่หรงเจี๋ย คือคนที่ไม่อาจตั้งครรภ์ได้เป็นหญิงอำมหิตอะไรเช่นนี้แม้จื่ออันจะไม่ใส่ใจว่าเธอจะตั้งครรภ์ได้หรือไม่ เธอเพียงต้องการมีชีวิตรอด ทว่าก็ยังโกรธฮองเฮาแมนจูผู้นี้อยู่ดีทว่า ณ ตอนนี้เธอไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ด้วยนิสัยของเธอ เธอจะฆ่าฮองเฮาโดยมิลังเลใจเป็นแน่ ทว่าตอนนี้เธอยังไม่สามารถดูแลตัวเองได้ มิหนำซ้ำยังต้องมา

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 10

    จื่ออันถึงจวนในช่วงดึก ประตูใหญ่ถูกปิดอยู่ จึงไม่มีคนเข้าเวรยาม เธอจึงนั่งลงที่บันไดหินอ่อน ร่างของเธอค่อย ๆ ทรุดลงร่างกายของเธอไม่มีแรงสักนิด ทั้งหิว ทั้งเหนื่อย ทั้งเจ็บปวดแทบจะแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆเธอไม่มีแม้แต่แรงจะเคาะประตู แถมยังรู้อยู่แก่ใจว่าถึงเคาะก็ไม่มีใครมาเปิดประตูให้เธอนอนลงที่บันไดหิน แผ่นหลังสัมผัสจากความหนาวเหน็บ เธอเงยหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้า ดวงดาวแพรวพราวระยิบระยับ ช่างสวยงามเสียนี่กระไรจักรวาลอันแสนกว้างใหญ่ สามารถบรรจุสิ่งต่าง ๆ ได้มหาศาล ทว่าไม่มีทางจะบรรจุชีวิตที่ต้องดิ้นรนลงไปได้เป็นแน่“คุณหนู คุณหนูใหญ่กลับมาแล้วขอรับ อยู่ที่หน้าประตู ให้ข้าไปเปิดประตูไหมขอรับ?” ผู้เฝ้าประตูถามเบา ๆเซี่ยหว่านเอ๋อหัวเราะอย่างมีเลศนัย “เปิดทำไมรึ นอนตรงนั้นไปเสีย ดึกแล้ว หาได้จำเป็นไม่”ข้ารับใช้รู้ดีว่าคุณหนูใหญ่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่แทบจะหมดหวัง ยิ่งกว่านั้นก็ไม่เคยได้รับยศถาบรรดาศักดิ์ใด ๆ มาก่อน แทบจะถือเป็นคนรับใช้ก็ว่าได้ เขาเพียงทำได้แค่ต้องมองที่ใบหน้าผู้ที่มีอำนาจกว่าเท่านั้น“ขอรับ คุณหนูรอง” ผู้เฝ้าประตูตอบรับเซี่ยหว่านเอ๋อขำอย่างร้ายกาจ พูดกับสาวใช้ที่อยู่ข

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 11

    จื่ออานทำท่าทางให้เสี่ยวซุนออกไปเสี่ยวซุนนำน้ำออกไป และจึงยื่นมือปิดประตู“ท่านแม่ ท่านไม่ต้องห่วง ข้าเคยศึกษาวิชาแพทย์ และการฝังเข็มมาก่อน ข้ามั่นใจ” จื่ออานพูดเบา ๆเซี่ยฟูเหรินพยักหน้าเล็กน้อย เธอยื่นมือออกไปลูบผมหล่อน “ลูกเอ๋ย แม่ทำให้เจ้าลำบากเสียแล้ว เจ้าอยู่แทนจื่ออาน มิหนำซ้ำยังต้องมาทนทุกข์กับสิ่งที่นางควรจะต้องทนเอง ไม่ยุติธรรมเสียเลย”“ข้ามีความสุขดี!” จื่ออานยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างน้อย ในท้ายที่สุดเธอก็ไม่ใช่เด็กตัวคนเดียวอีกต่อไปเมื่อวาน เซี่ยฟูเหรินรู้ว่านางไม่ใช่ลูกสาวของตัวเอง จำได้ว่าเซี่ยฟูเหรินจับมือนางด้วยท่าทางเย็นชาราวกับประติมากรรมน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้นจากนั้นเธอก็พูดว่า “ข้าต้องการล้างแค้นให้ลูกสาวของข้า”เสียงที่แสนแผ่วเบา แต่กลับกัดฟันด้วยความเกลียดชังวันนี้สิ่งที่พวกเขาต้องป้องกันอย่างเข้มงวดในตอนนี้คือ พวกเขาไม่สามารถถูกเสนาบดีสังหารได้ภายในสองสามวันนี้ณ เซี่ยจื่อหย่วน หญิงรับใช้สองคนและเสี่ยวซุน กำลังปรนนิบัติรับใช้นาง ส่วนชู่อวี่กำลังรับใช้แม่ของนาง ทว่าชู่อวี่มีจิตใจมักใหญ่ใฝ่สูง และเย่อหยิ่งมาก จื่ออานอ่านคนมามากมาย เพียงแค่เธอมองก็รู้ว่า

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 12

    จื่ออานได้ยินเสียงฝีเท้าของนางค่อย ๆ จางหายไป เธอเปิดประตูส้วมทันที โชคดีที่มีดอกไม้และต้นไม้กระจัดกระจายอยู่ทั่วลานบ้าน แถมชายร่างใหญ่สองสามคนที่หน้าประตูก็ไม่เห็นเธอด้วยเธอเขย่งเท้าไปยังขอบกำแพง และกระโดดข้ามกำแพงออกไป เธอกระโดดลงอย่างคล่องแคล้ว แม้ว่าพลังของเธอจะยังไม่ฟื้นตัวเท่าใดนัก แต่เธอก็ไม่สูญเสียทักษะของเธอไปเธอรีบวิ่งไปที่เซี่ยจื่อหยวนอย่างรวดเร็ว เพราะวันนี้มหาเสนาบดีเซี่ยทและหลิงหลงฟูเหรินล้วนอยู่ในบ้านของเหล่าฟูเหริน ดังนั้นคนใช้จึงไปที่นั่นเพื่อรวมตัวกันเป็นธรรมดา เธอวิ่งไปตลอดทาง แต่กลับไม่มีผู้ใดเห็นเมื่อวิ่งไปถึงทะเลสาบด้านนอก ก็เห็นชุยยวี่นำทางทั้งสามคนไปทางเซียจื่อหยวน ตามด้วยเซี่ยฉวนจื่ออานแอบตะโกนอย่างหยาบคาย สามคนนี้ในมือถือผ้าไหมอยู่ น่าจะเป็นเจ้าของร้านและช่างตัดผ้าไหมของหมู่บ้านสามคนนี้เป็นบุคคลภายนอก หากเห็นบางอย่างในเซี่ยจื่อหยวน หลาย ๆ เรื่องอาจแพร่สะพัดออกไปเลวร้ายจริง ๆ!จื่ออานใช้เส้นทางลัด และกลับไปถึงเซี่ยจื่อหยวนก่อนที่ทางเข้าด้านหน้าของเซี่ยจื่อหยวน มีคนรับใช้ยืนอยู่หลายคน ส่วนชู่อวี่ก็ยืนและพูดคุยกับพวกเขา ช่างดูส่อเสียดมากจื่ออานเด

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 13

    เซี่ยฟูเหรินพูดอย่างเฉยเมย “ฝากขอบคุณเหล่าฟูเหรินแทนข้าที”จากนั้น ก็พบกับเจ้าของร้านโจว “ขอรับ!”เจ้าของร้านโจวยิ้มและพูดว่า “ฟูเหรินขออภัยนะขอรับ”เขาแสดงท่าทางให้ช่างตัดเสื้อมาข้างหน้า เพื่อวัดตัวของเซี่ยฟูเหริน แล้วพูดว่า “คราวนี้เอาผ้าไหมและเอามาสองสามผืน หลังวัดเสร็จ ฟูเหรินก็เลือกลายทิ้งชอบเอาไว้ ส่วนอันที่ไม่ชอบข้าน้อยจะนำกลับไป”“เรียบง่ายหน่อยก็จะดี” เซี่ยฟูเหรินกล่าวจื่ออานออกจากประตูไปอย่างเงียบ ๆ ส่วนเซี่ยฉวนตามนางไปเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวเขามองไปรอบ ๆ สักครู่แล้วพูดกับจื่ออานว่า “คุณหนูจะต้องกลับไปรับใช้ที่บ้านของเหล่าฟูเหรินไม่ใช่หรือ ขอรับ? ทำไมยังไม่ไปอีก”จื่ออานพิงราวจับด้วยท่าทางเซไปมา “ข้าจะกลับไปทีหลัง ข้าอยากให้เจ้าของร้านโจวตัดเสื้อผ้าให้ข้าด้วยเช่นกัน”เซี่ยฉวนมองหน้าเธอ รู้สึกว่าคุณหนูแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก สมัยก่อนคุณหนูมักจะหลบตา ไม่กล้าพูดเสียงดังเมื่อเจอผู้คน แต่ตอนนี้มีตาของนางดุดัน ร่างกายเหมือนมีหนามปกคลุม นางจึงไม่อนุญาตให้เข้าถึงได้ง่าย ๆเซี่ยฉวนเดินผ่านเธอไป และสั่งคนที่เฝ้าประตูหน้าสองสามคน “พวกเจ้าไปค้นดูรอบ ๆ ให้ทั่วทุกที เพื่อดูว่ามีแม

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 14

    ประตูห้องน้ำเปิดเอง เสียงดัง “ปั้ง” และซอกประตูก็ขยายออกอย่างช้า ๆ มองเห็นเงาร่างหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่ด้านในเซี่ยฉวนดีใจมากเมื่อเห็นว่ามีคนอยู่ และกำลังจะคว้าคน ๆ นั้นออกมาด้วยมือเดียว แต่กลับเห็นหัวสีดำโผล่ออกมาอย่างช้า ๆ“นายน้อยหรอกรึ?” มือของเซี่ยฉวนหดกลับไป ตามองไปที่นายน้อยนายน้อยเซี่ยหลินด้วยความประหลาดใจเซี่ยหลินเป็นน้องชายชายฝาแฝดของเซี่ยหว่านเอ๋อร์ตอนที่เขายังเด็กเซี่ยหลินเคยมีไข้สูงเมื่อ หลังจากที่เขาหายดีแล้ว ทักษะทางความคิดวิเคราะห์ของเขาค่อนข้างต่ำ แม้ว่าจะพบหมอหลายคนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้แต่หมอหลวงก็บอกว่า ทักษะทางความคิดวิเคราะห์ของเขายังคงอยู่ที่อายุประมาณแปดขวบ“เจ้าหมาเซี่ยฉวน เจ้าแอบดู แม้แต่นายน้อยที่นั่งยอง ๆ อยู่ในห้องส้วมเลยรึ? ข้าจะบอกท่านพ่อ ออกไป!” เซี่ยหลินโกรธ และโยนกระดาษฟางกองหนึ่งออกมาลงที่ใบหน้าของเซี่ยฉวน“นายน้อย ข้าขออภัย เป็นความผิดของข้ารับใช้ คิดว่ามีแมวป่าอยู่ข้างใน!” เซี่ยฉวนรู้ว่าอารมณ์ของนายน้อยนั้นไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ดังนั้นเขาจึงยอมรับผิดทันทีและปิดประตูห้องน้ำอย่างไรก็ตาม ในใจก็มีความสงสัยว่า ทำไมนายน้อยจึงมาเข้าส้วมที่นี่?จื่อ

Latest chapter

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1168

    ร่างกายของแม่ทัพเฒ่าฉินสั่นสะท้านด้วยความโกรธ “เจ้าสาปแช่งปู่รึ เจ้าเคยคำนึงถึงญาติพี่น้องหรือไม่?”เมื่อหมอหลวงมาถึง กลับไม่มีคนในตระกูลฉินคอยเฝ้าเขาอยู่ในห้อง ดังนั้นจึงมีเพียงแต่บ่าวรับใช้หลังจากตรวจสอบอาการเสร็จ หมอหลวงก็กล่าวด้วยสีหน้าตกตะลึง “ท่านแม่ทัพเฒ่า เมื่อไม่กี่วันมานี้ท่านได้ไปที่ใดมา? แล้วท่านเคยเข้าไปในพื้นที่โรคระบาดหรือไม่?” “ไม่เคย ข้าไม่เคยไปที่นั่น” สีหน้าของแม่ทัพเฒ่าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของหมอหลวง “ท่านกำลังสงสัยว่าข้าติดเชื้อโรคระบาดใช่หรือไม่?”“อาการช่างคล้ายคลึงกันยิ่งนัก” หมอกลวงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด“เป็นไปไม่ได้!” แม่ทัพเฒ่าฉินรู้สึกตื่นตระหนกอย่างมาก “ท่านวินิจฉัยผิดหรือไม่?”“ข้าจะจัดยาให้ท่านสองชนิดก่อน หากดื่มยาเหล่านี้แล้วไม่ได้ผล เช่นนั้นไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแล้วขอรับ” หมอหลวงกล่าวแม่ทัพเฒ่าฉินกล่าวด้วยความลนลาน “ฉินโจวบังคับให้ท่านพูดเช่นนี้ใช่หรือไม่?”หมอหลวงรู้สึกประหลาดใจ “แม่ทัพเฒ่า ท่านหมายความว่าอย่างไร? เหตุใดแม่ทัพฉินถึงต้องบังคับให้ข้าพูดเช่นนี้?”หมอหลวงชะงักไปชั่วครู่หนึ่งแล้วโพล่งถาม “ท่านเคยพูดคุยกับองค์ชายเ

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1167

    นางสามารถเสียสละได้ แต่จะไม่มีทางทรยศต่อประชาชนเป่ยโม่เด็ดขาดสำหรับความจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิและประเทศชาติ นางจะต้องรักประชาชนก่อน จึงจะสามารถภักดีต่อองค์จักรพรรดิได้ฉินโจวกล่าวคำเบา “ข้าเข้าไปในพระราชวังเพื่อเชิญหมอหลวงแล้ว ท่านปู่พักผ่อนก่อนเถิด ข้าจะออกไปเดินเล่นรับลมสักหน่อย”ดวงตาของแม่ทัพเฒ่าฉินอัดแน่นด้วยความโกรธ แต่ก็พยายามอย่างหนักเพื่อระงับมันฉินโจวเดินออกจากห้อง และเห็นว่าฉินเป้าน้องชายของตนนั่งอยู่ที่สวน เมื่อเห็นนางเดินออกมา เขาก็ถามว่า “ท่านปู่เป็นอย่างไรบ้าง?”ฉินโจวจำคำพูดของท่านปู่ได้อย่างแม่นยำ จึงเมินเฉยต่อเขาและตอบอย่างใจเย็น “เข้าไปดูด้วยตนเองสิ”ฉินเป้าคลี่ยิ้ม แต่มันกลับดูอ้างว้างอย่างยิ่ง “ข้าได้ยินสิ่งที่ท่านปู่พูดกับท่านแล้ว ข้าไม่อยากเข้าไป”ฉินโจวตกตะลึง “เพราะเหตุใด เขาทุ่มเทความพยายามทั้งหมดไปกับหารวางแผนเพื่อเจ้า เจ้าควรขอบคุณท่านปู่สิ”ฉินเป้าหัวเราะเยาะ “จริงรึ? หากเขาทอดทิ้งท่านเพื่อตระกูลได้ ในอนาคตเขาจะไม่ทอดทิ้งข้าหรือ? ข้าไม่ต้องการชื่อเสียงหรือความดีงามใด ๆ พวกมันไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการเลย”ฉินโจวดูถูกน้องชายมาโดยตลอด เพราะเขาไม่ได

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1166

    ทั้งสองคนเดินออกไปและหยุดอยู่บนทางเดิน หมอมองฉินโจวพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ท่านแม่ทัพ ข้ากำลังสงสัยว่าท่านแม่ทัพเฒ่าจะป่วยด้วยโรคระบาดขอรับ”ฉินโจวตกตะลึง “โรคระบาด? เป็นไปได้อย่างไร? ปู่ของข้าไม่เคยออกไปข้างนอก และไม่เคยติดต่อกับผู้ป่วยโรคนี้เลย แล้วเขาจะติดเชื้อโรคระบาดได้อย่างไร?”“ข้าเคยรักษาผู้ป่วยโรคระบาดมาก่อน ซึ่งอาการคล้ายคลึงกันอย่างมาก ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ไอ ตาแดง หายใจเร็วขึ้น เมื่อเกิดอาการเหล่านี้พร้อมกันจะอันตรายอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นโรคนี้ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดขอรับ” หมอกล่าว“เป็นไปไม่ได้ หากจะติดเชื้อโรคระบาดก็ต้องสัมผัสกับผู้ป่วยที่มีเชื้ออยู่แล้ว แต่ท่านปู่ของข้าไม่เคยใกล้ชิดคนเหล่านั้นเลย แล้วเขาจะติดเชื้อได้อย่างไร?” ฉินโจวยังคงไม่เชื่อหมอประสานหมัด “ทั้งหมดนี้คือคำวินิจฉัยของข้า หากท่านแม่ทัพไม่เชื่อ ก็สามารถขอให้หมอคนอื่นมาตรวจดูได้ หรือท่านจะพาเขาไปที่พระราชวัง และขอให้หมอหลวงช่วยตรวจอาการ ข้าไร้ความสามารถ จึงอาจวินิจฉัยผิดพลาดได้ ลาก่อนขอรับ ๆ!”สิ้นคำ หมอก็หยิบกล่องยาแล้วออกไปโดยไม่เขียนใบสั่งยาด้วยซ้ำฉินโจวสับสนไม่น้อย ท่านปู่ติดเชื้อโร

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1165

    หัวใจของฉินโจวเย็นเยียบราวกับน้ำ “ใช่ ตราบใดที่ข้าตายในสนามรบ ตระกูลฉินก็ยังจะเป็นผู้กล้า และเป็นขุนนางผู้มีเกียรติ”แม่ทัพเฒ่าฉินเงียบไปครู่ใหญ่ จากนั้นกล่าวคำเบา “ในฐานะหลานสาวตระกูลฉิน มันเป็นหน้าที่ของเจ้าที่ต้องเสียสละเพื่อชื่อเสียง และรากฐานของตระกูล”ฉินโจวกำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจ “หลายปีที่ผ่านมานี้ ข้ายังทำไม่พออีกหรือ? ตอนนี้มีใครในตระกูลฉินบ้างที่ไม่เกาะกินเลือดนี้ของข้า?”แม่ทัพเฒ่าฉินลุกยืนขึ้นพลางกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าเคยเตือนเจ้าแล้ว คราวนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เจ้าจะต้องเข้าไปในพระราชวัง ข้าให้คำมั่นกับฮองเฮาเฉาแล้ว ว่าวันนี้เจ้าจะไปที่นั่นเพื่อทูลขอรับคำสั่ง หากเจ้าไม่ไป ข้าก็จะรับคำสั่งและออกรบด้วยตนเอง”“ท่าน...” ฉินโจวมองเขาด้วยสายตาโศกเศร้า “ท่านปู่ ข้าก็เป็นหลานสาวของท่านเหมือนกัน ท่านไม่สงสารข้าบ้างหรือ?”“ปู่สงสารเจ้าสิ แต่ภารกิจหน้าที่ของตระกูลฉินจะต้องถูกส่งต่อ ตอนนี้น้องชายของเจ้าโตพอแล้ว เจ้าจะต้องพาเขาไปสร้างความสำเร็จทางการทหารด้วย และเจ้าจะได้รับส่วนแบ่งของน้องเจ้า เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลฉินก็จะได้ผู้สืบทอดคนใหม่”ฉินโจวผงะไปชั่วครู่ ก่อนระเบิดหัวเราะ

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1164

    เมื่อได้ยินคำพูดของฉินโจว แม่ทัพเฒ่าฉินก็โมโหมากจนเคราสั่นสะท้าน “อาโจว อะไรจะสำคัญไปกว่าการบรรลุเป้าหมายอันยิ่งใหญ่? องค์จักรพรรดิเพียงต้องการขยายอาณาเขตของแคว้น เจ้าควรรู้เอาไว้ว่าเมื่อเรายึดครองต้าโจวสำเร็จ เป่ยโม่จะมีพื้นที่เพิ่มมากกว่าครึ่งหนึ่ง และมันจะเป็นความดีความชอบของตระกูลฉิน ทำให้ตระกูลของเราถูกจดจำไปหลายชั่วอายุคน! นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องการมาตลอดรึ? เจ้าไม่ต้องการบอกคนทั้งโลก ว่าแม้ฉินโจวจะเป็นสตรี แต่นางก็สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างผ่าเผยหรือ?”ฉินโจวมองดูใบหน้าที่ฉายแววตื่นเต้นปนโกรธเกรี้ยวของปู่ ทันใดนั้นนางก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติถูกต้อง มันคือความต้องการของนาง แต่ความสำเร็จของนางจะต้องไม่แลกกับการเหยียบย่ำกระดูกของประชาชนชาวเป่ยโม่นางรักเป่ยโม่และหวังที่จะขยายอาณาเขตของแคว้น นอกจากนี้นางยังต้องการเสาะหาดินแดนอุดมสมบูรณ์เพื่อประชาชน เพราะหวังว่าพวกเขาจะสามารถอยู่อาศัยและทำกินอย่างสงบสุข และพึงพอใจโดยไม่ต้องทนทุกข์จากการพลัดถิ่นอย่างไรก็ตาม ในตอนนี้หากต้องการบรรลุอำนาจ นางจำต้องสละชีวิตประชาชนจำนวนมาก และนำเงินภาษีของทุกคนมาใช้ในการทำสงคราม ทำให้โรคร

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1163

    มือสังหารเหล่านั้นแต่งกายคล้ายกับชาวต้าโจวและสวมหน้ากากผ้าสีดำ กลุ่มคนนิรนามราวเจ็ดถึงแปดคนกระโดดลงมาจากท้องฟ้ากลางวันแสก ๆ ทันทีที่เท้าของคนเหล่านั้นแตะพื้น พวกมันก็เริ่มโจมตีอย่างดุดันฉินโจวเห็นมือสังหารคนหนึ่งกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับกระบี่ยาว จากนั้นร่ายรำอยู่หลายกระบวนท่าราวกับนางฟ้าโปรยดอกไม้ ขณะแสงแดดตกกระทบกระบี่ส่องกระจายไปทั่วเหล่าทหารที่เพิ่งมาถึงกระโจนเข้าไปร่วมวงต่อสู้อย่างรวดเร็วหลังจากประดาบกันไปกว่าร้อยครั้ง มือสังหารก็ถูกบีบบังคับให้ล่าถอย ฉินโจวจ่อกระบี่ไปที่คอของหนึ่งในมือสังหาร พลางถามเสียงเข้ม “ตอบข้า ใครเป็นคนส่งเจ้ามา?”มือสังหารตอบอย่างเย็นชา “ฆ่าไอ้หมารับใช้เป่ยโม่ให้หมด!”“หมารับใช้เป่ยโม่? เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้าไม่ได้เป็นคนเป่ยโม่ พวกเจ้ามาจากต้าโจวใช่หรือไม่?” ฉินโจวโมโหอย่างมาก ขณะชี้ดาบไปยังหน้าอกของอีกฝ่าย “ไอ้เลวมู่หรงเจี๋ยส่งพวกเจ้ามาใช่หรือไม่?”“หญิงเลวอย่าเจ้ากล้าเอ่ยชื่อของท่านอ๋อง ทำให้พระองค์มัวหมองได้อย่างไร?” มือสังหารตะโกนฉินโจวชักดาบกลับพร้อมกล่าวอย่างเย็นชา “กลับไปซะ!”มือสังหารตกตะลึง ราวกับไม่คาดคิดว่าฉินโจวจะปล่อยตัวเขาไป”เ

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1162

    ฉินโจวกล่าวด้วยความโมโห “ข้าหลอกลวงเจ้าเมื่อไร?”“ไม่งั้นรึ? เจ้าและอ๋องฉีเอ่ยปากว่า หากจื่ออันตกลงเดินทางมาที่เป่ยโม่ พวกเจ้าจะส่งองค์ชายรัชทายาทไปที่ต้าโจวเป็นองค์ประกัน แล้วพวกเจ้าทำตามที่พูดแล้วหรือไม่?”“องค์ชายรัชทายาทเดินทางไปยังต้าโจวแล้ว!”“ผู้ที่เดินทางไปยังต้าโจวคือองค์ชายเจ็ด ไม่ใช่องค์ชายรัชทายาท องค์ชายเจ็ดไม่ได้เป็นที่โปรดปราน ดังนั้นจักรพรรดิเป่ยโม่จะส่งเขาไปสังเวยเมื่อใดก็ได้”“เป็นไปไม่ได้!” ฉินโจวประหลาดใจอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าผู้ที่เดินทางไปคือองค์ชายรัชทายาท เพราะองค์จักรพรรดิทรงตรัสด้วยตนเองว่าจะส่งเขาไปที่ต้าโจว“เจ้าอย่าเพิ่งสนใจเรื่องนี้เลย ก่อนหน้านี้ทั้งสองแคว้นตกลงทำสนธิสัญญาสงบศึก หลังจากการแพร่ระบาดสิ้นสุดลง แต่เจ้ากลับวางแผนโจมตีพวกเราในขณะที่ข้ายังอยู่ที่เป่ยโม่ เจ้าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร?” มู่หรงเจี๋ยกล่าวอย่างเคร่งเครียดฉินโจวตอบ “ผิดแล้ว เป็นเพราะต้าโจวที่เคลื่อนทัพโจมตีทหารฝั่งขวาของเราก่อน และสังหารทหารของเราไปกว่าร้อยคน ข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเคลื่อนทัพเข้าไปใกล้ เพื่อบีบบังคับให้พวกเจ้าถอยกลับ”“ไร้สาระ กองทัพของเราหยุดเคลื่อนท

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1161

    อย่างไรก็ตาม การจัดหาเสบียงอาหารสำหรับพื้นที่ภัยพิบัติยังไม่เพียงพอ และยังขาดแคลนเสื้อผ้าอาภรณ์ นอกจากนี้หลังจากที่พระชายาผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มาถึงเป่ยโม่ ก็ยังไม่ได้รับใบสั่งยาแม้แต่ฉบับเดียว ดังนั้นความอดทนของประชาชนจึงค่อย ๆ หมดลง แต่ความโกรธและความขุ่นเคืองกลับยิ่งมากขึ้นทันทีที่ข่าวลือแพร่สะพัด ก็เป็นเสมือนเป็นการขว้างเปลวไฟใส่ ‘ระเบิด’ หนึ่งหมื่นตุน ทำให้มันระเบิดออกอย่างรวดเร็วผู้ประสบภัยนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้าสู่เมืองหลวงอย่างรวดเร็วหลังจากที่ฉินโจวลงจากภูเขา นางก็พบว่าองค์จักรพรรดิทำอะไรกับทหารม้า และทหารเจ็ดหมื่นนายที่ประจำการที่เมืองหลวง ซึ่งเขาออกคำสั่งให้ทหารเหล่านั้นขับไล่เหล่าผู้ประสบภัยออกไปนางเห็นด้วยตาตนเองว่าทหารใต้บังคับบัญชาของนางสร้างกำแพงมนุษย์อันแน่นหนา เมื่อผู้ประสภัยเดินทางเข้ามา พวกเขาก็จะโบกหอกเพื่อขับไล่คนเหล่านั้นออกไปผู้ประสบภัยมากกว่าสิบรายได้รับบาดเจ็บจากหอกทหารเหล่านั้นอยู่ใต้บังคับบัญชาของนาง แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะไม่ได้ฆ่าผู้ใด แต่เมื่อสถานการณ์รุนแรงขึ้นจะต้องมีการฆ่าแกงกันอย่างแน่นอนฉินโจวโกรธจัดจึงขี่ม้าเข้าไปขวางเอาไว้ “หยุด หยุดเ

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1160

    ฉินโจวกวาดสายตามองพลางเยาะเย้ยจื่ออันไม่สนใจนาง และพาหลินตานไปยังเขตตะวันตกภายในสองวันนี้มีผู้เสียชีวิตถึงสามคน ซึ่งทั้งหมดถูกหามออกไปหลังจากที่หลินตามเดินเข้ามาเขาหลั่งน้ำตาหลั่งน้ำตาขณะมองดูการเผาศพจื่ออันไม่คิดว่าเขาจะมีความอ่อนไหวมากเพียงนี้ “ท่านหมอหลิน ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”หลินตานปาดน้ำตา “ข้าขอโทษ ข้าเพียง... คิดถึงครอบครัวขอรับ”“ครอบครัวของท่าน? แล้วตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ใดหรือ?” จื่ออันถาม“ตายหมดแล้วขอรับ ภรรยาและลูกสะใภ้ของข้าตายเพราะเหตุแผ่นดินไหวทั้งคู่ ส่วนลูกชายและหลานชายติดเชื้อโรคระบาดก่อนตายไปเช่นกัน ข้าจึงเป็นคนเดียวที่เหลือรอด” หลินตานสูดหายใจเข้าลึก ใบหน้าที่อยู่ภายใต้ผมสีขาวฉายแววความเศร้าโศกและหดหู่จื่ออันไม่คาดคิดว่าเขาจะมาจากพื้นที่โรคระบาดเช่นกัน เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อย จื่ออันก็ไม่รู้จะปลอบใจเขาเช่นไร จึงได้แต่นิ่งเงียบและอยู่เคียงข้างไม่นานหลินตานก็ถามว่า “ท่านหมอเซี่ย โรคระบาดนี้สามารถรักษาหายได้จริงหรือขอรับ?”ตอนนั้นเองจื่ออันก็นึกได้ว่าเขาเป็นหมอเท้าเปล่า และหลังจากเดินทางพเนจรไปที่ต่าง ๆ เขาอาจรู้จักจินเย่าฉือก็เป็นได้ ดังนั้นจึงรีบถามว

DMCA.com Protection Status