แชร์

บทที่ 5

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
จื่ออันยังคงนั่งคุกเข่าอย่างนั้น อากาศกลางเดือนพฤษภาคมนั้นร้อนมาก ดวงอาทิตย์แผดเผาอย่างร้อนแรงอยู่ตรงกลางหัวเธอ เลือดที่อยู่บนหน้าผากหยุดไหลแล้ว เหงื่อไหลผ่านรอยแผลที่เกิดจากการเฆี่ยนตีสร้างความปวดแสบเป็นอย่างมาก

คุกเข่ามาแล้วหนึ่งชั่วยาม จนเธอรู้สึกว่าไม่สามารถประคองตัวได้อีก และร่างกายของเธอก็สั่นคลอน

สาวรับใช้ที่คอยมาตรวจตราดูเธอ เห็นว่าเธอคุกเข่าไม่ดี ก็เตะเธอไปทีหนึ่ง เตะจนจื่ออันมึนจนเกือบจะสลบไป

ความเกลียดชังเกิดขึ้นในตาของเธอ สองมือกำหมัดแน่น พลางกวาดขาข้างหนึ่งไปทางสาวรับใช้คนนั้น สาวรับใช้ไม่ทันได้ป้องกันตอนเธอกวาดเท้าออกมา จึงล้มตุบและหัวกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง จื่ออันใช้มือบีบคอของนาง พูดด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม “เจ้าก็แค่ทาสรับใช้คนหนึ่ง กล้ารังแกข้ารึ? อยากตายรึไง!”

“คุณหนู…” สาวรับใช้มองไปในดวงตาของเธอก็ตกใจ นางเสียสติอยู่นานกว่าจะตอบกลับ “นายท่านสั่งให้ข้ามาตรวจตราคุณหนู คุณหนูจะไม่เชื่อฟังคำสั่งของนายท่านหรือเจ้าคะ?”

จื่ออันหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น แล้วมาคุกเข่าลงบนแขนของนาง จากนั้นออกแรงกดเข่าลงไป จนสาวรับใช้เจ็บจนต้องร้องออกมาเสียงดัง

จื่ออันแสดงออกอย่างเยือกเย็นพลางตอบ “ท่านพ่อให้ข้าคุกเข่าต่อหน้าแผ่นจารึกของบรรพบุรุษ แล้วตอนนี้ไม่ใช่ว่าข้ากำลังคุกเข่าอยู่รึไง?”

สาวรับใช้เจ็บอย่างรุนแรง วีรบุรุษที่ดีเมื่อตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ต้องสามารถยอมถอยเพื่อที่จะไม่ได้เป็นเบี้ยล่าง ในขณะนั้น นางจึงพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน “คุณหนูยกโทษให้ข้าด้วย ข้าสำนึกผิดแล้ว”

จื่ออันอยู่นิ่งไม่เคลื่อนไหวใด ๆ ยังคงคุกเข่าอยู่บนแขนของนาง ด้วยท่าทีอันเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งแกะสลัก

ถึงเวลาประมาณบ่ายคล้อย นางข้าหลวงที่มาจากวังหลวงบอกว่าฮองเฮาต้องการเรียกพบคุณหนูเซี่ยจื่ออัน ลูกสาวมหาเสนาบดี

ในที่สุดก็มาถึงแล้ว!

นัยน์ตาจื่ออันรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา นี่ถึงเป็นการต่อสู้ที่ยากที่สุด ประมาทเพียงเล็กน้อย อาจตายโดยไม่มีหลุมให้ฝังศพ!

ขณะที่นางข้าหลวงพาตัวเธอออกไป ฮูหยินหลิงหลงยิ้มและเดินมาข้างหน้าจื่ออัน พร้อมยื่นมือมาจัดระเบียบผมเผ้าและเสื้อผ้า “เจ้าจะไปพบฮองเฮาในวังหลวง แต่จะไปแบบซอมซ่ออย่างนี้ได้อย่างไร?”

มือของนางลูบไปที่แขนจองจื่ออัน และออกแรงบีบพร้อมกับความเกลียดชังที่ก่อเกิดขึ้นทันที นางกดเสียงต่ำพร้อมขู่ว่า “เซี่ยจื่ออัน หากเจ้าไม่ตายในวังหลวง ข้าก็สามารถทำให้เจ้าตายอย่างอนาถได้”

จื่ออันมองนางด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ และทันใดนั้นเองเธอก็ยื่นมืออกมาตบไปที่หน้าของนาง ฝ่ามือนี้จื่ออันรวบรวงแรงทั้งหมดตบจนฮูหยินหลิงหลงล้มลงไปกับพื้น

จื่ออันพูดอย่างตั้งใจ “คำพูดเดียวกันส่งให้ท่าน รอข้ากลับมาก็แล้วกัน”

พูดจบก็หมุนตัวหลับไปหานางข้าหลวงทั้งสอง และพูดอย่างไม่แข็งกร้าวแต่ก็ไม่ได้ถ่อมตนจนเกินไป “รบกวนท่านนำทางด้วย”

นางข้าหลวงทั้งสองมองหน้ากันและกัน ในใจรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แม่หนูคนนี้ถึงแม้จะดูซอมซ่อ แต่จริตจะก้านดูไม่ลดลงไปเลยสักครึ่งเดียว ในทางกลับกัน กลับมีกำลังที่บ้าระห่ำ

เพียงแต่ว่า เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าการเข้าวังครั้งนี้ จะถึงคราวเคราะห์ของเธอหรือยัง?

ฮูหยินหลิงหลงนวดคลึงใบหน้า จ้องเขม็งตามจื่ออันไปด้วยสายตาอาฆาตแค้น ก็ดี ฝ่ามือนี้ข้าจะจำไว้ให้ขึ้นใจ หากนางรอดออกมาจากวังหลวงได้ ข้าจะเอาคืนกลับเป็นร้อยเท่าพันเท่าจนนางต้องตายอีกครั้ง

วังหลวงได้เตรียมรถม้าไว้ให้สำหรับจื่ออันแล้ว แต่เธอไม่สามารถนั่งในรถม้าได้ นางข้าหลวงจึงบอกว่า เธอทำได้เพียงนั่งกับคนขับรถม้าแล้ว

ผู้คนจำราชรถของวังหลวงได้ด้วยวิสัยทัศน์อันดี เห็นว่าเป็นร่างที่ใส่ชุดแต่งงานสีแดงนี้และเป็นหญิงสาวที่ทั้งตัวและใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยแผล เพราะว่าวันนี้ผู้คนที่มามุงดูมีไม่น้อย แค่เวลาเพียงครู่เดียวข่าวสารก็กระจายไปทั่วจนทุกคนรู้กันหมด คุณหนูลูกมหาเสนาบดีปฏิเสธการขึ้นเกี้ยว จึงไปกระตุ้นความโกรธของท่านอ๋องเหลียงเข้า

บางคนบอกว่าเธอเป็นคนแน่วแน่ซื่อตรง บางคนก็บอกว่าเธอโง่ แต่ไม่ว่าจะพูดถึงเธอยังไง เธอก็รู้ดีว่าเส้นทางการเข้าวังครั้งนี้มีแค่หนทางเดียว นั่นก็คือความตาย!

การล้มงานอภิเษกของท่านอ๋องเหลียง นั้นเป็นการทำให้ฮองเฮาไม่พอพระทัย ถ้าจะเรียกว่าเป็นการตัดหัวตัวเองก็ไม่เกินจริงไป

จื่ออันที่ไร้อารมณ์สีหน้าราวกับหุ่นขี้ผึ้ง สายตามองตรงไปข้างหน้า ดวงอาทิตย์บนหัวเธอเริ่มจะค่อย ๆ ลาลับไปช้า ๆ เธอรู้สึกเวียนหัว ทั้งตัวไม่มีแรงที่จะยกขึ้นแม้แต่นิดเดียว ทิวทัศน์ตรงหน้าทั้งหมดราวกับอยู่ในฝัน แม้แต่ดวงอาทิตย์ก็เป็นดอกไม้

รถม้าเคลื่อนไปข้างหน้าตามทางหินบลูสโตน เสียงกีบม้าดังต่อกแต่กคล้ายกับเสียงระฆังเตือนความจำ

จะบอกว่าเธอไม่รู้ว่าวันนี้จะล้มงานอภิเษกเหรอ ผลที่ตามมาจะเป็นยังไง? แต่ผลที่เลวร้ายที่สุด ก็ไม่เท่ากับแต่งงานกับท่านอ๋องเหลียงที่ยิ่งเลวร้ายกว่า

ที่ตำหนักของท่านอ๋องเหลียงมีนางสนมนับสิบกว่านาง มีครึ่งหนึ่งที่พิการ จากการสำรวจพบว่า ในสามปีที่ผ่านมา มีศพของนางสนมถูกหามออกไปจากตำหนัก ไม่ต่ำกว่ายี่สิบราย

ท่านอ๋องเหลียงองค์นี้เป็นบ้าไปแล้ว

ในเมืองหลวงไม่มีขุนนางชั้นสูงคนใด ที่จะยอมยกลูกสาวตนให้แต่งงานกับท่านอ๋องหลียง เพราะฉะนั้นจนถึงตอนนี้พระองค์จึงยังไม่ได้อภิเษกกับนางสนมอย่างเป็นทางการ

โดยปกติท่านอ๋องเหลียงก็ไม่เต็มใจที่จะแต่งกับนางสนมชั้นต่ำอยู่แล้ว ที่ดื่มเหล้ากับมหาเสนาบดีเซี่ยนั้นเป็นเพียงเรื่องตลก ไม่ได้รู้เรื่องอะไร แต่หลังดื่มกันไปมหาเสนาบดีเซี่ยก็ตกลงขึ้นมาจริง ๆ ท่านอ๋องเหลียงจะปล่อยโอกาสนี้ไปได้อย่างไร?

ท่านอ๋องเหลียงนะ ท่านอ๋องเหลียง เดี๋ยวเจ้าต้องอยู่ในวังแล้ว มิเช่นนั้น แผนนี้ของข้าจะสำเร็จได้ยาก!

จื่ออันหมุนแหวนแห่งจิตวิญญาณ และคิดในใจอย่างเงียบ ๆ

รถม้ามาหยุดที่ประตูตะวันตกของพระราชวังแล้ว หลังจากที่ลงจากรถม้าแล้ว แม่นมก็พูดกับเธอว่า “ฮองเฮามีรับสั่ง วันที่สิบเก้าเดือนหกเป็นวันคล้ายวันประสูติของเจ้าแม่กวนอิม เพื่อเป็นการอธิษฐานแด่พระราชชนนี แต่นางในชั้นสูงที่เข้าวังมาตั้งแต่วันที่สิบเก้าเดือนห้า ต้องเข้าทางประตูตะวันตกโดยหมอบคลานเข้าไป”

จื่ออันมองไปที่นางข้าหลวง แล้วพูดด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง “ความจงรักภักดีที่ฮองเฮามีต่อพระราชชนนี ทำให้คนซาบซึ้ง หม่อมฉันต้องเอาฮองเฮาเป็นเยี่ยงอย่าง”

นางข้าหลวงตอบกลับเรียบ ๆ “งั้นก็เชิญคุณหนูคุกเข่าเข้าไปเถอะ!”

จื่ออันค่อย ๆ คุกเข่าลงช้า ๆ ในใจพลางคิดนี่คือการใช้อำนาจบารมีข่มเหงของฮองเฮาหรือ?

แต่ทว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น

เดินเข่าสามก้าว แล้วหน้าผากแตะพื้นเก้าครั้ง แล้วหน้าผากแตะพื้นเก้าครั้ง สิ่งนี้ก็เพื่ออธิษฐานแด่พระราชชนนี โดยปกติแล้ว หัวเข่าไม่สามารถใช้งานได้เกินไป แต่จำเป็นต้องทำให้ได้ยินเสียงดัง

นางข้าหลวงทั้งสองคอยตามอยู่ข้างหลัง พลางนับไปด้วย “ก้าวที่หนึ่ง ก้าวที่สอง ก้าวที่สาม คุกเข่า ลุก ก้าวหนึ่งก้าวสอง…”

จื่ออันฟังคำสั่งอยู่อย่างนั้น เมื่อถึงตอนที่คุกเข่าลงไป ก็เกิดเสียงตุบ เมื่อตอนที่ต้องก้มลงเอาหน้าผากเเตะพื้น ก็เกิดเสียงป๊อกกระแทกกับพื้น

ทุกครั้งที่คุกเข่าลงไปจะต้องมีเสียงตุบ ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถคุกเข่าลงไปช้า ๆ ได้

หากกำลังไม่เพียงพอ นางข้าหลวงก็จะสั่งให้เธอทำใหม่ด้วยใบหน้าที่เย็นชา และหากเสียงหน้าผากแตะพื้นดังไม่พอ ก็จะให้เคาะลงไปใหม่

ตั้งแต่ประตูวังฝั่งตะวันออกไปจนถึงหลังวัง เพียงระยะทางแค่สั้น ๆไม่กี่ร้อยเมตรนี้ ก็ทำเอาหน้าผากของจื่ออันบวมเป่ง และยังมีเลือดซึมออกมา หัวเข่าและขาทั้งสองข้างของเธอเจ็บราวกับถูกเข็มทิ่มแทง

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอทั้งหมด เริ่มเห็นเป็นภาพซ้อน เกิดอาการมึนหัวอย่างรุนแรง เสียงของแม่นมที่ข้างหูดูเหมือนจะมาจากขอบฟ้าที่ไกลแสนไกล แต่ฟังดูเหมือนว่ากำลังระเบิดอยู่ในหูเธอ

เซี่ยจื่ออันนี่มันเพิ่งเริ่มต้น เธอต้องทำต่อไปไม่อย่างนั้นวันนี้เธอจะต้องตายอีกครั้ง

เธอกลัวความตาย เธอต้องการมีชีวิตอยู่ต่อ และมีเพียงการมีชีวิตอยู่เท่านั้น ทุกสิ่งจึงจะมีความหวัง

ดังนั้นไม่ว่าเธอจะต้องคุกเข่าจนเลือดไหลอาบหน้า เธอก็ต้องทำต่อไป

เส้นทางนี้ ราวกับว่าเดินมาแล้วทั้งชีวิต จื่ออันอยากจะเป็นลมล้มไปหลายครั้ง แต่ความเชื่อมั่นในการมีชีวิตอยู่ต่อไปคอยประคับประครองเธอ และเธอจะต้องผ่านมันไปให้ได้

เธอควบคุมความโกรธและเก็บความขุ่นเคืองไว้ในสายตา ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อให้เธอมีศรัทธาและความสงบนิ่ง

ในที่สุดก็มาถึงวังจิ้งหนิงของฮองเฮา

ทั้งตัวของจื่ออันเต็มไปด้วยเหงื่อ เมื่อเหงื่อผสมกับเลือดสีแดงสดไหลลงมา เธอจึงใช้ประโยชน์จากชุดแต่งงานที่ขาดลุ่ย ทำให้คนคนเกิดโศกนาฏกรรมและความประหลาดประเภทหนึ่งที่พูดออกมาไม่ได้

“คุณหนูเซี่ยคุกเข่าก่อน ฮองเฮากำลังคุยกับผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อยู่ เมื่อคุยเสร็จจึงจะเรียกคุณหนูเข้าพบ” นางข้าหลวงพูดเรียบ ๆ

ท้องฟ้าค่อย ๆมืดลงเรื่อย ๆ ก้อนเมฆสีส้มบนขอบฟ้าค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน

จื่ออันคุกเข่าตัวเหยียดตรง พยายามใช้แรงทั้งหมดควบคุมไม่ให้ตัวสั่น เธอบอกไม่ถูกว่าเย็นหรือร้อน หรืออาจจะเจ็บ หน้าผากที่บวมเป่งขึ้นมามีเลือดไหลออก หยดลงบนพื้นหินอ่อนทีละหยดทีละหยด แต่ท่าทางของเธอสงบนิ่ง ราวกับประติมากรรม

เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เธอคุกเข่ามาครึ่งชั่วยามแล้ว จนเธอเกือบจะไม่สามารถยืดเอวขึ้นได้อีก กระทั่งนางข้าหลวงเดินออกมาจากในวัง พูดว่า “คุณหนูเซี่ย ฮองเฮาเรียกตัวคุณหนูเข้าเฝ้า!”

จื่ออันกล่าวด้วยความเคารพ “ขอบคุณ นางข้าหลวง!”

เธอลุกขึ้นด้วยความยากลำบาก ขาทั้งสองข้างชาจนไม่รู้สึก แม้แต่ความเจ็บก็หายไปหมดแล้ว โซเซอยู่ครู่หนึ่งถึงจะทรงตัวอยู่
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Jidapar Sarunwong
นางเอกไม่เก่งหรือโง่อีกตางหากคงไปต่อไม่ไหวขอบคุณ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 6

    เธอเช็ดเลือดและเหงื่อบริเวณหน้าผาก จากนั้นก็สวมเสื้อ แล้วจึงตามนางข้าหลวงของฮองเฮาเข้าไปข้างในความงดงามของพระราชวังนั้นตรงกันข้ามกับความซอมซ่อและความจนตรอกของเธออย่างสื้นเชิง เธอพยายามย่ำเท้าเดินตามไปอย่างสงบเสงี่ยม ทีละก้าว ทีละก้าว จนรู้สึกว่าลำบากยากเย็นเสียเหลือเกินข้างหน้ามีเงาคนเคลื่อนไหวไปมา แต่แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่เงาเคลื่อนไหวของผู้ใด กลับเป็นตัวเธอเองที่รู้สึกเหวียนหัวจนตาลาย ดังนั้นเธอจึงมองเห็นอย่างเลือนลางว่ามีคนสามคนกำลังนั่งอยู่ในตำหนัก คนตรงกลางสวมใส่ผ้าไหมปักเงินปักทองชาววังสีแดง มัดมวยผมสูง เพียงแค่ชำเลืองมอง ก็รู้สึกว่างามสง่ามากทีเดียวเธอคุกเข่าลงบนพื้น “หม่อมฉันเซี่ยจื่ออัน ขอเข้าเฝ้าฮองเฮาเพคะ”ภายในตำหนักเงียบสงัด แม้แต่เสียงหายใจก็ไม่ได้ยิน โคมไฟบนผนังส่องสว่างผ่านฝาเคลือบสีออกมาได้อย่างสวยงาม สะท้อนทุกสิ่งทุกอย่าง ราวกับเป็นดินแดนมหัศจรรย์ผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงนางหนึ่งที่แทบจะไร้อารมณ์และแสนจะเย็นชาดังขึ้น “เงยหน้า” เซี่ยจื่ออันใช้มือทั้งสองพยุงตัวขึ้น และเงยหน้าอย่างช้า ๆดวงตาอันแหลมคมและโหดร้ายจ้องมาที่เธอ นัยน์ตาเป็นสีฟ้าเข้ม

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 7

    ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิกลับค่อย ๆ เบะริมฝีปากหัวเราะเยาะเซี่ยจื่ออัน แม้ว่าเจ้าจะฉลาด แต่ก็กลับอวดฉลาดด้วยเช่นกัน เจ้าคิดว่าที่เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นหมันนั้น แล้วฮองเฮาจะยอมแพ้และลงโทษมหาเสนาบดีหรอกหรือ ไม่เลยนั่นเป็นข้อห้ามของอ๋องเหลียง ดังนั้นหยุดเสียเถอะ ไม่เช่นนั้นเขาจะคิดว่าที่เจ้าบอกว่าตนเองเป็นหมันคือ การกำลังตีวัวกระทบคราดอ๋องเหลียงจ้องมายังจื่ออันอย่างดุร้าย “หากหมอหลวงตรวจพบว่าเจ้าโกหก ข้าจะแทงเจ้าด้วยมีดพันเล่มทีเดียว”ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิส่ายหัวเล็กน้อย มองไปยังใบหน้าที่ตกใจอย่างเฉียบพลัน ดูท่าชีวิตของหญิงสาวผู้นี้คงจบสิ้นแล้วกระมังอ๋องเหลียงเริ่มมีท่าทีแปลก ๆ เขาตัวสั่นเทา เริ่มจากปากไปถึงร่ายกายที่ค่อย ๆ สั่นขึ้น ๆ สีหน้าเริ่มเปลี่ยนจากซีดเป็นเขียว ริมฝีปากเริ่มม่วงทันใดนั้น เขาก็ล้มลงกับพื้น ร่างกายแข็งทื่อ เท้าพยายามถีบไปข้างหน้า ใบหน้าชักกระตุก ร่างกายกระตุกและเกร็งมู่หรงเจี๋ยพร้อมกับฮองเฮาล้วนตกใจกับเหตการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ฮองเฮารีบวิ่งพรวดเข้าไป ตะโกนด้วยความตกใจสุดขีด “หมอหลวง เร็วเข้า!”จื่ออันเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ก็รู้ทันทีว่าอาการลมช

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 8

    คำพูดของเซี่ยจื่ออันที่ว่า “ไม่ต้องการเห็นฝ่าบาทอาการกำเริบ หรือร่างกายบาดเจ็บอีก” ชวนให้รู้สึกสนใจว่า จริง ๆ วันนี้เซี่ยจื่ออันเป็นบุคคลที่น่ายกย่องทีเดียว ตอนที่อาการฝ่าบาทกำเริบ ก็ได้นางที่รีบเข้ามาช่วย ส่วนถ้อยคำที่นางแก้ตัว ก็ล้วนเป็นความจริง มีคนรายงานเหตุการณ์วันนี้ในจวนมหาเสนาบดีได้รับทราบแล้ว เซี่ยจื่ออันมิได้พูดโกหก เห็นได้ว่านางทั้งซื่อสัตย์และมีสัจจะ คำพูดเกี่ยวกับการฝังเข็มก็ไม่น่าเป็นเรื่องที่ถูกปั้นขึ้นมาเช่นกันในความเป็นจริง นางจะไม่พูดก็ได้ เหตุใดจึงหาเรื่องใส่ตัว นางเองก็พลอยมีเรื่องร้าย ๆ กับตัวมากพออยู่แล้วหมอหลวงลังเลสองจิตสองใจขึ้นมา “ฮองเฮา วิธีการฝังเข็มที่หูได้ผลพ่ะย่ะค่ะ ทว่าประสิทธิผลจะเป็นอย่างไร ยังไม่สามารถตรวจดูได้อย่างละเอียด อีกทั้งต้องระวังให้มากเป็นพิเศษ เมื่อฝังเข็มที่หูหรือศีรษะ เพราะหากเลือกบริเวณฝังเข็มผิด หรือกลศาสตร์ของเข็มเอียงไม่ถูกต้อง อาจก่อให้เกิดผลที่ร้ายแรงตามมา”จื่ออันได้ยินคำกล่าวนั้น ริมฝีปากก็ขยับ เธอก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย ยังไม่กล้าเอ่ยคำพูดใด ๆฮองเฮาจ้องมาที่นางอีกครั้ง พร้อมกับไตร่ตรองประเดี๋ยวเดียว แล้วจึงเอ่ยว่า “เจ้าเข้าไ

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 9

    ภายในใจของจื่ออันไม่สงบสุขและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ นางทำได้เพียงคำนับและพูดว่า “เพคะ หม่อมฉันรับทราบ”ฮองเฮาเงยหน้าขึ้น ดวงตาไม่อ่อนโยนเหมือนเมื่อครู่นี้ กลับกลายเป็นสีหน้าแสนดุดัน “ครั้งนี้เจ้าใช้ืท่านอ๋องเหลียงเป็นเครื่องมือ มิหนำซ้ำยังทำลายชื่อเสียงของพระองค์ ทางราชสำนักควรลงโทษเจ้าอย่างสาสม แต่พอมาคิดดูว่าที่เจ้าวางแผนทำลงไปก็เพื่อแม่ของเจ้า ข้าคิดว่าการลงโทษสถานเบานั้นก็เพียงพอ เข้ามา เตรียมสมุนไพรดอกคำฝอยหนึ่งชามให้นางดื่มเสีย”อารมณ์โกรธของจื่ออันทะยานสูงขึ้นทันที ร่างกายของเธออ่อนแรงมากแล้ว อีกทั้งชีพจรยังเต้นผิดจังหวะ การตั้งครรภ์จึงถือว่าเป็นเรื่องยากมาก เมื่อกินสมุนไพรดอกคำฝอยลงไป เธอก็ต้องล้มเลิกความหวังไปพระสนมของผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิมู่หรงเจี๋ย คือคนที่ไม่อาจตั้งครรภ์ได้เป็นหญิงอำมหิตอะไรเช่นนี้แม้จื่ออันจะไม่ใส่ใจว่าเธอจะตั้งครรภ์ได้หรือไม่ เธอเพียงต้องการมีชีวิตรอด ทว่าก็ยังโกรธฮองเฮาแมนจูผู้นี้อยู่ดีทว่า ณ ตอนนี้เธอไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ด้วยนิสัยของเธอ เธอจะฆ่าฮองเฮาโดยมิลังเลใจเป็นแน่ ทว่าตอนนี้เธอยังไม่สามารถดูแลตัวเองได้ มิหนำซ้ำยังต้องมา

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 10

    จื่ออันถึงจวนในช่วงดึก ประตูใหญ่ถูกปิดอยู่ จึงไม่มีคนเข้าเวรยาม เธอจึงนั่งลงที่บันไดหินอ่อน ร่างของเธอค่อย ๆ ทรุดลงร่างกายของเธอไม่มีแรงสักนิด ทั้งหิว ทั้งเหนื่อย ทั้งเจ็บปวดแทบจะแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆเธอไม่มีแม้แต่แรงจะเคาะประตู แถมยังรู้อยู่แก่ใจว่าถึงเคาะก็ไม่มีใครมาเปิดประตูให้เธอนอนลงที่บันไดหิน แผ่นหลังสัมผัสจากความหนาวเหน็บ เธอเงยหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้า ดวงดาวแพรวพราวระยิบระยับ ช่างสวยงามเสียนี่กระไรจักรวาลอันแสนกว้างใหญ่ สามารถบรรจุสิ่งต่าง ๆ ได้มหาศาล ทว่าไม่มีทางจะบรรจุชีวิตที่ต้องดิ้นรนลงไปได้เป็นแน่“คุณหนู คุณหนูใหญ่กลับมาแล้วขอรับ อยู่ที่หน้าประตู ให้ข้าไปเปิดประตูไหมขอรับ?” ผู้เฝ้าประตูถามเบา ๆเซี่ยหว่านเอ๋อหัวเราะอย่างมีเลศนัย “เปิดทำไมรึ นอนตรงนั้นไปเสีย ดึกแล้ว หาได้จำเป็นไม่”ข้ารับใช้รู้ดีว่าคุณหนูใหญ่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่แทบจะหมดหวัง ยิ่งกว่านั้นก็ไม่เคยได้รับยศถาบรรดาศักดิ์ใด ๆ มาก่อน แทบจะถือเป็นคนรับใช้ก็ว่าได้ เขาเพียงทำได้แค่ต้องมองที่ใบหน้าผู้ที่มีอำนาจกว่าเท่านั้น“ขอรับ คุณหนูรอง” ผู้เฝ้าประตูตอบรับเซี่ยหว่านเอ๋อขำอย่างร้ายกาจ พูดกับสาวใช้ที่อยู่ข

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 11

    จื่ออานทำท่าทางให้เสี่ยวซุนออกไปเสี่ยวซุนนำน้ำออกไป และจึงยื่นมือปิดประตู“ท่านแม่ ท่านไม่ต้องห่วง ข้าเคยศึกษาวิชาแพทย์ และการฝังเข็มมาก่อน ข้ามั่นใจ” จื่ออานพูดเบา ๆเซี่ยฟูเหรินพยักหน้าเล็กน้อย เธอยื่นมือออกไปลูบผมหล่อน “ลูกเอ๋ย แม่ทำให้เจ้าลำบากเสียแล้ว เจ้าอยู่แทนจื่ออาน มิหนำซ้ำยังต้องมาทนทุกข์กับสิ่งที่นางควรจะต้องทนเอง ไม่ยุติธรรมเสียเลย”“ข้ามีความสุขดี!” จื่ออานยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างน้อย ในท้ายที่สุดเธอก็ไม่ใช่เด็กตัวคนเดียวอีกต่อไปเมื่อวาน เซี่ยฟูเหรินรู้ว่านางไม่ใช่ลูกสาวของตัวเอง จำได้ว่าเซี่ยฟูเหรินจับมือนางด้วยท่าทางเย็นชาราวกับประติมากรรมน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้นจากนั้นเธอก็พูดว่า “ข้าต้องการล้างแค้นให้ลูกสาวของข้า”เสียงที่แสนแผ่วเบา แต่กลับกัดฟันด้วยความเกลียดชังวันนี้สิ่งที่พวกเขาต้องป้องกันอย่างเข้มงวดในตอนนี้คือ พวกเขาไม่สามารถถูกเสนาบดีสังหารได้ภายในสองสามวันนี้ณ เซี่ยจื่อหย่วน หญิงรับใช้สองคนและเสี่ยวซุน กำลังปรนนิบัติรับใช้นาง ส่วนชู่อวี่กำลังรับใช้แม่ของนาง ทว่าชู่อวี่มีจิตใจมักใหญ่ใฝ่สูง และเย่อหยิ่งมาก จื่ออานอ่านคนมามากมาย เพียงแค่เธอมองก็รู้ว่า

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 12

    จื่ออานได้ยินเสียงฝีเท้าของนางค่อย ๆ จางหายไป เธอเปิดประตูส้วมทันที โชคดีที่มีดอกไม้และต้นไม้กระจัดกระจายอยู่ทั่วลานบ้าน แถมชายร่างใหญ่สองสามคนที่หน้าประตูก็ไม่เห็นเธอด้วยเธอเขย่งเท้าไปยังขอบกำแพง และกระโดดข้ามกำแพงออกไป เธอกระโดดลงอย่างคล่องแคล้ว แม้ว่าพลังของเธอจะยังไม่ฟื้นตัวเท่าใดนัก แต่เธอก็ไม่สูญเสียทักษะของเธอไปเธอรีบวิ่งไปที่เซี่ยจื่อหยวนอย่างรวดเร็ว เพราะวันนี้มหาเสนาบดีเซี่ยทและหลิงหลงฟูเหรินล้วนอยู่ในบ้านของเหล่าฟูเหริน ดังนั้นคนใช้จึงไปที่นั่นเพื่อรวมตัวกันเป็นธรรมดา เธอวิ่งไปตลอดทาง แต่กลับไม่มีผู้ใดเห็นเมื่อวิ่งไปถึงทะเลสาบด้านนอก ก็เห็นชุยยวี่นำทางทั้งสามคนไปทางเซียจื่อหยวน ตามด้วยเซี่ยฉวนจื่ออานแอบตะโกนอย่างหยาบคาย สามคนนี้ในมือถือผ้าไหมอยู่ น่าจะเป็นเจ้าของร้านและช่างตัดผ้าไหมของหมู่บ้านสามคนนี้เป็นบุคคลภายนอก หากเห็นบางอย่างในเซี่ยจื่อหยวน หลาย ๆ เรื่องอาจแพร่สะพัดออกไปเลวร้ายจริง ๆ!จื่ออานใช้เส้นทางลัด และกลับไปถึงเซี่ยจื่อหยวนก่อนที่ทางเข้าด้านหน้าของเซี่ยจื่อหยวน มีคนรับใช้ยืนอยู่หลายคน ส่วนชู่อวี่ก็ยืนและพูดคุยกับพวกเขา ช่างดูส่อเสียดมากจื่ออานเด

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 13

    เซี่ยฟูเหรินพูดอย่างเฉยเมย “ฝากขอบคุณเหล่าฟูเหรินแทนข้าที”จากนั้น ก็พบกับเจ้าของร้านโจว “ขอรับ!”เจ้าของร้านโจวยิ้มและพูดว่า “ฟูเหรินขออภัยนะขอรับ”เขาแสดงท่าทางให้ช่างตัดเสื้อมาข้างหน้า เพื่อวัดตัวของเซี่ยฟูเหริน แล้วพูดว่า “คราวนี้เอาผ้าไหมและเอามาสองสามผืน หลังวัดเสร็จ ฟูเหรินก็เลือกลายทิ้งชอบเอาไว้ ส่วนอันที่ไม่ชอบข้าน้อยจะนำกลับไป”“เรียบง่ายหน่อยก็จะดี” เซี่ยฟูเหรินกล่าวจื่ออานออกจากประตูไปอย่างเงียบ ๆ ส่วนเซี่ยฉวนตามนางไปเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวเขามองไปรอบ ๆ สักครู่แล้วพูดกับจื่ออานว่า “คุณหนูจะต้องกลับไปรับใช้ที่บ้านของเหล่าฟูเหรินไม่ใช่หรือ ขอรับ? ทำไมยังไม่ไปอีก”จื่ออานพิงราวจับด้วยท่าทางเซไปมา “ข้าจะกลับไปทีหลัง ข้าอยากให้เจ้าของร้านโจวตัดเสื้อผ้าให้ข้าด้วยเช่นกัน”เซี่ยฉวนมองหน้าเธอ รู้สึกว่าคุณหนูแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก สมัยก่อนคุณหนูมักจะหลบตา ไม่กล้าพูดเสียงดังเมื่อเจอผู้คน แต่ตอนนี้มีตาของนางดุดัน ร่างกายเหมือนมีหนามปกคลุม นางจึงไม่อนุญาตให้เข้าถึงได้ง่าย ๆเซี่ยฉวนเดินผ่านเธอไป และสั่งคนที่เฝ้าประตูหน้าสองสามคน “พวกเจ้าไปค้นดูรอบ ๆ ให้ทั่วทุกที เพื่อดูว่ามีแม

บทล่าสุด

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1168

    ร่างกายของแม่ทัพเฒ่าฉินสั่นสะท้านด้วยความโกรธ “เจ้าสาปแช่งปู่รึ เจ้าเคยคำนึงถึงญาติพี่น้องหรือไม่?”เมื่อหมอหลวงมาถึง กลับไม่มีคนในตระกูลฉินคอยเฝ้าเขาอยู่ในห้อง ดังนั้นจึงมีเพียงแต่บ่าวรับใช้หลังจากตรวจสอบอาการเสร็จ หมอหลวงก็กล่าวด้วยสีหน้าตกตะลึง “ท่านแม่ทัพเฒ่า เมื่อไม่กี่วันมานี้ท่านได้ไปที่ใดมา? แล้วท่านเคยเข้าไปในพื้นที่โรคระบาดหรือไม่?” “ไม่เคย ข้าไม่เคยไปที่นั่น” สีหน้าของแม่ทัพเฒ่าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของหมอหลวง “ท่านกำลังสงสัยว่าข้าติดเชื้อโรคระบาดใช่หรือไม่?”“อาการช่างคล้ายคลึงกันยิ่งนัก” หมอกลวงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด“เป็นไปไม่ได้!” แม่ทัพเฒ่าฉินรู้สึกตื่นตระหนกอย่างมาก “ท่านวินิจฉัยผิดหรือไม่?”“ข้าจะจัดยาให้ท่านสองชนิดก่อน หากดื่มยาเหล่านี้แล้วไม่ได้ผล เช่นนั้นไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแล้วขอรับ” หมอหลวงกล่าวแม่ทัพเฒ่าฉินกล่าวด้วยความลนลาน “ฉินโจวบังคับให้ท่านพูดเช่นนี้ใช่หรือไม่?”หมอหลวงรู้สึกประหลาดใจ “แม่ทัพเฒ่า ท่านหมายความว่าอย่างไร? เหตุใดแม่ทัพฉินถึงต้องบังคับให้ข้าพูดเช่นนี้?”หมอหลวงชะงักไปชั่วครู่หนึ่งแล้วโพล่งถาม “ท่านเคยพูดคุยกับองค์ชายเ

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1167

    นางสามารถเสียสละได้ แต่จะไม่มีทางทรยศต่อประชาชนเป่ยโม่เด็ดขาดสำหรับความจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิและประเทศชาติ นางจะต้องรักประชาชนก่อน จึงจะสามารถภักดีต่อองค์จักรพรรดิได้ฉินโจวกล่าวคำเบา “ข้าเข้าไปในพระราชวังเพื่อเชิญหมอหลวงแล้ว ท่านปู่พักผ่อนก่อนเถิด ข้าจะออกไปเดินเล่นรับลมสักหน่อย”ดวงตาของแม่ทัพเฒ่าฉินอัดแน่นด้วยความโกรธ แต่ก็พยายามอย่างหนักเพื่อระงับมันฉินโจวเดินออกจากห้อง และเห็นว่าฉินเป้าน้องชายของตนนั่งอยู่ที่สวน เมื่อเห็นนางเดินออกมา เขาก็ถามว่า “ท่านปู่เป็นอย่างไรบ้าง?”ฉินโจวจำคำพูดของท่านปู่ได้อย่างแม่นยำ จึงเมินเฉยต่อเขาและตอบอย่างใจเย็น “เข้าไปดูด้วยตนเองสิ”ฉินเป้าคลี่ยิ้ม แต่มันกลับดูอ้างว้างอย่างยิ่ง “ข้าได้ยินสิ่งที่ท่านปู่พูดกับท่านแล้ว ข้าไม่อยากเข้าไป”ฉินโจวตกตะลึง “เพราะเหตุใด เขาทุ่มเทความพยายามทั้งหมดไปกับหารวางแผนเพื่อเจ้า เจ้าควรขอบคุณท่านปู่สิ”ฉินเป้าหัวเราะเยาะ “จริงรึ? หากเขาทอดทิ้งท่านเพื่อตระกูลได้ ในอนาคตเขาจะไม่ทอดทิ้งข้าหรือ? ข้าไม่ต้องการชื่อเสียงหรือความดีงามใด ๆ พวกมันไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการเลย”ฉินโจวดูถูกน้องชายมาโดยตลอด เพราะเขาไม่ได

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1166

    ทั้งสองคนเดินออกไปและหยุดอยู่บนทางเดิน หมอมองฉินโจวพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ท่านแม่ทัพ ข้ากำลังสงสัยว่าท่านแม่ทัพเฒ่าจะป่วยด้วยโรคระบาดขอรับ”ฉินโจวตกตะลึง “โรคระบาด? เป็นไปได้อย่างไร? ปู่ของข้าไม่เคยออกไปข้างนอก และไม่เคยติดต่อกับผู้ป่วยโรคนี้เลย แล้วเขาจะติดเชื้อโรคระบาดได้อย่างไร?”“ข้าเคยรักษาผู้ป่วยโรคระบาดมาก่อน ซึ่งอาการคล้ายคลึงกันอย่างมาก ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ไอ ตาแดง หายใจเร็วขึ้น เมื่อเกิดอาการเหล่านี้พร้อมกันจะอันตรายอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นโรคนี้ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดขอรับ” หมอกล่าว“เป็นไปไม่ได้ หากจะติดเชื้อโรคระบาดก็ต้องสัมผัสกับผู้ป่วยที่มีเชื้ออยู่แล้ว แต่ท่านปู่ของข้าไม่เคยใกล้ชิดคนเหล่านั้นเลย แล้วเขาจะติดเชื้อได้อย่างไร?” ฉินโจวยังคงไม่เชื่อหมอประสานหมัด “ทั้งหมดนี้คือคำวินิจฉัยของข้า หากท่านแม่ทัพไม่เชื่อ ก็สามารถขอให้หมอคนอื่นมาตรวจดูได้ หรือท่านจะพาเขาไปที่พระราชวัง และขอให้หมอหลวงช่วยตรวจอาการ ข้าไร้ความสามารถ จึงอาจวินิจฉัยผิดพลาดได้ ลาก่อนขอรับ ๆ!”สิ้นคำ หมอก็หยิบกล่องยาแล้วออกไปโดยไม่เขียนใบสั่งยาด้วยซ้ำฉินโจวสับสนไม่น้อย ท่านปู่ติดเชื้อโร

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1165

    หัวใจของฉินโจวเย็นเยียบราวกับน้ำ “ใช่ ตราบใดที่ข้าตายในสนามรบ ตระกูลฉินก็ยังจะเป็นผู้กล้า และเป็นขุนนางผู้มีเกียรติ”แม่ทัพเฒ่าฉินเงียบไปครู่ใหญ่ จากนั้นกล่าวคำเบา “ในฐานะหลานสาวตระกูลฉิน มันเป็นหน้าที่ของเจ้าที่ต้องเสียสละเพื่อชื่อเสียง และรากฐานของตระกูล”ฉินโจวกำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจ “หลายปีที่ผ่านมานี้ ข้ายังทำไม่พออีกหรือ? ตอนนี้มีใครในตระกูลฉินบ้างที่ไม่เกาะกินเลือดนี้ของข้า?”แม่ทัพเฒ่าฉินลุกยืนขึ้นพลางกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าเคยเตือนเจ้าแล้ว คราวนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เจ้าจะต้องเข้าไปในพระราชวัง ข้าให้คำมั่นกับฮองเฮาเฉาแล้ว ว่าวันนี้เจ้าจะไปที่นั่นเพื่อทูลขอรับคำสั่ง หากเจ้าไม่ไป ข้าก็จะรับคำสั่งและออกรบด้วยตนเอง”“ท่าน...” ฉินโจวมองเขาด้วยสายตาโศกเศร้า “ท่านปู่ ข้าก็เป็นหลานสาวของท่านเหมือนกัน ท่านไม่สงสารข้าบ้างหรือ?”“ปู่สงสารเจ้าสิ แต่ภารกิจหน้าที่ของตระกูลฉินจะต้องถูกส่งต่อ ตอนนี้น้องชายของเจ้าโตพอแล้ว เจ้าจะต้องพาเขาไปสร้างความสำเร็จทางการทหารด้วย และเจ้าจะได้รับส่วนแบ่งของน้องเจ้า เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลฉินก็จะได้ผู้สืบทอดคนใหม่”ฉินโจวผงะไปชั่วครู่ ก่อนระเบิดหัวเราะ

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1164

    เมื่อได้ยินคำพูดของฉินโจว แม่ทัพเฒ่าฉินก็โมโหมากจนเคราสั่นสะท้าน “อาโจว อะไรจะสำคัญไปกว่าการบรรลุเป้าหมายอันยิ่งใหญ่? องค์จักรพรรดิเพียงต้องการขยายอาณาเขตของแคว้น เจ้าควรรู้เอาไว้ว่าเมื่อเรายึดครองต้าโจวสำเร็จ เป่ยโม่จะมีพื้นที่เพิ่มมากกว่าครึ่งหนึ่ง และมันจะเป็นความดีความชอบของตระกูลฉิน ทำให้ตระกูลของเราถูกจดจำไปหลายชั่วอายุคน! นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องการมาตลอดรึ? เจ้าไม่ต้องการบอกคนทั้งโลก ว่าแม้ฉินโจวจะเป็นสตรี แต่นางก็สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างผ่าเผยหรือ?”ฉินโจวมองดูใบหน้าที่ฉายแววตื่นเต้นปนโกรธเกรี้ยวของปู่ ทันใดนั้นนางก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติถูกต้อง มันคือความต้องการของนาง แต่ความสำเร็จของนางจะต้องไม่แลกกับการเหยียบย่ำกระดูกของประชาชนชาวเป่ยโม่นางรักเป่ยโม่และหวังที่จะขยายอาณาเขตของแคว้น นอกจากนี้นางยังต้องการเสาะหาดินแดนอุดมสมบูรณ์เพื่อประชาชน เพราะหวังว่าพวกเขาจะสามารถอยู่อาศัยและทำกินอย่างสงบสุข และพึงพอใจโดยไม่ต้องทนทุกข์จากการพลัดถิ่นอย่างไรก็ตาม ในตอนนี้หากต้องการบรรลุอำนาจ นางจำต้องสละชีวิตประชาชนจำนวนมาก และนำเงินภาษีของทุกคนมาใช้ในการทำสงคราม ทำให้โรคร

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1163

    มือสังหารเหล่านั้นแต่งกายคล้ายกับชาวต้าโจวและสวมหน้ากากผ้าสีดำ กลุ่มคนนิรนามราวเจ็ดถึงแปดคนกระโดดลงมาจากท้องฟ้ากลางวันแสก ๆ ทันทีที่เท้าของคนเหล่านั้นแตะพื้น พวกมันก็เริ่มโจมตีอย่างดุดันฉินโจวเห็นมือสังหารคนหนึ่งกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับกระบี่ยาว จากนั้นร่ายรำอยู่หลายกระบวนท่าราวกับนางฟ้าโปรยดอกไม้ ขณะแสงแดดตกกระทบกระบี่ส่องกระจายไปทั่วเหล่าทหารที่เพิ่งมาถึงกระโจนเข้าไปร่วมวงต่อสู้อย่างรวดเร็วหลังจากประดาบกันไปกว่าร้อยครั้ง มือสังหารก็ถูกบีบบังคับให้ล่าถอย ฉินโจวจ่อกระบี่ไปที่คอของหนึ่งในมือสังหาร พลางถามเสียงเข้ม “ตอบข้า ใครเป็นคนส่งเจ้ามา?”มือสังหารตอบอย่างเย็นชา “ฆ่าไอ้หมารับใช้เป่ยโม่ให้หมด!”“หมารับใช้เป่ยโม่? เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้าไม่ได้เป็นคนเป่ยโม่ พวกเจ้ามาจากต้าโจวใช่หรือไม่?” ฉินโจวโมโหอย่างมาก ขณะชี้ดาบไปยังหน้าอกของอีกฝ่าย “ไอ้เลวมู่หรงเจี๋ยส่งพวกเจ้ามาใช่หรือไม่?”“หญิงเลวอย่าเจ้ากล้าเอ่ยชื่อของท่านอ๋อง ทำให้พระองค์มัวหมองได้อย่างไร?” มือสังหารตะโกนฉินโจวชักดาบกลับพร้อมกล่าวอย่างเย็นชา “กลับไปซะ!”มือสังหารตกตะลึง ราวกับไม่คาดคิดว่าฉินโจวจะปล่อยตัวเขาไป”เ

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1162

    ฉินโจวกล่าวด้วยความโมโห “ข้าหลอกลวงเจ้าเมื่อไร?”“ไม่งั้นรึ? เจ้าและอ๋องฉีเอ่ยปากว่า หากจื่ออันตกลงเดินทางมาที่เป่ยโม่ พวกเจ้าจะส่งองค์ชายรัชทายาทไปที่ต้าโจวเป็นองค์ประกัน แล้วพวกเจ้าทำตามที่พูดแล้วหรือไม่?”“องค์ชายรัชทายาทเดินทางไปยังต้าโจวแล้ว!”“ผู้ที่เดินทางไปยังต้าโจวคือองค์ชายเจ็ด ไม่ใช่องค์ชายรัชทายาท องค์ชายเจ็ดไม่ได้เป็นที่โปรดปราน ดังนั้นจักรพรรดิเป่ยโม่จะส่งเขาไปสังเวยเมื่อใดก็ได้”“เป็นไปไม่ได้!” ฉินโจวประหลาดใจอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าผู้ที่เดินทางไปคือองค์ชายรัชทายาท เพราะองค์จักรพรรดิทรงตรัสด้วยตนเองว่าจะส่งเขาไปที่ต้าโจว“เจ้าอย่าเพิ่งสนใจเรื่องนี้เลย ก่อนหน้านี้ทั้งสองแคว้นตกลงทำสนธิสัญญาสงบศึก หลังจากการแพร่ระบาดสิ้นสุดลง แต่เจ้ากลับวางแผนโจมตีพวกเราในขณะที่ข้ายังอยู่ที่เป่ยโม่ เจ้าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร?” มู่หรงเจี๋ยกล่าวอย่างเคร่งเครียดฉินโจวตอบ “ผิดแล้ว เป็นเพราะต้าโจวที่เคลื่อนทัพโจมตีทหารฝั่งขวาของเราก่อน และสังหารทหารของเราไปกว่าร้อยคน ข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเคลื่อนทัพเข้าไปใกล้ เพื่อบีบบังคับให้พวกเจ้าถอยกลับ”“ไร้สาระ กองทัพของเราหยุดเคลื่อนท

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1161

    อย่างไรก็ตาม การจัดหาเสบียงอาหารสำหรับพื้นที่ภัยพิบัติยังไม่เพียงพอ และยังขาดแคลนเสื้อผ้าอาภรณ์ นอกจากนี้หลังจากที่พระชายาผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มาถึงเป่ยโม่ ก็ยังไม่ได้รับใบสั่งยาแม้แต่ฉบับเดียว ดังนั้นความอดทนของประชาชนจึงค่อย ๆ หมดลง แต่ความโกรธและความขุ่นเคืองกลับยิ่งมากขึ้นทันทีที่ข่าวลือแพร่สะพัด ก็เป็นเสมือนเป็นการขว้างเปลวไฟใส่ ‘ระเบิด’ หนึ่งหมื่นตุน ทำให้มันระเบิดออกอย่างรวดเร็วผู้ประสบภัยนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้าสู่เมืองหลวงอย่างรวดเร็วหลังจากที่ฉินโจวลงจากภูเขา นางก็พบว่าองค์จักรพรรดิทำอะไรกับทหารม้า และทหารเจ็ดหมื่นนายที่ประจำการที่เมืองหลวง ซึ่งเขาออกคำสั่งให้ทหารเหล่านั้นขับไล่เหล่าผู้ประสบภัยออกไปนางเห็นด้วยตาตนเองว่าทหารใต้บังคับบัญชาของนางสร้างกำแพงมนุษย์อันแน่นหนา เมื่อผู้ประสภัยเดินทางเข้ามา พวกเขาก็จะโบกหอกเพื่อขับไล่คนเหล่านั้นออกไปผู้ประสบภัยมากกว่าสิบรายได้รับบาดเจ็บจากหอกทหารเหล่านั้นอยู่ใต้บังคับบัญชาของนาง แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะไม่ได้ฆ่าผู้ใด แต่เมื่อสถานการณ์รุนแรงขึ้นจะต้องมีการฆ่าแกงกันอย่างแน่นอนฉินโจวโกรธจัดจึงขี่ม้าเข้าไปขวางเอาไว้ “หยุด หยุดเ

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1160

    ฉินโจวกวาดสายตามองพลางเยาะเย้ยจื่ออันไม่สนใจนาง และพาหลินตานไปยังเขตตะวันตกภายในสองวันนี้มีผู้เสียชีวิตถึงสามคน ซึ่งทั้งหมดถูกหามออกไปหลังจากที่หลินตามเดินเข้ามาเขาหลั่งน้ำตาหลั่งน้ำตาขณะมองดูการเผาศพจื่ออันไม่คิดว่าเขาจะมีความอ่อนไหวมากเพียงนี้ “ท่านหมอหลิน ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”หลินตานปาดน้ำตา “ข้าขอโทษ ข้าเพียง... คิดถึงครอบครัวขอรับ”“ครอบครัวของท่าน? แล้วตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ใดหรือ?” จื่ออันถาม“ตายหมดแล้วขอรับ ภรรยาและลูกสะใภ้ของข้าตายเพราะเหตุแผ่นดินไหวทั้งคู่ ส่วนลูกชายและหลานชายติดเชื้อโรคระบาดก่อนตายไปเช่นกัน ข้าจึงเป็นคนเดียวที่เหลือรอด” หลินตานสูดหายใจเข้าลึก ใบหน้าที่อยู่ภายใต้ผมสีขาวฉายแววความเศร้าโศกและหดหู่จื่ออันไม่คาดคิดว่าเขาจะมาจากพื้นที่โรคระบาดเช่นกัน เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อย จื่ออันก็ไม่รู้จะปลอบใจเขาเช่นไร จึงได้แต่นิ่งเงียบและอยู่เคียงข้างไม่นานหลินตานก็ถามว่า “ท่านหมอเซี่ย โรคระบาดนี้สามารถรักษาหายได้จริงหรือขอรับ?”ตอนนั้นเองจื่ออันก็นึกได้ว่าเขาเป็นหมอเท้าเปล่า และหลังจากเดินทางพเนจรไปที่ต่าง ๆ เขาอาจรู้จักจินเย่าฉือก็เป็นได้ ดังนั้นจึงรีบถามว

DMCA.com Protection Status