แชร์

บทที่ 4

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
มหาเสนาบดีเซี่ยเห็นว่าท่านอ๋องเหลียงเดินจากไปแล้ว จู่ ๆ ก็รู้สึกกระวนกระวายใจ จึงมองไปยังองค์รัชทายาทมู่หรงอย่างอดไม่ได้ มู่หรงเฉียวก็โกรธมาก คิดไม่ถึงว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างไร้ประสิทธิภาพขนาดนี้ แม้แต่ลูกสาวตนเองก็จัดการไม่ได้ มีที่ไหนยังยอมยืนเสียหน้าอยู่ตรงนี้อีก? จากนั้นก็หันหลังขึ้นม้าไปอย่างเย็นชา และควบม้าออกไป

ขบวนเกียรติยศรับเจ้าสาวและองค์รัชทายาท แน่นอนว่าต่างพากันกลับหมด เพียงพริบตาเดียวความคึกคักที่อยู่ทั่วตำหนักก็หลงเหลือเพียงอากาศ

มหาเสนาบดีเซี่ย และฮูหยินหลิงหลงก็ไม่รู้แล้วว่าจะต้องจัดการกับสถานการณ์ภายใต้สายตาของผู้คนนี้ได้อย่างไร ในความโกลาหลกลับเป็นฮูหยินผู้เฒ่าที่เดินออกมากล่าวขอโทษผู้คนอย่างสำรวมสง่างาม

“วันนี้สร้างความลำบากให้แก่ทุกท่านจริง ๆ เชิญพวกท่านกลับไปก่อนเถิด แล้ววันหลังข้าจะตามไปขอโทษด้วยตนเองถึงที่”

เมื่อผู้คนเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าเชิญให้แขกกลับแล้ว รู้ว่าไม่มีอะไรให้ดูต่ออีก การที่เซี่ยจื่ออันปฏิเสธการขึ้นเกี้ยวแบบนี้ ก็ทำให้ท่านมหาเสนาบดีเสียหน้าไม่น้อย

กลัวก็แต่จะจบไม่ดีนัก…

อีกอย่างการที่เธอปฏิเสธการขึ้นเกี้ยวเรื่องนี้ฮองเฮาต้องการไต่สวน แน่นอนว่าต้องไต่ถามเธอตามวิธีการของฮองเฮาเป็นแน่ ‘ประมาณว่า เห้อ..เป็นหญิงสาวที่หน้าตาสะสวยคนหนึ่งจริง ๆ แต่เกรงว่าคงจะต้องตายเร็วสินะ’

ในหมู่แขกเหรื่อที่มา มีชายหนุ่มวัยกลางคนรูปงามผู้หนึ่งมองมาที่จื่ออันไม่วางตา ก่อนจะขึ้นรถม้าแล้วจากไป...

ชายผู้นั้นคือท่านอ๋องอัน เขาเคยพ่ายแพ้ต่อความงามของหยวนซื่อและยังคงครองตนเป็นโสด กระนั้นมีข่าวลือว่า เขาสาบานว่าจะไม่แต่งงานตลอดชีวิตเพื่อหยวนซื่อ

“การแสดงสนุกๆครั้งนี้จบแล้วสินะ กลับเข้าวังกันเถอะ”

บุรุษผู้หน้าตาเย็นชาจากฝั่งตรงข้ามชั้นบนหมุนตัวกลับ ทหารองค์รักษ์รีบตามไปในทันที พร้อมกับพูดว่า “คุณหนูใหญ่ตระกูลเซี่ยคนนี้ เกรงว่าครานี้จะเดือดร้อนแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

บุรุษผู้นั้นยกยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็น “คนอย่างฮองเฮาจะปล่อยนางไปง่าย ๆ รึ? ไม่เกินสองชั่วยาม นางต้องเรียกตัวเซี่ยจื่ออันเข้าวัง ข้าพนันกับเจ้าได้เลยสองตำลึง เซี่ย จื่ออันต้องตายระหว่างทางกลับสำนักแน่นอน”

ทหารองค์รักษ์ยิ้มพร้อมตอบ “ได้พ่ะย่ะค่ะ พนันได้เลย วันนี้้เซี่ยจื่ออันจัดการแสดงได้ไม่เลว คงเป็นหญิงสาวที่มีมันสมองคนหนึ่ง หม่อมฉันพนันได้ว่านางยังอยู่ได้อีกสองวัน”

เพียงแต่ว่า สุดท้ายคงหนีไม่พ้นความตาย

ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นว่าแขกกลับแล้ว จึงออกคำสั่งอย่างเย็นชา “ทุกคนกลับสำนัก แล้วปิดประตู!”

จื่ออันถูกพากลับไปแล้ว และถูกทิ้งไว้ที่ในลาน ยังไม่ทันที่ฮูหยินผู้เฒ่าได้พูดอะไร มหาเสนาบดีเซี่ยก็ก้าวเข้ามาเตะเธอที่ขาอย่างแรง และพูดออกมาด้วยความโกรธ “นังแพศยา เจ้าทำให้ข้าขายหน้า ต่อให้ฆ่าเจ้าให้ตายก็คงไม่พอ”

อาการบาดเจ็บของจื่ออันจากที่หนักอยู่แล้ว ยังต้องมาทนรับแรงแตะจากขาของเขา จะไปทนได้อย่างไร? เมื่อสักครู่ที่ลานก็เกือบจะเป็นลมไป เธอบีบไปที่แหวนหลายครั้ง คิดที่อยากจะฆ่ามหาเสนาบดีเซี่ยให้ตาย แต่ก็ยังทนไว้

ฮูหยินผู้เฒ่าตะโกนออกคำสั่งไปว่า “จะทุบตีไปให้ได้อะไร? ตอนนี้ท่านอ๋องเหลียงก็เข้าวังไปแล้ว เจ้าคิดเอาแล้วกันว่าจะรับมือกับความโกรธของฮองเฮาอย่างไร”

มหาเสนาบดีเซี่ยกังวลกับเรื่องนี้ และก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จึงถามต่อว่า “ท่านแม่ ท่านคิดว่าควรทำไง?”

ฮูหยินผู้เฒ่ามองเขาด้วยหางตา “จะทำอะไรได้อีก? เรื่องนี้ต้องมีคนออกมายอมรับผลที่ตามมา ข้อหาทั้งหมดจะตกไปอยู่ที่นังแพศยานั่น ฮองเฮาและท่านอ๋องเหลียงต้องการเพียงแค่ลงโทษคนหนึ่งคนเพื่อกู้หน้ากลับมาเท่านั้น คงไม่ครหาอะไรมากมายถึงเจ้านัก เพียงแต่เจ้าน่ะ จริง ๆ แล้วแม่ก็ไม่ได้อยากจะว่าเจ้าหรอกนะ แต่เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เจ้ากลับไม่มีการตั้งรับใด ๆ นอกจากจะจัดการเรื่องไม่เรียบร้อยแล้ว ยังทำให้มันแย่เข้าไปอีก”

มหาเสนาบดีเซี่ยถูกฮูหยินผู้เฒ่าต่อว่าไปหนึ่งยก ความโกรธเคืองในใจก็เพิ่มขึ้น จึงถีบจื่ออันไปอีกรอบ พร้อมพูดว่า “ใครจะไปคิดว่ามันจะทำแบบนี้? เมื่อคืนก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้ว”

ฮูหยินหลิงหลงพูดอย่างหนักใจว่า “ท่านแม่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสอบสวนนะคะ ส่งตัวนางออกไปจะสามารถทุเลาความโกรธของฮองเฮาดีไหมคะ?”

“ไม่ต้องรีบร้อนไป ฮองเฮาต้องเรียกตัวนางเข้าวังไปไต่สวนอยู่แล้ว พวกเจ้าทั้งหมดวางท่าทีให้เป็นกลางที่สุด” ฮูหยินผู้เฒ่าประกาศเสียงเข้ม

“ครับ!” มหาเสนาบดีเซี่ยตอบรับ

ฮูหยินหลิงหลงก้มหน้าเหลือบมองจื่ออันที่นอนอยู่บนพื้น และพูดด้วยความรังเกียจว่า “คิดไม่ถึงว่าอุบายของนางจะลึกล้ำเช่นนี้ ทำให้พวกเราต้องตกที่นั่งลำบากกันหมด”

เสียงพูดเพิ่งจะเงียบไปไม่นาน เซี่ยหว่านเอ๋อก็รีบวิ่งออกมาทันที ในฐานะที่เป็นหญิงสาวที่เก็บตัวอยู่ในห้องตลอดเวลา นางจึงไม่สามารถปรากฏตัวข้างนอกได้ ภายหลังนางได้ยินทาสรับใช้มารายงาน เรื่องที่เซี่ยจื่ออันปฏิเสธการขึ้นเกี้ยว และยังก่อเรื่องที่หน้าประตูสำนักอีก จนถึงขึ้นทำให้องค์รัชทายาทเสียหน้า

ด้วยความที่นางรีบวิ่งออกมาภายใต้อารมณ์โกรธเคือง เมื่อเห็นว่าเซี่ยจื่ออันที่ถูกทุบตีอยู่บนพื้น ก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ ด้วยความเกลียดชังก็รีบขึ้นมาคร่อมตัวจื่ออันไว้ จากนั้นก็ตบซ้ายทีขวาที ติดต่อกันหลาย ๆ ครั้ง

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่สามารถขจัดความเกลียดชังนี้ได้ ครั้นจะตบอีกที จื่ออันก็ลืมตาขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว เธอใช้แรงทั้งหมดที่มีพลิกเซี่ยหว่านเอ๋อลงไปทางขวา แล้วกัดเข้าไปที่หูของนาง จนตัวนางสั่นไปทั้งตัว ให้ตายยังไงก็ไม่ปล่อย

เลือดไหลออกมาจากมุมปากของเธอ เซี่ยหว่านเอ๋อเจ็บจนร้องออกมาเสียงแหลม ขาและมือทั้งสองข้างทุบมาที่จื่ออัน แต่จื่ออันก็ไม่ยอมปล่อย

ฮูหยินหลิงหลงเห็นสถานการณ์เข้า โกรธจนตัวสั่น ชี้นิ้วไปที่ทาสรับใช้และพูดด้วยความโกรธ “ยังไม่รีบเข้าไปแยกนางอีก?”

จื่ออันถูกทาสรับใช้สองสามคนลากออกมา ฮูหยินหลิงหลงก้าวเข้าไปตบเธอหลายที จนมือของนางเองชาและเจ็บไปหมด ภายในปากของจื่ออันมีเลือดสด ๆ ไหลออกมา แต่เธอแทบไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย กลับหัวเราะออกมาเสียงดังด้วยซ้ำ “เอาสิ ตบเลย บังคับข้าแล้ว งั้นทุกคนก็ตายด้วยกันนี่เสียนี่ล่ะ อย่าได้คิดเลยว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อ”

มหาเสนาบดีเซี่ยเห็นว่าเธอยังมีท่าทีหยิ่งยโสอยู่ ก็โมโหจนตัวสั่น “ไปคุกเข่าต่อหน้าแผ่นจารึกของบรรพชนเดี๋ยวนี้ หากไม่มีคำสั่งจากข้า เจ้าก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ลุกขึ้น จนกว่าบัญชาของฮองเฮาจะมาถึง”

จื่ออันเงยหน้าและเหลือบตาขึ้น นัยน์ตาฉายแววแข็งกร้าวและดุดัน เลือดที่หน้าผากยังคงไหลลงมา หนึ่งหยดต่อหนึ่งหยด เรียกให้คนมองอย่างตกตะลึง

หญิงหลายคนจะเข้ามาลากเธอไป เธอจึงพูดไปอย่างเยือกเย็น “ผู้ใดกล้าแตะต้องข้า?”

หญิงทั้งหลายเห็นท่าทีที่ดุร้ายและทรงพลังของเธอเข้าก็ตกใจ จนไม่กล้าก้าวเข้าไป

จื่ออันยกมุมปากขึ้น จ้องเขม็งไปที่มหาเสนาบดีเซี่ยอย่างน่ากลัว “วันหนึ่ง ท่านจะต้องชดใช้สิ่งที่ท่านทำทั้งหมด!”

พูดจบก็ลากร่างตัวเองพร้อมบาดแผลทั้งตัว ขึ้นไปยังหอคอยแห่งจิตวิญญาณ

เลือดที่หยดลงตามหลังเธอไปบนพื้นบานออกเป็นดอกไห่ถัง แผ่นหลังที่บอบบางนั้นเหยียดตรง เธอกำหมัดแน่นและระงับความเจ็บปวดเล็กน้อยในใจ นี่ไม่ใช่อารมณ์ของเธอ เป็นเพียงความรู้สึกของเจ้าของร่างเดิมเหลือไว้ในหัวเธอ นางปรารถนาความรักจากพ่อมาโดยตลอด

น่าเสียดายที่ถึงเธอตายไปก็ไม่ได้รับมัน

แค้นนี้เธอต้องชำระให้เจ้าของร่างนี้ให้ได้

มหาเสนาบดีเซี่ยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และสายตาของจื่ออันก็ทำให้เขาหงุดหงิดเล็กน้อย

ทาสรับใช้ได้พยุงเซี่ยหว่านเอ๋อกลับเข้าไป หากจื่ออันใช้แรงมากกว่านี้หน่อย หูของนางต้องหลุดลงมาแน่ นางเกลียดชังจื่ออันเป็นอย่างมาก เกลียดจนอยากเอาเธอมาหั่นให้แหลกเป็นชิ้น ๆ

ฮูหยินผู้เฒ่าเปิดเปลือกตาที่หย่อนคล้อยขึ้น นัยน์ตาฉายแววประกายราวกับงูพิษ “พวกเจ้าฟังให้ดี ฮองเฮาต้องไต่สวนนางอย่างแน่นอน หากนางรอดออกมาจากวัง สามวันหลังจากนั้น ให้เจ้าเข้าวังรายงานจักรพรรดินีว่านางแพศยาป่วยตายกระทันหัน เพื่อที่ว่าพระองค์จะได้รู้ความคิดของเจ้า”

“ครับ ลูกทราบแล้ว” ไม่ผิดแน่ ในวังหลวงต้องการเพียงแค่คนหนึ่งคนเข้าไปอธิบาย หากคนตายไป ฮองเฮาก็คลายความโกรธแล้ว

จื่ออันคุกเข่าอยู่หน้าแผ่นจารึกของบรรพบุรุษตระกูลเซี่ย แล้วจ้องแผ่นจารึกทีละอันทีละอัน และแผ่นจารึกพวกนั้นมองลงมายังเธอจากที่สูง

เธอพูดออกมาทีละคำ ทีละคำ “พวกท่านก็คอยดูแล้วกัน ดูว่าข้าจะทำให้ตระกูลเซี่ยพังย่อยยับไม่มีชิ้นดีได้อย่างไร เพื่อเป็นการล้างแค้นให้เซี่ยจื่ออันที่ตายไป”

น้ำเสียงดุดัน และเด็ดเดี่ยวอย่างไม่คิดจะคืนคำ

เธอหมุนแหวนแห่งจิตวิญญาณที่อยู่บนนิ้ว

เธอเป็นวิญญาณที่ข้ามภพมา ทำไมแหวนแห่งจิตวิญญาณนี้ถึงตามมากับเธอด้วย ข้อนี้เธอคิดยังไงก็คิดไม่ออก

ที่วันนี้ยังไม่เอาคืนไม่ใช่เพราะทำไม่ได้ แต่ที่ยังเอาคืนไม่ได้ เพราะด้วยกำลังของเธอแล้ว ยังไม่เพียงพอสำหรับสู้กับคนทั้งสำนัก

วันนี้ยังมีอุปสรรคอีกด่านที่ต้องฝ่าฟันไปให้ได้ กุญแจสำคัญก็คือแหวนแห่งจิตวิญญาณ และทักษะทางการแพทย์ของเธอ

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 5

    จื่ออันยังคงนั่งคุกเข่าอย่างนั้น อากาศกลางเดือนพฤษภาคมนั้นร้อนมาก ดวงอาทิตย์แผดเผาอย่างร้อนแรงอยู่ตรงกลางหัวเธอ เลือดที่อยู่บนหน้าผากหยุดไหลแล้ว เหงื่อไหลผ่านรอยแผลที่เกิดจากการเฆี่ยนตีสร้างความปวดแสบเป็นอย่างมากคุกเข่ามาแล้วหนึ่งชั่วยาม จนเธอรู้สึกว่าไม่สามารถประคองตัวได้อีก และร่างกายของเธอก็สั่นคลอนสาวรับใช้ที่คอยมาตรวจตราดูเธอ เห็นว่าเธอคุกเข่าไม่ดี ก็เตะเธอไปทีหนึ่ง เตะจนจื่ออันมึนจนเกือบจะสลบไปความเกลียดชังเกิดขึ้นในตาของเธอ สองมือกำหมัดแน่น พลางกวาดขาข้างหนึ่งไปทางสาวรับใช้คนนั้น สาวรับใช้ไม่ทันได้ป้องกันตอนเธอกวาดเท้าออกมา จึงล้มตุบและหัวกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง จื่ออันใช้มือบีบคอของนาง พูดด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม “เจ้าก็แค่ทาสรับใช้คนหนึ่ง กล้ารังแกข้ารึ? อยากตายรึไง!”“คุณหนู…” สาวรับใช้มองไปในดวงตาของเธอก็ตกใจ นางเสียสติอยู่นานกว่าจะตอบกลับ “นายท่านสั่งให้ข้ามาตรวจตราคุณหนู คุณหนูจะไม่เชื่อฟังคำสั่งของนายท่านหรือเจ้าคะ?”จื่ออันหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น แล้วมาคุกเข่าลงบนแขนของนาง จากนั้นออกแรงกดเข่าลงไป จนสาวรับใช้เจ็บจนต้องร้องออกมาเสียงดังจื่ออันแสดงออกอย่างเยือกเย็

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 6

    เธอเช็ดเลือดและเหงื่อบริเวณหน้าผาก จากนั้นก็สวมเสื้อ แล้วจึงตามนางข้าหลวงของฮองเฮาเข้าไปข้างในความงดงามของพระราชวังนั้นตรงกันข้ามกับความซอมซ่อและความจนตรอกของเธออย่างสื้นเชิง เธอพยายามย่ำเท้าเดินตามไปอย่างสงบเสงี่ยม ทีละก้าว ทีละก้าว จนรู้สึกว่าลำบากยากเย็นเสียเหลือเกินข้างหน้ามีเงาคนเคลื่อนไหวไปมา แต่แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่เงาเคลื่อนไหวของผู้ใด กลับเป็นตัวเธอเองที่รู้สึกเหวียนหัวจนตาลาย ดังนั้นเธอจึงมองเห็นอย่างเลือนลางว่ามีคนสามคนกำลังนั่งอยู่ในตำหนัก คนตรงกลางสวมใส่ผ้าไหมปักเงินปักทองชาววังสีแดง มัดมวยผมสูง เพียงแค่ชำเลืองมอง ก็รู้สึกว่างามสง่ามากทีเดียวเธอคุกเข่าลงบนพื้น “หม่อมฉันเซี่ยจื่ออัน ขอเข้าเฝ้าฮองเฮาเพคะ”ภายในตำหนักเงียบสงัด แม้แต่เสียงหายใจก็ไม่ได้ยิน โคมไฟบนผนังส่องสว่างผ่านฝาเคลือบสีออกมาได้อย่างสวยงาม สะท้อนทุกสิ่งทุกอย่าง ราวกับเป็นดินแดนมหัศจรรย์ผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงนางหนึ่งที่แทบจะไร้อารมณ์และแสนจะเย็นชาดังขึ้น “เงยหน้า” เซี่ยจื่ออันใช้มือทั้งสองพยุงตัวขึ้น และเงยหน้าอย่างช้า ๆดวงตาอันแหลมคมและโหดร้ายจ้องมาที่เธอ นัยน์ตาเป็นสีฟ้าเข้ม

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 7

    ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิกลับค่อย ๆ เบะริมฝีปากหัวเราะเยาะเซี่ยจื่ออัน แม้ว่าเจ้าจะฉลาด แต่ก็กลับอวดฉลาดด้วยเช่นกัน เจ้าคิดว่าที่เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นหมันนั้น แล้วฮองเฮาจะยอมแพ้และลงโทษมหาเสนาบดีหรอกหรือ ไม่เลยนั่นเป็นข้อห้ามของอ๋องเหลียง ดังนั้นหยุดเสียเถอะ ไม่เช่นนั้นเขาจะคิดว่าที่เจ้าบอกว่าตนเองเป็นหมันคือ การกำลังตีวัวกระทบคราดอ๋องเหลียงจ้องมายังจื่ออันอย่างดุร้าย “หากหมอหลวงตรวจพบว่าเจ้าโกหก ข้าจะแทงเจ้าด้วยมีดพันเล่มทีเดียว”ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิส่ายหัวเล็กน้อย มองไปยังใบหน้าที่ตกใจอย่างเฉียบพลัน ดูท่าชีวิตของหญิงสาวผู้นี้คงจบสิ้นแล้วกระมังอ๋องเหลียงเริ่มมีท่าทีแปลก ๆ เขาตัวสั่นเทา เริ่มจากปากไปถึงร่ายกายที่ค่อย ๆ สั่นขึ้น ๆ สีหน้าเริ่มเปลี่ยนจากซีดเป็นเขียว ริมฝีปากเริ่มม่วงทันใดนั้น เขาก็ล้มลงกับพื้น ร่างกายแข็งทื่อ เท้าพยายามถีบไปข้างหน้า ใบหน้าชักกระตุก ร่างกายกระตุกและเกร็งมู่หรงเจี๋ยพร้อมกับฮองเฮาล้วนตกใจกับเหตการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ฮองเฮารีบวิ่งพรวดเข้าไป ตะโกนด้วยความตกใจสุดขีด “หมอหลวง เร็วเข้า!”จื่ออันเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ก็รู้ทันทีว่าอาการลมช

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 8

    คำพูดของเซี่ยจื่ออันที่ว่า “ไม่ต้องการเห็นฝ่าบาทอาการกำเริบ หรือร่างกายบาดเจ็บอีก” ชวนให้รู้สึกสนใจว่า จริง ๆ วันนี้เซี่ยจื่ออันเป็นบุคคลที่น่ายกย่องทีเดียว ตอนที่อาการฝ่าบาทกำเริบ ก็ได้นางที่รีบเข้ามาช่วย ส่วนถ้อยคำที่นางแก้ตัว ก็ล้วนเป็นความจริง มีคนรายงานเหตุการณ์วันนี้ในจวนมหาเสนาบดีได้รับทราบแล้ว เซี่ยจื่ออันมิได้พูดโกหก เห็นได้ว่านางทั้งซื่อสัตย์และมีสัจจะ คำพูดเกี่ยวกับการฝังเข็มก็ไม่น่าเป็นเรื่องที่ถูกปั้นขึ้นมาเช่นกันในความเป็นจริง นางจะไม่พูดก็ได้ เหตุใดจึงหาเรื่องใส่ตัว นางเองก็พลอยมีเรื่องร้าย ๆ กับตัวมากพออยู่แล้วหมอหลวงลังเลสองจิตสองใจขึ้นมา “ฮองเฮา วิธีการฝังเข็มที่หูได้ผลพ่ะย่ะค่ะ ทว่าประสิทธิผลจะเป็นอย่างไร ยังไม่สามารถตรวจดูได้อย่างละเอียด อีกทั้งต้องระวังให้มากเป็นพิเศษ เมื่อฝังเข็มที่หูหรือศีรษะ เพราะหากเลือกบริเวณฝังเข็มผิด หรือกลศาสตร์ของเข็มเอียงไม่ถูกต้อง อาจก่อให้เกิดผลที่ร้ายแรงตามมา”จื่ออันได้ยินคำกล่าวนั้น ริมฝีปากก็ขยับ เธอก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย ยังไม่กล้าเอ่ยคำพูดใด ๆฮองเฮาจ้องมาที่นางอีกครั้ง พร้อมกับไตร่ตรองประเดี๋ยวเดียว แล้วจึงเอ่ยว่า “เจ้าเข้าไ

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 9

    ภายในใจของจื่ออันไม่สงบสุขและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ นางทำได้เพียงคำนับและพูดว่า “เพคะ หม่อมฉันรับทราบ”ฮองเฮาเงยหน้าขึ้น ดวงตาไม่อ่อนโยนเหมือนเมื่อครู่นี้ กลับกลายเป็นสีหน้าแสนดุดัน “ครั้งนี้เจ้าใช้ืท่านอ๋องเหลียงเป็นเครื่องมือ มิหนำซ้ำยังทำลายชื่อเสียงของพระองค์ ทางราชสำนักควรลงโทษเจ้าอย่างสาสม แต่พอมาคิดดูว่าที่เจ้าวางแผนทำลงไปก็เพื่อแม่ของเจ้า ข้าคิดว่าการลงโทษสถานเบานั้นก็เพียงพอ เข้ามา เตรียมสมุนไพรดอกคำฝอยหนึ่งชามให้นางดื่มเสีย”อารมณ์โกรธของจื่ออันทะยานสูงขึ้นทันที ร่างกายของเธออ่อนแรงมากแล้ว อีกทั้งชีพจรยังเต้นผิดจังหวะ การตั้งครรภ์จึงถือว่าเป็นเรื่องยากมาก เมื่อกินสมุนไพรดอกคำฝอยลงไป เธอก็ต้องล้มเลิกความหวังไปพระสนมของผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิมู่หรงเจี๋ย คือคนที่ไม่อาจตั้งครรภ์ได้เป็นหญิงอำมหิตอะไรเช่นนี้แม้จื่ออันจะไม่ใส่ใจว่าเธอจะตั้งครรภ์ได้หรือไม่ เธอเพียงต้องการมีชีวิตรอด ทว่าก็ยังโกรธฮองเฮาแมนจูผู้นี้อยู่ดีทว่า ณ ตอนนี้เธอไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ด้วยนิสัยของเธอ เธอจะฆ่าฮองเฮาโดยมิลังเลใจเป็นแน่ ทว่าตอนนี้เธอยังไม่สามารถดูแลตัวเองได้ มิหนำซ้ำยังต้องมา

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 10

    จื่ออันถึงจวนในช่วงดึก ประตูใหญ่ถูกปิดอยู่ จึงไม่มีคนเข้าเวรยาม เธอจึงนั่งลงที่บันไดหินอ่อน ร่างของเธอค่อย ๆ ทรุดลงร่างกายของเธอไม่มีแรงสักนิด ทั้งหิว ทั้งเหนื่อย ทั้งเจ็บปวดแทบจะแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆเธอไม่มีแม้แต่แรงจะเคาะประตู แถมยังรู้อยู่แก่ใจว่าถึงเคาะก็ไม่มีใครมาเปิดประตูให้เธอนอนลงที่บันไดหิน แผ่นหลังสัมผัสจากความหนาวเหน็บ เธอเงยหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้า ดวงดาวแพรวพราวระยิบระยับ ช่างสวยงามเสียนี่กระไรจักรวาลอันแสนกว้างใหญ่ สามารถบรรจุสิ่งต่าง ๆ ได้มหาศาล ทว่าไม่มีทางจะบรรจุชีวิตที่ต้องดิ้นรนลงไปได้เป็นแน่“คุณหนู คุณหนูใหญ่กลับมาแล้วขอรับ อยู่ที่หน้าประตู ให้ข้าไปเปิดประตูไหมขอรับ?” ผู้เฝ้าประตูถามเบา ๆเซี่ยหว่านเอ๋อหัวเราะอย่างมีเลศนัย “เปิดทำไมรึ นอนตรงนั้นไปเสีย ดึกแล้ว หาได้จำเป็นไม่”ข้ารับใช้รู้ดีว่าคุณหนูใหญ่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่แทบจะหมดหวัง ยิ่งกว่านั้นก็ไม่เคยได้รับยศถาบรรดาศักดิ์ใด ๆ มาก่อน แทบจะถือเป็นคนรับใช้ก็ว่าได้ เขาเพียงทำได้แค่ต้องมองที่ใบหน้าผู้ที่มีอำนาจกว่าเท่านั้น“ขอรับ คุณหนูรอง” ผู้เฝ้าประตูตอบรับเซี่ยหว่านเอ๋อขำอย่างร้ายกาจ พูดกับสาวใช้ที่อยู่ข

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 11

    จื่ออานทำท่าทางให้เสี่ยวซุนออกไปเสี่ยวซุนนำน้ำออกไป และจึงยื่นมือปิดประตู“ท่านแม่ ท่านไม่ต้องห่วง ข้าเคยศึกษาวิชาแพทย์ และการฝังเข็มมาก่อน ข้ามั่นใจ” จื่ออานพูดเบา ๆเซี่ยฟูเหรินพยักหน้าเล็กน้อย เธอยื่นมือออกไปลูบผมหล่อน “ลูกเอ๋ย แม่ทำให้เจ้าลำบากเสียแล้ว เจ้าอยู่แทนจื่ออาน มิหนำซ้ำยังต้องมาทนทุกข์กับสิ่งที่นางควรจะต้องทนเอง ไม่ยุติธรรมเสียเลย”“ข้ามีความสุขดี!” จื่ออานยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างน้อย ในท้ายที่สุดเธอก็ไม่ใช่เด็กตัวคนเดียวอีกต่อไปเมื่อวาน เซี่ยฟูเหรินรู้ว่านางไม่ใช่ลูกสาวของตัวเอง จำได้ว่าเซี่ยฟูเหรินจับมือนางด้วยท่าทางเย็นชาราวกับประติมากรรมน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้นจากนั้นเธอก็พูดว่า “ข้าต้องการล้างแค้นให้ลูกสาวของข้า”เสียงที่แสนแผ่วเบา แต่กลับกัดฟันด้วยความเกลียดชังวันนี้สิ่งที่พวกเขาต้องป้องกันอย่างเข้มงวดในตอนนี้คือ พวกเขาไม่สามารถถูกเสนาบดีสังหารได้ภายในสองสามวันนี้ณ เซี่ยจื่อหย่วน หญิงรับใช้สองคนและเสี่ยวซุน กำลังปรนนิบัติรับใช้นาง ส่วนชู่อวี่กำลังรับใช้แม่ของนาง ทว่าชู่อวี่มีจิตใจมักใหญ่ใฝ่สูง และเย่อหยิ่งมาก จื่ออานอ่านคนมามากมาย เพียงแค่เธอมองก็รู้ว่า

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 12

    จื่ออานได้ยินเสียงฝีเท้าของนางค่อย ๆ จางหายไป เธอเปิดประตูส้วมทันที โชคดีที่มีดอกไม้และต้นไม้กระจัดกระจายอยู่ทั่วลานบ้าน แถมชายร่างใหญ่สองสามคนที่หน้าประตูก็ไม่เห็นเธอด้วยเธอเขย่งเท้าไปยังขอบกำแพง และกระโดดข้ามกำแพงออกไป เธอกระโดดลงอย่างคล่องแคล้ว แม้ว่าพลังของเธอจะยังไม่ฟื้นตัวเท่าใดนัก แต่เธอก็ไม่สูญเสียทักษะของเธอไปเธอรีบวิ่งไปที่เซี่ยจื่อหยวนอย่างรวดเร็ว เพราะวันนี้มหาเสนาบดีเซี่ยทและหลิงหลงฟูเหรินล้วนอยู่ในบ้านของเหล่าฟูเหริน ดังนั้นคนใช้จึงไปที่นั่นเพื่อรวมตัวกันเป็นธรรมดา เธอวิ่งไปตลอดทาง แต่กลับไม่มีผู้ใดเห็นเมื่อวิ่งไปถึงทะเลสาบด้านนอก ก็เห็นชุยยวี่นำทางทั้งสามคนไปทางเซียจื่อหยวน ตามด้วยเซี่ยฉวนจื่ออานแอบตะโกนอย่างหยาบคาย สามคนนี้ในมือถือผ้าไหมอยู่ น่าจะเป็นเจ้าของร้านและช่างตัดผ้าไหมของหมู่บ้านสามคนนี้เป็นบุคคลภายนอก หากเห็นบางอย่างในเซี่ยจื่อหยวน หลาย ๆ เรื่องอาจแพร่สะพัดออกไปเลวร้ายจริง ๆ!จื่ออานใช้เส้นทางลัด และกลับไปถึงเซี่ยจื่อหยวนก่อนที่ทางเข้าด้านหน้าของเซี่ยจื่อหยวน มีคนรับใช้ยืนอยู่หลายคน ส่วนชู่อวี่ก็ยืนและพูดคุยกับพวกเขา ช่างดูส่อเสียดมากจื่ออานเด

บทล่าสุด

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1168

    ร่างกายของแม่ทัพเฒ่าฉินสั่นสะท้านด้วยความโกรธ “เจ้าสาปแช่งปู่รึ เจ้าเคยคำนึงถึงญาติพี่น้องหรือไม่?”เมื่อหมอหลวงมาถึง กลับไม่มีคนในตระกูลฉินคอยเฝ้าเขาอยู่ในห้อง ดังนั้นจึงมีเพียงแต่บ่าวรับใช้หลังจากตรวจสอบอาการเสร็จ หมอหลวงก็กล่าวด้วยสีหน้าตกตะลึง “ท่านแม่ทัพเฒ่า เมื่อไม่กี่วันมานี้ท่านได้ไปที่ใดมา? แล้วท่านเคยเข้าไปในพื้นที่โรคระบาดหรือไม่?” “ไม่เคย ข้าไม่เคยไปที่นั่น” สีหน้าของแม่ทัพเฒ่าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของหมอหลวง “ท่านกำลังสงสัยว่าข้าติดเชื้อโรคระบาดใช่หรือไม่?”“อาการช่างคล้ายคลึงกันยิ่งนัก” หมอกลวงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด“เป็นไปไม่ได้!” แม่ทัพเฒ่าฉินรู้สึกตื่นตระหนกอย่างมาก “ท่านวินิจฉัยผิดหรือไม่?”“ข้าจะจัดยาให้ท่านสองชนิดก่อน หากดื่มยาเหล่านี้แล้วไม่ได้ผล เช่นนั้นไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแล้วขอรับ” หมอหลวงกล่าวแม่ทัพเฒ่าฉินกล่าวด้วยความลนลาน “ฉินโจวบังคับให้ท่านพูดเช่นนี้ใช่หรือไม่?”หมอหลวงรู้สึกประหลาดใจ “แม่ทัพเฒ่า ท่านหมายความว่าอย่างไร? เหตุใดแม่ทัพฉินถึงต้องบังคับให้ข้าพูดเช่นนี้?”หมอหลวงชะงักไปชั่วครู่หนึ่งแล้วโพล่งถาม “ท่านเคยพูดคุยกับองค์ชายเ

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1167

    นางสามารถเสียสละได้ แต่จะไม่มีทางทรยศต่อประชาชนเป่ยโม่เด็ดขาดสำหรับความจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิและประเทศชาติ นางจะต้องรักประชาชนก่อน จึงจะสามารถภักดีต่อองค์จักรพรรดิได้ฉินโจวกล่าวคำเบา “ข้าเข้าไปในพระราชวังเพื่อเชิญหมอหลวงแล้ว ท่านปู่พักผ่อนก่อนเถิด ข้าจะออกไปเดินเล่นรับลมสักหน่อย”ดวงตาของแม่ทัพเฒ่าฉินอัดแน่นด้วยความโกรธ แต่ก็พยายามอย่างหนักเพื่อระงับมันฉินโจวเดินออกจากห้อง และเห็นว่าฉินเป้าน้องชายของตนนั่งอยู่ที่สวน เมื่อเห็นนางเดินออกมา เขาก็ถามว่า “ท่านปู่เป็นอย่างไรบ้าง?”ฉินโจวจำคำพูดของท่านปู่ได้อย่างแม่นยำ จึงเมินเฉยต่อเขาและตอบอย่างใจเย็น “เข้าไปดูด้วยตนเองสิ”ฉินเป้าคลี่ยิ้ม แต่มันกลับดูอ้างว้างอย่างยิ่ง “ข้าได้ยินสิ่งที่ท่านปู่พูดกับท่านแล้ว ข้าไม่อยากเข้าไป”ฉินโจวตกตะลึง “เพราะเหตุใด เขาทุ่มเทความพยายามทั้งหมดไปกับหารวางแผนเพื่อเจ้า เจ้าควรขอบคุณท่านปู่สิ”ฉินเป้าหัวเราะเยาะ “จริงรึ? หากเขาทอดทิ้งท่านเพื่อตระกูลได้ ในอนาคตเขาจะไม่ทอดทิ้งข้าหรือ? ข้าไม่ต้องการชื่อเสียงหรือความดีงามใด ๆ พวกมันไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการเลย”ฉินโจวดูถูกน้องชายมาโดยตลอด เพราะเขาไม่ได

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1166

    ทั้งสองคนเดินออกไปและหยุดอยู่บนทางเดิน หมอมองฉินโจวพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ท่านแม่ทัพ ข้ากำลังสงสัยว่าท่านแม่ทัพเฒ่าจะป่วยด้วยโรคระบาดขอรับ”ฉินโจวตกตะลึง “โรคระบาด? เป็นไปได้อย่างไร? ปู่ของข้าไม่เคยออกไปข้างนอก และไม่เคยติดต่อกับผู้ป่วยโรคนี้เลย แล้วเขาจะติดเชื้อโรคระบาดได้อย่างไร?”“ข้าเคยรักษาผู้ป่วยโรคระบาดมาก่อน ซึ่งอาการคล้ายคลึงกันอย่างมาก ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ไอ ตาแดง หายใจเร็วขึ้น เมื่อเกิดอาการเหล่านี้พร้อมกันจะอันตรายอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นโรคนี้ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดขอรับ” หมอกล่าว“เป็นไปไม่ได้ หากจะติดเชื้อโรคระบาดก็ต้องสัมผัสกับผู้ป่วยที่มีเชื้ออยู่แล้ว แต่ท่านปู่ของข้าไม่เคยใกล้ชิดคนเหล่านั้นเลย แล้วเขาจะติดเชื้อได้อย่างไร?” ฉินโจวยังคงไม่เชื่อหมอประสานหมัด “ทั้งหมดนี้คือคำวินิจฉัยของข้า หากท่านแม่ทัพไม่เชื่อ ก็สามารถขอให้หมอคนอื่นมาตรวจดูได้ หรือท่านจะพาเขาไปที่พระราชวัง และขอให้หมอหลวงช่วยตรวจอาการ ข้าไร้ความสามารถ จึงอาจวินิจฉัยผิดพลาดได้ ลาก่อนขอรับ ๆ!”สิ้นคำ หมอก็หยิบกล่องยาแล้วออกไปโดยไม่เขียนใบสั่งยาด้วยซ้ำฉินโจวสับสนไม่น้อย ท่านปู่ติดเชื้อโร

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1165

    หัวใจของฉินโจวเย็นเยียบราวกับน้ำ “ใช่ ตราบใดที่ข้าตายในสนามรบ ตระกูลฉินก็ยังจะเป็นผู้กล้า และเป็นขุนนางผู้มีเกียรติ”แม่ทัพเฒ่าฉินเงียบไปครู่ใหญ่ จากนั้นกล่าวคำเบา “ในฐานะหลานสาวตระกูลฉิน มันเป็นหน้าที่ของเจ้าที่ต้องเสียสละเพื่อชื่อเสียง และรากฐานของตระกูล”ฉินโจวกำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจ “หลายปีที่ผ่านมานี้ ข้ายังทำไม่พออีกหรือ? ตอนนี้มีใครในตระกูลฉินบ้างที่ไม่เกาะกินเลือดนี้ของข้า?”แม่ทัพเฒ่าฉินลุกยืนขึ้นพลางกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าเคยเตือนเจ้าแล้ว คราวนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เจ้าจะต้องเข้าไปในพระราชวัง ข้าให้คำมั่นกับฮองเฮาเฉาแล้ว ว่าวันนี้เจ้าจะไปที่นั่นเพื่อทูลขอรับคำสั่ง หากเจ้าไม่ไป ข้าก็จะรับคำสั่งและออกรบด้วยตนเอง”“ท่าน...” ฉินโจวมองเขาด้วยสายตาโศกเศร้า “ท่านปู่ ข้าก็เป็นหลานสาวของท่านเหมือนกัน ท่านไม่สงสารข้าบ้างหรือ?”“ปู่สงสารเจ้าสิ แต่ภารกิจหน้าที่ของตระกูลฉินจะต้องถูกส่งต่อ ตอนนี้น้องชายของเจ้าโตพอแล้ว เจ้าจะต้องพาเขาไปสร้างความสำเร็จทางการทหารด้วย และเจ้าจะได้รับส่วนแบ่งของน้องเจ้า เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลฉินก็จะได้ผู้สืบทอดคนใหม่”ฉินโจวผงะไปชั่วครู่ ก่อนระเบิดหัวเราะ

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1164

    เมื่อได้ยินคำพูดของฉินโจว แม่ทัพเฒ่าฉินก็โมโหมากจนเคราสั่นสะท้าน “อาโจว อะไรจะสำคัญไปกว่าการบรรลุเป้าหมายอันยิ่งใหญ่? องค์จักรพรรดิเพียงต้องการขยายอาณาเขตของแคว้น เจ้าควรรู้เอาไว้ว่าเมื่อเรายึดครองต้าโจวสำเร็จ เป่ยโม่จะมีพื้นที่เพิ่มมากกว่าครึ่งหนึ่ง และมันจะเป็นความดีความชอบของตระกูลฉิน ทำให้ตระกูลของเราถูกจดจำไปหลายชั่วอายุคน! นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องการมาตลอดรึ? เจ้าไม่ต้องการบอกคนทั้งโลก ว่าแม้ฉินโจวจะเป็นสตรี แต่นางก็สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างผ่าเผยหรือ?”ฉินโจวมองดูใบหน้าที่ฉายแววตื่นเต้นปนโกรธเกรี้ยวของปู่ ทันใดนั้นนางก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติถูกต้อง มันคือความต้องการของนาง แต่ความสำเร็จของนางจะต้องไม่แลกกับการเหยียบย่ำกระดูกของประชาชนชาวเป่ยโม่นางรักเป่ยโม่และหวังที่จะขยายอาณาเขตของแคว้น นอกจากนี้นางยังต้องการเสาะหาดินแดนอุดมสมบูรณ์เพื่อประชาชน เพราะหวังว่าพวกเขาจะสามารถอยู่อาศัยและทำกินอย่างสงบสุข และพึงพอใจโดยไม่ต้องทนทุกข์จากการพลัดถิ่นอย่างไรก็ตาม ในตอนนี้หากต้องการบรรลุอำนาจ นางจำต้องสละชีวิตประชาชนจำนวนมาก และนำเงินภาษีของทุกคนมาใช้ในการทำสงคราม ทำให้โรคร

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1163

    มือสังหารเหล่านั้นแต่งกายคล้ายกับชาวต้าโจวและสวมหน้ากากผ้าสีดำ กลุ่มคนนิรนามราวเจ็ดถึงแปดคนกระโดดลงมาจากท้องฟ้ากลางวันแสก ๆ ทันทีที่เท้าของคนเหล่านั้นแตะพื้น พวกมันก็เริ่มโจมตีอย่างดุดันฉินโจวเห็นมือสังหารคนหนึ่งกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับกระบี่ยาว จากนั้นร่ายรำอยู่หลายกระบวนท่าราวกับนางฟ้าโปรยดอกไม้ ขณะแสงแดดตกกระทบกระบี่ส่องกระจายไปทั่วเหล่าทหารที่เพิ่งมาถึงกระโจนเข้าไปร่วมวงต่อสู้อย่างรวดเร็วหลังจากประดาบกันไปกว่าร้อยครั้ง มือสังหารก็ถูกบีบบังคับให้ล่าถอย ฉินโจวจ่อกระบี่ไปที่คอของหนึ่งในมือสังหาร พลางถามเสียงเข้ม “ตอบข้า ใครเป็นคนส่งเจ้ามา?”มือสังหารตอบอย่างเย็นชา “ฆ่าไอ้หมารับใช้เป่ยโม่ให้หมด!”“หมารับใช้เป่ยโม่? เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้าไม่ได้เป็นคนเป่ยโม่ พวกเจ้ามาจากต้าโจวใช่หรือไม่?” ฉินโจวโมโหอย่างมาก ขณะชี้ดาบไปยังหน้าอกของอีกฝ่าย “ไอ้เลวมู่หรงเจี๋ยส่งพวกเจ้ามาใช่หรือไม่?”“หญิงเลวอย่าเจ้ากล้าเอ่ยชื่อของท่านอ๋อง ทำให้พระองค์มัวหมองได้อย่างไร?” มือสังหารตะโกนฉินโจวชักดาบกลับพร้อมกล่าวอย่างเย็นชา “กลับไปซะ!”มือสังหารตกตะลึง ราวกับไม่คาดคิดว่าฉินโจวจะปล่อยตัวเขาไป”เ

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1162

    ฉินโจวกล่าวด้วยความโมโห “ข้าหลอกลวงเจ้าเมื่อไร?”“ไม่งั้นรึ? เจ้าและอ๋องฉีเอ่ยปากว่า หากจื่ออันตกลงเดินทางมาที่เป่ยโม่ พวกเจ้าจะส่งองค์ชายรัชทายาทไปที่ต้าโจวเป็นองค์ประกัน แล้วพวกเจ้าทำตามที่พูดแล้วหรือไม่?”“องค์ชายรัชทายาทเดินทางไปยังต้าโจวแล้ว!”“ผู้ที่เดินทางไปยังต้าโจวคือองค์ชายเจ็ด ไม่ใช่องค์ชายรัชทายาท องค์ชายเจ็ดไม่ได้เป็นที่โปรดปราน ดังนั้นจักรพรรดิเป่ยโม่จะส่งเขาไปสังเวยเมื่อใดก็ได้”“เป็นไปไม่ได้!” ฉินโจวประหลาดใจอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าผู้ที่เดินทางไปคือองค์ชายรัชทายาท เพราะองค์จักรพรรดิทรงตรัสด้วยตนเองว่าจะส่งเขาไปที่ต้าโจว“เจ้าอย่าเพิ่งสนใจเรื่องนี้เลย ก่อนหน้านี้ทั้งสองแคว้นตกลงทำสนธิสัญญาสงบศึก หลังจากการแพร่ระบาดสิ้นสุดลง แต่เจ้ากลับวางแผนโจมตีพวกเราในขณะที่ข้ายังอยู่ที่เป่ยโม่ เจ้าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร?” มู่หรงเจี๋ยกล่าวอย่างเคร่งเครียดฉินโจวตอบ “ผิดแล้ว เป็นเพราะต้าโจวที่เคลื่อนทัพโจมตีทหารฝั่งขวาของเราก่อน และสังหารทหารของเราไปกว่าร้อยคน ข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเคลื่อนทัพเข้าไปใกล้ เพื่อบีบบังคับให้พวกเจ้าถอยกลับ”“ไร้สาระ กองทัพของเราหยุดเคลื่อนท

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1161

    อย่างไรก็ตาม การจัดหาเสบียงอาหารสำหรับพื้นที่ภัยพิบัติยังไม่เพียงพอ และยังขาดแคลนเสื้อผ้าอาภรณ์ นอกจากนี้หลังจากที่พระชายาผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มาถึงเป่ยโม่ ก็ยังไม่ได้รับใบสั่งยาแม้แต่ฉบับเดียว ดังนั้นความอดทนของประชาชนจึงค่อย ๆ หมดลง แต่ความโกรธและความขุ่นเคืองกลับยิ่งมากขึ้นทันทีที่ข่าวลือแพร่สะพัด ก็เป็นเสมือนเป็นการขว้างเปลวไฟใส่ ‘ระเบิด’ หนึ่งหมื่นตุน ทำให้มันระเบิดออกอย่างรวดเร็วผู้ประสบภัยนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้าสู่เมืองหลวงอย่างรวดเร็วหลังจากที่ฉินโจวลงจากภูเขา นางก็พบว่าองค์จักรพรรดิทำอะไรกับทหารม้า และทหารเจ็ดหมื่นนายที่ประจำการที่เมืองหลวง ซึ่งเขาออกคำสั่งให้ทหารเหล่านั้นขับไล่เหล่าผู้ประสบภัยออกไปนางเห็นด้วยตาตนเองว่าทหารใต้บังคับบัญชาของนางสร้างกำแพงมนุษย์อันแน่นหนา เมื่อผู้ประสภัยเดินทางเข้ามา พวกเขาก็จะโบกหอกเพื่อขับไล่คนเหล่านั้นออกไปผู้ประสบภัยมากกว่าสิบรายได้รับบาดเจ็บจากหอกทหารเหล่านั้นอยู่ใต้บังคับบัญชาของนาง แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะไม่ได้ฆ่าผู้ใด แต่เมื่อสถานการณ์รุนแรงขึ้นจะต้องมีการฆ่าแกงกันอย่างแน่นอนฉินโจวโกรธจัดจึงขี่ม้าเข้าไปขวางเอาไว้ “หยุด หยุดเ

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1160

    ฉินโจวกวาดสายตามองพลางเยาะเย้ยจื่ออันไม่สนใจนาง และพาหลินตานไปยังเขตตะวันตกภายในสองวันนี้มีผู้เสียชีวิตถึงสามคน ซึ่งทั้งหมดถูกหามออกไปหลังจากที่หลินตามเดินเข้ามาเขาหลั่งน้ำตาหลั่งน้ำตาขณะมองดูการเผาศพจื่ออันไม่คิดว่าเขาจะมีความอ่อนไหวมากเพียงนี้ “ท่านหมอหลิน ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”หลินตานปาดน้ำตา “ข้าขอโทษ ข้าเพียง... คิดถึงครอบครัวขอรับ”“ครอบครัวของท่าน? แล้วตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ใดหรือ?” จื่ออันถาม“ตายหมดแล้วขอรับ ภรรยาและลูกสะใภ้ของข้าตายเพราะเหตุแผ่นดินไหวทั้งคู่ ส่วนลูกชายและหลานชายติดเชื้อโรคระบาดก่อนตายไปเช่นกัน ข้าจึงเป็นคนเดียวที่เหลือรอด” หลินตานสูดหายใจเข้าลึก ใบหน้าที่อยู่ภายใต้ผมสีขาวฉายแววความเศร้าโศกและหดหู่จื่ออันไม่คาดคิดว่าเขาจะมาจากพื้นที่โรคระบาดเช่นกัน เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อย จื่ออันก็ไม่รู้จะปลอบใจเขาเช่นไร จึงได้แต่นิ่งเงียบและอยู่เคียงข้างไม่นานหลินตานก็ถามว่า “ท่านหมอเซี่ย โรคระบาดนี้สามารถรักษาหายได้จริงหรือขอรับ?”ตอนนั้นเองจื่ออันก็นึกได้ว่าเขาเป็นหมอเท้าเปล่า และหลังจากเดินทางพเนจรไปที่ต่าง ๆ เขาอาจรู้จักจินเย่าฉือก็เป็นได้ ดังนั้นจึงรีบถามว

DMCA.com Protection Status