Share

บทที่ 3

Author: จูน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
ก่อนที่หยวนซื่อจะแต่งงานกับมหาเสนาบดีเซี่ย นางเป็นหญิงสาวที่มีชื่อเสียง และมีความรู้จากการอ่านหนังสือมามากมาย แม้ไม่ถึงกับมีความรู้มากมายจนล้นฟ้า แต่นางก็เป็นหญิงสาวที่มีจิตใจงดงาม

นางมองไปยังใบหน้าของจื่ออัน ในใจทุกข์ทรมานมาก นางรู้ว่าลูกสาวของตนเองได้ตายไปแล้ว

แค้นครั้งนี้ที่ฆ่าลูกสาวนาง จะไม่ชำระได้อย่างไร?

วันที่สิบแปดเดือนห้า เซี่ยจื่ออันลูกสาวของมหาเสนาบดีเซี่ยได้แต่งงานกับท่านอ๋องเหลียง มู่หรงซิน งานแต่งใหญ่โตโอ่อ่าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ฟ้ายังไม่สว่าง จื่ออันก็ถูกปลุกขึ้นมาจากเตียง แต่งหน้าแต่งตัวทรงเครื่องพระราชทานสวยสดงดงามอย่างสง่า

ฺฮูหยินหลิงหลง และเซี่ยหว่านเอ๋อถึงกับเข้ามาดูด้วยตนเอง ตอนทีฺ่ฮูหยินหลิงหลงกำลังส่งจื่ออันออกนอกประตูไป ก็พูดเสียงต่ำว่า “ทางที่ดีที่สุดวันนี้เจ้าก็ทำตัวดี ๆ ขึ้นเกี้ยวไป มิเช่นนั้น เจ้าได้เจอดีแน่”

เซี่ยหว่านเอ๋อก็ก้าวขึ้นมา พร้อมพูดเยาะเย้ย “แม้เจ้าจะเป็นลูกสาวคนโตแล้วยังไงล่ะ? ยังไงก็ต้องแต่งกับคนพิการไม่ต่างกัน? ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเหลียงทั้งโหดร้ายและไร้ความปราณี ชอบทุบตีนางสนมเป็นพิเศษ ตำแหน่งชายาของเจ้านี้ ไม่รู้ว่าจะอยู่พ้นหนึ่งปีรึเปล่า? หากเจ้าตาย ก็น่าเสียดายจริง ๆ ที่คราวหลังจะไม่มีคนให้ข้าแกล้งแล้ว”

พูดจบก็ยิ้มพอใจอย่างเย่อหยิ่ง

ผ้าคลุมสีแดงคลุมลงมาจนถึงตาของจื่ออัน บดบังความรู้สึกเย็นยะเยือกที่ไม่ประสงค์ดีไว้

ตามประเพณีแล้ว ตอนที่จื่ออันจะออกจากประตูไปต้องอำลาผู้อาวุโสในบ้าน และท่านย่าก่อน

ในวังส่งนางข้าหลวงมาพาจื่ออันขึ้นเกี้ยว และอยู่ดำเนินพิธีการจนเสร็จสิ้นพร้อมกับจื่ออัน

ฮูหยินผู้เฒ่าพยายามอย่างหนักที่จะพูดด้วยความรักว่า “ต่อไปเจ้าแต่งงานเข้าวังไปแล้ว อย่าได้ทำตัวซุกซนเหมือนก่อนแต่งงาน ในฐานะชายา ต้องระวังทุกคำพูดและกิริยาท่าทาง สง่าผ่าเผย มีน้ำใจ และอย่าเป็นเหมือนเช่นแม่เจ้าเด็ดขาด ทั้งวันเอาแต่อิจฉาหึงหวง และรู้จักสร้างแต่ปัญหา”

ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ปล่อยโอกาสที่จะใส่ร้ายหยวนซื่อ แม้แต่ต่อหน้านางข้าหลวงในวังเยี่ยงนี้ เนื่องจากก่อนที่หยวนซื่อจะแต่งงานเข้ามาในสำนัก ด้วยชื่อเสียงนางที่โด่งดังจนเกินไป บวกกับพอเข้าสำนักมานางไม่มีลูกชายให้ ฮูหยินผู้เฒ่าจึงอยากปลดนางออกมานานแล้ว

จื่ออันกำหมัดเงียบ ๆ “หลานจะทำตามคำสั่งสอนของท่านย่าอย่างเคร่งครัด”

เธอยังคงทนรออย่างอืดอัดใจ รอการระเบิดที่จะมาถึงในอีกไม่นานอย่างใจเย็น...

เกี้ยวสีแดงอันใหญ่ประดับด้วยผ้าไหมอันล้ำค่ากำลังรออยู่หน้าประตูสำนัก สะพานโค้งประดับด้วยหินมรกต แสดงให้เห็นได้ชัดว่าเจ้าสาวมีฐานะที่ร่ำรวย กองเกียรติยศยืนอยู่สองข้างทาง เสียงขลุ่ยงานมงคลดังขึ้น ประทัดแถวยาว ถูกจุดทีละเส้นทีละเส้น จนถนนทั้งสายเป็นเต็มไปด้วยเศษขยะสีแดง

ฝ่ายเจ้าบ่าวท่านอ๋องเหลียงมู่หรงซินอยู่ในชุดเจ้าบ่าวนั่งบนหลังม้าขาวอย่างสง่างาม มือจับบังเหียนไว้ และมองแม่สื่อแบกเจ้าสาวเซี่ยจื่ออันด้วยสายตาที่เย่อหยิ่งออกไป

ขณะที่อยู่บนหลังม้าขาว ท่าทางของเขาน่าเกรงขาม และไม่เห็นอาการบาดเจ็บของขาที่พิการเลย ถ้าไม่รู้มาก่อนหน้านี้ เธอยังคิดอยู่เลยว่าเขาเป็นเพียงชายหนุ่มรูปงามที่มีชีวิตร่ำรวย ไม่ได้พิการแต่อย่างใด

องค์รัชทายาทมู่หรงเฉียวก็มาด้วยเช่นกัน เพื่อแสดงความยินดีกับพี่ชายของตน เขารู้สึกมีความสุขจริง ๆ ที่เซี่ยจื่ออันแต่งงานกับพี่ชายที่ไร้ค่าคนนั้น เพื่อที่ตนเองจะได้แต่งงานกับเซี่ยหว่านเอ๋ออย่างมีความสุข แค่ได้รับการสนับสนุนจากมหาเสนาบดี ก็เหมือนได้โลกทั้งใบมาอยู่ในมือ

ทั่วทุกสารทิศเต็มไปด้วยผู้คนและทหารล้อมเอาไว้จนเสียงดังวุ่นวายไปหมด วันนี้เป็นวันที่โอรสของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันซึ่งก็คือท่านอ๋องเหลียง อภิเษกสมรสกับลูกสาวของมหาเสนาบดีเซี่ย นับเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น

ขณะที่กำลังจะขึ้นไปบนเกี้ยว เจ้าสาวกลับกระโดดลงมาจากหลังของแม่สื่อทันที และฉีกผ้าคลุมหัวสีแดงทิ้ง จากนั้นโยนมันลงพื้น และป่าวประกาศอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่แต่ง!”

เหตุการณ์นี้ทำให้ทหารและผู้คนที่มาห้อมล้อมต่างตกใจ คุณหนูลูกมหาเสนาบดีบ้าไปแล้วหรืออย่างไร? ตอนนี้เกี้ยวก็มาถึงประตูแล้ว ยังจะมาเล่นแง่บอกไม่แต่งอะไรอีก?

ผู้คนเริ่มสังเกตเห็นความโกรธบนใบหน้าของท่านอ๋องเหลียงมู่หรงซิน ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นช้า ๆ อย่างชัดเจน

มหาเสนาบดีเซี่ยตื่นตกใจอยู่ครู่หนึ่ง นัยน์ตาฉายแววบึ้งตึง จากนั้นรีบก้าวเท้าเข้ามา หวังจะหยิบผ้าคลุมหัวสีแดงมาคลุมให้ แต่เซี่ยจื่ออันกลับถอยหลัง และมองเขาอย่างเยือกเย็น

“อย่าก่อเรื่องเลย วันนี้เป็นวันดีที่อ๋องเหลียงบุตรชายแท้ ๆ ขององค์จักรพรรดิ์จะได้แต่งงานกับบุตรสาวของมหาเสนาบดีเซี่ยเช่นเจ้าและท่านอ๋องเหลียง อย่าทำให้วุ่นวาย” สีหน้าของมหาเสนาบดีเซี่ยเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คิดไม่ถึงเพราะสองสามวันนี้นางก็เชื่อฟังดี แต่กลับเก็บไว้เพื่อก่อเรื่องวันนี้ เขาประมาทเกินไปจริง ๆ

วันนี้เพื่อนร่วมงานอก็อยู่กันเต็มไปหมด ช่างขายหน้าจริง ๆ

จื่ออันแบกรอยแผลไว้ทั่วตัว เธอถอดเฟิ่งกวานมงกุฏแต่งงานออก แล้วเดินกะโผลกกะเผลกไปยืนข้างหน้าม้า คุกเข่าลงต่อหน้าท่านอ๋องเหลียง เชยคางขึ้นด้วยท่าทางดื้อดึง “ท่านอ๋องเหลียงเพคะ วันนี้หม่อมฉันไม่ได้มีเจตนาทำให้พระองค์เสียหน้า ที่หม่อมฉันต้องล้มงานอภิเษกก็เพราะไม่มีทางเลือก ท่านพ่อและองค์รัชทายาทใช้ไม้กระบองบังคับขู่เข็ญหม่อมฉัน และยังตั้งข้อหากุเรื่องว่าแม่ของหม่อมฉันคบชู้และจะปลดนางออก จึงบังคับให้หม่อมฉันอภิเษกกับพระองค์ เพื่อที่ว่าน้องสาวหม่อมฉัน เซี่ยหว่านเอ๋อจะได้แต่งงานเป็นสนมขององค์รัชทายาท หม่อมฉันไม่อยากให้พระองค์ถูกคนพวกนั้นใช้เป็นเครื่องมือ จึงออกมาประกาศล้มเลิกงานอภิเษกวันนี้เพคะ หม่อมฉันก็ยินดีรับโทษจากท่านอ๋องเหลียงและฮองเฮา ต่อให้ตายพันครั้งก็จะไม่ว่าอะไรเพคะ!”

ท่านอ๋องเหลียงเห็นตอนที่จื่ออันเดินกะโผลกกะเผลกเข้ามา ความโกรธก็พุ่งขึ้นมา เขาเงยหน้าด้วยสายตาที่มืดมน จ้องไปยังมหาเสนาบดีเซี่ย และตอบอย่างเย็นชา “ ดีมาก ดีมาก นับว่าข้าได้เห็นวิธีการอุบายของท่านแล้วท่านมหาเสนาบดี”

มู่หรงเฉียวคิดไม่ถึงว่าเซี่ยจื่ออันจะปฏิเสธที่จะขึ้นเกี้ยวต่อหน้าเชื้อพระวงศ์ ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ พลเรือนประชาชีและเหล่าทหาร ซ้ำยังเอาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานออกมาพูด เขาโกรธจนถึงขีดสุด ก้าวขึ้นมาถีบจื่ออันจนล้ม “นังแพศยา เจ้าพูดเรื่องไรสาระอะไรกัน?”

มหาเสนาบดีเซี่ยเองแสดงอาการเจ็บใจออกมาทางสีหน้า และกล่าวด้วยความโกรธว่า “นังปีศาจ ที่เจ้าได้แต่งงานกับท่านอ๋อง ก็เพราะเจ้าข้อร้องอ้อนวอนมาเอง ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่ยอม เจ้าพยายามจะเป็นจะตายให้ได้เข้าไปเป็นสนมในวัง ที่เจ้าโต้เถียงร้อนรนอยู่ตอนนี้ ใครเป็นคนสอนเจ้ากันแน่!!! ใช่แม่ของเจ้าหรือเปล่าที่โหยหาอยากจะให้เจ้าแต่งงานกับองค์รัชทายาท เพื่อที่วันข้างหน้าจะได้เป็นเป็นใหญ่เป็นโต! พ่อเคยบอกเจ้าแต่แรกแล้ว ว่าอย่าได้โลภเช่นนี้ การได้รับความโปรดปราณจากิท่านอ๋องเหลียง ก็เป็นบุญที่เจ้าสร้างสมมาสามชาติแล้ว!”

ผู้คนที่ได้ฟังดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะมองเซี่ยจื่ออันอย่างคลางแคลงใจ แม้ว่ามหาเสนาบดีเป็นคนไม่ซื่อตรงต่อคนเท่าไหร่ แต่ในฐานะพ่อคนหนึ่งก็ไม่น่าจะทำเรื่องที่ใช้กำลังบีบบังคับลูก เป็นไปได้ไหมที่จะมีเรื่องภายในที่ใครก็ไม่รู้จริง ๆ ?

คิด ๆ ดูว่าแม่ของเซี่ยจื่ออันนั้นก็เคยเป็นหญิงที่หวังสูงมาก่อน เป็นไปได้ไหมว่านางคิดที่อยากจะให้ลูกสาวตัวเองแต่งงานกับองค์รัชทายาทเพื่อที่วันข้างหน้า นางจะได้ทะยานสู่ตำแหน่งอันสูงส่งต่อไป?

ฝ่ายหนึ่งก็เป็นสมาชิกตำแหน่งสูงสุดของยุคสมัยนี้ อีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นหญิงสาวและหญิงแต่งงานแล้วที่เอาแต่เก็บตัว มองตามความเป็นจริง แน่นอนว่าคนต้องยอมเชื่อมหาเสนาบดีมากกว่า

จื่ออันเห็นผู้คนที่มองมาด้วยสายตาดูถูก แต่สีหน้าเธอก็ยังคงเดิม เธอหยิบใบหย่าออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “ใบหย่าใบนี้เป็นสิ่งที่ท่านพ่อทิ้งไว้เมื่อวาน ท่านพ่อพูดว่า หากข้ายอมขึ้นเกี้ยว ใบหย่าใบนี้ก็จะถูกทำลาย หากไม่ขึ้นก็จะเอาใบหย่านี้มาป่าวประกาศให้โลกรู้ และพิจารณาถึงความผิดแม่ข้า”

แค่ท่านอ๋องเหลียงยกมือขึ้น ก็มีคนก้าวมารับใบหย่าจากมือเธอไปส่งให้ท่านอ๋องเหลียงทันที

ท่านอ๋องเหลียงพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยื่นมือออกไปและทิ้งใบหย่าลงบนพื้นอย่างง่ายดาย คนที่มุงอยู่ตาแหลม ก็รีบอ่านเนื้อหาในใบหย่าทันที

ทุกคนอยู่ในความตกใจ ตัวอักษรแต่ละตัวในใบหย่านี้ดูไร้หัวใจ สิ่งที่เซี่ยจื่ออันพูดมาทั้งหมดดูเหมือนจะจริง

สีหน้ามหาเสนาบดีเซี่ยเดี๋ยวดำเดี๋ยวขาว เขาไม่คิดไม่ฝันว่าเซี่ยจื่ออันจะกล้าเอาใบหย่านี้ออกมาประกาศให้โลกรู้จริง ๆ ที่เมื่อวานทิ้งใบหย่านี้ไว้ ก็เพื่อที่ตนจะใช้กดดันนาง ทำให้นางเชื่อฟัง แต่วันนี้กลับกลายเป็นข้อผูกมัดเสียแล้ว

ใบหน้าของท่านอ๋องเหลียงมองเซื่ยจื่ออันอย่างไร้อารมณ์ “เจ้าปฏิเสธที่จะขึ้นเกี้ยวและล้มงานอภิเษก เรื่องนี้ฮองเฮาจะเป็นจัดการ เจ้ารอไปก่อน”

พูดจบเขามององค์รัชทายาทมู่หรงเฉียวอย่างเฉยเมย กล่าวว่า “องค์รัชทายาท ของมงคลจากเจ้าและมหาเสนาบดี ข้าได้รับและจะจำใส่ใจเอาไว้เสมอ!”

ทั้งมู่หรงเฉียว และมหาเสนาบดีต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป

ตรงระเบียงฝั่งตรงข้ามสำนัก มีบุรุษสวมชุดคลุมจิ่นผาวสีดำยืนอยู่ มีใบหน้าเย็นชา คิ้วโก่งดั่งคันศร นัยน์ตาราวกับทะเลลึก เขาหันหน้ายืนรับลม ท่าทางสูงส่งน่าเกรงขาม กำลังมองพิจารณาทุกสิ่งอย่างตรงหน้า

“ท่านอ๋อง ท่านอยากลงไปช่วยท่านอ๋องเหลียงสักหน่อยรึไม่พะย่ะค่ะ ? น่าอับอายเช่นนี้ ข้าเกรงว่าตอนนี้ท่านอ๋องเหลียงคงใกล้จะเป็นบ้าตายแล้ว”ทหารองค์รักษ์สวมชุดสีดำกล่าว

บุรุษผู้นั้นส่ายหัวช้า ๆ มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างเยือกเย็น “มองดูคึกครื้นดี ไม่ใช่เรื่องใหญ่!”

คนที่กล้าต่อว่าองค์รัชทายาทมีอยู่ไม่กี่คน สาวน้อยคนนี้ช่างซื่อตรง แต่น่าเสียดายที่คนซื่อตรง มักจะตาอย่างอนาถเสมอ...

Related chapters

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 4

    มหาเสนาบดีเซี่ยเห็นว่าท่านอ๋องเหลียงเดินจากไปแล้ว จู่ ๆ ก็รู้สึกกระวนกระวายใจ จึงมองไปยังองค์รัชทายาทมู่หรงอย่างอดไม่ได้ มู่หรงเฉียวก็โกรธมาก คิดไม่ถึงว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างไร้ประสิทธิภาพขนาดนี้ แม้แต่ลูกสาวตนเองก็จัดการไม่ได้ มีที่ไหนยังยอมยืนเสียหน้าอยู่ตรงนี้อีก? จากนั้นก็หันหลังขึ้นม้าไปอย่างเย็นชา และควบม้าออกไปขบวนเกียรติยศรับเจ้าสาวและองค์รัชทายาท แน่นอนว่าต่างพากันกลับหมด เพียงพริบตาเดียวความคึกคักที่อยู่ทั่วตำหนักก็หลงเหลือเพียงอากาศมหาเสนาบดีเซี่ย และฮูหยินหลิงหลงก็ไม่รู้แล้วว่าจะต้องจัดการกับสถานการณ์ภายใต้สายตาของผู้คนนี้ได้อย่างไร ในความโกลาหลกลับเป็นฮูหยินผู้เฒ่าที่เดินออกมากล่าวขอโทษผู้คนอย่างสำรวมสง่างาม “วันนี้สร้างความลำบากให้แก่ทุกท่านจริง ๆ เชิญพวกท่านกลับไปก่อนเถิด แล้ววันหลังข้าจะตามไปขอโทษด้วยตนเองถึงที่”เมื่อผู้คนเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าเชิญให้แขกกลับแล้ว รู้ว่าไม่มีอะไรให้ดูต่ออีก การที่เซี่ยจื่ออันปฏิเสธการขึ้นเกี้ยวแบบนี้ ก็ทำให้ท่านมหาเสนาบดีเสียหน้าไม่น้อย กลัวก็แต่จะจบไม่ดีนัก…อีกอย่างการที่เธอปฏิเสธการขึ้นเกี้ยวเรื่องนี้ฮองเฮาต้องการไต่สว

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 5

    จื่ออันยังคงนั่งคุกเข่าอย่างนั้น อากาศกลางเดือนพฤษภาคมนั้นร้อนมาก ดวงอาทิตย์แผดเผาอย่างร้อนแรงอยู่ตรงกลางหัวเธอ เลือดที่อยู่บนหน้าผากหยุดไหลแล้ว เหงื่อไหลผ่านรอยแผลที่เกิดจากการเฆี่ยนตีสร้างความปวดแสบเป็นอย่างมากคุกเข่ามาแล้วหนึ่งชั่วยาม จนเธอรู้สึกว่าไม่สามารถประคองตัวได้อีก และร่างกายของเธอก็สั่นคลอนสาวรับใช้ที่คอยมาตรวจตราดูเธอ เห็นว่าเธอคุกเข่าไม่ดี ก็เตะเธอไปทีหนึ่ง เตะจนจื่ออันมึนจนเกือบจะสลบไปความเกลียดชังเกิดขึ้นในตาของเธอ สองมือกำหมัดแน่น พลางกวาดขาข้างหนึ่งไปทางสาวรับใช้คนนั้น สาวรับใช้ไม่ทันได้ป้องกันตอนเธอกวาดเท้าออกมา จึงล้มตุบและหัวกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง จื่ออันใช้มือบีบคอของนาง พูดด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม “เจ้าก็แค่ทาสรับใช้คนหนึ่ง กล้ารังแกข้ารึ? อยากตายรึไง!”“คุณหนู…” สาวรับใช้มองไปในดวงตาของเธอก็ตกใจ นางเสียสติอยู่นานกว่าจะตอบกลับ “นายท่านสั่งให้ข้ามาตรวจตราคุณหนู คุณหนูจะไม่เชื่อฟังคำสั่งของนายท่านหรือเจ้าคะ?”จื่ออันหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น แล้วมาคุกเข่าลงบนแขนของนาง จากนั้นออกแรงกดเข่าลงไป จนสาวรับใช้เจ็บจนต้องร้องออกมาเสียงดังจื่ออันแสดงออกอย่างเยือกเย็

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 6

    เธอเช็ดเลือดและเหงื่อบริเวณหน้าผาก จากนั้นก็สวมเสื้อ แล้วจึงตามนางข้าหลวงของฮองเฮาเข้าไปข้างในความงดงามของพระราชวังนั้นตรงกันข้ามกับความซอมซ่อและความจนตรอกของเธออย่างสื้นเชิง เธอพยายามย่ำเท้าเดินตามไปอย่างสงบเสงี่ยม ทีละก้าว ทีละก้าว จนรู้สึกว่าลำบากยากเย็นเสียเหลือเกินข้างหน้ามีเงาคนเคลื่อนไหวไปมา แต่แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่เงาเคลื่อนไหวของผู้ใด กลับเป็นตัวเธอเองที่รู้สึกเหวียนหัวจนตาลาย ดังนั้นเธอจึงมองเห็นอย่างเลือนลางว่ามีคนสามคนกำลังนั่งอยู่ในตำหนัก คนตรงกลางสวมใส่ผ้าไหมปักเงินปักทองชาววังสีแดง มัดมวยผมสูง เพียงแค่ชำเลืองมอง ก็รู้สึกว่างามสง่ามากทีเดียวเธอคุกเข่าลงบนพื้น “หม่อมฉันเซี่ยจื่ออัน ขอเข้าเฝ้าฮองเฮาเพคะ”ภายในตำหนักเงียบสงัด แม้แต่เสียงหายใจก็ไม่ได้ยิน โคมไฟบนผนังส่องสว่างผ่านฝาเคลือบสีออกมาได้อย่างสวยงาม สะท้อนทุกสิ่งทุกอย่าง ราวกับเป็นดินแดนมหัศจรรย์ผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงนางหนึ่งที่แทบจะไร้อารมณ์และแสนจะเย็นชาดังขึ้น “เงยหน้า” เซี่ยจื่ออันใช้มือทั้งสองพยุงตัวขึ้น และเงยหน้าอย่างช้า ๆดวงตาอันแหลมคมและโหดร้ายจ้องมาที่เธอ นัยน์ตาเป็นสีฟ้าเข้ม

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 7

    ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิกลับค่อย ๆ เบะริมฝีปากหัวเราะเยาะเซี่ยจื่ออัน แม้ว่าเจ้าจะฉลาด แต่ก็กลับอวดฉลาดด้วยเช่นกัน เจ้าคิดว่าที่เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นหมันนั้น แล้วฮองเฮาจะยอมแพ้และลงโทษมหาเสนาบดีหรอกหรือ ไม่เลยนั่นเป็นข้อห้ามของอ๋องเหลียง ดังนั้นหยุดเสียเถอะ ไม่เช่นนั้นเขาจะคิดว่าที่เจ้าบอกว่าตนเองเป็นหมันคือ การกำลังตีวัวกระทบคราดอ๋องเหลียงจ้องมายังจื่ออันอย่างดุร้าย “หากหมอหลวงตรวจพบว่าเจ้าโกหก ข้าจะแทงเจ้าด้วยมีดพันเล่มทีเดียว”ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิส่ายหัวเล็กน้อย มองไปยังใบหน้าที่ตกใจอย่างเฉียบพลัน ดูท่าชีวิตของหญิงสาวผู้นี้คงจบสิ้นแล้วกระมังอ๋องเหลียงเริ่มมีท่าทีแปลก ๆ เขาตัวสั่นเทา เริ่มจากปากไปถึงร่ายกายที่ค่อย ๆ สั่นขึ้น ๆ สีหน้าเริ่มเปลี่ยนจากซีดเป็นเขียว ริมฝีปากเริ่มม่วงทันใดนั้น เขาก็ล้มลงกับพื้น ร่างกายแข็งทื่อ เท้าพยายามถีบไปข้างหน้า ใบหน้าชักกระตุก ร่างกายกระตุกและเกร็งมู่หรงเจี๋ยพร้อมกับฮองเฮาล้วนตกใจกับเหตการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ฮองเฮารีบวิ่งพรวดเข้าไป ตะโกนด้วยความตกใจสุดขีด “หมอหลวง เร็วเข้า!”จื่ออันเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ก็รู้ทันทีว่าอาการลมช

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 8

    คำพูดของเซี่ยจื่ออันที่ว่า “ไม่ต้องการเห็นฝ่าบาทอาการกำเริบ หรือร่างกายบาดเจ็บอีก” ชวนให้รู้สึกสนใจว่า จริง ๆ วันนี้เซี่ยจื่ออันเป็นบุคคลที่น่ายกย่องทีเดียว ตอนที่อาการฝ่าบาทกำเริบ ก็ได้นางที่รีบเข้ามาช่วย ส่วนถ้อยคำที่นางแก้ตัว ก็ล้วนเป็นความจริง มีคนรายงานเหตุการณ์วันนี้ในจวนมหาเสนาบดีได้รับทราบแล้ว เซี่ยจื่ออันมิได้พูดโกหก เห็นได้ว่านางทั้งซื่อสัตย์และมีสัจจะ คำพูดเกี่ยวกับการฝังเข็มก็ไม่น่าเป็นเรื่องที่ถูกปั้นขึ้นมาเช่นกันในความเป็นจริง นางจะไม่พูดก็ได้ เหตุใดจึงหาเรื่องใส่ตัว นางเองก็พลอยมีเรื่องร้าย ๆ กับตัวมากพออยู่แล้วหมอหลวงลังเลสองจิตสองใจขึ้นมา “ฮองเฮา วิธีการฝังเข็มที่หูได้ผลพ่ะย่ะค่ะ ทว่าประสิทธิผลจะเป็นอย่างไร ยังไม่สามารถตรวจดูได้อย่างละเอียด อีกทั้งต้องระวังให้มากเป็นพิเศษ เมื่อฝังเข็มที่หูหรือศีรษะ เพราะหากเลือกบริเวณฝังเข็มผิด หรือกลศาสตร์ของเข็มเอียงไม่ถูกต้อง อาจก่อให้เกิดผลที่ร้ายแรงตามมา”จื่ออันได้ยินคำกล่าวนั้น ริมฝีปากก็ขยับ เธอก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย ยังไม่กล้าเอ่ยคำพูดใด ๆฮองเฮาจ้องมาที่นางอีกครั้ง พร้อมกับไตร่ตรองประเดี๋ยวเดียว แล้วจึงเอ่ยว่า “เจ้าเข้าไ

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 9

    ภายในใจของจื่ออันไม่สงบสุขและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ นางทำได้เพียงคำนับและพูดว่า “เพคะ หม่อมฉันรับทราบ”ฮองเฮาเงยหน้าขึ้น ดวงตาไม่อ่อนโยนเหมือนเมื่อครู่นี้ กลับกลายเป็นสีหน้าแสนดุดัน “ครั้งนี้เจ้าใช้ืท่านอ๋องเหลียงเป็นเครื่องมือ มิหนำซ้ำยังทำลายชื่อเสียงของพระองค์ ทางราชสำนักควรลงโทษเจ้าอย่างสาสม แต่พอมาคิดดูว่าที่เจ้าวางแผนทำลงไปก็เพื่อแม่ของเจ้า ข้าคิดว่าการลงโทษสถานเบานั้นก็เพียงพอ เข้ามา เตรียมสมุนไพรดอกคำฝอยหนึ่งชามให้นางดื่มเสีย”อารมณ์โกรธของจื่ออันทะยานสูงขึ้นทันที ร่างกายของเธออ่อนแรงมากแล้ว อีกทั้งชีพจรยังเต้นผิดจังหวะ การตั้งครรภ์จึงถือว่าเป็นเรื่องยากมาก เมื่อกินสมุนไพรดอกคำฝอยลงไป เธอก็ต้องล้มเลิกความหวังไปพระสนมของผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิมู่หรงเจี๋ย คือคนที่ไม่อาจตั้งครรภ์ได้เป็นหญิงอำมหิตอะไรเช่นนี้แม้จื่ออันจะไม่ใส่ใจว่าเธอจะตั้งครรภ์ได้หรือไม่ เธอเพียงต้องการมีชีวิตรอด ทว่าก็ยังโกรธฮองเฮาแมนจูผู้นี้อยู่ดีทว่า ณ ตอนนี้เธอไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ด้วยนิสัยของเธอ เธอจะฆ่าฮองเฮาโดยมิลังเลใจเป็นแน่ ทว่าตอนนี้เธอยังไม่สามารถดูแลตัวเองได้ มิหนำซ้ำยังต้องมา

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 10

    จื่ออันถึงจวนในช่วงดึก ประตูใหญ่ถูกปิดอยู่ จึงไม่มีคนเข้าเวรยาม เธอจึงนั่งลงที่บันไดหินอ่อน ร่างของเธอค่อย ๆ ทรุดลงร่างกายของเธอไม่มีแรงสักนิด ทั้งหิว ทั้งเหนื่อย ทั้งเจ็บปวดแทบจะแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆเธอไม่มีแม้แต่แรงจะเคาะประตู แถมยังรู้อยู่แก่ใจว่าถึงเคาะก็ไม่มีใครมาเปิดประตูให้เธอนอนลงที่บันไดหิน แผ่นหลังสัมผัสจากความหนาวเหน็บ เธอเงยหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้า ดวงดาวแพรวพราวระยิบระยับ ช่างสวยงามเสียนี่กระไรจักรวาลอันแสนกว้างใหญ่ สามารถบรรจุสิ่งต่าง ๆ ได้มหาศาล ทว่าไม่มีทางจะบรรจุชีวิตที่ต้องดิ้นรนลงไปได้เป็นแน่“คุณหนู คุณหนูใหญ่กลับมาแล้วขอรับ อยู่ที่หน้าประตู ให้ข้าไปเปิดประตูไหมขอรับ?” ผู้เฝ้าประตูถามเบา ๆเซี่ยหว่านเอ๋อหัวเราะอย่างมีเลศนัย “เปิดทำไมรึ นอนตรงนั้นไปเสีย ดึกแล้ว หาได้จำเป็นไม่”ข้ารับใช้รู้ดีว่าคุณหนูใหญ่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่แทบจะหมดหวัง ยิ่งกว่านั้นก็ไม่เคยได้รับยศถาบรรดาศักดิ์ใด ๆ มาก่อน แทบจะถือเป็นคนรับใช้ก็ว่าได้ เขาเพียงทำได้แค่ต้องมองที่ใบหน้าผู้ที่มีอำนาจกว่าเท่านั้น“ขอรับ คุณหนูรอง” ผู้เฝ้าประตูตอบรับเซี่ยหว่านเอ๋อขำอย่างร้ายกาจ พูดกับสาวใช้ที่อยู่ข

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 11

    จื่ออานทำท่าทางให้เสี่ยวซุนออกไปเสี่ยวซุนนำน้ำออกไป และจึงยื่นมือปิดประตู“ท่านแม่ ท่านไม่ต้องห่วง ข้าเคยศึกษาวิชาแพทย์ และการฝังเข็มมาก่อน ข้ามั่นใจ” จื่ออานพูดเบา ๆเซี่ยฟูเหรินพยักหน้าเล็กน้อย เธอยื่นมือออกไปลูบผมหล่อน “ลูกเอ๋ย แม่ทำให้เจ้าลำบากเสียแล้ว เจ้าอยู่แทนจื่ออาน มิหนำซ้ำยังต้องมาทนทุกข์กับสิ่งที่นางควรจะต้องทนเอง ไม่ยุติธรรมเสียเลย”“ข้ามีความสุขดี!” จื่ออานยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างน้อย ในท้ายที่สุดเธอก็ไม่ใช่เด็กตัวคนเดียวอีกต่อไปเมื่อวาน เซี่ยฟูเหรินรู้ว่านางไม่ใช่ลูกสาวของตัวเอง จำได้ว่าเซี่ยฟูเหรินจับมือนางด้วยท่าทางเย็นชาราวกับประติมากรรมน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้นจากนั้นเธอก็พูดว่า “ข้าต้องการล้างแค้นให้ลูกสาวของข้า”เสียงที่แสนแผ่วเบา แต่กลับกัดฟันด้วยความเกลียดชังวันนี้สิ่งที่พวกเขาต้องป้องกันอย่างเข้มงวดในตอนนี้คือ พวกเขาไม่สามารถถูกเสนาบดีสังหารได้ภายในสองสามวันนี้ณ เซี่ยจื่อหย่วน หญิงรับใช้สองคนและเสี่ยวซุน กำลังปรนนิบัติรับใช้นาง ส่วนชู่อวี่กำลังรับใช้แม่ของนาง ทว่าชู่อวี่มีจิตใจมักใหญ่ใฝ่สูง และเย่อหยิ่งมาก จื่ออานอ่านคนมามากมาย เพียงแค่เธอมองก็รู้ว่า

Latest chapter

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1168

    ร่างกายของแม่ทัพเฒ่าฉินสั่นสะท้านด้วยความโกรธ “เจ้าสาปแช่งปู่รึ เจ้าเคยคำนึงถึงญาติพี่น้องหรือไม่?”เมื่อหมอหลวงมาถึง กลับไม่มีคนในตระกูลฉินคอยเฝ้าเขาอยู่ในห้อง ดังนั้นจึงมีเพียงแต่บ่าวรับใช้หลังจากตรวจสอบอาการเสร็จ หมอหลวงก็กล่าวด้วยสีหน้าตกตะลึง “ท่านแม่ทัพเฒ่า เมื่อไม่กี่วันมานี้ท่านได้ไปที่ใดมา? แล้วท่านเคยเข้าไปในพื้นที่โรคระบาดหรือไม่?” “ไม่เคย ข้าไม่เคยไปที่นั่น” สีหน้าของแม่ทัพเฒ่าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของหมอหลวง “ท่านกำลังสงสัยว่าข้าติดเชื้อโรคระบาดใช่หรือไม่?”“อาการช่างคล้ายคลึงกันยิ่งนัก” หมอกลวงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด“เป็นไปไม่ได้!” แม่ทัพเฒ่าฉินรู้สึกตื่นตระหนกอย่างมาก “ท่านวินิจฉัยผิดหรือไม่?”“ข้าจะจัดยาให้ท่านสองชนิดก่อน หากดื่มยาเหล่านี้แล้วไม่ได้ผล เช่นนั้นไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแล้วขอรับ” หมอหลวงกล่าวแม่ทัพเฒ่าฉินกล่าวด้วยความลนลาน “ฉินโจวบังคับให้ท่านพูดเช่นนี้ใช่หรือไม่?”หมอหลวงรู้สึกประหลาดใจ “แม่ทัพเฒ่า ท่านหมายความว่าอย่างไร? เหตุใดแม่ทัพฉินถึงต้องบังคับให้ข้าพูดเช่นนี้?”หมอหลวงชะงักไปชั่วครู่หนึ่งแล้วโพล่งถาม “ท่านเคยพูดคุยกับองค์ชายเ

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1167

    นางสามารถเสียสละได้ แต่จะไม่มีทางทรยศต่อประชาชนเป่ยโม่เด็ดขาดสำหรับความจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิและประเทศชาติ นางจะต้องรักประชาชนก่อน จึงจะสามารถภักดีต่อองค์จักรพรรดิได้ฉินโจวกล่าวคำเบา “ข้าเข้าไปในพระราชวังเพื่อเชิญหมอหลวงแล้ว ท่านปู่พักผ่อนก่อนเถิด ข้าจะออกไปเดินเล่นรับลมสักหน่อย”ดวงตาของแม่ทัพเฒ่าฉินอัดแน่นด้วยความโกรธ แต่ก็พยายามอย่างหนักเพื่อระงับมันฉินโจวเดินออกจากห้อง และเห็นว่าฉินเป้าน้องชายของตนนั่งอยู่ที่สวน เมื่อเห็นนางเดินออกมา เขาก็ถามว่า “ท่านปู่เป็นอย่างไรบ้าง?”ฉินโจวจำคำพูดของท่านปู่ได้อย่างแม่นยำ จึงเมินเฉยต่อเขาและตอบอย่างใจเย็น “เข้าไปดูด้วยตนเองสิ”ฉินเป้าคลี่ยิ้ม แต่มันกลับดูอ้างว้างอย่างยิ่ง “ข้าได้ยินสิ่งที่ท่านปู่พูดกับท่านแล้ว ข้าไม่อยากเข้าไป”ฉินโจวตกตะลึง “เพราะเหตุใด เขาทุ่มเทความพยายามทั้งหมดไปกับหารวางแผนเพื่อเจ้า เจ้าควรขอบคุณท่านปู่สิ”ฉินเป้าหัวเราะเยาะ “จริงรึ? หากเขาทอดทิ้งท่านเพื่อตระกูลได้ ในอนาคตเขาจะไม่ทอดทิ้งข้าหรือ? ข้าไม่ต้องการชื่อเสียงหรือความดีงามใด ๆ พวกมันไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการเลย”ฉินโจวดูถูกน้องชายมาโดยตลอด เพราะเขาไม่ได

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1166

    ทั้งสองคนเดินออกไปและหยุดอยู่บนทางเดิน หมอมองฉินโจวพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ท่านแม่ทัพ ข้ากำลังสงสัยว่าท่านแม่ทัพเฒ่าจะป่วยด้วยโรคระบาดขอรับ”ฉินโจวตกตะลึง “โรคระบาด? เป็นไปได้อย่างไร? ปู่ของข้าไม่เคยออกไปข้างนอก และไม่เคยติดต่อกับผู้ป่วยโรคนี้เลย แล้วเขาจะติดเชื้อโรคระบาดได้อย่างไร?”“ข้าเคยรักษาผู้ป่วยโรคระบาดมาก่อน ซึ่งอาการคล้ายคลึงกันอย่างมาก ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ไอ ตาแดง หายใจเร็วขึ้น เมื่อเกิดอาการเหล่านี้พร้อมกันจะอันตรายอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นโรคนี้ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดขอรับ” หมอกล่าว“เป็นไปไม่ได้ หากจะติดเชื้อโรคระบาดก็ต้องสัมผัสกับผู้ป่วยที่มีเชื้ออยู่แล้ว แต่ท่านปู่ของข้าไม่เคยใกล้ชิดคนเหล่านั้นเลย แล้วเขาจะติดเชื้อได้อย่างไร?” ฉินโจวยังคงไม่เชื่อหมอประสานหมัด “ทั้งหมดนี้คือคำวินิจฉัยของข้า หากท่านแม่ทัพไม่เชื่อ ก็สามารถขอให้หมอคนอื่นมาตรวจดูได้ หรือท่านจะพาเขาไปที่พระราชวัง และขอให้หมอหลวงช่วยตรวจอาการ ข้าไร้ความสามารถ จึงอาจวินิจฉัยผิดพลาดได้ ลาก่อนขอรับ ๆ!”สิ้นคำ หมอก็หยิบกล่องยาแล้วออกไปโดยไม่เขียนใบสั่งยาด้วยซ้ำฉินโจวสับสนไม่น้อย ท่านปู่ติดเชื้อโร

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1165

    หัวใจของฉินโจวเย็นเยียบราวกับน้ำ “ใช่ ตราบใดที่ข้าตายในสนามรบ ตระกูลฉินก็ยังจะเป็นผู้กล้า และเป็นขุนนางผู้มีเกียรติ”แม่ทัพเฒ่าฉินเงียบไปครู่ใหญ่ จากนั้นกล่าวคำเบา “ในฐานะหลานสาวตระกูลฉิน มันเป็นหน้าที่ของเจ้าที่ต้องเสียสละเพื่อชื่อเสียง และรากฐานของตระกูล”ฉินโจวกำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจ “หลายปีที่ผ่านมานี้ ข้ายังทำไม่พออีกหรือ? ตอนนี้มีใครในตระกูลฉินบ้างที่ไม่เกาะกินเลือดนี้ของข้า?”แม่ทัพเฒ่าฉินลุกยืนขึ้นพลางกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าเคยเตือนเจ้าแล้ว คราวนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เจ้าจะต้องเข้าไปในพระราชวัง ข้าให้คำมั่นกับฮองเฮาเฉาแล้ว ว่าวันนี้เจ้าจะไปที่นั่นเพื่อทูลขอรับคำสั่ง หากเจ้าไม่ไป ข้าก็จะรับคำสั่งและออกรบด้วยตนเอง”“ท่าน...” ฉินโจวมองเขาด้วยสายตาโศกเศร้า “ท่านปู่ ข้าก็เป็นหลานสาวของท่านเหมือนกัน ท่านไม่สงสารข้าบ้างหรือ?”“ปู่สงสารเจ้าสิ แต่ภารกิจหน้าที่ของตระกูลฉินจะต้องถูกส่งต่อ ตอนนี้น้องชายของเจ้าโตพอแล้ว เจ้าจะต้องพาเขาไปสร้างความสำเร็จทางการทหารด้วย และเจ้าจะได้รับส่วนแบ่งของน้องเจ้า เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลฉินก็จะได้ผู้สืบทอดคนใหม่”ฉินโจวผงะไปชั่วครู่ ก่อนระเบิดหัวเราะ

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1164

    เมื่อได้ยินคำพูดของฉินโจว แม่ทัพเฒ่าฉินก็โมโหมากจนเคราสั่นสะท้าน “อาโจว อะไรจะสำคัญไปกว่าการบรรลุเป้าหมายอันยิ่งใหญ่? องค์จักรพรรดิเพียงต้องการขยายอาณาเขตของแคว้น เจ้าควรรู้เอาไว้ว่าเมื่อเรายึดครองต้าโจวสำเร็จ เป่ยโม่จะมีพื้นที่เพิ่มมากกว่าครึ่งหนึ่ง และมันจะเป็นความดีความชอบของตระกูลฉิน ทำให้ตระกูลของเราถูกจดจำไปหลายชั่วอายุคน! นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องการมาตลอดรึ? เจ้าไม่ต้องการบอกคนทั้งโลก ว่าแม้ฉินโจวจะเป็นสตรี แต่นางก็สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างผ่าเผยหรือ?”ฉินโจวมองดูใบหน้าที่ฉายแววตื่นเต้นปนโกรธเกรี้ยวของปู่ ทันใดนั้นนางก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติถูกต้อง มันคือความต้องการของนาง แต่ความสำเร็จของนางจะต้องไม่แลกกับการเหยียบย่ำกระดูกของประชาชนชาวเป่ยโม่นางรักเป่ยโม่และหวังที่จะขยายอาณาเขตของแคว้น นอกจากนี้นางยังต้องการเสาะหาดินแดนอุดมสมบูรณ์เพื่อประชาชน เพราะหวังว่าพวกเขาจะสามารถอยู่อาศัยและทำกินอย่างสงบสุข และพึงพอใจโดยไม่ต้องทนทุกข์จากการพลัดถิ่นอย่างไรก็ตาม ในตอนนี้หากต้องการบรรลุอำนาจ นางจำต้องสละชีวิตประชาชนจำนวนมาก และนำเงินภาษีของทุกคนมาใช้ในการทำสงคราม ทำให้โรคร

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1163

    มือสังหารเหล่านั้นแต่งกายคล้ายกับชาวต้าโจวและสวมหน้ากากผ้าสีดำ กลุ่มคนนิรนามราวเจ็ดถึงแปดคนกระโดดลงมาจากท้องฟ้ากลางวันแสก ๆ ทันทีที่เท้าของคนเหล่านั้นแตะพื้น พวกมันก็เริ่มโจมตีอย่างดุดันฉินโจวเห็นมือสังหารคนหนึ่งกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับกระบี่ยาว จากนั้นร่ายรำอยู่หลายกระบวนท่าราวกับนางฟ้าโปรยดอกไม้ ขณะแสงแดดตกกระทบกระบี่ส่องกระจายไปทั่วเหล่าทหารที่เพิ่งมาถึงกระโจนเข้าไปร่วมวงต่อสู้อย่างรวดเร็วหลังจากประดาบกันไปกว่าร้อยครั้ง มือสังหารก็ถูกบีบบังคับให้ล่าถอย ฉินโจวจ่อกระบี่ไปที่คอของหนึ่งในมือสังหาร พลางถามเสียงเข้ม “ตอบข้า ใครเป็นคนส่งเจ้ามา?”มือสังหารตอบอย่างเย็นชา “ฆ่าไอ้หมารับใช้เป่ยโม่ให้หมด!”“หมารับใช้เป่ยโม่? เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้าไม่ได้เป็นคนเป่ยโม่ พวกเจ้ามาจากต้าโจวใช่หรือไม่?” ฉินโจวโมโหอย่างมาก ขณะชี้ดาบไปยังหน้าอกของอีกฝ่าย “ไอ้เลวมู่หรงเจี๋ยส่งพวกเจ้ามาใช่หรือไม่?”“หญิงเลวอย่าเจ้ากล้าเอ่ยชื่อของท่านอ๋อง ทำให้พระองค์มัวหมองได้อย่างไร?” มือสังหารตะโกนฉินโจวชักดาบกลับพร้อมกล่าวอย่างเย็นชา “กลับไปซะ!”มือสังหารตกตะลึง ราวกับไม่คาดคิดว่าฉินโจวจะปล่อยตัวเขาไป”เ

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1162

    ฉินโจวกล่าวด้วยความโมโห “ข้าหลอกลวงเจ้าเมื่อไร?”“ไม่งั้นรึ? เจ้าและอ๋องฉีเอ่ยปากว่า หากจื่ออันตกลงเดินทางมาที่เป่ยโม่ พวกเจ้าจะส่งองค์ชายรัชทายาทไปที่ต้าโจวเป็นองค์ประกัน แล้วพวกเจ้าทำตามที่พูดแล้วหรือไม่?”“องค์ชายรัชทายาทเดินทางไปยังต้าโจวแล้ว!”“ผู้ที่เดินทางไปยังต้าโจวคือองค์ชายเจ็ด ไม่ใช่องค์ชายรัชทายาท องค์ชายเจ็ดไม่ได้เป็นที่โปรดปราน ดังนั้นจักรพรรดิเป่ยโม่จะส่งเขาไปสังเวยเมื่อใดก็ได้”“เป็นไปไม่ได้!” ฉินโจวประหลาดใจอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าผู้ที่เดินทางไปคือองค์ชายรัชทายาท เพราะองค์จักรพรรดิทรงตรัสด้วยตนเองว่าจะส่งเขาไปที่ต้าโจว“เจ้าอย่าเพิ่งสนใจเรื่องนี้เลย ก่อนหน้านี้ทั้งสองแคว้นตกลงทำสนธิสัญญาสงบศึก หลังจากการแพร่ระบาดสิ้นสุดลง แต่เจ้ากลับวางแผนโจมตีพวกเราในขณะที่ข้ายังอยู่ที่เป่ยโม่ เจ้าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร?” มู่หรงเจี๋ยกล่าวอย่างเคร่งเครียดฉินโจวตอบ “ผิดแล้ว เป็นเพราะต้าโจวที่เคลื่อนทัพโจมตีทหารฝั่งขวาของเราก่อน และสังหารทหารของเราไปกว่าร้อยคน ข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเคลื่อนทัพเข้าไปใกล้ เพื่อบีบบังคับให้พวกเจ้าถอยกลับ”“ไร้สาระ กองทัพของเราหยุดเคลื่อนท

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1161

    อย่างไรก็ตาม การจัดหาเสบียงอาหารสำหรับพื้นที่ภัยพิบัติยังไม่เพียงพอ และยังขาดแคลนเสื้อผ้าอาภรณ์ นอกจากนี้หลังจากที่พระชายาผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มาถึงเป่ยโม่ ก็ยังไม่ได้รับใบสั่งยาแม้แต่ฉบับเดียว ดังนั้นความอดทนของประชาชนจึงค่อย ๆ หมดลง แต่ความโกรธและความขุ่นเคืองกลับยิ่งมากขึ้นทันทีที่ข่าวลือแพร่สะพัด ก็เป็นเสมือนเป็นการขว้างเปลวไฟใส่ ‘ระเบิด’ หนึ่งหมื่นตุน ทำให้มันระเบิดออกอย่างรวดเร็วผู้ประสบภัยนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้าสู่เมืองหลวงอย่างรวดเร็วหลังจากที่ฉินโจวลงจากภูเขา นางก็พบว่าองค์จักรพรรดิทำอะไรกับทหารม้า และทหารเจ็ดหมื่นนายที่ประจำการที่เมืองหลวง ซึ่งเขาออกคำสั่งให้ทหารเหล่านั้นขับไล่เหล่าผู้ประสบภัยออกไปนางเห็นด้วยตาตนเองว่าทหารใต้บังคับบัญชาของนางสร้างกำแพงมนุษย์อันแน่นหนา เมื่อผู้ประสภัยเดินทางเข้ามา พวกเขาก็จะโบกหอกเพื่อขับไล่คนเหล่านั้นออกไปผู้ประสบภัยมากกว่าสิบรายได้รับบาดเจ็บจากหอกทหารเหล่านั้นอยู่ใต้บังคับบัญชาของนาง แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะไม่ได้ฆ่าผู้ใด แต่เมื่อสถานการณ์รุนแรงขึ้นจะต้องมีการฆ่าแกงกันอย่างแน่นอนฉินโจวโกรธจัดจึงขี่ม้าเข้าไปขวางเอาไว้ “หยุด หยุดเ

  • ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์   บทที่ 1160

    ฉินโจวกวาดสายตามองพลางเยาะเย้ยจื่ออันไม่สนใจนาง และพาหลินตานไปยังเขตตะวันตกภายในสองวันนี้มีผู้เสียชีวิตถึงสามคน ซึ่งทั้งหมดถูกหามออกไปหลังจากที่หลินตามเดินเข้ามาเขาหลั่งน้ำตาหลั่งน้ำตาขณะมองดูการเผาศพจื่ออันไม่คิดว่าเขาจะมีความอ่อนไหวมากเพียงนี้ “ท่านหมอหลิน ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”หลินตานปาดน้ำตา “ข้าขอโทษ ข้าเพียง... คิดถึงครอบครัวขอรับ”“ครอบครัวของท่าน? แล้วตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ใดหรือ?” จื่ออันถาม“ตายหมดแล้วขอรับ ภรรยาและลูกสะใภ้ของข้าตายเพราะเหตุแผ่นดินไหวทั้งคู่ ส่วนลูกชายและหลานชายติดเชื้อโรคระบาดก่อนตายไปเช่นกัน ข้าจึงเป็นคนเดียวที่เหลือรอด” หลินตานสูดหายใจเข้าลึก ใบหน้าที่อยู่ภายใต้ผมสีขาวฉายแววความเศร้าโศกและหดหู่จื่ออันไม่คาดคิดว่าเขาจะมาจากพื้นที่โรคระบาดเช่นกัน เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อย จื่ออันก็ไม่รู้จะปลอบใจเขาเช่นไร จึงได้แต่นิ่งเงียบและอยู่เคียงข้างไม่นานหลินตานก็ถามว่า “ท่านหมอเซี่ย โรคระบาดนี้สามารถรักษาหายได้จริงหรือขอรับ?”ตอนนั้นเองจื่ออันก็นึกได้ว่าเขาเป็นหมอเท้าเปล่า และหลังจากเดินทางพเนจรไปที่ต่าง ๆ เขาอาจรู้จักจินเย่าฉือก็เป็นได้ ดังนั้นจึงรีบถามว

DMCA.com Protection Status