Share

บทที่ 959

Author: กานเฟย
หลิงอวี๋รู้สึกประทับใจกับสิ่งที่จูหลานเอ่ย

จูหลานดูไร้เดียงสา แต่นางก็มีสติ!

“ท่านพี่สะใภ้สี่ ท่านคิดว่าข้าโตแล้วใช่หรือไม่?”

จูหลานยิ้ม “ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับท่านมามากแล้ว ข้าได้ยินมาว่าท่านเกือบจะถูกท่านอ๋องอี้ทุบตีจนตาย แต่ในที่สุดท่านก็ตื่นขึ้นมา!”

“ข้าก็เหมือนกัน ความตายอยู่ใกล้ข้ามากเมื่อตอนที่ข้าให้กำเนิดลูก!”

“ข้ามักจะคิดว่าหากข้ามิโชคดีพอที่ได้พบท่าน หลุมศพของข้าคงเต็มไปด้วยวัชพืช! เมื่อเทียบกับความตาย ความรุ่งโรจน์กับความมั่งคั่ง ในใต้หล้านี้เป็นเพียงเมฆที่หายวับไปได้เท่านั้น!”

“เซียวหลินมู่มิเคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน หลังจากได้รับกำลังใจจากคนอื่น เขาลืมไปเลยว่าตัวเขาเองมีความสามารถแค่ไหน!”

จูหลานส่ายหัวพลางถอนหายใจ “ท่านอ๋องอี้มีพลังมากกว่าเขามาก ตอนที่ท่านถูกใส่ร้าย เขาเจอกับกองทัพหลวงก็ยังทำอะไรมิถูก!”

“เซียวหลินมู่มิเคยคิดเลยว่าตอนที่เขาถูกศัตรูรายล้อม หากมิได้รับความช่วยเหลือจากพี่น้องที่เสียชีวิตไป ใครจะช่วยเขา!”

หลิงอวี๋เงียบไป นางเข้าใจได้ว่าจูหลานแสดงความปรารถนาดีต่อนาง มิว่าจะเป็นเพื่อเซียวหลินมู่หรือเพื่อตัวนางเอง หลิงอวี๋ก็ยอมรับในความปรารถนาดีของ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Piyapatta Samungkun
บทที่958ทำไมลูกของจูหลานเพิ่งจะ 3 เดือนคลอดตั้งนานแล้วก่อนที่อวิ่นหลิงไปไปจัดการโรคระบาดแะอยู่จัดการโรคระบาทอยู่นานกว่าจะกลับเมืองหลวงและกลับมาสักพักแล้วไม่ใช่เพิ่งกลับมาเด็กควรจะ6-7เดือนแต่ทำไมย้อนเวลาเด็กแค่ 3 เดือนงงหรือพิมพ์ผิด
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 960

    หลิงอวี๋ให้น้ำเกลืออีกชุดหนึ่งกับเสี่ยวเปาแล้วเอ่ยกับจูหลาน“อาการของเสี่ยวเป่าให้น้ำเกลือสามวันก็มิเป็นอะไรมากแล้ว! ข้าจะให้สุ่ยหลิงเฝ้าเขาในวันนี้แล้ววันพรุ่งข้าจะมาตรวจอาการ!”จูหลานได้เห็นแล้วว่าเสี่ยวเป่าดีขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงเอ่ยขอบคุณ “เจ้าค่ะ ท่านพี่สะใภ้สี่ ขอบคุณท่านแล้ว! ท่านกลับไปพักผ่อนเถิด ข้าจะส่งรถม้าไปรับในวันพรุ่ง!”“อืม!”หลิงอวี๋ต้องกลับไปดูเฮยจื่อ จึงให้สุ่ยหลิงอยู่ที่นี่แล้วบอกลาจูหลานจัดรถม้าไปส่งหลิงอวี๋กลับรถม้ามาถึงตำหนักอ๋องอี้ ก่อนที่หลิงอวี๋จะลงจากรถ นางก็เห็นมู่หรงชิ่งยืนอยู่ที่ประตูตำหนักอ๋องอี้พร้อมกับนางรับใช้“องค์หญิงชิ่ง? มีอะไรหรือ?”หลิงอวี๋ทักทายทันทีที่ลงจากรถ“อื้ม ข้ามาที่นี่เพื่อถามเจ้าว่า เจ้าได้รับคำเชิญขององค์หญิงตานรั่วหรือไม่?”หลิงอวี๋ส่ายหัว “เมื่อคืนข้ามิได้อยู่บ้าน ข้าไปตรวจรักษา มิรู้ว่าพระนางส่งคำเชิญมาให้ข้าหรือไม่!”“องค์หญิงตานรั่วบอกว่าใกล้จะถึงวันเกิดของนางแล้ว นางอยากจะใช้โอกาสนี้ติดต่อกับทุกคน!”มู่หรงชิ่งขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ข้าได้ยินมาว่านางเชิญคุณหนูร่ำรวยหลายคนจากเมืองหลวงของเจ้า! มีองค์หญิงหกด้วย! ข้าจึงมาถามเ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 961

    ทันทีที่มู่หรงชิ่งเดินจากไป หลิงอวี๋ก็ให้เถาจื่อไปเรียกลู่หนานมาทันที“ลู่หนาน ช่วยไปตรวจดูให้ข้าทีว่า องค์หญิงตานรั่วเชิญคุณหนูคนใดบ้าง มีกี่คนที่เก่งด้านวรยุทธ และมีกี่คนที่เตะลูกกลมได้!”ลู่หนานตะลึงไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย “พระชายา ท่านจะทำสิ่งใดหรือขอรับ?”“ข้าอยากรู้อะไรบางอย่างเสียก่อน! องค์หญิงตานรั่วผู้นี้ดูเหมือนว่าจะมาเยือนพร้อมเจตนามิดี!”หลิงอวี๋มิเชื่อว่าเซี่ยโฮ่วตานรั่วแค่อยากจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดเท่านั้น ดังนั้นเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าก็มิเสียหายอะไรลู่หนานพยักหน้าแล้วออกไปหาคนสอบถามหลังจากนั้น ลู่หนานก็ส่งข่าวมาว่า ในบรรดาคุณหนูที่ได้รับเชิญจากเซี่ยโฮ่วตานรั่วนั้น มีคนที่กำลังฝึกวรยุทธน้อยมาก มีอยู่เพียงแค่สามสี่คนเท่านั้น ซึ่งเจียงอวี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยในรายชื่อมีหลิงเยี่ยน อันซิน หลิงหว่าน อวี๋หลาน เจิงจื่ออวี้ และฉินรั่วซืออยู่ในนั้นด้วยส่วนแขกผู้สูงศักดิ์ที่สุดก็คือ ไทเฮา จักรพรรดิอู่อัน ฮองเฮาเว่ยและพระชายาเส้าหลิงอวี๋มองที่รายชื่อแล้วจมอยู่ในความครุ่นคิด เซี่ยโฮ่วตานรั่วผู้นี้ได้เชิญลูกหลานผู้มีอำนาจในเมืองหลวงมาเกือบทั้งหมดเลย เห็นได้ชัดว่ามี

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 962

    วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ไปเลือกของกำนัลเป็นเพื่อนมู่หรงชิ่ง จากนั้นก็ไปดูเสี่ยวเป่าที่ตำหนักองค์ชายเย่ เมื่อกลับมาก็ลากพวกเถาจื่อกับสุ่ยหลิงไปฝึกเตะลูกกลมกันที่เรือนบุหงาหลิงเยวี่ยเห็นดังนั้นก็วิ่งมาฝึกด้วย เด็กชายตัวน้อยกับพี่น้องฉีเต๋อวิ่งกันไปทั่ว เล่นกันอย่างมีความสุขมากทีเดียวในสมัยใหม่หลิงอวี๋เคยเล่นฟุตบอลมาก่อน แต่มิได้คุ้นเคยกับการเตะลูกกลมเช่นนี้มากนัก หลังจากฝึกซ้อมมาตลอดช่วงบ่าย ขาของนางก็เจ็บแปลบไปหมด นางอิจฉาหลิงเยวี่ยที่ยังเด็กก็เลยมีพลังเยอะมากคืนนี้หลิงอวี๋มิได้ไปที่เรือนริมวารี นางอาบน้ำร้อนแล้วเข้านอนก่อนกระทั่งในวันที่สาม ก็เป็นวันเกิดของเซี่ยโฮ่วตานรั่วแล้ว พวกของหลิงหว่าน เจียงอวี้และอันซินก็มาที่ตำหนักอ๋องอี้แต่เช้าแล้วไปที่ภูเขาว่านโซ่วพร้อมกับหลิงอวี๋“ท่านพี่หลิงหลิง ข้าฝึกเตะลูกกลมแล้ว ไม่มีปัญหาในการทำคะแนน!”เจียงอวี้เอ่ยกับหลิงอวี๋อย่างมีความสุขขณะที่นั่งอยู่บนรถม้าหลิงอวี๋เอ่ยชื่นชม “เช่นนั้นก็ดีเลย! หากวันนี้ตานรั่วมิเสนอการแข่งขัน เจ้าก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายไป! แต่หากนางเสนอขึ้นมา เรามีเจ้าก็จะมิแพ้จนเสียหายเกินไป!”อันซินยิ้มพลางเอ่ย “ข้าก็ฝ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 963

    ขณะนี้หลิงอวี๋มีความคิดมากมายอยู่ในหัวแม้ว่าการกระทำเช่นนี้ของเซี่ยโฮ่วตานรั่วจะมีความหมายในการดูถูก แต่ก็หาข้อผิดพลาดอะไรมิได้เลยจริง ๆหากต้องหารนั่งเกี้ยวของพวกเขาก็ต้องยอมรับเงื่อนไขของพวกเขาหากมิต้องการยอมรับชื่อว่าเป็นขยะ เช่นนั้นก็เดินขึ้นภูเขาด้วยตัวเอง พิสูจน์ให้เซี่ยโฮ่วตานรั่วเห็นว่าตนมิใช่ขยะ!ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อนึกถึงชื่อเรียกที่ดูถูกคนในแผ่นดินแล้ว หลิงอวี๋ก็ถอนหายใจออกมา มีเพียงแต่แคว้นต้องแข็งแกร่งเท่านั้นคนอื่นจึงจะมิกล้าดูถูก!เซี่ยโฮ่วตานรั่วกล้าทำเช่นนี้ในวันนี้ ก็เพราะเห็นความอ่อนแอของสตรีในฉินตะวันตกอย่างชัดเจน จึงใช้เรื่องนี้มาดูถูกสตรีในฉินตะวันตกมิใช่หรือ?“พระชายาอ๋องอี้ พูดอะไรสักอย่างสิ! ท่านมีสถานะสูงสุดในหมู่พวกเรา หรือท่านจะปล่อยให้พวกนางวางอำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้?”เมื่อเห็นหลิงอวี๋เงียบไป เจิงจื่ออวี้ก็ตะโกนอย่างมิพอใจหลิงอวี๋เหลือบมองนางแล้วเอ่ยกับนางรับใช้ที่มาต้อนรับอย่างเรียบ ๆ “องค์หญิงตานรั่วตรัสเพียงว่า หากต้องการนั่งเกี้ยวของพวกเจ้าขึ้นไป ถึงจำเป็นต้องลงนามรับเหรียญ มิได้บอกข้อจำกัดว่าจะขึ้นไปเยี่ยงไรใช่หรือไม่?”นางรับใช้เอ่ยอย่างสบาย

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 964

    “พี่ ๆ เรามาสู้ไปด้วยกันนะ ต้องมิให้คนฉีตะวันออกหัวเราะเยาะเราได้เป็นอันขาด!”อวี๋หลานเป็นคนนิสัยดีและมีความเป็นมิตร สตรีหลายคนในเมืองหลวงล้วนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนาง เมื่อนางให้กำลังใจเช่นนี้ สตรีเหล่านั้นก็พยักหน้ากันหมดแม้ว่าเจิงจื่ออวี้จะมิได้เห็นด้วย แต่ก็ถูกคำพูดเมื่อครู่ของนางกระตุ้นเช่นกันท่านพ่อกับพี่ชายของนางทำงานอยู่ในราชสำนัก ในเมื่อนางได้รับเชิญมาแล้ว นางจะทำให้พ่อกับพี่ชายของนางต้องอับอายมิได้“พี่หญิงจื่ออวี้ น้องสวี่เหยียน พวกเจ้าฉลาดกว่าข้า วันนี้พวกเจ้าเป็นผู้นำเถิด!”อวี๋หลานพูดเยินยอเจิงจื่ออวี้กับสวี่เหยียนอย่างชาญฉลาดเจิงจื่ออวี้เหลือบมองหลิงอวี๋ หลิงอวี๋มิรอให้นางได้พูดอะไรก็ยิ้มพลางเอ่ย “อืม อวี๋หลานพูดถูก จื่ออวี้กับสวี่เหยียนเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้ากลุ่ม พวกเจ้าสองคนเป็นหัวหน้ากลุ่มเถิด!”“วันนี้พวกเราออกมาเที่ยวเล่น หาได้ต้องพูดถึงเรื่องสถานะไม่ ยกให้คนที่มีความสามารถมาก่อนดีกว่า!”เมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋ยกย่องนาง เจิงจื่ออวี้ก็ค่อนข้างพึงพอใจ จึงกำหมัดแน่นพลางเอ่ย “ในเมื่อทุกคนเสนอให้ข้าเป็นหัวหน้า เช่นนั้นข้าก็จะมิเกรงใจแล้ว!”“เราจะทำให้สตรีฉินตะว

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 965

    หัวใจของหลิงอวี๋สั่นไหว นางยิ้มพลางเอ่ย “เจ้าไปบอกให้เจิงจื่ออวี้นำทุกคนร้องเพลงเถิด! ทิวทัศน์ที่งดงามเช่นนี้ ร้องเพลงพื้นบ้านกันเถิด มันจะช่วยผ่อนคลายอารมณ์ และยังช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจอีกด้วย!”หลิงอวี๋นึกถึงเพลงของเรือนบุหงา ทุกครั้งที่คนในเรือนบุหงาร้องเพลง “เราครอบครัวเดียวกัน” ด้วยกัน ทุกคนในเรือนบุหงาล้วนติดใจบรรยากาศนั้น ความแข็งแกร่งของการเชื่อมสายใยต่อกันนั้นมิสามารถบรรยายมาเป็นคำพูดได้เลยหลิงเยวี่ยชอบเพลงนี้ ทุกครั้งที่เรือนบุหงามีคนใหม่เข้ามา เขาจะสอนพวกนางในทุกคำทุกประโยคด้วยน้ำเสียงน่ารัก ๆ ของเขาตอนนี้แม้แต่หานอวี้กับหานเหมยเองก็สามารถร้องได้คล่องแล้วเช่นกัน“เช่นนั้นคงจะมิดีกระมัง… คนอื่นได้ยินเข้าจะหัวเราะเอาได้!”เพราะว่าอันซินเป็นกุลสตรีที่มาจากตระกูลที่มีฐานะ การส่งเสียงร้องเพลงท่ามกลางผู้คนจึงทำให้นางค่อนข้างรู้สึกอาย“มีอะไรที่ต้องหัวเราะเล่า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าการร้องเพลงริเริ่มขึ้นได้เยี่ยงไร?”“หลังจากชาวนาเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อุดมสมบูรณ์ พวกเขาอยากจะแสดงความรู้สึกออกมา แต่คำพูดมันมิมากพอ จึงต้องร้องเพลงเพื่อที่จะแสดงความรู้สึกมีความสุขของตัวเองออกมา!”หลิ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 966

    หลิงเยี่ยนกับจ้าวเจินเจินที่นั่งเกี้ยวขึ้นบนภูเขาก็ตกใจกับเสียงร้องเพลงนี้เช่นกันหลิงเยี่ยนกำลังตั้งครรภ์อยู่ จึงต้องให้คนแบกเกี้ยวขึ้นไปบนภูเขาเพราะร่างกายมิสะดวกที่จะเดินขึ้นเองส่วนจ้าวเจินเจินคือพระชายาคัง ต่งอี๋มิกล้าบอกกับนางว่า สังคมคุณหนูของเมืองหลวงจะตีตัวออกจากนาง จึงทำได้เพียงแสดงเจตนาของทุกคนอย่างนุ่มนวลเท่านั้นจ้าวเจินเจินมีหรือจะเห็นคำพูดของทุกคนอยู่ในสายตา ตามความคิดเห็นของนาง ตราบใดที่นางมิได้รับเหรียญเหล็กขยะนั่น ตนจะให้คนของตัวเองแบกขึ้นไปบนภูเขาก็มิเห็นจะเป็นอะไรเพียงแต่นางนั่งเกี้ยวมาได้เพียงครึ่งทาง ก็ได้ยินเสียงร้องเพลงของทุกคนแล้วจ้าวเจินเจินรีบให้ไป๋ผิงขึ้นไปสอบถามดู เมื่อได้ยินว่าคุณหนูเหล่านั้นเดินขึ้นไปบนภูเขาด้วยตัวเอง จ้าวเจินเจินรู้สึกก็เสียใจกับการตัดสินใจของตนในเวลาเช่นนี้ นางมิควรทำตัวพิเศษ ควรจะอยู่ร่วมกับทุกคนสิเพราะจ้าวเจินเจินเป็นคนฉลาด นางจึงลงจากเกี้ยวทันทีแล้วรีบวิ่งตามทุกคนไปแต่หลิงเยี่ยนนั้นเป็นคนโง่เขลา นางคิดว่าฮองเฮาเว่ยมิได้ผิดสัญญา คราวนี้ตนจะเข้ารับตำแหน่งชายารองขององค์ชายเว่ยแล้ว และด้วยตำแหน่งนี้ นางจึงให้คนที่แบกเร่งความ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 967

    “มิต้องหรอก!”ไทเฮารีบเอ่ย “ตนเองอยากร้องเองสิถึงจะมีความสุข หากมีคนบังคับให้ร้องเพลง เช่นนั้นก็จะรู้สึกแตกต่างออกไป! อย่าให้คำพูดของข้าไปกระทบอารมณ์ของพวกนางเลย!”ทุกคนที่อยู่ข้างหน้าร้องเพลงอย่างมีความสุขแล้วก็ร้องเพลงเพิ่มขึ้นทีละเพลง เซียวทงฟังแล้วก็รู้สึกมิค่อยชอบใจนักในช่วงนี้นางกังวลอยู่ตลอด กลัวว่าเสด็จพ่อจะให้ตนแต่งงานกับองค์ชายจากฉีตะวันออกหรือเยวี่ยใต้เป็นการเชื่อมสัมพันธ์นางได้ส่งคนไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับองค์ชายทั้งสองแล้ว องค์ชายหนิงแห่งฉีตะวันออกนั้นหาตัวจับยาก สืบข้อมูลเฉพาะใด ๆ มิได้เลยส่วนมู่หรงเหยียนซงจากเยวี่ยใต้ เซียวทงเคยพบกันเงียบ ๆ แล้ว แต่เขามิใช่คนที่นางชอบฉินซาน… นับตั้งแต่ที่เขาสูญเสียแขนไปครึ่งหนึ่ง เซียวทงก็มิได้หลงใหลเขาเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้วชายคนพิการจะมาคู่ควรกับตนได้เยี่ยงไรเล่า!ยิ่งไปกว่านั้น ฉินซานก็เป็นคนหัวแข็งดื้อรั้น มิได้มีความรู้สึกใดกับตนเลย...ก่อนหน้านี้เซียวทงก็เคยคิดว่า หากฉินซานยอมอ่อนโยนต่อตนบ้าง เพียงแค่ทำดีต่อตนเท่านั้น ถึงเขาจะพิการก็ช่างปะไร!แต่นางเคยให้คนไปถามฉินซานเป็นการส่วนตัวแล้วแต่ฉินซานกลับปฏิเสธเพราะเขามิค

Latest chapter

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1902

    ต่งเฉิงมองหลิงอวี๋พลางพยักหน้ารัว ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับลูบเคราของตัวเองว่า “สาวน้อยนางนี้รู้จักเครื่องยาสมุนไพรมากมายเช่นนี้นับว่าหายาก!”เครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้มิใช่สมุนไพรธรรมดาทั้งหมด นอกจากเครื่องยาสมุนไพรที่ใช้ในการกลั่นโอสถระดับต้นแล้ว ยังมีระดับกลางและระดับสูงจำนวนเล็กน้อยอีกด้วยโดยทั่วไป ผู้เข้าสอบที่ตอบได้เจ็ดสิบถึงแปดสิบชนิดก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว ทว่าหลิงอวี๋สามารถตอบได้มากกว่าหนึ่งร้อยชนิด ถือว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงเลยทีเดียวเพิ่งเข้ามาก็ทำคะแนนได้ดีถึงเพียงนี้ หากนางได้เรียนอย่างเป็นระบบก็คงแซงหน้าบัณฑิตคนอื่นได้ในมิช้า“ตึง ตึง ตึง!”เมื่อเสียงกลองดังขึ้นสามครั้ง การสอบแข่งขันของกลุ่มนี้ก็สิ้นสุดลง“หนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดคะแนน!”กลองหยุดลงแล้ว และบนใบหน้าของศิษย์พี่หญิงก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นเป็นครั้งแรก นางหยิบป้ายส่งให้หลิงอวี๋พร้อมรอยยิ้ม“การสอบแข่งขันรอบต่อไปจะจัดขึ้นในช่วงบ่าย! ความสามารถในการจำแนกเครื่องยาสมุนไพรของเจ้าดีที่สุดในรอบนี้ ทำให้ดีล่ะ!”“ขอบคุณศิษย์พี่หญิง!”หลิงอวี๋รับป้ายมาด้วยความตื่นเต้น พลางหันไปดูผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ ที่กำลังมองนางด้

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1901

    เป็นไปตามคาด หลิงอวี๋เห็นใบหน้าที่งดงามทว่าโหดร้ายนั้น และนั่นก็คือศัตรูที่นางมิอาจลืมเลือน...จ้าวหรุ่ยหรุ่ย!ชั่วขณะนั้นดวงตาของหลิงอวี๋เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พลางนึกอยากจะรุดเข้าไปฉีกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นชิ้น ๆ เพียงหลับตา นางก็มิอาจควบคุมตนมิให้นึกถึงฉากที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเตะต่อยตนความเจ็บปวดและเลือดสด ๆ อีกทั้งความทุกข์ทรมานจากการสูญเสียลูกไปทำให้หลิงอวี๋มิอาจลืมความเกลียดชังที่ตนมีต่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้เลย!คาดมิถึงว่าศัตรูจะปรากฏตัวต่อหน้าตนเช่นนี้!หลิงอวี๋ตื่นตัวมากจนร่างกายสั่นเทา แต่นางก็ยังสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้นางมิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย การวู่วามลงมือมีแต่จะเป็นการรนหาที่ตายเท่านั้นหลิงอวี๋สูดหายใจเข้าลึกพลางมองเด็กสาวที่ประกาศสงครามกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเด็กสาวคนนี้ดูอายุราว ๆ สิบหกสิบเจ็ดปี มีรูปร่างสูง ใบหน้ารูปไข่ คิ้วโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว และดวงตาแวววาวสดใสผมสีดำสนิทของนางถูกแสกกลางและถักเป็นเปียยาวสองข้างพันไว้รอบมวยผม ข้าง ๆ มวยผมนั้นมีปิ่นมุกปักประดับอยู่สองอันเด็กสาวสวมชุดกระโปรงสีม่วงควันธูป และเมื่อดูจากเนื้อผ้าแล้ว นางน่าจะเป็นค

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1900

    ข่าวที่สือหรงนำมาให้เซียวหลินเทียนมิใช่ข่าวดี จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยังคงอยู่ในตำหนักเทียนจีและมิได้มาลงทะเบียนด้วยตนเองหากอยากพบกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ก็ทำได้แค่ต้องรอจนถึงวันคัดเลือกรอบแรกเท่านั้นแต่เซียวหลินเทียนก็มิย่อท้อ ถึงอย่างไรขอเพียงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยปรากฏตัว เขาก็จะไม่มีทางปล่อยนางหนีไปอีกแน่ ให้นางเป็นอิสระอีกสักสองสามวันก็คงมิเป็นไร!ในช่วงวันเวลาที่เหลือ หลายคนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเช่นเดียวกับหลิงอวี๋ พวกเขาอ่านตำราอย่างหนักและเพิ่มพูนความรู้ที่ขาดไป เพื่อที่จะผ่านการคัดเลือกและได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงทว่าหลิงอวี๋มิรู้เลยว่าศัตรูของตนมาถึงเมืองหลวงแดนเทพแล้ว หลังจากเอาแต่ปิดห้องอ่านตำราเป็นเวลาหลายวันนางก็มาที่สำนักศึกษาชิงหลงที่อยู่นอกเมืองในวันแห่งการคัดเลือก โดยมีผู้รอบรู้เรื่องร่วมเดินทางด้วยหน้าทางเข้าสำนักศึกษาชิงหลงเต็มไปด้วยผู้คนทั้งบุรุษและสตรี ทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมกันนับพันคนผู้รอบรู้เห็นเช่นนั้นก็ทึ่งจนพูดมิออก และอ้ำอึ้งพูดออกไปว่า “รู้เช่นนี้ข้าน่าจะมาลงทะเบียนเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงกับเจ้าด้วย เฮ้อ ตอนนี้มันสายไปเสียแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้ม นางรู้ว่าผู้รอบร

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1899

    “เถาจื่อ หานอวี้ วันพรุ่งพวกเจ้าไปลงทะเบียนเสีย!”เซียวหลินเทียนทำการตัดสินใจและกำชับว่า “ลงทะเบียนในชื่อของน้องสาวข้า!”“เผยอวี้ ฉินซาน พวกเจ้าสองคนก็ไปลงทะเบียนสาขาที่ตนเองชื่นชอบด้วย พวกเจ้าทั้งคู่บอกแค่ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าก็พอ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทุกคนก็หัวเราะอย่างมีความสุข พลางพยักหน้าและจัดลำดับอาวุโสกันให้เซียวหลินเทียนเป็นพี่ใหญ่ของทุกคน เถาจื่อเป็นพี่หญิงใหญ่ หานเหมยเป็นพี่น้องคนที่สาม และหานอวี้เป็นคนที่สี่เซียวหลินเทียนได้บอกจุดประสงค์ของภารกิจให้พวกเขาทราบแล้ว เถาจื่อกับหานอวี้ต้องให้ความสำคัญกับฝั่งของสตรีวันรุ่งขึ้น เถาจื่อและหานอวี้ไปลงทะเบียน และทั้งคู่ก็เลือกวิชาปรุงโอสถเนื่องจากก่อนหน้านี้พวกนางเคยตามหลิงอวี๋ไปจำแนกเครื่องยาสมุนไพรหลายชนิด ในความคิดของพวกนาง การกลั่นโอสถเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการผ่านการประเมินมีชั้นเรียนที่สอนการกลั่นโอสถเพียงสองแห่งเท่านั้น ดังนั้นเถาจื่อและหานอวี้จึงต้องลงทะเบียนเรียนคนละชั้นเรียนและเถาจื่อก็ได้ลงทะเบียนเรียนชั้นเรียนของหอโอสถซ่างกู่เซียวหลินเทียน เผยอวี้และคนอื่น ๆ ก็ไปลงทะเบียนด้วยเซียวหลินเทียนลงทะ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1898

    เผยอวี้เหลียวซ้ายแลขวาไปรอบ ๆ เมืองหลวงแดนเทพที่เจริญรุ่งเรืองราวกับคนบ้านนอก ทำเอาเขาอดมิได้ที่จะถอนหายใจ“มิแปลกใจที่ทุกคนล้วนพูดว่าเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรือง เพราะที่นี่เจริญจริง ๆ ดังคำกล่าว นายท่านอู่ เมืองหลวงแดนเทพแห่งนี้ใหญ่กว่าเมืองหลวงในฉินตะวันตกของพวกเราหลายเท่านัก!”เซียวหลินเทียนวางแผนใช้คำในชื่อจักรพรรดิเซิ่งอู่ของตนเป็นแซ่ ดังนั้น เผยอวี้และคนอื่น ๆ จึงได้เปลี่ยนมาเรียกเซียวหลินเทียนว่านายท่านอู่หานอวี้กับเถาจื่อและคนอื่น ๆ ที่ได้รีบมารวมตัวกับกลุ่มของเซียวหลินเทียนต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆทว่าเซียวหลินเทียนกลับรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา เมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองแล้วอย่างไร?หากไม่มีหลิงอวี๋อยู่เคียงข้าง มิว่าทิวทัศน์จะสวยงามเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์ยิ่งเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองและมีขนาดใหญ่มากเท่าไร การตามหาหลิงอวี๋ก็จะยิ่งยากมากเท่านั้นท่ามกลางฝูงชนมหาศาลนี้เขาจะหาตัวหลิงอวี๋ของเขาพบได้อย่างไร?ฉินซาน หานเหมยและสือหรงล่วงหน้ากันไปก่อน ในช่วงที่ยังสร้างตำหนักปีกเงินแห่งใหม่มิเสร็จนี้ ทั้งสามคนได้ซื้อที่ดินใหญ่ที่มีหกส่วนเพื่อให้ทุกคนใช้เป็นที่อย

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1897

    หลิงอวี๋เห็นด้วยกับผู้รอบรู้ เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นสงสัยว่านางกับผู้รอบรู้มิใช่พี่น้องกันแท้ ๆ นางจึงเปลี่ยนแซ่ของตนเป็นแซ่เดียวผู้รอบรู้และใช้นามว่า สิงอวี๋วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ไปที่ห้องโถงหลักของหอโอสถซ่างกู่เพื่อลงทะเบียน ที่ทางเข้าหอโอสถซ่างกู่นั้นมีทั้งบุรุษและสตรีต่อแถวยาวเป็นหางว่าวหลิงอวี๋รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเมื่อเห็นแถวยาวถึงเพียงนี้ ต้องต่อแถวไปถึงเมื่อไรกว่าตนจะได้ลงทะเบียนเล่านี่!แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่ออนาคตของตนในวันข้างหน้า นางก็ทำได้เพียงต่อแถวต่อไปอย่างว่าง่ายเท่านั้นคุณหนูและนายน้อยบางส่วนมิได้มาด้วยตนเอง แต่ส่งสาวใช้และคนรับใช้ไปต่อแถวให้เด็กสาวท่าทางเหมือนคุณหนูที่อยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะขึ้นมา“แม้แต่มาต่อแถวก็ยังไม่มีความจริงใจ แต่กลับอยากเป็นศิษย์ของอาจารย์เย่น่ะหรือ คนเช่นนี้สมควรถูกปัดตกไปเสีย!”สาวใช้ด้านหน้าหลิงอวี๋ที่มาต่อแถวแทนเจ้านายได้ยินเช่นนั้นก็พูดอย่างดูถูกว่า “ไม่มีใครตั้งกฎว่าห้ามสาวใช้มาต่อแถวให้นี่! ตระกูลเหลยของท่านขัดสนมากจนไม่มีเงินจ้างสาวใช้หรืออย่างไร?”เหลยเหวินโกรธจัดและตะโ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1896

    หลิงอวี๋มิได้ถือโทษผู้รอบรู้และกล่าวว่า “พี่ใหญ่มิต้องกังวลไป กินข้าวกันก่อนเถิด ท่านซื้อตำรับกลั่นโอสถมิได้ก็ช่างมัน ข้ามีที่เรียนแล้ว!”ในขณะที่กำลังกินข้าวหลิงอวี๋ก็เล่าให้ผู้รอบรู้ฟังว่าสำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตวิชาปรุงโอสถ“วันพรุ่งข้าจะไปลงทะเบียน หากข้าได้ที่หนึ่ง ข้าก็จะได้เรียนวิชาปรุงโอสถโดยมิต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว!”แต่แม้จะมิได้ที่หนึ่งหลิงอวี๋ก็คิดว่าตนสามารถหาเงินห้าหมื่นอีแปะจากการขายตำรับยาเพียงมิกี่เล่ม นางจึงมิได้เก็บมาใส่ใจ“พี่ใหญ่ ตอนที่ลงทะเบียนมีปรมาจารย์ให้เลือกเรียนด้วยสองคน ข้ามิรู้ว่าควรจะเลือกปรมาจารย์คนไหน วันพรุ่งท่านช่วยไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนิสัยของแต่ละคนให้ข้าหน่อยนะ!”เมื่อผู้รอบรู้ได้ยินว่า นักปรุงโอสถแห่งหอโอสถไป๋เป่าและซ่างกู่จะรับหน้าที่เป็นครู เขาก็พูดโดยมิลังเลว่า “มิจำเป็นต้องไปสอบถามหรอก เลือกครูของหอโอสถซ่างกู่สิ!”“เพราะเหตุใดหรือ?” หลิงอวี๋ถามด้วยความอยากรู้ผู้รอบรู้ยิ้มหยัน “คนของหอโอสถไป๋เป่าเหล่านั้นเป็นพวกยโสชอบดูถูกคนอื่น! เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังหอโอสถของพวกเขาคือฮูหยินของเจ้าแห่งทะเลของตระกูลหลงอย่างไรเล่า!”“

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1895

    เมื่อเห็นบรรยากาศที่แสนจะคึกคัก หลิงอวี๋ก็เข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นนางเห็นประกาศว่า สำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตในหลายสาย เช่น สายนักปรุงโอสถ สายนักสร้างอาวุธ สายนักทำนายดวงดาว สายนักอัญเชิญ และสายจอมยุทธ์ ขณะที่หลิงอวี๋กำลังอ่านประกาศ นางก็ได้ยินผู้คนรอบ ๆ พูดคุยกันจากบทสนทนาของพวกเขา ทำให้หลิงอวี๋ได้รู้ว่า สำนักศึกษาชิงหลงนั้นอยู่ในการดำเนินงานของราชสำนักซึ่งให้การศึกษาด้านการฝึกฝนในระดับสูงผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นครูคือปรมาจารย์ที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ หากมีบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศประจักษ์แก่สายตาของอาจารย์เหล่านี้ พวกเขาก็สามารถรับเป็นศิษย์และเข้าร่วมกับกองทัพของราชสำนัก หรือสำนักใหญ่ ๆ ได้แดนเทพเปิดกว้างมากเรื่องความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรี สตรีนั้นสามารถเข้ามาร่ำเรียนในสำนักศึกษาและได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับบัณฑิตชายหลิงอวี๋รู้สึกถูกใจในสิ่งที่ได้เห็น การที่ได้ไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาเช่นนี้ จะทำให้ตนเข้าใจการปรุงโอสถได้ง่ายขึ้น ดีกว่าลองผิดลองถูกมิใช่หรือ?นางตั้งใจอ่านอีกครั้ง ข้อกำหนดในการลงทะเบียนมิได้เข้มงวดเกินไป และใช้เงินเพียงห้าตำลึงเงินเท่านั้นในการลงทะเบี

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1894

    หลิงอวี๋และผู้รอบรู้ได้มาถึงเมืองหลวงแดนเทพ เหมือนกับที่ผู้รอบรู้บอก เมืองหลวงแดนเทพเต็มไปด้วยโอกาสเพราะที่นี่มีผู้บำเพ็ญตนมากมายและเต็มไปด้วยกลุ่มคนน้อยใหญ่อยู่ทั่วทุกหนแห่งหลิงอวี๋เองก็รู้สึกทึ่งกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงแดนเทพ มีร้านค้าอยู่ทั่วทุกมุมและสินค้าที่ขายก็มีความหลากหลายแปลกตาและสวยงามเช่นเดียวกัน ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงแดนเทพก็มีราคาแพงสองวันแรกทั้งสองคนพักที่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ บริเวณชานเมือง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคืนละห้าสิบตำลึงเงินหลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก ในที่สุดผู้รอบรู้ก็ได้ซื้อเรือนเล็ก ๆ ของตรอกเล็กในเมืองที่อยู่ไกลออกไปโดยใช้เงินไปเกือบสามหมื่นนี่เทียบเท่ากับการใช้สมบัติของหลิงอวี๋ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้รอบรู้รู้สึกปวดใจอยู่นานแต่หลิงอวี๋พอใจแล้ว การซื้อเรือนเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ในราคาต่ำเช่นนี้ ถือว่าผู้รอบรู้ก็มีความสามารถ มิเช่นนั้น หากดูตามราคาตลาด เรือนแห่งนี้อาจมีราคาสูงถึงห้าหมื่นด้วยซ้ำ“พี่ใหญ่ เงินหมดก็หาใหม่ได้ มิต้องเสียใจไปหรอก พวกเรามีบ้านแล้วก็สามารถหาอาชีพทำมาหากินได้”หลิงอวี๋พูดปลอบอีกฝ่ายด้วยความมั่นใจเรือนเล็กนี้รวมห

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status