หัวใจของหลิงอวี๋สั่นไหว นางยิ้มพลางเอ่ย “เจ้าไปบอกให้เจิงจื่ออวี้นำทุกคนร้องเพลงเถิด! ทิวทัศน์ที่งดงามเช่นนี้ ร้องเพลงพื้นบ้านกันเถิด มันจะช่วยผ่อนคลายอารมณ์ และยังช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจอีกด้วย!”หลิงอวี๋นึกถึงเพลงของเรือนบุหงา ทุกครั้งที่คนในเรือนบุหงาร้องเพลง “เราครอบครัวเดียวกัน” ด้วยกัน ทุกคนในเรือนบุหงาล้วนติดใจบรรยากาศนั้น ความแข็งแกร่งของการเชื่อมสายใยต่อกันนั้นมิสามารถบรรยายมาเป็นคำพูดได้เลยหลิงเยวี่ยชอบเพลงนี้ ทุกครั้งที่เรือนบุหงามีคนใหม่เข้ามา เขาจะสอนพวกนางในทุกคำทุกประโยคด้วยน้ำเสียงน่ารัก ๆ ของเขาตอนนี้แม้แต่หานอวี้กับหานเหมยเองก็สามารถร้องได้คล่องแล้วเช่นกัน“เช่นนั้นคงจะมิดีกระมัง… คนอื่นได้ยินเข้าจะหัวเราะเอาได้!”เพราะว่าอันซินเป็นกุลสตรีที่มาจากตระกูลที่มีฐานะ การส่งเสียงร้องเพลงท่ามกลางผู้คนจึงทำให้นางค่อนข้างรู้สึกอาย“มีอะไรที่ต้องหัวเราะเล่า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าการร้องเพลงริเริ่มขึ้นได้เยี่ยงไร?”“หลังจากชาวนาเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อุดมสมบูรณ์ พวกเขาอยากจะแสดงความรู้สึกออกมา แต่คำพูดมันมิมากพอ จึงต้องร้องเพลงเพื่อที่จะแสดงความรู้สึกมีความสุขของตัวเองออกมา!”หลิ
หลิงเยี่ยนกับจ้าวเจินเจินที่นั่งเกี้ยวขึ้นบนภูเขาก็ตกใจกับเสียงร้องเพลงนี้เช่นกันหลิงเยี่ยนกำลังตั้งครรภ์อยู่ จึงต้องให้คนแบกเกี้ยวขึ้นไปบนภูเขาเพราะร่างกายมิสะดวกที่จะเดินขึ้นเองส่วนจ้าวเจินเจินคือพระชายาคัง ต่งอี๋มิกล้าบอกกับนางว่า สังคมคุณหนูของเมืองหลวงจะตีตัวออกจากนาง จึงทำได้เพียงแสดงเจตนาของทุกคนอย่างนุ่มนวลเท่านั้นจ้าวเจินเจินมีหรือจะเห็นคำพูดของทุกคนอยู่ในสายตา ตามความคิดเห็นของนาง ตราบใดที่นางมิได้รับเหรียญเหล็กขยะนั่น ตนจะให้คนของตัวเองแบกขึ้นไปบนภูเขาก็มิเห็นจะเป็นอะไรเพียงแต่นางนั่งเกี้ยวมาได้เพียงครึ่งทาง ก็ได้ยินเสียงร้องเพลงของทุกคนแล้วจ้าวเจินเจินรีบให้ไป๋ผิงขึ้นไปสอบถามดู เมื่อได้ยินว่าคุณหนูเหล่านั้นเดินขึ้นไปบนภูเขาด้วยตัวเอง จ้าวเจินเจินรู้สึกก็เสียใจกับการตัดสินใจของตนในเวลาเช่นนี้ นางมิควรทำตัวพิเศษ ควรจะอยู่ร่วมกับทุกคนสิเพราะจ้าวเจินเจินเป็นคนฉลาด นางจึงลงจากเกี้ยวทันทีแล้วรีบวิ่งตามทุกคนไปแต่หลิงเยี่ยนนั้นเป็นคนโง่เขลา นางคิดว่าฮองเฮาเว่ยมิได้ผิดสัญญา คราวนี้ตนจะเข้ารับตำแหน่งชายารองขององค์ชายเว่ยแล้ว และด้วยตำแหน่งนี้ นางจึงให้คนที่แบกเร่งความ
“มิต้องหรอก!”ไทเฮารีบเอ่ย “ตนเองอยากร้องเองสิถึงจะมีความสุข หากมีคนบังคับให้ร้องเพลง เช่นนั้นก็จะรู้สึกแตกต่างออกไป! อย่าให้คำพูดของข้าไปกระทบอารมณ์ของพวกนางเลย!”ทุกคนที่อยู่ข้างหน้าร้องเพลงอย่างมีความสุขแล้วก็ร้องเพลงเพิ่มขึ้นทีละเพลง เซียวทงฟังแล้วก็รู้สึกมิค่อยชอบใจนักในช่วงนี้นางกังวลอยู่ตลอด กลัวว่าเสด็จพ่อจะให้ตนแต่งงานกับองค์ชายจากฉีตะวันออกหรือเยวี่ยใต้เป็นการเชื่อมสัมพันธ์นางได้ส่งคนไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับองค์ชายทั้งสองแล้ว องค์ชายหนิงแห่งฉีตะวันออกนั้นหาตัวจับยาก สืบข้อมูลเฉพาะใด ๆ มิได้เลยส่วนมู่หรงเหยียนซงจากเยวี่ยใต้ เซียวทงเคยพบกันเงียบ ๆ แล้ว แต่เขามิใช่คนที่นางชอบฉินซาน… นับตั้งแต่ที่เขาสูญเสียแขนไปครึ่งหนึ่ง เซียวทงก็มิได้หลงใหลเขาเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้วชายคนพิการจะมาคู่ควรกับตนได้เยี่ยงไรเล่า!ยิ่งไปกว่านั้น ฉินซานก็เป็นคนหัวแข็งดื้อรั้น มิได้มีความรู้สึกใดกับตนเลย...ก่อนหน้านี้เซียวทงก็เคยคิดว่า หากฉินซานยอมอ่อนโยนต่อตนบ้าง เพียงแค่ทำดีต่อตนเท่านั้น ถึงเขาจะพิการก็ช่างปะไร!แต่นางเคยให้คนไปถามฉินซานเป็นการส่วนตัวแล้วแต่ฉินซานกลับปฏิเสธเพราะเขามิค
พวกคนกลุ่มนี้ขึ้นไปถึงกลางภูเขากันโดยที่ต่างคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเองเซี่ยโฮ่วตานรั่วเลือกพื้นที่ราบแล้วตั้งกระโจมขนาดใหญ่แบบเปิดกว้างในสวนดอกไม้ไว้รองรับแขกพร้อมทั้งอาหารแบบบริการตัวเองคล้ายกับในสมัยใหม่ตรงกลางมีโต๊ะหลายโต๊ะที่เต็มไปด้วยผลไม้ตามฤดูกาลพวกสิ่งที่ต้องมีสำหรับต้อนรับแขกนั้น เซี่ยโฮ่วตานรั่วได้เตรียมพร้อมไว้ทุกอย่างแล้ว นางรับใช้ของนางก็แต่งตัวอย่างสุภาพเรียบร้อย และคอยเดินไปเดินมาท่ามกลางผู้คนเพื่อดูแลแขกอีกด้านหนึ่ง มีพ่อครัวกำลังเตรียมอาหารอยู่ กลิ่นหอมของแกะย่างต่างโชยไปทั่วหากโยนเรื่องเหรียญเหล็กขยะที่ดูถูกคนก่อนหน้านี้ทิ้งไป งานเลี้ยงที่เซี่ยโฮ่วตานรั่วจัดขึ้นนั้นเป็นรูปแบบที่แปลกใหม่จริง ๆ สร้างความแปลกใหม่อย่างมากให้กับพวกคุณหนูคุณชายที่เติบโตอยู่ในเมืองหลวงตลอดหลิงอวี๋มองสิ่งเหล่านี้แล้วชื่นชมเซี่ยโฮ่วตานรั่วแม้ว่าองค์หญิงผู้นี้จะมีนิสัยเผด็จการ แต่เทียบกับการให้องค์หญิงหกมาจัดการเรื่องต่าง ๆ แล้วนางก็มีความสามารถในการทำสิ่งต่าง ๆ มากทีเดียวหลิงหว่านเดินทางไปเว่ยโจวมาแล้วหนึ่งครั้ง วิสัยทัศน์ของนางก็กว้างขึ้น มุมมองในการมองคนและสิ่งต่าง ๆ ของนาง
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็รู้สึกปวดหัว เรื่องเช่นนี้มีหรือนางจะกล้าทำ!ในบรรดาสตรีตระกูลผู้มีอำนาจในเมืองหลวงเหล่านี้ มีใครบ้างที่มิถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจ ใครจะยอมแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไปอยู่เยวี่ยใต้เล่า!พวกสตรีที่ยังอยู่ข้างกายหลิงอวี๋พอได้ยินสิ่งนี้ นอกจากหลิงหว่านแล้วพวกนางทั้งหมดก็เดินจากไปทันที เมื่อมู่หรงชิ่งเห็นดังนั้นนางก็หัวเราะเบา ๆ กับแลบลิ้นออกมาอย่างสนุกสนาน “พี่หญิงหลิงอวี๋ ข้าทำให้พวกนางกลัวหรือ?”“ไฉนพอได้ยินว่าแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไปเยวี่ยใต้ ถึงทำราวกับได้ยินเรื่องภัยพิบัติใหญ่หลวงเล่า! จริง ๆ แล้วเยวี่ยใต้ของเรามิได้แย่อย่างที่พวกเจ้าคิดหนา!”หลิงอวี๋ย่อมรู้ดีว่าเยวี่ยใต้มิได้ด้อยไปกว่าฉินตะวันตก นางจึงยิ้มแล้วเอ่ย “เรื่องนี้เจ้าจะไปตำหนิพวกนางมิได้ ใช่ว่าพวกนางจะทนความยากลำบากมิได้ เพียงแต่พวกนางมิอยากอยู่ห่างจากพ่อแม่มากนัก!”“แต่งงานไปอยู่เยวี่ยใต้ หากต้องการกลับบ้านมาเยี่ยมพ่อแม่ ในชีวิตนี้อาจจะไม่มีโอกาสเลยก็ได้! หากเป็นเจ้า แม้ว่าจะให้อาภรณ์เครื่องประดับความเป็นอยู่ที่ดี และความรุ่งเรืองมั่งคั่งแต่เจ้าจะมีความสุขหรือ?”มู่หรงชิ่งหยุดหัวเราะแล้วพยักหน้าพลางเอ่ย “
ไทเฮาเหลียงอยากจะดัดสตรีที่เห็นแก่ตัวเหล่านี้ในฉินตะวันตกมานานแล้ว แต่พวกนางมิได้ทำผิดใด ๆ นางยังจะสามารถจดจ้องความเห็นแก่ตัวนี้แล้วลงโทษพวกนางได้หรือ?นางมองดูเหล่าสตรีตรงหน้า พวกนางทุกคนล้วนมีความกระฉับกระเฉงและมีพลังมากพวกนางคือว่าที่มารดารุ่นใหม่ หากวิสัยทัศน์ยังถูกจำกัดอยู่แค่ในบ้าน เช่นนั้นฉินตะวันตกจะต้องจบเห่เป็นแน่!คนหนุ่มสาวควรฝึกฝนทักษะเสียหน่อย!ให้พวกนางได้รู้ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนก็ยังมีคน แล้วคนรุ่นต่อไปถึงจะมีความหวัง!ดังนั้นแม้ว่าไทเฮาเหลียงจะเดาได้ว่า เซี่ยโฮ่วตานรั่วอยากจะทำให้สตรีฉินตะวันตกต้องอับอาย แต่ก็มิสามารถพูดแทนพวกนางได้ครั้นเมื่อวัยเยาว์หากล้มแล้วประสบอุปสรรคก็ยังลุกขึ้นใหม่ได้ หากรอจนถึงวัยที่สายเกินแก้แล้วถึงจะเข้าใจเหตุผลนี้ เช่นนั้นทุกอย่างก็จะสายเกินไปแล้วหลังจากได้รับความยินยอมจากไทเฮา เซี่ยโฮ่วตานรั่วให้นางรับใช้ไปเรียกทุกคนมารวมกันอย่างมีความสุข“พี่น้องทุกท่าน วันนี้ข้าได้เตรียมรายการยิ่งใหญ่มาให้ทุกคน มันค่อนข้างใช้เวลานาน ดังนั้นรางวัลก็จะยิ่งใหญ่เหนือความคาดหมายเช่นกัน!”“ฉินตะวันตกมีคนมากหลาย พวกเจ้าสามารถจับฉลากหรือเสนอชื่อ
“องค์หญิงหก ฟางเหยาเหยา ตู้ตงหงกับฉินรั่วซือควรเปลี่ยนเป็นสวีเยวี่ย เผิงเสี่ยวฮุ่ยและเว่ยอวิ๋นนะ!”หลิงอวี๋เอ่ยขึ้นมา “สวีเยวี่ย เผิงเสี่ยวฮุ่ยและเว่ยอวิ๋นต่างก็เก่งวรยุทธ มีความอดทนดี ทั้งยังเตะลูกกลมได้ดีอีกด้วย! พวกนางเหมาะสมกว่า!”ยังมิทันที่เซียวทงจะพูดอะไร ตู้ตงหงก็ตะโกนขึ้นมา “พระชายาอ๋องอี้ นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร? กำลังดูถูกใครอยู่หรือไร? เหตุใดท่านมิพูดว่าให้เปลี่ยนตัวหลิงหว่านเล่า? เห็นได้ชัดว่าท่านมีอคติกับข้า!”ฉินรั่วซือลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางมิอยากได้รับเหรียญขยะนั่น!แต่นี่เป็นโอกาสที่จะแสดงตัวต่อหน้าองค์จักรพรรดิกับเซียวหลินเทียน!หลังจากกลับมาจากเว่ยโจว ฉินรั่วซือก็คิดอยู่ตลอดว่าจะเข้าใกล้เซียวหลินเทียนแล้วแต่งงานเข้าตำหนักอ๋องอี้ได้อย่างไรแต่ก็มิเคยมีโอกาสนั้นเลย!วันนั้นฉินรั่วซือรู้สึกกลุ้มมากจึงพาสาวใช้ไปจุดเครื่องหอม นางอธิษฐานต่อหน้าพระว่า ขอเพียงนางได้แต่งงานกับเซียวหลินเทียน นางจะมาปิดทองพระพุทธรูปคิดมิถึงเลยว่า หลังจากที่นางคำนับเสร็จจะมีสตรีที่งดงามมีเสน่ห์ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังพระพุทธรูป นางมองฉินรั่วซือด้วยรอยยิ้มมิคล้ายยิ้มแล้วเอ่ย“เจ้าอยากแต่ง
“หากพูดเช่นนี้เสียแต่แรก จะได้รับโทษเช่นนั้นหรือ!”อิงเหนียงยิ้มเยาะแล้วเอ่ย “เจ้ากลับไปรอก่อน อีกมิกี่วันข้าจะทำให้เจ้าแต่งงานเข้าตำหนักอ๋องอี้!”“ต่อไปหากข้าต้องการให้เจ้าทำสิ่งใด ข้าจะหาคนส่งข้อความถึงเจ้า! หากเจ้ากล้ามิเชื่อฟังข้า ข้าก็จะทำให้เจ้าตาย!”อิงเหนียงเอ่ยอย่างโหดร้าย “เจ้าเองก็อย่าแม้แต่จะคิดขอให้ใครช่วยเอาหนอนกู่ออกให้เจ้า หนอนกู่ที่ข้าเลี้ยงไว้ หากมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติข้าก็จะรู้ทันที!”“หากเจ้ายังมิได้เอาหนอนกู่ออกไป ข้าก็สามารถทำให้เจ้าตายได้! ดังนั้น... เจ้าควรทำตัวดี ๆ!”หลังจากที่อิงเหนียงไปแล้ว ฉินรั่วซือก็ไม่มีกะจิตกะใจที่จะไหว้พระแล้ว นางรีบพานางรับใช้กลับบ้านทันทีมิถึงสองวัน นางก็ได้ยินข่าวว่า ฮองเฮาเว่ยเสนอให้ตนแต่งงานกับเซียวหลินเทียนในฐานะชายารองจริง ๆ!ตอนนั้นที่ฉินรั่วซือได้ยินข่าวก็รู้สึกประหลาดใจและมีความสุขมาก อิงเหนียงทำได้จริง ๆ หรือ?แต่ต่อมา หลังจากฉินซานกลับมา เขาถามฉินรั่วซือด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “รั่วซือ เหตุใดฮองเฮาถึงให้เจ้าไปเป็นชายารองท่านอ๋องอี้? เจ้าไปทำสิ่งใดลับหลังข้า?”ฉินรั่วซือมีหรือจะกล้าบอกความจริง จึงเอ่ยไปอย่างรู้สึกผิด
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต