แชร์

บทที่ 967

ผู้เขียน: กานเฟย
“มิต้องหรอก!”

ไทเฮารีบเอ่ย “ตนเองอยากร้องเองสิถึงจะมีความสุข หากมีคนบังคับให้ร้องเพลง เช่นนั้นก็จะรู้สึกแตกต่างออกไป! อย่าให้คำพูดของข้าไปกระทบอารมณ์ของพวกนางเลย!”

ทุกคนที่อยู่ข้างหน้าร้องเพลงอย่างมีความสุขแล้วก็ร้องเพลงเพิ่มขึ้นทีละเพลง เซียวทงฟังแล้วก็รู้สึกมิค่อยชอบใจนัก

ในช่วงนี้นางกังวลอยู่ตลอด กลัวว่าเสด็จพ่อจะให้ตนแต่งงานกับองค์ชายจากฉีตะวันออกหรือเยวี่ยใต้เป็นการเชื่อมสัมพันธ์

นางได้ส่งคนไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับองค์ชายทั้งสองแล้ว องค์ชายหนิงแห่งฉีตะวันออกนั้นหาตัวจับยาก สืบข้อมูลเฉพาะใด ๆ มิได้เลย

ส่วนมู่หรงเหยียนซงจากเยวี่ยใต้ เซียวทงเคยพบกันเงียบ ๆ แล้ว แต่เขามิใช่คนที่นางชอบ

ฉินซาน… นับตั้งแต่ที่เขาสูญเสียแขนไปครึ่งหนึ่ง เซียวทงก็มิได้หลงใหลเขาเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว

ชายคนพิการจะมาคู่ควรกับตนได้เยี่ยงไรเล่า!

ยิ่งไปกว่านั้น ฉินซานก็เป็นคนหัวแข็งดื้อรั้น มิได้มีความรู้สึกใดกับตนเลย...

ก่อนหน้านี้เซียวทงก็เคยคิดว่า หากฉินซานยอมอ่อนโยนต่อตนบ้าง เพียงแค่ทำดีต่อตนเท่านั้น ถึงเขาจะพิการก็ช่างปะไร!

แต่นางเคยให้คนไปถามฉินซานเป็นการส่วนตัวแล้วแต่ฉินซานกลับปฏิเสธเพราะเขามิค
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 968

    พวกคนกลุ่มนี้ขึ้นไปถึงกลางภูเขากันโดยที่ต่างคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเองเซี่ยโฮ่วตานรั่วเลือกพื้นที่ราบแล้วตั้งกระโจมขนาดใหญ่แบบเปิดกว้างในสวนดอกไม้ไว้รองรับแขกพร้อมทั้งอาหารแบบบริการตัวเองคล้ายกับในสมัยใหม่ตรงกลางมีโต๊ะหลายโต๊ะที่เต็มไปด้วยผลไม้ตามฤดูกาลพวกสิ่งที่ต้องมีสำหรับต้อนรับแขกนั้น เซี่ยโฮ่วตานรั่วได้เตรียมพร้อมไว้ทุกอย่างแล้ว นางรับใช้ของนางก็แต่งตัวอย่างสุภาพเรียบร้อย และคอยเดินไปเดินมาท่ามกลางผู้คนเพื่อดูแลแขกอีกด้านหนึ่ง มีพ่อครัวกำลังเตรียมอาหารอยู่ กลิ่นหอมของแกะย่างต่างโชยไปทั่วหากโยนเรื่องเหรียญเหล็กขยะที่ดูถูกคนก่อนหน้านี้ทิ้งไป งานเลี้ยงที่เซี่ยโฮ่วตานรั่วจัดขึ้นนั้นเป็นรูปแบบที่แปลกใหม่จริง ๆ สร้างความแปลกใหม่อย่างมากให้กับพวกคุณหนูคุณชายที่เติบโตอยู่ในเมืองหลวงตลอดหลิงอวี๋มองสิ่งเหล่านี้แล้วชื่นชมเซี่ยโฮ่วตานรั่วแม้ว่าองค์หญิงผู้นี้จะมีนิสัยเผด็จการ แต่เทียบกับการให้องค์หญิงหกมาจัดการเรื่องต่าง ๆ แล้วนางก็มีความสามารถในการทำสิ่งต่าง ๆ มากทีเดียวหลิงหว่านเดินทางไปเว่ยโจวมาแล้วหนึ่งครั้ง วิสัยทัศน์ของนางก็กว้างขึ้น มุมมองในการมองคนและสิ่งต่าง ๆ ของนาง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 969

    หลิงอวี๋ฟังแล้วก็รู้สึกปวดหัว เรื่องเช่นนี้มีหรือนางจะกล้าทำ!ในบรรดาสตรีตระกูลผู้มีอำนาจในเมืองหลวงเหล่านี้ มีใครบ้างที่มิถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจ ใครจะยอมแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไปอยู่เยวี่ยใต้เล่า!พวกสตรีที่ยังอยู่ข้างกายหลิงอวี๋พอได้ยินสิ่งนี้ นอกจากหลิงหว่านแล้วพวกนางทั้งหมดก็เดินจากไปทันที เมื่อมู่หรงชิ่งเห็นดังนั้นนางก็หัวเราะเบา ๆ กับแลบลิ้นออกมาอย่างสนุกสนาน “พี่หญิงหลิงอวี๋ ข้าทำให้พวกนางกลัวหรือ?”“ไฉนพอได้ยินว่าแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไปเยวี่ยใต้ ถึงทำราวกับได้ยินเรื่องภัยพิบัติใหญ่หลวงเล่า! จริง ๆ แล้วเยวี่ยใต้ของเรามิได้แย่อย่างที่พวกเจ้าคิดหนา!”หลิงอวี๋ย่อมรู้ดีว่าเยวี่ยใต้มิได้ด้อยไปกว่าฉินตะวันตก นางจึงยิ้มแล้วเอ่ย “เรื่องนี้เจ้าจะไปตำหนิพวกนางมิได้ ใช่ว่าพวกนางจะทนความยากลำบากมิได้ เพียงแต่พวกนางมิอยากอยู่ห่างจากพ่อแม่มากนัก!”“แต่งงานไปอยู่เยวี่ยใต้ หากต้องการกลับบ้านมาเยี่ยมพ่อแม่ ในชีวิตนี้อาจจะไม่มีโอกาสเลยก็ได้! หากเป็นเจ้า แม้ว่าจะให้อาภรณ์เครื่องประดับความเป็นอยู่ที่ดี และความรุ่งเรืองมั่งคั่งแต่เจ้าจะมีความสุขหรือ?”มู่หรงชิ่งหยุดหัวเราะแล้วพยักหน้าพลางเอ่ย “

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 970

    ไทเฮาเหลียงอยากจะดัดสตรีที่เห็นแก่ตัวเหล่านี้ในฉินตะวันตกมานานแล้ว แต่พวกนางมิได้ทำผิดใด ๆ นางยังจะสามารถจดจ้องความเห็นแก่ตัวนี้แล้วลงโทษพวกนางได้หรือ?นางมองดูเหล่าสตรีตรงหน้า พวกนางทุกคนล้วนมีความกระฉับกระเฉงและมีพลังมากพวกนางคือว่าที่มารดารุ่นใหม่ หากวิสัยทัศน์ยังถูกจำกัดอยู่แค่ในบ้าน เช่นนั้นฉินตะวันตกจะต้องจบเห่เป็นแน่!คนหนุ่มสาวควรฝึกฝนทักษะเสียหน่อย!ให้พวกนางได้รู้ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนก็ยังมีคน แล้วคนรุ่นต่อไปถึงจะมีความหวัง!ดังนั้นแม้ว่าไทเฮาเหลียงจะเดาได้ว่า เซี่ยโฮ่วตานรั่วอยากจะทำให้สตรีฉินตะวันตกต้องอับอาย แต่ก็มิสามารถพูดแทนพวกนางได้ครั้นเมื่อวัยเยาว์หากล้มแล้วประสบอุปสรรคก็ยังลุกขึ้นใหม่ได้ หากรอจนถึงวัยที่สายเกินแก้แล้วถึงจะเข้าใจเหตุผลนี้ เช่นนั้นทุกอย่างก็จะสายเกินไปแล้วหลังจากได้รับความยินยอมจากไทเฮา เซี่ยโฮ่วตานรั่วให้นางรับใช้ไปเรียกทุกคนมารวมกันอย่างมีความสุข“พี่น้องทุกท่าน วันนี้ข้าได้เตรียมรายการยิ่งใหญ่มาให้ทุกคน มันค่อนข้างใช้เวลานาน ดังนั้นรางวัลก็จะยิ่งใหญ่เหนือความคาดหมายเช่นกัน!”“ฉินตะวันตกมีคนมากหลาย พวกเจ้าสามารถจับฉลากหรือเสนอชื่อ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 971

    “องค์หญิงหก ฟางเหยาเหยา ตู้ตงหงกับฉินรั่วซือควรเปลี่ยนเป็นสวีเยวี่ย เผิงเสี่ยวฮุ่ยและเว่ยอวิ๋นนะ!”หลิงอวี๋เอ่ยขึ้นมา “สวีเยวี่ย เผิงเสี่ยวฮุ่ยและเว่ยอวิ๋นต่างก็เก่งวรยุทธ มีความอดทนดี ทั้งยังเตะลูกกลมได้ดีอีกด้วย! พวกนางเหมาะสมกว่า!”ยังมิทันที่เซียวทงจะพูดอะไร ตู้ตงหงก็ตะโกนขึ้นมา “พระชายาอ๋องอี้ นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร? กำลังดูถูกใครอยู่หรือไร? เหตุใดท่านมิพูดว่าให้เปลี่ยนตัวหลิงหว่านเล่า? เห็นได้ชัดว่าท่านมีอคติกับข้า!”ฉินรั่วซือลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางมิอยากได้รับเหรียญขยะนั่น!แต่นี่เป็นโอกาสที่จะแสดงตัวต่อหน้าองค์จักรพรรดิกับเซียวหลินเทียน!หลังจากกลับมาจากเว่ยโจว ฉินรั่วซือก็คิดอยู่ตลอดว่าจะเข้าใกล้เซียวหลินเทียนแล้วแต่งงานเข้าตำหนักอ๋องอี้ได้อย่างไรแต่ก็มิเคยมีโอกาสนั้นเลย!วันนั้นฉินรั่วซือรู้สึกกลุ้มมากจึงพาสาวใช้ไปจุดเครื่องหอม นางอธิษฐานต่อหน้าพระว่า ขอเพียงนางได้แต่งงานกับเซียวหลินเทียน นางจะมาปิดทองพระพุทธรูปคิดมิถึงเลยว่า หลังจากที่นางคำนับเสร็จจะมีสตรีที่งดงามมีเสน่ห์ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังพระพุทธรูป นางมองฉินรั่วซือด้วยรอยยิ้มมิคล้ายยิ้มแล้วเอ่ย“เจ้าอยากแต่ง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 972

    “หากพูดเช่นนี้เสียแต่แรก จะได้รับโทษเช่นนั้นหรือ!”อิงเหนียงยิ้มเยาะแล้วเอ่ย “เจ้ากลับไปรอก่อน อีกมิกี่วันข้าจะทำให้เจ้าแต่งงานเข้าตำหนักอ๋องอี้!”“ต่อไปหากข้าต้องการให้เจ้าทำสิ่งใด ข้าจะหาคนส่งข้อความถึงเจ้า! หากเจ้ากล้ามิเชื่อฟังข้า ข้าก็จะทำให้เจ้าตาย!”อิงเหนียงเอ่ยอย่างโหดร้าย “เจ้าเองก็อย่าแม้แต่จะคิดขอให้ใครช่วยเอาหนอนกู่ออกให้เจ้า หนอนกู่ที่ข้าเลี้ยงไว้ หากมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติข้าก็จะรู้ทันที!”“หากเจ้ายังมิได้เอาหนอนกู่ออกไป ข้าก็สามารถทำให้เจ้าตายได้! ดังนั้น... เจ้าควรทำตัวดี ๆ!”หลังจากที่อิงเหนียงไปแล้ว ฉินรั่วซือก็ไม่มีกะจิตกะใจที่จะไหว้พระแล้ว นางรีบพานางรับใช้กลับบ้านทันทีมิถึงสองวัน นางก็ได้ยินข่าวว่า ฮองเฮาเว่ยเสนอให้ตนแต่งงานกับเซียวหลินเทียนในฐานะชายารองจริง ๆ!ตอนนั้นที่ฉินรั่วซือได้ยินข่าวก็รู้สึกประหลาดใจและมีความสุขมาก อิงเหนียงทำได้จริง ๆ หรือ?แต่ต่อมา หลังจากฉินซานกลับมา เขาถามฉินรั่วซือด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “รั่วซือ เหตุใดฮองเฮาถึงให้เจ้าไปเป็นชายารองท่านอ๋องอี้? เจ้าไปทำสิ่งใดลับหลังข้า?”ฉินรั่วซือมีหรือจะกล้าบอกความจริง จึงเอ่ยไปอย่างรู้สึกผิด

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 973

    เมื่อเซียวทงเห็นว่าฉินรั่วซือมิยอมเปลี่ยนตัวก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจให้กับหลิงอวี๋ “ท่านพี่สะใภ้สี่ อย่าได้ทำให้ความกระตือรือร้นของทุกคนลดน้อยลงเลย! เอาตามนี้เถิด!”“ไป พวกเราไปเปลี่ยนอาภรณ์เตรียมตัวกัน!”ฟางเหยาเหยาก็มิพอใจที่หลิงอวี๋เสนอจะเปลี่ยนตัวนางเช่นกัน จึงลากตู้ตงหง เผยเหลียนและคนอื่น ๆ ตามองค์หญิงหกไปเปลี่ยนอาภรณ์หลิงอวี๋จนใจ จึงกระซิบกับอันซิน “เจ้าให้พวกสวีเยวี่ย เผิงเสี่ยวฮุ่ยและเว่ยอวิ๋นไปเปลี่ยนอาภรณ์ด้วย เตรียมพร้อมไว้หากประเดี๋ยวมีคนมิไหวก็จะให้เข้าแทน!”มิรู้ว่าอันซินไปบอกพวกนางว่าอย่างไร แต่คนเหล่านั้นมิได้มีการโต้แย้งแล้วไปหาที่เปลี่ยนอาภรณ์ทันทีทางด้านแขกบุรุษได้ยินว่าพวกสตรีกำลังจะแข่งขันเตะลูกกลมกัน จักรพรรดิอู่อันจึงนำพวกเขามารอชมความสนุกกันทั้งสามกลุ่มจากสามแคว้น มีองค์หญิงจากทั้งสามแคว้นเป็นหัวหน้า อันได้แก่ เซียวทง มู่หรงชิ่งและเซี่ยโฮ่วตานรั่วไทเฮาเป็นประธานในการจับสลาก หัวหน้าทั้งสามคนต่างเปลี่ยนเป็นชุดขี่ม้า มัดผม เรียบร้อยและยืนต่อหน้าไทเฮาอย่างกล้าหาญไทเฮายิ้มแล้วให้ไป่ซุ่ยวางหลอดฉลากไว้บนโต๊ะ และเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “การแข่งขันเตะลูกกลมสตรีสามแคว้น

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 974

    หลิงอวี๋เองก็จนใจเช่นกัน แต่หัวหน้ากลุ่มได้รับการยืนยันจากจักรพรรดิอู่อันแล้ว ตนคิดจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนเองได้ที่ไหนกัน!“พวกเจ้าคอยดูกลยุทธ์และจุดเด่นของทั้งสองฝ่ายไว้ให้ดีก่อน! คอยสังเกตข้อบกพร่องของพวกนางให้มากเป็นพิเศษ! พวกเรามิอยากอยู่รั้งท้าย หากความแข็งแกร่งของเรามิเท่าของพวกนาง เราก็ทำได้เพียงคิดอุบายเอาชนะให้ได้!”สวีเยวี่ยที่สามารถเล่นเตะลูกกลมได้ กับเผิงเสี่ยวฮุ่ย เว่ยอวิ๋น เจียงอวี้และคนอื่น ๆ ต่างก็เฝ้าดูอย่างตั้งใจในมิช้าฉีตะวันออกก็ทำประตูได้แล้วหนึ่งลูก เซี่ยโฮ่วตานรั่วก็กระโดดขึ้นมาอย่างมีความสุขแล้วโบกมือไปที่ผู้ตัดสินองค์ชายหนิงแห่งฉีตะวันออกแย้มรอยยิ้มบนในหน้า เขานั่งอยู่กับองค์ชายคัง เซียวหลินเทียนและมู่หรงเหยียนซงเมื่อองค์ชายคังเห็นท่าทีตื่นเต้นของเซี่ยโฮ่วตานรั่ว เขาก็ยิ้มแล้วเอ่ย “องค์ชายหนิง องค์หญิงตานรั่วเป็นวีรสตรีในหมู่สตรีจริง ๆ นางมีความสามารถทั้งทางบุ๋นและบู๊ หาได้ยากมากในหมู่สตรี!”“องค์ชายคังชมเกินไปแล้ว!”องค์ชายหนิงอยู่ในวัยยี่สิบต้น ๆ ใบหน้าของเขาคมชัดราวกับประติมากรรม มีขอบมีมุม ภายนอกดูสงบสง่างาม แต่ในดวงตามีประกายที่ทำให้คนมิกล้าดูถูกแม้

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 975

    หลังจากถูกเตือนจากหลิงอวี๋ จูหลานก็ได้ตรวจสอบเรื่องที่เสี่ยวเป่าของนางติดเชื้อโรคฝีดาษแล้วสิ่งที่ทำให้นางตกใจก็คือ อาการเจ็บป่วยของเสี่ยวเป่านั้นเกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์จริง ๆ!และเป็นพระชายาเว่ยอีกแล้วที่ติดสินบนคนรับใช้ แอบเอาเสื้อผ้าที่ผู้ป่วยโรคฝีดาษสวมใส่มาวางไว้ใต้หมอนของเสี่ยวเป่าเงียบ ๆจูหลานโกรธมาก และดุด่าองค์ชายเย่“ท่านไม่มีความสามารถที่จะไปเทียบเทียมกับผู้อื่นด้วยซ้ำ แต่กลับคิดถึงตำแหน่งนั้น! ดูเอาเถิด ท่านเพิ่งจะเคลื่อนไหว เขาก็ลงดาบกับลูกชายของท่านแล้ว!”“ท่านยังห้ามหม่อมฉันมิให้ไปขอร้องพี่สะใภ้สี่ให้มาตรวจเสี่ยวเป่าอีก… หากไม่มีพี่สะใภ้สี่ เสี่ยวเป่าก็คงตายไปแล้ว!”จูหลานตะโกนออกมาอย่างเศร้าเสียใจ “เซียวหลินมู่ หม่อมฉันแต่งงานกับท่านโดยมิคิดว่าท่านจะต้องกลายเป็นผู้สูงศักดิ์ที่สุดในฉินตะวันตก!”“หากตำแหน่งนั้นสำคัญสำหรับท่านมากถึงเพียงนั้น... สำคัญมากจนท่านแลกได้กระทั่งชีวิตของเราแม่ลูก! เช่นนั้นท่านก็ไปแย่งชิงมาให้ได้เสียเถิด! หวังเพียงว่าในท้ายที่สุดท่านจะมิเสียใจเพคะ!”ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา จูหลานก็ขับไล่องค์ชายเย่ออกจากเรือนของตนก่อนหน้านี้นางบอกหลิงอวี๋ว

บทล่าสุด

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1902

    ต่งเฉิงมองหลิงอวี๋พลางพยักหน้ารัว ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับลูบเคราของตัวเองว่า “สาวน้อยนางนี้รู้จักเครื่องยาสมุนไพรมากมายเช่นนี้นับว่าหายาก!”เครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้มิใช่สมุนไพรธรรมดาทั้งหมด นอกจากเครื่องยาสมุนไพรที่ใช้ในการกลั่นโอสถระดับต้นแล้ว ยังมีระดับกลางและระดับสูงจำนวนเล็กน้อยอีกด้วยโดยทั่วไป ผู้เข้าสอบที่ตอบได้เจ็ดสิบถึงแปดสิบชนิดก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว ทว่าหลิงอวี๋สามารถตอบได้มากกว่าหนึ่งร้อยชนิด ถือว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงเลยทีเดียวเพิ่งเข้ามาก็ทำคะแนนได้ดีถึงเพียงนี้ หากนางได้เรียนอย่างเป็นระบบก็คงแซงหน้าบัณฑิตคนอื่นได้ในมิช้า“ตึง ตึง ตึง!”เมื่อเสียงกลองดังขึ้นสามครั้ง การสอบแข่งขันของกลุ่มนี้ก็สิ้นสุดลง“หนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดคะแนน!”กลองหยุดลงแล้ว และบนใบหน้าของศิษย์พี่หญิงก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นเป็นครั้งแรก นางหยิบป้ายส่งให้หลิงอวี๋พร้อมรอยยิ้ม“การสอบแข่งขันรอบต่อไปจะจัดขึ้นในช่วงบ่าย! ความสามารถในการจำแนกเครื่องยาสมุนไพรของเจ้าดีที่สุดในรอบนี้ ทำให้ดีล่ะ!”“ขอบคุณศิษย์พี่หญิง!”หลิงอวี๋รับป้ายมาด้วยความตื่นเต้น พลางหันไปดูผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ ที่กำลังมองนางด้

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1901

    เป็นไปตามคาด หลิงอวี๋เห็นใบหน้าที่งดงามทว่าโหดร้ายนั้น และนั่นก็คือศัตรูที่นางมิอาจลืมเลือน...จ้าวหรุ่ยหรุ่ย!ชั่วขณะนั้นดวงตาของหลิงอวี๋เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พลางนึกอยากจะรุดเข้าไปฉีกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นชิ้น ๆ เพียงหลับตา นางก็มิอาจควบคุมตนมิให้นึกถึงฉากที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเตะต่อยตนความเจ็บปวดและเลือดสด ๆ อีกทั้งความทุกข์ทรมานจากการสูญเสียลูกไปทำให้หลิงอวี๋มิอาจลืมความเกลียดชังที่ตนมีต่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้เลย!คาดมิถึงว่าศัตรูจะปรากฏตัวต่อหน้าตนเช่นนี้!หลิงอวี๋ตื่นตัวมากจนร่างกายสั่นเทา แต่นางก็ยังสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้นางมิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย การวู่วามลงมือมีแต่จะเป็นการรนหาที่ตายเท่านั้นหลิงอวี๋สูดหายใจเข้าลึกพลางมองเด็กสาวที่ประกาศสงครามกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเด็กสาวคนนี้ดูอายุราว ๆ สิบหกสิบเจ็ดปี มีรูปร่างสูง ใบหน้ารูปไข่ คิ้วโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว และดวงตาแวววาวสดใสผมสีดำสนิทของนางถูกแสกกลางและถักเป็นเปียยาวสองข้างพันไว้รอบมวยผม ข้าง ๆ มวยผมนั้นมีปิ่นมุกปักประดับอยู่สองอันเด็กสาวสวมชุดกระโปรงสีม่วงควันธูป และเมื่อดูจากเนื้อผ้าแล้ว นางน่าจะเป็นค

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1900

    ข่าวที่สือหรงนำมาให้เซียวหลินเทียนมิใช่ข่าวดี จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยังคงอยู่ในตำหนักเทียนจีและมิได้มาลงทะเบียนด้วยตนเองหากอยากพบกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ก็ทำได้แค่ต้องรอจนถึงวันคัดเลือกรอบแรกเท่านั้นแต่เซียวหลินเทียนก็มิย่อท้อ ถึงอย่างไรขอเพียงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยปรากฏตัว เขาก็จะไม่มีทางปล่อยนางหนีไปอีกแน่ ให้นางเป็นอิสระอีกสักสองสามวันก็คงมิเป็นไร!ในช่วงวันเวลาที่เหลือ หลายคนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเช่นเดียวกับหลิงอวี๋ พวกเขาอ่านตำราอย่างหนักและเพิ่มพูนความรู้ที่ขาดไป เพื่อที่จะผ่านการคัดเลือกและได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงทว่าหลิงอวี๋มิรู้เลยว่าศัตรูของตนมาถึงเมืองหลวงแดนเทพแล้ว หลังจากเอาแต่ปิดห้องอ่านตำราเป็นเวลาหลายวันนางก็มาที่สำนักศึกษาชิงหลงที่อยู่นอกเมืองในวันแห่งการคัดเลือก โดยมีผู้รอบรู้เรื่องร่วมเดินทางด้วยหน้าทางเข้าสำนักศึกษาชิงหลงเต็มไปด้วยผู้คนทั้งบุรุษและสตรี ทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมกันนับพันคนผู้รอบรู้เห็นเช่นนั้นก็ทึ่งจนพูดมิออก และอ้ำอึ้งพูดออกไปว่า “รู้เช่นนี้ข้าน่าจะมาลงทะเบียนเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงกับเจ้าด้วย เฮ้อ ตอนนี้มันสายไปเสียแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้ม นางรู้ว่าผู้รอบร

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1899

    “เถาจื่อ หานอวี้ วันพรุ่งพวกเจ้าไปลงทะเบียนเสีย!”เซียวหลินเทียนทำการตัดสินใจและกำชับว่า “ลงทะเบียนในชื่อของน้องสาวข้า!”“เผยอวี้ ฉินซาน พวกเจ้าสองคนก็ไปลงทะเบียนสาขาที่ตนเองชื่นชอบด้วย พวกเจ้าทั้งคู่บอกแค่ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าก็พอ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทุกคนก็หัวเราะอย่างมีความสุข พลางพยักหน้าและจัดลำดับอาวุโสกันให้เซียวหลินเทียนเป็นพี่ใหญ่ของทุกคน เถาจื่อเป็นพี่หญิงใหญ่ หานเหมยเป็นพี่น้องคนที่สาม และหานอวี้เป็นคนที่สี่เซียวหลินเทียนได้บอกจุดประสงค์ของภารกิจให้พวกเขาทราบแล้ว เถาจื่อกับหานอวี้ต้องให้ความสำคัญกับฝั่งของสตรีวันรุ่งขึ้น เถาจื่อและหานอวี้ไปลงทะเบียน และทั้งคู่ก็เลือกวิชาปรุงโอสถเนื่องจากก่อนหน้านี้พวกนางเคยตามหลิงอวี๋ไปจำแนกเครื่องยาสมุนไพรหลายชนิด ในความคิดของพวกนาง การกลั่นโอสถเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการผ่านการประเมินมีชั้นเรียนที่สอนการกลั่นโอสถเพียงสองแห่งเท่านั้น ดังนั้นเถาจื่อและหานอวี้จึงต้องลงทะเบียนเรียนคนละชั้นเรียนและเถาจื่อก็ได้ลงทะเบียนเรียนชั้นเรียนของหอโอสถซ่างกู่เซียวหลินเทียน เผยอวี้และคนอื่น ๆ ก็ไปลงทะเบียนด้วยเซียวหลินเทียนลงทะ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1898

    เผยอวี้เหลียวซ้ายแลขวาไปรอบ ๆ เมืองหลวงแดนเทพที่เจริญรุ่งเรืองราวกับคนบ้านนอก ทำเอาเขาอดมิได้ที่จะถอนหายใจ“มิแปลกใจที่ทุกคนล้วนพูดว่าเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรือง เพราะที่นี่เจริญจริง ๆ ดังคำกล่าว นายท่านอู่ เมืองหลวงแดนเทพแห่งนี้ใหญ่กว่าเมืองหลวงในฉินตะวันตกของพวกเราหลายเท่านัก!”เซียวหลินเทียนวางแผนใช้คำในชื่อจักรพรรดิเซิ่งอู่ของตนเป็นแซ่ ดังนั้น เผยอวี้และคนอื่น ๆ จึงได้เปลี่ยนมาเรียกเซียวหลินเทียนว่านายท่านอู่หานอวี้กับเถาจื่อและคนอื่น ๆ ที่ได้รีบมารวมตัวกับกลุ่มของเซียวหลินเทียนต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆทว่าเซียวหลินเทียนกลับรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา เมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองแล้วอย่างไร?หากไม่มีหลิงอวี๋อยู่เคียงข้าง มิว่าทิวทัศน์จะสวยงามเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์ยิ่งเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองและมีขนาดใหญ่มากเท่าไร การตามหาหลิงอวี๋ก็จะยิ่งยากมากเท่านั้นท่ามกลางฝูงชนมหาศาลนี้เขาจะหาตัวหลิงอวี๋ของเขาพบได้อย่างไร?ฉินซาน หานเหมยและสือหรงล่วงหน้ากันไปก่อน ในช่วงที่ยังสร้างตำหนักปีกเงินแห่งใหม่มิเสร็จนี้ ทั้งสามคนได้ซื้อที่ดินใหญ่ที่มีหกส่วนเพื่อให้ทุกคนใช้เป็นที่อย

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1897

    หลิงอวี๋เห็นด้วยกับผู้รอบรู้ เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นสงสัยว่านางกับผู้รอบรู้มิใช่พี่น้องกันแท้ ๆ นางจึงเปลี่ยนแซ่ของตนเป็นแซ่เดียวผู้รอบรู้และใช้นามว่า สิงอวี๋วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ไปที่ห้องโถงหลักของหอโอสถซ่างกู่เพื่อลงทะเบียน ที่ทางเข้าหอโอสถซ่างกู่นั้นมีทั้งบุรุษและสตรีต่อแถวยาวเป็นหางว่าวหลิงอวี๋รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเมื่อเห็นแถวยาวถึงเพียงนี้ ต้องต่อแถวไปถึงเมื่อไรกว่าตนจะได้ลงทะเบียนเล่านี่!แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่ออนาคตของตนในวันข้างหน้า นางก็ทำได้เพียงต่อแถวต่อไปอย่างว่าง่ายเท่านั้นคุณหนูและนายน้อยบางส่วนมิได้มาด้วยตนเอง แต่ส่งสาวใช้และคนรับใช้ไปต่อแถวให้เด็กสาวท่าทางเหมือนคุณหนูที่อยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะขึ้นมา“แม้แต่มาต่อแถวก็ยังไม่มีความจริงใจ แต่กลับอยากเป็นศิษย์ของอาจารย์เย่น่ะหรือ คนเช่นนี้สมควรถูกปัดตกไปเสีย!”สาวใช้ด้านหน้าหลิงอวี๋ที่มาต่อแถวแทนเจ้านายได้ยินเช่นนั้นก็พูดอย่างดูถูกว่า “ไม่มีใครตั้งกฎว่าห้ามสาวใช้มาต่อแถวให้นี่! ตระกูลเหลยของท่านขัดสนมากจนไม่มีเงินจ้างสาวใช้หรืออย่างไร?”เหลยเหวินโกรธจัดและตะโ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1896

    หลิงอวี๋มิได้ถือโทษผู้รอบรู้และกล่าวว่า “พี่ใหญ่มิต้องกังวลไป กินข้าวกันก่อนเถิด ท่านซื้อตำรับกลั่นโอสถมิได้ก็ช่างมัน ข้ามีที่เรียนแล้ว!”ในขณะที่กำลังกินข้าวหลิงอวี๋ก็เล่าให้ผู้รอบรู้ฟังว่าสำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตวิชาปรุงโอสถ“วันพรุ่งข้าจะไปลงทะเบียน หากข้าได้ที่หนึ่ง ข้าก็จะได้เรียนวิชาปรุงโอสถโดยมิต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว!”แต่แม้จะมิได้ที่หนึ่งหลิงอวี๋ก็คิดว่าตนสามารถหาเงินห้าหมื่นอีแปะจากการขายตำรับยาเพียงมิกี่เล่ม นางจึงมิได้เก็บมาใส่ใจ“พี่ใหญ่ ตอนที่ลงทะเบียนมีปรมาจารย์ให้เลือกเรียนด้วยสองคน ข้ามิรู้ว่าควรจะเลือกปรมาจารย์คนไหน วันพรุ่งท่านช่วยไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนิสัยของแต่ละคนให้ข้าหน่อยนะ!”เมื่อผู้รอบรู้ได้ยินว่า นักปรุงโอสถแห่งหอโอสถไป๋เป่าและซ่างกู่จะรับหน้าที่เป็นครู เขาก็พูดโดยมิลังเลว่า “มิจำเป็นต้องไปสอบถามหรอก เลือกครูของหอโอสถซ่างกู่สิ!”“เพราะเหตุใดหรือ?” หลิงอวี๋ถามด้วยความอยากรู้ผู้รอบรู้ยิ้มหยัน “คนของหอโอสถไป๋เป่าเหล่านั้นเป็นพวกยโสชอบดูถูกคนอื่น! เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังหอโอสถของพวกเขาคือฮูหยินของเจ้าแห่งทะเลของตระกูลหลงอย่างไรเล่า!”“

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1895

    เมื่อเห็นบรรยากาศที่แสนจะคึกคัก หลิงอวี๋ก็เข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นนางเห็นประกาศว่า สำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตในหลายสาย เช่น สายนักปรุงโอสถ สายนักสร้างอาวุธ สายนักทำนายดวงดาว สายนักอัญเชิญ และสายจอมยุทธ์ ขณะที่หลิงอวี๋กำลังอ่านประกาศ นางก็ได้ยินผู้คนรอบ ๆ พูดคุยกันจากบทสนทนาของพวกเขา ทำให้หลิงอวี๋ได้รู้ว่า สำนักศึกษาชิงหลงนั้นอยู่ในการดำเนินงานของราชสำนักซึ่งให้การศึกษาด้านการฝึกฝนในระดับสูงผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นครูคือปรมาจารย์ที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ หากมีบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศประจักษ์แก่สายตาของอาจารย์เหล่านี้ พวกเขาก็สามารถรับเป็นศิษย์และเข้าร่วมกับกองทัพของราชสำนัก หรือสำนักใหญ่ ๆ ได้แดนเทพเปิดกว้างมากเรื่องความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรี สตรีนั้นสามารถเข้ามาร่ำเรียนในสำนักศึกษาและได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับบัณฑิตชายหลิงอวี๋รู้สึกถูกใจในสิ่งที่ได้เห็น การที่ได้ไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาเช่นนี้ จะทำให้ตนเข้าใจการปรุงโอสถได้ง่ายขึ้น ดีกว่าลองผิดลองถูกมิใช่หรือ?นางตั้งใจอ่านอีกครั้ง ข้อกำหนดในการลงทะเบียนมิได้เข้มงวดเกินไป และใช้เงินเพียงห้าตำลึงเงินเท่านั้นในการลงทะเบี

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1894

    หลิงอวี๋และผู้รอบรู้ได้มาถึงเมืองหลวงแดนเทพ เหมือนกับที่ผู้รอบรู้บอก เมืองหลวงแดนเทพเต็มไปด้วยโอกาสเพราะที่นี่มีผู้บำเพ็ญตนมากมายและเต็มไปด้วยกลุ่มคนน้อยใหญ่อยู่ทั่วทุกหนแห่งหลิงอวี๋เองก็รู้สึกทึ่งกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงแดนเทพ มีร้านค้าอยู่ทั่วทุกมุมและสินค้าที่ขายก็มีความหลากหลายแปลกตาและสวยงามเช่นเดียวกัน ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงแดนเทพก็มีราคาแพงสองวันแรกทั้งสองคนพักที่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ บริเวณชานเมือง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคืนละห้าสิบตำลึงเงินหลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก ในที่สุดผู้รอบรู้ก็ได้ซื้อเรือนเล็ก ๆ ของตรอกเล็กในเมืองที่อยู่ไกลออกไปโดยใช้เงินไปเกือบสามหมื่นนี่เทียบเท่ากับการใช้สมบัติของหลิงอวี๋ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้รอบรู้รู้สึกปวดใจอยู่นานแต่หลิงอวี๋พอใจแล้ว การซื้อเรือนเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ในราคาต่ำเช่นนี้ ถือว่าผู้รอบรู้ก็มีความสามารถ มิเช่นนั้น หากดูตามราคาตลาด เรือนแห่งนี้อาจมีราคาสูงถึงห้าหมื่นด้วยซ้ำ“พี่ใหญ่ เงินหมดก็หาใหม่ได้ มิต้องเสียใจไปหรอก พวกเรามีบ้านแล้วก็สามารถหาอาชีพทำมาหากินได้”หลิงอวี๋พูดปลอบอีกฝ่ายด้วยความมั่นใจเรือนเล็กนี้รวมห

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status