ขณะนี้หลิงอวี๋มีความคิดมากมายอยู่ในหัวแม้ว่าการกระทำเช่นนี้ของเซี่ยโฮ่วตานรั่วจะมีความหมายในการดูถูก แต่ก็หาข้อผิดพลาดอะไรมิได้เลยจริง ๆหากต้องหารนั่งเกี้ยวของพวกเขาก็ต้องยอมรับเงื่อนไขของพวกเขาหากมิต้องการยอมรับชื่อว่าเป็นขยะ เช่นนั้นก็เดินขึ้นภูเขาด้วยตัวเอง พิสูจน์ให้เซี่ยโฮ่วตานรั่วเห็นว่าตนมิใช่ขยะ!ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อนึกถึงชื่อเรียกที่ดูถูกคนในแผ่นดินแล้ว หลิงอวี๋ก็ถอนหายใจออกมา มีเพียงแต่แคว้นต้องแข็งแกร่งเท่านั้นคนอื่นจึงจะมิกล้าดูถูก!เซี่ยโฮ่วตานรั่วกล้าทำเช่นนี้ในวันนี้ ก็เพราะเห็นความอ่อนแอของสตรีในฉินตะวันตกอย่างชัดเจน จึงใช้เรื่องนี้มาดูถูกสตรีในฉินตะวันตกมิใช่หรือ?“พระชายาอ๋องอี้ พูดอะไรสักอย่างสิ! ท่านมีสถานะสูงสุดในหมู่พวกเรา หรือท่านจะปล่อยให้พวกนางวางอำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้?”เมื่อเห็นหลิงอวี๋เงียบไป เจิงจื่ออวี้ก็ตะโกนอย่างมิพอใจหลิงอวี๋เหลือบมองนางแล้วเอ่ยกับนางรับใช้ที่มาต้อนรับอย่างเรียบ ๆ “องค์หญิงตานรั่วตรัสเพียงว่า หากต้องการนั่งเกี้ยวของพวกเจ้าขึ้นไป ถึงจำเป็นต้องลงนามรับเหรียญ มิได้บอกข้อจำกัดว่าจะขึ้นไปเยี่ยงไรใช่หรือไม่?”นางรับใช้เอ่ยอย่างสบาย
“พี่ ๆ เรามาสู้ไปด้วยกันนะ ต้องมิให้คนฉีตะวันออกหัวเราะเยาะเราได้เป็นอันขาด!”อวี๋หลานเป็นคนนิสัยดีและมีความเป็นมิตร สตรีหลายคนในเมืองหลวงล้วนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนาง เมื่อนางให้กำลังใจเช่นนี้ สตรีเหล่านั้นก็พยักหน้ากันหมดแม้ว่าเจิงจื่ออวี้จะมิได้เห็นด้วย แต่ก็ถูกคำพูดเมื่อครู่ของนางกระตุ้นเช่นกันท่านพ่อกับพี่ชายของนางทำงานอยู่ในราชสำนัก ในเมื่อนางได้รับเชิญมาแล้ว นางจะทำให้พ่อกับพี่ชายของนางต้องอับอายมิได้“พี่หญิงจื่ออวี้ น้องสวี่เหยียน พวกเจ้าฉลาดกว่าข้า วันนี้พวกเจ้าเป็นผู้นำเถิด!”อวี๋หลานพูดเยินยอเจิงจื่ออวี้กับสวี่เหยียนอย่างชาญฉลาดเจิงจื่ออวี้เหลือบมองหลิงอวี๋ หลิงอวี๋มิรอให้นางได้พูดอะไรก็ยิ้มพลางเอ่ย “อืม อวี๋หลานพูดถูก จื่ออวี้กับสวี่เหยียนเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้ากลุ่ม พวกเจ้าสองคนเป็นหัวหน้ากลุ่มเถิด!”“วันนี้พวกเราออกมาเที่ยวเล่น หาได้ต้องพูดถึงเรื่องสถานะไม่ ยกให้คนที่มีความสามารถมาก่อนดีกว่า!”เมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋ยกย่องนาง เจิงจื่ออวี้ก็ค่อนข้างพึงพอใจ จึงกำหมัดแน่นพลางเอ่ย “ในเมื่อทุกคนเสนอให้ข้าเป็นหัวหน้า เช่นนั้นข้าก็จะมิเกรงใจแล้ว!”“เราจะทำให้สตรีฉินตะว
หัวใจของหลิงอวี๋สั่นไหว นางยิ้มพลางเอ่ย “เจ้าไปบอกให้เจิงจื่ออวี้นำทุกคนร้องเพลงเถิด! ทิวทัศน์ที่งดงามเช่นนี้ ร้องเพลงพื้นบ้านกันเถิด มันจะช่วยผ่อนคลายอารมณ์ และยังช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจอีกด้วย!”หลิงอวี๋นึกถึงเพลงของเรือนบุหงา ทุกครั้งที่คนในเรือนบุหงาร้องเพลง “เราครอบครัวเดียวกัน” ด้วยกัน ทุกคนในเรือนบุหงาล้วนติดใจบรรยากาศนั้น ความแข็งแกร่งของการเชื่อมสายใยต่อกันนั้นมิสามารถบรรยายมาเป็นคำพูดได้เลยหลิงเยวี่ยชอบเพลงนี้ ทุกครั้งที่เรือนบุหงามีคนใหม่เข้ามา เขาจะสอนพวกนางในทุกคำทุกประโยคด้วยน้ำเสียงน่ารัก ๆ ของเขาตอนนี้แม้แต่หานอวี้กับหานเหมยเองก็สามารถร้องได้คล่องแล้วเช่นกัน“เช่นนั้นคงจะมิดีกระมัง… คนอื่นได้ยินเข้าจะหัวเราะเอาได้!”เพราะว่าอันซินเป็นกุลสตรีที่มาจากตระกูลที่มีฐานะ การส่งเสียงร้องเพลงท่ามกลางผู้คนจึงทำให้นางค่อนข้างรู้สึกอาย“มีอะไรที่ต้องหัวเราะเล่า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าการร้องเพลงริเริ่มขึ้นได้เยี่ยงไร?”“หลังจากชาวนาเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อุดมสมบูรณ์ พวกเขาอยากจะแสดงความรู้สึกออกมา แต่คำพูดมันมิมากพอ จึงต้องร้องเพลงเพื่อที่จะแสดงความรู้สึกมีความสุขของตัวเองออกมา!”หลิ
หลิงเยี่ยนกับจ้าวเจินเจินที่นั่งเกี้ยวขึ้นบนภูเขาก็ตกใจกับเสียงร้องเพลงนี้เช่นกันหลิงเยี่ยนกำลังตั้งครรภ์อยู่ จึงต้องให้คนแบกเกี้ยวขึ้นไปบนภูเขาเพราะร่างกายมิสะดวกที่จะเดินขึ้นเองส่วนจ้าวเจินเจินคือพระชายาคัง ต่งอี๋มิกล้าบอกกับนางว่า สังคมคุณหนูของเมืองหลวงจะตีตัวออกจากนาง จึงทำได้เพียงแสดงเจตนาของทุกคนอย่างนุ่มนวลเท่านั้นจ้าวเจินเจินมีหรือจะเห็นคำพูดของทุกคนอยู่ในสายตา ตามความคิดเห็นของนาง ตราบใดที่นางมิได้รับเหรียญเหล็กขยะนั่น ตนจะให้คนของตัวเองแบกขึ้นไปบนภูเขาก็มิเห็นจะเป็นอะไรเพียงแต่นางนั่งเกี้ยวมาได้เพียงครึ่งทาง ก็ได้ยินเสียงร้องเพลงของทุกคนแล้วจ้าวเจินเจินรีบให้ไป๋ผิงขึ้นไปสอบถามดู เมื่อได้ยินว่าคุณหนูเหล่านั้นเดินขึ้นไปบนภูเขาด้วยตัวเอง จ้าวเจินเจินรู้สึกก็เสียใจกับการตัดสินใจของตนในเวลาเช่นนี้ นางมิควรทำตัวพิเศษ ควรจะอยู่ร่วมกับทุกคนสิเพราะจ้าวเจินเจินเป็นคนฉลาด นางจึงลงจากเกี้ยวทันทีแล้วรีบวิ่งตามทุกคนไปแต่หลิงเยี่ยนนั้นเป็นคนโง่เขลา นางคิดว่าฮองเฮาเว่ยมิได้ผิดสัญญา คราวนี้ตนจะเข้ารับตำแหน่งชายารองขององค์ชายเว่ยแล้ว และด้วยตำแหน่งนี้ นางจึงให้คนที่แบกเร่งความ
“มิต้องหรอก!”ไทเฮารีบเอ่ย “ตนเองอยากร้องเองสิถึงจะมีความสุข หากมีคนบังคับให้ร้องเพลง เช่นนั้นก็จะรู้สึกแตกต่างออกไป! อย่าให้คำพูดของข้าไปกระทบอารมณ์ของพวกนางเลย!”ทุกคนที่อยู่ข้างหน้าร้องเพลงอย่างมีความสุขแล้วก็ร้องเพลงเพิ่มขึ้นทีละเพลง เซียวทงฟังแล้วก็รู้สึกมิค่อยชอบใจนักในช่วงนี้นางกังวลอยู่ตลอด กลัวว่าเสด็จพ่อจะให้ตนแต่งงานกับองค์ชายจากฉีตะวันออกหรือเยวี่ยใต้เป็นการเชื่อมสัมพันธ์นางได้ส่งคนไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับองค์ชายทั้งสองแล้ว องค์ชายหนิงแห่งฉีตะวันออกนั้นหาตัวจับยาก สืบข้อมูลเฉพาะใด ๆ มิได้เลยส่วนมู่หรงเหยียนซงจากเยวี่ยใต้ เซียวทงเคยพบกันเงียบ ๆ แล้ว แต่เขามิใช่คนที่นางชอบฉินซาน… นับตั้งแต่ที่เขาสูญเสียแขนไปครึ่งหนึ่ง เซียวทงก็มิได้หลงใหลเขาเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้วชายคนพิการจะมาคู่ควรกับตนได้เยี่ยงไรเล่า!ยิ่งไปกว่านั้น ฉินซานก็เป็นคนหัวแข็งดื้อรั้น มิได้มีความรู้สึกใดกับตนเลย...ก่อนหน้านี้เซียวทงก็เคยคิดว่า หากฉินซานยอมอ่อนโยนต่อตนบ้าง เพียงแค่ทำดีต่อตนเท่านั้น ถึงเขาจะพิการก็ช่างปะไร!แต่นางเคยให้คนไปถามฉินซานเป็นการส่วนตัวแล้วแต่ฉินซานกลับปฏิเสธเพราะเขามิค
พวกคนกลุ่มนี้ขึ้นไปถึงกลางภูเขากันโดยที่ต่างคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเองเซี่ยโฮ่วตานรั่วเลือกพื้นที่ราบแล้วตั้งกระโจมขนาดใหญ่แบบเปิดกว้างในสวนดอกไม้ไว้รองรับแขกพร้อมทั้งอาหารแบบบริการตัวเองคล้ายกับในสมัยใหม่ตรงกลางมีโต๊ะหลายโต๊ะที่เต็มไปด้วยผลไม้ตามฤดูกาลพวกสิ่งที่ต้องมีสำหรับต้อนรับแขกนั้น เซี่ยโฮ่วตานรั่วได้เตรียมพร้อมไว้ทุกอย่างแล้ว นางรับใช้ของนางก็แต่งตัวอย่างสุภาพเรียบร้อย และคอยเดินไปเดินมาท่ามกลางผู้คนเพื่อดูแลแขกอีกด้านหนึ่ง มีพ่อครัวกำลังเตรียมอาหารอยู่ กลิ่นหอมของแกะย่างต่างโชยไปทั่วหากโยนเรื่องเหรียญเหล็กขยะที่ดูถูกคนก่อนหน้านี้ทิ้งไป งานเลี้ยงที่เซี่ยโฮ่วตานรั่วจัดขึ้นนั้นเป็นรูปแบบที่แปลกใหม่จริง ๆ สร้างความแปลกใหม่อย่างมากให้กับพวกคุณหนูคุณชายที่เติบโตอยู่ในเมืองหลวงตลอดหลิงอวี๋มองสิ่งเหล่านี้แล้วชื่นชมเซี่ยโฮ่วตานรั่วแม้ว่าองค์หญิงผู้นี้จะมีนิสัยเผด็จการ แต่เทียบกับการให้องค์หญิงหกมาจัดการเรื่องต่าง ๆ แล้วนางก็มีความสามารถในการทำสิ่งต่าง ๆ มากทีเดียวหลิงหว่านเดินทางไปเว่ยโจวมาแล้วหนึ่งครั้ง วิสัยทัศน์ของนางก็กว้างขึ้น มุมมองในการมองคนและสิ่งต่าง ๆ ของนาง
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็รู้สึกปวดหัว เรื่องเช่นนี้มีหรือนางจะกล้าทำ!ในบรรดาสตรีตระกูลผู้มีอำนาจในเมืองหลวงเหล่านี้ มีใครบ้างที่มิถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจ ใครจะยอมแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไปอยู่เยวี่ยใต้เล่า!พวกสตรีที่ยังอยู่ข้างกายหลิงอวี๋พอได้ยินสิ่งนี้ นอกจากหลิงหว่านแล้วพวกนางทั้งหมดก็เดินจากไปทันที เมื่อมู่หรงชิ่งเห็นดังนั้นนางก็หัวเราะเบา ๆ กับแลบลิ้นออกมาอย่างสนุกสนาน “พี่หญิงหลิงอวี๋ ข้าทำให้พวกนางกลัวหรือ?”“ไฉนพอได้ยินว่าแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไปเยวี่ยใต้ ถึงทำราวกับได้ยินเรื่องภัยพิบัติใหญ่หลวงเล่า! จริง ๆ แล้วเยวี่ยใต้ของเรามิได้แย่อย่างที่พวกเจ้าคิดหนา!”หลิงอวี๋ย่อมรู้ดีว่าเยวี่ยใต้มิได้ด้อยไปกว่าฉินตะวันตก นางจึงยิ้มแล้วเอ่ย “เรื่องนี้เจ้าจะไปตำหนิพวกนางมิได้ ใช่ว่าพวกนางจะทนความยากลำบากมิได้ เพียงแต่พวกนางมิอยากอยู่ห่างจากพ่อแม่มากนัก!”“แต่งงานไปอยู่เยวี่ยใต้ หากต้องการกลับบ้านมาเยี่ยมพ่อแม่ ในชีวิตนี้อาจจะไม่มีโอกาสเลยก็ได้! หากเป็นเจ้า แม้ว่าจะให้อาภรณ์เครื่องประดับความเป็นอยู่ที่ดี และความรุ่งเรืองมั่งคั่งแต่เจ้าจะมีความสุขหรือ?”มู่หรงชิ่งหยุดหัวเราะแล้วพยักหน้าพลางเอ่ย “
ไทเฮาเหลียงอยากจะดัดสตรีที่เห็นแก่ตัวเหล่านี้ในฉินตะวันตกมานานแล้ว แต่พวกนางมิได้ทำผิดใด ๆ นางยังจะสามารถจดจ้องความเห็นแก่ตัวนี้แล้วลงโทษพวกนางได้หรือ?นางมองดูเหล่าสตรีตรงหน้า พวกนางทุกคนล้วนมีความกระฉับกระเฉงและมีพลังมากพวกนางคือว่าที่มารดารุ่นใหม่ หากวิสัยทัศน์ยังถูกจำกัดอยู่แค่ในบ้าน เช่นนั้นฉินตะวันตกจะต้องจบเห่เป็นแน่!คนหนุ่มสาวควรฝึกฝนทักษะเสียหน่อย!ให้พวกนางได้รู้ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนก็ยังมีคน แล้วคนรุ่นต่อไปถึงจะมีความหวัง!ดังนั้นแม้ว่าไทเฮาเหลียงจะเดาได้ว่า เซี่ยโฮ่วตานรั่วอยากจะทำให้สตรีฉินตะวันตกต้องอับอาย แต่ก็มิสามารถพูดแทนพวกนางได้ครั้นเมื่อวัยเยาว์หากล้มแล้วประสบอุปสรรคก็ยังลุกขึ้นใหม่ได้ หากรอจนถึงวัยที่สายเกินแก้แล้วถึงจะเข้าใจเหตุผลนี้ เช่นนั้นทุกอย่างก็จะสายเกินไปแล้วหลังจากได้รับความยินยอมจากไทเฮา เซี่ยโฮ่วตานรั่วให้นางรับใช้ไปเรียกทุกคนมารวมกันอย่างมีความสุข“พี่น้องทุกท่าน วันนี้ข้าได้เตรียมรายการยิ่งใหญ่มาให้ทุกคน มันค่อนข้างใช้เวลานาน ดังนั้นรางวัลก็จะยิ่งใหญ่เหนือความคาดหมายเช่นกัน!”“ฉินตะวันตกมีคนมากหลาย พวกเจ้าสามารถจับฉลากหรือเสนอชื่อ
คนที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสั่งการล้วนปะปนอยู่ในฝูงชน เมื่อเห็นคนนั้นกระโดดออกมาฟ้องร้องหลี่ต้าหนิว ก็มีคนตามกันออกมา“ใต้เท้าเถี่ยทำเพื่อฮองเฮา จึงจงใจปกปิดหลี่ต้าหนิว!”“สังหารหลี่ต้าหนิว ลงโทษฮองเฮาสถานหนัก ถอดถอนฮองเฮา!”“ถอดถอนฮองเฮา!”เสียงคัดค้านเหล่านั้นแหลมสูงขึ้นเรื่อย ๆ“เงียบ!”แม่ทัพสือตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง พลางตะคอกเสียงแข็ง “ใต้เท้าเถี่ยกำลังไต่สวน ห้ามพวกเจ้าเอะอะเสียงดัง มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษที่ส่งเสียงดัง!”“เกรียงไกร...”ทหารกองทัพหลงที่อยู่รอบ ๆ ตะโกนขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกันบรรยากาศที่ทรงอำนาจและหอกที่ส่องประกายในมือพวกเขาปรามให้คนที่โวยวายจำนวนมากมิกล้าพูดคนหนึ่งคิดว่าแม่ทัพสือมิกล้าสังหารตนต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้ จึงตะโกนขึ้นมา“ใต้เท้าเถี่ยตัดสินคดีมิยุติธรรม ยังมิให้เราเอ่ยทวงความยุติธรรมอีกหรือ? พวกเราเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวใต้เท้าเถี่ยแล้วไต่สวนคดีนี้ใหม่อีกครั้ง!เซียวหลินเทียนสีหน้าเรียบนิ่งลง นี่มิได้กำลังท้าทายใต้เท้าเถี่ย แต่กำลังท้าทายอำนาจของตน!เขามองแม่ทัพสือ แม่ทัพสือจึงโบกมือทันที จากนั้นทหารกองทัพหลวงหลายคนก็พุ่งไปข้างหน้าแล้วกดคนผู้นั้นลงกับพื้
“มิต้องกลัว แม้ว่าทุกคนในใต้หล้าจะร้ายกับเจ้า เจ้าก็ยังมีข้าอยู่!”หลิงอวี๋เดินไปอย่างมั่นคง เซียวหลินเทียนนั้นจับมือของนางไว้แน่นแม้ว่าจะมิได้พูด แต่คำที่เซียวหลินเทียนสัญญาก็ดังก้องอยู่ข้างหูของหลิงอวี๋นางมองหนทางไกลที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน คนที่มาในวันนี้มากกว่าในวันพิธีแต่งตั้งฮองเฮาหลายเท่ามิได้มีเพียงแต่ขุนนาง ยังมีทูตจากแคว้นเล็กที่มาประชุม และมีเหล่าราษฎรที่นางเคยคิดทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อประโยชน์และความสุขของพวกเขาด้วย...มีศัตรู และมีสหาย!หลิงอวี๋เห็นท่านอดีตเสนาบดี เจียงอวี้ และพระชายาผิงหนานอยู่ท่ามกลางฝูงชนนั้น...แล้วก็เห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยที่มีผ้าปิดหน้าและองค์ชายคัง!หลิงอวี๋ยิ้มแล้วตามเซียวหลินเทียนเดินไปที่แท่นสูงดูเหมือนว่านี่มิใช่การมาเข้าร่วมการพิพากษาคดีของตน แต่แค่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงท้องถนนซึ่งหาได้ยากที่จะแสดงความรุ่งเรืองของฉินตะวันตกเซียวหลินเทียนยืนอยู่หน้าเก้าอี้มังกรสูงใหญ่ที่จัดมาเป็นพิเศษ สายตากวาดมองไปรอบ ๆ จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยอำนาจและสงบเยือก“เหล่าขุนนางและราษฎรฉินตะวันตก ทุกคนมาเข้าร่วมงานเลี้ยงท้องถนนนี้ก็ล้วนรู้กันดีว่างา
หลิงหว่านอยู่ในห้องได้ยินดังนั้นใจก็จมดิ่งลงทันทีด้านนอกมิรู้ว่ามีคนแบบใดเฝ้าพวกเขาอยู่ หลิงเสียงกังก็ถูกวางยาพิษอีก พวกเขาจะหนีไปได้อย่างปลอดภัยหรือ?“แล้วหลิงหว่านเล่า?” อีกคนหนึ่งเอ่ยถาม“เก็บนางไว้ก่อน รอผ่านวันพรุ่งไปแล้วค่อยว่ากัน!”วันพรุ่ง?วันพรุ่งจะเกิดอะไรขึ้น?หลิงหว่านมิเข้าใจเรื่องภายนอก แต่ฟังจากบทสนทนาของทั้งสองคนแล้วนางก็รู้ว่าวันพรุ่งจะต้องเป็นวันสำคัญแน่นอนนางกับหลิงเสียงกังจะต้องหนีไปให้ได้ก่อนวันพรุ่งจะมาถึง และไปเปิดโปงแผนร้ายของเฝิงฉินดีที่สองคนนั้นแค่คุยกันอยู่ด้านนอก มิได้เข้ามาตรวจสอบด้านในกระทั่งด้านนอกไม่มีเสียงใดแล้ว หลิงหว่านก็กระซิบอย่างร้อนใจ “ท่านพ่อ อีกนานหรือไม่?”หลิงหว่านมองมิเห็นหลิงเสียงกัง ริมฝีปากของเขาทั้งบนและล่างล้วนถูไปกับเชือกป่านจนเลือดเปื้อนเชือกป่านแดงฉานไปหมดเขาเองก็ได้ยินบทสนทนาของสองคนนั้นและกังวลมากเช่นกัน เขามีเวลามิมากแล้ว เขาต้องรีบช่วยแก้มัดให้หลิงหว่านแล้วให้นางหนีออกไปนางเป็นลูกสาวของตน แม้ว่าเขาจะจำมิได้ แต่คำเรียกพ่อนั้นก็เป็นแรงให้เขา!หลิงเสียงกังกับหลิงหว่านล้วนมิรู้ว่าเผยอวี้พาคนมาหาที่นี่จนพบแล้ว ที่มิ
เฝิงฉินตอบสนองต่อเสียงก่นด่าของหลิงหว่านด้วยรอยยิ้มดูถูก แล้วเดินเข้ามามองนาง“หลิงหว่าน เจ้ากับพ่อเจ้าอยู่ในกำมือข้า เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าแม่เจ้าทำเพื่อชีวิตของพวกเจ้า แม้ว่าข้าจะให้นางไปกินอุจจาระนางเองก็จะยอมทำตามแต่โดยดี!”ใจของหลิงหว่านจมดิ่งลง และเกิดลางสังหรณ์ที่มิดีขึ้นมาเฝิงฉินกล้าพูดทุกอย่างนี้กับตน หรือว่ามิได้คิดจะให้ตนมีชีวิตกลับไปอีกแล้ว?“พวกเจ้าต้องการทำสิ่งใดกันแน่?”หลิงหว่านตะโกนออกไปอย่างหวาดกลัวแต่เฝิงฉินกลับมิเสียเวลาพูดกับนางแล้วหมุนตัวเดินไปข้างกายหลิงเสียงกัง และพยายามโน้มน้าวหลิงเสียงกังแต่หลิงเสียงกังนิ่งเฉย เขาสามารถลำบากเพื่อเฝิงฉินได้ แต่เรื่องที่จะให้ตนใช้ข้อหาที่ไม่มีจริงไปใส่ร้ายหลิงอวี๋นั้นเขาไม่มีทางยอมทำเด็ดขาดสุดท้ายเฝิงฉินจึงเดินออกไปพร้อมกับโทสะ“ท่านพ่อ เราอยู่ที่นี่มิได้ เฝิงฉินไม่มีทางกล้าที่จะฟ้องร้องพี่หญิงหลิงหลิงเช่นนี้แน่ เบื้องหลังของนางจะต้องมีคนคอยหนุนหลังอยู่!”หลิงหว่านคิดในจุดนี้อย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยอย่างร้อนใจ “จุดประสงค์ของคนที่ให้การสนับสนุนนางคือการทำลายพี่หญิงหลิงหลิง เมื่อนางบรรลุจุดประสงค์แล้วจะต้องสังหารพวกเราเป็นแ
หลิงหว่านกับหลิงเสียงกังถูกขังไว้ในไร่นาร้างแห่งหนึ่งหลิงหว่านถูกเฝิงฉินพาไปที่ชานเมืองเมื่อยามไปหาหลิงเสียงกัง เฝิงฉินบอกว่าหลิงเสียงกังเกิดอาการปวดหัวขึ้นมา หลิงหว่านเป็นห่วงอาการป่วยของบิดาตนจึงตามไปไหนเลยจะคิดว่าเมื่อเข้าประตูไปแล้วจะถูกเฝิงฉินเอาไม้ทุบสลบไปกระทั่งหลิงหว่านฟื้นขึ้นมาจึงได้พบว่าตนถูกมัดแขนขาอยู่บนเก้าอี้เก่า ๆ ตัวหนึ่งส่วนหลิงเสียงกังก็นอนอยู่ในดงหญ้าที่พื้น และถูกมัดแขนขาเช่นกัน“ท่านพ่อ!”หลิงหว่านมิรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เฝิงฉินหาทางผูกมัดหลิงเสียงกังมาโดยตลอดมิใช่หรือ?มัดตนไว้ยังพอยอมรับได้ แต่เหตุไฉนต้องมัดหลิงเสียงกังด้วยเล่า!“แค่ก!”หลิงเสียงกังฟื้นจากการที่ถูกหลิงหว่านปลุกขึ้นมา แล้วก็รู้สึกถึงกลิ่นเลือดในปาก จากนั้นเขาก็ไออย่างรุนแรงแล้วกระอักเลือดออกมา“ท่านพ่อ!”หลิงหว่านกังวลเป็นอย่างมาก เห็นว่าหลิงเสียงกังที่ดูแข็งแรงดีเมื่อหลายวันก่อนกลับมีท่าทีอ่อนแอเช่นนี้ ต้องพยายามอยู่หลายครั้งจึงจะลุกขึ้นนั่งได้“เฝิงฉิน เหตุใดเจ้าจึงทำกับข้าเช่นนี้?!”หลิงเสียงกังมิได้สนใจหลิงหว่านแล้วตะโกนแผดเสียงออกมาที่มุมปากของเขามีเลือดไหล แต่เลือดเหล่านี้มิ
“ฝ่าบาท! เรื่องนี้จะทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ? แคว้นเล็กเหล่านั้นล้วนอยู่ที่เมืองหลวง ครานี้บัณฑิตโวยวายกันจนเป็นเช่นนี้ หากมิไกล่เกลี่ยพวกเขาให้ดี ผลที่ตามมาคงยากเกินจะรับไหวพ่ะย่ะค่ะ!”สองวันมานี้หลี่ว์เซียงติดเชื้อไข้หวัดพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน เมื่อเห็นว่าเรื่องของหลิงอวี๋ใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ ก็อยู่บ้านมิได้แล้วจึงรีบมาราชสำนัก“พวกเจ้าอย่าได้ร้อนใจ ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพราะจะหารือเรื่องนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างปลอบใจ “ข้ามิประหารผู้ใดง่าย ๆ หรอก ทว่าหากมีเจตนาชั่วร้าย คิดจะใช้เรื่องนี้มาบีบบังคับให้ข้าประนีประนอม เช่นนั้นคงเป็นไปมิได้!”“วันพรุ่งข้าจะจัดงานเลี้ยงท้องถนนและชี้แจงเรื่องนี้ เรื่องที่พวกเจ้าสองคนต้องทำในวันนี้ก็คือ ไกล่เกลี่ยให้บัณฑิตเหล่านั้นกลับไปโดยมิต้องเปลืองแรง!”เซียวหลินเทียนให้แม่ทัพเฉินไปตรวจสอบเรื่องอาคารศึกษาถล่ม หลี่ต้าหนิวเองก็ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกรมอาญาเป็นการชั่วคราวเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนต้องทำให้ชัดเจนก่อนวันพรุ่งเซียวหลินเทียนรู้ดี หากมิเตรียมให้พร้อม งานเลี้ยงท้องถนนในวันพรุ่งก็จะเป็นหายนะครั้งใหญ่ที่สุดที่ตนพบหลังจากครองบัลลังก์มา“การจัด
กับคนกันเอง หลิงอวี๋มิเคยแล้งน้ำใจได้ลงนี่คือสาเหตุหลักที่หลิงซวนกับพวกหานเหมยยินดีติดตามหลิงอวี๋ด้วยความรักโดยมิเสียใจ“ฮองเฮาเพคะ ครานี้องค์จักรพรรดิทรงทำเพื่อท่าน นับว่าทรงทุ่มเทแรงกายแรงใจเลยทีเดียว!”หลิงซวนอดมิได้ที่จะเอ่ย “ยามตกทุกข์ได้ยากจะพบความจริงใจ หม่อมฉันรู้สึกว่าฮองเฮาน่าจะให้โอกาสพระองค์ อย่าได้ปิดกั้นพระองค์อีกเลยเพคะ!”คำพูดของหลิงซวนเป็นคำกำกวม พวกนางผู้เป็นนางรับใช้ข้างกายของหลิงอวี๋ ล้วนรู้เรื่องราวภายในที่องค์จักรพรรดิมาพักที่พระตำหนักคุนหนิงในทุกครั้งเป็นอย่างดีว่านั่นเป็นการนอนหลับเฉย ๆ มิได้ทำสิ่งใดทั้งนั้นนี่หลิงซวนบอกใบ้ให้หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนได้ทำในสิ่งที่สามีภรรยาที่แท้จริงทำกัน อย่าได้ปิดกั้นเซียวหลินเทียนอีกเลย...หลิงอวี๋ย่อมเข้าใจในการบอกใบ้ของหลิงซวนอยู่แล้ว เหตุใดครานี้นางจึงมิเป็นฝ่ายไปตรวจสอบคดี หนึ่งก็คือรู้สึกผิดหวัง สองก็คือนางต้องการจะดูว่าเซียวหลินเทียนจะสามารถทำอะไรเพื่อตนได้บ้างเห็นได้ชัดว่าการกระทำของเซียวหลินเทียนในสองวันมานี้ผ่านมาก ๆนี่คือทัศนคติที่ควรมีในฐานะสามี!“ฮองเฮา ได้ยินมาว่าองค์จักรพรรดิจัดงานเลี้ยงท้องถนน สิ
จ้าวฮุยมองเซียวหลินเทียนจากไปด้วยสายตาที่ซับซ้อน จักรพรรดิองค์ใหม่ผู้นี้แตกต่างจากจักรพรรดิอู่อันโดยสิ้นเชิงภาพในวันนี้ทำให้เขาตระหนักได้ว่า หากทำให้เซียวหลินเทียนโกรธ เซียวหลินเทียนก็สามารถทำได้ทุกอย่าง!เหอะ ๆ!เซียวหลินเทียน เจ้าคิดว่าข่มขู่ขุนนางแล้วจะสามารถปกป้องหลิงอวี๋ไว้ได้เยี่ยงนั้นรึ?มันยังมิจบหรอก!เจ้ามิอาจห้ามปากของทุกคนได้!ขอเพียงเจ้ายังต้องการแผ่นดินฉินตะวันตกและยังต้องการนั่งบัลลังก์มังกรอย่างมั่นคงอยู่วันนี้เจ้าส่งผู้ตรวจการเจียงไปเข้าคุกอย่างไร วันข้างหน้าก็ต้องไปเชิญเขาออกมาอย่างเคารพข้าจะดูว่าเจ้าจะตบหน้าตัวเจ้าเองอย่างไร!สองวันมานี้แม้ว่าหลิงอวี๋จะมิได้สนใจเรื่องภายนอก แต่หลิงซวนก็ยังเล่าเรื่องที่เกิดภายนอกให้นางฟังอย่างภักดีโดยละเว้นเรื่องนางซุนไว้เมื่อได้ยินเรื่องชาวบ้านเหล่านั้นบอกว่าตนให้พวกเขาเลี้ยงวัวนมเพื่อให้ตนอาบน้ำ หลิงอวี๋ก็หัวเราะด้วยความโกรธเมื่อเทียบกับการทรยศของนางซุนผู้เป็นญาติของตน การใส่ร้ายแบบที่มิเห็นความหวังดีของผู้อื่นเช่นนี้ช่างเบาบางมากสำหรับหลิงอวี๋แต่แม้ว่าตัวหลิงอวี๋จะมิสนใจ แต่ก็ต้องคิดว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อตนและเ
เหล่าขุนนางที่ยังคงพูดอยู่ตกใจกลัวจนเงียบกริบและพากันคุกเข่าลงทันทีนี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนโกรธราวกับฟ้าผ่าลงมาเช่นนี้นับตั้งแต่ครองบัลลังก์มา“พล่ามกันพอแล้วหรือไม่?”เซียวหลินเทียนตะคอกด้วยความโกรธ “อย่าเอาคำว่ากษัตริย์ผู้ทรงธรรมมาข่มขู่ข้าา! ตัวข้าเข้าสู่สนามรบตั้งแต่เจ็ดขวบ ข้าจะมิเคยเห็นภาพนองเลือดเชียวรึ? ข้าจะกลัวที่พวกเจ้าจะวิ่งชนเสาหรือ?”“วันนี้ข้าจะเอ่ย ณ ที่แห่งนี้ ข้ายอมเผด็จการหากจะต้องปกป้องหลิงอวี๋!”“อย่าว่าแต่ที่หลิงอวี๋มิได้มีความผิดใด ๆ แม้ว่านางคิดอยากจะนั่งในตำแหน่งนี้ของข้าจริง ๆ ข้าก็ยินดีจะหลีกทางให้… เพราะข้าเชื่อว่าหากหลิงอวี๋เป็นจักรพรรดินีก็ไม่มีทางด้อยไปกว่าข้า!”ขุนนางเหล่านั้นล้วนตกใจกับคำพูดนี้ของเซียวหลินเทียน!นี่… นี่… องค์จักรพรรดิถูกกระตุ้นจนจิตมีปัญหาหรือ?มิฉะนั้นจะพูดคำพูดที่ไร้สาระจนคาดมิถึงเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร!“ราษฎรทำผิดกฎหมายทางจวนขุนนางยังให้โอกาสพวกเขาได้อุทธรณ์! พวกเจ้าเป็นขุนนางในราชสำนักของข้า เป็นเจ้าหน้าที่ปกครองบ้านเมือง แต่พวกเจ้าฟังดูว่าพวกเจ้าพูดอะไรออกมา?”เซียวหลินเทียนตวาด “มิทำการสอบสวน มิรวบรวมหลักฐาน อา