“เซียวหลินเทียน หม่อมฉันมิได้ล้อเล่น ในเมื่อท่านแม่ของหม่อมฉันมีเคล็ดลับในการฝึกพลังวิญญาณเช่นนี้ ย่อมมีมากกว่านี้เป็นแน่! ท่านอ๋องนับท่านแม่ของหม่อมฉันเป็นอาจารย์เถิด!”“ต่อไปหากหม่อมฉันพบเคล็ดลับวรยุทธอื่น ๆ อีก ท่านก็สามารถสืบทอดมันได้อย่างสมเหตุสมผลแล้ว!”“ท่านดูสิ่งที่อยู่บนกระดาษก่อนเถิด ท่านคิดว่าเจ้ามีความสามารถต้านทานพลังจิตวิญญาณลึกลับนี้ได้หรือ?”หลิงอวี๋ยัดกระดาษให้เซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนมองอย่างจนใจ เมื่อเขาเห็นก็รู้สึกทึ่งกับมันหากเขาฝึกฝนตามวิธีการฝึกฝนในนี้ วรยุทธของตนจะสามารถพัฒนาอย่างรวดเร็วจนถึงระดับที่เขามิกล้าจะคาดคิดเลยหากตนพัฒนาได้เช่นนี้ จะมิน่ากลัวอย่างยิ่งหากศัตรูของพวกเขามีวิธีฝึกฝนเช่นนี้หรือ?การเผชิญหน้ากับศัตรูที่ทรงพลังเช่นนี้ ด้วยความสามารถของตนในตอนนี้แล้ว มีเพียงการตายทางเดียวเท่านั้นหากเขาตายเพียงผู้เดียวก็มิเป็นไรหรอก แต่แล้วหลิงอวี๋กับหลิงเยวี่ยเล่า?“ได้ หลิงอวี๋ ข้าจะคารวะท่านแม่ของเจ้าเป็นอาจารย์ของข้า!”เซียวหลินเทียนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าคนที่ครอบครองพลังวิญญาณน่ากลัวมาก เพื่อเห็นแก่คนที่เขาต้องการปกป้อง เขาจึงพยักหน้าอย่างแ
ทั้งสองคนมิกล้าเคลื่อนไหวใด ๆ และมิกล้าหายใจตามปกติด้วย เพราะกลัวว่าจะรบกวนอีกฝ่ายหลิงอวี๋เพียงอธิษฐานขอให้เซียวหลินเทียนประหม่าจนหลับไป นางจะได้พลิกตัวได้อย่างอิสระเซียวหลินเทียนก็เช่นกัน ปลายจมูกของเขาได้กลิ่นหอมจากร่างกายของหลิงอวี๋ จิตใจของเขาฟุ้งซ่าน แต่ก็มิกล้าทำอะไรเลยตอนนี้เขาเป็นบุรุษปกติแล้ว!ชั่วครู่หนึ่ง เซียวหลินเทียนอยากกอดหลิงอวี๋มาก เขาต้องการนางอย่างมิสนใจสิ่งใดแล้ว!แต่สัญชาตญาณดั้งเดิมเช่นนี้ยังทำให้เซียวหลินเทียนต้องล่าถอยไป!หลิงอวี๋คือสหายของเขา คือศิษย์น้องของเขา และเป็นคนที่เขาอยากปกป้องในภายหน้า!เขาต้องมิทำร้ายนางก่อนที่เขาจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วเขาคิดอย่างไรกับนางกันแน่!ทั้งสองตัวแข็งทื่อเช่นนี้อยู่เป็นเวลานาน จนหลิงอวี๋ทนมิไหวผล็อยหลับไปด้วยความง่วงเซียวหลินเทียนอยู่จนกระทั่งใกล้รุ่งสางจึงจะหลับลงได้หลังจากนอนหลับไปสักพัก ก็ได้ยินเสียงของหานเหมยดังมาจากข้างนอก “ท่านอ๋อง ถึงเวลาตื่นแล้วเพคะ!”เซียวหลินเทียนตื่นขึ้นมา รู้สึกว่าหลิงอวี๋ยังคงหลับอยู่ จึงค่อย ๆ ลุกขึ้นไปอาบน้ำกระทั่งเปลี่ยนอาภรณ์ออกมาแล้ว หลิงอวี๋ก็ยังคงหลับอยู่เซียวหลินเทียนเดิน
หลังจากที่หลิงอวี๋ตื่นขึ้นมาอาบน้ำแล้ว หานเหมยก็นำอาหารเช้ามาให้หลิงอวี๋หยิบตะเกียบขึ้นมา แล้วคิดได้ว่าตอนนี้ตนอาศัยอยู่ที่เรือนริมวารี จึงถามอย่างสบาย ๆ “ท่านอ๋องไปแต่เช้าแล้วหรือ? เสวยพระกระยาหารเช้าหรือไม่?”หานเหมยยิ้มพลางเอ่ย “เมื่อวานแม่นมลี่สั่งอาหารกับบ่าวไว้แล้วเจ้าค่ะ ดังนั้นทาสจึงไปที่ครัวแล้วยกพระกระยาการเช้ามาให้ท่านอ๋อง พระองค์เสวยเสร็จแล้วจึงเสด็จไปทรงงานเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋พยักหน้าอย่างชื่นชม แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “โชคดีที่มีพวกเจ้าคอยดูแลแทนข้า ข้าลืมเรื่องนี้ไปเสียสิ้นเลย!”หานเหมยเอ่ยอย่างเอาใจใส่ “พระชายามีงานต้องทำมากมาย เรื่องพวกนี้ควรให้พวกบ่าวคิดแทนแล้วเจ้าค่ะ!”“แม่นมลี่บอกว่าที่เกิดเรื่องขึ้นกับท่านครั้งนี้ องค์ชายเย่กับภรรยาทำเพื่อท่านหลายอย่าง นางเตรียมของกำนัลบางอย่างจะมอบให้ตำหนักองค์ชายเย่เจ้าค่ะ ประเดี๋ยวท่านไปดูรายการของกำนัลเถิดเจ้าค่ะ หากเหมาะสมแล้วบ่าวจะไปส่งให้เจ้าค่ะ!”“ได้!”หลิงอวี๋รู้ว่าองค์ชายเย่มิน่ากังวล ครั้งนี้ที่สามารถช่วยตนได้ถึงเพียงนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะพระชายาเย่มิว่าของกำนัลจะมีราคาแพงแค่ไหน ก็มิเพียงพอที่จะแทนความขอบคุณของตนต่อพร
เมื่อทั้งสี่คนข้างนอกได้ยินสุ่ยหลิงมาถ่ายทอดคำพูดของหลิงอวี๋ ก็มองหน้ากันไปมาเสวี่ยเจินรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันทีเมื่อชื่อของนางถูกเรียก และแทบรอมิไหวที่จะเดินเข้าไปในเรือนริมวารีจื่อผิงดูสงบลงเล็กน้อย แล้วขมวดคิ้วอันบอบบางพลางเอ่ยถามสุ่ยหลิง “เหตุใดพระชายาถึงจะพบแค่เราสองคน! เนี่ยนจือกับน้องเสวี่ยฉินทำอะไรผิดหรือไม่?”สุ่ยหลิงฟังออกถึงเจตนาของจื่อผิงที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง จึงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง“พระชายามิชอบความวุ่นวาย พวกท่านทั้งสี่คนเข้าไปพร้อมกันจะไปรบกวนนาง นางมิชอบเจ้าค่ะ!”“เหตุใดกัน อนุชายาจื่อ เจ้ามีข้อโต้แย้งใด ๆ กับการจัดการของพระชายาหรือ? หากเจ้ามิยินยอม ก็เปลี่ยนเป็นเสวี่ยฉินเถิด เจ้าค่อยมาวันอื่น!”เสวี่ยฉินเอ่ยอย่างใจร้อน “เช่นนั้นให้ข้าไปเถิด พี่จื่อผิง เจ้าไปวันอื่นแล้วกัน!”พูดแล้ว เสวี่ยฉินก็ลากเสวี่ยเจินเดินเข้าไปจื่อผิงโกรธจนสีหน้าเปลี่ยนไปเลย นางหันไปจะให้เนี่ยนจือช่วยแทนตนเองเนี่ยนจือยิ้มบาง ๆ “ในเมื่อพระชายามิอยากให้เสียงดัง เช่นนั้นเนี่ยนจือจะกลับมาทำความเคารพพระชายาในวันอื่น!”พูดจบ เนี่ยนจือก็พานางรับใช้ออกไปจื่อผิงฝืนยิ้มให้สุ่ยหลิงแล้วเด
เสี่ยวเยวี่ยกุมหน้าแล้วเอ่ยอย่างคลุมเครือ “คุณหนู นั่นมิใช่ว่าท่านอ๋องอี้กับท่านอ๋องเฉิงช่วยนางไว้หรือ? บ่าวมิเห็นว่านางแข็งแกร่งอะไรเลยเจ้าค่ะ!”เนี่ยนจือยิ้มอย่างครุมเครือ “ความแข็งแกร่งของนางก็คือคนเหล่านี้ที่ช่วยเหลือนางมิใช่หรือ?”“ท่านอ๋องเฉิง ไทเฮา ท่านอ๋องอี้ ไหนจะที่ตำหนักก็มีพวกของจ้าวซวน ลู่หนานอีก...”“แต่ละคนที่ว่ามานี้เมื่อเห็นนางตกอยู่ในอันตรายต่างก็กินมิได้นอนมิหลับ ต้องวิ่งวุ่นไปทั่วทุกที่แล้ว หากข้าผู้เป็นคุณหนูของเจ้าตกอยู่ในอันตราย นอกจากพวกเจ้าทั้งสองแล้วจะมีใครบ้างที่จะมายืนอยู่ตรงหน้าข้า?”“ข้าอิจฉาหลิงอวี๋มาก คนที่เมื่อก่อนเคยลือกันว่าไร้การศึกษาไร้ความสามารถ นางเอาชนะใจคนเหล่านี้ได้เยี่ยงไรในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้?”หลานเฟิงมองเนี่ยนจืออย่างครุ่นคิดแล้วช่วยพยุงเสี่ยวเยวี่ยขึ้นมา “ไปเอาน้ำจากบ่อมาล้างหน้าเสียเถิด! ต่อไปก็เชื่อฟังคุณหนู อย่าสร้างปัญหาให้กับคุณหนูอีก!”ทั้งสองจึงออกไปเนี่ยนจือเดินไปที่หน้าต่าง พิงรั้วแล้วมองออกไปไกล ๆ ที่มองเห็นหลังคาของเรือนริมวารีความรุ่งโรจน์ในอดีตของครอบครัวนางได้จางหายไปนานแล้ว ตอนนี้แม้แต่สกุลของตัวเองนางก็มิคู่ควร
หลิงอวี๋ยกมุมปากยิ้ม “อย่าลืมว่ายังมีคนที่แข็งแกร่งอีกสองคนอยู่ข้างหลัง! จื่อผิงแค่มองปราดเดียวก็ดูแผนการของข้าออกแล้ว! คนผู้นี้มิควรประมาท!”“เนี่ยนจือผู้นั้น มิแก่งแย่งมิก่อความวุ่นวาย… มีภาษิตในหมู่ราษฎรมิใช่หรือ? ที่ว่าสุนัขที่มิเห่าจะกัดอย่างโหดร้ายที่สุด!”“พวกเจ้าจะวางใจมิได้เป็นอันขาด ต้องระวังตัวด้วย!”“เจ้าค่ะ!”สุ่ยหลิงกับหานเหมยต่างก็รับปากเมื่อเห็นว่าทางนี้ไม่มีอะไรแล้ว หลิงอวี๋จึงกลับไปดูที่เรือนบุหงาหลิงเยวี่ยเขียนหนังสือเสร็จแล้วเมื่อออกมาก็เห็นผู้เป็นแม่ เขาจึงวิ่งไปหาแล้วโผกอดหลิงอวี๋ พร้อมกับทำหน้ามุ่ยอย่างเสียใจ“เป็นอะไรไปหรือ? ใครมายั่วยุอะไรเด็กน้อยของแม่?”หลิงอวี๋แกล้งเขาฉีป้าวหัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ย “พระชายา เยวี่ยเยวี่ยอยู่ในตำหนักอ๋องอี้แล้วอุดอู้ เขาอยากออกไปเล่น แต่ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องอี้ได้บอกไว้ว่า สองวันนี้เยวี่ยเยวี่ยมิได้รับอนุญาตให้ออกจากตำหนัก!”หลิงอวี๋ได้ยินก็เข้าใจทันที จ่างหนิงของพระชายาเว่ยถูกฆ่า เซียวหลินเทียนกังวลว่าพวกเขาจะลงมือกับหลิงเยวี่ย ดังนั้นจึงมิอนุญาตให้หลิงเยวี่ยออกจากตำหนัก“เยวี่ยเยวี่ยอยากไปไหนหรือ? รอท่านอ๋องเสด็จกลั
และคนที่มีความคิดเช่นเดียวกับองค์ชายเว่ยก็ยังมีองค์ชายคังอีกคนหลายวันมานี้องค์ชายคังเฝ้าดูเซียวหลินเทียนต่อสู้กับองค์ชายเว่ย เมื่อเสือสองตัวต่อสู้กันต้องมีฝ่ายหนึ่งได้รับบาดเจ็บ เขาก็จะรอฉกฉวยผลประโยชน์แต่หลังจากการต่อสู้กันไปมา ทักษะของเซียวหลินเทียนก็ยังคงเหนือกว่าองค์ชายคังรู้สึกเพียงว่า ความกดดันของตนเองนั้นใหญ่มาก เซียวหลินเทียนเปล่งประกายมากขึ้นเรื่อย ๆ หลี่ว์จงเจ๋อ ฉินซาน ท่านอ่องเฉิงต่างก็ยืนข้างเขา!หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ตำแหน่งขององค์รัชทายาทก็จะยิ่งห่างไกลจากตนมากขึ้นเรื่อย ๆ!องค์ชายคังก็อยากจะเอาชนะใจเซี่ยโฮ่วตานรั่วเช่นกัน ดังนั้นในสองวันนี้เขาจึงติดต่อกับองค์ชายหนิงพี่ชายของเซี่ยโฮ่วตานรั่วอยู่บ่อยครั้งองค์ชายหนิงเป็นพระโอรสองค์โตในจักรพรรดิเยี่ยนเป่ย ตำแหน่งขององค์รัชทายาทย่อมต้องเป็นของเขาอยู่แล้ว ขอเพียงองค์ชายหนิงเห็นด้วย ก็สามารถให้เซี่ยโฮ่วตานรั่วแต่งงานกับตนได้แต่องค์ชายหนิงผู้นี้เอาใจยากนัก นอกจากที่ได้พบเขาครั้งหนึ่งในวังวันนั้นแล้ว องค์ชายคังมิเคยเจอองค์ชายหนิงอีกเลยส่งคนไปเชิญเขาอยู่หลายครั้งแต่องค์ชายหนิงก็หาได้มาตามนัดไม่องค์ชายคังโกรธเล็กน้อย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ข่งฮุยก็เอ่ยถามอย่างกังวล “แล้วองค์จักรพรรดิวตรัสว่าอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”องค์ชายคังยังมิตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ จึงเอ่ยอย่างสบาย ๆ “เสด็จพ่อตรัสว่า เรื่องนี้ต้องหารือกับเหล่าคณะขุนนางก่อนจึงจะตัดสินใจได้!”หัวของข่งฮุยรู้สึกว้าวุ่นทันที จากนั้นก็เอ่ยอย่างร้อนใจ “องค์ชาย ท่านเข้าวังไปหาพระชายาเส้าเพื่อสืบดูหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ! หากองค์จักรพรรดิตกลงที่จะจัดการแข่งขันทางทหาร เช่นนั้นเราก็จะต้องเร่งรับสมัครผู้มีความสามารถแล้ว!”“ท่านข่ง หมายความว่าอย่างไร? การแข่งขันทางทหารเกี่ยวข้องกับตำแหน่งองค์รัชทายาทหรือ?” องค์ชายคังเอ่ยถามอย่างสงสัยข่งฮุยเห็นว่าองค์ชายคังยังมิได้ตระหนักในเรื่องนี้ จึงเสนอ “องค์ชาย การแข่งขันทางทหารครั้งนี้มิใช่เรื่องเล่น ๆ! องค์ชายหนิงเสนอให้มีการแข่งขันทางทหารในเวลานี้เป็นเจตนาที่มิดีพ่ะย่ะค่ะ!”“ทรงคิดดูเถิดพ่ะย่ะค่ะ การแข่งขันทางทหารระหว่างสี่แคว้นจะเผยให้เห็นความแข็งแกร่งทางทหารของทั้งสี่แคว้น จากสิ่งนี้องค์ชายหนิงจะมองเห็นได้ชัดเจนว่า แคว้นใดมีความแข็งแกร่งทางทหารมากที่สุด และแคว้นใดควรค่าแก่การเป็นพันธมิตรมากที่สุด!”“สงครามระ