เมื่อทั้งสี่คนข้างนอกได้ยินสุ่ยหลิงมาถ่ายทอดคำพูดของหลิงอวี๋ ก็มองหน้ากันไปมาเสวี่ยเจินรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันทีเมื่อชื่อของนางถูกเรียก และแทบรอมิไหวที่จะเดินเข้าไปในเรือนริมวารีจื่อผิงดูสงบลงเล็กน้อย แล้วขมวดคิ้วอันบอบบางพลางเอ่ยถามสุ่ยหลิง “เหตุใดพระชายาถึงจะพบแค่เราสองคน! เนี่ยนจือกับน้องเสวี่ยฉินทำอะไรผิดหรือไม่?”สุ่ยหลิงฟังออกถึงเจตนาของจื่อผิงที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง จึงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง“พระชายามิชอบความวุ่นวาย พวกท่านทั้งสี่คนเข้าไปพร้อมกันจะไปรบกวนนาง นางมิชอบเจ้าค่ะ!”“เหตุใดกัน อนุชายาจื่อ เจ้ามีข้อโต้แย้งใด ๆ กับการจัดการของพระชายาหรือ? หากเจ้ามิยินยอม ก็เปลี่ยนเป็นเสวี่ยฉินเถิด เจ้าค่อยมาวันอื่น!”เสวี่ยฉินเอ่ยอย่างใจร้อน “เช่นนั้นให้ข้าไปเถิด พี่จื่อผิง เจ้าไปวันอื่นแล้วกัน!”พูดแล้ว เสวี่ยฉินก็ลากเสวี่ยเจินเดินเข้าไปจื่อผิงโกรธจนสีหน้าเปลี่ยนไปเลย นางหันไปจะให้เนี่ยนจือช่วยแทนตนเองเนี่ยนจือยิ้มบาง ๆ “ในเมื่อพระชายามิอยากให้เสียงดัง เช่นนั้นเนี่ยนจือจะกลับมาทำความเคารพพระชายาในวันอื่น!”พูดจบ เนี่ยนจือก็พานางรับใช้ออกไปจื่อผิงฝืนยิ้มให้สุ่ยหลิงแล้วเด
เสี่ยวเยวี่ยกุมหน้าแล้วเอ่ยอย่างคลุมเครือ “คุณหนู นั่นมิใช่ว่าท่านอ๋องอี้กับท่านอ๋องเฉิงช่วยนางไว้หรือ? บ่าวมิเห็นว่านางแข็งแกร่งอะไรเลยเจ้าค่ะ!”เนี่ยนจือยิ้มอย่างครุมเครือ “ความแข็งแกร่งของนางก็คือคนเหล่านี้ที่ช่วยเหลือนางมิใช่หรือ?”“ท่านอ๋องเฉิง ไทเฮา ท่านอ๋องอี้ ไหนจะที่ตำหนักก็มีพวกของจ้าวซวน ลู่หนานอีก...”“แต่ละคนที่ว่ามานี้เมื่อเห็นนางตกอยู่ในอันตรายต่างก็กินมิได้นอนมิหลับ ต้องวิ่งวุ่นไปทั่วทุกที่แล้ว หากข้าผู้เป็นคุณหนูของเจ้าตกอยู่ในอันตราย นอกจากพวกเจ้าทั้งสองแล้วจะมีใครบ้างที่จะมายืนอยู่ตรงหน้าข้า?”“ข้าอิจฉาหลิงอวี๋มาก คนที่เมื่อก่อนเคยลือกันว่าไร้การศึกษาไร้ความสามารถ นางเอาชนะใจคนเหล่านี้ได้เยี่ยงไรในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้?”หลานเฟิงมองเนี่ยนจืออย่างครุ่นคิดแล้วช่วยพยุงเสี่ยวเยวี่ยขึ้นมา “ไปเอาน้ำจากบ่อมาล้างหน้าเสียเถิด! ต่อไปก็เชื่อฟังคุณหนู อย่าสร้างปัญหาให้กับคุณหนูอีก!”ทั้งสองจึงออกไปเนี่ยนจือเดินไปที่หน้าต่าง พิงรั้วแล้วมองออกไปไกล ๆ ที่มองเห็นหลังคาของเรือนริมวารีความรุ่งโรจน์ในอดีตของครอบครัวนางได้จางหายไปนานแล้ว ตอนนี้แม้แต่สกุลของตัวเองนางก็มิคู่ควร
หลิงอวี๋ยกมุมปากยิ้ม “อย่าลืมว่ายังมีคนที่แข็งแกร่งอีกสองคนอยู่ข้างหลัง! จื่อผิงแค่มองปราดเดียวก็ดูแผนการของข้าออกแล้ว! คนผู้นี้มิควรประมาท!”“เนี่ยนจือผู้นั้น มิแก่งแย่งมิก่อความวุ่นวาย… มีภาษิตในหมู่ราษฎรมิใช่หรือ? ที่ว่าสุนัขที่มิเห่าจะกัดอย่างโหดร้ายที่สุด!”“พวกเจ้าจะวางใจมิได้เป็นอันขาด ต้องระวังตัวด้วย!”“เจ้าค่ะ!”สุ่ยหลิงกับหานเหมยต่างก็รับปากเมื่อเห็นว่าทางนี้ไม่มีอะไรแล้ว หลิงอวี๋จึงกลับไปดูที่เรือนบุหงาหลิงเยวี่ยเขียนหนังสือเสร็จแล้วเมื่อออกมาก็เห็นผู้เป็นแม่ เขาจึงวิ่งไปหาแล้วโผกอดหลิงอวี๋ พร้อมกับทำหน้ามุ่ยอย่างเสียใจ“เป็นอะไรไปหรือ? ใครมายั่วยุอะไรเด็กน้อยของแม่?”หลิงอวี๋แกล้งเขาฉีป้าวหัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ย “พระชายา เยวี่ยเยวี่ยอยู่ในตำหนักอ๋องอี้แล้วอุดอู้ เขาอยากออกไปเล่น แต่ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องอี้ได้บอกไว้ว่า สองวันนี้เยวี่ยเยวี่ยมิได้รับอนุญาตให้ออกจากตำหนัก!”หลิงอวี๋ได้ยินก็เข้าใจทันที จ่างหนิงของพระชายาเว่ยถูกฆ่า เซียวหลินเทียนกังวลว่าพวกเขาจะลงมือกับหลิงเยวี่ย ดังนั้นจึงมิอนุญาตให้หลิงเยวี่ยออกจากตำหนัก“เยวี่ยเยวี่ยอยากไปไหนหรือ? รอท่านอ๋องเสด็จกลั
และคนที่มีความคิดเช่นเดียวกับองค์ชายเว่ยก็ยังมีองค์ชายคังอีกคนหลายวันมานี้องค์ชายคังเฝ้าดูเซียวหลินเทียนต่อสู้กับองค์ชายเว่ย เมื่อเสือสองตัวต่อสู้กันต้องมีฝ่ายหนึ่งได้รับบาดเจ็บ เขาก็จะรอฉกฉวยผลประโยชน์แต่หลังจากการต่อสู้กันไปมา ทักษะของเซียวหลินเทียนก็ยังคงเหนือกว่าองค์ชายคังรู้สึกเพียงว่า ความกดดันของตนเองนั้นใหญ่มาก เซียวหลินเทียนเปล่งประกายมากขึ้นเรื่อย ๆ หลี่ว์จงเจ๋อ ฉินซาน ท่านอ่องเฉิงต่างก็ยืนข้างเขา!หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ตำแหน่งขององค์รัชทายาทก็จะยิ่งห่างไกลจากตนมากขึ้นเรื่อย ๆ!องค์ชายคังก็อยากจะเอาชนะใจเซี่ยโฮ่วตานรั่วเช่นกัน ดังนั้นในสองวันนี้เขาจึงติดต่อกับองค์ชายหนิงพี่ชายของเซี่ยโฮ่วตานรั่วอยู่บ่อยครั้งองค์ชายหนิงเป็นพระโอรสองค์โตในจักรพรรดิเยี่ยนเป่ย ตำแหน่งขององค์รัชทายาทย่อมต้องเป็นของเขาอยู่แล้ว ขอเพียงองค์ชายหนิงเห็นด้วย ก็สามารถให้เซี่ยโฮ่วตานรั่วแต่งงานกับตนได้แต่องค์ชายหนิงผู้นี้เอาใจยากนัก นอกจากที่ได้พบเขาครั้งหนึ่งในวังวันนั้นแล้ว องค์ชายคังมิเคยเจอองค์ชายหนิงอีกเลยส่งคนไปเชิญเขาอยู่หลายครั้งแต่องค์ชายหนิงก็หาได้มาตามนัดไม่องค์ชายคังโกรธเล็กน้อย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ข่งฮุยก็เอ่ยถามอย่างกังวล “แล้วองค์จักรพรรดิวตรัสว่าอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”องค์ชายคังยังมิตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ จึงเอ่ยอย่างสบาย ๆ “เสด็จพ่อตรัสว่า เรื่องนี้ต้องหารือกับเหล่าคณะขุนนางก่อนจึงจะตัดสินใจได้!”หัวของข่งฮุยรู้สึกว้าวุ่นทันที จากนั้นก็เอ่ยอย่างร้อนใจ “องค์ชาย ท่านเข้าวังไปหาพระชายาเส้าเพื่อสืบดูหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ! หากองค์จักรพรรดิตกลงที่จะจัดการแข่งขันทางทหาร เช่นนั้นเราก็จะต้องเร่งรับสมัครผู้มีความสามารถแล้ว!”“ท่านข่ง หมายความว่าอย่างไร? การแข่งขันทางทหารเกี่ยวข้องกับตำแหน่งองค์รัชทายาทหรือ?” องค์ชายคังเอ่ยถามอย่างสงสัยข่งฮุยเห็นว่าองค์ชายคังยังมิได้ตระหนักในเรื่องนี้ จึงเสนอ “องค์ชาย การแข่งขันทางทหารครั้งนี้มิใช่เรื่องเล่น ๆ! องค์ชายหนิงเสนอให้มีการแข่งขันทางทหารในเวลานี้เป็นเจตนาที่มิดีพ่ะย่ะค่ะ!”“ทรงคิดดูเถิดพ่ะย่ะค่ะ การแข่งขันทางทหารระหว่างสี่แคว้นจะเผยให้เห็นความแข็งแกร่งทางทหารของทั้งสี่แคว้น จากสิ่งนี้องค์ชายหนิงจะมองเห็นได้ชัดเจนว่า แคว้นใดมีความแข็งแกร่งทางทหารมากที่สุด และแคว้นใดควรค่าแก่การเป็นพันธมิตรมากที่สุด!”“สงครามระ
หลิงอวี๋พาหลิงเยวี่ย เถาจื่อและคนอื่น ๆ ไปที่ถนนวันนี้วันที่สิบห้า บนถนนจึงมีคนมากหลายและบรรยากาศก็ครึกครื้นไปทั่วทุกที่หลิงเยวี่ยตื่นตาตื่นใจกับสิ่งต่าง ๆ มากมาย แต่เด็กน้อยกลับรู้ความมาก มิได้รบกวนหลิงอวี๋ให้ซื้ออะไรเหมือนเด็กคนอื่น ๆหลิงอวี๋คิดว่านานแล้วที่พาหลิงเยวี่ยออกมาเช่นนี้ เมื่อมาถึงหน้าแผงขายของ จึงให้หลิงเยวี่ยเลือกของขวัญหลิงเยวี่ยเลือกหุ่นไม้ตัวเล็ก ๆ แล้วเลือกให้พี่น้องฉีเต๋อแต่ละคนด้วยหลิงอวี๋ยิ้มอย่างชื่นชม มีสิ่งดี ๆ ก็มิเคยลืมที่จะแบ่งปันให้กับสหายของตน มิน่าพี่น้องฉีเต๋อถึงเข้ากับเขาเหมือนพี่น้องกันแท้ ๆเถาจื่อไปถามดูว่าคณะการแสดงทำการแสดงที่ใด พวกของหลิงอวี๋จึงยืนรออยู่หน้าแผงขายของบนท้องถนนมีคนต่างแคว้นจำนวนมาก มีการแต่งกายแบบต่างแคว้นกันไปนี่เป็นครั้งแรกที่หลิงเยวี่ยได้เห็นการแต่งตัวของคนต่างแคว้น เขาจึงมองอย่างอยากรู้อยากเห็น“ท่านแม่ การแต่งตัวของพวกเขาแปลกมากเลย!” หลิงเยวี่ยรอให้คนเหล่านั้นออกไปก่อนจะกระซิบฉีป้าวตอบทันที “นั่นคือคนฉีตะวันออก! ได้ยินมาว่าพวกเขากินเนื้อดิบด้วย! ดินแดนป่าเถื่อนมิเรียนรู้อารยธรรม”หลิงอวี๋ยิ้มพลางเอ่ย “แต่ละแห
เมื่อมู่หรงชิ่งได้ยินพี่ชายพูดเช่นนั้นก็เก็บดาบแล้วยิ้ม จากนั้นก็เดินตามมู่หรงเหยียนซงไปทั้งสองคนเป็นองค์ชายกับองค์หญิงที่ตระกูลมู่หรงของเยวี่ยใต้ส่งมาให้แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์มู่หรงชิ่งเป็นองค์หญิงสามของตระกูลมู่หรง มู่หรงเหยียนซงเป็นองค์ชายใหญ่ของตระกูลมู่หรง องค์หญิงสามกับองค์ชายใหญ่มีมารดาคนเดียวกัน ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอดมู่หรงชิ่งรู้เหตุรู้ผลและประพฤติตัวดี แม้ว่านางจะเป็นองค์หญิง แต่นางก็มิได้โอหังวางอำนาจเหมือนกับองค์หญิงหกเซียวทงและเซี่ยโฮ่วตานรั่ว“ท่านพี่ เป็นความสามารถในการรับรู้ที่น่าอัศจรรย์ของท่านพี่หรือไม่ที่ทำให้ท่านพี่รู้ว่านางแตกต่าง?”มู่หรงชิ่งเชื่อในสัญชาตญาณของมู่หรงเหยียนซงมาก มันเป็นสัญชาตญาณที่ช่วยพวกเขาจากอันตรายมาหลายครั้งแล้ว ดังนั้นตอนนี้นางจึงเชื่อใจพี่ชายโดยไม่มีเงื่อนไข“อืม!” มู่หรงเหยียนซงมิสามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดเขาจึงมีความรู้สึกพิเศษกับหลิงอวี๋เห็นนางแล้วเหมือนกับเจอญาติ รู้สึกสนิทใจมาก!เขามองหลิงอวี๋อยู่ห่าง ๆ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าหญิงงามผู้นี้มีความพิเศษมาก!ความรู้สึกคุ้นเคยนั้นเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆนี่เ
สุ่ยหลิงกับหานอวี้ต่างก็เป็นคนที่มีวรยุทธ ทั้งสองสบตากันแล้วแยกทางกันตามกระทั่งหลิงอวี๋ตามหานอวี้วิ่งเข้าไปในตรอก ก็เห็นว่าชายร่างเตี้ยไล่ตามไปถึงตัวเด็กชายแล้ว เขาโบกแส้ในมือพันรอบน่องของเด็กชายเด็กชายกรีดร้องแล้วล้มลงกับพื้น“เจ้าหัวขโมยตัวน้อย ตกไปอยู่ในมือของข้าแล้วยังคิดจะหนีอีก ข้าจะฟาดให้เจ้าฟันหลุดเสียนี่…”มู่หรงชิ่งดึงแส้ลากเด็กชายมาอยู่ตรงหน้าตน เด็กชายพยายามดิ้นรนอย่างสุดแรง แต่ก็สู้มิได้ จึงถูกมู่หรงชิ่งลากตัวไป“ส่งกระเป๋าเงินออกมา! มิฉะนั้นข้าจะตัดมือเจ้า!”มู่หรงชิ่งดึงกริชออกมาจากรองเท้าของนาง แล้วโบกมันตรงหน้าของเด็กชายเด็กชายกัดฟันแล้วจ้องมองมู่หรงชิ่งด้วยสายตาโกรธเคืองหลิงอวี๋กับหานอวี้ตามมาถึงแล้ว นางเห็นว่าเด็กชายสวมชุดขาดรุ่งริ่ง น่องกับแขนของเขาได้รับบาดเจ็บ มีทั้งรอยเก่ารอยใหม่หลิงอวี๋ขมวดคิ้ว พลางเอ่ยอย่างอดทน “เด็กน้อย เจ้าเอากระเป๋าเงินของข้าไปสินะ! เอากระเป๋าเงินมาให้ข้าแล้วข้าจะมิเอาความเจ้า!”มู่หรงชิ่งเอ่ยอย่างมิพอใจ “จะมิเอาความได้เยี่ยงไร! อายุยังน้อยถึงเพียงนี้ก็ขโมยของเสียแล้ว เติบโตขึ้นไปจะมิฆ่าคนหรอกหรือ! คนเช่นนี้หากถูกจับได้ในที่ขอ