หลิงอวี๋ยกมุมปากยิ้ม “อย่าลืมว่ายังมีคนที่แข็งแกร่งอีกสองคนอยู่ข้างหลัง! จื่อผิงแค่มองปราดเดียวก็ดูแผนการของข้าออกแล้ว! คนผู้นี้มิควรประมาท!”“เนี่ยนจือผู้นั้น มิแก่งแย่งมิก่อความวุ่นวาย… มีภาษิตในหมู่ราษฎรมิใช่หรือ? ที่ว่าสุนัขที่มิเห่าจะกัดอย่างโหดร้ายที่สุด!”“พวกเจ้าจะวางใจมิได้เป็นอันขาด ต้องระวังตัวด้วย!”“เจ้าค่ะ!”สุ่ยหลิงกับหานเหมยต่างก็รับปากเมื่อเห็นว่าทางนี้ไม่มีอะไรแล้ว หลิงอวี๋จึงกลับไปดูที่เรือนบุหงาหลิงเยวี่ยเขียนหนังสือเสร็จแล้วเมื่อออกมาก็เห็นผู้เป็นแม่ เขาจึงวิ่งไปหาแล้วโผกอดหลิงอวี๋ พร้อมกับทำหน้ามุ่ยอย่างเสียใจ“เป็นอะไรไปหรือ? ใครมายั่วยุอะไรเด็กน้อยของแม่?”หลิงอวี๋แกล้งเขาฉีป้าวหัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ย “พระชายา เยวี่ยเยวี่ยอยู่ในตำหนักอ๋องอี้แล้วอุดอู้ เขาอยากออกไปเล่น แต่ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องอี้ได้บอกไว้ว่า สองวันนี้เยวี่ยเยวี่ยมิได้รับอนุญาตให้ออกจากตำหนัก!”หลิงอวี๋ได้ยินก็เข้าใจทันที จ่างหนิงของพระชายาเว่ยถูกฆ่า เซียวหลินเทียนกังวลว่าพวกเขาจะลงมือกับหลิงเยวี่ย ดังนั้นจึงมิอนุญาตให้หลิงเยวี่ยออกจากตำหนัก“เยวี่ยเยวี่ยอยากไปไหนหรือ? รอท่านอ๋องเสด็จกลั
และคนที่มีความคิดเช่นเดียวกับองค์ชายเว่ยก็ยังมีองค์ชายคังอีกคนหลายวันมานี้องค์ชายคังเฝ้าดูเซียวหลินเทียนต่อสู้กับองค์ชายเว่ย เมื่อเสือสองตัวต่อสู้กันต้องมีฝ่ายหนึ่งได้รับบาดเจ็บ เขาก็จะรอฉกฉวยผลประโยชน์แต่หลังจากการต่อสู้กันไปมา ทักษะของเซียวหลินเทียนก็ยังคงเหนือกว่าองค์ชายคังรู้สึกเพียงว่า ความกดดันของตนเองนั้นใหญ่มาก เซียวหลินเทียนเปล่งประกายมากขึ้นเรื่อย ๆ หลี่ว์จงเจ๋อ ฉินซาน ท่านอ่องเฉิงต่างก็ยืนข้างเขา!หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ตำแหน่งขององค์รัชทายาทก็จะยิ่งห่างไกลจากตนมากขึ้นเรื่อย ๆ!องค์ชายคังก็อยากจะเอาชนะใจเซี่ยโฮ่วตานรั่วเช่นกัน ดังนั้นในสองวันนี้เขาจึงติดต่อกับองค์ชายหนิงพี่ชายของเซี่ยโฮ่วตานรั่วอยู่บ่อยครั้งองค์ชายหนิงเป็นพระโอรสองค์โตในจักรพรรดิเยี่ยนเป่ย ตำแหน่งขององค์รัชทายาทย่อมต้องเป็นของเขาอยู่แล้ว ขอเพียงองค์ชายหนิงเห็นด้วย ก็สามารถให้เซี่ยโฮ่วตานรั่วแต่งงานกับตนได้แต่องค์ชายหนิงผู้นี้เอาใจยากนัก นอกจากที่ได้พบเขาครั้งหนึ่งในวังวันนั้นแล้ว องค์ชายคังมิเคยเจอองค์ชายหนิงอีกเลยส่งคนไปเชิญเขาอยู่หลายครั้งแต่องค์ชายหนิงก็หาได้มาตามนัดไม่องค์ชายคังโกรธเล็กน้อย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ข่งฮุยก็เอ่ยถามอย่างกังวล “แล้วองค์จักรพรรดิวตรัสว่าอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”องค์ชายคังยังมิตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ จึงเอ่ยอย่างสบาย ๆ “เสด็จพ่อตรัสว่า เรื่องนี้ต้องหารือกับเหล่าคณะขุนนางก่อนจึงจะตัดสินใจได้!”หัวของข่งฮุยรู้สึกว้าวุ่นทันที จากนั้นก็เอ่ยอย่างร้อนใจ “องค์ชาย ท่านเข้าวังไปหาพระชายาเส้าเพื่อสืบดูหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ! หากองค์จักรพรรดิตกลงที่จะจัดการแข่งขันทางทหาร เช่นนั้นเราก็จะต้องเร่งรับสมัครผู้มีความสามารถแล้ว!”“ท่านข่ง หมายความว่าอย่างไร? การแข่งขันทางทหารเกี่ยวข้องกับตำแหน่งองค์รัชทายาทหรือ?” องค์ชายคังเอ่ยถามอย่างสงสัยข่งฮุยเห็นว่าองค์ชายคังยังมิได้ตระหนักในเรื่องนี้ จึงเสนอ “องค์ชาย การแข่งขันทางทหารครั้งนี้มิใช่เรื่องเล่น ๆ! องค์ชายหนิงเสนอให้มีการแข่งขันทางทหารในเวลานี้เป็นเจตนาที่มิดีพ่ะย่ะค่ะ!”“ทรงคิดดูเถิดพ่ะย่ะค่ะ การแข่งขันทางทหารระหว่างสี่แคว้นจะเผยให้เห็นความแข็งแกร่งทางทหารของทั้งสี่แคว้น จากสิ่งนี้องค์ชายหนิงจะมองเห็นได้ชัดเจนว่า แคว้นใดมีความแข็งแกร่งทางทหารมากที่สุด และแคว้นใดควรค่าแก่การเป็นพันธมิตรมากที่สุด!”“สงครามระ
หลิงอวี๋พาหลิงเยวี่ย เถาจื่อและคนอื่น ๆ ไปที่ถนนวันนี้วันที่สิบห้า บนถนนจึงมีคนมากหลายและบรรยากาศก็ครึกครื้นไปทั่วทุกที่หลิงเยวี่ยตื่นตาตื่นใจกับสิ่งต่าง ๆ มากมาย แต่เด็กน้อยกลับรู้ความมาก มิได้รบกวนหลิงอวี๋ให้ซื้ออะไรเหมือนเด็กคนอื่น ๆหลิงอวี๋คิดว่านานแล้วที่พาหลิงเยวี่ยออกมาเช่นนี้ เมื่อมาถึงหน้าแผงขายของ จึงให้หลิงเยวี่ยเลือกของขวัญหลิงเยวี่ยเลือกหุ่นไม้ตัวเล็ก ๆ แล้วเลือกให้พี่น้องฉีเต๋อแต่ละคนด้วยหลิงอวี๋ยิ้มอย่างชื่นชม มีสิ่งดี ๆ ก็มิเคยลืมที่จะแบ่งปันให้กับสหายของตน มิน่าพี่น้องฉีเต๋อถึงเข้ากับเขาเหมือนพี่น้องกันแท้ ๆเถาจื่อไปถามดูว่าคณะการแสดงทำการแสดงที่ใด พวกของหลิงอวี๋จึงยืนรออยู่หน้าแผงขายของบนท้องถนนมีคนต่างแคว้นจำนวนมาก มีการแต่งกายแบบต่างแคว้นกันไปนี่เป็นครั้งแรกที่หลิงเยวี่ยได้เห็นการแต่งตัวของคนต่างแคว้น เขาจึงมองอย่างอยากรู้อยากเห็น“ท่านแม่ การแต่งตัวของพวกเขาแปลกมากเลย!” หลิงเยวี่ยรอให้คนเหล่านั้นออกไปก่อนจะกระซิบฉีป้าวตอบทันที “นั่นคือคนฉีตะวันออก! ได้ยินมาว่าพวกเขากินเนื้อดิบด้วย! ดินแดนป่าเถื่อนมิเรียนรู้อารยธรรม”หลิงอวี๋ยิ้มพลางเอ่ย “แต่ละแห
เมื่อมู่หรงชิ่งได้ยินพี่ชายพูดเช่นนั้นก็เก็บดาบแล้วยิ้ม จากนั้นก็เดินตามมู่หรงเหยียนซงไปทั้งสองคนเป็นองค์ชายกับองค์หญิงที่ตระกูลมู่หรงของเยวี่ยใต้ส่งมาให้แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์มู่หรงชิ่งเป็นองค์หญิงสามของตระกูลมู่หรง มู่หรงเหยียนซงเป็นองค์ชายใหญ่ของตระกูลมู่หรง องค์หญิงสามกับองค์ชายใหญ่มีมารดาคนเดียวกัน ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอดมู่หรงชิ่งรู้เหตุรู้ผลและประพฤติตัวดี แม้ว่านางจะเป็นองค์หญิง แต่นางก็มิได้โอหังวางอำนาจเหมือนกับองค์หญิงหกเซียวทงและเซี่ยโฮ่วตานรั่ว“ท่านพี่ เป็นความสามารถในการรับรู้ที่น่าอัศจรรย์ของท่านพี่หรือไม่ที่ทำให้ท่านพี่รู้ว่านางแตกต่าง?”มู่หรงชิ่งเชื่อในสัญชาตญาณของมู่หรงเหยียนซงมาก มันเป็นสัญชาตญาณที่ช่วยพวกเขาจากอันตรายมาหลายครั้งแล้ว ดังนั้นตอนนี้นางจึงเชื่อใจพี่ชายโดยไม่มีเงื่อนไข“อืม!” มู่หรงเหยียนซงมิสามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดเขาจึงมีความรู้สึกพิเศษกับหลิงอวี๋เห็นนางแล้วเหมือนกับเจอญาติ รู้สึกสนิทใจมาก!เขามองหลิงอวี๋อยู่ห่าง ๆ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าหญิงงามผู้นี้มีความพิเศษมาก!ความรู้สึกคุ้นเคยนั้นเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆนี่เ
สุ่ยหลิงกับหานอวี้ต่างก็เป็นคนที่มีวรยุทธ ทั้งสองสบตากันแล้วแยกทางกันตามกระทั่งหลิงอวี๋ตามหานอวี้วิ่งเข้าไปในตรอก ก็เห็นว่าชายร่างเตี้ยไล่ตามไปถึงตัวเด็กชายแล้ว เขาโบกแส้ในมือพันรอบน่องของเด็กชายเด็กชายกรีดร้องแล้วล้มลงกับพื้น“เจ้าหัวขโมยตัวน้อย ตกไปอยู่ในมือของข้าแล้วยังคิดจะหนีอีก ข้าจะฟาดให้เจ้าฟันหลุดเสียนี่…”มู่หรงชิ่งดึงแส้ลากเด็กชายมาอยู่ตรงหน้าตน เด็กชายพยายามดิ้นรนอย่างสุดแรง แต่ก็สู้มิได้ จึงถูกมู่หรงชิ่งลากตัวไป“ส่งกระเป๋าเงินออกมา! มิฉะนั้นข้าจะตัดมือเจ้า!”มู่หรงชิ่งดึงกริชออกมาจากรองเท้าของนาง แล้วโบกมันตรงหน้าของเด็กชายเด็กชายกัดฟันแล้วจ้องมองมู่หรงชิ่งด้วยสายตาโกรธเคืองหลิงอวี๋กับหานอวี้ตามมาถึงแล้ว นางเห็นว่าเด็กชายสวมชุดขาดรุ่งริ่ง น่องกับแขนของเขาได้รับบาดเจ็บ มีทั้งรอยเก่ารอยใหม่หลิงอวี๋ขมวดคิ้ว พลางเอ่ยอย่างอดทน “เด็กน้อย เจ้าเอากระเป๋าเงินของข้าไปสินะ! เอากระเป๋าเงินมาให้ข้าแล้วข้าจะมิเอาความเจ้า!”มู่หรงชิ่งเอ่ยอย่างมิพอใจ “จะมิเอาความได้เยี่ยงไร! อายุยังน้อยถึงเพียงนี้ก็ขโมยของเสียแล้ว เติบโตขึ้นไปจะมิฆ่าคนหรอกหรือ! คนเช่นนี้หากถูกจับได้ในที่ขอ
“ได้สิ! แต่อาหารมื้อแรกข้าจะเป็นคนเลี้ยงเอง ข้าเป็นเจ้าบ้าน ถือเสียว่าข้าทำหน้าที่เจ้าบ้านแล้วกันนะ!”หลิงอวี๋มองมู่หรงชิ่งอย่างใจเย็น แม้ว่าอาภรณ์ของนางจะดูมิเอิกเกริก แต่ก็ทำจากผ้าดิ้นเงินดิ้นทองล้ำค่าอีกทั้งนางก็มีท่าทีวางตัวอยู่ในทุกอิริยาบถด้วยหูที่บอบบางของหลิงอวี๋ได้ยินว่ามีคนจำนวนมากเข้ามาใกล้ น่าจะติดตามหรงชิ่งมาฉีตะวันออกมีองค์หญิงชื่อเซี่ยโฮ่วตานรั่วแล้ว ด้วยกลิ่นอายของหรงชิ่ง กอปรกับที่มีผู้คอยปกป้องนางอย่างลับ ๆ ตัวตนของนางก็น่าจะเป็นองค์หญิงแห่งเยวี่ยใต้ชื่อของหรงชิ่งก็น่าจะเป็นมู่หรงชิ่ง!หลิงอวี๋นึกถึงจี้หยกของหลานฮุ่ยจวนที่มีมู่หรงสลักอยู่บนนั้น เมื่อเห็นว่ามู่หรงชิ่งดีกับตนก่อน จึงอยากหาข้อมูลบางอย่างจากมู่หรงชิ่ง จึงตอบตกลงทันที“พี่หญิงหลิงอวี๋ เมื่อครู่ข้าเห็นว่าเจ้าพาเด็กมาด้วย เป็นลูกของเจ้าหรือ? กลับไปเรียกเขาแล้วเราไปกินข้าวกันเถิด!”มู่หรงชิ่งลากหลิงอวี๋เดินออกไปด้วยท่าทางคุ้นเคยกันกระทั่งกลับมาที่การแสดง หลิงอวี๋เห็นว่าหลิงเยวี่ยยังคงกุมมือของเถาจื่อยืนดูนิ่ง ๆ อยู่ที่เดิมหลิงเยวี่ยยิ้มเล็กน้อย แล้วให้หานอวี้ไปบอกเถาจื่อว่า หลังจากที่หลิงเยวี่
ยังมิทันที่หลิงอวี๋จะพูดอะไร จู่ ๆ เปียวจื่อก็นึกขึ้นถึงเรื่องที่สำคัญที่สุดที่เขายังมิได้บอกกับหลิงอวี๋จึงเอ่ยออกไป“พระชายา ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่านั้น เราเพิ่งรู้มาเมื่อคืนนี้… ได้ยินมาว่าตระกูลจ้าวได้เลือกที่ตั้งโรงงานในหมู่บ้านตระกูลหลี่ และกำลังเตรียมจะทำโรงงานยาด้วยขอรับ!”“นายน้อยเสี่ยวห่าวได้ยินข่าวเมื่อคืนนี้ ก็ไปสืบข่าวจนข้ามคืนเลย!”“ท่านว่าตระกูลจ้าวเล็งเป้าหมายมาที่ท่านอยู่หรือไม่?”หัวใจของหลิงอวี๋เต้นรัว นี่คงเป็นฝีมือของจ้าวเจินเจินกับพระชายาเส้าสินะ!เมื่อเห็นโรงงานยาของตนขายยาให้กับกองทัพ และได้รับคำชมและเงินทองจากองค์จักรพรรดิ ก็เลยรู้สึกอิจฉาตาร้อนพวกเขาไม่มีความสามารถในการเริ่มต้นกิจการด้วยตนเอง ดังนั้นจึงคิดจะคัดลอกประสบการณ์ความสำเร็จของตนใช่หรือไม่?ชาวบ้านในหมู่บ้านตระกูลหลี่มีประสบการณ์ในการแสวงหาผลกำไรแล้ว หากตระกูลจ้าวให้เงินเพิ่มอีกเล็กน้อย พวกเขาจะขายกลยุทธ์ทางการค้าของโรงงานยาให้กับตระกูลจ้าวแน่นอน“รังแกกันมากเกินไปแล้ว!”หลิงอวี๋กัดฟัน แล้วจู่ ๆ ก็รู้สึกแย่พระชายาเส้าให้ตงจู๋ลักพาตัวตนเองในวัง นางยังมิได้คิดบัญชีด้วยเลย ตอนนี้ยังพยายา