“องค์หญิงตานรั่ว ท่านรู้ได้อย่างไรว่าท่านอ๋องของหม่อมฉันไม่มีความสุข? ท่านรู้ได้อย่างไรว่าท่านอ๋องของหม่อมฉันโปรดท่าน?”หลิงอวี๋จึงเอ่ย “เมื่อวานบนถนน ของแทนใจที่ท่านมอบให้ท่านอ๋องของหม่อมฉัน พระองค์ได้รับไว้หรือไม่เพคะ? หม่อมฉันมิรู้ว่าท่านไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใด จึงได้กล้าพูดเรื่องเช่นนี้ออกมา!”เซี่ยโฮ่วตานรั่วเอ่ยอย่างมั่นใจ “ท่านอ๋องอี้จะต้องหลงรักข้าเป็นแน่! พระชายาอ๋องอี้ หากเจ้ามิกล้ายอมรับคำท้าก็ยอมถอยไปเถิด พูดเช่นนี้ไม่มีประโยชน์หรอก!”หลิงอวี๋รู้สึกรังเกียจการข่มคนอื่นของเซี่ยโฮ่วตานรั่ว จึงยิ้มอย่างเย็นชา “องค์หญิงตานรั่วตรัสว่ามิสนใจเรื่องดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์และการวาดภาพ หม่อมฉันก็ไม่มีความสนใจในการยิงธนูและการขี่ม้าเช่นกันเพคะ!”“องค์หญิงตานรั่วเอาสิ่งที่ตนถนัดมาท้าทายผู้อื่น ท่านคิดว่ามันยุติธรรมหรือ?”เซี่ยโฮ่วตานรั่วเอ่ยอย่างหยิ่งผยอง “ข้าคิดว่ายุติธรรมมาก! ในฉีตะวันออก ทุกคนเติบโตมากับการขี่ม้า ต่างเรียนรู้การยิงธนูและการขี่ม้ากันมาตั้งแต่เด็กแล้ว!”“พระชายาอ๋องอี้ ทักษะการขี่ม้าและการยิงธนูของเจ้าเทียบมิได้แม้แต่กับเด็กอายุสามขวบของเราใช่หรือไม่?”หลิง
หลิงอวี๋กับเถาจื่อรีบไปที่สถานที่ที่ท่านหญิงจ่างหนิงพาหลิงซวนออกไปเมื่อครู่ ทั้งสองมองหารอบ ๆ แต่มิเห็นใครเลยบังเอิญมีนางกำนัลคนหนึ่งเดินผ่านมาพอดี หลิงอวี๋จึงคว้าตัวนางไว้แล้วเอ่ยถาม “ข้าคือพระชายาอ๋องอี้ ขอถามหน่อยว่าเจ้าเห็นหรือไม่ว่าท่านหญิงจ่างหนิงไปทางใด?”“เรียนพระชายา ไปทางนั้นเจ้าค่ะ!”นางกำนัลตอบด้วยท่าทีเคารพ พลางชี้ทางทิศทางให้หลิงอวี๋หลังจากที่หลิงอวี๋กับเถาจื่อขอบคุณนางกำนัลแล้วก็รีบไปทางนั้นกระทั่งไปถึงตรงทางแยก หลิงอวี๋ก็ชี้ไปอีกทางแล้วเอ่ย “เจ้าไปทางนั้น หากเห็นท่านหญิงจ่างหนิง อย่าไปทำให้นางตกใจ ให้รีบกลับมาเรียกข้าก่อน!”“เจ้าค่ะ!” เถาจื่อวิ่งไปทางนั้นทันทีหลิงอวี๋วิ่งตามไปอีกทางของทางแยกนั้นแต่หลังจากวิ่งไปสักพักก็ยังมิเจอใคร หลิงอวี๋กำลังสงสัยว่า นางอาจจะมาผิดทางหรือไม่ ก็เห็นตำหนักแห่งหนึ่งอยู่ตรงหน้านางตำหนักนี้อยู่ห่างไกลมาก ทางเดินด้านนอกตำหนักก็เต็มไปด้วยวัชพืช และมีดอกไม้ป่าบางส่วนกำลังบานสะพรั่งอยู่หลิงอวี๋สงสัย นี่คงจะเป็นตำหนักร้างแน่ ๆ!จ่างหนิงจะพาหลิงซวนมาที่นี่หรือไม่?ก็เป็นไปได้เช่นกัน!นิสัยหยิ่งผยองวางอำนาจของจ่างหนิง ต้องเลือกส
“ข้าสามารถทำให้ใบหน้าของเจ้าเสียโฉมได้ทั้งหมดเลยนะ! หากเจ้าทำให้ข้าโกรธ… ข้าก็จะฆ่าเจ้าด้วย!”หัวหน้าหยิบมีดผ่าตัดแล้วค่อย ๆ ขยับมันไปมาบนใบหน้าของหลิงอวี๋!หากเป็นคนธรรมดา เมื่อต้องเผชิญกับภัยคุกคามเช่นนี้ คงจะหวาดกลัวจนสติกระเจิงไปแล้วหลิงอวี๋จึงแสดงสีหน้าหวาดกลัวเพื่อสร้างความสับสนให้ทั้งสามคน หัวหน้าขู่รวมถึงหลอกล่อด้วยผลประโยชน์ “บอกข้ามาว่าตำราการแพทย์อยู่ที่ใด แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป!”หลิงอวี๋แสร้งเอ่ยอย่างเป็นกังวล “ข้ามิรู้จริง ๆ ว่าซือคงชวิ่นคือใคร แล้วก็มิเคยเห็นตำราการแพทย์ของเขาด้วย! พวกเจ้าอย่าทำร้ายข้าเลย… ข้าคือพระชายาอ๋องอี้ หากพวกเจ้าอยากได้เงินข้าก็จะให้พวกเจ้า!”“อยากจะไปซื้อตำราการแพทย์อะไรพวกเจ้าก็ไปซื้อได้!”หัวหน้าใจร้อนขึ้นมา เมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋มิได้พูดความจริง จึงตะคอก “กล้ามาหลอกข้าเยี่ยงนั้นรึ? ข้าว่าเจ้านี่มิเห็นโลงศพมิหลั่งน้ำตานะ!”“เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะให้เจ้าลิ้มรสความแข็งแกร่งของข้า!”หัวหน้าโบกมือ แล้วหญิงสองคนที่อยู่ข้างหลังก็เดินไปหยิบถังน้ำขนาดใหญ่ออกมาหลิงอวี๋มองไปอย่างประหลาดใจ แล้วก็เห็นร่างดำ ๆ ยืนอยู่ในเงามืดอย่างเลือนรางนั่นใครกัน
แล้วเงามืดก็เดินออกไปเมื่อหัวหน้าเห็นก็ยืนขึ้น ขยิบตาให้ผู้หญิงอีกสองคน แล้วเอ่ยเสียงเย็นชา “ดูนางไว้ ข้าไปประเดี๋ยวก็กลับมา!”หลังจากที่หัวหน้าพูดจบก็รีบตามเงามืดออกไปหลิงอวี๋มีกำลังใจขึ้นมา นางรู้ดีว่าแม้ว่านางจะเปิดเผยที่อยู่ของตำราการแพทย์ออกไป คนเหล่านี้ก็ไม่มีทางปล่อยตนไปหรอก!ยิ่งไปกว่านั้น เงามืดลึกลับนั้นก็ทำให้หลิงอวี๋รู้สึกอันตรายมาก นางมิรู้ว่าพวกเขาออกไปข้างนอกจะทำอะไรนางรู้แค่ว่าหากตนไม่รีบออกจากสถานการณ์ในตอนนี้โดยเร็วที่สุด นางจะตายอยู่ที่นี่!เมื่อเห็นสถานการณ์เร่งด่วน หลิงอวี๋สนใจอะไรมิได้มากนัก เมื่อเห็นว่าหัวหน้าเพิ่งจะเดินออกไปนางคว้าที่วางแขนของเก้าอี้ที่ตนผูกติดอยู่ไว้อย่างเงียบ ๆเมื่อครู่นางแอบดูแล้ว ที่วางแขนมันมีการแตกหักอย่างรุนแรงอยู่แม้ว่าการเอามาใช้เป็นอาวุธจะดูงุ่มง่าม แต่เวลานี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!“พวกเจ้ารับปากว่าจะปล่อยข้าไปหากบอกที่อยู่ของตำราการแพทย์! พวกเจ้าอยากจะผิดคำพูดหรือ?”หลิงอวี๋พยายามลุกขึ้นหญิงในชุดดำเห็นว่าเก้าอี้หัก เมื่อหลิงอวี๋ขยับ เชือกที่มัดตัวนางก็หลุดออกแล้วนางจึงเดินเข้ามา พลางตะคอกด้วยความโกรธ “หยุดอยู่ตรงน
หลิงอวี๋วิ่งเข้าไปก็เห็นเด็กในชุดสีชมพูนอนจมกองเลือดอยู่ใบหน้าครึ่งหนึ่งของนางหันหน้ามาทางหลิงอวี๋พอดี หลิงอวี๋จำได้ว่านางคือท่านหญิงจ่างหนิงหัวหน้าของหญิงชุดดำคนนั้น กำลังถือกริชไล่ตามหลิงซวนอยู่ส่วนหลิงซวนก็อุ้มเด็กชายตัวน้อยไว้ในอ้อมแขนแล้ววิ่งไปตรงหน้าต่างที่หลิงอวี๋ปีนออกไปเมื่อครู่นี้“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”เด็กชายกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก และพยายามดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของหลิงซวนอย่างบ้าคลั่ง“ปล่อยพวกเขาไป!”หลิงอวี๋เห็นเช่นนั้นก็ตะโกนอย่างกังวล“ปล่อยพวกเขาไป แล้วข้าจะบอกที่ซ่อนที่แท้จริงของตำราการแพทย์กับเจ้า!”“ว่ากระไรนะ? เจ้ากล้าโกหกข้าหรือ!” หัวหน้าตะคอกด้วยความโกรธ“อยากให้ข้าปล่อยพวกนางไปหรือ? ฝันไปเถอะ! เจ้าฆ่าเหล่าเอ้อร์กับเหล่าซานไปแล้ว ข้าจะฆ่าเจ้า!”นางตะคอกแล้วพุ่งไปหาหลิงอวี๋อย่างดุร้าย หลิงอวี๋จึงหันหลังวิ่งหนีไป“หลิงซวน เจ้าพาเขาหนีไปเร็วเข้า! รีบกลับไป…”หลิงอวี๋เตือนแล้ววิ่งไปที่ป่าไผ่นางอยากจะล่อหัวหน้าออกไป แล้วให้โอกาสเด็กกับหลิงซวนหนีเอาตัวรอด!เมื่อหัวหน้าเห็นก็ยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นก็ยกมือขึ้นปาลูกดอกออกไปเข้าที่น่องของหลิงอวี๋หลิงอว
ณ ศาลาร้อยบุปผางานเลี้ยงกำลังจะเริ่มแล้วเซียวหลินเทียนนั่งกับองค์ชายสามรุ่ย องค์ชายห้าเย่ เขาเงยหน้าขึ้นมองฝั่งตรงข้าม แต่กลับมิเห็นหลิงอวี๋เซียวหลินเทียนเห็นว่าไทเฮากับคนอื่น ๆ อยู่กันหมด แต่หลิงอวี๋หายตัวไปเพียงคนเดียว ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยก่อนหน้านี้หลิงอวี๋อยู่กับไทเฮามิใช่หรือ? เหตุใดจึงหายไปแล้ว?ในตอนแรกเซียวหลินเทียนไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าหลิงอวี๋อาจจะไปห้องน้ำแต่เมื่อเห็นว่าอาหารยกมาจนครบแล้ว เหลือแค่รอจักรพรรดิอู่อันมาประกาศเริ่มงานเลี้ยง แต่หลิงอวี๋ยังคงไม่มาหรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?เซียวหลินเทียนรู้สึกมิสบายใจ จึงแสร้งว่าจะไปห้องน้ำแล้วลุกออกไปเมื่อมาถึงหน้าประตูก็พบกับขันทีน้อยเซี่ย เซียวหลินเทียนจึงเอ่ยเบา ๆ “ขันทีน้อยเซี่ย เจ้าช่วยนำข้อความของข้าไปบอกหลิงซวนให้เร่งพระชายาอ๋องอี้ไปที่งานเลี้ยงทีได้หรือไม่?”“ไม่มีปัญหาพ่ะย่ะค่ะ บ่าวจะไปบอกให้เลย!”ขณะที่ขันทีน้อยเซี่ยกำลังจะไป ขันทีเซี่ยก็มาพร้อมกับองค์จักรพรรดิและท่านอ๋องเฉิงแล้ว“เสด็จพ่อ!” เซียวหลินเทียนเอ่ยทักทายด้วยความเคารพ แล้วก้าวไปด้านข้าง อยากจะรอให้องค์จักรพรรดิกับท่านอ๋องเฉิงเข้าไปก่อนแล้
เฮ่อจู้ตบไปอีกครั้งอย่างโหดร้าย หลิงอวี๋ถูกตบจนตาพร่า และมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากเฮ่อจู้จะตบตีต่ออีก แต่มีเสียงโกรธ ๆ ตะโกนมา “หยุด!”เฮ่อจู้ไม่หันกลับไป พลางตะคอกด้วยความโกรธ “ใครมันกล้ามายุ่งเรื่องของข้า? วันนี้ข้าจะฆ่านางสารเลวผู้นี้...”เฮ่อจู้เหวี่ยงมือตบไปอีกครั้ง แต่ยังมิทันที่มือของเขาจะโดน ก็มีร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วคว้ามือของเฮ่อจู้ไว้ยังมิทันที่เฮ่อจู้จะได้โต้ตอบ เซียวหลินเทียนก็คว้ามือของเขาไปด้านหลัง จากนั้นเฮ่อจู้ก็ล้มลงกับพื้นอย่างแรง“บังอาจ...”“ท่านอ๋องอี้!”มีเสียงเรียกดังขึ้นในเวลาเดียวกัน เท้าของเซียวหลินเทียนเหยียบอยู่บนหน้าอกของเฮ่อจู้อย่างโหดร้ายเขาเห็นหลิงอวี๋ถูกทุบตีอยู่กับพื้น ใบหน้าครึ่งหนึ่งบวมช้ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิง และมีเลือดไหลลงมาที่มุมปากของนาง“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? ถึงได้กล้าทุบตีพระชายาของข้า!”เซียวหลินเทียนสีหน้ามืดมน ออกแรงที่เท้ามากขึ้น เฮ่อจู้รู้สึกราวกับว่ากระดูกที่อกของตนเองกำลังจะหักไปหมด หายใจไม่ออกเลยจ้าวซวนกับเฉาอี้ที่ตามหลังมาเห็นสภาพที่น่าเวทนาของหลิงอวี๋ ก็จ้องมองเฮ่อจู้อย่างโกรธ ๆ“ท่านอ๋องอี้ อย่าทำร้ายรองผู
ในเวลาไม่นาน ก็มีคนหลั่งไหลเข้ามาพระตำหนักหย่งเหอมากมายนางกำนัลพยุงฮองเฮาเว่ยเดินเข้ามา“จ่างหนิงเล่า?”“อยู่ในห้องโถงใหญ่เพคะ!”ฮองเฮาเว่ยรีบเดินเข้าไปข้างใน หลังจากนั้นไม่นาน เสียงร้องไห้น่าสะเทือนใจของฮองเฮาเว่ยก็ดังมาจากข้างใน“จ่างหนิง เจ้าตายอย่างอนาถนัก!”“หลิงอวี๋ เหตุใดเจ้าจึงใจร้ายจึงเพียงนี้ เจ้าลงมืออย่าโหดเหี้ยมกับเด็กน้อยเช่นนี้ได้เยี่ยงไร!”ฮองเฮาเว่ยร้องไห้ แล้วจู่ ๆ เสียงก็หายไป จากนั้นนางกำนัลกับแม่นมที่อยู่ข้างในก็กรีดร้องขึ้นมา “แย่แล้ว ฮองเฮาเป็นลมไปแล้ว!”ใบหน้าของจักรพรรดิอู่อันมืดมนลงทันทีในเวลานี้ ทหารของกองทัพหลวงก็ได้เชิญถังถีเตี่ยนกับหมอจางมาพอดีเมื่อจักรพรรดิอู่อันเห็นดังนั้นก็รีบตะโกน “ถังถีเตี่ยน รีบเข้าไปดูฮองเฮาที!”ถังถีเตี่ยนรับคำแล้ววิ่งเข้าไปเฮ่อจู้รีบไปหาหมอจางแล้วตะโกน “หมอจาง รีบช่วยลูกชายของข้าที! มิรู้ว่าเขาเป็นเยี่ยงไรบ้าง เรียกเท่าไหร่ก็มิยอมตื่นเลย!”เฮ่อจู้เป็นพี่ชายของพระชายาเว่ย และเป็นคนของฮองเฮาเว่ยด้วยหมอจางเป็นคนของพระชายาเส้า เมื่อเห็นเฮ่อจู้จับตัวตนเองไว้ ก็รู้สึกมิพอใจนัก กลัวว่าพระชายาเส้าจะเข้าใจผิดว่าตนเอาใจเฮ