เซี่ยโฮ่วตานรั่วเบะปาก ยังคงมีท่าทางที่ดูไม่เห็นด้วยอยู่“ท่านอ๋องอี้ ทักษะการขี่ม้าของหม่อมฉันดีมาก หากพวกเขามิหลบกันจนทำให้ม้าของหม่อมฉันตกใจ เรื่องเช่นนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น!”“หากท่านจะตำหนิก็ตำหนิที่พวกเขามิควรจะวิ่งวุ่นกันเช่นนี้! จะมาตำหนิหม่อมฉันได้อย่างไร!”ฉาเค่อฉีชายร่างสูงใหญ่ผู้ติดตามของเซี่ยโฮ่วตานรั่วก็เอ่ยอย่างดูถูกเช่นกัน“องค์หญิงตานรั่วตรัสถูกพ่ะย่ะค่ะ! ท่านอ๋องอี้ องค์หญิงตานรั่วของเราเป็นแขกของพวกท่าน การที่ท่านตรัสวาจาแข็งกร้าว ทั้งยังลงมือกับองค์หญิงของเรานั้นมิใช่วิธีที่จะปฏิบัติต่อแขกเลยพ่ะย่ะค่ะ!”“วิธีปฏิบัติต่อแขก?”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเคร่งเครียด “สำหรับแขกที่พวกเราเชิญมา ชาวฉินตะวันตกทุกคนล้วนปฏิบัติอย่างให้เกียรติแขกอยู่แล้ว แต่พฤติกรรมของแขกก่อนหน้านี้นั้นคู่ควรแก่ความเคารพของพวกเรารึ!”“พวกเจ้ามาจากฉีตะวันออก ปล่อยให้ม้าของเจ้ามาทำร้ายราษฎรฉินตะวันตกของเรา อีกทั้งยังทำตัวหยิ่งยโสอีก แขกเช่นพวกเจ้าสมควรได้รับการปฏิบัติต่อแขกอย่างให้เกียรติของพวกเราหรือ?”พ่อค้าแม่ค้าที่ถูกรบกวนต่างมายืนล้อมกันอยู่รอบ ๆ มากมาย เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวหลินเทียนก็พาก
“แส้ทองดำของหม่อมฉันก็ถือเสียว่าเป็นของแทนใจที่มอบให้ท่านก็แล้วกัน!”เมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินสิ่งนี้ เขาก็โยนแส้ในมือไปที่เซี่ยโฮ่วตานรั่วราวกับว่าถูกไฟลวก แล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม“ข้าแต่งงานแล้ว! ข้าไม่มีทางรับข้อเสนอของเจ้าหรอก!”“แต่งงานแล้วก็หย่าร้างแล้วแต่งงานใหม่ได้เพคะ!”เซี่ยโฮ่วตานรั่วเอ่ยอย่างมั่นใจ “หม่อมฉันเป็นคนเดียวในใต้หล้านี้ที่คู่ควรกับท่าน! สตรีที่หาได้ทั่วไปเหล่านั้นจะมาเปรียบเทียบกับหม่อมฉันได้เยี่ยงไร!”เซียวหลินเทียนพูดมิออก เขาอยากหลีกเลี่ยงแต่ก็ถูกเซี่ยโฮ่วตานรั่วขวางทางไว้“ท่านอ๋องอี้ หม่อมฉันจะถือว่าท่านตกลงแล้ว งานเลี้ยงในวังพรุ่ง หม่อมฉันจะให้เสด็จพี่ของหม่อมฉันเอ่ยเรื่องแต่งงานกับเสด็จพ่อของท่าน!”เซียวหลินเทียนตะคอกอย่างทนไม่ไหว “ข้ามิได้ตกลงอะไรกับเจ้าทั้งนั้น! องค์หญิงตานรั่ว โปรดเคารพตัวเองด้วย! หากกล้าขวางทางข้าอีก อย่ามาโทษว่าข้าไร้ความปรานี!”“ช่างไร้ยางอายจริง ๆ! ท่านอ๋องอี้ของเราเป็นใคร ใช่คนที่ท่านอยากจะแต่งงานด้วยก็แต่งได้เลยเยี่ยงนั้นหรือ?”“นั่นสิ เป็นสตรีแท้ ๆ กลับมาเสนอตัวเช่นนี้ กังวลว่าจะมิได้แต่งงานถึงร้อนใจเช่นนี้หรือ?”
ในรถม้าเงียบมากตลอดการเดินทาง เซียวหลินเทียนก็กำลังครุ่นคิดถึงสิ่งที่หลิงอวี๋พูดอย่างเงียบ ๆอยู่กันจนแก่เฒ่า ไม่ทิ้งกันไปไหน และครองคู่อยู่ด้วยกันไปตลอด!แนวคิดนี้ค่อนข้างน่าตกใจ!บุรุษรอบตัวเขาต่างก็มีภรรยาหลายคนกันทั้งนั้น หลิงอวี๋ไม่คิดว่าคำขอนี้มันสูงเกินไปหรือ?แต่เซียวหลินเทียนฟังออกได้จากน้ำเสียงของหลิงอวี๋ว่านางคิดเช่นนั้นจริง ๆ!กระทั่งรถม้ากลับมาถึงตำหนักอ๋องอี้ คนเฝ้ายามเห็นเซียวหลินเทียนลงจากรถม้าก็ก้าวไปรายงานทันที“ท่านอ๋อง ขันทีน้อยเซี่ยเพิ่งมาถ่ายทอดพระบรมราชโองการขององค์จักรพรรดิให้ท่านอ๋องกับพระชายาเข้าร่วมงานเลี้ยงในวังคืนวันพรุ่ง บอกว่าเป็นงานเลี้ยงที่จักรพรรดิจัดเพื่อต้อนรับทูตจากฉีตะวันออกและเยวี่ยใต้พ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋มองหน้ากันแล้วเดินเข้าไปด้วยกันหลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างสบาย ๆ “สองแคว้นมาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ แล้วองค์จักรพรรดิเตรียมให้องค์หญิงคนใดไปแต่งงานหรือเพคะ?”เซียวหลินเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “องค์หญิงหกเป็นองค์หญิงที่อายุมากที่สุด ถัดจากนางคือองค์หญิงเจ็ดกับองค์หญิงแปด องค์หญิงเจ็ดปีนี้จะอายุสิบสี่ ส่วนองค์หญิงแปดเพิ
“หานอวี้ทำดีมาก เจ้าคอยดูพวกนางไว้เมื่อมีเวลา หมิ่นกูมีงานที่ต้องทำเยอะมาก ตรงที่ใดที่นางพลาดไปเจ้าก็คอยเตือนนางหน่อยแล้วกัน!”“ขอเพียงพวกนางมิมายุ่งกับคนเรือนบุหงาของเรา ต่อให้พวกนางจะทะเลาะกันเยี่ยงไรก็หาได้ต้องไปสนใจไม่!”หลิงอวี๋ยิ้มเย็นชา “หากกล้ามายุ่งกับคนในเรือนบุหงาของข้า พวกนางหาทางกลับไปมิได้แน่!”“เจ้าค่ะ คุณหนู!”หานอวี้ยิ้มพลางเอ่ย “บ่าวเก่งเรื่องนี้ คุณหนูมอบหมายให้บ่าวทำเรื่องนี้ถือว่าเลือกถูกคนแล้วเจ้าค่ะ!”หานเหมยกลอกตาให้น้องสาวของตนอย่างหมดคำพูด แต่ในเมื่อหลิงอวี๋ชอบน้องสาว นางก็ดีใจกับน้องสาวด้วยหานเหมยกับหานอวี้เป็นคนมาทีหลัง พวกนางมิได้รู้ใจพระชายาได้เหมือนพวกเถาจื่อ สุ่ยหลิงและหลิงซวนจึงทำได้เพียงพยายามทำงานอย่างหนัก เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากหลิงอวี๋โดยเร็วที่สุดวันรุ่งขึ้นหลิงอวี๋ตื่นขึ้นมาและกำลังจะกินอาหารเช้าหานอวี้เข้ามาพลางเอ่ย “คุณหนูเจ้าคะ หญิงงามทั้งสี่อยู่ข้างนอกเจ้าค่ะ พวกนางบอกว่าจะมาคารวะและยกน้ำชาให้คุณหนู!”หลิงอวี๋ตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าในตำหนักมีอนุชายาเพิ่มมาอีกสี่คน คนเข้ามาใหม่จะต้องยกน้ำชาให้ภรรยาเอก“คุณหนู เ
เดิมทีหลิงอวี๋จะดื่มชาก็ได้ แต่นางไม่ชอบท่าทีก้าวร้าวบีบบังคับของคนเหล่านี้ยิ่งไปกว่านั้น การดื่มชานี้ยังไปกระตุ้นความเย่อหยิ่งของคนเหล่านี้อีกด้วย ต่อไปพวกนางก็จะคิดว่าตนกลั่นแกล้งได้ง่าย ๆ!เมื่อเสวี่ยฉินเห็นว่าหลิงอวี๋กำลังจะเดินไป นางก็รีบตะโกน “พระชายา หากท่านมิยอมรับการยกน้ำชาของเรา เช่นนั้นก็เป็นการมิยอมให้พวกเราปรนนิบัติท่านอ๋องนะเจ้าคะ!”“ท่านหึงหวงเช่นนี้ เพราะมิอยากให้เรามีบุตรสืบสกุลให้ท่านอ๋องหรือ? พวกเราคงต้องไปบอกฮองเฮาเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋เหลือบมองเสวี่ยฉินแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “หากอยากจะไปฟ้อง แล้วผู้ใดจะห้ามเจ้าไว้ได้เล่า!”เสวี่ยเจินตะลึง พลางเหลือบมองจื่อผิงที่อยู่ข้าง ๆ จื่อผิงจึงขยิบตาให้นาง แล้วเสวี่ยเจินก็เอ่ย“ท่านพี่พระชายา พวกเรามาถึงที่นี่แล้ว ดื่มชาเสียหน่อยก็คงมิเสียเวลาของท่านหรอกเจ้าค่ะ ท่านดื่มเถิด!”“บังอาจ! ข้ามิอยากดื่มก็จะไม่ดื่ม พวกเจ้ายังจะบังคับให้ข้าดื่มอีกรึ?”หลิงอวี๋ตะคอกด้วยความโกรธ “ไม่มีกฎเกณฑ์เอาเสียเลย หรือว่าเจ้าอยู่ต่อหน้าฮองเฮาก็สั่งฮองเฮาเช่นนี้รึ?”เสวี่ยเจินถือน้ำชาอยู่ มือของนางก็ร้อนแล้ว นางหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอ่ยอย่าง
จื่อผิงหยิกแก้มขาวละมุนของเสวี่ยเจินแล้วหัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ย “พวกเราเป็นคนที่ฮองเฮาบ่มเพาะกันมา เรามีความงามที่ไม่แพ้ผู้ใดทั้งยังมีความรู้อย่างดีด้วย คนที่หยาบคายเยี่ยงพระชายาจะมาเทียบพวกเราได้อย่างไร!”“ขอเพียงหาโอกาสได้ปรนนิบัติแนบชิดกับท่านอ๋องได้สักคืน ท่านอ๋องจะต้องชอบพวกเราเป็นแน่!”เสวี่ยฉินกับเสวี่ยเจินฟังแล้วก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยจากนั้นเสวี่ยฉินก็กลอกตา พลางกระซิบ “แต่ข้าก็ยังคงรู้สึกว่า การที่พระชายาอยู่ในตำหนักอ๋องอี้หนึ่งวัน มันก็เป็นอุปสรรคสำหรับเราแล้ว! ฮองเฮาตรัสไว้แล้วมิใช่หรือว่าให้เราสืบเรื่องในตำหนักอ๋องอี้?”“ท่านอ๋องกับพระชายามิได้อาศัยอยู่ด้วยกัน นี่ก็นับว่าเป็นข่าวที่มีประโยชน์แล้วใช่หรือไม่!”“ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินมาว่า ท่านอ๋องมิโปรดลูกชู้นั่นเพราะมิใช่บุตรชายทางสายเลือดของพระองค์ เช่นนั้นจึงเกลียดพระชายา เรื่องนี้น่าจะเป็นเหตุผลที่ท่านอ๋องมิแตะต้องพระชายากระมัง!”“มิเช่นนั้น ตอนนี้ขาของท่านอ๋องก็หายดีแล้ว พระองค์จะทนมิแตะต้องพระชายาเลยได้เยี่ยงไร?”จื่อผิงครุ่นคิดแล้วพยักหน้าพลางเอ่ย “เช่นนั้นพวกเราก็ส่งข่าวนี้ไปถึงฮองเฮากันเถิด!”หานอวี้เฝ้ามองพวกเห
เมื่อเห็นหลิงอวี๋ได้รับตำราการแพทย์ แล้วจู่ ๆ ทักษะการแพทย์ของนางก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด เปิดโรงงานผลิตยาทำเงินได้มากมายพระชายาเส้าก็อิจฉาตาร้อนขึ้นมาเช่นกันที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ตอนนี้เซียวหลินเทียนยืนขึ้นได้แล้ว เขาก็จะกลายเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อองค์ชายคังบุตรชายของตน!ส่วนเหตุผลหลักที่พระชายาเส้าตั้งใจจะเอาหนังสือการแพทย์มาให้ได้ ก็เพราะยอดฝีมือลึกลับที่อยู่เบื้องหลังท่านพ่อของนาง!ก่อนหน้านี้ท่านพ่อของพระชายาเส้าป่วยหนักมาก ผมขาวไปหมดทั้งหัว และแก่ชราลงไปมากตระกูลเส้าได้เริ่มเตรียมจัดงานศพให้กับท่านเส้าแล้ว!แต่ยอดฝีมือลึกลับผู้นี้มิรู้ว่าปรากฏตัวมาจากที่ใด มาอ้างว่าเขาสามารถฟื้นฟูท่านเส้าให้กลับมาแข็งแรงได้!เห็นได้ชัดว่าท่านพ่อของพระชายาเส้าเชื่อในยอดฝีมือลึกลับผู้นี้มาก เขาไล่คนในครอบครัวออกไปจนหมด เหลืออยู่เพียงชายลึกลับชื่อเก๋อเทียนซือผู้นี้เท่านั้นชายลึกลับผู้นี้ดูอายุเพิ่งสามสิบกว่าปี จมูกโด่ง ดวงตาลึก คิ้วบาก หากมองใกล้ ๆ จะเห็นว่ามีแผลเป็นอยู่ตอนนั้นพระชายาเส้ารู้สึกคุ้นหน้าชายผู้นี้อยู่ราง ๆนางจำได้ราง ๆ ว่า ตอนที่ตนยังเป็นเด็กสาว นางเคยเห็นชายคิ้ว
ท่านเส้ายิ้มขมขื่นพลางส่ายหัว “เหตุใดข้าจะไม่โน้มน้าวให้เขาช่วยอี้เอ๋อร์เล่า แต่เจ้าคงมิรู้ว่าเก๋อเทียนซือได้ตั้งเงื่อนไขไว้หนึ่งข้อ!”“เก๋อเทียนซือบอกว่า หากช่วยเขาตามหาตำราการแพทย์ของซือคงชวิ่นได้ เขาก็จะช่วยอี้เอ๋อร์ มิเช่นนั้น เขาก็ยังต้องเดินทางทั่วหล้าเพื่อตามหาตำราเล่มนี้!”ตำราการแพทย์ของซือคงชวิ่น?พระชายาเส้าตามหาตำราเล่มนี้มาหลายปีแล้ว หากนางจะหาเจอก็คงจะเจอมานานแล้วพระชายาเส้ามองท่านพ่ออย่างสงสัย “ท่านพ่อ เหตุใดตำราเล่มนี้จึงสำคัญมากถึงเพียงนั้น? หรือว่ายังมีอะไรที่ข้ามิรู้อีก?”พระชายาเส้าจำได้ว่า เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วเก๋อเทียนซือก็ให้ท่านพ่อสืบหาที่อยู่ของตำราเล่มนี้เช่นกัน!เพียงแต่พระชายาเส้าตามหามาหลายปีก็มิได้ผลใด ๆ จึงยอมแพ้ไปแล้ว...คิดมิถึงเลยว่า ยี่สิบกว่าปีต่อมา เก๋อเทียนซือก็ยังคงตามหาตำราเล่มนี้อยู่!หรือว่าตำราเล่มนี้มิเพียงแต่บันทึกทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมไว้ แต่ยังมีเคล็ดลับวรยุทธที่แปลกประหลาดของเก๋อเทียนซืออยู่ด้วยพระชายาเส้าเห็นความสามารถของเก๋อเทียนซือด้วยตาของตนเองแล้ว นางจะมิหวั่นใจได้เยี่ยงไร!หากในนั้นมีเคล็ดลับวรยุทธอยู่ แล้วหากนำมาใ