เดิมทีหลิงอวี๋จะดื่มชาก็ได้ แต่นางไม่ชอบท่าทีก้าวร้าวบีบบังคับของคนเหล่านี้ยิ่งไปกว่านั้น การดื่มชานี้ยังไปกระตุ้นความเย่อหยิ่งของคนเหล่านี้อีกด้วย ต่อไปพวกนางก็จะคิดว่าตนกลั่นแกล้งได้ง่าย ๆ!เมื่อเสวี่ยฉินเห็นว่าหลิงอวี๋กำลังจะเดินไป นางก็รีบตะโกน “พระชายา หากท่านมิยอมรับการยกน้ำชาของเรา เช่นนั้นก็เป็นการมิยอมให้พวกเราปรนนิบัติท่านอ๋องนะเจ้าคะ!”“ท่านหึงหวงเช่นนี้ เพราะมิอยากให้เรามีบุตรสืบสกุลให้ท่านอ๋องหรือ? พวกเราคงต้องไปบอกฮองเฮาเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋เหลือบมองเสวี่ยฉินแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “หากอยากจะไปฟ้อง แล้วผู้ใดจะห้ามเจ้าไว้ได้เล่า!”เสวี่ยเจินตะลึง พลางเหลือบมองจื่อผิงที่อยู่ข้าง ๆ จื่อผิงจึงขยิบตาให้นาง แล้วเสวี่ยเจินก็เอ่ย“ท่านพี่พระชายา พวกเรามาถึงที่นี่แล้ว ดื่มชาเสียหน่อยก็คงมิเสียเวลาของท่านหรอกเจ้าค่ะ ท่านดื่มเถิด!”“บังอาจ! ข้ามิอยากดื่มก็จะไม่ดื่ม พวกเจ้ายังจะบังคับให้ข้าดื่มอีกรึ?”หลิงอวี๋ตะคอกด้วยความโกรธ “ไม่มีกฎเกณฑ์เอาเสียเลย หรือว่าเจ้าอยู่ต่อหน้าฮองเฮาก็สั่งฮองเฮาเช่นนี้รึ?”เสวี่ยเจินถือน้ำชาอยู่ มือของนางก็ร้อนแล้ว นางหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอ่ยอย่าง
จื่อผิงหยิกแก้มขาวละมุนของเสวี่ยเจินแล้วหัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ย “พวกเราเป็นคนที่ฮองเฮาบ่มเพาะกันมา เรามีความงามที่ไม่แพ้ผู้ใดทั้งยังมีความรู้อย่างดีด้วย คนที่หยาบคายเยี่ยงพระชายาจะมาเทียบพวกเราได้อย่างไร!”“ขอเพียงหาโอกาสได้ปรนนิบัติแนบชิดกับท่านอ๋องได้สักคืน ท่านอ๋องจะต้องชอบพวกเราเป็นแน่!”เสวี่ยฉินกับเสวี่ยเจินฟังแล้วก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยจากนั้นเสวี่ยฉินก็กลอกตา พลางกระซิบ “แต่ข้าก็ยังคงรู้สึกว่า การที่พระชายาอยู่ในตำหนักอ๋องอี้หนึ่งวัน มันก็เป็นอุปสรรคสำหรับเราแล้ว! ฮองเฮาตรัสไว้แล้วมิใช่หรือว่าให้เราสืบเรื่องในตำหนักอ๋องอี้?”“ท่านอ๋องกับพระชายามิได้อาศัยอยู่ด้วยกัน นี่ก็นับว่าเป็นข่าวที่มีประโยชน์แล้วใช่หรือไม่!”“ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินมาว่า ท่านอ๋องมิโปรดลูกชู้นั่นเพราะมิใช่บุตรชายทางสายเลือดของพระองค์ เช่นนั้นจึงเกลียดพระชายา เรื่องนี้น่าจะเป็นเหตุผลที่ท่านอ๋องมิแตะต้องพระชายากระมัง!”“มิเช่นนั้น ตอนนี้ขาของท่านอ๋องก็หายดีแล้ว พระองค์จะทนมิแตะต้องพระชายาเลยได้เยี่ยงไร?”จื่อผิงครุ่นคิดแล้วพยักหน้าพลางเอ่ย “เช่นนั้นพวกเราก็ส่งข่าวนี้ไปถึงฮองเฮากันเถิด!”หานอวี้เฝ้ามองพวกเห
เมื่อเห็นหลิงอวี๋ได้รับตำราการแพทย์ แล้วจู่ ๆ ทักษะการแพทย์ของนางก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด เปิดโรงงานผลิตยาทำเงินได้มากมายพระชายาเส้าก็อิจฉาตาร้อนขึ้นมาเช่นกันที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ตอนนี้เซียวหลินเทียนยืนขึ้นได้แล้ว เขาก็จะกลายเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อองค์ชายคังบุตรชายของตน!ส่วนเหตุผลหลักที่พระชายาเส้าตั้งใจจะเอาหนังสือการแพทย์มาให้ได้ ก็เพราะยอดฝีมือลึกลับที่อยู่เบื้องหลังท่านพ่อของนาง!ก่อนหน้านี้ท่านพ่อของพระชายาเส้าป่วยหนักมาก ผมขาวไปหมดทั้งหัว และแก่ชราลงไปมากตระกูลเส้าได้เริ่มเตรียมจัดงานศพให้กับท่านเส้าแล้ว!แต่ยอดฝีมือลึกลับผู้นี้มิรู้ว่าปรากฏตัวมาจากที่ใด มาอ้างว่าเขาสามารถฟื้นฟูท่านเส้าให้กลับมาแข็งแรงได้!เห็นได้ชัดว่าท่านพ่อของพระชายาเส้าเชื่อในยอดฝีมือลึกลับผู้นี้มาก เขาไล่คนในครอบครัวออกไปจนหมด เหลืออยู่เพียงชายลึกลับชื่อเก๋อเทียนซือผู้นี้เท่านั้นชายลึกลับผู้นี้ดูอายุเพิ่งสามสิบกว่าปี จมูกโด่ง ดวงตาลึก คิ้วบาก หากมองใกล้ ๆ จะเห็นว่ามีแผลเป็นอยู่ตอนนั้นพระชายาเส้ารู้สึกคุ้นหน้าชายผู้นี้อยู่ราง ๆนางจำได้ราง ๆ ว่า ตอนที่ตนยังเป็นเด็กสาว นางเคยเห็นชายคิ้ว
ท่านเส้ายิ้มขมขื่นพลางส่ายหัว “เหตุใดข้าจะไม่โน้มน้าวให้เขาช่วยอี้เอ๋อร์เล่า แต่เจ้าคงมิรู้ว่าเก๋อเทียนซือได้ตั้งเงื่อนไขไว้หนึ่งข้อ!”“เก๋อเทียนซือบอกว่า หากช่วยเขาตามหาตำราการแพทย์ของซือคงชวิ่นได้ เขาก็จะช่วยอี้เอ๋อร์ มิเช่นนั้น เขาก็ยังต้องเดินทางทั่วหล้าเพื่อตามหาตำราเล่มนี้!”ตำราการแพทย์ของซือคงชวิ่น?พระชายาเส้าตามหาตำราเล่มนี้มาหลายปีแล้ว หากนางจะหาเจอก็คงจะเจอมานานแล้วพระชายาเส้ามองท่านพ่ออย่างสงสัย “ท่านพ่อ เหตุใดตำราเล่มนี้จึงสำคัญมากถึงเพียงนั้น? หรือว่ายังมีอะไรที่ข้ามิรู้อีก?”พระชายาเส้าจำได้ว่า เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วเก๋อเทียนซือก็ให้ท่านพ่อสืบหาที่อยู่ของตำราเล่มนี้เช่นกัน!เพียงแต่พระชายาเส้าตามหามาหลายปีก็มิได้ผลใด ๆ จึงยอมแพ้ไปแล้ว...คิดมิถึงเลยว่า ยี่สิบกว่าปีต่อมา เก๋อเทียนซือก็ยังคงตามหาตำราเล่มนี้อยู่!หรือว่าตำราเล่มนี้มิเพียงแต่บันทึกทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมไว้ แต่ยังมีเคล็ดลับวรยุทธที่แปลกประหลาดของเก๋อเทียนซืออยู่ด้วยพระชายาเส้าเห็นความสามารถของเก๋อเทียนซือด้วยตาของตนเองแล้ว นางจะมิหวั่นใจได้เยี่ยงไร!หากในนั้นมีเคล็ดลับวรยุทธอยู่ แล้วหากนำมาใ
“พระชายาอ๋องอี้ ดื่มชาเช่นนี้ช่างน่าเบื่อเสียจริง เรามาหาอะไรสนุก ๆ กันดีกว่า!”จู่ ๆ เซี่ยโฮ่วตานรั่วก็เอ่ยปาก แล้วพูดอย่างยั่วยุ“ข้าได้ยินมาว่า พระชายาอ๋องอี้มีชื่อเสียงมากในเมืองหลวง เก่งทั้งด้านดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์และการวาดภาพ ข้ามิได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย เช่นนั้น เรามาแข่งขี่ม้าแข่งยิงธนูกันดีหรือไม่?”นางโบกมือ แล้วนางกำนัลของนางก็ยกกล่องหนึ่งขึ้นมาเซี่ยโฮ่วตานรั่วเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “ข้างในนี้มีหยกเถียนหวงคุณภาพสูงชิ้นหนึ่ง มูลค่ามหาศาล หากพระชายาอ๋องอี้เอาชนะข้าได้ทั้งการขี่ม้าและการยิงธนู ข้าจะมอบหยกเถียนหวงชิ้นนี้ให้กับเจ้า!”นางรับใช้เปิดกล่องอย่างโอ้อวด ให้ทุกคนเห็นหยกเถียนหวงไทเฮาเหลียงมองแล้วก็ตกใจเล็กน้อย หยกชิ้นนี้เป็นหยกเนื้อดีที่สุดที่นางเคยเห็นมาในชีวิตเลย!ฮองเฮาเว่ยเห็นแล้วก็เบิกตาโตนางมิใช่คนที่มิเคยเห็นของดี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นหยกเถียนหวงเนื้อดีเช่นนี้สีเหลืองของหยกเถียนหวงเป็นสีเหลืองดั่งทอง สิ่งที่หายากที่สุดก็คือ ไม่มีสิ่งเจือปนเลย มีทั้งความใสและอ่อนนุ่มราวกับไขมันหยกเถียนหวงคุณภาพเช่นนี้หายากมาก เป็นสมบัติล้ำค่าในหมู่หยก มีอยู่
“องค์หญิงตานรั่ว ท่านรู้ได้อย่างไรว่าท่านอ๋องของหม่อมฉันไม่มีความสุข? ท่านรู้ได้อย่างไรว่าท่านอ๋องของหม่อมฉันโปรดท่าน?”หลิงอวี๋จึงเอ่ย “เมื่อวานบนถนน ของแทนใจที่ท่านมอบให้ท่านอ๋องของหม่อมฉัน พระองค์ได้รับไว้หรือไม่เพคะ? หม่อมฉันมิรู้ว่าท่านไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใด จึงได้กล้าพูดเรื่องเช่นนี้ออกมา!”เซี่ยโฮ่วตานรั่วเอ่ยอย่างมั่นใจ “ท่านอ๋องอี้จะต้องหลงรักข้าเป็นแน่! พระชายาอ๋องอี้ หากเจ้ามิกล้ายอมรับคำท้าก็ยอมถอยไปเถิด พูดเช่นนี้ไม่มีประโยชน์หรอก!”หลิงอวี๋รู้สึกรังเกียจการข่มคนอื่นของเซี่ยโฮ่วตานรั่ว จึงยิ้มอย่างเย็นชา “องค์หญิงตานรั่วตรัสว่ามิสนใจเรื่องดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์และการวาดภาพ หม่อมฉันก็ไม่มีความสนใจในการยิงธนูและการขี่ม้าเช่นกันเพคะ!”“องค์หญิงตานรั่วเอาสิ่งที่ตนถนัดมาท้าทายผู้อื่น ท่านคิดว่ามันยุติธรรมหรือ?”เซี่ยโฮ่วตานรั่วเอ่ยอย่างหยิ่งผยอง “ข้าคิดว่ายุติธรรมมาก! ในฉีตะวันออก ทุกคนเติบโตมากับการขี่ม้า ต่างเรียนรู้การยิงธนูและการขี่ม้ากันมาตั้งแต่เด็กแล้ว!”“พระชายาอ๋องอี้ ทักษะการขี่ม้าและการยิงธนูของเจ้าเทียบมิได้แม้แต่กับเด็กอายุสามขวบของเราใช่หรือไม่?”หลิง
หลิงอวี๋กับเถาจื่อรีบไปที่สถานที่ที่ท่านหญิงจ่างหนิงพาหลิงซวนออกไปเมื่อครู่ ทั้งสองมองหารอบ ๆ แต่มิเห็นใครเลยบังเอิญมีนางกำนัลคนหนึ่งเดินผ่านมาพอดี หลิงอวี๋จึงคว้าตัวนางไว้แล้วเอ่ยถาม “ข้าคือพระชายาอ๋องอี้ ขอถามหน่อยว่าเจ้าเห็นหรือไม่ว่าท่านหญิงจ่างหนิงไปทางใด?”“เรียนพระชายา ไปทางนั้นเจ้าค่ะ!”นางกำนัลตอบด้วยท่าทีเคารพ พลางชี้ทางทิศทางให้หลิงอวี๋หลังจากที่หลิงอวี๋กับเถาจื่อขอบคุณนางกำนัลแล้วก็รีบไปทางนั้นกระทั่งไปถึงตรงทางแยก หลิงอวี๋ก็ชี้ไปอีกทางแล้วเอ่ย “เจ้าไปทางนั้น หากเห็นท่านหญิงจ่างหนิง อย่าไปทำให้นางตกใจ ให้รีบกลับมาเรียกข้าก่อน!”“เจ้าค่ะ!” เถาจื่อวิ่งไปทางนั้นทันทีหลิงอวี๋วิ่งตามไปอีกทางของทางแยกนั้นแต่หลังจากวิ่งไปสักพักก็ยังมิเจอใคร หลิงอวี๋กำลังสงสัยว่า นางอาจจะมาผิดทางหรือไม่ ก็เห็นตำหนักแห่งหนึ่งอยู่ตรงหน้านางตำหนักนี้อยู่ห่างไกลมาก ทางเดินด้านนอกตำหนักก็เต็มไปด้วยวัชพืช และมีดอกไม้ป่าบางส่วนกำลังบานสะพรั่งอยู่หลิงอวี๋สงสัย นี่คงจะเป็นตำหนักร้างแน่ ๆ!จ่างหนิงจะพาหลิงซวนมาที่นี่หรือไม่?ก็เป็นไปได้เช่นกัน!นิสัยหยิ่งผยองวางอำนาจของจ่างหนิง ต้องเลือกส
“ข้าสามารถทำให้ใบหน้าของเจ้าเสียโฉมได้ทั้งหมดเลยนะ! หากเจ้าทำให้ข้าโกรธ… ข้าก็จะฆ่าเจ้าด้วย!”หัวหน้าหยิบมีดผ่าตัดแล้วค่อย ๆ ขยับมันไปมาบนใบหน้าของหลิงอวี๋!หากเป็นคนธรรมดา เมื่อต้องเผชิญกับภัยคุกคามเช่นนี้ คงจะหวาดกลัวจนสติกระเจิงไปแล้วหลิงอวี๋จึงแสดงสีหน้าหวาดกลัวเพื่อสร้างความสับสนให้ทั้งสามคน หัวหน้าขู่รวมถึงหลอกล่อด้วยผลประโยชน์ “บอกข้ามาว่าตำราการแพทย์อยู่ที่ใด แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป!”หลิงอวี๋แสร้งเอ่ยอย่างเป็นกังวล “ข้ามิรู้จริง ๆ ว่าซือคงชวิ่นคือใคร แล้วก็มิเคยเห็นตำราการแพทย์ของเขาด้วย! พวกเจ้าอย่าทำร้ายข้าเลย… ข้าคือพระชายาอ๋องอี้ หากพวกเจ้าอยากได้เงินข้าก็จะให้พวกเจ้า!”“อยากจะไปซื้อตำราการแพทย์อะไรพวกเจ้าก็ไปซื้อได้!”หัวหน้าใจร้อนขึ้นมา เมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋มิได้พูดความจริง จึงตะคอก “กล้ามาหลอกข้าเยี่ยงนั้นรึ? ข้าว่าเจ้านี่มิเห็นโลงศพมิหลั่งน้ำตานะ!”“เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะให้เจ้าลิ้มรสความแข็งแกร่งของข้า!”หัวหน้าโบกมือ แล้วหญิงสองคนที่อยู่ข้างหลังก็เดินไปหยิบถังน้ำขนาดใหญ่ออกมาหลิงอวี๋มองไปอย่างประหลาดใจ แล้วก็เห็นร่างดำ ๆ ยืนอยู่ในเงามืดอย่างเลือนรางนั่นใครกัน
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต