แชร์

บทที่ 837

ผู้เขียน: กานเฟย
เมื่อท่านอดีตเสนาบดีพูดถึงตรงนี้ ก็กระซิบกำชับนาง “เจ้าอย่าให้ใครรู้เด็ดขาดว่าเจ้ามีตำราเล่มนี้อยู่ในมือ!”

“โดยเฉพาะพระชายาเส้า!”

“เหตุใดหรือเจ้าคะ?” หลิงอวี๋ใจสั่น เหตุใดเรื่องนี้จึงเกี่ยวข้องกับพระสนมเส้าอีกแล้ว?

“เจ้ามิรู้หรอกว่าก่อนที่พระชายาเส้าจะเข้ามาในวัง นางกับแม่ของเจ้าเป็นเพื่อนสนิทกัน ว่ากันว่าตอนนั้นพ่อของพระชายาเส้าป่วยหนัก แม่ของเจ้าเป็นคนที่ช่วยพระชายาเส้าตามหาซือคงชวิ่นมารักษาเขา!”

“หลังจากที่พ่อของพระชายาเส้าหายจากอาการป่วยก็อยากให้ซือคงชวิ่นทำงานให้ตนเอง แต่ซือคงชวิ่นจากไปโดยมิบอกลา ด้วยเหตุนี้พ่อของพระชายาเส้าจึงโกรธมาก”

“ได้ยินมาว่าหลังจากซือคงชวิ่นตาย ครอบครัวของพระชายาเส้ายังคงสืบหาที่อยู่ของตำราการแพทย์ ก่อนหน้านี้พระชายาเส้าเรียกแม่ของเจ้าเข้าไปในวัง และยังเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามว่าตำราการแพทย์อยู่ในมือของแม่เจ้าหรือไม่!”

ท่านอดีตเสนาบดีเอ่ยอย่างกังวล “หลังจากที่แม่ของเจ้าตาย จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนก็ถูกขโมยขึ้นอยู่หลายครั้ง อาจเป็นเพราะตำราการแพทย์เล่มนี้!”

“ต่อมาคาดว่าเพราะหามิเจอ จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนจึงค่อย ๆ กลับสู่ความสงบ!”

หลิงอวี๋ได้ยินเรื่องนี้ก็ตกใจมา
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 838

    ท่านอดีตเสนาบดีเอ่ยอย่างเจ็บปวด “เจ้านำคำสารภาพเหล่านี้ไปให้หวางซือ ให้นางสารภาพและขอโทษเถิด!”“ปู่มีเพียงคำขอเดียวเท่านั้น เจ้าช่วยรอจนกว่าหลิงเยี่ยนจะแต่งงานก่อน แล้วเจ้าค่อยหาทางแก้แค้นจากหวางซือ… การมีแม่ที่ดุร้ายเช่นนี้ ข้ากังวลว่าหลิงเยี่ยนจะมิสามารถแต่งงานได้!”หลิงอวี๋มองท่านอดีตเสนาบดี ในชั่วพริบตาหนึ่งดูเหมือนเขาจะแก่ลงมากแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับความมีน้ำใจที่เขามีต่อตนเองแล้ว คำขอนี้มิได้มากเกินไปเลยก่อนหน้านี้ตนกังวลว่าจะมิสามารถตัดสินลงโทษหวางซือได้ ตอนนี้ท่านอดีตเสนาบดีได้มอบหลักฐานความผิดทั้งหมดให้ตนแล้ว ก็ถือว่าเขาได้ทำลายครอบครัวเพื่อความยุติธรรมแล้วหลิงอวี๋พยักหน้ารับปากท่านอดีตเสนาบดีดูโล่งใจที่ได้มอบหลักฐานการทำผิดและของหลานฮุ่ยจวนไป แต่ก็ยังรู้สึกละอายเล็กน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับหลิงอวี๋“ท่านปู่ ช่วงนี้สุขภาพเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”หลิงอวี๋มิอยากให้เขาอึดอัด จึงเปลี่ยนหัวข้อหลังจากคุยกับท่านอดีตเสนาบดีสักพัก หลิงอวี๋ก็คิดว่าเซียวหลินเทียนยังคงรออยู่ข้างนอก จึงกล่าวลาเมื่อนางกับเซียวหลินเทียนออกมาก็ได้พบกับหลิงเยี่ยนที่จ้องมองตนย่างดุร้ายนางเกลียดคู่รั

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 839

    องครักษ์ที่ขับรถม้าของเซียวหลินเทียนรีบควบม้าอย่างรวดเร็วหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนมิทันระวังจึงกระแทกกัน“เกิดอะไรขึ้น?”เซียวหลินเทียนลูบจมูกที่เจ็บปวด พลางตะโกนด้วยความโกรธ“ท่านอ๋อง มีคนควบม้าผ่านย่านใจกลางเมืองพ่ะย่ะค่ะ!”องครักษ์รายงานกลับมาเมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินเสียงกีบม้าที่วุ่นวาย เขาก็ยกม่านรถแล้วกระโดดออกไปหลิงอวี๋เปิดม่านรถ เห็นม้าตัวสูงสองตัวควบม้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว คนที่อยู่ข้างทางก็วิ่งหลบกันวุ่นวาย บางคนก็ชนเข้ากับแผงขายของริมถนนด้วยม้าตัวสูงสองตัวนั้นตามหลังกันไปติด ๆ ด้านหน้าเป็นสตรีที่แต่งตัวเหมือนชนชาติอื่นนางสวมชุดสีฉูดฉาด ผมยาวของนางถักอยู่รอบหน้าผากของ และด้านบนก็มีสร้อยไข่มุกสีสวยห้อยอยู่บนนั้นด้วยผิวของสตรีผู้นั้นเป็นสีข้าวสาลีที่ดูสุขภาพดี ฟันของนางเป็นสีมุก เป็นหญิงงามคนหนึ่งเลยก่อนที่หลิงอวี๋จะมองเห็นใบหน้าของนางได้ชัดเจน ม้าที่อยู่ข้างหลังสตรีผู้นั้นก็ตามมาทันสตรีผู้นั้นเฆี่ยนม้าแล้วพุ่งไปข้างหน้าต่อแต่มันก็สายเกินไปแล้ว ม้าที่อยู่ข้างหลังตามทันแล้ว บุรุษที่อยู่บนหลังม้าก็มิสามารถหยุดได้แล้วชนเข้าม้าของสตรีผู้นั้นทันทีม้าของสตรีผู้

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 840

    เซียวหลินเทียนจะจัดการกับองค์หญิงที่กำเริบเสิบสานผู้นี้ได้อย่างไร หลังจากที่เขาเห็นทักษะการต่อสู้ของนางแล้ว ก็ใช้โอกาสที่พลิกตัว เอื้อมมือออกไปพร้อมกับใช้ปลายดาบฟันส่วนบนของหัวของเซี่ยโฮ่วตานรั่วเซี่ยโฮ่วตานรั่วรู้สึกเย็น ๆ ที่หนังหัว แล้วเปียบนหัวก็ร่วงหล่นมา ไข่มุกที่อยู่บนนั้นก็หลุดออกแล้วก็ร่วงหล่นลงมาดวงตาของเซี่ยโฮ่วตานรั่วถูกปิดไปด้วยผมที่ยุ่งเหยิง เซียวหลินเทียนใช้โอกาสนี้เอาดาบเคาะไปที่จุดชาที่แขนของนางแขนครึ่งหนึ่งของเซี่ยโฮ่วตานรั่วก็ชาขึ้นมาทันที มือก็คลายลง แล้วแส้ในมือก็ร่วงลงกับพื้นเซียวหลินเทียนขยับตัวใช้ปลายเท้าเตะแส้ขึ้นมาแล้วแส้ก็มาอยู่ในมือของเขา“บังอาจ เจ้าเป็นใคร กล้าดีเยี่ยงไรมาลอบสังหารองค์หญิงของเรา!”เมื่อเห็นสิ่งนี้ พวกนางรับใช้กับชายต่างชนชาติก็รีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับชักดาบ ทุกคนต่างโจมตีไปที่เซียวหลินเทียน“พวกเจ้าคิดจะทำอะไร? คิดจะลอบสังหารท่านอ๋องของเรารึ?”จ้าวซวนกับพวกองครักษ์ก็ตะโกนแล้วรีบเข้าไปล้อมปกป้องเซียวหลินเทียนไว้ในวงกลม“อย่าทะเลาะกัน… อย่าทะเลาะกัน… มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด!”ใต้เท้าจ้าวเจ้าหน้าที่ของกรมพิธีการตามหลังคนกลุ่มนี้มา เ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 841

    เซี่ยโฮ่วตานรั่วเบะปาก ยังคงมีท่าทางที่ดูไม่เห็นด้วยอยู่“ท่านอ๋องอี้ ทักษะการขี่ม้าของหม่อมฉันดีมาก หากพวกเขามิหลบกันจนทำให้ม้าของหม่อมฉันตกใจ เรื่องเช่นนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น!”“หากท่านจะตำหนิก็ตำหนิที่พวกเขามิควรจะวิ่งวุ่นกันเช่นนี้! จะมาตำหนิหม่อมฉันได้อย่างไร!”ฉาเค่อฉีชายร่างสูงใหญ่ผู้ติดตามของเซี่ยโฮ่วตานรั่วก็เอ่ยอย่างดูถูกเช่นกัน“องค์หญิงตานรั่วตรัสถูกพ่ะย่ะค่ะ! ท่านอ๋องอี้ องค์หญิงตานรั่วของเราเป็นแขกของพวกท่าน การที่ท่านตรัสวาจาแข็งกร้าว ทั้งยังลงมือกับองค์หญิงของเรานั้นมิใช่วิธีที่จะปฏิบัติต่อแขกเลยพ่ะย่ะค่ะ!”“วิธีปฏิบัติต่อแขก?”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเคร่งเครียด “สำหรับแขกที่พวกเราเชิญมา ชาวฉินตะวันตกทุกคนล้วนปฏิบัติอย่างให้เกียรติแขกอยู่แล้ว แต่พฤติกรรมของแขกก่อนหน้านี้นั้นคู่ควรแก่ความเคารพของพวกเรารึ!”“พวกเจ้ามาจากฉีตะวันออก ปล่อยให้ม้าของเจ้ามาทำร้ายราษฎรฉินตะวันตกของเรา อีกทั้งยังทำตัวหยิ่งยโสอีก แขกเช่นพวกเจ้าสมควรได้รับการปฏิบัติต่อแขกอย่างให้เกียรติของพวกเราหรือ?”พ่อค้าแม่ค้าที่ถูกรบกวนต่างมายืนล้อมกันอยู่รอบ ๆ มากมาย เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวหลินเทียนก็พาก

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 842

    “แส้ทองดำของหม่อมฉันก็ถือเสียว่าเป็นของแทนใจที่มอบให้ท่านก็แล้วกัน!”เมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินสิ่งนี้ เขาก็โยนแส้ในมือไปที่เซี่ยโฮ่วตานรั่วราวกับว่าถูกไฟลวก แล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม“ข้าแต่งงานแล้ว! ข้าไม่มีทางรับข้อเสนอของเจ้าหรอก!”“แต่งงานแล้วก็หย่าร้างแล้วแต่งงานใหม่ได้เพคะ!”เซี่ยโฮ่วตานรั่วเอ่ยอย่างมั่นใจ “หม่อมฉันเป็นคนเดียวในใต้หล้านี้ที่คู่ควรกับท่าน! สตรีที่หาได้ทั่วไปเหล่านั้นจะมาเปรียบเทียบกับหม่อมฉันได้เยี่ยงไร!”เซียวหลินเทียนพูดมิออก เขาอยากหลีกเลี่ยงแต่ก็ถูกเซี่ยโฮ่วตานรั่วขวางทางไว้“ท่านอ๋องอี้ หม่อมฉันจะถือว่าท่านตกลงแล้ว งานเลี้ยงในวังพรุ่ง หม่อมฉันจะให้เสด็จพี่ของหม่อมฉันเอ่ยเรื่องแต่งงานกับเสด็จพ่อของท่าน!”เซียวหลินเทียนตะคอกอย่างทนไม่ไหว “ข้ามิได้ตกลงอะไรกับเจ้าทั้งนั้น! องค์หญิงตานรั่ว โปรดเคารพตัวเองด้วย! หากกล้าขวางทางข้าอีก อย่ามาโทษว่าข้าไร้ความปรานี!”“ช่างไร้ยางอายจริง ๆ! ท่านอ๋องอี้ของเราเป็นใคร ใช่คนที่ท่านอยากจะแต่งงานด้วยก็แต่งได้เลยเยี่ยงนั้นหรือ?”“นั่นสิ เป็นสตรีแท้ ๆ กลับมาเสนอตัวเช่นนี้ กังวลว่าจะมิได้แต่งงานถึงร้อนใจเช่นนี้หรือ?”

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 843

    ในรถม้าเงียบมากตลอดการเดินทาง เซียวหลินเทียนก็กำลังครุ่นคิดถึงสิ่งที่หลิงอวี๋พูดอย่างเงียบ ๆอยู่กันจนแก่เฒ่า ไม่ทิ้งกันไปไหน และครองคู่อยู่ด้วยกันไปตลอด!แนวคิดนี้ค่อนข้างน่าตกใจ!บุรุษรอบตัวเขาต่างก็มีภรรยาหลายคนกันทั้งนั้น หลิงอวี๋ไม่คิดว่าคำขอนี้มันสูงเกินไปหรือ?แต่เซียวหลินเทียนฟังออกได้จากน้ำเสียงของหลิงอวี๋ว่านางคิดเช่นนั้นจริง ๆ!กระทั่งรถม้ากลับมาถึงตำหนักอ๋องอี้ คนเฝ้ายามเห็นเซียวหลินเทียนลงจากรถม้าก็ก้าวไปรายงานทันที“ท่านอ๋อง ขันทีน้อยเซี่ยเพิ่งมาถ่ายทอดพระบรมราชโองการขององค์จักรพรรดิให้ท่านอ๋องกับพระชายาเข้าร่วมงานเลี้ยงในวังคืนวันพรุ่ง บอกว่าเป็นงานเลี้ยงที่จักรพรรดิจัดเพื่อต้อนรับทูตจากฉีตะวันออกและเยวี่ยใต้พ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋มองหน้ากันแล้วเดินเข้าไปด้วยกันหลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างสบาย ๆ “สองแคว้นมาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ แล้วองค์จักรพรรดิเตรียมให้องค์หญิงคนใดไปแต่งงานหรือเพคะ?”เซียวหลินเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “องค์หญิงหกเป็นองค์หญิงที่อายุมากที่สุด ถัดจากนางคือองค์หญิงเจ็ดกับองค์หญิงแปด องค์หญิงเจ็ดปีนี้จะอายุสิบสี่ ส่วนองค์หญิงแปดเพิ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 844

    “หานอวี้ทำดีมาก เจ้าคอยดูพวกนางไว้เมื่อมีเวลา หมิ่นกูมีงานที่ต้องทำเยอะมาก ตรงที่ใดที่นางพลาดไปเจ้าก็คอยเตือนนางหน่อยแล้วกัน!”“ขอเพียงพวกนางมิมายุ่งกับคนเรือนบุหงาของเรา ต่อให้พวกนางจะทะเลาะกันเยี่ยงไรก็หาได้ต้องไปสนใจไม่!”หลิงอวี๋ยิ้มเย็นชา “หากกล้ามายุ่งกับคนในเรือนบุหงาของข้า พวกนางหาทางกลับไปมิได้แน่!”“เจ้าค่ะ คุณหนู!”หานอวี้ยิ้มพลางเอ่ย “บ่าวเก่งเรื่องนี้ คุณหนูมอบหมายให้บ่าวทำเรื่องนี้ถือว่าเลือกถูกคนแล้วเจ้าค่ะ!”หานเหมยกลอกตาให้น้องสาวของตนอย่างหมดคำพูด แต่ในเมื่อหลิงอวี๋ชอบน้องสาว นางก็ดีใจกับน้องสาวด้วยหานเหมยกับหานอวี้เป็นคนมาทีหลัง พวกนางมิได้รู้ใจพระชายาได้เหมือนพวกเถาจื่อ สุ่ยหลิงและหลิงซวนจึงทำได้เพียงพยายามทำงานอย่างหนัก เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากหลิงอวี๋โดยเร็วที่สุดวันรุ่งขึ้นหลิงอวี๋ตื่นขึ้นมาและกำลังจะกินอาหารเช้าหานอวี้เข้ามาพลางเอ่ย “คุณหนูเจ้าคะ หญิงงามทั้งสี่อยู่ข้างนอกเจ้าค่ะ พวกนางบอกว่าจะมาคารวะและยกน้ำชาให้คุณหนู!”หลิงอวี๋ตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าในตำหนักมีอนุชายาเพิ่มมาอีกสี่คน คนเข้ามาใหม่จะต้องยกน้ำชาให้ภรรยาเอก“คุณหนู เ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 845

    เดิมทีหลิงอวี๋จะดื่มชาก็ได้ แต่นางไม่ชอบท่าทีก้าวร้าวบีบบังคับของคนเหล่านี้ยิ่งไปกว่านั้น การดื่มชานี้ยังไปกระตุ้นความเย่อหยิ่งของคนเหล่านี้อีกด้วย ต่อไปพวกนางก็จะคิดว่าตนกลั่นแกล้งได้ง่าย ๆ!เมื่อเสวี่ยฉินเห็นว่าหลิงอวี๋กำลังจะเดินไป นางก็รีบตะโกน “พระชายา หากท่านมิยอมรับการยกน้ำชาของเรา เช่นนั้นก็เป็นการมิยอมให้พวกเราปรนนิบัติท่านอ๋องนะเจ้าคะ!”“ท่านหึงหวงเช่นนี้ เพราะมิอยากให้เรามีบุตรสืบสกุลให้ท่านอ๋องหรือ? พวกเราคงต้องไปบอกฮองเฮาเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋เหลือบมองเสวี่ยฉินแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “หากอยากจะไปฟ้อง แล้วผู้ใดจะห้ามเจ้าไว้ได้เล่า!”เสวี่ยเจินตะลึง พลางเหลือบมองจื่อผิงที่อยู่ข้าง ๆ จื่อผิงจึงขยิบตาให้นาง แล้วเสวี่ยเจินก็เอ่ย“ท่านพี่พระชายา พวกเรามาถึงที่นี่แล้ว ดื่มชาเสียหน่อยก็คงมิเสียเวลาของท่านหรอกเจ้าค่ะ ท่านดื่มเถิด!”“บังอาจ! ข้ามิอยากดื่มก็จะไม่ดื่ม พวกเจ้ายังจะบังคับให้ข้าดื่มอีกรึ?”หลิงอวี๋ตะคอกด้วยความโกรธ “ไม่มีกฎเกณฑ์เอาเสียเลย หรือว่าเจ้าอยู่ต่อหน้าฮองเฮาก็สั่งฮองเฮาเช่นนี้รึ?”เสวี่ยเจินถือน้ำชาอยู่ มือของนางก็ร้อนแล้ว นางหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอ่ยอย่าง

บทล่าสุด

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1906

    จางอิ๋งได้พูดคุยเรื่องการแต่งงานกับลูกชายของเย่ซื่อฝานแล้ว และต่อไปหอโอสถซ่างกู่ก็จะเป็นครอบครัวสามีของนาง นางมิอาจทนเห็นหอโอสถซ่างกู่ถูกแทนที่ได้ ดังนั้นนางจึงแสวงหาผู้มีความสามารถให้กับหอโอสถซ่างกู่อย่างกระตือรือร้นทันทีที่เสียงกลองหยุดลง จางอิ๋งก็อดใจรอมิไหวที่จะเก็บตำรับยาของผู้เข้าสอบจางอิ๋งรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋จำแนกส่วนผสมโอสถได้เพียงสิบห้าชนิดเท่านั้นจากผลงานของหลิงอวี๋ในรอบแรก อย่างน้อยที่สุดก็ควรจะจำแนกได้สักสิบแปดชนิด เหตุใดถึงได้แค่สิบห้าชนิดกันทางด้านหลงอิงที่ลงทะเบียนเรียนกับหอโอสถไป๋เป่าเขียนตำรับยายี่สิบชนิดได้ถูกต้องทั้งหมด และอยู่ในอันดับที่หนึ่งของกลุ่มนี้ส่วนจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเขียนตำรับยาได้สิบห้าชนิด แต่มีตำรับยาสองแผ่นที่มีข้อผิดพลาด ตำรับยาแผ่นหนึ่งระบุเครื่องยาสมุนไพรมิครบถ้วน และอีกแผ่นหนึ่งเขียนชื่อสมุนไพรผิดโดยรวมแล้ว จ้าวหรุ่ยหรุ่ยอยู่ในอันดับที่สาม และหลิงอวี๋อยู่ในอันดับที่สอง“อาจารย์ พวกเราต้องการผู้มีความสามารถที่โดดเด่นยอดเยี่ยมที่สุด ถึงจะเหนือกว่าหอโอสถไป๋เป่าได้ สิงอวี๋ผู้นี้มิเก่งกาจเท่าหลงอิง จะให้ข้าไปหาหลงอิงเป็นการส่

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1905

    ขณะที่หลิงอวี๋กำลังจะก้าวขึ้นไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ ก็ได้ยินจงเจิ้งเฟยพูดขึ้นเสียงเรียบ “เสี่ยวอวี๋ เป้าหมายของเจ้าคือการได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาปรุงโอสถ เท่านั้นก็พอแล้ว อย่าได้ทำตัวโดดเด่นจนเกินไปล่ะ!”“ในสำนักศึกษาชิงหลง หากทำตัวโดดเด่นเกินหน้าเกินตาแต่ไม่มีคนหนุนหลังจะทำให้สร้างศัตรูได้ง่าย!”จงเจิ้งเฟยพูดเช่นนี้ด้วยความหวังดีการที่หลิงอวี๋ได้อันดับหนึ่งในรอบแรกก่อให้เกิดการถกเถียงกันในหมู่ผู้คนมากมาย จงเจิ้งเฟยกังวลว่าสหายใหม่คนนี้จะมิเข้าใจวิถีของสังคม นางจึงให้คำชี้แนะอีกฝ่ายคำพูดเหล่านี้เปรียบเสมือนอ่างน้ำเย็นที่ทำให้หลิงอวี๋ได้สติขึ้นมาทันทีนางมองจ้าวหรุ่ยหรุ่ย หลงอิง และเหล่าคุณหนูที่แต่งกายหรูหรา แต่ละคนล้วนร่ำรวยและมีฐานะสูงส่งเหมือนที่จงเจิ้งเฟยพูด ในเมื่อไม่มีพลังอำนาจ แล้วจะเอาอะไรไปต่อกรกับพวกนางได้?ความรู้ความสามารถที่แท้จริงหรืออย่างไร?ในสายตาของเหล่าคุณหนูจากตระกูลขุนนางเหล่านี้ นั่นไม่มีความหมายอะไร เพราะยังมีคนในสำนักศึกษาชิงหลงอีกมากที่มีความสามารถมากกว่าตนการที่นางชนะจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้มิใช่เรื่องอะไรหรอก แต่การปลุกเร้าความอิจฉาริษยาของเหล่าคุณหน

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1904

    “หากมิทำให้ยากขึ้นมาหน่อยแล้วจะคัดคนมากมายออกได้อย่างไร!”จงเจิ้งเฟยกลอกตาไปที่เหลยเหวินอีกครั้งพลางยิ้มเยาะ “บางคนมาที่สำนักศึกษาชิงหลงเพียงเพื่อแสวงหาชื่อเสียง และบางคนก็มาเพื่อหาสามีที่ร่ำรวย ไม่มีใจที่จะศึกษาหาความรู้ด้วยซ้ำ!”“หากมิคัดคนเช่นนี้ออกไป ก็รังแต่จะทำให้ชื่อเสียงของเหล่าปรมาจารย์ต้องเสื่อมเสีย!”"เจ้าก็มั่นใจในตัวเองหน่อย เจ้ามิได้ด้อยไปกว่าคนอื่นเลย!"หลิงอวี๋รับคำพูดของจงเจิ้งเฟยมาเป็นกำลังใจให้ตัวเอง นางมิด้อยกว่าใครแน่นอน นางจะต้องเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงและพยายามพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นให้ได้ เพื่อที่นางจะได้แก้แค้นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสุดท้ายทั้งสามคนก็ไปกินอาหารเย็นด้วยกัน หลังจากที่พักผ่อนกันครู่หนึ่งก็กลับมาที่สำนักย่อยเพื่อเข้าร่วมการประเมินรอบต่อไปเนื่องจากในรอบแรกมีคนถูกคัดออกไปเป็นกลุ่มใหญ่ ผู้เข้าสอบที่สำนักย่อยจึงน้อยลงไปมาก ดังนั้นผู้เข้าสอบทุกคนจึงสามารถเข้าไปสังเกตการณ์ในรอบที่สองได้การสอบแข่งขันยังคงจัดขึ้นแบบกลุ่ม และผู้ที่อยู่ห้าอันดับแรกจะได้ผ่านไปยังการประเมินรอบสุดท้ายสิ่งที่ทำให้ผู้เข้าสอบทุกคนตื่นเต้นก็คือ ครั้งนี้นอกเหนือจากรองเจ้า

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1903

    ศิษย์น้องหญิงนางนี้พูดจาอวดดีราวกับสำนักศึกษาชิงหลงเป็นของตระกูลนาง!หลิงอวี๋อดมิได้ที่จะรู้สึกสนใจศิษย์น้องหญิงนางนี้มากขึ้นกว่าเดิมมิรู้ว่าใครเป็นคนกล่าวคำนี้ไว้ ศัตรูของศัตรูคือมิตร!ตอนนี้หลิงอวี๋มิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอีกต่อไปแล้ว แต่นั่นก็มิอาจหยุดยั้งนางจากการใช้ศัตรูของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเพื่อแก้แค้นอีกฝ่ายได้ดูเหมือนว่าศิษย์น้องหญิงจะเกลียดจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมาก บางทีนางอาจจะร่วมมือกับตนเพื่อจัดการจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้“เหวินเหวิน ศิษย์น้องหญิงนางนั้นเป็นใครกัน? ข้าว่านางดูบ้าบิ่นมากเลย!”หลิงอวี๋ถามด้วยความสงสัย“แน่นอนว่านางทำตัวบ้าบิ่นได้อยู่แล้ว เพราะนางสกุลหลงอย่างไรเล่า!”เมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋มิรู้ตัวตนของศิษย์น้องหญิงจริง ๆ เหลยเหวินจึงเลิกเคืองหลิงอวี๋แล้วกระซิบบอกนาง“นางชื่อหลงอิง แม้นางจะมิได้มาจากตระกูลจักรพรรดิมังกร แต่ก็ยังถือว่าเป็นคนของตระกูลหลงอยู่ดี และยังมีชื่อเสียงเลื่องลือในหมู่คนภายนอกอีกด้วย!”หลิงอวี๋ตระหนักได้ทันทีว่าใต้หล้าในแดนเทพนี้เป็นของตระกูลหลง คนเดียวที่ประสบความสำเร็จในตระกูลนี้ทำให้ทุกคนรอบข้างได้รับประโยชน์ แม้แต่พวกไร้สถานะอำนาจยังดูสู

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1902

    ต่งเฉิงมองหลิงอวี๋พลางพยักหน้ารัว ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับลูบเคราของตัวเองว่า “สาวน้อยนางนี้รู้จักเครื่องยาสมุนไพรมากมายเช่นนี้นับว่าหายาก!”เครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้มิใช่สมุนไพรธรรมดาทั้งหมด นอกจากเครื่องยาสมุนไพรที่ใช้ในการกลั่นโอสถระดับต้นแล้ว ยังมีระดับกลางและระดับสูงจำนวนเล็กน้อยอีกด้วยโดยทั่วไป ผู้เข้าสอบที่ตอบได้เจ็ดสิบถึงแปดสิบชนิดก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว ทว่าหลิงอวี๋สามารถตอบได้มากกว่าหนึ่งร้อยชนิด ถือว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงเลยทีเดียวเพิ่งเข้ามาก็ทำคะแนนได้ดีถึงเพียงนี้ หากนางได้เรียนอย่างเป็นระบบก็คงแซงหน้าบัณฑิตคนอื่นได้ในมิช้า“ตึง ตึง ตึง!”เมื่อเสียงกลองดังขึ้นสามครั้ง การสอบแข่งขันของกลุ่มนี้ก็สิ้นสุดลง“หนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดคะแนน!”กลองหยุดลงแล้ว และบนใบหน้าของศิษย์พี่หญิงก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นเป็นครั้งแรก นางหยิบป้ายส่งให้หลิงอวี๋พร้อมรอยยิ้ม“การสอบแข่งขันรอบต่อไปจะจัดขึ้นในช่วงบ่าย! ความสามารถในการจำแนกเครื่องยาสมุนไพรของเจ้าดีที่สุดในรอบนี้ ทำให้ดีล่ะ!”“ขอบคุณศิษย์พี่หญิง!”หลิงอวี๋รับป้ายมาด้วยความตื่นเต้น พลางหันไปดูผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ ที่กำลังมองนางด้

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1901

    เป็นไปตามคาด หลิงอวี๋เห็นใบหน้าที่งดงามทว่าโหดร้ายนั้น และนั่นก็คือศัตรูที่นางมิอาจลืมเลือน...จ้าวหรุ่ยหรุ่ย!ชั่วขณะนั้นดวงตาของหลิงอวี๋เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พลางนึกอยากจะรุดเข้าไปฉีกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นชิ้น ๆ เพียงหลับตา นางก็มิอาจควบคุมตนมิให้นึกถึงฉากที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเตะต่อยตนความเจ็บปวดและเลือดสด ๆ อีกทั้งความทุกข์ทรมานจากการสูญเสียลูกไปทำให้หลิงอวี๋มิอาจลืมความเกลียดชังที่ตนมีต่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้เลย!คาดมิถึงว่าศัตรูจะปรากฏตัวต่อหน้าตนเช่นนี้!หลิงอวี๋ตื่นตัวมากจนร่างกายสั่นเทา แต่นางก็ยังสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้นางมิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย การวู่วามลงมือมีแต่จะเป็นการรนหาที่ตายเท่านั้นหลิงอวี๋สูดหายใจเข้าลึกพลางมองเด็กสาวที่ประกาศสงครามกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเด็กสาวคนนี้ดูอายุราว ๆ สิบหกสิบเจ็ดปี มีรูปร่างสูง ใบหน้ารูปไข่ คิ้วโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว และดวงตาแวววาวสดใสผมสีดำสนิทของนางถูกแสกกลางและถักเป็นเปียยาวสองข้างพันไว้รอบมวยผม ข้าง ๆ มวยผมนั้นมีปิ่นมุกปักประดับอยู่สองอันเด็กสาวสวมชุดกระโปรงสีม่วงควันธูป และเมื่อดูจากเนื้อผ้าแล้ว นางน่าจะเป็นค

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1900

    ข่าวที่สือหรงนำมาให้เซียวหลินเทียนมิใช่ข่าวดี จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยังคงอยู่ในตำหนักเทียนจีและมิได้มาลงทะเบียนด้วยตนเองหากอยากพบกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ก็ทำได้แค่ต้องรอจนถึงวันคัดเลือกรอบแรกเท่านั้นแต่เซียวหลินเทียนก็มิย่อท้อ ถึงอย่างไรขอเพียงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยปรากฏตัว เขาก็จะไม่มีทางปล่อยนางหนีไปอีกแน่ ให้นางเป็นอิสระอีกสักสองสามวันก็คงมิเป็นไร!ในช่วงวันเวลาที่เหลือ หลายคนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเช่นเดียวกับหลิงอวี๋ พวกเขาอ่านตำราอย่างหนักและเพิ่มพูนความรู้ที่ขาดไป เพื่อที่จะผ่านการคัดเลือกและได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงทว่าหลิงอวี๋มิรู้เลยว่าศัตรูของตนมาถึงเมืองหลวงแดนเทพแล้ว หลังจากเอาแต่ปิดห้องอ่านตำราเป็นเวลาหลายวันนางก็มาที่สำนักศึกษาชิงหลงที่อยู่นอกเมืองในวันแห่งการคัดเลือก โดยมีผู้รอบรู้เรื่องร่วมเดินทางด้วยหน้าทางเข้าสำนักศึกษาชิงหลงเต็มไปด้วยผู้คนทั้งบุรุษและสตรี ทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมกันนับพันคนผู้รอบรู้เห็นเช่นนั้นก็ทึ่งจนพูดมิออก และอ้ำอึ้งพูดออกไปว่า “รู้เช่นนี้ข้าน่าจะมาลงทะเบียนเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงกับเจ้าด้วย เฮ้อ ตอนนี้มันสายไปเสียแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้ม นางรู้ว่าผู้รอบร

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1899

    “เถาจื่อ หานอวี้ วันพรุ่งพวกเจ้าไปลงทะเบียนเสีย!”เซียวหลินเทียนทำการตัดสินใจและกำชับว่า “ลงทะเบียนในชื่อของน้องสาวข้า!”“เผยอวี้ ฉินซาน พวกเจ้าสองคนก็ไปลงทะเบียนสาขาที่ตนเองชื่นชอบด้วย พวกเจ้าทั้งคู่บอกแค่ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าก็พอ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทุกคนก็หัวเราะอย่างมีความสุข พลางพยักหน้าและจัดลำดับอาวุโสกันให้เซียวหลินเทียนเป็นพี่ใหญ่ของทุกคน เถาจื่อเป็นพี่หญิงใหญ่ หานเหมยเป็นพี่น้องคนที่สาม และหานอวี้เป็นคนที่สี่เซียวหลินเทียนได้บอกจุดประสงค์ของภารกิจให้พวกเขาทราบแล้ว เถาจื่อกับหานอวี้ต้องให้ความสำคัญกับฝั่งของสตรีวันรุ่งขึ้น เถาจื่อและหานอวี้ไปลงทะเบียน และทั้งคู่ก็เลือกวิชาปรุงโอสถเนื่องจากก่อนหน้านี้พวกนางเคยตามหลิงอวี๋ไปจำแนกเครื่องยาสมุนไพรหลายชนิด ในความคิดของพวกนาง การกลั่นโอสถเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการผ่านการประเมินมีชั้นเรียนที่สอนการกลั่นโอสถเพียงสองแห่งเท่านั้น ดังนั้นเถาจื่อและหานอวี้จึงต้องลงทะเบียนเรียนคนละชั้นเรียนและเถาจื่อก็ได้ลงทะเบียนเรียนชั้นเรียนของหอโอสถซ่างกู่เซียวหลินเทียน เผยอวี้และคนอื่น ๆ ก็ไปลงทะเบียนด้วยเซียวหลินเทียนลงทะ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1898

    เผยอวี้เหลียวซ้ายแลขวาไปรอบ ๆ เมืองหลวงแดนเทพที่เจริญรุ่งเรืองราวกับคนบ้านนอก ทำเอาเขาอดมิได้ที่จะถอนหายใจ“มิแปลกใจที่ทุกคนล้วนพูดว่าเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรือง เพราะที่นี่เจริญจริง ๆ ดังคำกล่าว นายท่านอู่ เมืองหลวงแดนเทพแห่งนี้ใหญ่กว่าเมืองหลวงในฉินตะวันตกของพวกเราหลายเท่านัก!”เซียวหลินเทียนวางแผนใช้คำในชื่อจักรพรรดิเซิ่งอู่ของตนเป็นแซ่ ดังนั้น เผยอวี้และคนอื่น ๆ จึงได้เปลี่ยนมาเรียกเซียวหลินเทียนว่านายท่านอู่หานอวี้กับเถาจื่อและคนอื่น ๆ ที่ได้รีบมารวมตัวกับกลุ่มของเซียวหลินเทียนต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆทว่าเซียวหลินเทียนกลับรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา เมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองแล้วอย่างไร?หากไม่มีหลิงอวี๋อยู่เคียงข้าง มิว่าทิวทัศน์จะสวยงามเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์ยิ่งเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองและมีขนาดใหญ่มากเท่าไร การตามหาหลิงอวี๋ก็จะยิ่งยากมากเท่านั้นท่ามกลางฝูงชนมหาศาลนี้เขาจะหาตัวหลิงอวี๋ของเขาพบได้อย่างไร?ฉินซาน หานเหมยและสือหรงล่วงหน้ากันไปก่อน ในช่วงที่ยังสร้างตำหนักปีกเงินแห่งใหม่มิเสร็จนี้ ทั้งสามคนได้ซื้อที่ดินใหญ่ที่มีหกส่วนเพื่อให้ทุกคนใช้เป็นที่อย

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status