เมื่อหลิงเยวี่ยได้พูดขึ้นมาก็พูดไม่รู้จบ พูดจนกระทั่งแม่นมลี่มาเรียกพวกเขาไปกินอาหารเย็น“คุณหนูเจ้าคะ ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องทรงให้คนกลับมาส่งข้อความว่าเย็นนี้จะกินข้าวด้วยกัน หมิ่นกูได้เตรียมงานเลี้ยงที่โถงดอกไม้ไว้แล้ว คืนนี้ไปกินข้าวที่นั่นเถิดเจ้าค่ะ!”แม่นมลี่พูดอย่างร่าเริง “เหรินจื้อกับหมิ่นกูดูแลตำหนักอ๋องอี้อย่างดีในช่วงที่พวกท่านมิอยู่เจ้าค่ะ!”“เหรินจื้อยังไปที่ไร่นาของท่านอ๋องในหมู่บ้านตระกูลเฉินด้วยตนเอง สั่งให้พวกเขาปลูกผักให้มาก ฤดูหนาวนี้ผักในไร่นาเพียงพอที่จะเลี้ยงคนในตำหนักอ๋องอี้แล้วเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋พาหลิงเยวี่ยไปที่โถงดอกไม้พร้อมกับแม่นมลี่ ระหว่างทางก็เห็นว่าทุกอย่างในตำหนักได้รับการจัดระเบียบอย่างเรียบร้อยดีดูท่าทางหมิ่นกูจะปฏิบัติตามคำสั่งของตนอย่างดีจริง ๆ จัดการตำหนักอ๋องอี้ได้เป็นอย่างดีมากที่โถงดอกไม้มีโต๊ะจัดไว้สิบกว่าโต๊ะ ฉากกั้นหนึ่งแยกโต๊ะหนึ่งออกจากโต๊ะอื่น นี่คือโต๊ะแยกต่างหากสำหรับหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนหลิงอวี๋ให้แม่นมลี่หาคนมายกฉากกั้นออก คราวนี้ทุกคนออกไปร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันมา นางเชื่อว่าเซียวหลินเทียนจะไม่มีทางรังเกียจที่จะกินข้าวกับทุก
หลิงอวี๋ได้ยินแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะ สตรีตั้งครรภ์แท้งลูก นั่นก็ต้องเป็นแม่นางหยางสินะ!เพื่อป้องกันมิให้จักรพรรดิอู่อันให้รางวัลตนเอง เจ้าหน้าที่เหล่านี้จึงกล่าวหาเรื่องเท็จทั้งยังบิดเบือนข้อเท็จจริง มีเจตนาแอบแฝงจริง ๆ ด้วย!“เสด็จพ่อว่าเยี่ยงไรหรือเพคะ?”หลิงอวี๋เอ่ยถาม“เสด็จพ่อบอกว่า เขามิเอาคำพูดเหล่านี้มาใส่ใจหรอก และแม้ว่าเรื่องพวกนี้จะเป็นเรื่องจริง เขาก็จะสนับสนุน การใช้วิธีที่มิปกติในช่วงเวลาที่มิปกตินั้น เราสามารถควบคุมโรคระบาดได้ก็นับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แล้ว!”เซียวหลินเทียนเอ่ยด้วยอารมณ์ “ในเรื่องนี้ เสด็จพ่อแข็งแกร่งกว่าเจ้าหน้าที่ธรรมดา ๆ พวกนั้นเป็นร้อยเท่า! จะทำการใหญ่จะต้องมิยึดติดคิดเรื่องไร้สาระ! หากเอาทุกเรื่องมาผูกไว้แล้วจะทำอะไรได้กัน!”หลิงอวี๋ยิ้ม มิได้พูดอะไรโต้กลับเซียวหลินเทียนองค์ชายเว่ยพ่ายแพ้แล้ว พวกหมากที่เขาวางไว้ก็ถูกตรวจสอบไปมากแล้ว ทุกคนในราชสำนักเป็นอันตราย นี่ต่างหากที่เป็นช่วงเวลาที่มิปกติจริง ๆจักรพรรดิอู่อันจะลงโทษเซียวหลินเทียนในเวลานี้ได้อย่างไร?เขายังต้องพึ่งพาเซียวหลินเทียนเพื่อรักษาความมั่นคงของสถานการณ์ภายในราชสำนักอยู
เซียวหลินเทียนยิ่งพูดก็ยิ่งกังวล “จริง ๆ นะ หลิงอวี๋ ข้ารู้ว่าในตอนแรกข้าปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดี ข้าขอโทษ!”“เจ้าให้โอกาสข้าเถิด ให้ข้าช่วยเจ้า ให้ข้าชดเชยให้เจ้า!”หลิงอวี๋มองเซียวหลินเทียนอย่างประหลาดใจเช่นนี้นับว่าเขากำลังเหนี่ยวรั้งตนไว้หรือ?ทันใดนั้นหลิงอวี๋ก็นึกถึงสิ่งที่หลิงซวนพูดกับตนบนรถม้า“คุณหนู คุณหนูมิรู้หรอกว่าตอนที่คุณหนูถูกวางยาพิษหมดสติไป ท่านอ๋องคอยเฝ้าคุณหนูอยู่ตลอดเลย!”“คืนนั้น ท่านอ๋องนั่งอยู่ในความมืดคนเดียว ท่าทางเช่นนั้นดูน่าสงสารมากเจ้าค่ะ… เหมือนเด็กที่ถูกทอดทิ้งเลย!”“คุณหนูเจ้าคะ ข้าคิดว่าท่านอ๋องอาจจะทรงโปรดคุณหนูนะเจ้าคะ คุณหนูให้โอกาสท่านอ๋องสักครั้งดีหรือไม่?”จู่ ๆ หัวใจของหลิงอวี๋ก็เต้นแรง แล้วนางก็แสร้งทำเป็นยิ้มอย่างผ่อนคลายพลางเอ่ย“เซียวหลินเทียน ท่านเหนี่ยวรั้งหม่อมฉันไว้เช่นนี้ มันจะทำให้หม่อมฉันคิดไปไกลนะเพคะ… หรือว่า ท่านจะตกหลุมรักหม่อมฉันเข้าแล้ว?”เซียวหลินเทียนหน้าแดงทันที เข้าก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว แต่ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าตนคุมสติมิอยู่ จึงหันกลับมาเอ่ยกับหลิงอวี๋อย่างโกรธ ๆ“เจ้าพูดไร้สาระอะไร! ข้ามิได้หมายความเยี่ยงนั้น… ข้าจะ
วันรุ่งขึ้นหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนเข้าวังไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิอู่อัน นางเตรียมยาบำรุงร่างกายหลายกล่องสำหรับจักรพรรดิอู่อันกับไทเฮาด้วยกระทั่งมาถึงห้องทรงพระอักษร ขันทีเซี่ยเห็นว่าหลิงซวนที่มาด้วยมีสุขภาพที่ดี ก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยกับหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียน“องค์จักรพรรดิประทับอยู่ข้างในพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปเรียนให้พ่ะย่ะค่ะ”หลังจากนั้นไม่นาน จักรพรรดิอู่อันก็ให้หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนเข้าไปทั้งสองเดินตามหลังกันเข้าไปแล้วทำความเคารพจักรพรรดิอู่อันจักรพรรดิอู่อันยิ้มบาง ๆ แล้วมองหลิงอวี๋ก่อนจะเอ่ย “พระชายาอ๋องอี้มีความดีความชอบอย่างมากในครั้งนี้ กำจัดโรคระบาดได้ ข้าสัญญากับเจ้าไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะตอบแทนเจ้าอย่างหนัก!”“มิทราบว่าพระชายาอ๋องอี้ต้องการรางวัลอะไรหรือ?”หลิงอวี๋เอ่ยด้วยความเคารพ “หลิงอวี๋รับใช้เสด็จพ่อเป็นสิ่งที่ควรกระทำเพคะ มิกล้าขอรางวัลจากเสด็จพ่อหรอกเพคะ!”จักรพรรดิอู่อันยิ้มพลางเอ่ย “จะได้อย่างไรกัน! เจ้ากำจัดโรคระบาดและรักษาขาขององค์ชายสี่จนหายดี ช่างเป็นความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่นัก! ควรได้รับรางวัลสิ!”หลิงอวี๋เหงื่อตก รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างในคำพูดข
เมื่อหลิงอวี๋เดินออกมา ขันทีเซี่ยก็ก้าวไปเอ่ยกับนาง “พระชายาอ๋องอี้ ฮองเฮาเว่ยเชิญให้ท่านไปคุยด้วยขอรับ!”หัวใจของหลิงอวี๋เต้นรัว คราวนี้องค์ชายเว่ยถูกลงโทษให้เฝ้าสุสานจักรพรรดิ ฮองเฮาเว่ยจะต้องเกลียดตนเป็นแน่ ที่เชิญตนไปหาคงต้องมิใช่เรื่องดีนางยิ้มเล็กน้อย พลางเอ่ยกับขันทีเซี่ย “ขันที ประเดี๋ยวหากท่านอ๋องออกมา รบกวนบอกให้พระองค์เสด็จไปหาข้าที่ตำหนักฮองเฮาด้วย เราคุยกันไว้ว่าจะไปเข้าเฝ้าไทเฮาด้วยกัน!”ขันทีเซี่ยพยักหน้ายิ้ม ๆ “พระชายาอ๋องอี้มิต้องกังวล ข้าไม่พลาดแน่นอนขอรับ!”หลิงอวี๋จึงพาหลิงซวนไปที่นั่นเมื่อเห็นนางกำนัลของฮองเฮาเว่ยเดินนำหน้าไป หลิงซวนก็กระซิบ “คุณหนู คุณหนูได้รับผ้าไหมมามิใช่หรือ? มอบให้ฮองเฮาเว่ยเถิดเจ้าค่ะ พระนางอยากไปได้ทำกระโปรงมาโดยตลอด!”“ผ้าไหมนี้เป็นสิ่งที่หายาก หากพระนางทำให้เราเสียหายพระนางก็จะเสียหายด้วย พระนางมิน่าจะทำให้คุณหนูเดือดร้อนหนาเจ้าคะ!”หลิงอวี๋ยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าของหายากจะเทียบกับชีวิตของลูกชายตนได้หรือ?”“ข้าทำให้ฮองเฮาเว่ยกับองค์ชายเว่ยขุ่นเคืองมาก ต่อให้ข้าดึงดาวจากท้องฟ้ามามอบให้พระนาง พระนางก็ไม่มีทางจะดีต่อข้าหรอก!”ห
หลิงอวี๋ครุ่นคิด ถึงอย่างไรก็ปฏิเสธมิได้ ทำได้เพียงต้องพาคนเหล่านี้กลับไปก่อนนางกล่าวขอบคุณอย่างใจเย็น คราวนี้นางลุกขึ้นโดยมิรอให้ฮองเฮาเว่ยบอกแล้ว“บังอาจ ฮองเฮายังมิได้บอกให้ลุก กล้าดีเยี่ยงไรจึงลุกขึ้นเอง!”เซี่ยเฉียวตะคอกด้วยความโกรธหลิงอวี๋มองนาง พลางตะคิดเสียงแข็ง “เจ้าต่างหากที่บังอาจ! เจ้าตะโกนต่อหน้าฮองเฮาเช่นนี้ได้เยี่ยงไร?”“ฮองเฮาดูแลวังหลังทั้งหมด และมีน้ำใจต่อท่านอ๋องของข้า แล้วจะทำให้ลูกสะใภ้ต้องลำบากได้เยี่ยงไรเล่า?”“ข้าคุกเข่าตลอดตั้งแต่เข้ามา ฮองเฮามีสิ่งที่ต้องทำมากมาจึงได้ลืมบอกข้า บ่าวต่ำต้อยเยี่ยงเจ้าเห็นอยู่แท้ ๆ กลับมิเตือนฮองเฮา หรือว่าเจ้าจงใจ?”“เจ้าคิดจะทำลายชื่อเสียงในความกรุณาของฮองเฮาหรือไร? อยากให้ฮองเฮามีชื่อเสียงที่มิดีรึ?”หลิงอวี๋พูดเช่นนี้ทำเอาเซี่ยเฉียวพูดมิออกฮองเฮาเว่ยกัดฟัน ก่อนหน้านี้นางคิดจะทำให้หลิงอวี๋ลำบากสักหน่อย แต่หลิงอวี๋ลุกขึ้นแล้วนางจะสามารถตำหนิให้หลิงอวี๋คุกเข่าลงอีกครั้งได้หรือ?นางเหลือบมองหลิงอวี๋อย่างมืดมน จากนั้นก็มองไปที่สาวสวยทั้ฃสี่คนที่มีความแตกต่างกันไปเมื่อทั้งสี่คนนี้เข้าไปในตำหนักอ๋องอี้ ก็จะมีโอกาสมากมาย
เซียวหลินเทียนยังคงโกรธอยู่ เดิมทีเขาก็มิพอใจฮองเฮาเว่ยที่มอบนางสนมสี่คนให้ตนเองตามใจเช่นนี้อยู่แล้ว ตอนนี้มาเห็นว่านางสนมผู้นี้เข้ามาได้ก็มาออดอ้อนอยากได้รับความโปรดปรานเช่นนี้มีหรือจะทนไหว“ไม่ ข้าทนนางสนมที่มิรู้กฎเกณฑ์เยี่ยงเจ้ามิได้ ปล่อยให้ฮองเฮาสั่งสอนด้วยตัวเองจะดีกว่า!”พวกเขายังคงอยู่นอกตำหนักฮองเฮาเว่ย ภาพภายนอกนี้จึงไปถึงหูของฮองเฮาฮองเฮาเว่ยจึงให้เซี่ยเฉียวออกมาถ่ายทอดคำสั่ง“ท่านอ๋องอี้เพคะ ฮองเฮาตรัสว่ามอบเสวี่ยฉินกับคนอื่น ๆ ให้กับท่านแล้ว จะเป็นจะตายเยี่ยงไรก็เป็นคนของตำหนักอ๋องอี้ หากมิต้องการก็ฆ่าพวกนางเสียตรงนี้! ฮองเฮามิต้องการพวกนางอีกแล้วเพคะ!”เมื่อเซี่ยเฉียวเอ่ยเช่นนี้ เสวี่ยฉินยังคงก้มหน้าต่อด้วยความกลัวเซียวหลินเทียนโกรธจนตัวสั่น ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง หลิงอวี๋ก็รั้งเขาไว้ก่อน“เซี่ยเฉียว ในเมื่อฮองเฮาตรัสเช่นนี้ เช่นนั้นก็ขอให้ฮองเฮามอบสัญญาซื้อตัวหรือเอกสารทั้งหมดของพวกนางให้กับท่านอ๋องด้วยเถิด!”“เจ้าก็เห็นแล้ว ยังมิทันออกจากวัง เสวี่ยฉินก็ทำให้ท่านอ๋องขุ่นเคืองแล้ว นางถือว่าตนเป็นคนของฮองเฮา จึงมิเกรงกลัวเช่นนี้มิใช่หรือ?”“หากมีสัญญา
กระทั่งนางกับเซียวหลินเทียนนั่งรถม้ากลับตำหนัก หลิงอวี๋รู้สึกหดหู่เล็กน้อยเมื่อคิดถึงคำพูดของไทเฮาเหลียง“ไทเฮาคุยอะไรกับเจ้าหรือ?”เซียวหลินเทียนเห็นใบหน้าที่มืดมนของหลิงอวี๋ จึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“มิ...มิได้คุยอะไรเพคะ!”หลิงอวี๋จะมีหน้าไปบอกได้เยี่ยงไรว่าไทเฮาเหลียงให้พวกเขามีลูกอีกคน นางจึงเปลี่ยนหัวข้อ “หม่อมฉันกำลังกังวลว่าจะจัดการนางสนมทั้งสี่อย่างไรดี?”เซียวหลินเทียนคิดว่าหลิงอวี๋กังวลเรื่องนางสนมทั้งสี่จริง ๆ จึงเอ่ยอย่างสบาย ๆ“เมื่อพวกนางไปถึงตำหนักอ๋องอี้แล้วก็ขึ้นอยู่กับเจ้าจัดการแล้ว หากพวกนางทำมิดี เจ้าจะตีหรือจะขับไล่พวกนางออกไปก็ได้ทั้งนั้น! มิต้องห่วงเรื่องฮองเฮาเว่ย! ข้าจัดการเอง!”หลิงอวี๋ยิ้มอย่างขมขื่น มันง่ายเช่นนั้นจริง ๆ หรือ?คนที่ได้รับการสั่งสอนจากฮองเฮาเว่ย น่าจะฉลาดทุกคนกระมังแม้ว่าตนจะตีหรือจะฆ่า ก็จะต้องมีเหตุผลมาโน้มน้าวทุกคนแน่นอนบุรุษที่มิคิดเล็กคิดน้อยเยี่ยงเซียวหลินเทียนจะรู้ได้เยี่ยงไรว่าฮองเฮาเว่ยวางกับดักอะไรให้ตนเอง!หากจัดการได้ดี นางก็ไม่มีความดีความชอบ!หากจัดการไม่ดี ฮองเฮาเว่ยก็สามารถขอหย่ากับตนแทนเซียวหลินเทียนได้ทุกเมื่อโ
บัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าและหอโอสถซ่างกู่ รวมถึงคนที่มาเฝ้าดูจำนวนมากนั้นต่างก็เข้าใจพื้นฐานของเครื่องยาสมุนไพร หลิงอวี๋จึงยิ้มเยาะแล้วเอ่ยออกมา“คุณหนูหยางของพวกเราน่าจะชอบยาระบายและยาที่ทำให้เกิดอาการคันเป็นพิเศษนะ นางจึงใส่ยาเหล่านี้ลงไปในยาพิษของนางด้วย!”หา!เมื่อเหลยเหวินและคนอื่น ๆ ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็ตกตะลึงกันไปคุณหนูบางคนถอยหลังไปสองสามก้าวโดยมิรู้ตัว นี่ก็หมายความว่าหากพิษที่หลิงอวี๋ออกฤทธิ์ มันจะต้องไหลพรวดออกมาแน่ ๆเย่หรงมองหยางหงหนิงอย่างรังเกียจ และกำหมัดแน่นเสี่ยวชีพูดถูกจริง ๆ นิสัยในการปรุงยาพิษของหยางหงหนิงนั้นมิสามารถเปิดเผยต่อหน้าทุกคนได้จริง ๆฉินซานยืนอยู่ข้างเย่หรง เมื่อครู่เย่หรงเพิ่งจะเล่าเรื่องของเขากับหยางหงหนิงให้ฟังอยู่คร่าว ๆเมื่อฉินซานได้ยินหลิงอวี๋บอกว่า หยางหงหนิงใส่สิ่งเหล่านี้ลงไปในยาพิษ เขาก็มองไปทางเย่หรงด้วยสีหน้าเห็นใจ จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วเอ่ยออกมา “ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าเหตุใดเจ้าจึงมิชอบนาง!”“สตรีประเภทนี้ หากเปลี่ยนเป็นข้า ข้าก็มิชอบเช่นกัน!”“นี่คือการแข่งขัน มิใช่การต่อสู้เอาเป็นเอาตายกันจริง ๆ เหตุใดต้องทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนี้ด
หลิงอวี๋มองปราดเดียวก็อ่านความคิดของหยางหงหนิงออกแล้ว นางจึงยิ้มมุมปาก “วิธีการเล่นเช่นนี้ก็สดใหม่ดี เช่นนั้นก็ทำตามที่เจ้าบอกเถิด!”ทั้งสองจึงแลกเปลี่ยนยาพิษกันหยางหงหนิงหยิบผงยาใส่ปากอย่างมิใส่ใจ แล้วชิมส่วนผสมที่อยู่ในนั้น จากนั้นก็มองไปทางหลิงอวี๋และยิ้มอย่างดูถูก“ยาพิษง่าย ๆ เช่นนี้ เจ้าก็กล้านำมาใช้ในการแข่งขันหรือ สิงอวี๋ เจ้ารอไสหัวไปจากเมืองหลวงแดนเทพได้เลย!”หลิงอวี๋ก็ยิ้มบาง ๆ “พูดประโยคนี้ในตอนนี้มันยังเร็วเกินไป อีกสักครึ่งชั่วยามค่อยพูดเถิด!”“การเอาชนะเจ้า ข้ามิใช้เวลาถึงครึ่งชั่วยามหรอก แค่สิบห้านาทีก็พอแล้ว!”หยางหงหนิงเอ่ยขึ้นมาอย่างเย่อหยิ่งทุกคนต่างมองผงยาพิษในมือของทั้งสองคน และอยากรู้ว่าทั้งสองคนปรุงยาพิษชนิดใดเอาไว้“เข้าไปเลือกเครื่องยาสมุนไพร!”หยางหงหนิงรีบชิงเข้าไปก่อน เมื่อเห็นขวดยาก็นำมาใส่ลงในตะกร้าทันทีหลิงอวี๋มองดูก็รู้ทันทีว่าผงยาที่นางใส่นั้นคือเครื่องยาสมุนไพรของยาแก้พิษที่นางทำไว้หยางหงหนิงต้องการจะแย่งชิงเครื่องยาสมุนไพรที่หลิงอวี๋ต้องนำไปปรุงยาแก้พิษ เพื่อทำให้หลิงอวี๋มิสามารถปรุงยาแก้พิษได้หลิงอวี๋ส่ายหัวอย่างหมดคำพูด แล้วหิ้วตะก
คำถามนี้ของหลิงอวี๋ทำเอาจงเจิ้งเฟยพูดมิออกไปทันทีทั้งสองเส้นทางล้วนเป็นทางตันทั้งสิ้น!หลิงอวี๋ใช้คำเปรียบเทียบนี้เพื่อบอกจงเจิ้งเฟยว่า มิว่านางจะยั่วยุหยางหงหนิงหรือไม่ หยางหงหนิงก็มิยอมปล่อยนางไปอยู่ดีในเมื่อล้วนเป็นทางตันทั้งหมด แล้วไฉนมิหยิบไม้ขึ้นมาสู้สักครั้งเล่า?หากวิชาพิษของหลิงอวี๋สามารถเอาชนะหยางหงหนิงได้ เช่นนั้นจะทำให้หยางหงหนิงรวมถึงเหมียวหยางที่คอยรังแกหลิงอวี๋อยู่เสมอนั้นรู้สึกหวาดกลัวได้!จะเป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่แข็งแกร่งกว่าตนอย่างไรก็ล้วนต้องก้มหัวให้!หากทักษะด้อยกว่าผู้อื่น เช่นนั้นตายไปก็ยังดีกว่าตายเพราะถูกข่มเหงรังแก เป็นการตายอย่างกล้าหาญ!จงเจิ้งเฟยเข้าใจสิ่งที่หลิงอวี๋บอกแล้วและนางก็มองหลิงอวี๋ด้วยความชื่นชมความเด็ดเดี่ยวและความแข็งแกร่งของศิษย์พี่หญิงนั้นดูเป็นบุรุษยิ่งกว่าบุรุษเสียอีก!จงเจิ้งเฟยรู้สึกว่า นี่ต่างหากคือจุดเด่นภายใต้รูปลักษณ์ธรรมดาของศิษย์พี่หญิง นางเป็นสตรีก็ยังเคารพหลิงอวี๋ เช่นนั้นขอเพียงมิใช่บุรุษที่หยาบคายเช่นเหมียวหยาง จะมีใครบ้างที่มิชอบสตรีเช่นหลิงอวี๋?“หงหนิงออกมาแล้ว! สิงอวี๋ ถึงตาเจ้าแล้ว หาก
“ได้ ตกลงตามนี้!”หลิงอวี๋จ้องหยางหงหนิงอย่างกดดัน “ต้องยอมรับผลแพ้ชนะ ถึงเวลานั้นหากแพ้ เจ้าก็อย่าได้พูดอะไรที่มิเหมาะสมออกมา!”หยางหงหนิงเอ่ยอย่างแน่วแน่ “ต้องยอมรับผลแพ้ชนะ! หลงอิง พวกเราขอยืมห้องปรุงโอสถของเจ้าสักหน่อยนะ!"หลงอิงเป็นเจ้าภาพในวันนี้ นางมิชอบมาก ๆ ที่มีคนมาสร้างปัญหาขึ้นในงานเลี้ยงชมบุปผาของตน ทำให้รายการที่ตนเตรียมไว้มิได้นำออกมาแต่หยางหงหนิงพูดไปแล้ว ดังนั้นต่อให้นางมิชอบก็มิอาจปฏิเสธได้“เสี่ยวอวี๋ มิต้องพนันแล้วได้หรือไม่ เจ้ามิใช่คู่ต่อสู้ของหงหนิงหรอก! เจ้ายอมแพ้ แล้วขอโทษหงหนิงเสียเถิด!”หลงอิงดูท่าทางเป็นห่วงหลิงอวี๋“คุณหนูหลง ข้ามิสามารถขอโทษคนที่ใส่ร้ายข้าในเรื่องที่ข้ามิได้ทำได้หรอก!”หลิงอวี๋รู้ว่าฮูหยินทั้งสองของตระกูลเฉียวอยู่ด้วย และตามหลักแล้วตนมิควรทำตัวโดดเด่นให้เป็นจุดสนใจแต่นางอดกลั้นความโกรธไว้มากแล้ว นางต้องระบายออกมาเหมียวหยางอาศัยอำนาจมาทำลายบ้านของตน และตอนนี้หยางหงหนิงก็อาศัยอำนาจกล้ามาใส่ร้ายตนโดยไม่มีหลักฐานอีก หากวันนี้ตนทนเงียบมิพูดอะไร เช่นนั้นต่อไปก็จะมีข่าวลือที่ยิ่งกว่านี้แพร่กระจายออกไปแม้ว่าหลิงอวี๋จะอยากเก็บตัวอยู่
บรรดาศิษย์น้องของเหมียวหยางจะกล้าปล่อยเหมียวหยางไปได้อย่างไร แม้ว่าเย่หรงจะเป็นศิษย์ที่มิประสบความสำเร็จของตระกูลเย่ แต่เขาก็นับว่าเป็นผู้มีอำนาจที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงแดนเทพ และความโหดร้ายของเขาก็ราวกับหมาป่าหากเขาประกาศชัดเจนว่าจะยั่วยุใคร เช่นนั้นแล้วขอเพียงยังมีลมหายใจอยู่ ต่อให้ต้องสู้จนถึงที่สุดก็จะมิยอมรามือถึงแม้ว่าเหมียวหยางจะเกลียดเย่หรงที่ทำให้จมูกของตนหัก แต่ท่าทีที่จะสู้กับเย่หรงอย่างสุดชีวิตนั้น ก็เป็นเพียงการแกล้งทำไปเท่านั้นเนื่องจากด้วยพลังของเขาแล้ว เขามิใช่คู่ต่อสู้ของเย่หรงอย่างแน่นอน มิฉะนั้นก็คงมิถึงกับถูกเย่หรงต่อยสองหมัด แล้วไม่มีแรงตอบโต้หรอก“พวกเจ้าปล่อยข้า ให้ข้าไปสู้กับเขา… เย่หรง เจ้ารู้สึกผิดแล้วกระมัง จึงได้ใส่ร้ายข้า!”เหมียวหยางตะโกนออกไปอย่างโอ้อวด “ข้ามิได้ทำลายบ้านของสิงอวี๋ มิใช่ว่าเจ้าจงใจไปทำลายบ้านของนาง เพื่อให้นางยอมขึ้นเตียงกับเจ้า และใช้โอกาสนี้สนับสนุนนางเองรึ?”น้ำโคลนสาดเข้ามาหาเย่หรงในทันทีคนจำนวนมากที่อยู่ตรงนั้น ต่างก็รู้สึกว่าคำพูดของเหมียวหยางอาจจะเป็นเรื่องจริงได้ เพราะเรื่องนี้ดูเป็นเรื่องที่เย่หรงสามารถทำได้!หลิงอวี
หยางหงหนิงยิ่งโวยวายก็ยิ่งเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ และดึงดูดสายตาของคุณหนูคุณชายที่ยังอยู่รอบ ๆ มิได้แยกตัวออกไปให้พากันหันมามอง"ข้าบอกว่าเจ้าต่ำต้อย แต่เจ้าก็ยังบอกว่ามิต่ำต้อย! ทุกคนมาดูอันดับหนึ่งของหอปรุงโอสถผู้นี้เถิด นางคือคนต่ำต้อยไร้ยางอาย!”“นางล่อลวงเย่หรงไปดื่มสุรา และมิรู้ว่านางใช้กลอุบายอะไร จึงทำให้เย่หรงสนับสนุนนาง!”“สิงอวี๋ ข้าขอบอกไว้เลยว่า คนต่ำต้อยเช่นเจ้า ตระกูลเย่ไม่มีทางให้เจ้าเข้าไปเป็นอันขาด และถึงแม้ว่าพวกเขาจะให้เจ้าเข้าไป เจ้าก็เป็นได้เพียงอนุเท่านั้น!”เมื่อคุณหนูเหล่านั้นรวมถึงบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าได้ยินเช่นนั้น ก็ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา“ข้าก็บอกแล้วว่านางแต่งตัวธรรมดาเช่นนั้น แล้วจะมีเงินไปศึกษาที่สำนักศึกษาชิงหลงได้อย่างไร ที่แท้นางก็อาศัยการหลอกลวงเงินของบุรุษ!”“แต่นางก็มิได้งามอะไรนักนี่ แล้วเย่หรงจะชอบนางได้หรือ?”“เจ้ามิรู้หรอก บุรุษบางคนมิได้สนใจที่หน้าตา แต่สนใจที่รูปร่าง บางทีเย่หรงอาจจะสบายใจกับการปรนนิบัติของสตรีผู้นี้ก็เป็นได้!”คำพูดนี้เหมียวหยางเป็นคนพูด เขาพูดไปพลางยิ้มอย่างหยาบคาย ทั้งยังขยิบตาอย่างคลุมเครือให้กับพวกคุณชายที่อ
จงเจิ้งเฟยส่ายหัว “ข้าเองก็มิได้รู้แน่ชัดนัก ข้าแค่ฟังมาจากคนอื่นเท่านั้น เพราะพวกนางบอกกันว่าฉินตะวันตกเป็นคนละดินแดนกับพวกเรา!”“ข้าได้ยินมาเพียงว่า ทักษะการแพทย์ของหลิงอวี๋ผู้นี้ยอดเยี่ยมมาก ก่อนหน้านี้ว่ากันว่า ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเก๋อท้องใหญ่ราวกับกลอง และไม่มียาใดที่สามารถรักษาได้ แต่หลิงอวี๋เป็นคนผ่าท้องของนางแล้วนำถุงน้ำที่อยู่ในท้องของนางออกมา เช่นนี้จึงรักษาโรคประหลาดของนางหายขาดได้!”“ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเก๋อได้เดินทางติดตามข้าหลวงเก๋อมาที่เมืองหลวงแดนเทพแล้ว ดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไปมิได้ผิดปกติใด ๆ นี่คือข้อเท็จจริง!”เหลยเหวินฟังแล้วก็รู้สึกสับสน “ดูเช่นนี้แล้ว หลิงอวี๋ก็มินับว่าเป็นคนเลว แต่เหตุใดนางจึงสังหารเฉียวเค่อเล่า!”หลิงอวี๋ฟังอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ แล้วนางก็ยิ่งอยากรู้อดีตของตนมากขึ้นไปอีกตนเป็นคนแบบใดกันแน่?เหตุใดจึงมีศัตรูมากถึงเพียงนี้?ดูท่าทางจะต้องไปถามผู้รอบรู้เสียหน่อยแล้ว บางทีการรู้เรื่องในอดีตของตน อาจจะทำให้นางฟื้นความทรงจำที่หายไปได้เร็วขึ้นก็ได้ขณะที่ทั้งสามกำลังคุยกันอยู่ ก็เห็นหยางหงหนิงพาสหายอีกสองคนเดินเข้ามา“เฟยเฟย พวกเจ้าค
เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของเย่หรง ก็อดมิได้ที่จะยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อยดูภายนอกเย่หรงกำลังบอกว่าตนเป็นคนขี้ขลาด แต่แท้จริงแล้วหลิงอวี๋กลับฟังออกว่าเย่หรงกำลังทำลายความเชื่อมั่นของฮูหยินเฉียวอยู่เขาใช้คำพูดของฮูหยินเฉียวมาเตือนผู้ที่คิดจะให้เบาะแสเพื่อเงิน ให้หยุดอยู่ที่ตรงนี้ลองคิดดูเถิด ฮูหยินเฉียวบอกว่าหลิงอวี๋เป็นคนโหดเหี้ยมไร้ความปรานี และหลิงอวี๋ก็สามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้ หากใครจะเปิดโปงหลิงอวี๋ เช่นนั้นหลิงอวี๋จะทนเก็บความโกรธเอาไว้มิแก้แค้นได้หรือ?เป็นดังที่คาด คำพูดนี้ของเย่หรงทำให้คนจำนวนหนึ่งมิกล้าทำต่อไปแล้ววรยุทธ์ของเย่หรงมิได้อ่อนแอ เขาเองยังบอกว่ามิสามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้ และสู้หลิงอวี๋มิได้ด้วยเช่นนั้นหากเปลี่ยนเป็นตนเอง ตนจะสามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้หรือ?คนที่โหดเหี้ยมไร้ความปรานีเช่นหลิงอวี๋นี้ อย่าได้ไปยั่วยุนางจะเป็นการดีกว่าแม้ว่าเงินห้าล้านจะน่าดึงดูดใจ ทว่าหากชีวิตหาไม่แล้ว ต่อให้มีเงินแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!มุมปากของเซียวหลินเทียนก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเช่นกัน เขาก็ฟังออกถึงความหมายของเย่
เช่นนี้ก็แสดงว่า เฉียวไป๋เองก็รู้แล้วใช่หรือไม่ว่าคนที่ช่วยเขาไว้คือศัตรูของเขา?หลิงอวี๋แอบดีใจที่ตนเปลี่ยนรูปลักษณ์อีกครั้ง หลังจากที่หนีออกมาจากเงื้อมมือของเก๋อฮุ่ยหนิง มิเช่นนั้นหากใช้ใบหน้าก่อนหน้านี้ ก็คงจะถูกเก๋อฮุ่ยหนิงสังหารไปแล้วใช่หรือไม่?ดูท่าทางต่อไปตนจะมิสามารถใช้มีดผ่าตัดรักษาคนได้อีกต่อไปแล้ว!หลิงอวี๋ค้นพบแล้วว่า ที่เมืองหลวงแดนเทพนั้นล้วนเป็นหมอโอสถที่รักษาโรค มิว่าจะเป็นโรคอะไร หมอโอสถก็ล้วนใช้เพียงโอสถในการรักษาโรคเท่านั้นส่วนการผ่าตัดนั้น ในตอนนี้กลายเป็นวิธีการรักษาเฉพาะตัวของนางไปแล้วประเดี๋ยวก่อน จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของหลิงอวี๋ตนเป็นคนที่รักษาดวงตาของฮูหยินเว่ยจนหาย ตอนนั้นมีหมอจำนวนมากบอกว่าดวงตาของฮูหยินเว่ยมิสามารถรักษาได้แล้ว หากพวกนางเองก็ได้เห็นหมายจับค่าหัวด้วย พวกนางจะไปเปิดโปงตนให้กับตระกูลเฉียวหรือไม่?ตั้งแต่ที่ตนลงมาจากเรือของตระกูลเว่ย ก็ทำเพียงเปลี่ยนกลับเป็นชุดสตรี แต่มิได้เปลี่ยนการแปลงโฉม!ยิ่งไปกว่านั้น ผู้รอบรู้ก็มิได้แปลงโฉมด้วย เช่นนั้นขอเพียงติดตามเบาะแสเหล่านี้มา การจะตามหาตนก็มิใช่เรื่องยากแล้ว!หากต้องการให้ตนป