หลิงอวี๋ครุ่นคิด ถึงอย่างไรก็ปฏิเสธมิได้ ทำได้เพียงต้องพาคนเหล่านี้กลับไปก่อนนางกล่าวขอบคุณอย่างใจเย็น คราวนี้นางลุกขึ้นโดยมิรอให้ฮองเฮาเว่ยบอกแล้ว“บังอาจ ฮองเฮายังมิได้บอกให้ลุก กล้าดีเยี่ยงไรจึงลุกขึ้นเอง!”เซี่ยเฉียวตะคอกด้วยความโกรธหลิงอวี๋มองนาง พลางตะคิดเสียงแข็ง “เจ้าต่างหากที่บังอาจ! เจ้าตะโกนต่อหน้าฮองเฮาเช่นนี้ได้เยี่ยงไร?”“ฮองเฮาดูแลวังหลังทั้งหมด และมีน้ำใจต่อท่านอ๋องของข้า แล้วจะทำให้ลูกสะใภ้ต้องลำบากได้เยี่ยงไรเล่า?”“ข้าคุกเข่าตลอดตั้งแต่เข้ามา ฮองเฮามีสิ่งที่ต้องทำมากมาจึงได้ลืมบอกข้า บ่าวต่ำต้อยเยี่ยงเจ้าเห็นอยู่แท้ ๆ กลับมิเตือนฮองเฮา หรือว่าเจ้าจงใจ?”“เจ้าคิดจะทำลายชื่อเสียงในความกรุณาของฮองเฮาหรือไร? อยากให้ฮองเฮามีชื่อเสียงที่มิดีรึ?”หลิงอวี๋พูดเช่นนี้ทำเอาเซี่ยเฉียวพูดมิออกฮองเฮาเว่ยกัดฟัน ก่อนหน้านี้นางคิดจะทำให้หลิงอวี๋ลำบากสักหน่อย แต่หลิงอวี๋ลุกขึ้นแล้วนางจะสามารถตำหนิให้หลิงอวี๋คุกเข่าลงอีกครั้งได้หรือ?นางเหลือบมองหลิงอวี๋อย่างมืดมน จากนั้นก็มองไปที่สาวสวยทั้ฃสี่คนที่มีความแตกต่างกันไปเมื่อทั้งสี่คนนี้เข้าไปในตำหนักอ๋องอี้ ก็จะมีโอกาสมากมาย
เซียวหลินเทียนยังคงโกรธอยู่ เดิมทีเขาก็มิพอใจฮองเฮาเว่ยที่มอบนางสนมสี่คนให้ตนเองตามใจเช่นนี้อยู่แล้ว ตอนนี้มาเห็นว่านางสนมผู้นี้เข้ามาได้ก็มาออดอ้อนอยากได้รับความโปรดปรานเช่นนี้มีหรือจะทนไหว“ไม่ ข้าทนนางสนมที่มิรู้กฎเกณฑ์เยี่ยงเจ้ามิได้ ปล่อยให้ฮองเฮาสั่งสอนด้วยตัวเองจะดีกว่า!”พวกเขายังคงอยู่นอกตำหนักฮองเฮาเว่ย ภาพภายนอกนี้จึงไปถึงหูของฮองเฮาฮองเฮาเว่ยจึงให้เซี่ยเฉียวออกมาถ่ายทอดคำสั่ง“ท่านอ๋องอี้เพคะ ฮองเฮาตรัสว่ามอบเสวี่ยฉินกับคนอื่น ๆ ให้กับท่านแล้ว จะเป็นจะตายเยี่ยงไรก็เป็นคนของตำหนักอ๋องอี้ หากมิต้องการก็ฆ่าพวกนางเสียตรงนี้! ฮองเฮามิต้องการพวกนางอีกแล้วเพคะ!”เมื่อเซี่ยเฉียวเอ่ยเช่นนี้ เสวี่ยฉินยังคงก้มหน้าต่อด้วยความกลัวเซียวหลินเทียนโกรธจนตัวสั่น ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง หลิงอวี๋ก็รั้งเขาไว้ก่อน“เซี่ยเฉียว ในเมื่อฮองเฮาตรัสเช่นนี้ เช่นนั้นก็ขอให้ฮองเฮามอบสัญญาซื้อตัวหรือเอกสารทั้งหมดของพวกนางให้กับท่านอ๋องด้วยเถิด!”“เจ้าก็เห็นแล้ว ยังมิทันออกจากวัง เสวี่ยฉินก็ทำให้ท่านอ๋องขุ่นเคืองแล้ว นางถือว่าตนเป็นคนของฮองเฮา จึงมิเกรงกลัวเช่นนี้มิใช่หรือ?”“หากมีสัญญา
กระทั่งนางกับเซียวหลินเทียนนั่งรถม้ากลับตำหนัก หลิงอวี๋รู้สึกหดหู่เล็กน้อยเมื่อคิดถึงคำพูดของไทเฮาเหลียง“ไทเฮาคุยอะไรกับเจ้าหรือ?”เซียวหลินเทียนเห็นใบหน้าที่มืดมนของหลิงอวี๋ จึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“มิ...มิได้คุยอะไรเพคะ!”หลิงอวี๋จะมีหน้าไปบอกได้เยี่ยงไรว่าไทเฮาเหลียงให้พวกเขามีลูกอีกคน นางจึงเปลี่ยนหัวข้อ “หม่อมฉันกำลังกังวลว่าจะจัดการนางสนมทั้งสี่อย่างไรดี?”เซียวหลินเทียนคิดว่าหลิงอวี๋กังวลเรื่องนางสนมทั้งสี่จริง ๆ จึงเอ่ยอย่างสบาย ๆ“เมื่อพวกนางไปถึงตำหนักอ๋องอี้แล้วก็ขึ้นอยู่กับเจ้าจัดการแล้ว หากพวกนางทำมิดี เจ้าจะตีหรือจะขับไล่พวกนางออกไปก็ได้ทั้งนั้น! มิต้องห่วงเรื่องฮองเฮาเว่ย! ข้าจัดการเอง!”หลิงอวี๋ยิ้มอย่างขมขื่น มันง่ายเช่นนั้นจริง ๆ หรือ?คนที่ได้รับการสั่งสอนจากฮองเฮาเว่ย น่าจะฉลาดทุกคนกระมังแม้ว่าตนจะตีหรือจะฆ่า ก็จะต้องมีเหตุผลมาโน้มน้าวทุกคนแน่นอนบุรุษที่มิคิดเล็กคิดน้อยเยี่ยงเซียวหลินเทียนจะรู้ได้เยี่ยงไรว่าฮองเฮาเว่ยวางกับดักอะไรให้ตนเอง!หากจัดการได้ดี นางก็ไม่มีความดีความชอบ!หากจัดการไม่ดี ฮองเฮาเว่ยก็สามารถขอหย่ากับตนแทนเซียวหลินเทียนได้ทุกเมื่อโ
หลิงอวี๋ก็แค่ล้อเล่น หลังจากครุ่นคิดก็เอ่ย “หมิ่นกู เจ้าให้พวกนางจับฉลากสิ! พวกนางเพิ่งเข้ามาใหม่ เราหาได้รู้จักพวกนางดีไม่ ทำเช่นนี้ยุติธรรมที่สุด!”“เตรียมไม้ที่มีความยาวต่างกันสี่ขนาด ใครจับได้อันที่ยาวที่สุดก็ไปปรนนิบัติคืนนี้ ส่วนที่เหลือก็วัดตามความยาว ต่อจากนี้ก็ผลัดกันปรนนิบัติตามลำดับที่จับในวันนี้ไป!”หมิ่นกูพยักหน้า จากนั้นก็ถามเกี่ยวกับขอบเขตของการใช้จ่ายของทั้งสี่คนแล้วจากไปแม่นมลี่มองหลิงอวี๋แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่น “คุณหนู ฮองเฮาเตรียมนางสนมทั้งสี่คนนี้เพื่อให้อำนาจแก่คุณหนูหนาเจ้าคะ! คุณหนูได้คิดหรือไม่ว่าจะจัดการเยี่ยงไร?”“ถ้าเกิดพวกนางตั้งครรภ์ ตำแหน่งพระชายาของคุณหนูจะตกอยู่ในอันตรายหนาเจ้าคะ!”“แม่นม หาได้ต้องกังวลไม่ พวกนางเป็นคนของฮองเฮาเว่ย ท่านอ๋องไม่มีทางให้พวกนางมีลูกหรอก!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างมิเห็นด้วยเซียวหลินเทียนมิใช่คนโง่ เขารู้ที่มาของทั้งสี่คนนี้เป็นอย่างดีแล้วจะไปยื่นดาบให้พวกนางทำร้ายได้อย่างไร!แต่แม่นมลี่เห็นมานักต่อนักแล้ว จึงเอ่ยอย่างเป็นกังวล “คุณหนู คุณหนูพูดเช่นนี้ก็จริง! แต่ก็มิสามารถเชื่อทุกสิ่งที่บุรุษพูดได้เจ้าค่ะ...”“นึกถึงชิวเ
เซียวหลินเทียนมิรู้เรื่องนี้ หลิงอวี๋กังวลเรื่องการเห็นคุณค่าในตัวเองของหลิงเยวี่ยจึงมิได้พูดอะไรอีกนางอุ้มหลิงเยวี่ยเพื่อมิให้เด็กน้อยต้องวุ่นกับเรื่องนี้ นางกัดหูของหลิงเยวี่ยพลางกระซิบ “แม้ว่าใบหน้าของท่านอ๋องจะเป็นสีแทน แต่ก้นของเขาก็ขาวเหมือนกัน!”“หา! ท่านแม่รู้ได้อย่างไรขอรับ? เคยเห็นหรือ?”หลิงเยวี่ยเอ่ยถามอย่างมิเชื่อ ตามความคิดแบบเด็ก ๆ ของเขา หากใบหน้าเป็นสีแทนได้ ร่างกายของเขาก็ต้องเป็นสีแทนได้เอ่อ… หลิงอวี๋หน้าแดงกับคำพูดของหลิงเยวี่ยนางจะไปเคยเห็นก้นของเซียวหลินเทียนได้อย่างไรเล่า!“ท่านแม่โกหกข้าจริงด้วย!”หลิงเยวี่ยกลอกตาใส่นางแล้วเบะปากไม่มีความสุข“จริง ๆ หนา ตรงส่วนนั้นมีกางเกงปิดไว้อย่างไรเล่า แสงแดดส่องมิได้ ต้องขาวแน่นอน!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างมั่นใจเซียวหลินเทียนมองคนสองคนกระซิบกันไปมา หูของเขาพอจะจับคำพูดได้แค่สองสามคำ แต่ก็มิเข้าใจว่าพวกเขากำลังเอ่ยถึงอะไรเซียวหลินเทียนรู้สึกอิจฉาและเศร้าเล็กน้อย ในรถม้ามีเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้น พวกเขาสองคนจะพูดดังหน่อยมิได้เลยหรือ?หากมีเรื่องสนุกน่าสนใจก็แบ่งปันให้เขารู้ด้วยสิ!ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนตนเป็นคนนอ
หลังจากที่ท่านอดีตเสนาบดีสงบลงเล็กน้อย หลิงอวี๋ก็เอ่ยเบา ๆ “ท่านปู่ วันนี้นอกจากจะมาเยี่ยมท่านแล้ว ข้ามีบางอย่างอยากจะถามท่านด้วย!”“ท่านปู่ เรื่องนี้สำคัญมาก ท่านต้องบอกความจริงกับข้า!”ท่านอดีตเสนาบดีชะงัก ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ เขาเอ่ยถามเสียงทุ้ม “เจ้าถามมาเถิด!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างยากลำบาก “ข้ากับพี่ชาย มิใช่ลูกทางสายเลือดของท่านพ่อใช่หรือไม่?”ทันใดนั้นสีหน้าของท่านอดีตเสนาบดีก็ดูแย่ลง เขาจ้องมองหลิงอวี๋แล้วโวยขึ้นมา “เหตุใด ปีกกล้าขาแข็งแล้ว มิอยากยอมรับข้าในฐานะปู่ของเจ้าแล้วรึ?”หลิงอวี๋คุกเข่าลงทันที พลางเอ่ยเสียงเรียบ “ท่านปู่ ท่านจะเป็นท่านปู่ของเราตลอดไป! เพียงแต่อาอวี๋อยากให้เรื่องเหล่านี้มันชัดเจน มิอยากถูกขังอยู่ในความมืดไปตลอดชีวิต!”“ตัวตนของแม่ข้าก็สำคัญสำหรับกับข้ามาก หากท่านปู่รู้อะไรโปรดบอกมาเถิด! ข้าจะขอบคุณไปตลอดชีวิต!”ท่านอดีตเสนาบดีมองหลิงอวี๋นิ่ง ๆ แล้วเงียบไปนานก่อนถอนหายใจพลางเอ่ย“ตระกูลหลิงของข้ามิคู่ควรกับการมีลูกที่มีความสามารถเช่นพวกเจ้า เอาเถิด ข้าจะบอกเจ้า แล้วเจ้าไปเลือกเอาเอง!”เขามองเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนจึงเอ่ยทันท
เมื่อได้ยินสิ่งนี้หลิงอวี๋ก็รู้สึกว่าใจหนักอึ้ง จากสิ่งที่ท่านอดีตเสนาบดีบอก ท่านตาก็รู้สึกรักพวกเขาเช่นกันเขาสัญญาว่าจะมารับนางกับหลิงเสี่ยง แต่กลับมิมา หรือว่าท่านตาจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว?“ข้าสงสัยว่า อาจจะเกิดอะไรขึ้นกับท่านตาของเจ้า มิเช่นนั้นเขาไม่มีทางผิดสัญญาแน่!”ท่านอดีตเสนาบดียิ้มอย่างขมขื่นพลางเอ่ย “ข้าให้คนไปตามสืบมาหลายปีแล้ว แต่ไม่มีข่าวเกี่ยวกับท่านตาของเจ้าเลย! มิรู้ด้วยซ้ำว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่!”หลิงอวี๋กำลังแยกแยะสิ่งที่ท่านอดีตเสนาบดีบอกพลางเอ่ยถาม “ท่านปู่ ท่านแม่ของข้าทิ้งอะไรไว้ให้เราหรือไม่? แต่ข้ามิได้หมายถึงสินสอดอะไรแบบนั้น!”สีหน้าของท่านอดีตเสนาบดีเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วมองหลิงอวี๋อย่างประหม่าหลิงอวี๋เอ่ยเสียงเรียบ “ท่านปู่ ท่านพูดมาถึงเพียงนี้แล้ว อย่าได้ปิดบังเลย!”ท่านอดีตเสนาบดีมองหลิงอวี๋ จากนั้นจึงยืนขึ้น เดินโซเซไปที่ด้านหลังเตียง ขยับเตียงจนเผยให้เห็นผนังด้านหลังท่านอดีตเสนาบดีได้หยิบอิฐที่เคลื่อนย้ายได้ออกจากผนัง จากนั้นก็หยิบถุงผ้าออกมาใบหนึ่งแล้วยัดอิฐกลับเข้าไป“แม่ของเจ้าให้สิ่งนี้มาครึ่งเดือนก่อนที่นางจะตาย! นางบอกว่าหากสักวันหน
เมื่อท่านอดีตเสนาบดีพูดถึงตรงนี้ ก็กระซิบกำชับนาง “เจ้าอย่าให้ใครรู้เด็ดขาดว่าเจ้ามีตำราเล่มนี้อยู่ในมือ!”“โดยเฉพาะพระชายาเส้า!”“เหตุใดหรือเจ้าคะ?” หลิงอวี๋ใจสั่น เหตุใดเรื่องนี้จึงเกี่ยวข้องกับพระสนมเส้าอีกแล้ว?“เจ้ามิรู้หรอกว่าก่อนที่พระชายาเส้าจะเข้ามาในวัง นางกับแม่ของเจ้าเป็นเพื่อนสนิทกัน ว่ากันว่าตอนนั้นพ่อของพระชายาเส้าป่วยหนัก แม่ของเจ้าเป็นคนที่ช่วยพระชายาเส้าตามหาซือคงชวิ่นมารักษาเขา!”“หลังจากที่พ่อของพระชายาเส้าหายจากอาการป่วยก็อยากให้ซือคงชวิ่นทำงานให้ตนเอง แต่ซือคงชวิ่นจากไปโดยมิบอกลา ด้วยเหตุนี้พ่อของพระชายาเส้าจึงโกรธมาก”“ได้ยินมาว่าหลังจากซือคงชวิ่นตาย ครอบครัวของพระชายาเส้ายังคงสืบหาที่อยู่ของตำราการแพทย์ ก่อนหน้านี้พระชายาเส้าเรียกแม่ของเจ้าเข้าไปในวัง และยังเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามว่าตำราการแพทย์อยู่ในมือของแม่เจ้าหรือไม่!”ท่านอดีตเสนาบดีเอ่ยอย่างกังวล “หลังจากที่แม่ของเจ้าตาย จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนก็ถูกขโมยขึ้นอยู่หลายครั้ง อาจเป็นเพราะตำราการแพทย์เล่มนี้!”“ต่อมาคาดว่าเพราะหามิเจอ จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนจึงค่อย ๆ กลับสู่ความสงบ!”หลิงอวี๋ได้ยินเรื่องนี้ก็ตกใจมา