แชร์

บทที่ 831

ผู้เขียน: กานเฟย
เซียวหลินเทียนยังคงโกรธอยู่ เดิมทีเขาก็มิพอใจฮองเฮาเว่ยที่มอบนางสนมสี่คนให้ตนเองตามใจเช่นนี้อยู่แล้ว ตอนนี้มาเห็นว่านางสนมผู้นี้เข้ามาได้ก็มาออดอ้อนอยากได้รับความโปรดปรานเช่นนี้มีหรือจะทนไหว

“ไม่ ข้าทนนางสนมที่มิรู้กฎเกณฑ์เยี่ยงเจ้ามิได้ ปล่อยให้ฮองเฮาสั่งสอนด้วยตัวเองจะดีกว่า!”

พวกเขายังคงอยู่นอกตำหนักฮองเฮาเว่ย ภาพภายนอกนี้จึงไปถึงหูของฮองเฮา

ฮองเฮาเว่ยจึงให้เซี่ยเฉียวออกมาถ่ายทอดคำสั่ง

“ท่านอ๋องอี้เพคะ ฮองเฮาตรัสว่ามอบเสวี่ยฉินกับคนอื่น ๆ ให้กับท่านแล้ว จะเป็นจะตายเยี่ยงไรก็เป็นคนของตำหนักอ๋องอี้ หากมิต้องการก็ฆ่าพวกนางเสียตรงนี้! ฮองเฮามิต้องการพวกนางอีกแล้วเพคะ!”

เมื่อเซี่ยเฉียวเอ่ยเช่นนี้ เสวี่ยฉินยังคงก้มหน้าต่อด้วยความกลัว

เซียวหลินเทียนโกรธจนตัวสั่น ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง หลิงอวี๋ก็รั้งเขาไว้ก่อน

“เซี่ยเฉียว ในเมื่อฮองเฮาตรัสเช่นนี้ เช่นนั้นก็ขอให้ฮองเฮามอบสัญญาซื้อตัวหรือเอกสารทั้งหมดของพวกนางให้กับท่านอ๋องด้วยเถิด!”

“เจ้าก็เห็นแล้ว ยังมิทันออกจากวัง เสวี่ยฉินก็ทำให้ท่านอ๋องขุ่นเคืองแล้ว นางถือว่าตนเป็นคนของฮองเฮา จึงมิเกรงกลัวเช่นนี้มิใช่หรือ?”

“หากมีสัญญา
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 832

    กระทั่งนางกับเซียวหลินเทียนนั่งรถม้ากลับตำหนัก หลิงอวี๋รู้สึกหดหู่เล็กน้อยเมื่อคิดถึงคำพูดของไทเฮาเหลียง“ไทเฮาคุยอะไรกับเจ้าหรือ?”เซียวหลินเทียนเห็นใบหน้าที่มืดมนของหลิงอวี๋ จึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“มิ...มิได้คุยอะไรเพคะ!”หลิงอวี๋จะมีหน้าไปบอกได้เยี่ยงไรว่าไทเฮาเหลียงให้พวกเขามีลูกอีกคน นางจึงเปลี่ยนหัวข้อ “หม่อมฉันกำลังกังวลว่าจะจัดการนางสนมทั้งสี่อย่างไรดี?”เซียวหลินเทียนคิดว่าหลิงอวี๋กังวลเรื่องนางสนมทั้งสี่จริง ๆ จึงเอ่ยอย่างสบาย ๆ“เมื่อพวกนางไปถึงตำหนักอ๋องอี้แล้วก็ขึ้นอยู่กับเจ้าจัดการแล้ว หากพวกนางทำมิดี เจ้าจะตีหรือจะขับไล่พวกนางออกไปก็ได้ทั้งนั้น! มิต้องห่วงเรื่องฮองเฮาเว่ย! ข้าจัดการเอง!”หลิงอวี๋ยิ้มอย่างขมขื่น มันง่ายเช่นนั้นจริง ๆ หรือ?คนที่ได้รับการสั่งสอนจากฮองเฮาเว่ย น่าจะฉลาดทุกคนกระมังแม้ว่าตนจะตีหรือจะฆ่า ก็จะต้องมีเหตุผลมาโน้มน้าวทุกคนแน่นอนบุรุษที่มิคิดเล็กคิดน้อยเยี่ยงเซียวหลินเทียนจะรู้ได้เยี่ยงไรว่าฮองเฮาเว่ยวางกับดักอะไรให้ตนเอง!หากจัดการได้ดี นางก็ไม่มีความดีความชอบ!หากจัดการไม่ดี ฮองเฮาเว่ยก็สามารถขอหย่ากับตนแทนเซียวหลินเทียนได้ทุกเมื่อโ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 833

    หลิงอวี๋ก็แค่ล้อเล่น หลังจากครุ่นคิดก็เอ่ย “หมิ่นกู เจ้าให้พวกนางจับฉลากสิ! พวกนางเพิ่งเข้ามาใหม่ เราหาได้รู้จักพวกนางดีไม่ ทำเช่นนี้ยุติธรรมที่สุด!”“เตรียมไม้ที่มีความยาวต่างกันสี่ขนาด ใครจับได้อันที่ยาวที่สุดก็ไปปรนนิบัติคืนนี้ ส่วนที่เหลือก็วัดตามความยาว ต่อจากนี้ก็ผลัดกันปรนนิบัติตามลำดับที่จับในวันนี้ไป!”หมิ่นกูพยักหน้า จากนั้นก็ถามเกี่ยวกับขอบเขตของการใช้จ่ายของทั้งสี่คนแล้วจากไปแม่นมลี่มองหลิงอวี๋แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่น “คุณหนู ฮองเฮาเตรียมนางสนมทั้งสี่คนนี้เพื่อให้อำนาจแก่คุณหนูหนาเจ้าคะ! คุณหนูได้คิดหรือไม่ว่าจะจัดการเยี่ยงไร?”“ถ้าเกิดพวกนางตั้งครรภ์ ตำแหน่งพระชายาของคุณหนูจะตกอยู่ในอันตรายหนาเจ้าคะ!”“แม่นม หาได้ต้องกังวลไม่ พวกนางเป็นคนของฮองเฮาเว่ย ท่านอ๋องไม่มีทางให้พวกนางมีลูกหรอก!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างมิเห็นด้วยเซียวหลินเทียนมิใช่คนโง่ เขารู้ที่มาของทั้งสี่คนนี้เป็นอย่างดีแล้วจะไปยื่นดาบให้พวกนางทำร้ายได้อย่างไร!แต่แม่นมลี่เห็นมานักต่อนักแล้ว จึงเอ่ยอย่างเป็นกังวล “คุณหนู คุณหนูพูดเช่นนี้ก็จริง! แต่ก็มิสามารถเชื่อทุกสิ่งที่บุรุษพูดได้เจ้าค่ะ...”“นึกถึงชิวเ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 834

    เซียวหลินเทียนมิรู้เรื่องนี้ หลิงอวี๋กังวลเรื่องการเห็นคุณค่าในตัวเองของหลิงเยวี่ยจึงมิได้พูดอะไรอีกนางอุ้มหลิงเยวี่ยเพื่อมิให้เด็กน้อยต้องวุ่นกับเรื่องนี้ นางกัดหูของหลิงเยวี่ยพลางกระซิบ “แม้ว่าใบหน้าของท่านอ๋องจะเป็นสีแทน แต่ก้นของเขาก็ขาวเหมือนกัน!”“หา! ท่านแม่รู้ได้อย่างไรขอรับ? เคยเห็นหรือ?”หลิงเยวี่ยเอ่ยถามอย่างมิเชื่อ ตามความคิดแบบเด็ก ๆ ของเขา หากใบหน้าเป็นสีแทนได้ ร่างกายของเขาก็ต้องเป็นสีแทนได้เอ่อ… หลิงอวี๋หน้าแดงกับคำพูดของหลิงเยวี่ยนางจะไปเคยเห็นก้นของเซียวหลินเทียนได้อย่างไรเล่า!“ท่านแม่โกหกข้าจริงด้วย!”หลิงเยวี่ยกลอกตาใส่นางแล้วเบะปากไม่มีความสุข“จริง ๆ หนา ตรงส่วนนั้นมีกางเกงปิดไว้อย่างไรเล่า แสงแดดส่องมิได้ ต้องขาวแน่นอน!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างมั่นใจเซียวหลินเทียนมองคนสองคนกระซิบกันไปมา หูของเขาพอจะจับคำพูดได้แค่สองสามคำ แต่ก็มิเข้าใจว่าพวกเขากำลังเอ่ยถึงอะไรเซียวหลินเทียนรู้สึกอิจฉาและเศร้าเล็กน้อย ในรถม้ามีเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้น พวกเขาสองคนจะพูดดังหน่อยมิได้เลยหรือ?หากมีเรื่องสนุกน่าสนใจก็แบ่งปันให้เขารู้ด้วยสิ!ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนตนเป็นคนนอ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 835

    หลังจากที่ท่านอดีตเสนาบดีสงบลงเล็กน้อย หลิงอวี๋ก็เอ่ยเบา ๆ “ท่านปู่ วันนี้นอกจากจะมาเยี่ยมท่านแล้ว ข้ามีบางอย่างอยากจะถามท่านด้วย!”“ท่านปู่ เรื่องนี้สำคัญมาก ท่านต้องบอกความจริงกับข้า!”ท่านอดีตเสนาบดีชะงัก ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ เขาเอ่ยถามเสียงทุ้ม “เจ้าถามมาเถิด!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างยากลำบาก “ข้ากับพี่ชาย มิใช่ลูกทางสายเลือดของท่านพ่อใช่หรือไม่?”ทันใดนั้นสีหน้าของท่านอดีตเสนาบดีก็ดูแย่ลง เขาจ้องมองหลิงอวี๋แล้วโวยขึ้นมา “เหตุใด ปีกกล้าขาแข็งแล้ว มิอยากยอมรับข้าในฐานะปู่ของเจ้าแล้วรึ?”หลิงอวี๋คุกเข่าลงทันที พลางเอ่ยเสียงเรียบ “ท่านปู่ ท่านจะเป็นท่านปู่ของเราตลอดไป! เพียงแต่อาอวี๋อยากให้เรื่องเหล่านี้มันชัดเจน มิอยากถูกขังอยู่ในความมืดไปตลอดชีวิต!”“ตัวตนของแม่ข้าก็สำคัญสำหรับกับข้ามาก หากท่านปู่รู้อะไรโปรดบอกมาเถิด! ข้าจะขอบคุณไปตลอดชีวิต!”ท่านอดีตเสนาบดีมองหลิงอวี๋นิ่ง ๆ แล้วเงียบไปนานก่อนถอนหายใจพลางเอ่ย“ตระกูลหลิงของข้ามิคู่ควรกับการมีลูกที่มีความสามารถเช่นพวกเจ้า เอาเถิด ข้าจะบอกเจ้า แล้วเจ้าไปเลือกเอาเอง!”เขามองเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนจึงเอ่ยทันท

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 836

    เมื่อได้ยินสิ่งนี้หลิงอวี๋ก็รู้สึกว่าใจหนักอึ้ง จากสิ่งที่ท่านอดีตเสนาบดีบอก ท่านตาก็รู้สึกรักพวกเขาเช่นกันเขาสัญญาว่าจะมารับนางกับหลิงเสี่ยง แต่กลับมิมา หรือว่าท่านตาจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว?“ข้าสงสัยว่า อาจจะเกิดอะไรขึ้นกับท่านตาของเจ้า มิเช่นนั้นเขาไม่มีทางผิดสัญญาแน่!”ท่านอดีตเสนาบดียิ้มอย่างขมขื่นพลางเอ่ย “ข้าให้คนไปตามสืบมาหลายปีแล้ว แต่ไม่มีข่าวเกี่ยวกับท่านตาของเจ้าเลย! มิรู้ด้วยซ้ำว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่!”หลิงอวี๋กำลังแยกแยะสิ่งที่ท่านอดีตเสนาบดีบอกพลางเอ่ยถาม “ท่านปู่ ท่านแม่ของข้าทิ้งอะไรไว้ให้เราหรือไม่? แต่ข้ามิได้หมายถึงสินสอดอะไรแบบนั้น!”สีหน้าของท่านอดีตเสนาบดีเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วมองหลิงอวี๋อย่างประหม่าหลิงอวี๋เอ่ยเสียงเรียบ “ท่านปู่ ท่านพูดมาถึงเพียงนี้แล้ว อย่าได้ปิดบังเลย!”ท่านอดีตเสนาบดีมองหลิงอวี๋ จากนั้นจึงยืนขึ้น เดินโซเซไปที่ด้านหลังเตียง ขยับเตียงจนเผยให้เห็นผนังด้านหลังท่านอดีตเสนาบดีได้หยิบอิฐที่เคลื่อนย้ายได้ออกจากผนัง จากนั้นก็หยิบถุงผ้าออกมาใบหนึ่งแล้วยัดอิฐกลับเข้าไป“แม่ของเจ้าให้สิ่งนี้มาครึ่งเดือนก่อนที่นางจะตาย! นางบอกว่าหากสักวันหน

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 837

    เมื่อท่านอดีตเสนาบดีพูดถึงตรงนี้ ก็กระซิบกำชับนาง “เจ้าอย่าให้ใครรู้เด็ดขาดว่าเจ้ามีตำราเล่มนี้อยู่ในมือ!”“โดยเฉพาะพระชายาเส้า!”“เหตุใดหรือเจ้าคะ?” หลิงอวี๋ใจสั่น เหตุใดเรื่องนี้จึงเกี่ยวข้องกับพระสนมเส้าอีกแล้ว?“เจ้ามิรู้หรอกว่าก่อนที่พระชายาเส้าจะเข้ามาในวัง นางกับแม่ของเจ้าเป็นเพื่อนสนิทกัน ว่ากันว่าตอนนั้นพ่อของพระชายาเส้าป่วยหนัก แม่ของเจ้าเป็นคนที่ช่วยพระชายาเส้าตามหาซือคงชวิ่นมารักษาเขา!”“หลังจากที่พ่อของพระชายาเส้าหายจากอาการป่วยก็อยากให้ซือคงชวิ่นทำงานให้ตนเอง แต่ซือคงชวิ่นจากไปโดยมิบอกลา ด้วยเหตุนี้พ่อของพระชายาเส้าจึงโกรธมาก”“ได้ยินมาว่าหลังจากซือคงชวิ่นตาย ครอบครัวของพระชายาเส้ายังคงสืบหาที่อยู่ของตำราการแพทย์ ก่อนหน้านี้พระชายาเส้าเรียกแม่ของเจ้าเข้าไปในวัง และยังเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามว่าตำราการแพทย์อยู่ในมือของแม่เจ้าหรือไม่!”ท่านอดีตเสนาบดีเอ่ยอย่างกังวล “หลังจากที่แม่ของเจ้าตาย จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนก็ถูกขโมยขึ้นอยู่หลายครั้ง อาจเป็นเพราะตำราการแพทย์เล่มนี้!”“ต่อมาคาดว่าเพราะหามิเจอ จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนจึงค่อย ๆ กลับสู่ความสงบ!”หลิงอวี๋ได้ยินเรื่องนี้ก็ตกใจมา

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 838

    ท่านอดีตเสนาบดีเอ่ยอย่างเจ็บปวด “เจ้านำคำสารภาพเหล่านี้ไปให้หวางซือ ให้นางสารภาพและขอโทษเถิด!”“ปู่มีเพียงคำขอเดียวเท่านั้น เจ้าช่วยรอจนกว่าหลิงเยี่ยนจะแต่งงานก่อน แล้วเจ้าค่อยหาทางแก้แค้นจากหวางซือ… การมีแม่ที่ดุร้ายเช่นนี้ ข้ากังวลว่าหลิงเยี่ยนจะมิสามารถแต่งงานได้!”หลิงอวี๋มองท่านอดีตเสนาบดี ในชั่วพริบตาหนึ่งดูเหมือนเขาจะแก่ลงมากแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับความมีน้ำใจที่เขามีต่อตนเองแล้ว คำขอนี้มิได้มากเกินไปเลยก่อนหน้านี้ตนกังวลว่าจะมิสามารถตัดสินลงโทษหวางซือได้ ตอนนี้ท่านอดีตเสนาบดีได้มอบหลักฐานความผิดทั้งหมดให้ตนแล้ว ก็ถือว่าเขาได้ทำลายครอบครัวเพื่อความยุติธรรมแล้วหลิงอวี๋พยักหน้ารับปากท่านอดีตเสนาบดีดูโล่งใจที่ได้มอบหลักฐานการทำผิดและของหลานฮุ่ยจวนไป แต่ก็ยังรู้สึกละอายเล็กน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับหลิงอวี๋“ท่านปู่ ช่วงนี้สุขภาพเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”หลิงอวี๋มิอยากให้เขาอึดอัด จึงเปลี่ยนหัวข้อหลังจากคุยกับท่านอดีตเสนาบดีสักพัก หลิงอวี๋ก็คิดว่าเซียวหลินเทียนยังคงรออยู่ข้างนอก จึงกล่าวลาเมื่อนางกับเซียวหลินเทียนออกมาก็ได้พบกับหลิงเยี่ยนที่จ้องมองตนย่างดุร้ายนางเกลียดคู่รั

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 839

    องครักษ์ที่ขับรถม้าของเซียวหลินเทียนรีบควบม้าอย่างรวดเร็วหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนมิทันระวังจึงกระแทกกัน“เกิดอะไรขึ้น?”เซียวหลินเทียนลูบจมูกที่เจ็บปวด พลางตะโกนด้วยความโกรธ“ท่านอ๋อง มีคนควบม้าผ่านย่านใจกลางเมืองพ่ะย่ะค่ะ!”องครักษ์รายงานกลับมาเมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินเสียงกีบม้าที่วุ่นวาย เขาก็ยกม่านรถแล้วกระโดดออกไปหลิงอวี๋เปิดม่านรถ เห็นม้าตัวสูงสองตัวควบม้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว คนที่อยู่ข้างทางก็วิ่งหลบกันวุ่นวาย บางคนก็ชนเข้ากับแผงขายของริมถนนด้วยม้าตัวสูงสองตัวนั้นตามหลังกันไปติด ๆ ด้านหน้าเป็นสตรีที่แต่งตัวเหมือนชนชาติอื่นนางสวมชุดสีฉูดฉาด ผมยาวของนางถักอยู่รอบหน้าผากของ และด้านบนก็มีสร้อยไข่มุกสีสวยห้อยอยู่บนนั้นด้วยผิวของสตรีผู้นั้นเป็นสีข้าวสาลีที่ดูสุขภาพดี ฟันของนางเป็นสีมุก เป็นหญิงงามคนหนึ่งเลยก่อนที่หลิงอวี๋จะมองเห็นใบหน้าของนางได้ชัดเจน ม้าที่อยู่ข้างหลังสตรีผู้นั้นก็ตามมาทันสตรีผู้นั้นเฆี่ยนม้าแล้วพุ่งไปข้างหน้าต่อแต่มันก็สายเกินไปแล้ว ม้าที่อยู่ข้างหลังตามทันแล้ว บุรุษที่อยู่บนหลังม้าก็มิสามารถหยุดได้แล้วชนเข้าม้าของสตรีผู้นั้นทันทีม้าของสตรีผู้

บทล่าสุด

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1906

    จางอิ๋งได้พูดคุยเรื่องการแต่งงานกับลูกชายของเย่ซื่อฝานแล้ว และต่อไปหอโอสถซ่างกู่ก็จะเป็นครอบครัวสามีของนาง นางมิอาจทนเห็นหอโอสถซ่างกู่ถูกแทนที่ได้ ดังนั้นนางจึงแสวงหาผู้มีความสามารถให้กับหอโอสถซ่างกู่อย่างกระตือรือร้นทันทีที่เสียงกลองหยุดลง จางอิ๋งก็อดใจรอมิไหวที่จะเก็บตำรับยาของผู้เข้าสอบจางอิ๋งรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋จำแนกส่วนผสมโอสถได้เพียงสิบห้าชนิดเท่านั้นจากผลงานของหลิงอวี๋ในรอบแรก อย่างน้อยที่สุดก็ควรจะจำแนกได้สักสิบแปดชนิด เหตุใดถึงได้แค่สิบห้าชนิดกันทางด้านหลงอิงที่ลงทะเบียนเรียนกับหอโอสถไป๋เป่าเขียนตำรับยายี่สิบชนิดได้ถูกต้องทั้งหมด และอยู่ในอันดับที่หนึ่งของกลุ่มนี้ส่วนจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเขียนตำรับยาได้สิบห้าชนิด แต่มีตำรับยาสองแผ่นที่มีข้อผิดพลาด ตำรับยาแผ่นหนึ่งระบุเครื่องยาสมุนไพรมิครบถ้วน และอีกแผ่นหนึ่งเขียนชื่อสมุนไพรผิดโดยรวมแล้ว จ้าวหรุ่ยหรุ่ยอยู่ในอันดับที่สาม และหลิงอวี๋อยู่ในอันดับที่สอง“อาจารย์ พวกเราต้องการผู้มีความสามารถที่โดดเด่นยอดเยี่ยมที่สุด ถึงจะเหนือกว่าหอโอสถไป๋เป่าได้ สิงอวี๋ผู้นี้มิเก่งกาจเท่าหลงอิง จะให้ข้าไปหาหลงอิงเป็นการส่

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1905

    ขณะที่หลิงอวี๋กำลังจะก้าวขึ้นไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ ก็ได้ยินจงเจิ้งเฟยพูดขึ้นเสียงเรียบ “เสี่ยวอวี๋ เป้าหมายของเจ้าคือการได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาปรุงโอสถ เท่านั้นก็พอแล้ว อย่าได้ทำตัวโดดเด่นจนเกินไปล่ะ!”“ในสำนักศึกษาชิงหลง หากทำตัวโดดเด่นเกินหน้าเกินตาแต่ไม่มีคนหนุนหลังจะทำให้สร้างศัตรูได้ง่าย!”จงเจิ้งเฟยพูดเช่นนี้ด้วยความหวังดีการที่หลิงอวี๋ได้อันดับหนึ่งในรอบแรกก่อให้เกิดการถกเถียงกันในหมู่ผู้คนมากมาย จงเจิ้งเฟยกังวลว่าสหายใหม่คนนี้จะมิเข้าใจวิถีของสังคม นางจึงให้คำชี้แนะอีกฝ่ายคำพูดเหล่านี้เปรียบเสมือนอ่างน้ำเย็นที่ทำให้หลิงอวี๋ได้สติขึ้นมาทันทีนางมองจ้าวหรุ่ยหรุ่ย หลงอิง และเหล่าคุณหนูที่แต่งกายหรูหรา แต่ละคนล้วนร่ำรวยและมีฐานะสูงส่งเหมือนที่จงเจิ้งเฟยพูด ในเมื่อไม่มีพลังอำนาจ แล้วจะเอาอะไรไปต่อกรกับพวกนางได้?ความรู้ความสามารถที่แท้จริงหรืออย่างไร?ในสายตาของเหล่าคุณหนูจากตระกูลขุนนางเหล่านี้ นั่นไม่มีความหมายอะไร เพราะยังมีคนในสำนักศึกษาชิงหลงอีกมากที่มีความสามารถมากกว่าตนการที่นางชนะจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้มิใช่เรื่องอะไรหรอก แต่การปลุกเร้าความอิจฉาริษยาของเหล่าคุณหน

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1904

    “หากมิทำให้ยากขึ้นมาหน่อยแล้วจะคัดคนมากมายออกได้อย่างไร!”จงเจิ้งเฟยกลอกตาไปที่เหลยเหวินอีกครั้งพลางยิ้มเยาะ “บางคนมาที่สำนักศึกษาชิงหลงเพียงเพื่อแสวงหาชื่อเสียง และบางคนก็มาเพื่อหาสามีที่ร่ำรวย ไม่มีใจที่จะศึกษาหาความรู้ด้วยซ้ำ!”“หากมิคัดคนเช่นนี้ออกไป ก็รังแต่จะทำให้ชื่อเสียงของเหล่าปรมาจารย์ต้องเสื่อมเสีย!”"เจ้าก็มั่นใจในตัวเองหน่อย เจ้ามิได้ด้อยไปกว่าคนอื่นเลย!"หลิงอวี๋รับคำพูดของจงเจิ้งเฟยมาเป็นกำลังใจให้ตัวเอง นางมิด้อยกว่าใครแน่นอน นางจะต้องเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงและพยายามพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นให้ได้ เพื่อที่นางจะได้แก้แค้นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสุดท้ายทั้งสามคนก็ไปกินอาหารเย็นด้วยกัน หลังจากที่พักผ่อนกันครู่หนึ่งก็กลับมาที่สำนักย่อยเพื่อเข้าร่วมการประเมินรอบต่อไปเนื่องจากในรอบแรกมีคนถูกคัดออกไปเป็นกลุ่มใหญ่ ผู้เข้าสอบที่สำนักย่อยจึงน้อยลงไปมาก ดังนั้นผู้เข้าสอบทุกคนจึงสามารถเข้าไปสังเกตการณ์ในรอบที่สองได้การสอบแข่งขันยังคงจัดขึ้นแบบกลุ่ม และผู้ที่อยู่ห้าอันดับแรกจะได้ผ่านไปยังการประเมินรอบสุดท้ายสิ่งที่ทำให้ผู้เข้าสอบทุกคนตื่นเต้นก็คือ ครั้งนี้นอกเหนือจากรองเจ้า

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1903

    ศิษย์น้องหญิงนางนี้พูดจาอวดดีราวกับสำนักศึกษาชิงหลงเป็นของตระกูลนาง!หลิงอวี๋อดมิได้ที่จะรู้สึกสนใจศิษย์น้องหญิงนางนี้มากขึ้นกว่าเดิมมิรู้ว่าใครเป็นคนกล่าวคำนี้ไว้ ศัตรูของศัตรูคือมิตร!ตอนนี้หลิงอวี๋มิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอีกต่อไปแล้ว แต่นั่นก็มิอาจหยุดยั้งนางจากการใช้ศัตรูของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเพื่อแก้แค้นอีกฝ่ายได้ดูเหมือนว่าศิษย์น้องหญิงจะเกลียดจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมาก บางทีนางอาจจะร่วมมือกับตนเพื่อจัดการจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้“เหวินเหวิน ศิษย์น้องหญิงนางนั้นเป็นใครกัน? ข้าว่านางดูบ้าบิ่นมากเลย!”หลิงอวี๋ถามด้วยความสงสัย“แน่นอนว่านางทำตัวบ้าบิ่นได้อยู่แล้ว เพราะนางสกุลหลงอย่างไรเล่า!”เมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋มิรู้ตัวตนของศิษย์น้องหญิงจริง ๆ เหลยเหวินจึงเลิกเคืองหลิงอวี๋แล้วกระซิบบอกนาง“นางชื่อหลงอิง แม้นางจะมิได้มาจากตระกูลจักรพรรดิมังกร แต่ก็ยังถือว่าเป็นคนของตระกูลหลงอยู่ดี และยังมีชื่อเสียงเลื่องลือในหมู่คนภายนอกอีกด้วย!”หลิงอวี๋ตระหนักได้ทันทีว่าใต้หล้าในแดนเทพนี้เป็นของตระกูลหลง คนเดียวที่ประสบความสำเร็จในตระกูลนี้ทำให้ทุกคนรอบข้างได้รับประโยชน์ แม้แต่พวกไร้สถานะอำนาจยังดูสู

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1902

    ต่งเฉิงมองหลิงอวี๋พลางพยักหน้ารัว ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับลูบเคราของตัวเองว่า “สาวน้อยนางนี้รู้จักเครื่องยาสมุนไพรมากมายเช่นนี้นับว่าหายาก!”เครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้มิใช่สมุนไพรธรรมดาทั้งหมด นอกจากเครื่องยาสมุนไพรที่ใช้ในการกลั่นโอสถระดับต้นแล้ว ยังมีระดับกลางและระดับสูงจำนวนเล็กน้อยอีกด้วยโดยทั่วไป ผู้เข้าสอบที่ตอบได้เจ็ดสิบถึงแปดสิบชนิดก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว ทว่าหลิงอวี๋สามารถตอบได้มากกว่าหนึ่งร้อยชนิด ถือว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงเลยทีเดียวเพิ่งเข้ามาก็ทำคะแนนได้ดีถึงเพียงนี้ หากนางได้เรียนอย่างเป็นระบบก็คงแซงหน้าบัณฑิตคนอื่นได้ในมิช้า“ตึง ตึง ตึง!”เมื่อเสียงกลองดังขึ้นสามครั้ง การสอบแข่งขันของกลุ่มนี้ก็สิ้นสุดลง“หนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดคะแนน!”กลองหยุดลงแล้ว และบนใบหน้าของศิษย์พี่หญิงก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นเป็นครั้งแรก นางหยิบป้ายส่งให้หลิงอวี๋พร้อมรอยยิ้ม“การสอบแข่งขันรอบต่อไปจะจัดขึ้นในช่วงบ่าย! ความสามารถในการจำแนกเครื่องยาสมุนไพรของเจ้าดีที่สุดในรอบนี้ ทำให้ดีล่ะ!”“ขอบคุณศิษย์พี่หญิง!”หลิงอวี๋รับป้ายมาด้วยความตื่นเต้น พลางหันไปดูผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ ที่กำลังมองนางด้

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1901

    เป็นไปตามคาด หลิงอวี๋เห็นใบหน้าที่งดงามทว่าโหดร้ายนั้น และนั่นก็คือศัตรูที่นางมิอาจลืมเลือน...จ้าวหรุ่ยหรุ่ย!ชั่วขณะนั้นดวงตาของหลิงอวี๋เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พลางนึกอยากจะรุดเข้าไปฉีกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นชิ้น ๆ เพียงหลับตา นางก็มิอาจควบคุมตนมิให้นึกถึงฉากที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเตะต่อยตนความเจ็บปวดและเลือดสด ๆ อีกทั้งความทุกข์ทรมานจากการสูญเสียลูกไปทำให้หลิงอวี๋มิอาจลืมความเกลียดชังที่ตนมีต่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้เลย!คาดมิถึงว่าศัตรูจะปรากฏตัวต่อหน้าตนเช่นนี้!หลิงอวี๋ตื่นตัวมากจนร่างกายสั่นเทา แต่นางก็ยังสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้นางมิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย การวู่วามลงมือมีแต่จะเป็นการรนหาที่ตายเท่านั้นหลิงอวี๋สูดหายใจเข้าลึกพลางมองเด็กสาวที่ประกาศสงครามกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเด็กสาวคนนี้ดูอายุราว ๆ สิบหกสิบเจ็ดปี มีรูปร่างสูง ใบหน้ารูปไข่ คิ้วโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว และดวงตาแวววาวสดใสผมสีดำสนิทของนางถูกแสกกลางและถักเป็นเปียยาวสองข้างพันไว้รอบมวยผม ข้าง ๆ มวยผมนั้นมีปิ่นมุกปักประดับอยู่สองอันเด็กสาวสวมชุดกระโปรงสีม่วงควันธูป และเมื่อดูจากเนื้อผ้าแล้ว นางน่าจะเป็นค

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1900

    ข่าวที่สือหรงนำมาให้เซียวหลินเทียนมิใช่ข่าวดี จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยังคงอยู่ในตำหนักเทียนจีและมิได้มาลงทะเบียนด้วยตนเองหากอยากพบกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ก็ทำได้แค่ต้องรอจนถึงวันคัดเลือกรอบแรกเท่านั้นแต่เซียวหลินเทียนก็มิย่อท้อ ถึงอย่างไรขอเพียงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยปรากฏตัว เขาก็จะไม่มีทางปล่อยนางหนีไปอีกแน่ ให้นางเป็นอิสระอีกสักสองสามวันก็คงมิเป็นไร!ในช่วงวันเวลาที่เหลือ หลายคนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเช่นเดียวกับหลิงอวี๋ พวกเขาอ่านตำราอย่างหนักและเพิ่มพูนความรู้ที่ขาดไป เพื่อที่จะผ่านการคัดเลือกและได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงทว่าหลิงอวี๋มิรู้เลยว่าศัตรูของตนมาถึงเมืองหลวงแดนเทพแล้ว หลังจากเอาแต่ปิดห้องอ่านตำราเป็นเวลาหลายวันนางก็มาที่สำนักศึกษาชิงหลงที่อยู่นอกเมืองในวันแห่งการคัดเลือก โดยมีผู้รอบรู้เรื่องร่วมเดินทางด้วยหน้าทางเข้าสำนักศึกษาชิงหลงเต็มไปด้วยผู้คนทั้งบุรุษและสตรี ทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมกันนับพันคนผู้รอบรู้เห็นเช่นนั้นก็ทึ่งจนพูดมิออก และอ้ำอึ้งพูดออกไปว่า “รู้เช่นนี้ข้าน่าจะมาลงทะเบียนเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงกับเจ้าด้วย เฮ้อ ตอนนี้มันสายไปเสียแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้ม นางรู้ว่าผู้รอบร

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1899

    “เถาจื่อ หานอวี้ วันพรุ่งพวกเจ้าไปลงทะเบียนเสีย!”เซียวหลินเทียนทำการตัดสินใจและกำชับว่า “ลงทะเบียนในชื่อของน้องสาวข้า!”“เผยอวี้ ฉินซาน พวกเจ้าสองคนก็ไปลงทะเบียนสาขาที่ตนเองชื่นชอบด้วย พวกเจ้าทั้งคู่บอกแค่ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าก็พอ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทุกคนก็หัวเราะอย่างมีความสุข พลางพยักหน้าและจัดลำดับอาวุโสกันให้เซียวหลินเทียนเป็นพี่ใหญ่ของทุกคน เถาจื่อเป็นพี่หญิงใหญ่ หานเหมยเป็นพี่น้องคนที่สาม และหานอวี้เป็นคนที่สี่เซียวหลินเทียนได้บอกจุดประสงค์ของภารกิจให้พวกเขาทราบแล้ว เถาจื่อกับหานอวี้ต้องให้ความสำคัญกับฝั่งของสตรีวันรุ่งขึ้น เถาจื่อและหานอวี้ไปลงทะเบียน และทั้งคู่ก็เลือกวิชาปรุงโอสถเนื่องจากก่อนหน้านี้พวกนางเคยตามหลิงอวี๋ไปจำแนกเครื่องยาสมุนไพรหลายชนิด ในความคิดของพวกนาง การกลั่นโอสถเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการผ่านการประเมินมีชั้นเรียนที่สอนการกลั่นโอสถเพียงสองแห่งเท่านั้น ดังนั้นเถาจื่อและหานอวี้จึงต้องลงทะเบียนเรียนคนละชั้นเรียนและเถาจื่อก็ได้ลงทะเบียนเรียนชั้นเรียนของหอโอสถซ่างกู่เซียวหลินเทียน เผยอวี้และคนอื่น ๆ ก็ไปลงทะเบียนด้วยเซียวหลินเทียนลงทะ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1898

    เผยอวี้เหลียวซ้ายแลขวาไปรอบ ๆ เมืองหลวงแดนเทพที่เจริญรุ่งเรืองราวกับคนบ้านนอก ทำเอาเขาอดมิได้ที่จะถอนหายใจ“มิแปลกใจที่ทุกคนล้วนพูดว่าเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรือง เพราะที่นี่เจริญจริง ๆ ดังคำกล่าว นายท่านอู่ เมืองหลวงแดนเทพแห่งนี้ใหญ่กว่าเมืองหลวงในฉินตะวันตกของพวกเราหลายเท่านัก!”เซียวหลินเทียนวางแผนใช้คำในชื่อจักรพรรดิเซิ่งอู่ของตนเป็นแซ่ ดังนั้น เผยอวี้และคนอื่น ๆ จึงได้เปลี่ยนมาเรียกเซียวหลินเทียนว่านายท่านอู่หานอวี้กับเถาจื่อและคนอื่น ๆ ที่ได้รีบมารวมตัวกับกลุ่มของเซียวหลินเทียนต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆทว่าเซียวหลินเทียนกลับรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา เมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองแล้วอย่างไร?หากไม่มีหลิงอวี๋อยู่เคียงข้าง มิว่าทิวทัศน์จะสวยงามเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์ยิ่งเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองและมีขนาดใหญ่มากเท่าไร การตามหาหลิงอวี๋ก็จะยิ่งยากมากเท่านั้นท่ามกลางฝูงชนมหาศาลนี้เขาจะหาตัวหลิงอวี๋ของเขาพบได้อย่างไร?ฉินซาน หานเหมยและสือหรงล่วงหน้ากันไปก่อน ในช่วงที่ยังสร้างตำหนักปีกเงินแห่งใหม่มิเสร็จนี้ ทั้งสามคนได้ซื้อที่ดินใหญ่ที่มีหกส่วนเพื่อให้ทุกคนใช้เป็นที่อย

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status