หลิงอวี๋ได้ยินแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะ สตรีตั้งครรภ์แท้งลูก นั่นก็ต้องเป็นแม่นางหยางสินะ!เพื่อป้องกันมิให้จักรพรรดิอู่อันให้รางวัลตนเอง เจ้าหน้าที่เหล่านี้จึงกล่าวหาเรื่องเท็จทั้งยังบิดเบือนข้อเท็จจริง มีเจตนาแอบแฝงจริง ๆ ด้วย!“เสด็จพ่อว่าเยี่ยงไรหรือเพคะ?”หลิงอวี๋เอ่ยถาม“เสด็จพ่อบอกว่า เขามิเอาคำพูดเหล่านี้มาใส่ใจหรอก และแม้ว่าเรื่องพวกนี้จะเป็นเรื่องจริง เขาก็จะสนับสนุน การใช้วิธีที่มิปกติในช่วงเวลาที่มิปกตินั้น เราสามารถควบคุมโรคระบาดได้ก็นับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แล้ว!”เซียวหลินเทียนเอ่ยด้วยอารมณ์ “ในเรื่องนี้ เสด็จพ่อแข็งแกร่งกว่าเจ้าหน้าที่ธรรมดา ๆ พวกนั้นเป็นร้อยเท่า! จะทำการใหญ่จะต้องมิยึดติดคิดเรื่องไร้สาระ! หากเอาทุกเรื่องมาผูกไว้แล้วจะทำอะไรได้กัน!”หลิงอวี๋ยิ้ม มิได้พูดอะไรโต้กลับเซียวหลินเทียนองค์ชายเว่ยพ่ายแพ้แล้ว พวกหมากที่เขาวางไว้ก็ถูกตรวจสอบไปมากแล้ว ทุกคนในราชสำนักเป็นอันตราย นี่ต่างหากที่เป็นช่วงเวลาที่มิปกติจริง ๆจักรพรรดิอู่อันจะลงโทษเซียวหลินเทียนในเวลานี้ได้อย่างไร?เขายังต้องพึ่งพาเซียวหลินเทียนเพื่อรักษาความมั่นคงของสถานการณ์ภายในราชสำนักอยู
เซียวหลินเทียนยิ่งพูดก็ยิ่งกังวล “จริง ๆ นะ หลิงอวี๋ ข้ารู้ว่าในตอนแรกข้าปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดี ข้าขอโทษ!”“เจ้าให้โอกาสข้าเถิด ให้ข้าช่วยเจ้า ให้ข้าชดเชยให้เจ้า!”หลิงอวี๋มองเซียวหลินเทียนอย่างประหลาดใจเช่นนี้นับว่าเขากำลังเหนี่ยวรั้งตนไว้หรือ?ทันใดนั้นหลิงอวี๋ก็นึกถึงสิ่งที่หลิงซวนพูดกับตนบนรถม้า“คุณหนู คุณหนูมิรู้หรอกว่าตอนที่คุณหนูถูกวางยาพิษหมดสติไป ท่านอ๋องคอยเฝ้าคุณหนูอยู่ตลอดเลย!”“คืนนั้น ท่านอ๋องนั่งอยู่ในความมืดคนเดียว ท่าทางเช่นนั้นดูน่าสงสารมากเจ้าค่ะ… เหมือนเด็กที่ถูกทอดทิ้งเลย!”“คุณหนูเจ้าคะ ข้าคิดว่าท่านอ๋องอาจจะทรงโปรดคุณหนูนะเจ้าคะ คุณหนูให้โอกาสท่านอ๋องสักครั้งดีหรือไม่?”จู่ ๆ หัวใจของหลิงอวี๋ก็เต้นแรง แล้วนางก็แสร้งทำเป็นยิ้มอย่างผ่อนคลายพลางเอ่ย“เซียวหลินเทียน ท่านเหนี่ยวรั้งหม่อมฉันไว้เช่นนี้ มันจะทำให้หม่อมฉันคิดไปไกลนะเพคะ… หรือว่า ท่านจะตกหลุมรักหม่อมฉันเข้าแล้ว?”เซียวหลินเทียนหน้าแดงทันที เข้าก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว แต่ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าตนคุมสติมิอยู่ จึงหันกลับมาเอ่ยกับหลิงอวี๋อย่างโกรธ ๆ“เจ้าพูดไร้สาระอะไร! ข้ามิได้หมายความเยี่ยงนั้น… ข้าจะ
วันรุ่งขึ้นหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนเข้าวังไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิอู่อัน นางเตรียมยาบำรุงร่างกายหลายกล่องสำหรับจักรพรรดิอู่อันกับไทเฮาด้วยกระทั่งมาถึงห้องทรงพระอักษร ขันทีเซี่ยเห็นว่าหลิงซวนที่มาด้วยมีสุขภาพที่ดี ก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยกับหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียน“องค์จักรพรรดิประทับอยู่ข้างในพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปเรียนให้พ่ะย่ะค่ะ”หลังจากนั้นไม่นาน จักรพรรดิอู่อันก็ให้หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนเข้าไปทั้งสองเดินตามหลังกันเข้าไปแล้วทำความเคารพจักรพรรดิอู่อันจักรพรรดิอู่อันยิ้มบาง ๆ แล้วมองหลิงอวี๋ก่อนจะเอ่ย “พระชายาอ๋องอี้มีความดีความชอบอย่างมากในครั้งนี้ กำจัดโรคระบาดได้ ข้าสัญญากับเจ้าไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะตอบแทนเจ้าอย่างหนัก!”“มิทราบว่าพระชายาอ๋องอี้ต้องการรางวัลอะไรหรือ?”หลิงอวี๋เอ่ยด้วยความเคารพ “หลิงอวี๋รับใช้เสด็จพ่อเป็นสิ่งที่ควรกระทำเพคะ มิกล้าขอรางวัลจากเสด็จพ่อหรอกเพคะ!”จักรพรรดิอู่อันยิ้มพลางเอ่ย “จะได้อย่างไรกัน! เจ้ากำจัดโรคระบาดและรักษาขาขององค์ชายสี่จนหายดี ช่างเป็นความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่นัก! ควรได้รับรางวัลสิ!”หลิงอวี๋เหงื่อตก รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างในคำพูดข
เมื่อหลิงอวี๋เดินออกมา ขันทีเซี่ยก็ก้าวไปเอ่ยกับนาง “พระชายาอ๋องอี้ ฮองเฮาเว่ยเชิญให้ท่านไปคุยด้วยขอรับ!”หัวใจของหลิงอวี๋เต้นรัว คราวนี้องค์ชายเว่ยถูกลงโทษให้เฝ้าสุสานจักรพรรดิ ฮองเฮาเว่ยจะต้องเกลียดตนเป็นแน่ ที่เชิญตนไปหาคงต้องมิใช่เรื่องดีนางยิ้มเล็กน้อย พลางเอ่ยกับขันทีเซี่ย “ขันที ประเดี๋ยวหากท่านอ๋องออกมา รบกวนบอกให้พระองค์เสด็จไปหาข้าที่ตำหนักฮองเฮาด้วย เราคุยกันไว้ว่าจะไปเข้าเฝ้าไทเฮาด้วยกัน!”ขันทีเซี่ยพยักหน้ายิ้ม ๆ “พระชายาอ๋องอี้มิต้องกังวล ข้าไม่พลาดแน่นอนขอรับ!”หลิงอวี๋จึงพาหลิงซวนไปที่นั่นเมื่อเห็นนางกำนัลของฮองเฮาเว่ยเดินนำหน้าไป หลิงซวนก็กระซิบ “คุณหนู คุณหนูได้รับผ้าไหมมามิใช่หรือ? มอบให้ฮองเฮาเว่ยเถิดเจ้าค่ะ พระนางอยากไปได้ทำกระโปรงมาโดยตลอด!”“ผ้าไหมนี้เป็นสิ่งที่หายาก หากพระนางทำให้เราเสียหายพระนางก็จะเสียหายด้วย พระนางมิน่าจะทำให้คุณหนูเดือดร้อนหนาเจ้าคะ!”หลิงอวี๋ยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าของหายากจะเทียบกับชีวิตของลูกชายตนได้หรือ?”“ข้าทำให้ฮองเฮาเว่ยกับองค์ชายเว่ยขุ่นเคืองมาก ต่อให้ข้าดึงดาวจากท้องฟ้ามามอบให้พระนาง พระนางก็ไม่มีทางจะดีต่อข้าหรอก!”ห
หลิงอวี๋ครุ่นคิด ถึงอย่างไรก็ปฏิเสธมิได้ ทำได้เพียงต้องพาคนเหล่านี้กลับไปก่อนนางกล่าวขอบคุณอย่างใจเย็น คราวนี้นางลุกขึ้นโดยมิรอให้ฮองเฮาเว่ยบอกแล้ว“บังอาจ ฮองเฮายังมิได้บอกให้ลุก กล้าดีเยี่ยงไรจึงลุกขึ้นเอง!”เซี่ยเฉียวตะคอกด้วยความโกรธหลิงอวี๋มองนาง พลางตะคิดเสียงแข็ง “เจ้าต่างหากที่บังอาจ! เจ้าตะโกนต่อหน้าฮองเฮาเช่นนี้ได้เยี่ยงไร?”“ฮองเฮาดูแลวังหลังทั้งหมด และมีน้ำใจต่อท่านอ๋องของข้า แล้วจะทำให้ลูกสะใภ้ต้องลำบากได้เยี่ยงไรเล่า?”“ข้าคุกเข่าตลอดตั้งแต่เข้ามา ฮองเฮามีสิ่งที่ต้องทำมากมาจึงได้ลืมบอกข้า บ่าวต่ำต้อยเยี่ยงเจ้าเห็นอยู่แท้ ๆ กลับมิเตือนฮองเฮา หรือว่าเจ้าจงใจ?”“เจ้าคิดจะทำลายชื่อเสียงในความกรุณาของฮองเฮาหรือไร? อยากให้ฮองเฮามีชื่อเสียงที่มิดีรึ?”หลิงอวี๋พูดเช่นนี้ทำเอาเซี่ยเฉียวพูดมิออกฮองเฮาเว่ยกัดฟัน ก่อนหน้านี้นางคิดจะทำให้หลิงอวี๋ลำบากสักหน่อย แต่หลิงอวี๋ลุกขึ้นแล้วนางจะสามารถตำหนิให้หลิงอวี๋คุกเข่าลงอีกครั้งได้หรือ?นางเหลือบมองหลิงอวี๋อย่างมืดมน จากนั้นก็มองไปที่สาวสวยทั้ฃสี่คนที่มีความแตกต่างกันไปเมื่อทั้งสี่คนนี้เข้าไปในตำหนักอ๋องอี้ ก็จะมีโอกาสมากมาย
เซียวหลินเทียนยังคงโกรธอยู่ เดิมทีเขาก็มิพอใจฮองเฮาเว่ยที่มอบนางสนมสี่คนให้ตนเองตามใจเช่นนี้อยู่แล้ว ตอนนี้มาเห็นว่านางสนมผู้นี้เข้ามาได้ก็มาออดอ้อนอยากได้รับความโปรดปรานเช่นนี้มีหรือจะทนไหว“ไม่ ข้าทนนางสนมที่มิรู้กฎเกณฑ์เยี่ยงเจ้ามิได้ ปล่อยให้ฮองเฮาสั่งสอนด้วยตัวเองจะดีกว่า!”พวกเขายังคงอยู่นอกตำหนักฮองเฮาเว่ย ภาพภายนอกนี้จึงไปถึงหูของฮองเฮาฮองเฮาเว่ยจึงให้เซี่ยเฉียวออกมาถ่ายทอดคำสั่ง“ท่านอ๋องอี้เพคะ ฮองเฮาตรัสว่ามอบเสวี่ยฉินกับคนอื่น ๆ ให้กับท่านแล้ว จะเป็นจะตายเยี่ยงไรก็เป็นคนของตำหนักอ๋องอี้ หากมิต้องการก็ฆ่าพวกนางเสียตรงนี้! ฮองเฮามิต้องการพวกนางอีกแล้วเพคะ!”เมื่อเซี่ยเฉียวเอ่ยเช่นนี้ เสวี่ยฉินยังคงก้มหน้าต่อด้วยความกลัวเซียวหลินเทียนโกรธจนตัวสั่น ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง หลิงอวี๋ก็รั้งเขาไว้ก่อน“เซี่ยเฉียว ในเมื่อฮองเฮาตรัสเช่นนี้ เช่นนั้นก็ขอให้ฮองเฮามอบสัญญาซื้อตัวหรือเอกสารทั้งหมดของพวกนางให้กับท่านอ๋องด้วยเถิด!”“เจ้าก็เห็นแล้ว ยังมิทันออกจากวัง เสวี่ยฉินก็ทำให้ท่านอ๋องขุ่นเคืองแล้ว นางถือว่าตนเป็นคนของฮองเฮา จึงมิเกรงกลัวเช่นนี้มิใช่หรือ?”“หากมีสัญญา
กระทั่งนางกับเซียวหลินเทียนนั่งรถม้ากลับตำหนัก หลิงอวี๋รู้สึกหดหู่เล็กน้อยเมื่อคิดถึงคำพูดของไทเฮาเหลียง“ไทเฮาคุยอะไรกับเจ้าหรือ?”เซียวหลินเทียนเห็นใบหน้าที่มืดมนของหลิงอวี๋ จึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“มิ...มิได้คุยอะไรเพคะ!”หลิงอวี๋จะมีหน้าไปบอกได้เยี่ยงไรว่าไทเฮาเหลียงให้พวกเขามีลูกอีกคน นางจึงเปลี่ยนหัวข้อ “หม่อมฉันกำลังกังวลว่าจะจัดการนางสนมทั้งสี่อย่างไรดี?”เซียวหลินเทียนคิดว่าหลิงอวี๋กังวลเรื่องนางสนมทั้งสี่จริง ๆ จึงเอ่ยอย่างสบาย ๆ“เมื่อพวกนางไปถึงตำหนักอ๋องอี้แล้วก็ขึ้นอยู่กับเจ้าจัดการแล้ว หากพวกนางทำมิดี เจ้าจะตีหรือจะขับไล่พวกนางออกไปก็ได้ทั้งนั้น! มิต้องห่วงเรื่องฮองเฮาเว่ย! ข้าจัดการเอง!”หลิงอวี๋ยิ้มอย่างขมขื่น มันง่ายเช่นนั้นจริง ๆ หรือ?คนที่ได้รับการสั่งสอนจากฮองเฮาเว่ย น่าจะฉลาดทุกคนกระมังแม้ว่าตนจะตีหรือจะฆ่า ก็จะต้องมีเหตุผลมาโน้มน้าวทุกคนแน่นอนบุรุษที่มิคิดเล็กคิดน้อยเยี่ยงเซียวหลินเทียนจะรู้ได้เยี่ยงไรว่าฮองเฮาเว่ยวางกับดักอะไรให้ตนเอง!หากจัดการได้ดี นางก็ไม่มีความดีความชอบ!หากจัดการไม่ดี ฮองเฮาเว่ยก็สามารถขอหย่ากับตนแทนเซียวหลินเทียนได้ทุกเมื่อโ
หลิงอวี๋ก็แค่ล้อเล่น หลังจากครุ่นคิดก็เอ่ย “หมิ่นกู เจ้าให้พวกนางจับฉลากสิ! พวกนางเพิ่งเข้ามาใหม่ เราหาได้รู้จักพวกนางดีไม่ ทำเช่นนี้ยุติธรรมที่สุด!”“เตรียมไม้ที่มีความยาวต่างกันสี่ขนาด ใครจับได้อันที่ยาวที่สุดก็ไปปรนนิบัติคืนนี้ ส่วนที่เหลือก็วัดตามความยาว ต่อจากนี้ก็ผลัดกันปรนนิบัติตามลำดับที่จับในวันนี้ไป!”หมิ่นกูพยักหน้า จากนั้นก็ถามเกี่ยวกับขอบเขตของการใช้จ่ายของทั้งสี่คนแล้วจากไปแม่นมลี่มองหลิงอวี๋แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่น “คุณหนู ฮองเฮาเตรียมนางสนมทั้งสี่คนนี้เพื่อให้อำนาจแก่คุณหนูหนาเจ้าคะ! คุณหนูได้คิดหรือไม่ว่าจะจัดการเยี่ยงไร?”“ถ้าเกิดพวกนางตั้งครรภ์ ตำแหน่งพระชายาของคุณหนูจะตกอยู่ในอันตรายหนาเจ้าคะ!”“แม่นม หาได้ต้องกังวลไม่ พวกนางเป็นคนของฮองเฮาเว่ย ท่านอ๋องไม่มีทางให้พวกนางมีลูกหรอก!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างมิเห็นด้วยเซียวหลินเทียนมิใช่คนโง่ เขารู้ที่มาของทั้งสี่คนนี้เป็นอย่างดีแล้วจะไปยื่นดาบให้พวกนางทำร้ายได้อย่างไร!แต่แม่นมลี่เห็นมานักต่อนักแล้ว จึงเอ่ยอย่างเป็นกังวล “คุณหนู คุณหนูพูดเช่นนี้ก็จริง! แต่ก็มิสามารถเชื่อทุกสิ่งที่บุรุษพูดได้เจ้าค่ะ...”“นึกถึงชิวเ
และหลังจากที่เซียวหลินเทียนรู้เรื่อง สายตาของเขาก็มองไปทางเผยอวี้ ฉินซาน เถาจื่อและคนอื่น ๆ อย่างเย็นชาเมื่อเผยอวี้ถูกมองเช่นนั้นก็รู้สึกหนาวไปทั้งตัว ฉินซานเองก็เหงื่อแตกพลั่กเช่นกันแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะมิได้ก่นด่าออกมา แต่พวกเขาต่างก็รู้สึกกระวนกระวายกันไปหมดในที่สุด เซียวหลินเทียนก็เอ่ยขึ้นมา เขาเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึง “วันนี้คนที่ถูกจับตัวไปคือสิงจั๋ว พวกเจ้ารู้สึกว่าโชคดีใช่หรือไม่… เพราะคนที่ถูกจับตัวไปมิใช่ฮองเฮาของพวกเจ้า!”ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น ทุกคนต่างก็ยืนก้มหน้าอยู่เช่นนั้นพวกเขาเพิ่งจะรู้ข่าวว่าสิงจั๋วถูกหลงเพ่ยเพ่ยส่งกลับไปที่เรือนเล็กหากคนที่ถูกจับตัวไปเป็นหลิงอวี๋ ศัตรูจะรอจนพวกเขารู้ข่าวก่อนแล้วให้ไปช่วยเหลือหรือ?เช่นนั้นจะยังทันหรือ?“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าติดตามข้าออกมาหลายเดือนแล้ว พวกเจ้าคิดถึงครอบครัวและชีวิตก่อนหน้านี้!”เซียวหลินเทียนเปลี่ยนเป็นตะคอกเสียงแข็ง “หากพวกเจ้ารู้สึกว่ามิคุ้นเคยกับการอยู่แดนเทพ เช่นนั้นใครอยากจะกลับไป ข้าก็จะมิห้าม!”เผยอวี้เหงื่อตก จากนั้นก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง“ฝ่าบาท พวกกระหม่อมประมาทละเลย สมควรได้รับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”
เป็นหนี้บุญคุณหนึ่งครั้งก็นับว่าเป็นหนี้ เป็นหนี้บุญคุณสองครั้งก็นับว่าเป็นหนี้เช่นกัน!หลิงอวี๋รับความกรุณาของหลงเพ่ยเพ่ยมาแล้ว เอาไว้ค่อยตอบแทนนางภายหน้าก็แล้วกัน!“ข้าจะไปเตรียมยา พี่ใหญ่มู่ ประเดี๋ยวเจ้าช่วยทายาให้พี่ชายข้าที!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าหน้าอกที่เปลือยเปล่าของผู้รอบรู้นั้นแทบจะไม่มีผิวหนังตรงไหนปกติดีเลย นางจึงจดจำความโหดร้ายของครอบครัวเหมียวหยางไว้ แล้วรีบออกไปเตรียมยานางรีบนำยาทากระปุกใหญ่ที่เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วไปที่ห้องของผู้รอบรู้มู่ตงก็มิได้ปฏิเสธ เขารับยามาแล้วเอ่ยออกไป “แม่นางสิง เมื่อครู่ข้าตรวจดูพี่ชายของเจ้า นอกจากบาดแผลที่ผิวหนังภายนอกเหล่านี้แล้ว แขนซ้ายของเขาก็ถูกตีจนหัก และซี่โครงก็หักไปสองซี่!”“แล้วก็…”ดูเหมือนว่ามู่ตงจะยากที่จะพูดออกมาหลงเพ่ยเพ่ยก็มองไปทางหลิงอวี๋อย่างเห็นใจเช่นกัน“แล้วก็อะไร? พี่ใหญ่มู่พูดออกมาตามตรงเถิด ข้ารับได้ทุกอย่าง!”หลิงอวี๋รู้สึกกังวลขึ้นมา แต่ใบหน้าก็ยังดูสงบอยู่“เชื้อ… เชื้อสายลูกหลานของพี่ใหญ่เจ้าถูกทำลายไปเสียแล้ว ต่อไปอาจจะมิสามารถมีทายาทสืบสกุลให้ตระกูลเจ้าได้แล้ว!”มู่ตงกัดฟันพูดออกมาหลิงอวี๋ราวกั
หลิงอวี๋นั่งอยู่เช่นนั้น มิรู้ว่านั่งอยู่นานเท่าใด เมื่อน้ำมันในตะเกียงหมดลงภายในห้องก็เข้าสู่ความมืดมิด และนางก็มิได้จุดตะเกียงอีกนางนั่งอยู่เงียบ ๆ มิได้หลับทั้งคืนแต่ก็ไม่มีความง่วงเลยแม้แต่น้อยในสมองครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย ในขณะที่กำลังคิดจนเข้าสู่ภวังค์ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก“แม่นางสิง ข้าชื่อไป๋อวี้ เป็นนางรับใช้ของท่านหญิง นางให้ข้านำข้อความมาบอกเจ้า!”หลิงอวี๋ได้สติขึ้นมาทันที จึงวิ่งออกไปเปิดประตูไป๋อวี้คือนางรับใช้ที่หลิงอวี๋พบที่จวนเจ้าแห่งทิศใต้ก่อนหน้านี้ นางรับใช้ผู้นั้นที่ติดตามหลงเพ่ยเพ่ย นางสูงมาก หลิงอวี๋จึงจำนางได้“ไป๋อวี้ มีข่าวคราวพี่ชายข้าแล้วหรือ?” หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างร้อนใจไป๋อวี้ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ท่านหญิงของข้าลงมือเอง หากไม่มีข่าวอะไร จะมิเป็นการรู้สึกผิดต่อเจ้าหรือ!”“วางใจเถิด เราเจอพี่ชายของเจ้าแล้ว และท่านหญิงก็กำลังพาเขากลับมา นางเกรงว่าเจ้าจะกังวล จึงให้ข้าล่วงหน้ามาบอกเจ้าก่อน!”หลิงอวี๋ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็จ้องแล้วเอ่ยถามออกไป “ผู้ใดจับตัวเขาไป?”รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋อวี้จางหายไป แล้วมองหลิงอวี๋อย่างเห็นอกเห็นใจ “ก็เป็
หลิงอวี๋ออกจากบ้าน แล้วก็ตรงไปที่จวนเจ้าแห่งทิศใต้นางให้คนเฝ้ายามไปรายงานหลงเพ่ยเพ่ย เมื่อคนเฝ้ายามได้ยินว่านางมาหาหลงเพ่ยเพ่ย ก็รีบส่งคนเข้าไปรายงานในทันทีหลิงอวี๋ยืนอยู่ที่หน้าประตู ก่อนหน้านี้นางเคยผ่านจวนเจ้าแห่งทิศใต้ และรู้สึกเพียงว่าจวนเจ้าแห่งทิศใต้นั้นหรูหรามาก นางมิเคยคาดคิดว่าวันหนึ่งตนจะต้องติดต่อกับจวนเจ้าแห่งทิศใต้หลังจากรอไปสักพัก ก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยพานางรับใช้หนึ่งคนเดินออกมาอย่างรีบร้อนเมื่อหลงเพ่ยเพ่ยเห็นหลิงอวี๋ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง “มีเรื่องอันใดหรือ? มิเช่นนั้นมืดค่ำป่านนี้เจ้าก็คงมิมาหาข้ากระมัง!”ความเฉียบแหลมของหลงเพ่ยเพ่ยทำให้หลิงอวี๋รู้สึกชื่นชมยิ่งนัก นางจึงดึงหลงเพ่ยเพ่ยไปยืนด้านข้าง แล้วเอ่ยเบา ๆ “ข้าอยากให้เจ้าช่วย เวลานี้ข้านึกมิออกว่านอกจากเจ้าแล้วจะมีผู้ใดช่วยข้าได้ ข้าจึงมาหาเจ้า!”“เจ้าอย่าได้กังวล บอกข้ามา หากข้าสามารถช่วยได้ข้าก็จะช่วยอย่างแน่นอน!” หลงเพ่ยเพ่ยเอ่ยปลอบใจหลิงอวี๋หายใจเข้าลึก ๆ ระหว่างทางที่มานางได้เตรียมคำพูดไว้แล้ว จึงเอ่ยออกไป “เจ้าก็รู้ว่าข้ามาหาโอกาสที่เมืองหลวงแดนเทพกับพี่ใหญ่ของข้า และพี่ใหญ่ก็เป็นญาติเพียงคนเดี
หลิงอวี๋ยิ้มออกมา ต่อให้นางใจดีแค่ไหนก็มีขอบเขตของตน ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นกับดักแล้วตนจะพาตัวเองเข้าไปได้อย่างไรกัน!หากตนรู้จักฮูหยินเฉิง บางทีอาจจะเสี่ยงไปช่วยชีวิตนาง!แต่ตนกับฮูหยินเฉิงมิได้รู้จักกัน มิรู้ด้วยซ้ำว่านางเป็นคนดีหรือคนเลวแม้ว่าจะเห็นใจฮูหยินเฉิงที่ต้องประสบความทรมานของการเจ็บป่วย แต่นางก็มิใช่แม่พระ มิสามารถไปช่วยชีวิตทุกคนที่เจ็บป่วยได้หรอก!หลิงอวี๋ครุ่นคิดแล้วเอ่ยกับเย่หรง “ในช่วงสองวันนี้ท่านคอยติดตามอาการป่วยของฮูหยินเฉิงไว้ และไปตรวจสอบตัวตนของแม่ทัพเฉิงให้ละเอียดอีกสักหน่อย!”“หากเขาสามารถเป็นสายลับให้ท่านไปช่วยมารดาของท่านออกมาได้จริง ๆ ข้าจะหาวิธีตามหาหลิงอวี๋มาช่วยชีวิตนาง!”สำหรับเย่หรงแล้ว คนที่สำคัญที่สุดนั้นคือมารดาของเขาหากมั่นใจได้ว่าแม่ทัพเฉิงยินดีจะช่วยเป็นสายลับให้เย่หรง ต่อให้หลิงอวี๋ต้องเสี่ยงอันตรายก็จะช่วยเย่หรงทำสิ่งนี้“เจ้ามีวิธีตามหานางหรือ?”เย่หรงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ“พี่ชายข้าเก่งเรื่องการสืบหาข่าวมาก บางทีคนที่ผู้อื่นหามิเจอ เขาอาจจะตามหาเจอก็ได้!”หลิงอวี๋ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “เอาตามนี้ก่อนแล้วกัน หากแม่ทัพเฉิงมิควรเชื่อ
วันรุ่งขึ้นเมื่อหลิงอวี๋ไปที่บ้านตระกูลเย่ นางก็บอกเรื่องหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่ซื่อฝานในบ้านตระกูลเย่นั้นเย่ซื่อฝานจัดการเพียงแค่การปรุงโอสถเท่านั้น มิได้จัดการเรื่องการบริหาร เนื่องจากการบริหารเป็นเรื่องของผู้นำตระกูลแต่ในฐานะที่เย่ซื่อฝานเป็นสมาชิกตระกูลเย่ เขาก็รู้เรื่องภายในบางส่วนเช่นกันเขาจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างจริงจัง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดเจ้าแห่งทิศใต้จึงให้หลงเพ่ยเพ่ยมาแสดงความปรารถนาดีต่อเจ้าในเวลานี้?”“ก่อนหน้านี้เขามิได้สนใจการต่อสู้ระหว่างหอโอสถไป๋เป่าและหอโอสถซ่างกู่ เขาแค่หวังว่าหอโอสถไป๋เป่าจะกดหอโอสถซ่างกู่ลงไปให้ถึงจุดต่ำสุดเสียก่อน จากนั้นก็ค่อยยื่นไมตรี เช่นนี้ก็จะเป็นการช่วยเหลือในยามลำบาก แล้วกูลเย่ของข้าก็จะจงรักภักดีต่อเขาอย่างสุดหัวใจ!”เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินเช่นนั้น จึงเอ่ยขึ้นมา “หากท่านอาจารย์รู้สึกว่ามิเหมาะสม เช่นนั้นข้าก็จะรักษาระยะห่างกับหลงเพ่ยเพ่ยเจ้าค่ะ!”ถึงอย่างไรตอนนี้หลิงอวี๋ก็เป็นศิษย์ของเย่ซื่อฝาน นางจะมิละทิ้งสำนักไปทำดีกับศัตรูของอาจารย์เพื่อความปลอดภัยของตน“ไม่! มิต้อง!”เย่ซื่อฝานส่ายหัวแล้วเอ่ย “เมื่อเทียบกับเจ้าแห่งทะเละชายาเจ้าแห่งทะเล
จงเจิ้งเฟยได้ยินเช่นนั้น ก็เอ่ยขึ้นมา “ใช่แล้ว เมื่อขัดแย้งกันก็ควรจะแก้ปัญหามิใช่สร้างความบาดหมาง ท่านพ่อท่านแม่หลายตระกูลล้วนเป็นมิตรสนิทกัน ไม่มีใครอยากให้คนรุ่นหลังทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตายหรอก!”“ศิษย์พี่หญิง เย่หรงกับเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เจ้าก็ไปโน้มน้าวเขาด้วยเถิด แม้ว่าจะมิยอมแต่งงานกับหยางหงหนิง ก็อย่าได้ทะเลาะกันจนตึงเครียดเกินไปนัก!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าทั้งสองคนล้วนเอ่ยเช่นนี้ นางก็คิดแล้วเอ่ยออกมา “ข้าจะไปคุยกับเย่หรงดู ขอเพียงมิบังคับให้เขาแต่งงานกับหยางหงหนิง ข้าคิดว่าเขาก็น่าจะยอมคืนดี!”“ใช่ แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมมิหวาน พวกเราล้วนรู้เหตุผลข้อนี้ดี เราไม่มีทางไปบังคับให้เย่หรงทำเรื่องเช่นนั้นแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยพยักหน้าแล้วเอ่ย “เจ้ากลับไปโน้มน้าวเย่หรงดูก่อน ประเดี๋ยววันหลังข้าจะจัดงานเลี้ยง เมื่อทุกคนมารวมตัวกัน เช่นนี้พวกเขาก็จะมิอึดอัด แล้วก็ปรับความเข้าใจกันได้!”“อืม!”หลิงอวี๋พยักหน้า และกำลังจะเดินไป หลงเพ่ยเพ่ยก็เรียกนางไว้อีก “สิงอวี๋ ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากับเหมียวหยางผู้เป็นศิษย์ของปรมาจารย์ไป่หลี่ก็ทะเลาะกันหรือ?”“เรื่องนี้ข้าจะยืนอยู่ข้างเจ้า
กระทั่งเดินตามจงเจิ้งเฟยมาถึงในศาลาแห่งหนึ่งของสำนักศึกษาชิงหลง หลงเพ่ยเพ่ยก็รออยู่ที่นั่นแล้วเมื่อเห็นหลิงอวี๋ นางก็มองพิจารณาหลิงอวี๋อย่างสงสัยใคร่รู้อยู่หลายครั้ง ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ข้าได้ยินมาว่า หงหนิงแพ้การประลองปรุงยากับเจ้า ฮ่า ๆ นางหยิ่งทะนงมาโดยตลอด ควรจะมีคนมาทำให้นางรับรู้ได้แล้วว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคนอีก!”“สิงอวี๋ เรื่องสาเหตุและขั้นตอนในการประลองของเจ้ากับหงหนิงนั้นข้ารู้ทั้งหมดแล้ว ข้ามิได้เข้าข้างผู้ใด ข้าคิดว่าเจ้าทำถูกต้องแล้ว หากใครมาใส่ร้ายข้าเช่นนี้ ข้าก็จะสู้กับนางจนถึงที่สุดเช่นกัน!”หลิงอวี๋ย่อมมิเชื่อหลงเพ่ยเพ่ยเสียทั้งหมดเพราะคำพูดมิกี่คำอยู่แล้ว“คุณหนูหลงมาหาข้ามีธุระอันใดหรือไม่?” หลิงอวี๋เอ่ยถามไปตามตรงหลงเพ่ยเพ่ยยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ข้าชอบผูกมิตร และนิสัยของเจ้าก็ถูกใจข้ายิ่งนัก!”“แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ข้ายังอยากให้เจ้ากับหงหนิงปรับความเข้าใจกันอยู่ หงหนิงมิใช่คนเลว เพียงแต่นางหลงเย่หรงจนหน้ามืดตามัว จึงได้ทำเรื่องโง่ ๆ เหล่านั้นไป!”“ควรจะหาทางแก้ไขมิใช่สร้างความบาดหมางต่อกัน เจ้าเห็นแก่ข้าเถิด อย่าได้ถือสาหาความกับนางเล
เมื่อหลิงอวี๋เห็นหยางหงหนิงก็ตะลึงไปเล็กน้อย แล้วก็นึกถึงคำขู่ที่หยางหงหนิงบอกว่าจะทำให้เย่หรงแต่งงานกับนางให้ได้ภายในหนึ่งเดือนหรือว่าหยางหงหนิงทำมิได้ ในตอนนี้จึงคิดจะมาทำให้ตนลำบาก?“สิงอวี๋ เจ้าจะเป็นศัตรูกับข้าจริง ๆ หรือ?”เป็นดังที่คาด ทันทีที่เอ่ยปากหยางหงหนิงก็เอ่ยขึ้นมาอย่างก้าวร้าว “เจ้าก็รู้อยู่ว่าข้าชอบเย่หรง เจ้ายังกล้าชวนเขาไปที่ภูเขาหมางหลิ่งด้วยกันอีก เจ้ายังจะเถียงว่าเจ้ามิชอบเขาอีกหรือ!”“ข้าขอเตือนเจ้า อยู่ให้ห่างจากเย่หรง มิฉะนั้นข้าจะมิเกรงใจเจ้าแน่!”หลิงอวี๋หมดคำพูดไปทันที ตนมาที่สำนักศึกษาชิงหลงเพื่อศึกษาเล่าเรียน มิใช่มาแย่งชิงบุรุษกับผู้ใด!ในหัวของหยางหงหนิงนั้นนอกจากเรื่องระหว่างบุรุษกับสตรีแล้ว ก็ไม่มีเรื่องอื่นเลยหรือ?“คุณหนูหยาง ข้าได้แสดงทัศนคติของจ้าไปอย่างชัดเจนแล้ว เย่หรงเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาจะชอบใครก็เป็นอิสระของเขา!”“ข้ามิได้ตั้งใจจะแย่งเขากับเจ้า เจ้าก็อย่ามายุ่งกับข้าเช่นกัน!”หลิงอวี๋เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยบอกไปแล้วว่า เจ้าอย่าได้ผลักเขาให้ไกลออกไปเรื่อย ๆ แล้วเจ้าดูพฤติกรรมของเจ้าในตอนนี้สิ แพ้แล้วก็มิรักษาคำพูด แล้ว