“ท่านแม่… ท่านแม่...”ทันทีที่หลิงอวี๋ลงจากรถม้า หลิงเยวี่ยก็พุ่งเข้ามากอดต้นขาของนางแล้วเรียกอยู่ตลอดเด็กชายเพิ่งมาถึงต้นขาของหลิงอวี๋ ใบหน้าส่วนใหญ่ของเขาจมอยู่ในกระโปรงของหลิงอวี๋แล้ว แม้ว่าหลิงอวี๋จะดึงเขา เขาก็มิยอมออกมา“ท่านแม่!”เสียงของหลิงเยวี่ยขึ้นจมูกเล็กน้อย เหมือนว่ากำลังร้องไห้อยู่เลยหลิงอวี๋คุกเข่าลงกอดเขาแล้วเอ่ยถามเสียงนุ่มนวล “เยวี่ยเยวี่ยได้รับความคับข้องใจอะไรหรือไม่? มีใครรังแกเยวี่ยเยวี่ยหรือ? บอกแม่มา แม่จะไปตีเขาจนเลือดออกเลย!”หลิงเยวี่ยส่ายหัวอย่างแรง แต่ยังคงก้มหน้าอยู่หลิงอวี๋ยิ้มพลางเอ่ย “เยวี่ยเยวี่ยร้องไห้หรือ?”หลิงเยวี่ยยังคงส่ายหัว พลางเอ่ยด้วยเสียงคับข้องใจ “เยวี่ยเยวี่ยมิได้ร้องไห้ขอรับ!”“ไม่ร้องไห้ แล้วนี่มันอะไรกัน?”หลิงอวี๋สัมผัสใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาที่เต็มไปด้วยน้ำตา“มิได้ร้องไห้… ก็มิได้ร้องไห้สิขอรับ!”หลิงเยวี่ยโผตัวไปบนไหล่ของหลิงอวี๋ ซ่อนใบหน้าเล็ก ๆ ของตนไว้ในอาภรณ์ของหลิงอวี๋“เอาเถิด ๆ… มิได้ร้องไห้ก็มิได้ร้องไห้ เยวี่ยเยวี่ยของเราคงฝุ่นเข้าตากระมัง!”หลิงอวี๋หัวเราะ เด็กผู้นี้ต้องอายแน่ ๆ!แม้ว่าปกติแล้วหลิงเยวี่ยจะมี
เมื่อหลิงเยวี่ยได้พูดขึ้นมาก็พูดไม่รู้จบ พูดจนกระทั่งแม่นมลี่มาเรียกพวกเขาไปกินอาหารเย็น“คุณหนูเจ้าคะ ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องทรงให้คนกลับมาส่งข้อความว่าเย็นนี้จะกินข้าวด้วยกัน หมิ่นกูได้เตรียมงานเลี้ยงที่โถงดอกไม้ไว้แล้ว คืนนี้ไปกินข้าวที่นั่นเถิดเจ้าค่ะ!”แม่นมลี่พูดอย่างร่าเริง “เหรินจื้อกับหมิ่นกูดูแลตำหนักอ๋องอี้อย่างดีในช่วงที่พวกท่านมิอยู่เจ้าค่ะ!”“เหรินจื้อยังไปที่ไร่นาของท่านอ๋องในหมู่บ้านตระกูลเฉินด้วยตนเอง สั่งให้พวกเขาปลูกผักให้มาก ฤดูหนาวนี้ผักในไร่นาเพียงพอที่จะเลี้ยงคนในตำหนักอ๋องอี้แล้วเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋พาหลิงเยวี่ยไปที่โถงดอกไม้พร้อมกับแม่นมลี่ ระหว่างทางก็เห็นว่าทุกอย่างในตำหนักได้รับการจัดระเบียบอย่างเรียบร้อยดีดูท่าทางหมิ่นกูจะปฏิบัติตามคำสั่งของตนอย่างดีจริง ๆ จัดการตำหนักอ๋องอี้ได้เป็นอย่างดีมากที่โถงดอกไม้มีโต๊ะจัดไว้สิบกว่าโต๊ะ ฉากกั้นหนึ่งแยกโต๊ะหนึ่งออกจากโต๊ะอื่น นี่คือโต๊ะแยกต่างหากสำหรับหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนหลิงอวี๋ให้แม่นมลี่หาคนมายกฉากกั้นออก คราวนี้ทุกคนออกไปร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันมา นางเชื่อว่าเซียวหลินเทียนจะไม่มีทางรังเกียจที่จะกินข้าวกับทุก
หลิงอวี๋ได้ยินแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะ สตรีตั้งครรภ์แท้งลูก นั่นก็ต้องเป็นแม่นางหยางสินะ!เพื่อป้องกันมิให้จักรพรรดิอู่อันให้รางวัลตนเอง เจ้าหน้าที่เหล่านี้จึงกล่าวหาเรื่องเท็จทั้งยังบิดเบือนข้อเท็จจริง มีเจตนาแอบแฝงจริง ๆ ด้วย!“เสด็จพ่อว่าเยี่ยงไรหรือเพคะ?”หลิงอวี๋เอ่ยถาม“เสด็จพ่อบอกว่า เขามิเอาคำพูดเหล่านี้มาใส่ใจหรอก และแม้ว่าเรื่องพวกนี้จะเป็นเรื่องจริง เขาก็จะสนับสนุน การใช้วิธีที่มิปกติในช่วงเวลาที่มิปกตินั้น เราสามารถควบคุมโรคระบาดได้ก็นับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แล้ว!”เซียวหลินเทียนเอ่ยด้วยอารมณ์ “ในเรื่องนี้ เสด็จพ่อแข็งแกร่งกว่าเจ้าหน้าที่ธรรมดา ๆ พวกนั้นเป็นร้อยเท่า! จะทำการใหญ่จะต้องมิยึดติดคิดเรื่องไร้สาระ! หากเอาทุกเรื่องมาผูกไว้แล้วจะทำอะไรได้กัน!”หลิงอวี๋ยิ้ม มิได้พูดอะไรโต้กลับเซียวหลินเทียนองค์ชายเว่ยพ่ายแพ้แล้ว พวกหมากที่เขาวางไว้ก็ถูกตรวจสอบไปมากแล้ว ทุกคนในราชสำนักเป็นอันตราย นี่ต่างหากที่เป็นช่วงเวลาที่มิปกติจริง ๆจักรพรรดิอู่อันจะลงโทษเซียวหลินเทียนในเวลานี้ได้อย่างไร?เขายังต้องพึ่งพาเซียวหลินเทียนเพื่อรักษาความมั่นคงของสถานการณ์ภายในราชสำนักอยู
เซียวหลินเทียนยิ่งพูดก็ยิ่งกังวล “จริง ๆ นะ หลิงอวี๋ ข้ารู้ว่าในตอนแรกข้าปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดี ข้าขอโทษ!”“เจ้าให้โอกาสข้าเถิด ให้ข้าช่วยเจ้า ให้ข้าชดเชยให้เจ้า!”หลิงอวี๋มองเซียวหลินเทียนอย่างประหลาดใจเช่นนี้นับว่าเขากำลังเหนี่ยวรั้งตนไว้หรือ?ทันใดนั้นหลิงอวี๋ก็นึกถึงสิ่งที่หลิงซวนพูดกับตนบนรถม้า“คุณหนู คุณหนูมิรู้หรอกว่าตอนที่คุณหนูถูกวางยาพิษหมดสติไป ท่านอ๋องคอยเฝ้าคุณหนูอยู่ตลอดเลย!”“คืนนั้น ท่านอ๋องนั่งอยู่ในความมืดคนเดียว ท่าทางเช่นนั้นดูน่าสงสารมากเจ้าค่ะ… เหมือนเด็กที่ถูกทอดทิ้งเลย!”“คุณหนูเจ้าคะ ข้าคิดว่าท่านอ๋องอาจจะทรงโปรดคุณหนูนะเจ้าคะ คุณหนูให้โอกาสท่านอ๋องสักครั้งดีหรือไม่?”จู่ ๆ หัวใจของหลิงอวี๋ก็เต้นแรง แล้วนางก็แสร้งทำเป็นยิ้มอย่างผ่อนคลายพลางเอ่ย“เซียวหลินเทียน ท่านเหนี่ยวรั้งหม่อมฉันไว้เช่นนี้ มันจะทำให้หม่อมฉันคิดไปไกลนะเพคะ… หรือว่า ท่านจะตกหลุมรักหม่อมฉันเข้าแล้ว?”เซียวหลินเทียนหน้าแดงทันที เข้าก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว แต่ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าตนคุมสติมิอยู่ จึงหันกลับมาเอ่ยกับหลิงอวี๋อย่างโกรธ ๆ“เจ้าพูดไร้สาระอะไร! ข้ามิได้หมายความเยี่ยงนั้น… ข้าจะ
วันรุ่งขึ้นหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนเข้าวังไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิอู่อัน นางเตรียมยาบำรุงร่างกายหลายกล่องสำหรับจักรพรรดิอู่อันกับไทเฮาด้วยกระทั่งมาถึงห้องทรงพระอักษร ขันทีเซี่ยเห็นว่าหลิงซวนที่มาด้วยมีสุขภาพที่ดี ก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยกับหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียน“องค์จักรพรรดิประทับอยู่ข้างในพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปเรียนให้พ่ะย่ะค่ะ”หลังจากนั้นไม่นาน จักรพรรดิอู่อันก็ให้หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนเข้าไปทั้งสองเดินตามหลังกันเข้าไปแล้วทำความเคารพจักรพรรดิอู่อันจักรพรรดิอู่อันยิ้มบาง ๆ แล้วมองหลิงอวี๋ก่อนจะเอ่ย “พระชายาอ๋องอี้มีความดีความชอบอย่างมากในครั้งนี้ กำจัดโรคระบาดได้ ข้าสัญญากับเจ้าไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะตอบแทนเจ้าอย่างหนัก!”“มิทราบว่าพระชายาอ๋องอี้ต้องการรางวัลอะไรหรือ?”หลิงอวี๋เอ่ยด้วยความเคารพ “หลิงอวี๋รับใช้เสด็จพ่อเป็นสิ่งที่ควรกระทำเพคะ มิกล้าขอรางวัลจากเสด็จพ่อหรอกเพคะ!”จักรพรรดิอู่อันยิ้มพลางเอ่ย “จะได้อย่างไรกัน! เจ้ากำจัดโรคระบาดและรักษาขาขององค์ชายสี่จนหายดี ช่างเป็นความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่นัก! ควรได้รับรางวัลสิ!”หลิงอวี๋เหงื่อตก รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างในคำพูดข
เมื่อหลิงอวี๋เดินออกมา ขันทีเซี่ยก็ก้าวไปเอ่ยกับนาง “พระชายาอ๋องอี้ ฮองเฮาเว่ยเชิญให้ท่านไปคุยด้วยขอรับ!”หัวใจของหลิงอวี๋เต้นรัว คราวนี้องค์ชายเว่ยถูกลงโทษให้เฝ้าสุสานจักรพรรดิ ฮองเฮาเว่ยจะต้องเกลียดตนเป็นแน่ ที่เชิญตนไปหาคงต้องมิใช่เรื่องดีนางยิ้มเล็กน้อย พลางเอ่ยกับขันทีเซี่ย “ขันที ประเดี๋ยวหากท่านอ๋องออกมา รบกวนบอกให้พระองค์เสด็จไปหาข้าที่ตำหนักฮองเฮาด้วย เราคุยกันไว้ว่าจะไปเข้าเฝ้าไทเฮาด้วยกัน!”ขันทีเซี่ยพยักหน้ายิ้ม ๆ “พระชายาอ๋องอี้มิต้องกังวล ข้าไม่พลาดแน่นอนขอรับ!”หลิงอวี๋จึงพาหลิงซวนไปที่นั่นเมื่อเห็นนางกำนัลของฮองเฮาเว่ยเดินนำหน้าไป หลิงซวนก็กระซิบ “คุณหนู คุณหนูได้รับผ้าไหมมามิใช่หรือ? มอบให้ฮองเฮาเว่ยเถิดเจ้าค่ะ พระนางอยากไปได้ทำกระโปรงมาโดยตลอด!”“ผ้าไหมนี้เป็นสิ่งที่หายาก หากพระนางทำให้เราเสียหายพระนางก็จะเสียหายด้วย พระนางมิน่าจะทำให้คุณหนูเดือดร้อนหนาเจ้าคะ!”หลิงอวี๋ยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าของหายากจะเทียบกับชีวิตของลูกชายตนได้หรือ?”“ข้าทำให้ฮองเฮาเว่ยกับองค์ชายเว่ยขุ่นเคืองมาก ต่อให้ข้าดึงดาวจากท้องฟ้ามามอบให้พระนาง พระนางก็ไม่มีทางจะดีต่อข้าหรอก!”ห
หลิงอวี๋ครุ่นคิด ถึงอย่างไรก็ปฏิเสธมิได้ ทำได้เพียงต้องพาคนเหล่านี้กลับไปก่อนนางกล่าวขอบคุณอย่างใจเย็น คราวนี้นางลุกขึ้นโดยมิรอให้ฮองเฮาเว่ยบอกแล้ว“บังอาจ ฮองเฮายังมิได้บอกให้ลุก กล้าดีเยี่ยงไรจึงลุกขึ้นเอง!”เซี่ยเฉียวตะคอกด้วยความโกรธหลิงอวี๋มองนาง พลางตะคิดเสียงแข็ง “เจ้าต่างหากที่บังอาจ! เจ้าตะโกนต่อหน้าฮองเฮาเช่นนี้ได้เยี่ยงไร?”“ฮองเฮาดูแลวังหลังทั้งหมด และมีน้ำใจต่อท่านอ๋องของข้า แล้วจะทำให้ลูกสะใภ้ต้องลำบากได้เยี่ยงไรเล่า?”“ข้าคุกเข่าตลอดตั้งแต่เข้ามา ฮองเฮามีสิ่งที่ต้องทำมากมาจึงได้ลืมบอกข้า บ่าวต่ำต้อยเยี่ยงเจ้าเห็นอยู่แท้ ๆ กลับมิเตือนฮองเฮา หรือว่าเจ้าจงใจ?”“เจ้าคิดจะทำลายชื่อเสียงในความกรุณาของฮองเฮาหรือไร? อยากให้ฮองเฮามีชื่อเสียงที่มิดีรึ?”หลิงอวี๋พูดเช่นนี้ทำเอาเซี่ยเฉียวพูดมิออกฮองเฮาเว่ยกัดฟัน ก่อนหน้านี้นางคิดจะทำให้หลิงอวี๋ลำบากสักหน่อย แต่หลิงอวี๋ลุกขึ้นแล้วนางจะสามารถตำหนิให้หลิงอวี๋คุกเข่าลงอีกครั้งได้หรือ?นางเหลือบมองหลิงอวี๋อย่างมืดมน จากนั้นก็มองไปที่สาวสวยทั้ฃสี่คนที่มีความแตกต่างกันไปเมื่อทั้งสี่คนนี้เข้าไปในตำหนักอ๋องอี้ ก็จะมีโอกาสมากมาย
เซียวหลินเทียนยังคงโกรธอยู่ เดิมทีเขาก็มิพอใจฮองเฮาเว่ยที่มอบนางสนมสี่คนให้ตนเองตามใจเช่นนี้อยู่แล้ว ตอนนี้มาเห็นว่านางสนมผู้นี้เข้ามาได้ก็มาออดอ้อนอยากได้รับความโปรดปรานเช่นนี้มีหรือจะทนไหว“ไม่ ข้าทนนางสนมที่มิรู้กฎเกณฑ์เยี่ยงเจ้ามิได้ ปล่อยให้ฮองเฮาสั่งสอนด้วยตัวเองจะดีกว่า!”พวกเขายังคงอยู่นอกตำหนักฮองเฮาเว่ย ภาพภายนอกนี้จึงไปถึงหูของฮองเฮาฮองเฮาเว่ยจึงให้เซี่ยเฉียวออกมาถ่ายทอดคำสั่ง“ท่านอ๋องอี้เพคะ ฮองเฮาตรัสว่ามอบเสวี่ยฉินกับคนอื่น ๆ ให้กับท่านแล้ว จะเป็นจะตายเยี่ยงไรก็เป็นคนของตำหนักอ๋องอี้ หากมิต้องการก็ฆ่าพวกนางเสียตรงนี้! ฮองเฮามิต้องการพวกนางอีกแล้วเพคะ!”เมื่อเซี่ยเฉียวเอ่ยเช่นนี้ เสวี่ยฉินยังคงก้มหน้าต่อด้วยความกลัวเซียวหลินเทียนโกรธจนตัวสั่น ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง หลิงอวี๋ก็รั้งเขาไว้ก่อน“เซี่ยเฉียว ในเมื่อฮองเฮาตรัสเช่นนี้ เช่นนั้นก็ขอให้ฮองเฮามอบสัญญาซื้อตัวหรือเอกสารทั้งหมดของพวกนางให้กับท่านอ๋องด้วยเถิด!”“เจ้าก็เห็นแล้ว ยังมิทันออกจากวัง เสวี่ยฉินก็ทำให้ท่านอ๋องขุ่นเคืองแล้ว นางถือว่าตนเป็นคนของฮองเฮา จึงมิเกรงกลัวเช่นนี้มิใช่หรือ?”“หากมีสัญญา