เซียวหลินเทียนเรียกหาใครมิทันแล้ว หลิงอวี๋บอกว่าเมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ ต้องกินยาแก้พิษให้ทันเวลามิฉะนั้นพิษจะซึมเข้าสู่กระแสเลือด แล้วเขาจะหัวใจวายและตายได้ในเวลาอันสั้นเซียวหลินเทียนไม่มีเวลาแม้แต่จะสวมอาภรณ์ เขารีบหยิบยาแก้พิษที่หลิงอวี๋ให้มาแล้วกลืนลงไปทันทีในช่วงเวลาสั้น ๆ นั้น เซียวหลินเทียนรู้สึกว่าตนมิสามารถยกมือขึ้นได้แล้ว ความรู้สึกเฉื่อยชานั้นแล่นไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็วหัวใจเต้นเร็วผิดปกติราวกับว่ามันจะกระโดดออกมาจากอกในไม่ช้านี้เขารู้สึกเวียนหัวจึงนั่งลงไปบนเก้าอี้ในตอนที่เซียวหลินเทียนคิดว่าตัวเองจะต้องตายเพราะหัวใจวาย ความรู้สึกเย็น ๆ ที่อธิบายมิได้ก็แพร่กระจายออกมาจากลำคอของเขาเซียวหลินเทียนรู้สึกว่าความถี่การเต้นของหัวใจของตนลดลงอย่างช้า ๆ และเขาก็มองเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบได้ชัดเจนขึ้นยาแก้พิษที่หลิงอวี๋ให้มาออกฤทธิ์แล้ว!เซียวหลินเทียนเหงื่อท่วมตัว ประสบการณ์ความเป็นความตายในชั่วพริบตา ประสบการณ์ที่ขึ้นจากนรกสู่สวรรค์เช่นนี้เขามิอยากสัมผัสมันอีกแล้วในชีวิตนี้เซียวหลินเทียนรอจนกลับมาเป็นปกติก่อนถึงตะโกนเรียกด้วยเสียงแหบ “หลู่ชิ่ง!”หลู่ชิ่งได้
จ้าวซวนเหลือบมองหมอเฉินอย่างเย็นชา แล้วเอ่ยเสียงทุ้ม “หมอเฉิน ทุกคนต้องถูกตรวจสอบทั้งหมด! หากท่านบริสุทธิ์ ไฉนต้องกลัวการตรวจสอบด้วยเล่า!”“อย่ามาพูดจาไร้สาระ ยกมือขึ้นให้ข้าตรวจสอบเดี๋ยวก็รู้!”จ้าวซวนหยิบโคมไฟรังสียูวีออกมา แม้ว่าหมอเฉินจะมิพอใจ แต่พอเห็นหมอหานกับหมอหลี่ยกมือขึ้นอย่างให้ความร่วมมือ เขาก็มองมือของตนอย่างเงียบ ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ จึงยกมือขึ้นอย่างสบายใจจ้าวซวนส่องโคมไฟไปที่พวกเขา ครั้นเห็นว่ามือของหมอหานกับหมอหลี่ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่บนฝ่ามือทั้งสองของหมอเฉินเรืองแสงไปด้วยสีเขียว ๆ บนเสื้อผ้าของเขาก็ด้วยสีหน้าของจ้าวซวนเปลี่ยนไปทันที เขาชักดาบออกมาพร้อมกับตะโกนออกไป “มือสังหารคือหมอเฉิน จับตัวเขาไว้!”องครักษ์ที่ฉินซานพามานั้นรีบวิ่งขึ้นมาทันทีแล้วชักดาบมาล้อมหมอเฉินไว้หมอเฉินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตะโกนด้วยความโกรธ “องครักษ์จ้าว อย่ามาใส่ร้ายข้านะ… ข้านอนอยู่ในห้องตลอด มิได้ออกไปข้างนอกเลย แล้วข้าจะเป็นมือสังหารที่ลอบสังหารท่านอ๋องได้เยี่ยงไร!”“มิได้ออกไปไหนเลยรึ? เช่นนั้นที่มือเรืองแสงเต็มไปหมดนี่เจ้าจะอธิบายเยี่ยงไร?”หลิงอวี๋กับเซียวหลิ
จ้าวซวนรีบวิ่งไปคว้ากรามของหมอเฉินแล้วค้นในปากของเขาทันทีหลังจากนั้นไม่นาน จ้าวซวนก็พบฟันปลอมที่มีถุงพิษอยู่ด้วยเพื่อป้องกันหมอเฉินซ่อนเข็มพิษไว้ในร่างกาย จ้าวซวนกับองครักษ์จึงลากหมอเฉินเข้าไปในห้องแล้วเปลื้องผ้าเขาจนหมด จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเขาใหม่ในเสื้อผ้าของหมอเฉิน พวกเขาพบเข็มพิษหนึ่งห่อกับยาพิษอีกสองห่อ นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรอื่นอีกท่านจินต้าจัดให้หมอหานกับคนอื่น ๆ ไปอาศัยอยู่ในเรือนอื่น ในเรือนนี้มีเพียงคนของเซียวหลินเทียนอยู่เท่านั้นหลิงอวี๋ตรวจดูยาพิษทั้งสองห่อ ล้วนเป็นพิษที่อันตรายถึงชีวิตทั้งคู่ หากกินเข้าไปจะตายภายในไม่กี่นาทีนางแอบดีใจที่ยาพิษที่หมอเฝิงวางใส่ตนนั้นมิร้ายแรงถึงชีวิตเช่นนี้ มิเช่นนั้นตนคงทนอยู่จนพวกเซียวหลินเทียนหายาแก้พิษมิได้หรอก“หมอเฉิน ตัวตนของเจ้ามิใช่เพียงแค่หมอของโรงหุยชุนใช่หรือไม่?”เซียวหลินเทียนกำลังสอบปากคำหมอเฉินหมอเฉินไม่มีโอกาสฆ่าตัวตายแล้ว เขาอดทนต่อความเจ็บปวดแล้วมองเซียวหลินเทียนโดยมิพูดอะไรเลยสักคำ“เจ้ากับชิวเหวินอิงเป็นพวกเดียวกันใช่หรือไม่? นางหนีออกจากตำหนักอ๋องอี้มา เป็นเจ้าที่รับนางไปอยู่ด้วยใช่หรือไม่?”หมอเฉินยั
เซียวหลินเทียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ ก็คิดบางอย่างได้พลางเอ่ย “ท่านจินต้า ท่านคิดว่าเช่นนี้จะเป็นไปได้หรือไม่… ชิวเหวินอิงหนีออกจากตำหนักอ๋องอี้ บางทีนางอาจจะแอบเข้าไปในตำหนักองค์ชายเว่ยก็ได้!”“ตอนนี้องค์ชายเว่ยกำลังลำบาก ชิวเหวินอิงจึงส่งสัญญาณให้หมอเฉินฆ่าหมอเฝิงเพื่อที่จะไม่เปิดเผยที่อยู่ของตนเอง!”“ตราบใดที่องค์ชายเว่ยไม่ล้ม นางก็ยังมีโอกาสคอยปลุกปั่นสร้างปัญหาได้อยู่!”“ส่วนทางด้านองค์ชายคัง จ้าวเจินเจินจัดการเรื่องภายในได้ดีมาก ชิวเหวินอิงไม่มีทางแฝงตัวเข้าไปได้แน่!”ท่านจินต้าตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าลงแล้วเอ่ย “ท่านอ๋อง การคาดเดาของท่านสมเหตุสมผลแล้ว กระหม่อมจะส่งคนไปตรวจสอบรายละเอียดเรื่องคนที่ถูกเพิ่มเข้าตำหนักองค์ชายเว่ยหลังจากที่ชิวเหวินอิงจากไปดูพ่ะย่ะค่ะ!”คืนนั้น “ศพ” ของหมอเฉินถูกจ้าวซวนลากออกไปฝัง นอกจากจ้าวซวนกับคนวงในอีกสองสามคนแล้ว ไม่มีใครเลยรู้ว่าหมอเฉินยังมีชีวิตอยู่สำหรับมือสังหารที่สมควรตาย ไม่มีใครสนใจการมีอยู่ของเขาหรอกการเดินทางที่เหลือเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนมาถึงเมืองหลวงโดยสวัสดิภาพเมื่อหลิงอวี๋เห็นประตูเมืองหลวง นางก็รู้สึกสบายใจอย่าง
“ท่านแม่… ท่านแม่...”ทันทีที่หลิงอวี๋ลงจากรถม้า หลิงเยวี่ยก็พุ่งเข้ามากอดต้นขาของนางแล้วเรียกอยู่ตลอดเด็กชายเพิ่งมาถึงต้นขาของหลิงอวี๋ ใบหน้าส่วนใหญ่ของเขาจมอยู่ในกระโปรงของหลิงอวี๋แล้ว แม้ว่าหลิงอวี๋จะดึงเขา เขาก็มิยอมออกมา“ท่านแม่!”เสียงของหลิงเยวี่ยขึ้นจมูกเล็กน้อย เหมือนว่ากำลังร้องไห้อยู่เลยหลิงอวี๋คุกเข่าลงกอดเขาแล้วเอ่ยถามเสียงนุ่มนวล “เยวี่ยเยวี่ยได้รับความคับข้องใจอะไรหรือไม่? มีใครรังแกเยวี่ยเยวี่ยหรือ? บอกแม่มา แม่จะไปตีเขาจนเลือดออกเลย!”หลิงเยวี่ยส่ายหัวอย่างแรง แต่ยังคงก้มหน้าอยู่หลิงอวี๋ยิ้มพลางเอ่ย “เยวี่ยเยวี่ยร้องไห้หรือ?”หลิงเยวี่ยยังคงส่ายหัว พลางเอ่ยด้วยเสียงคับข้องใจ “เยวี่ยเยวี่ยมิได้ร้องไห้ขอรับ!”“ไม่ร้องไห้ แล้วนี่มันอะไรกัน?”หลิงอวี๋สัมผัสใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาที่เต็มไปด้วยน้ำตา“มิได้ร้องไห้… ก็มิได้ร้องไห้สิขอรับ!”หลิงเยวี่ยโผตัวไปบนไหล่ของหลิงอวี๋ ซ่อนใบหน้าเล็ก ๆ ของตนไว้ในอาภรณ์ของหลิงอวี๋“เอาเถิด ๆ… มิได้ร้องไห้ก็มิได้ร้องไห้ เยวี่ยเยวี่ยของเราคงฝุ่นเข้าตากระมัง!”หลิงอวี๋หัวเราะ เด็กผู้นี้ต้องอายแน่ ๆ!แม้ว่าปกติแล้วหลิงเยวี่ยจะมี
เมื่อหลิงเยวี่ยได้พูดขึ้นมาก็พูดไม่รู้จบ พูดจนกระทั่งแม่นมลี่มาเรียกพวกเขาไปกินอาหารเย็น“คุณหนูเจ้าคะ ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องทรงให้คนกลับมาส่งข้อความว่าเย็นนี้จะกินข้าวด้วยกัน หมิ่นกูได้เตรียมงานเลี้ยงที่โถงดอกไม้ไว้แล้ว คืนนี้ไปกินข้าวที่นั่นเถิดเจ้าค่ะ!”แม่นมลี่พูดอย่างร่าเริง “เหรินจื้อกับหมิ่นกูดูแลตำหนักอ๋องอี้อย่างดีในช่วงที่พวกท่านมิอยู่เจ้าค่ะ!”“เหรินจื้อยังไปที่ไร่นาของท่านอ๋องในหมู่บ้านตระกูลเฉินด้วยตนเอง สั่งให้พวกเขาปลูกผักให้มาก ฤดูหนาวนี้ผักในไร่นาเพียงพอที่จะเลี้ยงคนในตำหนักอ๋องอี้แล้วเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋พาหลิงเยวี่ยไปที่โถงดอกไม้พร้อมกับแม่นมลี่ ระหว่างทางก็เห็นว่าทุกอย่างในตำหนักได้รับการจัดระเบียบอย่างเรียบร้อยดีดูท่าทางหมิ่นกูจะปฏิบัติตามคำสั่งของตนอย่างดีจริง ๆ จัดการตำหนักอ๋องอี้ได้เป็นอย่างดีมากที่โถงดอกไม้มีโต๊ะจัดไว้สิบกว่าโต๊ะ ฉากกั้นหนึ่งแยกโต๊ะหนึ่งออกจากโต๊ะอื่น นี่คือโต๊ะแยกต่างหากสำหรับหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนหลิงอวี๋ให้แม่นมลี่หาคนมายกฉากกั้นออก คราวนี้ทุกคนออกไปร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันมา นางเชื่อว่าเซียวหลินเทียนจะไม่มีทางรังเกียจที่จะกินข้าวกับทุก
หลิงอวี๋ได้ยินแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะ สตรีตั้งครรภ์แท้งลูก นั่นก็ต้องเป็นแม่นางหยางสินะ!เพื่อป้องกันมิให้จักรพรรดิอู่อันให้รางวัลตนเอง เจ้าหน้าที่เหล่านี้จึงกล่าวหาเรื่องเท็จทั้งยังบิดเบือนข้อเท็จจริง มีเจตนาแอบแฝงจริง ๆ ด้วย!“เสด็จพ่อว่าเยี่ยงไรหรือเพคะ?”หลิงอวี๋เอ่ยถาม“เสด็จพ่อบอกว่า เขามิเอาคำพูดเหล่านี้มาใส่ใจหรอก และแม้ว่าเรื่องพวกนี้จะเป็นเรื่องจริง เขาก็จะสนับสนุน การใช้วิธีที่มิปกติในช่วงเวลาที่มิปกตินั้น เราสามารถควบคุมโรคระบาดได้ก็นับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แล้ว!”เซียวหลินเทียนเอ่ยด้วยอารมณ์ “ในเรื่องนี้ เสด็จพ่อแข็งแกร่งกว่าเจ้าหน้าที่ธรรมดา ๆ พวกนั้นเป็นร้อยเท่า! จะทำการใหญ่จะต้องมิยึดติดคิดเรื่องไร้สาระ! หากเอาทุกเรื่องมาผูกไว้แล้วจะทำอะไรได้กัน!”หลิงอวี๋ยิ้ม มิได้พูดอะไรโต้กลับเซียวหลินเทียนองค์ชายเว่ยพ่ายแพ้แล้ว พวกหมากที่เขาวางไว้ก็ถูกตรวจสอบไปมากแล้ว ทุกคนในราชสำนักเป็นอันตราย นี่ต่างหากที่เป็นช่วงเวลาที่มิปกติจริง ๆจักรพรรดิอู่อันจะลงโทษเซียวหลินเทียนในเวลานี้ได้อย่างไร?เขายังต้องพึ่งพาเซียวหลินเทียนเพื่อรักษาความมั่นคงของสถานการณ์ภายในราชสำนักอยู
เซียวหลินเทียนยิ่งพูดก็ยิ่งกังวล “จริง ๆ นะ หลิงอวี๋ ข้ารู้ว่าในตอนแรกข้าปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดี ข้าขอโทษ!”“เจ้าให้โอกาสข้าเถิด ให้ข้าช่วยเจ้า ให้ข้าชดเชยให้เจ้า!”หลิงอวี๋มองเซียวหลินเทียนอย่างประหลาดใจเช่นนี้นับว่าเขากำลังเหนี่ยวรั้งตนไว้หรือ?ทันใดนั้นหลิงอวี๋ก็นึกถึงสิ่งที่หลิงซวนพูดกับตนบนรถม้า“คุณหนู คุณหนูมิรู้หรอกว่าตอนที่คุณหนูถูกวางยาพิษหมดสติไป ท่านอ๋องคอยเฝ้าคุณหนูอยู่ตลอดเลย!”“คืนนั้น ท่านอ๋องนั่งอยู่ในความมืดคนเดียว ท่าทางเช่นนั้นดูน่าสงสารมากเจ้าค่ะ… เหมือนเด็กที่ถูกทอดทิ้งเลย!”“คุณหนูเจ้าคะ ข้าคิดว่าท่านอ๋องอาจจะทรงโปรดคุณหนูนะเจ้าคะ คุณหนูให้โอกาสท่านอ๋องสักครั้งดีหรือไม่?”จู่ ๆ หัวใจของหลิงอวี๋ก็เต้นแรง แล้วนางก็แสร้งทำเป็นยิ้มอย่างผ่อนคลายพลางเอ่ย“เซียวหลินเทียน ท่านเหนี่ยวรั้งหม่อมฉันไว้เช่นนี้ มันจะทำให้หม่อมฉันคิดไปไกลนะเพคะ… หรือว่า ท่านจะตกหลุมรักหม่อมฉันเข้าแล้ว?”เซียวหลินเทียนหน้าแดงทันที เข้าก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว แต่ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าตนคุมสติมิอยู่ จึงหันกลับมาเอ่ยกับหลิงอวี๋อย่างโกรธ ๆ“เจ้าพูดไร้สาระอะไร! ข้ามิได้หมายความเยี่ยงนั้น… ข้าจะ