เมื่อหยางหมิงเห็นพระชายาอ๋องอี้มา ดวงตาของเขาก็เป็นประกายแล้วส่งสัญญาณให้คนของเขาหยุด“ท่านอ๋องอี้เล่า?” หยางหมิงมองไปข้างหลังพวกเขา เมื่อมิเห็นท่านอ๋องอี้ก็เอ่ยเสียงขรึม“เหตุใดท่านอ๋องอี้มิเสด็จมาเล่า? ตระกูลหยางให้ท่านใช้หออักษรโดยหาได้เรียกเงินไม่ ทั้งยังให้ข้าวปลาอาหาร ท่านอ๋องอี้ของพวกเจ้าหยิ่งผยองเช่นนั้นเลยหรือ?”เถาจื่อติดตามหลิงอวี๋มาเป็นเวลานาน รู้นิสัยของหลิงอวี๋อยู่แล้ว นางเลียนแบบน้ำเสียงของหลิงอวี๋พลางตะคอกด้วยความโกรธ“เจ้าเป็นใครกัน? กล้าดีเยี่ยงไรถึงพูดกับข้าเช่นนี้?”“ท่านอ๋องใช่คนที่เจ้าอยากจะเจอเมื่อใดก็ได้รึ? ตัวตนท่านอ๋องของเราเป็นเช่นไรกัน? แค่ผู้ป่วยไม่กี่คนก็อยากจะให้เขามารับด้วยตัวเองรึ?”“ข้าไว้หน้าพวกเจ้าเพราะข้ามีจิตใจดี มิต้องการให้คนไข้ต้องทนทุกข์ทรมานจึงมาด้วยตนเอง… เหตุใดกัน นี่ยังมิเพียงพออีกรึ? หรือว่าผู้ป่วยของพวกเจ้าสูงส่งยิ่งกว่าพระชายาเยี่ยงข้า?”หลิงอวี๋ฟังคำพูดของเถาจื่อแล้วอยากจะหัวเราะออกมา ท่าทีของเถาจื่อนั้นแข็งแกร่งมาก!“ผู้ใดบ้างที่เป็นคนไข้ ขึ้นมาให้นางรับใช้ของข้าตรวจดูเสีย หากได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อเราก็จะรับพวกเขาไว้รักษา!”
เมื่อเห็นมีดบนคอของเถาจื่อ หลี่ว์จงเจ๋อก็ตะคอกออกมาด้วยความโกรธ“หยางหมิง เจ้ามีความผิดแล้ว! พระชายาของเรามาตรวจพวกเจ้าด้วยเจตนาดี มิคิดเลยว่าพวกเจ้าจะคิดจับพระชายาเป็นตัวประกันไม่ว่าตั้งใจหรือจงใจจริง ๆ!”“พวกเจ้ามีเจตนาชั่วร้าย นี่คิดจะไปลอบสังหารท่านอ๋องรึ?”หยวนเจี้ยนตะโกนร่วมด้วย “พี่น้องทุกคน เราต้องมิปล่อยให้พวกเขาทำสำเร็จ! ทุกคนลุย!”องครักษ์ที่เขาพามาก็รีบพุ่งเข้ามา และหยางหมิงก็ตะโกนขึ้น “พวกเจ้ามิต้องการชีวิตของพระชายาอ๋องอี้แล้วใช่หรือไม่? หากกล้าก้าวเข้ามาอีกก้าวหนึ่ง พวกเราจะฆ่านางเสีย!”เถาจื่อจงใจปล่อยให้คนของหยางหมิงจับนางไว้ นางเองก็ร่วมมือด้วยเพราะหลิงอวี๋อยากให้หยางหมิงมีความผิดลอบสังหารพระชายาเมื่อเห็นว่าหยางหมิงจับตัวไป เถาจื่อก็แสร้งทำเป็นหวาดกลัวยืนไม่นิ่ง เซไปข้าง ๆ แล้วกรีดร้อง“ช่วยด้วย พวกเขาจะลอบสังหารข้า ช่วยด้วย ฆ่าพวกเขาที!”เถาจื่อจงใจให้โดนปลายมีดของผู้คุ้มกันตอนที่ล้มลง ที่คอจึงมีรอยเลือดปรากฏขึ้นขณะที่นางยังโซเซอยู่นั้นก็สะดุดเท้าของผู้คุ้มกันจนเขายืนไม่มั่นคงแล้วล้มลงเถาจื่อใช้โอกาสนี้เคลื่อนออกจากระยะการโจมตีของผู้คุ้มกันนั้นเมื่อหยว
“บังอาจ!”เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกับเสียงกีบม้า ยังมิทันที่ทุกคนจะได้ตอบสนองอะไร ลูกธนูอันแหลมคมก็ยิงไปพร้อมเสียงที่ผ่านอากาศมาท่านจินต้ากำลังคิดว่าเขากำลังจะตาย แล้วก็รู้สึกได้ว่าเลือดสด ๆ สาดไปทั่วใบหน้าของตนเขาเงยหน้ามองก็เห็นว่าผู้คุ้มกันที่กำลังจะฆ่าตนมีลูกธนูปักอยู่ในดวงตาของเขา มันทะลุจากเบ้าตาไปทางด้านหลังหัว“หยางจื้อฟาง เจ้าจะก่อกบฏรึ? กล้าดีเยี่ยงไรมาฆ่าคนของข้า! ผู้ใดมันให้ความกล้าหาญนี้แก่เจ้า!”เซียวหลินเทียนควบม้ากีบขาวเข้ามาพลางยกดาบ เจ้าหน้าที่ทหารกับผู้คุ้มกันของตระกูลหยางที่วิ่งเข้ามาอยู่ด้านหน้าสุดก็ล้มลงไปทีละคน“ทุกคนหยุด ใครกล้าลงมืออีกจะถือว่าเป็นการกบฏ และจะถูกสังหารทั้งหมด!”เสียงตะโกนของเซียวหลินเทียนดังก้องไปทั่วฟ้า พร้อมด้วยหัวมนุษย์ที่เปื้อนเลือดบนปลายดาบของเขา ทำให้คนที่อยู่ในที่นั้นนิ่งค้างไปทันทีทันทีที่หยางจื้อฟางเห็นเซียวหลินเทียนปรากฏตัว ก็รู้เลยว่าแผนของพวกเขาล้มเหลวหยางจื้อฟางตะโกนทันที “หยุด!”ทั้งสองฝ่ายที่กำลังต่อสู้กันต่างหยุด และมองเซียวหลินเทียนอย่างต่างคนต่างคิดคนที่อยู่ฝั่งของหลี่ว์จงเจ๋อถอนหายใจโล่งอก ท่านอ๋องอี้มาถึงทันเวลา
หยางจื้อฟางคิดว่าเรื่องนี้จะยุติลงเช่นนี้จริง ๆ แต่สีหน้าของเซียวหลินเทียนก็เปลี่ยนไป เขายิ้มเยาะพลางเอ่ย“ข้าหลวงหยาง เจ้าบอกว่าเจ้ามิได้ยินที่แม่ทัพหลี่ว์กับคนอื่น ๆ เปิดเผยตัวตนของพวกเขา จึงได้ทำร้ายองครักษ์ของข้าโดยมิตั้งใจ ข้ามิโต้เถียงกับเจ้าก็ได้!”“แต่เรื่องของหยางหมิงนั้นมิสมเหตุสมผลเลย! เขารู้ว่าข้าประจำการอยู่ที่เจ่าจวง ก็ยังกล้าพาคนมาจับตัวพระชายาของข้าอีก! เจ้าขวัญกล้าเกินไปหรือไม่?”หยางหมิงถูกคนของหยวนเจี้ยนจับตัวไว้ ขาของเขาถูกฟันและมีเลือดไหลอยู่เต็มพื้น จากนั้นก็ถูกองครักษ์สองคนพาตัวมา“ช่วยด้วย… ข้าหลวงหยาง ท่านอ๋องอี้ มิใช่ว่ากระหม่อมอยากจะหยาบคายกับพระชายาอ๋องอี้นะพ่ะย่ะค่ะ แต่.. .แต่กระหม่อมสงสัยว่าพวกเขามีเจตนาร้ายต่อท่านอ๋อง จึงได้หุนหันพลันแล่นไป…”หยางหมิงแอบบ่น ท่านอ๋องอี้อยู่ที่นี่ เช่นนั้นเหตุผลที่เขาใช้บุกเข้ามาเมื่อครู่จึงใช้การมิได้แล้ว เขาจะพูดกลบเกลื่อนคำโกหกของตนเองได้เยี่ยงไร!“บังอาจ! คนของข้าจะมีเจตนาร้ายต่อข้าได้เยี่ยงไร! ข้าว่าเจ้าต่างหากที่เจ้าเล่ห์อยากลอบสังหารข้า ถึงได้จงใจพาคนบุกมาที่นี่!”เซียวหลินเทียนตะโกนด้วยความโกรธ “ใครก็ได้ จับค
เซียวหลินเทียนก็ไม่ไว้หน้าใด ๆ พลางเอ่ยอย่างเย็นชา “ข้าหลวงหยาง ตอนนี้เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว เจ้าควรไปหาที่พักผ่อนก่อน! รุ่งสางแล้วค่อยว่ากัน!”“ข้ายังต้องจัดการกับคนเกเรเหล่านี้อีก!”“หยางต้าหู่ องครักษ์กับเจ้าหน้าที่ของข้าถูกคนของเจ้าสังหาร เจ้าต้องมีคำอธิบายให้ข้าด้วย!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเย็นชา “มิเช่นนั้นข้าจะทูลรายงานต่อองค์จักรพรรดิ และถามผู้ตรวจอวิ๋นโจวว่าบ้านเขามีผู้คุ้มกันกี่คนที่สามารถต่อสู้ได้!”สีหน้าของหยางต้าหู่ชะงักไป นี่เขากำลังเอาอนาคตของบุตรชายตนมาขู่ตนหรือ?เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างไม่แสดงสีหน้าใด ๆ “ตระกูลหยางทำการค้าเครื่องยาสมุนไพรมิใช่หรือ? คนของข้าได้รับบาดเจ็บต้องการเครื่องยาสมุนไพรมารักษา หยางต้าหู่ควรเอาเครื่องยาสมุนไพรมาชดเชยพวกเขา!"“ต้องส่งมาตอนรุ่งสาง มิเช่นนั้นพวกเขาจะไม่มียารักษา เช่นนั้นหยางต้าหู่กับข้าหลวงหยางเจ้าก็ตามข้าไปที่เมืองหลวงเพื่ออธิบายให้องค์จักรพรรดิฟังด้วย!”พูดจบ เซียวหลินเทียนก็หันหลังเดินไปและยังกำชับหยวนเจี้ยนด้วย“จัดนักธนูไว้ตรงรั้วกั้น หากอันธพาลคนใดกล้าถือมีดเข้ามาใกล้ ไม่จำเป็นต้องรายงานข้า ฆ่าได้หมดเลย!”“พ่ะย่ะค่ะ!”
เซียวหลินเทียนครุ่นคิด ไม่นานก็คิดแผนขึ้นมาได้เขาเอ่ยเสียงขรึม “หลิงอวี๋ มียาพิษชนิดใดที่ทำให้ดูเหมือนติดโรคระบาดได้หรือไม่?”หลิงอวี๋มองเซียวหลินเทียนอย่างแปลกใจ “ท่านจะแกล้งทำเป็นติดเชื้อหรือ?”“มิใช่ข้า แต่เป็นหยางจื้อฟาง! เขานำกองกำลังออกมา เป็นโอกาสของเราที่จะจับเขาไว้! แต่เรายังต้องรอกำลังเสริม จึงมิสามารถกระชากหน้ากากเขาได้ทันที!”เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงขรึม “หากหยางจื้อฟางติดโรคระบาด ข้าสามารถใช้ข้ออ้างที่เว่ยโจวมิสามารถอยู่ได้หากไม่มีเจ้าเมือง แล้วส่งฉินซานไปดูแลเว่ยโจวก่อนชั่วคราว!”“พวกเขาสามารถโจมตีเราแต่ละคนได้ แล้วเหตุไฉนข้าจะแยกพวกเขาออกจากกันแล้วจัดการมิได้เล่า!”หลิงอวี๋ใจสั่น พยักหน้าพลางเอ่ย “กักตัวหยางจื้อฟางไว้ที่หออักษรก็ดีเหมือนกัน แต่หม่อมฉันคิดว่ามิเหมาะสมที่จะทำเช่นนั้นในเวลานี้! วันนี้หยางจื้อฟางมิได้เปิดโปงท่าน อาจเป็นเพราะเขาเดาว่าท่านคงมิได้รู้อะไรมาก!”“แต่หากท่านกักตัวหยางจื้อฟางไว้ ก็เท่ากับบอกพวกเขาว่าท่านได้หลักฐานมาแล้ว!”“หากเป็นเช่นนี้ แม้ว่าฉินซานจะเข้าไปดูแลเว่ยโจว แต่ท่านก็ต้องแบ่งกำลังให้เข้าไปปราบปรามเว่ยโจวไว้ เรามีกันไม่มาก ถึงเวลาน
ท่านจินต้าฟังคำพูดของเซียวหลินเทียนก็ยังคงกังวลเล็กน้อย “ท่านอ๋อง หากแม่ทัพเซี่ยยังคงต่อต้านต่อ มันจะอันตรายเกินไปสำหรับท่านอ๋องที่นำคนไปเพียงร้อยคนพ่ะย่ะค่ะ!”หลี่ว์จงเจ๋อยังเอ่ยอย่างกังวล “เมื่อคืนนี้หยางหมิงฉวยโอกาสตอนท่านไม่อยู่ กล่าวหาว่าท่านทำผิดในการหลบหนีไป นี่ก็เป็นการพิสูจน์ว่า คนเหล่านี้ผยองมาก! พวกเขาทำได้ทุกอย่าง!”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้วพลางเอ่ย “พวกเขากล้าทำแม้แต่สมรู้ร่วมคิดกับแคว้นศัตรู ข้าเชื่อว่าพวกเขาทำได้ทุกอย่างจริง ๆ!”“ด้วยเหตุนี้ เราจะรอให้พวกเขาลงมือมิได้! เราทำได้เพียงชิงลงมือก่อน!”หลิงอวี๋คิดแบบเดียวกับเซียวหลินเทียนจึงเอ่ย “เรื่องมาถึงขั้นนี้ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว! ทำตามที่ท่านอ๋องบอกเถิด!”“จริงสิ เรื่องที่ให้เถาจื่อปลอมเป็นหม่อมฉันในวันนี้ก็เป็นวิธีหนึ่ง! ท่านอ๋องหาองครักษ์ที่มีส่วนสูงพอ ๆ กับท่านมาปลอมเป็นท่านสักคน เช่นนี้ก็จะไม่มีใครสังเกตเห็นท่านหลังจากที่ท่านออกไปจากเจ่าจวงอย่างเงียบ ๆ แล้ว! สิ่งนี้สามารถซื้อเวลาให้เราได้!”“เราปล่อยให้หยางจื้อฟางติดเชื้อโรคระบาดมิได้ ก็ให้หยางต้าหู่ติดเชื้อ หากเราควบคุมหยางต้าหู่ที่เป็นหัวหน้าของหลายตระกูลใหญ่ได้ ท
หลิงอวี๋คิดว่าอยู่ที่นี่เซียวหลินเทียนถูกรายล้อมไปด้วยอันตราย จึงมิอยากพูดทำลายบรรยากาศนางยิ้มพลางเอ่ย “เช่นนั้นท่านก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี! ออกไปครั้งนี้ต้องระวังเรื่องความปลอดภัย แล้วก็ห้ามเอาตัวเองไปเสี่ยงเพคะ! เราต้องรอดชีวิต ในภายหน้ามีเทศกาลมากมายให้เฉลิมฉลอง!”“เจ้าก็เช่นกัน!”เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงขรึม “เจ้าต้องดูแลตัวเองด้วย... ข้าจัดการแม่ทัพเซี่ยแล้วจะกลับมาโดยเร็วที่สุด!”“เพคะ… ตอนนี้ดึกแล้ว ท่านรีบกลับไปพักผ่อนเถิด!”หลิงอวี๋หยุดที่ประตูหออักษร โบกมือให้เซียวหลินเทียนแล้วเดินเข้าไป“หลิงหลิง…” เซียวหลินเทียนเอ่ยปาก แต่สุดท้ายก็ไม่มีเสียงใดหลุดรอดออกมา เขามองส่งนางเข้าไปเช่นนั้นชั่วครู่หนึ่ง เซียวหลินเทียนคิดอยากจะทำอะไรบางอย่าง อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาหยุดไว้ เขายังไม่รู้แน่ว่าตนคิดอย่างไรกับหลิงอวี๋!แต่ท่าทีของหลิงอวี๋ที่มีต่อตนนั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!หลังจากที่หลิงอวี๋ถูกเฆี่ยนตีครั้งที่แล้ว เขาไม่เห็นความหลงใหลในตัวเขาจากสายตาของหลิงอวี๋อีกเลย!หลิงอวี๋ไม่ชอบเขาอีกต่อไปแล้ว!หลิงอวี๋รักษาขาให้เขา ความสัมพันธ์กับเขาก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ความดีเช่นนี้
กระบี่คุนอู๋?หรือว่านี่จะเป็นกระบี่เทพในตำนาน?เซียวหลินเทียนเป็นคนที่รักกระบี่ เมื่อก่อนตอนที่เป็นอ๋องอี้ก็สะสมกระบี่ที่มีชื่อเสียงไว้มิน้อยแต่กระบี่ที่มีชื่อเสียงเหล่านั้น หากมาเทียบกับกระบี่คุนอู๋เล่มนี้ก็ล้วนเป็นขยะไปทั้งหมดนี่คือกระบี่คุนอู๋จริงหรือ?เซียวหลินเทียนมิอยากจะเชื่อว่านี่คือกระบี่โบราณอายุกว่าพันปี ซึ่งคนในใต้หล้ามิเคยได้เห็นมาก่อน ดังนั้นแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้จักกระบี่คุนอู๋ แต่ก็คิดว่าเป็นเพียงเทพนิยายที่คนในใต้หล้าแต่งขึ้นมาเอง!ตำนานกล่าวไว้ว่า กระบี่คุนอู๋เกิดจากกระดูกสันหลัง การบำเพ็ญตนเป็นเวลาร้อยปีและพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งของผานกู่บรรพบุรุษผู้บุกเบิกที่ผสานรวมกับพลังชีวิตของฟ้าดินตามตำนานกล่าวไว้ว่า หลังจากที่ผานกู่หลอมกระบี่คุนอู๋สำเร็จแล้ว เขาก็มิสามารถควบคุมมันได้ เนื่องด้วยพลังวิญญาณของกระบี่เล่มนี้แข็งแกร่งมาก สุดท้ายจึงทำได้เพียงเก็บรวบรวมพลังชีวิตและพลังวิญญาณทั้งหมดไว้ในกระบี่คุนอู๋นี้กระบี่คุนอู๋เป็นบรรพบุรุษของกระบี่ ความคมของกระบี่นั้นสามารถทำลายฟ้าดินได้เลยทีเดียวหากว่านี่คือกระบี่คุนอู๋ในตำนานจริง ๆ เช่นนั้นก็ต้องอยู่ในสามอันดับแร
ก้อนน้ำแข็งแตกจำนวนนับมิถ้วนพากันกระแทกเข้ามา แม้ว่าเซียวหลินเทียนจะมีวรยุทธ์ไร้เทียมทาน แต่ก็มิอาจหนีพ้นการแก้แค้นที่รุนแรงของธรรมชาติเช่นนี้ไปได้เขาเบี่ยงหลบไปทางซ้ายทีขวาที แต่เพราะว่าหล่นลงมารวดเร็วจนเกินไป จึงมิอาจหลบพ้นก้อนน้ำแข็งเหล่านั้นที่พากันกระแทกเข้ามาได้ก้อนน้ำแข็งก้อนหนึ่งกระแทกเข้ามาที่หัวของเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนรู้สึกว่าหัวของตนมีเลือดไหลออกมา แต่ยังมิทันจะได้ยื่นมือไปสัมผัส ก็มีก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่มากก้อนหนึ่งกระแทกเข้ามาอีก เซียวหลินเทียนรู้สึกว่าตรงหน้ามืดลงไปทันที และมองก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่นั้นพุ่งเข้ามาใส่ตนอย่างสิ้นหวังคราวนี้จะต้องตายอยู่ในภูเขาหิมะแห่งนี้จริง ๆ หรือ?อาอวี๋ ข้าจะยังได้พบเจ้าหรือไม่?เซียวหลินเทียนยังมิทันได้ย้อนรำลึกถึงช่วงชีวิตนี้ เขาก็ได้ยินเสียงดังลั่น จากนั้นก็รู้สึกได้ว่าร่างกายตนกระเทือนแล้วตกลงไปในความมืดมิรู้ว่าเซียวหลินเทียนสลบไปนานเท่าไรก่อนที่จะได้สติขึ้นมา ยังมิทันที่เขาจะลืมตา ก็รู้สึกได้ว่าเจ็บปวดไปทั้งตัวราวกับว่าตัวจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆในเมื่อรู้สึกเจ็บปวดได้ก็แสดงว่าตนยังคงมีชีวิตอยู่ เซียวหลินเทียนลืมตาขึ้นอ
ฉินซานเห็นว่าเซียวหลินเทียน ขันทีโม่และเก๋อเฟิ่งฉิงร่วงลงไปกันอย่างรวดเร็วปานนั้น ต่อให้ตนกระโดดลงไปก็มิสามารถช่วยเซียนหลินเทียนขึ้นมาได้แล้ว เขาจึงกระโดดตามหานเหมยออกมาจากหุบเขาส่วนซูจู๋นางรับใช้ของเก๋อเฟิ่งฉิง เมื่อเห็นว่าสถานการณ์มิดีก็หนีออกไปพร้อมกับคนรับใช้คนอื่น ๆ นานแล้วทุกคนหนีออกมาค่อนข้างไกลแล้วและมายืนอยู่ข้างนอกหุบเขา แต่ก็ยังได้ยินเสียงของก้อนน้ำแข็งเหล่านั้นดังสนั่นอยู่“พวกเขา… คุณหนูยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”ซูจู๋ตกใจเสียจนตาค้างไปหมด ผ่านเวลาไปสักพักจึงเรียกสติกลับคืนมาได้ นางจึงเอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเทาทั้งหานเหมยและฉินซานเองก็ไม่มีอารมณ์ที่จะตอบคำถามของนาง พวกเขามองภาพที่ภูเขาหิมะถล่มลงมาอย่างตื่นตระหนก มิเข้าใจเลยว่าคนของตระกูลเฉียวทำลงได้อย่างไร!พวกเฉียวไป๋ยืนอยู่บนยอดเขาตรงกันข้าม แล้วจ้องมองภาพหิมะถล่มนั้นอย่างเย็นชาหลังจากที่ได้รู้ว่าเซียวหลินเทียนคือสามีของหลิงอวี๋ พ่อของเฉียวไป๋ ผู้ซึ่งเป็นนายใหญ่ตระกูลเฉียวผู้นำตระกูลคนปัจจุบันก็วางแผนที่จะแก้แค้นแทนบุตรชายของตนนี่เป็นเพียงแค่ขั้นแรกในการแก้แค้นของนายใหญ่เฉียวเท่านั้นสังหารคนหนุนหลังของหลิงอวี๋ไป
เซียวหลินเทียนมองมิเห็นคนของตระกูลเฉียว เพราะถูกยอดภูเขาน้ำแข็งเหล่านี้บดบังสายตาอยู่“ทุกคนระวังด้วย! ดูแลกันเข้าไว้!”เซียวหลินเทียนกำชับพวกฉินซานให้ใส่ใจในเรื่องความปลอดภัย ส่วนตนกับขันทีโม่ก็อาศัยว่ามีวรยุทธ์ที่สูงกว่าพวกเขา จึงไปค้นหาเส้นทางอยู่ทางด้านหน้าเก๋อเฟิ่งฉิงมิปล่อยให้โอกาสในการได้ใกล้ชิดกับเซียวหลินเทียนหลุดลอยไป นางจึงตามไปเช่นกันก่อนหน้านี้เก๋อเฟิ่งเจียวทำให้เก๋อเฟิ่งฉิงเสียเรื่อง ดังนั้นในการเข้ามาที่ภูเขาหิมะครั้งนี้ เก๋อเฟิ่งฉิงจึงมิได้พาเก๋อเฟิ่งเจียวมาด้วยทางด้านหานอวี้ตั้งใจจะสร้างโอกาสให้ฉินซานกับพี่สาวของตน จึงลากเถาจื่อไปพลางเอ่ยออกมา “เราสองคนไปด้วยกัน จะได้ดูแลกันและกัน!”ดังนั้นคนที่เหลือก็มีเพียงแค่ฉินซานกับหานเหมยแล้ว ฉินซานจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างใจดี “เช่นนั้นข้าก็อยู่กลุ่มเดียวกับหานเหมย!”เขาจึงคว้าแขนของหานเหมยไว้ จากนั้นก็ตามไปพร้อมกันหานเหมยหน้าแดงขึ้นมา แต่ก็มิได้สะบัดมือฉินซานออกไปหานอวี้บอกกับนางว่า การที่นางหายตัวไปครั้งนี้นั้นฉินซานกระวนกระวายมาก และตั้งใจที่จะมาตามหานาง“พี่หญิง การที่เจ้ามีความทะเยอทะยานก็เป็นเรื่องที่ดี แต่เรื่องแต
ทางด้านเถ้าแก่เจียง ท่านป้าวบอกว่าจะช่วยหลิงอวี๋ตามหาน้องสาว จึงจะให้หลิงอวี๋อยู่ที่นี่สักสองสามวัน เขาเห็นว่าหลิงอวี๋ก็ดูท่าทางเห็นด้วยเช่นกัน จึงมิได้ใส่ใจ ให้หลิงอวี๋อยู่ที่นี่ส่วนตนก็พาเสี่ยวซานเอ๋อร์กลับในตอนที่ยังมิรู้ถึงบทบาทของหลิงอวี๋ที่มีต่อหวงฝู่หลินอย่างแน่ชัดนี้ ท่านป้าวจึงจัดให้หลิงอวี๋ไปอยู่ที่เรือนทางสวนด้านหลังที่อยู่ห่างออกไป แต่แม้ว่าจะห่างไกลก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มิได้เพิกเฉยหลิงอวี๋ไปท่านป้าวมิได้เอ่ยถึงเรื่องที่จะช่วยหลิงอวี๋ตามหาน้องสาว หลิงอวี๋ก็มิอยากจะพูดเช่นกัน นางรู้สึกว่าตนตกอยู่ในเงื้อมมือของหวงฝู่หลินเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้วหากตามหาน้องสาวเจอ ก็จะเป็นการเพิ่มคนที่หวงฝู่หลินจะนำมาข่มขู่ตนมากขึ้นอีกคนหลังจากนี้เมื่อตนสามารถหลุดพ้นออกมาได้ ก็ค่อยไปตามหาน้องสาวแล้วกันหลิงซินเห็นว่าหลิงอวี๋จัดการเพียงชั่วครู่ ก็ทำให้ท่านป้าวที่เป็นดั่งหอคอยเหล็กผู้นั้นเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อนางไปได้แล้ว ความหวาดกลัวในใจก็ลดลงไปมากนางรู้สึกว่า ความสามารถของคุณหนูผู้นี้มีมากกว่าเถ้าแก่เจียงอีก การติดตามนางดูน่าจะไม่มีอันตรายใด ๆกระทั่งเถ้าแก่เจียงกลับไปแล้ว หล
หน้ากากผิวหนังมนุษย์นั้นเมื่อตรวจสอบก็เปิดเผยออกมาทันที เมื่อแม่นมหน้าเหมือนม้าผู้นั้นฉีกหน้ากากออกจากใบหน้าของหลิงอวี๋ ก็เผยให้เห็นใบหน้าของหลิงอวี๋ที่เต็มไปด้วยรอยบาดแผลจากมีด“เหอะ ๆ รีบไปบอกนายใหญ่เสียว่า ข้าเจอคนที่เขาตามหาแล้ว!”แม่นมหน้าเหมือนม้าส่งหน้ากากผิวหนังมนุษย์ให้แม่นมอีกคนอย่างพึงพอใจ จากนั้นแม่นมผู้นั้นก็รีบวิ่งออกไปแจ้งข่าวหลิงซินถูกแม่นมคนหนึ่งกดอยู่ที่พื้นจนมิสามารถเคลื่อนไหวได้ และนางก็มองคุณหนูที่ตนเพิ่งจะรู้จักมิถึงสองวันดีกลายเป็นอีกคนไปอย่างตกตะลึงหลังจากที่หลิงอวี๋ถูกเปิดเผยตัวตนแล้ว ทางด้านแม่นมหน้าเหมือนม้าก็มิได้ทำให้นางต้องลำบากอีก จึงให้พวกแม่นมปล่อยหลิงอวี๋พวกนางเพียงแค่ต้องเฝ้าหลิงอวี๋เอาไว้ มิให้นางหนีไปได้ก็พอแล้วเมื่อหลิงอวี๋ถูกพยุงขึ้นมา หัวใจที่ว้าวุ่นของนางก็ค่อย ๆ สงบลงหวงฝู่หลินไม่มีทางให้ตนตายไปก่อนที่เขาจะได้ตำรับยาห้ามเลือดไปหรอก!บางทีตนอาจจะยังสามารถพึ่งพายันต์ช่วยชีวิตนี้ทำให้หวงฝู่หลินปล่อยตนไปได้อยู่เรื่องการขโมยนั้นมีคำสารภาพของหัวหน้าเสิ่นอยู่ ก็น่าจะสามารถอธิบายให้ชัดเจนได้หลิงอวี๋ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความมั่นใจ จึงนั่งลงไป
เผยอวี้ก็เคยเห็นคนที่ผ่านอุปสรรคมามายมากเช่นกัน หางตาของเขาเห็นพวกป้าวเฉิงมองตนกับหลิงอวี๋อย่างแปลกประหลาดก็มิกล้าพูดอะไรอีกเมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋มิยอมรับ เผยอวี้ก็เอ่ยออกไป “เจ้าชื่อเจียงเสี่ยวยาหรือ เช่นนั้นข้าก็คงจำคนผิดแล้ว แผ่นหลังของเจ้ากับของสหายข้าดูค่อนข้างคล้ายกัน เมื่อครู่ข้าคิดว่าเจ้าคือนาง!”“ขอโทษด้วย ข้าบุ่มบ่ามไปหน่อย!”เผยอวี้ประสานมือควบคุมอารมณ์ตื่นเต้นของตนเอาไว้ แล้วเดินออกไปใบหน้าสามารถปลอมแปลงกันได้ แต่เสียงของหลิงอวี๋กับแผ่นหลังของนางทำให้เผยอวี้มั่นใจว่าคนตรงหน้าก็คือหลิงอวี๋มิรู้ว่าฮองเฮาไปตกอยู่ในมือของป้าวเฉิงได้อย่างไร?คนที่เขาพามาด้วยตอนนี้มีมิมากนัก แม้ว่าจะพยายามพาตัวฮองเฮาไป ก็คงจะหนีมิพ้นมือของป้าวเฉิงตอนนี้เขามิอาจแหวกหญ้าให้งูตื่นได้ รอกลับไปก่อนแล้วค่อยหาคนมาช่วยหลิงอวี๋ดีกว่าอีกทั้งยังต้องคิดวิธีส่งจดหมายไปให้เซียวหลินเทียนให้เขารีบกลับมาอีกหลิงอวี๋เห็นว่าเผยอวี้มิได้ซักถามอะไรอีก ก็แอบถอนหายใจโล่งอก แล้วหันหลังตามพวกเถ้าแก่เจียงไปแต่หลิงอวี๋กับเผยอวี้ไม่มีทางคาดคิดเลยว่า เหตุการณ์เล็ก ๆ นี้กลับอยู่ในสายตาของป้าวเฉิงป้าวเฉิงมิใช่ค
เถ้าแก่ป้าวรู้จักเผยอวี้ก็เพราะเรื่องที่เซียวหลินเทียนซื้อทาสหญิงเกวียนนั้นเมื่อครั้งที่แล้ว ลูกค้ารายใหญ่เช่นนี้มิได้พบบ่อย ๆ ดังนั้นเถ้าแก่ป้าวจึงไปสืบมาเล็กน้อยและได้รู้ที่มาของเซียวหลินเทียนอย่างชัดเจนแม้ว่าเถ้าแก่ป้าวจะมิได้ทำงานให้เซียนหลินเทียน แต่ว่าถิ่นที่เขาอยู่นั้นเป็นของเยวี่ยใต้และมู่หรงเหยียนซงกษัตริย์ของเยวี่ยใต้ก็สนิทกับเซียวหลินเทียนราวกับพี่น้องกัน หากมิถึงขั้นจำเป็นจริง ๆ เถ้าแก่ป้าวก็มิอยากจะเป็นศัตรูกับราชสำนัก ดังนั้นจึงมีความเกรงใจต่อพวกของเซียวหลินเทียนอยู่พอเป็นพิธี“แม่ทัพเผย ท่านมาได้อย่างไร? หรือว่าท่านเองก็สนใจคนที่ถูกสังหารนี้?”ป้าวเฉิงหัวเราะเหอะ ๆ“ผู้ว่าการอำเภอหยางของพวกเจ้าได้ยินว่ามีคนถูกสังหารจึงมาดู ส่วนข้าก็มิได้มีธุระอะไรจึงตามมาดูเรื่องสนุก!”คนที่อยู่ข้าง ๆ เผยอวี้ก็คือผู้ว่าการอำเถอในแถบนี้ แม้ว่าจะมีป้าวเฉิงอยู่และตำแหน่งของเขานั้นก็แทบจะไม่มีความหมาย แต่สิ่งที่เขาควรจะแสดงตัวก็ต้องแสดงตัวเสียหน่อย“ท่านป้าว ท่านรู้จักคนผู้นี้หรือ?”ผู้ว่าการอำเภอหยางเอ่ยถาม“มิรู้จัก ก็แค่ลูกน้องของข้ามาพบว่ามีคนถูกสังหาร ข้าเองก็มาดูเรื่องสนุกเช
หลิงอวี๋อยู่ด้านหลังได้ยินคำพูดนี้ ใจก็กระตุกไปเล็กน้อย จากนั้นยื่นมือไปลูบหน้าของตนโดยมิรู้ตัวคนที่ป้าวเฉิงช่วยตระกูลหวงฝู่ตามหาก็คือตน!แล้วคนที่เขาบอกว่าถูกสังหารไปแล้วนั่นคือใครกัน?หรือว่าจะเป็นหัวหน้าเสิ่นกับเสี่ยวเจียง?หลิงอวี๋เหงื่อตก หากเป็นพวกเขาสองคนที่ถูกสังหารไปจริง ๆ แล้วคนที่สังหารพวกเขาคือใคร?หากมือสังหารพบว่าหัวหน้าเสิ่นมิได้สังหารตน จะกำลังตามหาตนอยู่หรือไม่?เถ้าแก่เจียงที่อยู่ด้านหน้ารู้เรื่องความสัมพันธ์ของป้าวเฉิงกับตระกูลหวงฝู่ดี เมื่อได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยออกไป “คนตายไปแล้วก็ส่งศพไปให้เจ้าวังก็จบแล้ว เหตุใดพี่ใหญ่ป้าวต้องไปตรวจสอบด้วยตนเองเล่า!”“เจ้ามิเข้าใจ คนที่เจ้าวังต้องการคือสตรีผู้หนึ่ง สตรีผู้นั้นมีความสำคัญต่อเจ้าวังมาก เจ้าวังบอกมาว่าขอเพียงข้าตามหานางพบและยังมีชีวิตอยู่ เขาก็จะให้สมบัติก้อนโตกับข้า!”ป้าวเฉิงเอ่ยอย่างเป็นทุกข์ “สิ่งที่ข้ากังวลในตอนนี้ก็คือ คนที่ถูกสังหารจะเป็นสตรีผู้นั้น เช่นนั้นก็มิสามารถไปอธิบายกับเจ้าวังได้แล้ว!”“จริงสิ บอกเรื่องของเจ้ามาก่อนเถิด เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ?”เถ้าแก่เจียงจึงหันไปเรียก “น้องหญิง มานี่!”