เซียวหลินเทียนมองเผยอวี้พลางเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “เจ้าควรตรวจสอบเครื่องยาสมุนไพรให้ดีก่อนทำการขนส่ง แต่เจ้ากลับหละหลวม จนนำมาสู่ความผิดพลาดครั้งใหญ่เช่นนี้!”“ความผิดของเจ้าไม่อาจให้อภัยได้ ตามวินัยทหารจะถูกลงโทษด้วยการโบยห้าสิบไม้! เจ้าต้องยอมรับมัน!”เผยอวี้เอ่ยเสียงดังฟังชัด “กระหม่อมยอมรับอย่างเต็มใจพ่ะย่ะค่ะ!”ครั้งนี้ตนประมาทเลินเล่อจริง ๆ แม้ว่าเซียวหลินเทียนจะฆ่าเขาเพราะความประมาทนี้ เผยอวี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับมันเมื่อฉินซานเห็นดังนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย”ท่านอ๋องอี้ กระหม่อมของความเมตตาแก่แม่ทัพเผย ให้โบยครึ่งหนึ่งก่อน รอโรคระบาดถูกกำจัดสิ้นแล้วค่อยทำโทษต่ออีกครึ่ง!”“เรื่องสำคัญเร่งด่วนนัก ทั้งยังต้องคิดหาทางรีบเติมเครื่องยาสมุนไพรอีก ให้แม่ทัพเผยรับผิดชอบงานนี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ! เชื่อว่าแม่ทัพเผยจะมิทำพลาดอีกแน่นอน!”หมอเฝิงเอ่ยอย่างกังวล “โบยครึ่งหนึ่งมันก็ได้หรอก แต่จะจัดการผู้กระทำผิดเยี่ยงไรเล่า?”“ท่านอ๋องอี้ ท่านจะปล่อยให้แม่ทัพเผยรับผิดแทนพระชายาอ๋องอี้มิได้พ่ะย่ะค่ะ! หากท่านจัดการเช่นนี้ พวกเรากับแม่ทัพเผยไม่มีทางยอมรับได้!”เซียวหลินเทียนยิ้มอย
“ท่านอ๋อง กระหม่อมยอมรับการลงโทษพ่ะย่ะค่ะ!”เผยอวี้ตบตนเองไปหลายครั้ง หากเขาตรวจสอบอย่างรอบคอบก่อนออกเดินทาง ก็คงไม่ทำผิดพลาดใหญ่หลวงเช่นนี้!ตอนนี้เครื่องยาสมุนไพรเป็นของปลอม เช่นนั้นหลิงอวี๋จะช่วยผู้คนได้เยี่ยงไรกัน?เซียวหลินเทียนเชื่อในตัวเขาถึงได้ให้เขาขนส่งเครื่องยาสมุนไพร แต่เขากลับทำให้เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ถูกคุกคามเช่นนี้… เขาสมควรตายจริง ๆ!“ทำตามที่แม่ทัพฉินพูด โบยครึ่งหนึ่งก่อนเพื่อให้เจ้าจำบทเรียนนี้ไว้! อีกครึ่งหลังรอให้เรื่องคลี่คลายไปก่อนแล้วค่อยโบย!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างไม่แสดงสีหน้า "ใครก็ได้ เอาไม้มา!"องครักษ์สองคนก้าวไปข้างหน้า เผยอวี้ถอดชุดเกราะของตนออกแล้วนอนลงบนพื้นอย่างมีสติเพื่อรับการโบยไม้กระทบกับร่างกายของเผยอวี้อย่างต่อเนื่อง ทำเอาหลิงหว่านเห็นแล้วรู้สึกเจ็บปวดไปด้วย ความโกรธต่อเผยอวี้ที่กล่าวหาหลิงอวี๋ส่งเดชจางหายไปเล็กน้อย พลางมองด้วยความกลัวหลิงหว่านเห็นเผยอวี้กัดฟันทนรับโทษโดยไม่หือไม่อือก็แอบชื่นชมเขาในใจ แม้ว่าเผยอวี้ผู้นี้จะดูน่ารังเกียจในบางครั้ง แต่ด้านที่แข็งแกร่งก็สมควรได้รับการยกย่อง!ท่านปู่บอกว่าผู้ชายหลั่งเลือดได้แต่หลั่งน้ำ
ในตอนนี้แม้ว่าทั้งสองคนจะสงสัยโรงหุยชุน แต่ก็เกินกว่าจะเข้าไปยุ่งได้ พวกเขาไม่สามารถสอบสวนและตัดสินลงโทษโรงหุยชุนได้เลยหลิงอวี๋เห็นเซียวหลินเทียนหงุดหงิดจึงปลอบใจเขา “กลับไปค่อยว่ากันเถิดเพคะ! แม้ว่าครั้งนี้จะตัดสินโทษพวกเขามิได้ แต่เราก็สามารถหาวิธีอื่นลงโทษพวกเขาได้!”“ทำเรื่องไม่ดีมากมาย จะต้องเกิดปัญหาเป็นแน่ พวกหมอจางจะต้องชดใช้!”“อืม ข้าเชื่อเจ้า!”เซียวหลินเทียนคิดพลางเอ่ย “เผยอวี้มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อเจ้า เจ้าอย่าได้ไปใส่ใจเขาเลย เขาถ่ายทอดความคิดของข้ามิได้หรอก!"จู่ ๆ หัวข้อก็เปลี่ยนไป หลิงอวี๋ไม่ตอบสนองไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “ท่านคิดสิ่งใด?”เซียวหลินเทียนหน้าแดงพลางเอ่ยเบา ๆ “ข้าไม่คิดว่าเจ้าเลว ข้าจะไม่ขอหย่ากับเจ้าโดยไม่มีเหตุผล!”หลิงอวี๋กลอกตาใส่เขาพลางเอ่ย “ถึงมีเหตุผลหม่อมฉันก็ให้ท่านอ๋องขอหย่ามิได้เพคะ เราตกลงกันแล้วว่าจะแยกทางกันด้วยดี… ก็ต้องแยกทางกันด้วยดีเท่านั้น!”“หม่อมฉันมิสามารถปล่อยให้จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนมีบุตรีที่ถูกขอหย่าได้ เช่นนั้นจะทำให้หลิงหว่านกับคนอื่น ๆ แต่งงานได้ยากเพคะ!”“เซียวหลินเทียน หลังจากโรคระบาดนี้หายไป พอกลับไปแล้วหม่
ฉินรั่วซือยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น หลิงอวี๋ดีกว่าตนเพียงเล็กน้อย แต่นางไม่มีความเคารพต่อท่านอ๋องอี้เลย ทั้งยังเรียกชื่อของท่านอ๋องอี้ไปตรง ๆ เลยด้วยซ้ำหากตนทำตัวดี ๆ เสียหน่อย ท่านอ๋องอี้เห็นความดีของตนก็จะชอบตนเป็นแน่!ขณะที่ฉินรั่วซือกำลังครุ่นคิดก็เห็นเซียวหลินเทียนเดินออกมา นางจึงฉวยโอกาสแสร้งทำเป็นโซเซไปชนเข้ากับเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนพยุงนางโดยไม่รู้ตัว ยาต้มในมือของฉินรั่วซือก็หกเลอะไปทั่วตัวของเซียวหลินเทียน“ว๊าย… ขอประทานอภัยเพคะ… ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่ระวังเอง ท่านอ๋องบาดเจ็บหรือไม่เพคะ!”ฉินรั่วซือรีบหยิบผ้าออกมาช่วยเช็ดให้เซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนถอยไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัวแล้วขมวดคิ้วพลางเอ่ย "ข้าไม่เป็นไร!"เซียวหลินเทียนเช็ดยาที่เลอะบนชุดเกราะแบบลวก ๆ แล้วเดินไปโดยไม่แม้แต่จะมองนางเลยเขารู้สึกหงุดหงิดมาก เมื่อนึกถึงสิ่งที่หลิงอวี๋พูดว่า หลังจากกลับไปจะใช้ความดีความชอบขอให้องค์จักรพรรดิอนุญาตให้พวกเขาหย่าร้างกันก็ยิ่งหงุดหงิดมากหากหลิงอวี๋ควบคุมโรคระบาดได้จริง ๆ มันจะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เสด็จพ่อจะต้องยอมให้กับคำขอของนางอย่างแน่นอน!เมื่อถึงเวลานั้น น
“เช่นนั้นหรือ? มิทราบว่าราคายาสูงไปถึงขั้นใด? ท่านจินต้า เอาตำรับยาให้หยางต้าหู่ดูก่อนค่อยว่ากันเถอะ!”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว แม้ว่าครั้งนี้เขาจะนำเงินที่ราชสำนักจัดสรรมาบรรเทาภัยพิบัติมาด้วย แต่เงินบางส่วนก็ถูกแบ่งไปยังโรงหมอในเมืองหลวงเพื่อซื้อเครื่องยาสมุนไพรแล้วตอนนี้เขามีเงินติดตัวสองแสนกว่าเท่านั้น หากราคาสูงมากจริง ๆ เช่นนั้นก็คงชักหน้าไม่ถึงหลังแล้วท่านจินต้ายื่นตำรับยาผ่านช่องว่างรั้วกั้นเข้าไป หยางต้าหู่ดูแล้วเอ่ย“ท่านอ๋องอี้ เครื่องยาสมุนไพรที่ท่านต้องการล้วนมีราคาแพงที่สุดทั้งนั้น ทั้งยังต้องการปริมาณมากด้วย แต่ละอย่างราคาอย่างต่ำก็ห้าสิบตำลึงแล้ว!”สีหน้าของเซียวหลินเทียนมืดมนลง ตอนนี้เขาไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เขาได้รับอิทธิพลจากหลิงอวี๋ จะทำการสิ่งใดต้องทำการบ้านมาก่อนแม้ว่าเขาจะไม่คุ้นเคยกับคุณสมบัติของยาแต่ละชนิดที่ใช้รักษาโรคระบาด แต่ก็ได้ศึกษาราคาของเครื่องยาสมุนไพรมาแล้วเครื่องยาสมุนไพรที่หลิงอวี๋ขาดสามารถซื้อได้ในราคาตลาดสูงสุดไม่กี่ตำลึงเท่านั้น ราคาที่หยางต้าหู่เสนอให้ตนนั้นแพงเกินความจริง!หยางต้าหู่สังเกตคำพูดกับสีหน้า เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนสีหน้าไ
เมื่อเซียวหลินเทียนพูดจบท่านจินต้าก็ตกใจตัวแข็งทื่อการขายแร่เหล็ก อาหารและเครื่องยาสมุนไพรให้กับฉีตะวันออกถือเป็นความผิดกบฏที่ต้องประหารเก้าชั่วโคตร!พวกหยางต้าหู่ช่างขวัญกล้านัก!“ท่าน… ท่านอ๋อง… หากการคาดเดาของท่านเป็นจริง… เช่นนั้นไม่มีทางที่ข้าหลวงเว่ยโจวจะไม่รู้เรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ!”ท่านจินต้าตกใจจนพูดตะกุกตะกัก หากการคาดเดาของเซียวหลินเทียนเป็นจริง เช่นนั้นพวกเขาก็เข้าถ้ำหมาป่าเสียแล้วคนเหล่านี้กล้าทำเรื่องที่ผิดร้ายแรงเช่นนี้ หากถูกเปิดโปงขึ้นมาก็จะเป็นเช่นสุนัขจนตรอกเซียวหลินเทียนค้นพบความร้ายแรงของสถานการณ์อีกด้วย แม้ว่าเขาจะแค่คาดเดา เรื่องจริงก็อาจมิเป็นเช่นนั้น!แต่หากเขาคาดเดาถูกเล่า?เซียวหลินเทียนเอ่ยเบา ๆ “ตรวจสอบอย่างเงียบ ๆ ไปก่อน อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม ห้ามข้อมูลรั่วไหลออกไปเด็ดขาด! ตรวจสอบให้ชัดเจนแล้วเรามาวางแผนระยะยาวกันอีกที!”ท่านจินต้าพยักหน้า จากนั้นก็เช็ดเหงื่อแล้วเดินตามเซียวหลินเทียนกลับเซียวหลินเทียนเดินไปหออักษรด้วยความเคยชิน หลิงอวี๋เป็นคนฉลาดมีไหวพริบ ไปหานางอาจจะหาวิธีแก้ปัญหาได้เขาเพิ่งจะเข้าไปในหออักษร ก็เห็นฉินซานกับหลิงอวี๋กำลังยืนคุยอะไ
เซียวหลินเทียนเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง และครุ่นคิดอย่างรวดเร็วหากข้าหลวงเว่ยโจวเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย เช่นนั้นแม่ทัพเซี่ยที่ประจำการอยู่ที่เว่ยโจวจะเป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่?เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ข้าหลวงเว่ยโจวทำเลยจริง ๆ หรือ?นอกจากนี้ยังมีนายทหารที่รับคำสั่งจากแม่ทัพเซี่ยอีกสองคนด้วย...“ท่านจินต้า ให้สายลับสืบต่อไปว่าคนในรถม้าทั้งสองคันคือผู้ใด? และหยางต้าหู่ติดต่อกับพวกเขาแบบใด?”“ยอมจำนนต่อศัตรู ทรยศต่อแคว้น หรือแค่เพราะทำการค้า!”เซียวหลินเทียนครุ่นคิดพลางกำชับ“พ่ะย่ะค่ะ!” ท่านจินต้ารีบจดจำไว้“ส่งคนไปตรวจสอบแม่ทัพเซี่ยที่ประจำการอยู่กับพวกนายทหารลูกน้องเขาด้วย ดูว่ามีกี่คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!”“จริงสิ ข้าจำได้ว่ากองทหารของแม่ทัพเซี่ยมีคนสามพันคนใช่หรือไม่?”เซียวหลินเทียนเอ่ยถาม“พ่ะย่ะค่ะ! และยังมีกองทัพชายแดนนับหมื่นที่ประจำการอยู่ที่ชายแดน… แม่ทัพเซี่ยสามารถขอความช่วยเหลือจากกองทัพชายแดนได้ในกรณีฉุกเฉินพ่ะย่ะค่ะ!”ท่านจินต้าติดตามเซียวหลินเทียนมาหลายปีแล้ว แค่ฟังเขาก็สามารถเดาความคิดของเซียวหลินเทียนได้แล้ว นี่คือการปรับใช้กลยุทธ์อยู่“ท่านอ๋อง
เซียวหลินเทียนมองฉินซานอย่างชื่นชม พลางเอ่ยเสียงทุ้ม “แม่ทัพฉินพูดถูก! หากข้าหลวงเว่ยโจวกับแม่ทัพเซี่ยที่กองรักษาการณ์เป็นพวกเดียวกัน! คนที่พวกเราพามาก็คือไส้ศึกของพวกเขา!”“ดังนั้นข้าจึงเรียกพวกเจ้ามาเพื่อจะวางแผน!”“ท่านอ๋องบอกมาได้เลย...ท่านต้องการให้กระหม่อมทำสิ่งใด จะบุกน้ำลุยไฟกระหม่อมก็จะทำให้สำเร็จพ่ะย่ะค่ะ!” ฉินซานเอ่ยเสียงขรึมหลี่ว์จงเจ๋อเห็นใบหน้าที่จริงจังของคนสองคน ก็ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ ตอนนี้พวกเขาลงเรือลำเดียวกันแล้วพ่อของตนคือหลี่ว์เซียง พวกเขาจะปล่อยตนไปได้หรือ?“ท่านอ๋อง กระหม่อมก็เช่นเดียวกัน จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำงานที่ท่านอ๋องมอบหมายให้สำเร็จพ่ะย่ะค่ะ!” หลี่ว์จงเจ๋อแสดงจุดยืนอย่างรวดเร็ว“มันเป็นเรื่องความเป็นความตายของพวกเรา เราจะเอาชนะความยากลำบากนี้ได้ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันเท่านั้น ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจแบ่งกองกำลังของเราออกเป็นสามกลุ่ม…”เซียวหลินเทียนมองไปทางฉินซาน “แม่ทัพฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าเคยอยู่ที่ชายแดนและรู้ภาษาถิ่นอยู่บ้าง ข้าอยากให้เจ้าพาคนหลายสิบคนแอบเข้าไปในเมืองเว่ยโจวก่อน!”“ภารกิจของเจ้าคือตรวจสอบรายละเอียดหยางช่างจื้อ
เช่นนี้ก็แสดงว่า เฉียวไป๋เองก็รู้แล้วใช่หรือไม่ว่าคนที่ช่วยเขาไว้คือศัตรูของเขา?หลิงอวี๋แอบดีใจที่ตนเปลี่ยนรูปลักษณ์อีกครั้ง หลังจากที่หนีออกมาจากเงื้อมมือของเก๋อฮุ่ยหนิง มิเช่นนั้นหากใช้ใบหน้าก่อนหน้านี้ ก็คงจะถูกเก๋อฮุ่ยหนิงสังหารไปแล้วใช่หรือไม่?ดูท่าทางต่อไปตนจะมิสามารถใช้มีดผ่าตัดรักษาคนได้อีกต่อไปแล้ว!หลิงอวี๋ค้นพบแล้วว่า ที่เมืองหลวงแดนเทพนั้นล้วนเป็นหมอโอสถที่รักษาโรค มิว่าจะเป็นโรคอะไร หมอโอสถก็ล้วนใช้เพียงโอสถในการรักษาโรคเท่านั้นส่วนการผ่าตัดนั้น ในตอนนี้กลายเป็นวิธีการรักษาเฉพาะตัวของนางไปแล้วประเดี๋ยวก่อน จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของหลิงอวี๋ตนเป็นคนที่รักษาดวงตาของฮูหยินเว่ยจนหาย ตอนนั้นมีหมอจำนวนมากบอกว่าดวงตาของฮูหยินเว่ยมิสามารถรักษาได้แล้ว หากพวกนางเองก็ได้เห็นหมายจับค่าหัวด้วย พวกนางจะไปเปิดโปงตนให้กับตระกูลเฉียวหรือไม่?ตั้งแต่ที่ตนลงมาจากเรือของตระกูลเว่ย ก็ทำเพียงเปลี่ยนกลับเป็นชุดสตรี แต่มิได้เปลี่ยนการแปลงโฉม!ยิ่งไปกว่านั้น ผู้รอบรู้ก็มิได้แปลงโฉมด้วย เช่นนั้นขอเพียงติดตามเบาะแสเหล่านี้มา การจะตามหาตนก็มิใช่เรื่องยากแล้ว!หากต้องการให้ตนป
ขณะที่ก้าวเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ ทีละก้าว หลิงอวี๋ก็มองพิจารณาฮูหยินทั้งสองของตระกูลเฉียวไปอย่างเงียบ ๆฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเฉียวเป็นเสาหลักของตระกูลเฉียว เฉียวต้าลูกชายของนางซึ่งเป็นผู้นำตระกูลเฉียวตายไปแล้ว และเฉียวเค่อหลานชายที่เป็นที่รักมาโดยตลอดก็ตายไปแล้วเช่นกันฮูหยินผู้เฒ่าที่อายุหกสิบกว่าผู้นี้แก่ตัวลงมากภายในชั่วข้ามคืน และในช่วงนี้ก็นอนซมอยู่บนเตียงอยู่ตลอด นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่นางออกจากบ้านตั้งแต่ที่ลูกชายตายไปนางแต่งตัวเรียบหรูสุภาพเช่นเดียวกับฮูหยินเฉียว และเนื่องจากนางกินโอสถชะลอวัยมาหลายปี ดังนั้นแม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเฉียวจะอายุหกสิบแล้ว แต่บนใบหน้าของนางก็ไม่มีริ้วรอยแม้แต่น้อย ดูแล้วคล้ายกับเป็นพี่น้องกับฮูหยินเฉียวเลยทีเดียวผมของนางก็เป็นสีดำสนิททั้งหมดเช่นกัน เพียงแต่เป็นเพราะอาการป่วย จึงทำให้สีผิวดูขาวซีดไปเล็กน้อยรูปร่างของฮูหยินเฉียวสูงใหญ่กว่าสตรีทั่วไป นางสูงเกือบหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร กระดูกก็ใหญ่เช่นกัน ดูมีความสามารถมาก และระหว่างคิ้วกับตาของนางนั้นก็ล้วนเป็นความมุ่งมั่นตัดสินใจอย่างเด็ดขาด“ฮูหยินผู้เฒ่าเฉียว ฮูหยินเฉียว...”จงเจิ้งเฟยพาเหลยเหวินกั
น่าสนใจ!เซียวหลินเทียนเห็นกระบวนการทั้งหมดนั้น แล้วก็รู้สึกว่าการมาเข้าร่วมงานเลี้ยงชมบุปผาที่น่าเบื่อในวันนี้ ก็มิได้น่าเบื่อถึงเพียงนั้นแล้วเขาหันไปหาเถาจื่อแล้วเอ่ยออกไป “ศิษย์พี่หญิงของเจ้าผู้นี้น่าสนใจมาก เจ้าจงเข้าใกล้นางเข้าไว้!”เถาจื่อดูท่าทีสับสน “นายท่านอู่ ท่านแน่ใจว่านางมิใช่คุณหนูมิใช่หรือเจ้าคะ? เหตุใดจึงต้องเสียเวลาไปกับนางด้วยเจ้าคะ?”เซียวหลินเทียนส่ายหัว “ไม่ ข้ามิอาจแน่ใจได้หรอก! คุณหนูของพวกเจ้าฉลาดถึงเพียงนั้น หากนางตั้งใจจะซ่อนตัวขึ้นมาจริง ๆ ก็มีวิธีมากมายนัก!”“ข่าวล่าสุดที่สือหรงส่งมาก็คือ คุณหนูของพวกเจ้าติดตามฮูหยินเว่ยมาที่เมืองหลวงแดนเทพ ขอเพียงนางอยู่ในสังคมเมืองหลวงแดนเทพนี้ นางจะต้องมาศึกษาที่สำนักศึกษาชิงหลงอย่างแน่นอน!”“สิ่งที่พวกเราต้องให้ความสำคัญก็คือสตรีที่โดดเด่นเหล่านี้ เราจะต้องตรวจสอบพวกนางทีละคน จนกว่าจะพบคุณหนูของเจ้า!”เซียวหลินเทียนเชื่อว่า ด้วยความฉลาดของหลิงอวี๋แล้ว นางไม่มีทางเป็นคนธรรมดาอย่างแน่นอน ขอเพียงคอยจับตามองสตรีที่โดดเด่นเหล่านี้เข้าไว้ เขาจะต้องหาหลิงอวี๋พบได้อย่างแน่นอน“ฉินซาน เจ้ากลับไปบอกให้สือหรงสืบประวัติของส
หลิวซานและเหล่าบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ก็พากันตำหนิหลิงอวี๋หลิวซานเป็นผู้นำดุด่าขึ้นมา “ใช่แล้ว ตนเองสร้างปัญหาไปทั่ว เมื่อถูกคนมาทำลายบ้านยังจะมาใส่ร้ายศิษย์พี่ของพวกเราอีก คงมิใช่ว่าเจ้ายากจนไม่มีเงิน จึงคิดจะขู่กรรโชกเงินจำนวนหนึ่งไปสร้างบ้านใหม่ใช่หรือไม่!”บัณฑิตคนหนึ่งก็เอ่ยออกมาอย่างดูถูกเช่นกัน “ดูจากอาภรณ์ที่นางใส่แล้ว ก็คงมิได้อยู่อาศัยในที่ที่ดีนักหรอก คงจะไปทำให้ใครขุ่นเคืองเข้าจึงถูกทุบน่ะสิ!”“ใช่แล้ว ที่อยู่ของพวกเรามีความปลอดภัยดี ไม่มีทางเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแน่!”“สิงอวี๋ เจ้าช่างน่ารังเกียจเสียจริง! เมื่อครู่ศิษย์พี่ของเราล้อเล่นจึงพูดเช่นนั้นออกไป คาดมิถึงเลยว่าจะถูกเจ้าใส่ร้าย! เช่นนั้นหากเป็นข้าที่พูดเช่นนั้นออกไป เจ้าก็จะบอกว่าข้าทำลายบ้านเจ้าใช่หรือไม่?”จงเจิ้งเฟยกับเหลยเหวินจึงดึงหลิงอวี๋ไปถามด้วยความเป็นห่วง “บ้านของเจ้าถูกทุบจริงหรือ?”หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องวุ่นวายในบ้านที่เห็นท่ามกลางสายฝนเมื่อวานนี้ แล้วพยักหน้าอย่างแน่วแน่นางมองเหมียวหยางอย่างเย็นชา เขายังคงหัวเราะอย่างมิกลัวเกรง พร้อมกับทำท่าทางท้าทายราวกับว่า ‘เจ้าทำอะไรข้ามิไ
เสียงของหลิงอวี๋มิได้ดัง แต่ก็แน่วแน่มีพลังพอ ทำให้คุณหนูคุณชายที่อยู่ในบริเวณนั้นได้ยินกันหมดเซียวหลินเทียนเพิ่งลงจากรถม้ามาพร้อมกับพวกเถาจื่อ เมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวหลินเทียนก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วก็หันไปมองน้ำเสียงนี้ พลังเช่นนี้ เหตุใดจึงคล้ายกับหลิงอวี๋มากถึงเพียงนั้นอย่ารังแกคนหนุ่มสาวที่ยากจน!ตอนนั้นที่หลิงอวี๋ถูกพวกเสิ่นจวนกลั่นแกล้งที่ภัตตาคาร หลิงอวี๋ก็เคยพูดในทำนองเดียวกันนี้“ใต้หล้านี้หากมีคนใส่ร้ายข้า หลอกลวงข้า ดูหมิ่นข้า เย้ยหยันข้า ดูถูกข้า เหยียดหยามข้า รังเกียจข้า หลอกลวงข้า ข้าควรจะลงโทษอย่างไร?”“ขอเพียงอดทนกับเขา ยอมเขา ตามใจเขา หลีกเลี่ยงเขา อดกลั้นกับเขา เคารพเขา เมินเฉยเขา และรอไปสักสองสามปีแล้วค่อยดูเขา!”พวกของเสิ่นจวนที่เคยรังแกหลิงอวี๋ในอดีตนั้น ในตอนนี้ต่างก็มีจุดจบที่น่าสังเวชทั้งสิ้น มีเพียงหลิงอวี๋เท่านั้น ที่ก้าวหน้า กลายเป็นหมอที่มีชื่อเสียง เป็นฮองเฮาที่ผู้คนนับล้านในฉินตะวันตกเคารพ!สตรีหน้าตาธรรมดาและแต่งตัวซอมซ่อตรงหน้าเขาผู้นี้ ก็มีพลังของหลิงอวี๋อยู่เช่นกันใครจะรู้ว่านางจะเป็นดังเช่นหลิงอวี๋หรือไม่ หนึ่งปีหลังจากนี้นางอาจ
ใต้หล้านี้มีสตรีที่งดงามอยู่มากมาย!บางคนก็พึ่งการแต่งตัวให้ตนดูงดงาม!และบางคนก็พึ่งความเข้มแข็งภายในจิตใจทำให้งดงาม!และในชั่วขณะนี้ เหลยเหวินรู้สึกว่าสหายของตนผู้นี้ ถึงแม้ว่าจะดูธรรมดาทั่วไป แต่ก็มิได้ด้อยไปกว่าสตรีที่แต่งหน้าแต่งตัวจัดเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย“เสี่ยวอวี๋ เจ้าจะต้องได้สิ่งที่เจ้าต้องการอย่างแน่นอน!”เหลยเหวินเอ่ยออกมาอย่างจริงใจหลิงอวี๋มีจิตใจที่แน่วแน่เช่นนี้ ทั้งยังมีพรสวรรค์ด้านการกลั่นโอสถอีก ในอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด นางจะต้องไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดอย่างแน่นอนทั้งสองยิ้มให้กันแล้วออกไปรอจงเจิ้งเฟยและเมื่อมาถึงที่หน้าประตู รถม้าของตระกูลจงเจิ้งก็มาถึงเนื่องจากเป็นตระกูลใหญ่ จึงเป็นรถม้าที่มีม้าลากสี่ตัวที่ดูหรูหรามาก พวกนางทั้งสามคนยิ้มแย้มพูดคุยกันไปขณะที่มุ่งหน้าไปที่บ้านของหลงอิง“เสี่ยวอวี๋ ตระกูลของหลงอิงเป็นสายข้างเคียงของตระกูลหลง ดังนั้นที่ที่พวกเราจะไปกันจึงมิใช่คฤหาสน์ต้นตระกูล แต่เป็นคฤหาสน์ของครอบครัวนางเอง”เหลยเหวินแนะนำหลิงอวี๋อย่างกระตือรือร้น “แม้ว่าจะเป็นเพียงสายข้างเคียง แต่ครอบครัวหลงอิงก็ใหญ่โตมากเช่นกัน ต้องจัดงานยิ่งใหญ่เช่นนี้ประจำ
“เสี่ยวชี เจ้าอาศัยอยู่ที่ใด ข้าจะไปส่งเจ้า!”เย่หรงรู้สึกว่าคุยกับหลิงอวี๋ถูกคอมาก จึงรู้สึกว่ายังมิพอ“โรงเตี๊ยมเจ้าค่ะ!”ในเมื่อหลิงอวี๋ตัดสินใจที่จะสร้างพันธมิตรกับเย่หรงแล้ว นางจึงมิลังเลที่จะบอกเรื่องของตนให้เขารู้เย่หรงจึงเอ่ยออกมาอย่างประหลาดใจ “เจ้าสอบเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงได้แล้วนี่ เหตุใดยังพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมอีกเล่า? โรงเตี๊ยมในเมืองหลวงแดนเทพราคามิใช่ถูก ๆ เจ้าทำเช่นนี้มิสู้ซื้อเรือนสักหลังน่าจะคุ้มค่ากว่าหรือ!”หลิงอวี๋จึงยิ้มอย่างเย็นชา “เดิมทีข้ามีบ้านอยู่ แต่ถูกคนทำลายไปเสียแล้ว!”“เกิดเรื่องอันใดขึ้น? เจ้าเป็นศิษย์น้อยของอาสาม ใครกันที่ตาไร้แววกล้ามาทำลายเรือนของเจ้า?”เย่หรงยิ่งก็ยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้นไปอีกหลิงอวี๋จึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้เขาฟัง และสุดท้ายก็เอ่ยออกไป “เรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของเหมียวหยางเป็นแน่ ข้าไม่มีศัตรูอยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ และนอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครที่จะทำเรื่องเช่นนี้กับข้าด้วย!”เย่หรงได้ยินเช่นนั้นก็โกรธมาก “ไป่หลี่ไห่กับหอโอสถไป๋เป่าอาศัยว่ามีการสนับสนุนของเจ้าแห่งทะเล จึงได้กล้าทำสิ่งชั่วร้ายเช่นนี้!”“เสี่ยวช
แหกคุกหรือ?เหมือนว่าจะไม่มีใครเคยพูดเช่นนี้กับเย่หรงมาก่อนเลย เย่หรงเองก็ถูกการศึกษาที่แสนยาวนานยับยั้งเอาไว้ คิดมิถึงเลยว่าจะมีวิธีเช่นนี้ที่สามารถใช้ได้ด้วย!เขาประหลาดใจขึ้นมาในทันที แล้วก็มองหลิงอวี๋อย่างเหลือเชื่อเช่นนี้ก็ได้เช่นกันนี่?เพราะว่าเย่หรงเองก็เป็นคนที่มิทำตามกฎอยู่แล้ว หลังจากที่ตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง เขาก็คิดออกแล้วคำโน้มนำที่หลิงอวี๋ขว้างมาตรงหน้าตนนั้นเป็นราวกับต้นกล้าเล็ก ๆ ที่ทะลุผ่านดินขึ้นมาในชั่วพริบตา และเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ!ใครบอกว่ามิได้เล่า?ความผิดที่มารดาของเขาทำนั้นมิใช่ความผิดร้ายแรง ตระกูลหลงและตระกูลเย่ก็มิแม้แต่จะผ่านการพิจารณาคดีด้วยซ้ำ พวกเขาแค่ขังนางไว้ในคุกน้ำอันมืดมิดมาเป็นเวลานานสิบกว่าปีแล้วพวกเขาสามารถเพิกเฉยกฎเกณฑ์ได้ และทำตามอำเภอใจกันได้ เช่นนั้นเหตุใดตนจึงต้องปฏิบัติตามกฎของพวกเขาด้วยเล่า?มิรู้ว่าท่านแม่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนั้นจะถูกทรมานอย่างไรบ้าง เขาในฐานะลูกชายจะสามารถมองดูมารดาต้องทนทุกข์ต่อไปได้อย่างไรกัน?หากเขามิช่วยท่านแม่ออกมาจากสถานที่เลวร้ายนั้น เขาจะต้องสูญเสียท่านแม่ไปแน่“เสี่ยวชี ข้าจะหาช่องโหว่ได้
ก็มิรู้ว่าเพราะเหตุใดเช่นกัน!เป็นเพราะได้ยินหยางหงหนิงบอกว่าเย่หรงชอบหลิงอวี๋หรือ?หรือเป็นเพราะเมื่อครู่ได้ยินเย่หรงพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าตัวเขาไร้ประโยชน์ และไม่มีอะไรดี?หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะเคยได้ยินผู้รอบรู้เล่าเรื่องภูมิหลังของเย่หรง เมื่อหลิงอวี๋เห็นเย่หรงจึงไม่มีความระแวดระวังดังเช่นก่อนหน้านี้นี่คือคนที่น่าสงสารคนหนึ่ง!หลิงอวี๋มองใบหน้าที่คุ้นเคยนั้นแล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างประหม่า “คุณชายเย่ ข้ามิได้ตั้งใจจะแอบฟัง ข้าแค่ผ่านมา… แค่ผ่านมาเท่านั้นเอง!”เย่หรงจ้องมองนางอย่างดุร้าย และเมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกของศิษย์น้อยของเย่ซื่อฝาน ดูมิคล้ายกับพูดโกหกอยู่ เขาก็เอ่ยถามอย่างมิคาดคิด “เจ้าดื่มสุราเป็นหรือไม่?”เอ๊ะ นี่คือคำถามอะไรกัน?“มินับว่าดื่มเป็นเจ้าค่ะ!” หลิงอวี๋เอ่ยด้วยความเขินอายนางมิรู้ด้วยซ้ำว่าตนสามารถดื่มได้มากแค่ไหน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าดื่มเป็นหรือไม่“ไป ข้าจะเลี้ยงสุราเจ้าเอง!”เย่หรงมิพูดพร่ำทำเพลง แล้วเดินเข้ามาคว้าแขนของหลิงอวี๋เดินไป“คุณชายเย่ ข้าไปดื่มกับท่านมิได้เจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ตกใจ แล้วก็ดิ้นรนพลางเอ่ยออกมาแม้แต่คนตาบอดก็ยังมองเห็นชัดเจนว่