ฉินรั่วซือยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น หลิงอวี๋ดีกว่าตนเพียงเล็กน้อย แต่นางไม่มีความเคารพต่อท่านอ๋องอี้เลย ทั้งยังเรียกชื่อของท่านอ๋องอี้ไปตรง ๆ เลยด้วยซ้ำหากตนทำตัวดี ๆ เสียหน่อย ท่านอ๋องอี้เห็นความดีของตนก็จะชอบตนเป็นแน่!ขณะที่ฉินรั่วซือกำลังครุ่นคิดก็เห็นเซียวหลินเทียนเดินออกมา นางจึงฉวยโอกาสแสร้งทำเป็นโซเซไปชนเข้ากับเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนพยุงนางโดยไม่รู้ตัว ยาต้มในมือของฉินรั่วซือก็หกเลอะไปทั่วตัวของเซียวหลินเทียน“ว๊าย… ขอประทานอภัยเพคะ… ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่ระวังเอง ท่านอ๋องบาดเจ็บหรือไม่เพคะ!”ฉินรั่วซือรีบหยิบผ้าออกมาช่วยเช็ดให้เซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนถอยไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัวแล้วขมวดคิ้วพลางเอ่ย "ข้าไม่เป็นไร!"เซียวหลินเทียนเช็ดยาที่เลอะบนชุดเกราะแบบลวก ๆ แล้วเดินไปโดยไม่แม้แต่จะมองนางเลยเขารู้สึกหงุดหงิดมาก เมื่อนึกถึงสิ่งที่หลิงอวี๋พูดว่า หลังจากกลับไปจะใช้ความดีความชอบขอให้องค์จักรพรรดิอนุญาตให้พวกเขาหย่าร้างกันก็ยิ่งหงุดหงิดมากหากหลิงอวี๋ควบคุมโรคระบาดได้จริง ๆ มันจะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เสด็จพ่อจะต้องยอมให้กับคำขอของนางอย่างแน่นอน!เมื่อถึงเวลานั้น น
“เช่นนั้นหรือ? มิทราบว่าราคายาสูงไปถึงขั้นใด? ท่านจินต้า เอาตำรับยาให้หยางต้าหู่ดูก่อนค่อยว่ากันเถอะ!”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว แม้ว่าครั้งนี้เขาจะนำเงินที่ราชสำนักจัดสรรมาบรรเทาภัยพิบัติมาด้วย แต่เงินบางส่วนก็ถูกแบ่งไปยังโรงหมอในเมืองหลวงเพื่อซื้อเครื่องยาสมุนไพรแล้วตอนนี้เขามีเงินติดตัวสองแสนกว่าเท่านั้น หากราคาสูงมากจริง ๆ เช่นนั้นก็คงชักหน้าไม่ถึงหลังแล้วท่านจินต้ายื่นตำรับยาผ่านช่องว่างรั้วกั้นเข้าไป หยางต้าหู่ดูแล้วเอ่ย“ท่านอ๋องอี้ เครื่องยาสมุนไพรที่ท่านต้องการล้วนมีราคาแพงที่สุดทั้งนั้น ทั้งยังต้องการปริมาณมากด้วย แต่ละอย่างราคาอย่างต่ำก็ห้าสิบตำลึงแล้ว!”สีหน้าของเซียวหลินเทียนมืดมนลง ตอนนี้เขาไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เขาได้รับอิทธิพลจากหลิงอวี๋ จะทำการสิ่งใดต้องทำการบ้านมาก่อนแม้ว่าเขาจะไม่คุ้นเคยกับคุณสมบัติของยาแต่ละชนิดที่ใช้รักษาโรคระบาด แต่ก็ได้ศึกษาราคาของเครื่องยาสมุนไพรมาแล้วเครื่องยาสมุนไพรที่หลิงอวี๋ขาดสามารถซื้อได้ในราคาตลาดสูงสุดไม่กี่ตำลึงเท่านั้น ราคาที่หยางต้าหู่เสนอให้ตนนั้นแพงเกินความจริง!หยางต้าหู่สังเกตคำพูดกับสีหน้า เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนสีหน้าไ
เมื่อเซียวหลินเทียนพูดจบท่านจินต้าก็ตกใจตัวแข็งทื่อการขายแร่เหล็ก อาหารและเครื่องยาสมุนไพรให้กับฉีตะวันออกถือเป็นความผิดกบฏที่ต้องประหารเก้าชั่วโคตร!พวกหยางต้าหู่ช่างขวัญกล้านัก!“ท่าน… ท่านอ๋อง… หากการคาดเดาของท่านเป็นจริง… เช่นนั้นไม่มีทางที่ข้าหลวงเว่ยโจวจะไม่รู้เรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ!”ท่านจินต้าตกใจจนพูดตะกุกตะกัก หากการคาดเดาของเซียวหลินเทียนเป็นจริง เช่นนั้นพวกเขาก็เข้าถ้ำหมาป่าเสียแล้วคนเหล่านี้กล้าทำเรื่องที่ผิดร้ายแรงเช่นนี้ หากถูกเปิดโปงขึ้นมาก็จะเป็นเช่นสุนัขจนตรอกเซียวหลินเทียนค้นพบความร้ายแรงของสถานการณ์อีกด้วย แม้ว่าเขาจะแค่คาดเดา เรื่องจริงก็อาจมิเป็นเช่นนั้น!แต่หากเขาคาดเดาถูกเล่า?เซียวหลินเทียนเอ่ยเบา ๆ “ตรวจสอบอย่างเงียบ ๆ ไปก่อน อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม ห้ามข้อมูลรั่วไหลออกไปเด็ดขาด! ตรวจสอบให้ชัดเจนแล้วเรามาวางแผนระยะยาวกันอีกที!”ท่านจินต้าพยักหน้า จากนั้นก็เช็ดเหงื่อแล้วเดินตามเซียวหลินเทียนกลับเซียวหลินเทียนเดินไปหออักษรด้วยความเคยชิน หลิงอวี๋เป็นคนฉลาดมีไหวพริบ ไปหานางอาจจะหาวิธีแก้ปัญหาได้เขาเพิ่งจะเข้าไปในหออักษร ก็เห็นฉินซานกับหลิงอวี๋กำลังยืนคุยอะไ
เซียวหลินเทียนเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง และครุ่นคิดอย่างรวดเร็วหากข้าหลวงเว่ยโจวเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย เช่นนั้นแม่ทัพเซี่ยที่ประจำการอยู่ที่เว่ยโจวจะเป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่?เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ข้าหลวงเว่ยโจวทำเลยจริง ๆ หรือ?นอกจากนี้ยังมีนายทหารที่รับคำสั่งจากแม่ทัพเซี่ยอีกสองคนด้วย...“ท่านจินต้า ให้สายลับสืบต่อไปว่าคนในรถม้าทั้งสองคันคือผู้ใด? และหยางต้าหู่ติดต่อกับพวกเขาแบบใด?”“ยอมจำนนต่อศัตรู ทรยศต่อแคว้น หรือแค่เพราะทำการค้า!”เซียวหลินเทียนครุ่นคิดพลางกำชับ“พ่ะย่ะค่ะ!” ท่านจินต้ารีบจดจำไว้“ส่งคนไปตรวจสอบแม่ทัพเซี่ยที่ประจำการอยู่กับพวกนายทหารลูกน้องเขาด้วย ดูว่ามีกี่คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!”“จริงสิ ข้าจำได้ว่ากองทหารของแม่ทัพเซี่ยมีคนสามพันคนใช่หรือไม่?”เซียวหลินเทียนเอ่ยถาม“พ่ะย่ะค่ะ! และยังมีกองทัพชายแดนนับหมื่นที่ประจำการอยู่ที่ชายแดน… แม่ทัพเซี่ยสามารถขอความช่วยเหลือจากกองทัพชายแดนได้ในกรณีฉุกเฉินพ่ะย่ะค่ะ!”ท่านจินต้าติดตามเซียวหลินเทียนมาหลายปีแล้ว แค่ฟังเขาก็สามารถเดาความคิดของเซียวหลินเทียนได้แล้ว นี่คือการปรับใช้กลยุทธ์อยู่“ท่านอ๋อง
เซียวหลินเทียนมองฉินซานอย่างชื่นชม พลางเอ่ยเสียงทุ้ม “แม่ทัพฉินพูดถูก! หากข้าหลวงเว่ยโจวกับแม่ทัพเซี่ยที่กองรักษาการณ์เป็นพวกเดียวกัน! คนที่พวกเราพามาก็คือไส้ศึกของพวกเขา!”“ดังนั้นข้าจึงเรียกพวกเจ้ามาเพื่อจะวางแผน!”“ท่านอ๋องบอกมาได้เลย...ท่านต้องการให้กระหม่อมทำสิ่งใด จะบุกน้ำลุยไฟกระหม่อมก็จะทำให้สำเร็จพ่ะย่ะค่ะ!” ฉินซานเอ่ยเสียงขรึมหลี่ว์จงเจ๋อเห็นใบหน้าที่จริงจังของคนสองคน ก็ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ ตอนนี้พวกเขาลงเรือลำเดียวกันแล้วพ่อของตนคือหลี่ว์เซียง พวกเขาจะปล่อยตนไปได้หรือ?“ท่านอ๋อง กระหม่อมก็เช่นเดียวกัน จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำงานที่ท่านอ๋องมอบหมายให้สำเร็จพ่ะย่ะค่ะ!” หลี่ว์จงเจ๋อแสดงจุดยืนอย่างรวดเร็ว“มันเป็นเรื่องความเป็นความตายของพวกเรา เราจะเอาชนะความยากลำบากนี้ได้ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันเท่านั้น ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจแบ่งกองกำลังของเราออกเป็นสามกลุ่ม…”เซียวหลินเทียนมองไปทางฉินซาน “แม่ทัพฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าเคยอยู่ที่ชายแดนและรู้ภาษาถิ่นอยู่บ้าง ข้าอยากให้เจ้าพาคนหลายสิบคนแอบเข้าไปในเมืองเว่ยโจวก่อน!”“ภารกิจของเจ้าคือตรวจสอบรายละเอียดหยางช่างจื้อ
ณ เวลานี้เผยอวี้กับหลิงหว่านกำลังเดินไปในภูเขาลึกพร้อมกับทหารสองสามคน หลังจากเดินมาเป็นเวลานาน พวกเขาก็กลับมาที่จุดเดิมอีกครั้งเผยอวี้สีหน้ามืดมนลง เขาฟันต้นไม้ที่มีเครื่องหมายดาบอย่างเหนื่อยหน่าย“นี่ถูกผีบังตาหรือไม่? เหตุใดเดินมาหลายรอบแล้วก็ยังกลับมาที่เดิมเล่า!”หลิงหว่านกลอกตาใส่เขา หลังจากเดินมานานนางก็ทนไม่ไหวแล้ว จึงนั่งลงบนพื้นพลางเอ่ย“ข้ามิไปแล้ว พวกท่านก็อย่าไปเลย! รอจนรุ่งสางค่อยหาทางเถิด! มิฉะนั้นเราทุกคนคงจะเหนื่อยตายกันในภูเขานี้”ผู้ใต้บังคับบัญชาของเผยอวี้ทรุดตัวลงบนพื้นทีละคน เห็นด้วยกับคำพูดของหลิงหว่าน “แม่ทัพเผย พักอยู่ที่นี่กันสักคืนเถิดขอรับ! เราเดินไม่ไหวแล้วจริง ๆ!”ผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนบ่นกับเผยอวี้ หากเผยอวี้ไม่ยืนกรานที่จะรวบรวมเครื่องยาสมุนไพรให้เพียงพอ พวกเขาคงมิต้องเข้ามาในภูเขาลึกเช่นนี้ แล้วก็คงมิหลงทางอยู่ในภูเขาด้วยก่อนหน้าหมอเฒ่าเคยเตือนไว้แล้วว่า ในภูเขาลึกมันจะหลงทางได้ง่าย แต่เผยอวี้กลับพูดอย่างหนักแน่นว่าตนจะทำเครื่องหมายไว้ มิหลงทางแน่นอนไหนเลยจะคิดว่า แม้ว่าจะทำเครื่องหมายไว้แล้วแต่พวกเขาก็มิสามารถหาทางกลับได้อยู่ดี“พวกเจ้าพั
ไม่รู้ว่าหมดสติไปนานแค่ไหน แต่หลิงหว่านรู้สึกว่ามีคนบีบตนนางจึงสะดุ้งฟื้นขึ้นมาตรงหน้านางยังคงมืดมน หลิงหว่านเอื้อมมือออกไปสัมผัสมือข้างหนึ่ง แล้วนางก็กรีดร้องด้วยความตกใจ“กรี๊ด… ใครกัน?”“คุณหนูใหญ่… ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว!”เผยอวี้เรียกอย่างอ่อนแรง “เจ้าอย่าขยับ… เราตกหลุมกับดัก! ข้าได้รับบาดเจ็บ!”“ท่านได้รับบาดเจ็บตรงที่ใด?”หลิงหว่านตกใจกับคำพูดของเผยอวี้ แต่รู้สึกได้ว่าเผยอวี้อยู่ข้างใต้นาง นางก็มิกล้าขยับตัวเพราะกลัวว่าจะทำให้เผยอวี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากขึ้นอีก“ยื่นมือไปในอ้อมแขนของข้า ในนั้นมีตะบันไฟอยู่ หยิบออกมาจุดไฟแล้วดูบริเวณโดยรอบก่อน!”หลิงหว่านคลำหาและลากมือไปตามอาภรณ์ของเผยอวี้เผยอวี้อธิบายไม่ถูกว่าเป็นเยี่ยงไร เขารู้สึกว่าสตรีผู้นี้สัมผัสไปทั่ว ชายวัยหนุ่มพลุ่งพล่านเช่นเขาจะทนรับสัมผัสของมือนุ่ม ๆ ได้เยี่ยงไรกัน!“เร็วเข้าสิ เหตุใดจึงชักช้าร่ำไรนักเล่า?”เขาแสร้งทำเป็นดุไป “ไฉนคนที่บาดเจ็บจึงมิใช่เจ้ากัน! ข้าเลือดออกจนจะตายอยู่แล้ว!”หลิงหว่านตกใจกลัวแล้วปัดป่ายมือไปมั่ว ๆ ในที่สุดนางก็หาตะบันไฟเจอจึงเอาออกมาจุดไฟ จากนั้นจึงได้เห็นชัดว่าพวกเขาตกลงมาในก
หลิงหว่านเข้าใจเจตนาของเผยอวี้ แต่นางก็ยังทนมิได้ “ท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าทิ้งท่านไว้มิได้หรอก!”“หากเจ้าอยู่ที่นี่ เราสองคนจะตายกันอยู่ที่นี่ทั้งคู่! ขึ้นไปเร็วเข้า จะมัวชักช้าอยู่ไย!”เผยอวี้คว้ามือของหลิงหว่านแล้วดึงนางเข้ามาหาตนเองหลิงหว่านมองไปที่ปากกับดัก แล้วทำได้เพียงยืนบนไหล่ของเผยอวี้“เตรียมตัวให้พร้อมนะ ข้าจะลุกขึ้นส่งเจ้าขึ้นไป เจ้าก็รีบจับปากกับดักแล้วปีนขึ้นไปเสีย!”เผยอวี้รอให้หลิงหว่านยืนอย่างมั่นคงก่อน จากนั้นก็ยืนขึ้นอย่างช้า ๆ แบกนางให้ยืนขึ้น“อีกนิด…”หลิงหว่านมองเห็นแสงจันทร์ด้านนอกปากกับดักแล้ว แต่มันก็ยังห่างเกือบช่วงแขน“เตรียมพร้อม...ขึ้นไป…”เผยอวี้ออกแรงทั้งหมดกระโดดขึ้นไป หลิงหว่านก็พ้นจากปากกับดักไปได้ครึ่งตัวแล้ว“ข้าออกมาได้แล้ว…”หลิงหว่านรู้สึกว่าด้านล่างเท้าของนางว่างเปล่า นางรีบดันร่างกับข้างหลุมแล้วปีนออกจากกับดักด้วยความยากลำบาก“แม่ทัพเผย… ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”หลิงหว่านหันกลับไปมองเผยอวี้ แล้วก็เห็นว่าเผยอวี้ล้มลงไปกับพื้น“แม่ทัพเผย… ท่านเป็นอะไรหรือไม่? แม่ทัพเผย?”หลิงหว่านเรียกอยู่หลายครั้ง แต่เผยอวี้ก็ไม่ตอบหลิงหว่านกัง