หลิงหว่านเข้าใจเจตนาของเผยอวี้ แต่นางก็ยังทนมิได้ “ท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าทิ้งท่านไว้มิได้หรอก!”“หากเจ้าอยู่ที่นี่ เราสองคนจะตายกันอยู่ที่นี่ทั้งคู่! ขึ้นไปเร็วเข้า จะมัวชักช้าอยู่ไย!”เผยอวี้คว้ามือของหลิงหว่านแล้วดึงนางเข้ามาหาตนเองหลิงหว่านมองไปที่ปากกับดัก แล้วทำได้เพียงยืนบนไหล่ของเผยอวี้“เตรียมตัวให้พร้อมนะ ข้าจะลุกขึ้นส่งเจ้าขึ้นไป เจ้าก็รีบจับปากกับดักแล้วปีนขึ้นไปเสีย!”เผยอวี้รอให้หลิงหว่านยืนอย่างมั่นคงก่อน จากนั้นก็ยืนขึ้นอย่างช้า ๆ แบกนางให้ยืนขึ้น“อีกนิด…”หลิงหว่านมองเห็นแสงจันทร์ด้านนอกปากกับดักแล้ว แต่มันก็ยังห่างเกือบช่วงแขน“เตรียมพร้อม...ขึ้นไป…”เผยอวี้ออกแรงทั้งหมดกระโดดขึ้นไป หลิงหว่านก็พ้นจากปากกับดักไปได้ครึ่งตัวแล้ว“ข้าออกมาได้แล้ว…”หลิงหว่านรู้สึกว่าด้านล่างเท้าของนางว่างเปล่า นางรีบดันร่างกับข้างหลุมแล้วปีนออกจากกับดักด้วยความยากลำบาก“แม่ทัพเผย… ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”หลิงหว่านหันกลับไปมองเผยอวี้ แล้วก็เห็นว่าเผยอวี้ล้มลงไปกับพื้น“แม่ทัพเผย… ท่านเป็นอะไรหรือไม่? แม่ทัพเผย?”หลิงหว่านเรียกอยู่หลายครั้ง แต่เผยอวี้ก็ไม่ตอบหลิงหว่านกัง
เซียวหลินเทียนพาพวกจ้าวซวนเดินหน้าต่อไป พวกเขาต้องระวังหลีกเลี่ยงกับดักที่อยู่ใต้เท้าด้วย ความเร็วในการเดินทางจึงช้าลงเล็กน้อยหลังจากเดินไปได้ประมาณครึ่งชั่วยาม ก็เห็นแสงริบหรี่อยู่ฝั่งตรงข้าม“พวกเจ้าพักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อน ข้ากับจ้าวซวนจะไปดูหน่อย!”เซียวหลินเทียนรู้ว่าเข้าใกล้ภูเขาด้านหลังของเจ่าจวงแล้ว จึงให้พวกองครักษ์พักอยู่ที่เดิมก่อน ส่วนตนกับจ้าวซวนก็ไปตรงสถานที่มีไฟริบหรี่อย่างเงียบ ๆหลังจากเดินไปอีกประมาณเวลาหนึ่งก้านธูป ทั้งสองก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังมาจากทางแสงไฟนั้นจากนั้นเสียงก่นด่าของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา “โชคไม่ดีเลย คนทำงานให้น้อยลงทุกที ไม่ให้เงินพวกข้าเพิ่มเงิน ทั้งยังให้พวกข้าทำหลายอย่างอีก หยางต้าหู่ควรเปลี่ยนชื่อของเขาเป็นหยางขูดเลือดนะ!”“พี่ใหญ่ เบาเสียงลงหน่อย หากมีใครได้ยินเข้า พี่จะถูกทุบตีอีก!” เสียงหนึ่งกระซิบ“ทำงานหนักแทบตายยังมิได้รับอนุญาตให้บ่นอีกหรือวะ!”ชายคนนั้นถอนหายใจ แต่ลดเสียงลง “เสี่ยวอู่ ในช่วงนี้หยางขูดเลือดไม่อนุญาตให้เราออกไปเดินเพ่นพ่าน ไม่รู้ว่าที่บ้านเกิดอะไรขึ้นหรือไม่! ได้ยินมาว่ามีคนข้างนอกติดเชื้อโรคระบาดมากหลาย มิรู้ว
อยากได้เท่าใดก็มีให้?เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว ทุก ๆ ปีทางราชสำนักล้วนเก็บรวบรวมในจำนวนที่คงที่ แล้วหยางต้าหู่เอามาความกล้าจากไหนมาพูดเกินจริงเช่นนี้!หรือว่ามีการใช้พืชผลสำรองในคลังของแคว้น?ทางการท้องถิ่นทุกแห่งมีคลังพืชผลเพื่อบรรเทาทุกข์แผ่นดินไหว และเตรียมพร้อมสำหรับการบรรเทาทุกข์ในสงครามฉุกเฉินหากหยางช่างจื้อข้าหลวงเว่ยโจวกล้าเอาพืชผลที่เก็บไว้ในคลังแคว้นก็เพียงพอที่จะตัดหัวเขาแล้ว!เซียวหลินเทียนเห็นทั้งสองคนกำลังคุยกัน เมื่อรถม้าบรรทุกเครื่องยาสมุนไพรจนเต็มแล้วก็หายไปบนถนนจากด้านหลังกระท่อมนั้นทีละคันเซียวหลินเทียนเห็นชายเหล่านั้นกับท่านเหอขึ้นรถม้าไปด้วย คนงานที่ขนยาก็แยกย้ายกันไปหมดในท้ายที่สุดก็เหลือเพียงสองพี่น้องนั้นเซียวหลินเทียนรออยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เห็นทั้งสองเข้าไปในกระท่อม จากนั้นเขาก็ไปแนบหูที่ผนังกระท่อมเสียงของเสี่ยวอู่ดังมาจากข้างใน “พี่ใหญ่ วันพรุ่งเหลือสินค้าชุดสุดท้ายแล้ว หากเจ้าจะหนีไปจริง ๆ ก็มีเพียงสองวิธี วิธีแรกคือการซ่อนตัวในสินค้าแล้วแอบออกไป เมื่อออกไปข้างนอกได้แล้วค่อยคิดหาทางหนีอีกที!”“อีกวิธีหนึ่งก็คือ แสร้งทำเป็นผู้ป่วยโรคระบาดและหนีออกไป
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยอมจำนนแล้ว เซียวหลินเทียนก็ผ่อนน้ำเสียงลง“เช่นนั้นข้าถามสิ่งใด พวกเจ้าต้องตอบตามความจริง มิเช่นนั้นหากข้าตรวจสอบเจอจะไม่มีการผ่อนปรน!”“ใต้เท้าถามเลยขอรับ ข้าจะบอกท่านทุกอย่าง!” ชายคนนั้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องคว้าโอกาสนี้ไว้เซียวหลินเทียนจึงเอ่ยถาม “เจ้ามีนามว่าอะไร?”ชายคนนั้นเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “ข้านามว่าหยางเม่า นี่คือน้องชายของข้านามว่าหยางอู่ขอรับ!”“ครอบครัวใหญ่ทางตะวันตกของหมู่บ้านเจ้าสมรู้ร่วมคิดกับหยางต้าหู่กับทำธุรกิจขายยาทั้งหมดใช่หรือไม่?”หยางเม่าพยักหน้า แล้วบอกทุกสิ่งที่เขารู้เองโดยที่เซียวหลินเทียนมิต้องถามอีกหลายปีมานี้หยางต้าหู่สมรู้ร่วมคิดกับข้าหลวงเว่ยโจว มิเพียงแต่ขายอาหาร แร่เหล็ก แต่ยังรวมถึงอาวุธกับสิ่งของต่าง ๆ ที่ฉีตะวันออกขาดแคลนอีกด้วยการขายเครื่องยาสมุนไพรเริ่มต้นเมื่อโรคระบาดเกิดขึ้นในฉีตะวันออก ครอบครัวใหญ่หลายครอบครัวทางตะวันตกของหมู่บ้านร่วมมือกันรวบรวมเครื่องยาสมุนไพรจากแต่ละที่ทั่วแคว้นมารวมกันไว้ที่เจ่าจวงแล้วขนส่งไปยังฉีตะวันออก“ใต้เท้า ก่อนหน้านี้ข้ามิรู้ว่าพวกเขาส่งของไปยังฉีตะวันออก ข้ากับพวกชาวบ้านคิดว่าพว
“โฮ่ง ๆๆ...”ไม่นานก็มีเสียงสุนัขเห่าพร้อมกับเสียงฝีเท้าอันวุ่นวายเร่งรีบมาทางนี้...“แย่แล้ว ผู้คุ้มกันพบเราแล้ว!”หยางเม่าตกใจหน้าเสีย พลางเอ่ยอย่างวิตกกังวล “พวกมันเลี้ยงหมาป่าดุร้ายไว้สิบกว่าตัว กลุ่มผู้คุ้มกันมีหน้าไม้เหล็กด้วย เราหนีไม่พ้นหรอก…”เซียวหลินเทียนกลั้นลมหายใจตั้งสติฟังเสียงฝีเท้า ในกลุ่มนี้มีกันอยู่เกือบยี่สิบคนรวมกับหมาป่าสิบกว่าตัวแล้ว แม้ว่าเขากับจ้าวซวนจะไม่อ่อนแอในเรื่องของวรยุทธ แต่ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพาหยางเม่าหลบหนีไปได้อย่างปลอดภัย!อีกทั้งเขามาที่นี่เพื่อรวบรวมหลักฐาน แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีหลักฐานแล้ว แต่หลิงอวี๋กับกองทัพที่เหลือก็ยังคงอยู่ในเจ่าจวง ฉินซานก็ถูกตนย้ายไปเป็นสายสืบที่เว่ยโจว เผยอวี้ก็ได้รับบาดเจ็บอีก!หากที่อยู่ของพวกเขาถูกเปิดเผยตอนนี้ ตนกับจ้าวซวนยังมีเวลาแจ้งให้หลิงอวี๋กับคนอื่น ๆ ทราบหรือไม่?หากหยางต้าหู่รู้ว่าการกระทำนี้ในครั้งนี้ตนออกโรงด้วยตัวเองเล่า...ขอเพียงหยางต้าหู่ส่งคนมาปิดกั้นทางกลับไปเจ่าจวงของตนเอง แล้วระดมกองกำลังของช้าหลวงเว่ยโจวกับแม่ทัพเซี่ยมา ก็ทำให้พวกเขาแยกกันแล้วโจมตีได้!ตอนนี้ศัตรูแข็งแกร่งกว่าตน วิธี
เสียงของเสี่ยวอู่เอ่ย “พี่หยาง ไม่มีใครมาเลยจริง ๆ! พี่ชายของข้ามาเข้าห้องน้ำ… บางทีเขาอาจจะตกใจพวกเจ้าจนตกลงไปก็ได้!"“เพียะ…” เสียงตบหน้าเสี่ยวอู่ดังลั่นหยางหมิงตะคอกอย่างดุร้าย “หมาป่าตามกลิ่นมาจากกับดัก เห็นได้ชัดว่ามีคนบุกเข้ามาภูเขาด้านหลัง เจ้ายังกล้าบอกว่าไม่มีอีกรึ?”“บอกความจริงมา พี่ชายของเจ้าพูดอะไรกับพวกเขา? หากเจ้าไม่บอกความจริง… ข้าจะฆ่าทั้งครอบครัวของเจ้า!”เสี่ยวอู่เอ่ยอย่างดื้อรั้น “สัตว์ร้ายจะไปเชื่อได้เยี่ยงไรกัน บางทีพวกมันอาจดมกลิ่นผิดก็ได้… ข้ามิเห็นใครมาเลยจริง ๆ!"“เจ้ามิเห็นโลงศพคงมิหลั่งน้ำตา!”หยางหมิงตะคอกอย่างดุร้าย "หากเจ้ามิบอกข้า ข้าจะฆ่าเจ้า!”พวกเซียวหลินเทียนอยู่ด้านล่างก็ไม่รู้ว่าหยางหมิงทำอะไร แต่พวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนซึ่งนั่นเป็นเสียงของเสี่ยวอู่“หยางเม่า ออกมาเสียเถิด ขอเพียงเจ้ามอบตัวสายลับออกมา ข้าจะไว้ชีวิตน้องชายของเจ้า!”หยางหมิงหักมือข้างหนึ่งของเสี่ยวอู่แล้วผลักเขาไปที่ขอบหน้าผา พลางตะโกนไปที่ด้านล่างหยางเม่าถูกเซียวหลินเทียนกดไว้ ร่างกายของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว“ปล่อยข้าไปเถิด ให้ข้าไปช่วยเสี่ยวอู่เถิด!” เขาขอร้องเ
เสี่ยวอู่ยอมตายแต่ไม่ยอมบอกทิศทางที่พวกเขาอยู่ออกไป หากพวกเขาพุ่งออกไปตอนนี้ เช่นนั้นจะไม่ทำให้การเสียสละของเสี่ยวอู่ไร้ผลหรือ?ดังนั้นเซียวหลินเทียนจึงทำได้เพียงกดหยางเม่าให้แน่น พลางจ้องมองไปที่กลุ่มคนที่อยู่ด้านบนเขาอย่างดุร้าย!เขาจะจดจำบัญชีแค้นนี้เอาไว้!กลุ่มคนพวกนั้นยืนอยู่ด้านบนนั้นเป็นเวลานาน พอเห็นว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ด้านล่างหยางหมิงก็เอ่ยขึ้นมา “รีบให้คนขนของข้ามคืนไปเลย… ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว!”“ส่งคนไปสกัดกั้นท้ายน้ำด้วย แม้พวกมันจะมีชีวิตอยู่ก็ปล่อยให้ออกไปรายงานข่าวมิได้!”เซียวหลินเทียนเห็นหยางหมิงพาคนออกไปแล้ว แต่ก็ยังเหลือคนไม่กี่คนที่ถือหน้าไม้เหล็กเฝ้าอยู่เขากดเสียงต่ำพลางเอ่ย “หยางเม่า เราต้องรีบออกไปช่วยครอบครัวของเจ้า! ขอเพียงเราเคลื่อนตัวช้า ๆ ไปที่พุ่มไม้ พวกมันจะไม่พบเรา!”หยางเม่าจ้องมองไปที่ร่างที่อยู่ไม่ไกล แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างเงียบ ๆเมื่อครู่เขาน่าจะพาเสี่ยวอู่กระโดดลงมาพร้อมกัน!หากทำเช่นนั้น เสี่ยวอู่ก็จะไม่ต้องตายโดยที่ร่างกายแยกจากกันอย่างอนาถเช่นนี้!“รอเราออกไปได้ แล้วข้าจะช่วยเสี่ยวอู่แก้แค้น! หากจับหยางหมิงได้ ข้าจะให้เจ้าจั
“เกิดอะไรขึ้น? ผู้ใดทำให้นิวนิวบาดเจ็บเช่นนี้?” หลิงอวี๋เอ่ยถามหลี่ว์จงเจ๋อหลี่ว์จงเจ๋อชี้ไปที่ผู้ป่วยสองคนที่อยู่ด้านข้าง พลางเอ่ยด้วยความโกรธ “พวกเขาขอรับ! สองคนนี้ติดเชื้อโรคระบาดแล้วไม่มารายงานตัว ทั้งยังทารุณเด็กที่บ้านอีก!”“พวกเขาให้เด็กเล็กเท่านี้ช่วยพวกเขาทำอาหาร พอเด็กหิวมากก็ขโมยหมั่นโถวครึ่งก้อนไปกิน หญิงชราโกรธมากจนเทน้ำเดือดใส่ทั่วตัวเด็ก!”“เด็กเจ็บจนร้องไห้มิหยุด พวกเขาก็ยังมิยอม กลัวว่าจะดึงดูดความสนใจของเรา จึงทุบตีเด็กอย่างรุนแรงมิให้เด็กร้องไห้!”“เพื่อนบ้านเขาทนดูมิไหวจึงมาแจ้งพวกเราขอรับ เรารีบไปก็พบว่าเด็กคนนี้เกือบจะตายอยู่แล้ว!”เฉียนฮ่าวองครักษ์ที่ติดตามเซียวหลินเทียนไปล่าสัตว์ปีกอยู่ด้วยพอดี อดมิไหวจึงเอ่ยขึ้นมา“พระชายาอ๋องอี้ ชายผู้นี้ชื่อหยางซง เป็นผู้สอบบัณฑิต ตอนเราไปบ้านเขาเพื่อล่าสัตว์ปีก พวกเขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางมิให้เราฆ่าสัตว์ปีกขอรับ!”“ตอนนั้นหญิงชราผู้นี้นั่งลงที่พื้นแล้วกล่าวหาเราอย่างผิด ๆ ว่าจะจับไก่ของพวกเขาไปเพราะว่าอยากกิน!”“จากนั้นพวกเขาก็ซ่อนไก่ไว้กินหนึ่งตัว พอกินเข้าไปแล้วก็ติดโรคระบาด! สมน้ำหน้าจริง ๆ คนเช่นนี้ไม่ควร