หลิงหว่านเข้าใจเจตนาของเผยอวี้ แต่นางก็ยังทนมิได้ “ท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าทิ้งท่านไว้มิได้หรอก!”“หากเจ้าอยู่ที่นี่ เราสองคนจะตายกันอยู่ที่นี่ทั้งคู่! ขึ้นไปเร็วเข้า จะมัวชักช้าอยู่ไย!”เผยอวี้คว้ามือของหลิงหว่านแล้วดึงนางเข้ามาหาตนเองหลิงหว่านมองไปที่ปากกับดัก แล้วทำได้เพียงยืนบนไหล่ของเผยอวี้“เตรียมตัวให้พร้อมนะ ข้าจะลุกขึ้นส่งเจ้าขึ้นไป เจ้าก็รีบจับปากกับดักแล้วปีนขึ้นไปเสีย!”เผยอวี้รอให้หลิงหว่านยืนอย่างมั่นคงก่อน จากนั้นก็ยืนขึ้นอย่างช้า ๆ แบกนางให้ยืนขึ้น“อีกนิด…”หลิงหว่านมองเห็นแสงจันทร์ด้านนอกปากกับดักแล้ว แต่มันก็ยังห่างเกือบช่วงแขน“เตรียมพร้อม...ขึ้นไป…”เผยอวี้ออกแรงทั้งหมดกระโดดขึ้นไป หลิงหว่านก็พ้นจากปากกับดักไปได้ครึ่งตัวแล้ว“ข้าออกมาได้แล้ว…”หลิงหว่านรู้สึกว่าด้านล่างเท้าของนางว่างเปล่า นางรีบดันร่างกับข้างหลุมแล้วปีนออกจากกับดักด้วยความยากลำบาก“แม่ทัพเผย… ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”หลิงหว่านหันกลับไปมองเผยอวี้ แล้วก็เห็นว่าเผยอวี้ล้มลงไปกับพื้น“แม่ทัพเผย… ท่านเป็นอะไรหรือไม่? แม่ทัพเผย?”หลิงหว่านเรียกอยู่หลายครั้ง แต่เผยอวี้ก็ไม่ตอบหลิงหว่านกัง
เซียวหลินเทียนพาพวกจ้าวซวนเดินหน้าต่อไป พวกเขาต้องระวังหลีกเลี่ยงกับดักที่อยู่ใต้เท้าด้วย ความเร็วในการเดินทางจึงช้าลงเล็กน้อยหลังจากเดินไปได้ประมาณครึ่งชั่วยาม ก็เห็นแสงริบหรี่อยู่ฝั่งตรงข้าม“พวกเจ้าพักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อน ข้ากับจ้าวซวนจะไปดูหน่อย!”เซียวหลินเทียนรู้ว่าเข้าใกล้ภูเขาด้านหลังของเจ่าจวงแล้ว จึงให้พวกองครักษ์พักอยู่ที่เดิมก่อน ส่วนตนกับจ้าวซวนก็ไปตรงสถานที่มีไฟริบหรี่อย่างเงียบ ๆหลังจากเดินไปอีกประมาณเวลาหนึ่งก้านธูป ทั้งสองก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังมาจากทางแสงไฟนั้นจากนั้นเสียงก่นด่าของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา “โชคไม่ดีเลย คนทำงานให้น้อยลงทุกที ไม่ให้เงินพวกข้าเพิ่มเงิน ทั้งยังให้พวกข้าทำหลายอย่างอีก หยางต้าหู่ควรเปลี่ยนชื่อของเขาเป็นหยางขูดเลือดนะ!”“พี่ใหญ่ เบาเสียงลงหน่อย หากมีใครได้ยินเข้า พี่จะถูกทุบตีอีก!” เสียงหนึ่งกระซิบ“ทำงานหนักแทบตายยังมิได้รับอนุญาตให้บ่นอีกหรือวะ!”ชายคนนั้นถอนหายใจ แต่ลดเสียงลง “เสี่ยวอู่ ในช่วงนี้หยางขูดเลือดไม่อนุญาตให้เราออกไปเดินเพ่นพ่าน ไม่รู้ว่าที่บ้านเกิดอะไรขึ้นหรือไม่! ได้ยินมาว่ามีคนข้างนอกติดเชื้อโรคระบาดมากหลาย มิรู้ว
อยากได้เท่าใดก็มีให้?เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว ทุก ๆ ปีทางราชสำนักล้วนเก็บรวบรวมในจำนวนที่คงที่ แล้วหยางต้าหู่เอามาความกล้าจากไหนมาพูดเกินจริงเช่นนี้!หรือว่ามีการใช้พืชผลสำรองในคลังของแคว้น?ทางการท้องถิ่นทุกแห่งมีคลังพืชผลเพื่อบรรเทาทุกข์แผ่นดินไหว และเตรียมพร้อมสำหรับการบรรเทาทุกข์ในสงครามฉุกเฉินหากหยางช่างจื้อข้าหลวงเว่ยโจวกล้าเอาพืชผลที่เก็บไว้ในคลังแคว้นก็เพียงพอที่จะตัดหัวเขาแล้ว!เซียวหลินเทียนเห็นทั้งสองคนกำลังคุยกัน เมื่อรถม้าบรรทุกเครื่องยาสมุนไพรจนเต็มแล้วก็หายไปบนถนนจากด้านหลังกระท่อมนั้นทีละคันเซียวหลินเทียนเห็นชายเหล่านั้นกับท่านเหอขึ้นรถม้าไปด้วย คนงานที่ขนยาก็แยกย้ายกันไปหมดในท้ายที่สุดก็เหลือเพียงสองพี่น้องนั้นเซียวหลินเทียนรออยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เห็นทั้งสองเข้าไปในกระท่อม จากนั้นเขาก็ไปแนบหูที่ผนังกระท่อมเสียงของเสี่ยวอู่ดังมาจากข้างใน “พี่ใหญ่ วันพรุ่งเหลือสินค้าชุดสุดท้ายแล้ว หากเจ้าจะหนีไปจริง ๆ ก็มีเพียงสองวิธี วิธีแรกคือการซ่อนตัวในสินค้าแล้วแอบออกไป เมื่อออกไปข้างนอกได้แล้วค่อยคิดหาทางหนีอีกที!”“อีกวิธีหนึ่งก็คือ แสร้งทำเป็นผู้ป่วยโรคระบาดและหนีออกไป
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยอมจำนนแล้ว เซียวหลินเทียนก็ผ่อนน้ำเสียงลง“เช่นนั้นข้าถามสิ่งใด พวกเจ้าต้องตอบตามความจริง มิเช่นนั้นหากข้าตรวจสอบเจอจะไม่มีการผ่อนปรน!”“ใต้เท้าถามเลยขอรับ ข้าจะบอกท่านทุกอย่าง!” ชายคนนั้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องคว้าโอกาสนี้ไว้เซียวหลินเทียนจึงเอ่ยถาม “เจ้ามีนามว่าอะไร?”ชายคนนั้นเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “ข้านามว่าหยางเม่า นี่คือน้องชายของข้านามว่าหยางอู่ขอรับ!”“ครอบครัวใหญ่ทางตะวันตกของหมู่บ้านเจ้าสมรู้ร่วมคิดกับหยางต้าหู่กับทำธุรกิจขายยาทั้งหมดใช่หรือไม่?”หยางเม่าพยักหน้า แล้วบอกทุกสิ่งที่เขารู้เองโดยที่เซียวหลินเทียนมิต้องถามอีกหลายปีมานี้หยางต้าหู่สมรู้ร่วมคิดกับข้าหลวงเว่ยโจว มิเพียงแต่ขายอาหาร แร่เหล็ก แต่ยังรวมถึงอาวุธกับสิ่งของต่าง ๆ ที่ฉีตะวันออกขาดแคลนอีกด้วยการขายเครื่องยาสมุนไพรเริ่มต้นเมื่อโรคระบาดเกิดขึ้นในฉีตะวันออก ครอบครัวใหญ่หลายครอบครัวทางตะวันตกของหมู่บ้านร่วมมือกันรวบรวมเครื่องยาสมุนไพรจากแต่ละที่ทั่วแคว้นมารวมกันไว้ที่เจ่าจวงแล้วขนส่งไปยังฉีตะวันออก“ใต้เท้า ก่อนหน้านี้ข้ามิรู้ว่าพวกเขาส่งของไปยังฉีตะวันออก ข้ากับพวกชาวบ้านคิดว่าพว
“โฮ่ง ๆๆ...”ไม่นานก็มีเสียงสุนัขเห่าพร้อมกับเสียงฝีเท้าอันวุ่นวายเร่งรีบมาทางนี้...“แย่แล้ว ผู้คุ้มกันพบเราแล้ว!”หยางเม่าตกใจหน้าเสีย พลางเอ่ยอย่างวิตกกังวล “พวกมันเลี้ยงหมาป่าดุร้ายไว้สิบกว่าตัว กลุ่มผู้คุ้มกันมีหน้าไม้เหล็กด้วย เราหนีไม่พ้นหรอก…”เซียวหลินเทียนกลั้นลมหายใจตั้งสติฟังเสียงฝีเท้า ในกลุ่มนี้มีกันอยู่เกือบยี่สิบคนรวมกับหมาป่าสิบกว่าตัวแล้ว แม้ว่าเขากับจ้าวซวนจะไม่อ่อนแอในเรื่องของวรยุทธ แต่ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพาหยางเม่าหลบหนีไปได้อย่างปลอดภัย!อีกทั้งเขามาที่นี่เพื่อรวบรวมหลักฐาน แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีหลักฐานแล้ว แต่หลิงอวี๋กับกองทัพที่เหลือก็ยังคงอยู่ในเจ่าจวง ฉินซานก็ถูกตนย้ายไปเป็นสายสืบที่เว่ยโจว เผยอวี้ก็ได้รับบาดเจ็บอีก!หากที่อยู่ของพวกเขาถูกเปิดเผยตอนนี้ ตนกับจ้าวซวนยังมีเวลาแจ้งให้หลิงอวี๋กับคนอื่น ๆ ทราบหรือไม่?หากหยางต้าหู่รู้ว่าการกระทำนี้ในครั้งนี้ตนออกโรงด้วยตัวเองเล่า...ขอเพียงหยางต้าหู่ส่งคนมาปิดกั้นทางกลับไปเจ่าจวงของตนเอง แล้วระดมกองกำลังของช้าหลวงเว่ยโจวกับแม่ทัพเซี่ยมา ก็ทำให้พวกเขาแยกกันแล้วโจมตีได้!ตอนนี้ศัตรูแข็งแกร่งกว่าตน วิธี
เสียงของเสี่ยวอู่เอ่ย “พี่หยาง ไม่มีใครมาเลยจริง ๆ! พี่ชายของข้ามาเข้าห้องน้ำ… บางทีเขาอาจจะตกใจพวกเจ้าจนตกลงไปก็ได้!"“เพียะ…” เสียงตบหน้าเสี่ยวอู่ดังลั่นหยางหมิงตะคอกอย่างดุร้าย “หมาป่าตามกลิ่นมาจากกับดัก เห็นได้ชัดว่ามีคนบุกเข้ามาภูเขาด้านหลัง เจ้ายังกล้าบอกว่าไม่มีอีกรึ?”“บอกความจริงมา พี่ชายของเจ้าพูดอะไรกับพวกเขา? หากเจ้าไม่บอกความจริง… ข้าจะฆ่าทั้งครอบครัวของเจ้า!”เสี่ยวอู่เอ่ยอย่างดื้อรั้น “สัตว์ร้ายจะไปเชื่อได้เยี่ยงไรกัน บางทีพวกมันอาจดมกลิ่นผิดก็ได้… ข้ามิเห็นใครมาเลยจริง ๆ!"“เจ้ามิเห็นโลงศพคงมิหลั่งน้ำตา!”หยางหมิงตะคอกอย่างดุร้าย "หากเจ้ามิบอกข้า ข้าจะฆ่าเจ้า!”พวกเซียวหลินเทียนอยู่ด้านล่างก็ไม่รู้ว่าหยางหมิงทำอะไร แต่พวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนซึ่งนั่นเป็นเสียงของเสี่ยวอู่“หยางเม่า ออกมาเสียเถิด ขอเพียงเจ้ามอบตัวสายลับออกมา ข้าจะไว้ชีวิตน้องชายของเจ้า!”หยางหมิงหักมือข้างหนึ่งของเสี่ยวอู่แล้วผลักเขาไปที่ขอบหน้าผา พลางตะโกนไปที่ด้านล่างหยางเม่าถูกเซียวหลินเทียนกดไว้ ร่างกายของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว“ปล่อยข้าไปเถิด ให้ข้าไปช่วยเสี่ยวอู่เถิด!” เขาขอร้องเ
เสี่ยวอู่ยอมตายแต่ไม่ยอมบอกทิศทางที่พวกเขาอยู่ออกไป หากพวกเขาพุ่งออกไปตอนนี้ เช่นนั้นจะไม่ทำให้การเสียสละของเสี่ยวอู่ไร้ผลหรือ?ดังนั้นเซียวหลินเทียนจึงทำได้เพียงกดหยางเม่าให้แน่น พลางจ้องมองไปที่กลุ่มคนที่อยู่ด้านบนเขาอย่างดุร้าย!เขาจะจดจำบัญชีแค้นนี้เอาไว้!กลุ่มคนพวกนั้นยืนอยู่ด้านบนนั้นเป็นเวลานาน พอเห็นว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ด้านล่างหยางหมิงก็เอ่ยขึ้นมา “รีบให้คนขนของข้ามคืนไปเลย… ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว!”“ส่งคนไปสกัดกั้นท้ายน้ำด้วย แม้พวกมันจะมีชีวิตอยู่ก็ปล่อยให้ออกไปรายงานข่าวมิได้!”เซียวหลินเทียนเห็นหยางหมิงพาคนออกไปแล้ว แต่ก็ยังเหลือคนไม่กี่คนที่ถือหน้าไม้เหล็กเฝ้าอยู่เขากดเสียงต่ำพลางเอ่ย “หยางเม่า เราต้องรีบออกไปช่วยครอบครัวของเจ้า! ขอเพียงเราเคลื่อนตัวช้า ๆ ไปที่พุ่มไม้ พวกมันจะไม่พบเรา!”หยางเม่าจ้องมองไปที่ร่างที่อยู่ไม่ไกล แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างเงียบ ๆเมื่อครู่เขาน่าจะพาเสี่ยวอู่กระโดดลงมาพร้อมกัน!หากทำเช่นนั้น เสี่ยวอู่ก็จะไม่ต้องตายโดยที่ร่างกายแยกจากกันอย่างอนาถเช่นนี้!“รอเราออกไปได้ แล้วข้าจะช่วยเสี่ยวอู่แก้แค้น! หากจับหยางหมิงได้ ข้าจะให้เจ้าจั
“เกิดอะไรขึ้น? ผู้ใดทำให้นิวนิวบาดเจ็บเช่นนี้?” หลิงอวี๋เอ่ยถามหลี่ว์จงเจ๋อหลี่ว์จงเจ๋อชี้ไปที่ผู้ป่วยสองคนที่อยู่ด้านข้าง พลางเอ่ยด้วยความโกรธ “พวกเขาขอรับ! สองคนนี้ติดเชื้อโรคระบาดแล้วไม่มารายงานตัว ทั้งยังทารุณเด็กที่บ้านอีก!”“พวกเขาให้เด็กเล็กเท่านี้ช่วยพวกเขาทำอาหาร พอเด็กหิวมากก็ขโมยหมั่นโถวครึ่งก้อนไปกิน หญิงชราโกรธมากจนเทน้ำเดือดใส่ทั่วตัวเด็ก!”“เด็กเจ็บจนร้องไห้มิหยุด พวกเขาก็ยังมิยอม กลัวว่าจะดึงดูดความสนใจของเรา จึงทุบตีเด็กอย่างรุนแรงมิให้เด็กร้องไห้!”“เพื่อนบ้านเขาทนดูมิไหวจึงมาแจ้งพวกเราขอรับ เรารีบไปก็พบว่าเด็กคนนี้เกือบจะตายอยู่แล้ว!”เฉียนฮ่าวองครักษ์ที่ติดตามเซียวหลินเทียนไปล่าสัตว์ปีกอยู่ด้วยพอดี อดมิไหวจึงเอ่ยขึ้นมา“พระชายาอ๋องอี้ ชายผู้นี้ชื่อหยางซง เป็นผู้สอบบัณฑิต ตอนเราไปบ้านเขาเพื่อล่าสัตว์ปีก พวกเขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางมิให้เราฆ่าสัตว์ปีกขอรับ!”“ตอนนั้นหญิงชราผู้นี้นั่งลงที่พื้นแล้วกล่าวหาเราอย่างผิด ๆ ว่าจะจับไก่ของพวกเขาไปเพราะว่าอยากกิน!”“จากนั้นพวกเขาก็ซ่อนไก่ไว้กินหนึ่งตัว พอกินเข้าไปแล้วก็ติดโรคระบาด! สมน้ำหน้าจริง ๆ คนเช่นนี้ไม่ควร
กระบี่คุนอู๋?หรือว่านี่จะเป็นกระบี่เทพในตำนาน?เซียวหลินเทียนเป็นคนที่รักกระบี่ เมื่อก่อนตอนที่เป็นอ๋องอี้ก็สะสมกระบี่ที่มีชื่อเสียงไว้มิน้อยแต่กระบี่ที่มีชื่อเสียงเหล่านั้น หากมาเทียบกับกระบี่คุนอู๋เล่มนี้ก็ล้วนเป็นขยะไปทั้งหมดนี่คือกระบี่คุนอู๋จริงหรือ?เซียวหลินเทียนมิอยากจะเชื่อว่านี่คือกระบี่โบราณอายุกว่าพันปี ซึ่งคนในใต้หล้ามิเคยได้เห็นมาก่อน ดังนั้นแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้จักกระบี่คุนอู๋ แต่ก็คิดว่าเป็นเพียงเทพนิยายที่คนในใต้หล้าแต่งขึ้นมาเอง!ตำนานกล่าวไว้ว่า กระบี่คุนอู๋เกิดจากกระดูกสันหลัง การบำเพ็ญตนเป็นเวลาร้อยปีและพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งของผานกู่บรรพบุรุษผู้บุกเบิกที่ผสานรวมกับพลังชีวิตของฟ้าดินตามตำนานกล่าวไว้ว่า หลังจากที่ผานกู่หลอมกระบี่คุนอู๋สำเร็จแล้ว เขาก็มิสามารถควบคุมมันได้ เนื่องด้วยพลังวิญญาณของกระบี่เล่มนี้แข็งแกร่งมาก สุดท้ายจึงทำได้เพียงเก็บรวบรวมพลังชีวิตและพลังวิญญาณทั้งหมดไว้ในกระบี่คุนอู๋นี้กระบี่คุนอู๋เป็นบรรพบุรุษของกระบี่ ความคมของกระบี่นั้นสามารถทำลายฟ้าดินได้เลยทีเดียวหากว่านี่คือกระบี่คุนอู๋ในตำนานจริง ๆ เช่นนั้นก็ต้องอยู่ในสามอันดับแร
ก้อนน้ำแข็งแตกจำนวนนับมิถ้วนพากันกระแทกเข้ามา แม้ว่าเซียวหลินเทียนจะมีวรยุทธ์ไร้เทียมทาน แต่ก็มิอาจหนีพ้นการแก้แค้นที่รุนแรงของธรรมชาติเช่นนี้ไปได้เขาเบี่ยงหลบไปทางซ้ายทีขวาที แต่เพราะว่าหล่นลงมารวดเร็วจนเกินไป จึงมิอาจหลบพ้นก้อนน้ำแข็งเหล่านั้นที่พากันกระแทกเข้ามาได้ก้อนน้ำแข็งก้อนหนึ่งกระแทกเข้ามาที่หัวของเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนรู้สึกว่าหัวของตนมีเลือดไหลออกมา แต่ยังมิทันจะได้ยื่นมือไปสัมผัส ก็มีก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่มากก้อนหนึ่งกระแทกเข้ามาอีก เซียวหลินเทียนรู้สึกว่าตรงหน้ามืดลงไปทันที และมองก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่นั้นพุ่งเข้ามาใส่ตนอย่างสิ้นหวังคราวนี้จะต้องตายอยู่ในภูเขาหิมะแห่งนี้จริง ๆ หรือ?อาอวี๋ ข้าจะยังได้พบเจ้าหรือไม่?เซียวหลินเทียนยังมิทันได้ย้อนรำลึกถึงช่วงชีวิตนี้ เขาก็ได้ยินเสียงดังลั่น จากนั้นก็รู้สึกได้ว่าร่างกายตนกระเทือนแล้วตกลงไปในความมืดมิรู้ว่าเซียวหลินเทียนสลบไปนานเท่าไรก่อนที่จะได้สติขึ้นมา ยังมิทันที่เขาจะลืมตา ก็รู้สึกได้ว่าเจ็บปวดไปทั้งตัวราวกับว่าตัวจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆในเมื่อรู้สึกเจ็บปวดได้ก็แสดงว่าตนยังคงมีชีวิตอยู่ เซียวหลินเทียนลืมตาขึ้นอ
ฉินซานเห็นว่าเซียวหลินเทียน ขันทีโม่และเก๋อเฟิ่งฉิงร่วงลงไปกันอย่างรวดเร็วปานนั้น ต่อให้ตนกระโดดลงไปก็มิสามารถช่วยเซียนหลินเทียนขึ้นมาได้แล้ว เขาจึงกระโดดตามหานเหมยออกมาจากหุบเขาส่วนซูจู๋นางรับใช้ของเก๋อเฟิ่งฉิง เมื่อเห็นว่าสถานการณ์มิดีก็หนีออกไปพร้อมกับคนรับใช้คนอื่น ๆ นานแล้วทุกคนหนีออกมาค่อนข้างไกลแล้วและมายืนอยู่ข้างนอกหุบเขา แต่ก็ยังได้ยินเสียงของก้อนน้ำแข็งเหล่านั้นดังสนั่นอยู่“พวกเขา… คุณหนูยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”ซูจู๋ตกใจเสียจนตาค้างไปหมด ผ่านเวลาไปสักพักจึงเรียกสติกลับคืนมาได้ นางจึงเอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเทาทั้งหานเหมยและฉินซานเองก็ไม่มีอารมณ์ที่จะตอบคำถามของนาง พวกเขามองภาพที่ภูเขาหิมะถล่มลงมาอย่างตื่นตระหนก มิเข้าใจเลยว่าคนของตระกูลเฉียวทำลงได้อย่างไร!พวกเฉียวไป๋ยืนอยู่บนยอดเขาตรงกันข้าม แล้วจ้องมองภาพหิมะถล่มนั้นอย่างเย็นชาหลังจากที่ได้รู้ว่าเซียวหลินเทียนคือสามีของหลิงอวี๋ พ่อของเฉียวไป๋ ผู้ซึ่งเป็นนายใหญ่ตระกูลเฉียวผู้นำตระกูลคนปัจจุบันก็วางแผนที่จะแก้แค้นแทนบุตรชายของตนนี่เป็นเพียงแค่ขั้นแรกในการแก้แค้นของนายใหญ่เฉียวเท่านั้นสังหารคนหนุนหลังของหลิงอวี๋ไป
เซียวหลินเทียนมองมิเห็นคนของตระกูลเฉียว เพราะถูกยอดภูเขาน้ำแข็งเหล่านี้บดบังสายตาอยู่“ทุกคนระวังด้วย! ดูแลกันเข้าไว้!”เซียวหลินเทียนกำชับพวกฉินซานให้ใส่ใจในเรื่องความปลอดภัย ส่วนตนกับขันทีโม่ก็อาศัยว่ามีวรยุทธ์ที่สูงกว่าพวกเขา จึงไปค้นหาเส้นทางอยู่ทางด้านหน้าเก๋อเฟิ่งฉิงมิปล่อยให้โอกาสในการได้ใกล้ชิดกับเซียวหลินเทียนหลุดลอยไป นางจึงตามไปเช่นกันก่อนหน้านี้เก๋อเฟิ่งเจียวทำให้เก๋อเฟิ่งฉิงเสียเรื่อง ดังนั้นในการเข้ามาที่ภูเขาหิมะครั้งนี้ เก๋อเฟิ่งฉิงจึงมิได้พาเก๋อเฟิ่งเจียวมาด้วยทางด้านหานอวี้ตั้งใจจะสร้างโอกาสให้ฉินซานกับพี่สาวของตน จึงลากเถาจื่อไปพลางเอ่ยออกมา “เราสองคนไปด้วยกัน จะได้ดูแลกันและกัน!”ดังนั้นคนที่เหลือก็มีเพียงแค่ฉินซานกับหานเหมยแล้ว ฉินซานจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างใจดี “เช่นนั้นข้าก็อยู่กลุ่มเดียวกับหานเหมย!”เขาจึงคว้าแขนของหานเหมยไว้ จากนั้นก็ตามไปพร้อมกันหานเหมยหน้าแดงขึ้นมา แต่ก็มิได้สะบัดมือฉินซานออกไปหานอวี้บอกกับนางว่า การที่นางหายตัวไปครั้งนี้นั้นฉินซานกระวนกระวายมาก และตั้งใจที่จะมาตามหานาง“พี่หญิง การที่เจ้ามีความทะเยอทะยานก็เป็นเรื่องที่ดี แต่เรื่องแต
ทางด้านเถ้าแก่เจียง ท่านป้าวบอกว่าจะช่วยหลิงอวี๋ตามหาน้องสาว จึงจะให้หลิงอวี๋อยู่ที่นี่สักสองสามวัน เขาเห็นว่าหลิงอวี๋ก็ดูท่าทางเห็นด้วยเช่นกัน จึงมิได้ใส่ใจ ให้หลิงอวี๋อยู่ที่นี่ส่วนตนก็พาเสี่ยวซานเอ๋อร์กลับในตอนที่ยังมิรู้ถึงบทบาทของหลิงอวี๋ที่มีต่อหวงฝู่หลินอย่างแน่ชัดนี้ ท่านป้าวจึงจัดให้หลิงอวี๋ไปอยู่ที่เรือนทางสวนด้านหลังที่อยู่ห่างออกไป แต่แม้ว่าจะห่างไกลก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มิได้เพิกเฉยหลิงอวี๋ไปท่านป้าวมิได้เอ่ยถึงเรื่องที่จะช่วยหลิงอวี๋ตามหาน้องสาว หลิงอวี๋ก็มิอยากจะพูดเช่นกัน นางรู้สึกว่าตนตกอยู่ในเงื้อมมือของหวงฝู่หลินเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้วหากตามหาน้องสาวเจอ ก็จะเป็นการเพิ่มคนที่หวงฝู่หลินจะนำมาข่มขู่ตนมากขึ้นอีกคนหลังจากนี้เมื่อตนสามารถหลุดพ้นออกมาได้ ก็ค่อยไปตามหาน้องสาวแล้วกันหลิงซินเห็นว่าหลิงอวี๋จัดการเพียงชั่วครู่ ก็ทำให้ท่านป้าวที่เป็นดั่งหอคอยเหล็กผู้นั้นเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อนางไปได้แล้ว ความหวาดกลัวในใจก็ลดลงไปมากนางรู้สึกว่า ความสามารถของคุณหนูผู้นี้มีมากกว่าเถ้าแก่เจียงอีก การติดตามนางดูน่าจะไม่มีอันตรายใด ๆกระทั่งเถ้าแก่เจียงกลับไปแล้ว หล
หน้ากากผิวหนังมนุษย์นั้นเมื่อตรวจสอบก็เปิดเผยออกมาทันที เมื่อแม่นมหน้าเหมือนม้าผู้นั้นฉีกหน้ากากออกจากใบหน้าของหลิงอวี๋ ก็เผยให้เห็นใบหน้าของหลิงอวี๋ที่เต็มไปด้วยรอยบาดแผลจากมีด“เหอะ ๆ รีบไปบอกนายใหญ่เสียว่า ข้าเจอคนที่เขาตามหาแล้ว!”แม่นมหน้าเหมือนม้าส่งหน้ากากผิวหนังมนุษย์ให้แม่นมอีกคนอย่างพึงพอใจ จากนั้นแม่นมผู้นั้นก็รีบวิ่งออกไปแจ้งข่าวหลิงซินถูกแม่นมคนหนึ่งกดอยู่ที่พื้นจนมิสามารถเคลื่อนไหวได้ และนางก็มองคุณหนูที่ตนเพิ่งจะรู้จักมิถึงสองวันดีกลายเป็นอีกคนไปอย่างตกตะลึงหลังจากที่หลิงอวี๋ถูกเปิดเผยตัวตนแล้ว ทางด้านแม่นมหน้าเหมือนม้าก็มิได้ทำให้นางต้องลำบากอีก จึงให้พวกแม่นมปล่อยหลิงอวี๋พวกนางเพียงแค่ต้องเฝ้าหลิงอวี๋เอาไว้ มิให้นางหนีไปได้ก็พอแล้วเมื่อหลิงอวี๋ถูกพยุงขึ้นมา หัวใจที่ว้าวุ่นของนางก็ค่อย ๆ สงบลงหวงฝู่หลินไม่มีทางให้ตนตายไปก่อนที่เขาจะได้ตำรับยาห้ามเลือดไปหรอก!บางทีตนอาจจะยังสามารถพึ่งพายันต์ช่วยชีวิตนี้ทำให้หวงฝู่หลินปล่อยตนไปได้อยู่เรื่องการขโมยนั้นมีคำสารภาพของหัวหน้าเสิ่นอยู่ ก็น่าจะสามารถอธิบายให้ชัดเจนได้หลิงอวี๋ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความมั่นใจ จึงนั่งลงไป
เผยอวี้ก็เคยเห็นคนที่ผ่านอุปสรรคมามายมากเช่นกัน หางตาของเขาเห็นพวกป้าวเฉิงมองตนกับหลิงอวี๋อย่างแปลกประหลาดก็มิกล้าพูดอะไรอีกเมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋มิยอมรับ เผยอวี้ก็เอ่ยออกไป “เจ้าชื่อเจียงเสี่ยวยาหรือ เช่นนั้นข้าก็คงจำคนผิดแล้ว แผ่นหลังของเจ้ากับของสหายข้าดูค่อนข้างคล้ายกัน เมื่อครู่ข้าคิดว่าเจ้าคือนาง!”“ขอโทษด้วย ข้าบุ่มบ่ามไปหน่อย!”เผยอวี้ประสานมือควบคุมอารมณ์ตื่นเต้นของตนเอาไว้ แล้วเดินออกไปใบหน้าสามารถปลอมแปลงกันได้ แต่เสียงของหลิงอวี๋กับแผ่นหลังของนางทำให้เผยอวี้มั่นใจว่าคนตรงหน้าก็คือหลิงอวี๋มิรู้ว่าฮองเฮาไปตกอยู่ในมือของป้าวเฉิงได้อย่างไร?คนที่เขาพามาด้วยตอนนี้มีมิมากนัก แม้ว่าจะพยายามพาตัวฮองเฮาไป ก็คงจะหนีมิพ้นมือของป้าวเฉิงตอนนี้เขามิอาจแหวกหญ้าให้งูตื่นได้ รอกลับไปก่อนแล้วค่อยหาคนมาช่วยหลิงอวี๋ดีกว่าอีกทั้งยังต้องคิดวิธีส่งจดหมายไปให้เซียวหลินเทียนให้เขารีบกลับมาอีกหลิงอวี๋เห็นว่าเผยอวี้มิได้ซักถามอะไรอีก ก็แอบถอนหายใจโล่งอก แล้วหันหลังตามพวกเถ้าแก่เจียงไปแต่หลิงอวี๋กับเผยอวี้ไม่มีทางคาดคิดเลยว่า เหตุการณ์เล็ก ๆ นี้กลับอยู่ในสายตาของป้าวเฉิงป้าวเฉิงมิใช่ค
เถ้าแก่ป้าวรู้จักเผยอวี้ก็เพราะเรื่องที่เซียวหลินเทียนซื้อทาสหญิงเกวียนนั้นเมื่อครั้งที่แล้ว ลูกค้ารายใหญ่เช่นนี้มิได้พบบ่อย ๆ ดังนั้นเถ้าแก่ป้าวจึงไปสืบมาเล็กน้อยและได้รู้ที่มาของเซียวหลินเทียนอย่างชัดเจนแม้ว่าเถ้าแก่ป้าวจะมิได้ทำงานให้เซียนหลินเทียน แต่ว่าถิ่นที่เขาอยู่นั้นเป็นของเยวี่ยใต้และมู่หรงเหยียนซงกษัตริย์ของเยวี่ยใต้ก็สนิทกับเซียวหลินเทียนราวกับพี่น้องกัน หากมิถึงขั้นจำเป็นจริง ๆ เถ้าแก่ป้าวก็มิอยากจะเป็นศัตรูกับราชสำนัก ดังนั้นจึงมีความเกรงใจต่อพวกของเซียวหลินเทียนอยู่พอเป็นพิธี“แม่ทัพเผย ท่านมาได้อย่างไร? หรือว่าท่านเองก็สนใจคนที่ถูกสังหารนี้?”ป้าวเฉิงหัวเราะเหอะ ๆ“ผู้ว่าการอำเภอหยางของพวกเจ้าได้ยินว่ามีคนถูกสังหารจึงมาดู ส่วนข้าก็มิได้มีธุระอะไรจึงตามมาดูเรื่องสนุก!”คนที่อยู่ข้าง ๆ เผยอวี้ก็คือผู้ว่าการอำเถอในแถบนี้ แม้ว่าจะมีป้าวเฉิงอยู่และตำแหน่งของเขานั้นก็แทบจะไม่มีความหมาย แต่สิ่งที่เขาควรจะแสดงตัวก็ต้องแสดงตัวเสียหน่อย“ท่านป้าว ท่านรู้จักคนผู้นี้หรือ?”ผู้ว่าการอำเภอหยางเอ่ยถาม“มิรู้จัก ก็แค่ลูกน้องของข้ามาพบว่ามีคนถูกสังหาร ข้าเองก็มาดูเรื่องสนุกเช
หลิงอวี๋อยู่ด้านหลังได้ยินคำพูดนี้ ใจก็กระตุกไปเล็กน้อย จากนั้นยื่นมือไปลูบหน้าของตนโดยมิรู้ตัวคนที่ป้าวเฉิงช่วยตระกูลหวงฝู่ตามหาก็คือตน!แล้วคนที่เขาบอกว่าถูกสังหารไปแล้วนั่นคือใครกัน?หรือว่าจะเป็นหัวหน้าเสิ่นกับเสี่ยวเจียง?หลิงอวี๋เหงื่อตก หากเป็นพวกเขาสองคนที่ถูกสังหารไปจริง ๆ แล้วคนที่สังหารพวกเขาคือใคร?หากมือสังหารพบว่าหัวหน้าเสิ่นมิได้สังหารตน จะกำลังตามหาตนอยู่หรือไม่?เถ้าแก่เจียงที่อยู่ด้านหน้ารู้เรื่องความสัมพันธ์ของป้าวเฉิงกับตระกูลหวงฝู่ดี เมื่อได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยออกไป “คนตายไปแล้วก็ส่งศพไปให้เจ้าวังก็จบแล้ว เหตุใดพี่ใหญ่ป้าวต้องไปตรวจสอบด้วยตนเองเล่า!”“เจ้ามิเข้าใจ คนที่เจ้าวังต้องการคือสตรีผู้หนึ่ง สตรีผู้นั้นมีความสำคัญต่อเจ้าวังมาก เจ้าวังบอกมาว่าขอเพียงข้าตามหานางพบและยังมีชีวิตอยู่ เขาก็จะให้สมบัติก้อนโตกับข้า!”ป้าวเฉิงเอ่ยอย่างเป็นทุกข์ “สิ่งที่ข้ากังวลในตอนนี้ก็คือ คนที่ถูกสังหารจะเป็นสตรีผู้นั้น เช่นนั้นก็มิสามารถไปอธิบายกับเจ้าวังได้แล้ว!”“จริงสิ บอกเรื่องของเจ้ามาก่อนเถิด เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ?”เถ้าแก่เจียงจึงหันไปเรียก “น้องหญิง มานี่!”