“เกิดอะไรขึ้น? ผู้ใดทำให้นิวนิวบาดเจ็บเช่นนี้?” หลิงอวี๋เอ่ยถามหลี่ว์จงเจ๋อหลี่ว์จงเจ๋อชี้ไปที่ผู้ป่วยสองคนที่อยู่ด้านข้าง พลางเอ่ยด้วยความโกรธ “พวกเขาขอรับ! สองคนนี้ติดเชื้อโรคระบาดแล้วไม่มารายงานตัว ทั้งยังทารุณเด็กที่บ้านอีก!”“พวกเขาให้เด็กเล็กเท่านี้ช่วยพวกเขาทำอาหาร พอเด็กหิวมากก็ขโมยหมั่นโถวครึ่งก้อนไปกิน หญิงชราโกรธมากจนเทน้ำเดือดใส่ทั่วตัวเด็ก!”“เด็กเจ็บจนร้องไห้มิหยุด พวกเขาก็ยังมิยอม กลัวว่าจะดึงดูดความสนใจของเรา จึงทุบตีเด็กอย่างรุนแรงมิให้เด็กร้องไห้!”“เพื่อนบ้านเขาทนดูมิไหวจึงมาแจ้งพวกเราขอรับ เรารีบไปก็พบว่าเด็กคนนี้เกือบจะตายอยู่แล้ว!”เฉียนฮ่าวองครักษ์ที่ติดตามเซียวหลินเทียนไปล่าสัตว์ปีกอยู่ด้วยพอดี อดมิไหวจึงเอ่ยขึ้นมา“พระชายาอ๋องอี้ ชายผู้นี้ชื่อหยางซง เป็นผู้สอบบัณฑิต ตอนเราไปบ้านเขาเพื่อล่าสัตว์ปีก พวกเขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางมิให้เราฆ่าสัตว์ปีกขอรับ!”“ตอนนั้นหญิงชราผู้นี้นั่งลงที่พื้นแล้วกล่าวหาเราอย่างผิด ๆ ว่าจะจับไก่ของพวกเขาไปเพราะว่าอยากกิน!”“จากนั้นพวกเขาก็ซ่อนไก่ไว้กินหนึ่งตัว พอกินเข้าไปแล้วก็ติดโรคระบาด! สมน้ำหน้าจริง ๆ คนเช่นนี้ไม่ควร
แม่นางหยางตะโกนใส่หยางซงด้วยความโกรธ“หยางซง นิวนิวเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเจ้านะ! แม่ของเจ้าปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ เจ้ามิจัดการเลยหรือ?”หยางซงเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ท่านแม่ของข้าพูดถูก นางเป็นเพียงแค่ภาระ ทำสิ่งใดมิได้สักอย่าง ต่อไปก็ต้องเก็บเงินไว้เพื่อเป็นสินสอดอีก ขายไปก็ยังมีเงินเลี้ยงดูลูกในท้องของเจ้า!”แม่นางหยางทนมิไหวอีกต่อไปแล้ว จึงพุ่งเข้าไปตบหน้าหยางซงอย่างแรงหยางซงถูกตบจนถอยหลังไปหลายก้าว ก็พลันโกรธขึ้นมาและพุ่งไปตบแม่นางหยางล้มลงกับพื้นเขากำลังจะยกขาขึ้นเตะแม่นางหยางตามความเคยชิน แต่หลี่ว์จงเจ๋อมิสามารถควบคุมความโกรธของตนได้แล้ว เขาพุ่งไปเตะที่ท้องหยางซงจนหยางซงกระเด็นออกไป“เจ้ามันสัตว์เดรัจฉาน มิเห็นหรือว่าภรรยาของเจ้ากำลังตั้งท้อง? หากยังกล้าตีนางอีก ข้าจะทุบตีสัตว์เดรัจฉานเยี่ยงเจ้าให้ตายเสีย!”หลี่ว์จงเจ๋อพุ่งเข้าไปอีกครั้งแล้วเตะหยางซงสองที แต่ก็ยังมิพอใจ ต่อยหยางซงไปอีกหลายหมัด“เจ้าหน้าที่ฆ่าคน!”แม่หยางปวดใจที่ลูกชายถูกทุบตี จึงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งนางรีบรุดเข้าไปดึงผมของแม่นางหยางและทุบตีพลางดุด่านางด้วย “เจ้ากล้าตีลูกชายข้า ข้าก็จะทุบตีเจ้าให้ตายก่อนเสีย!”
หลิงอวี๋กับหลี่ว์จงเจ๋อต่างตกตะลึง พวกเขามิคาดคิดว่าแม่นางหยางจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!“เร็วเข้า รีบพานางเข้าไป!”หลิงอวี๋มิสนใจหยางซงแล้ว นางกับหลิงซวนรีบแบกแม่นางหยางไปทันทีแต่เดิมทีแม่นางหยางก็กินยาของหมอเฝิงไปแล้วทำให้ทารกในครรภ์ไม่มั่นคง ตอนนี้นางก็โกรธมากจนทุบตีท้องตนเองอย่างไร้ความปรานีเช่นนี้อีกแม้ว่าหลิงอวี๋จะฉีดยารักษาการตั้งครรภ์ให้นาง แต่แม่นางหยางก็ยังพักไม่เกินครึ่งชั่วยามเลย ทารกหัวใจหยุดเต้นในท้องนางแล้วหลิงอวี๋รู้สึกกังวลมากจนพูดไม่ออก นางนิ่งอยู่นานก่อนที่จะบอกผลกับแม่นางหยางแต่แม่นางหยางกลับเอ่ยอย่างใจเย็น “โชคดีแล้วที่เด็กคนนี้มิได้เกิดมา จะได้ไปเกิดใหม่ในครอบครัวที่ดี!”“ข้ากับนิวนิวทนทุกข์ทรมานกันก็มากแล้ว! เรามิสามารถทำให้เขาทนทุกข์ได้อีก!”“พระชายาอ๋องอี้ ให้เขาส่งจดหมายขอหย่าให้ข้าเถิด ข้ามิต้องการสิ่งใดแล้วนอกจากนิวนิว!”หลิงอวี๋มองออกว่านี่คือสิ่งที่อยู่ในใจแม่นางหยางจริง ๆ แม้ว่าจะเสียดายที่เด็กในท้องของนางอายุได้หกเดือนแล้วแต่มิสามารถเกิดมาได้ แต่นางก็เคารพความคิดเห็นของแม่นางหยางหลังจากให้ยาแม่นางหยางแล้ว หลิงอวี๋ก็เดินออกมาแม่ลูกตระกูลหยาง
หลี่ว์จงเจ๋อเตรียมใจไว้แล้ว สถานการณ์ที่ท่านจินต้าวิเคราะห์นั้นเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นพวกหยางต้าหู่กล้าทำเรื่องที่ทรยศต่อแคว้นเช่นนี้ หากพบว่าเรื่องนี้ถูกเปิดเผย มีความเป็นไปได้ว่าเป็นสุนัขจนตรอก เวลานี้ทุกคนต้องร่วมมือกันจึงจะสามารถจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้“ลู่หนาน เจ้าไปเรียกพวกเฉาอี้แล้วระดมคนมาเฝ้ารอบ ๆ หออักษรอย่างเงียบ ๆ ปกป้องพระชายาอ๋องอี้กับคนอื่น ๆ ไว้”“แล้วส่งคนอีกกลุ่มออกจากเจ่าจวงไปช่วยพวกของท่านอ๋องอย่างเงียบ ๆ”“จริงสิ แม่ทัพหลี่ว์ สถานการณ์ในตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว เจ้าบอกว่าท่านลุงของเจ้าทำงานอยู่ภายใต้แม่ทัพกู่ใช่หรือไม่? เจ้าส่งคนสนิทไปแจ้งให้เขาเตรียมพร้อมที่จะมาช่วยเรา!”“ขอรับ!”หลี่ว์จงเจ๋อรู้ว่าสถานการณ์เร่งด่วน จึงรีบออกไปจัดสรรกำลังคนตามคำกำชับของท่านจินต้าดูภายนอกแล้วเจ่าจวงก็ดูเหมือนเดิม หลิงอวี๋กำลังยุ่งอยู่กับการช่วยเผยอวี้ ไม่รู้เลยว่าเวลาเจ่าจวงตกอยู่ในอันตรายรอบด้าน!เซียวหลินเทียนกับคนอื่น ๆ ใช้ทางอ้อมเดินทาง แต่คนของหยางหมิงกลับลงมาจากภูเขาด้านหลัง ซึ่งเป็นระยะทางที่สั้นกว่าพวกเซียวหลินเทียนหลี่ว์จงเจ๋อกับลู่หนานต่างอกสั่นขวัญแขวน คนจากแต่
หลิงอวี๋มิได้ตื่นตระหนก นางแค่รู้สึกว่าการกระทำของเซียวหลินเทียนนั้นมิเหมาะสมหลังจากได้ยินสิ่งท่านจินต้าบอก นางก็สงบลงพลางเอ่ย “การทดสอบเป็นเพียงการเคลื่อนไหวครั้งเดียว มีความเป็นไปได้อีกอย่าง คือพวกเขาแกล้งทำเป็นผู้ป่วยโรคระบาด เพราะอยากจับพวกเราไปข่มขู่ท่านอ๋อง!"“แต่แม้ว่าเราจะรู้แผนการร้ายของพวกเขา ก็ต้องปล่อยให้พวกเขาเข้ามา มิเช่นนั้นยิ่งอยากปกปิดก็จะกลายเป็นเปิดเผยออกไป!”ท่านจินต้าพยักหน้า ชื่นชมหลิงอวี๋ที่คิดถึงเรื่องนี้ได้ขึ้นมา“แต่หากให้พวกเขาเข้ามา เช่นนั้นความปลอดภัยของพระชายาจะทำเยี่ยงไรเล่า?”หลี่ว์จงเจ๋อเอ่ยอย่างกังวล “เรามิสามารถปล่อยให้ท่านกระโดดเข้าไปทั้งที่รู้ว่ามันเป็นกับดักได้หรอก!”หลิงอวี๋มองไปทางท่านจินต้า “ให้พวกเขาเข้ามาก่อนเถิด! ท่านอ๋องกับจ้าวซวนน่าจะกำลังกลับมาแล้ว พวกเราแค่ต้องถ่วงเวลาพวกเขาไว้สักพัก รอให้ท่านอ๋องกลับมาก็พอแล้ว!”“ตระกูลหยางคงแค่สงสัยว่ามีสายลับ ไม่มีหลักฐานอะไรพวกเขาก็มิกล้าทำอะไรบุ่มบ่ามหรอก เพราะว่าท่านอ๋องก็เป็นองค์ชาย มิใช่คนธรรมดาสามัญ!”“พวกเรามีกันตั้งหลายคน หากพวกเขาจะฆ่าพวกเรา เพียงส่งเสียงออกมาก็ดังมากแล้ว ข้าหลวงเว่ยโ
เมื่อหยางหมิงเห็นพระชายาอ๋องอี้มา ดวงตาของเขาก็เป็นประกายแล้วส่งสัญญาณให้คนของเขาหยุด“ท่านอ๋องอี้เล่า?” หยางหมิงมองไปข้างหลังพวกเขา เมื่อมิเห็นท่านอ๋องอี้ก็เอ่ยเสียงขรึม“เหตุใดท่านอ๋องอี้มิเสด็จมาเล่า? ตระกูลหยางให้ท่านใช้หออักษรโดยหาได้เรียกเงินไม่ ทั้งยังให้ข้าวปลาอาหาร ท่านอ๋องอี้ของพวกเจ้าหยิ่งผยองเช่นนั้นเลยหรือ?”เถาจื่อติดตามหลิงอวี๋มาเป็นเวลานาน รู้นิสัยของหลิงอวี๋อยู่แล้ว นางเลียนแบบน้ำเสียงของหลิงอวี๋พลางตะคอกด้วยความโกรธ“เจ้าเป็นใครกัน? กล้าดีเยี่ยงไรถึงพูดกับข้าเช่นนี้?”“ท่านอ๋องใช่คนที่เจ้าอยากจะเจอเมื่อใดก็ได้รึ? ตัวตนท่านอ๋องของเราเป็นเช่นไรกัน? แค่ผู้ป่วยไม่กี่คนก็อยากจะให้เขามารับด้วยตัวเองรึ?”“ข้าไว้หน้าพวกเจ้าเพราะข้ามีจิตใจดี มิต้องการให้คนไข้ต้องทนทุกข์ทรมานจึงมาด้วยตนเอง… เหตุใดกัน นี่ยังมิเพียงพออีกรึ? หรือว่าผู้ป่วยของพวกเจ้าสูงส่งยิ่งกว่าพระชายาเยี่ยงข้า?”หลิงอวี๋ฟังคำพูดของเถาจื่อแล้วอยากจะหัวเราะออกมา ท่าทีของเถาจื่อนั้นแข็งแกร่งมาก!“ผู้ใดบ้างที่เป็นคนไข้ ขึ้นมาให้นางรับใช้ของข้าตรวจดูเสีย หากได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อเราก็จะรับพวกเขาไว้รักษา!”
เมื่อเห็นมีดบนคอของเถาจื่อ หลี่ว์จงเจ๋อก็ตะคอกออกมาด้วยความโกรธ“หยางหมิง เจ้ามีความผิดแล้ว! พระชายาของเรามาตรวจพวกเจ้าด้วยเจตนาดี มิคิดเลยว่าพวกเจ้าจะคิดจับพระชายาเป็นตัวประกันไม่ว่าตั้งใจหรือจงใจจริง ๆ!”“พวกเจ้ามีเจตนาชั่วร้าย นี่คิดจะไปลอบสังหารท่านอ๋องรึ?”หยวนเจี้ยนตะโกนร่วมด้วย “พี่น้องทุกคน เราต้องมิปล่อยให้พวกเขาทำสำเร็จ! ทุกคนลุย!”องครักษ์ที่เขาพามาก็รีบพุ่งเข้ามา และหยางหมิงก็ตะโกนขึ้น “พวกเจ้ามิต้องการชีวิตของพระชายาอ๋องอี้แล้วใช่หรือไม่? หากกล้าก้าวเข้ามาอีกก้าวหนึ่ง พวกเราจะฆ่านางเสีย!”เถาจื่อจงใจปล่อยให้คนของหยางหมิงจับนางไว้ นางเองก็ร่วมมือด้วยเพราะหลิงอวี๋อยากให้หยางหมิงมีความผิดลอบสังหารพระชายาเมื่อเห็นว่าหยางหมิงจับตัวไป เถาจื่อก็แสร้งทำเป็นหวาดกลัวยืนไม่นิ่ง เซไปข้าง ๆ แล้วกรีดร้อง“ช่วยด้วย พวกเขาจะลอบสังหารข้า ช่วยด้วย ฆ่าพวกเขาที!”เถาจื่อจงใจให้โดนปลายมีดของผู้คุ้มกันตอนที่ล้มลง ที่คอจึงมีรอยเลือดปรากฏขึ้นขณะที่นางยังโซเซอยู่นั้นก็สะดุดเท้าของผู้คุ้มกันจนเขายืนไม่มั่นคงแล้วล้มลงเถาจื่อใช้โอกาสนี้เคลื่อนออกจากระยะการโจมตีของผู้คุ้มกันนั้นเมื่อหยว
“บังอาจ!”เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกับเสียงกีบม้า ยังมิทันที่ทุกคนจะได้ตอบสนองอะไร ลูกธนูอันแหลมคมก็ยิงไปพร้อมเสียงที่ผ่านอากาศมาท่านจินต้ากำลังคิดว่าเขากำลังจะตาย แล้วก็รู้สึกได้ว่าเลือดสด ๆ สาดไปทั่วใบหน้าของตนเขาเงยหน้ามองก็เห็นว่าผู้คุ้มกันที่กำลังจะฆ่าตนมีลูกธนูปักอยู่ในดวงตาของเขา มันทะลุจากเบ้าตาไปทางด้านหลังหัว“หยางจื้อฟาง เจ้าจะก่อกบฏรึ? กล้าดีเยี่ยงไรมาฆ่าคนของข้า! ผู้ใดมันให้ความกล้าหาญนี้แก่เจ้า!”เซียวหลินเทียนควบม้ากีบขาวเข้ามาพลางยกดาบ เจ้าหน้าที่ทหารกับผู้คุ้มกันของตระกูลหยางที่วิ่งเข้ามาอยู่ด้านหน้าสุดก็ล้มลงไปทีละคน“ทุกคนหยุด ใครกล้าลงมืออีกจะถือว่าเป็นการกบฏ และจะถูกสังหารทั้งหมด!”เสียงตะโกนของเซียวหลินเทียนดังก้องไปทั่วฟ้า พร้อมด้วยหัวมนุษย์ที่เปื้อนเลือดบนปลายดาบของเขา ทำให้คนที่อยู่ในที่นั้นนิ่งค้างไปทันทีทันทีที่หยางจื้อฟางเห็นเซียวหลินเทียนปรากฏตัว ก็รู้เลยว่าแผนของพวกเขาล้มเหลวหยางจื้อฟางตะโกนทันที “หยุด!”ทั้งสองฝ่ายที่กำลังต่อสู้กันต่างหยุด และมองเซียวหลินเทียนอย่างต่างคนต่างคิดคนที่อยู่ฝั่งของหลี่ว์จงเจ๋อถอนหายใจโล่งอก ท่านอ๋องอี้มาถึงทันเวลา
เสียงของหลิงอวี๋มิได้ดัง แต่ก็แน่วแน่มีพลังพอ ทำให้คุณหนูคุณชายที่อยู่ในบริเวณนั้นได้ยินกันหมดเซียวหลินเทียนเพิ่งลงจากรถม้ามาพร้อมกับพวกเถาจื่อ เมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวหลินเทียนก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วก็หันไปมองน้ำเสียงนี้ พลังเช่นนี้ เหตุใดจึงคล้ายกับหลิงอวี๋มากถึงเพียงนั้นอย่ารังแกคนหนุ่มสาวที่ยากจน!ตอนนั้นที่หลิงอวี๋ถูกพวกเสิ่นจวนกลั่นแกล้งที่ภัตตาคาร หลิงอวี๋ก็เคยพูดในทำนองเดียวกันนี้“ใต้หล้านี้หากมีคนใส่ร้ายข้า หลอกลวงข้า ดูหมิ่นข้า เย้ยหยันข้า ดูถูกข้า เหยียดหยามข้า รังเกียจข้า หลอกลวงข้า ข้าควรจะลงโทษอย่างไร?”“ขอเพียงอดทนกับเขา ยอมเขา ตามใจเขา หลีกเลี่ยงเขา อดกลั้นกับเขา เคารพเขา เมินเฉยเขา และรอไปสักสองสามปีแล้วค่อยดูเขา!”พวกของเสิ่นจวนที่เคยรังแกหลิงอวี๋ในอดีตนั้น ในตอนนี้ต่างก็มีจุดจบที่น่าสังเวชทั้งสิ้น มีเพียงหลิงอวี๋เท่านั้น ที่ก้าวหน้า กลายเป็นหมอที่มีชื่อเสียง เป็นฮองเฮาที่ผู้คนนับล้านในฉินตะวันตกเคารพ!สตรีหน้าตาธรรมดาและแต่งตัวซอมซ่อตรงหน้าเขาผู้นี้ ก็มีพลังของหลิงอวี๋อยู่เช่นกันใครจะรู้ว่านางจะเป็นดังเช่นหลิงอวี๋หรือไม่ หนึ่งปีหลังจากนี้นางอาจ
ใต้หล้านี้มีสตรีที่งดงามอยู่มากมาย!บางคนก็พึ่งการแต่งตัวให้ตนดูงดงาม!และบางคนก็พึ่งความเข้มแข็งภายในจิตใจทำให้งดงาม!และในชั่วขณะนี้ เหลยเหวินรู้สึกว่าสหายของตนผู้นี้ ถึงแม้ว่าจะดูธรรมดาทั่วไป แต่ก็มิได้ด้อยไปกว่าสตรีที่แต่งหน้าแต่งตัวจัดเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย“เสี่ยวอวี๋ เจ้าจะต้องได้สิ่งที่เจ้าต้องการอย่างแน่นอน!”เหลยเหวินเอ่ยออกมาอย่างจริงใจหลิงอวี๋มีจิตใจที่แน่วแน่เช่นนี้ ทั้งยังมีพรสวรรค์ด้านการกลั่นโอสถอีก ในอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด นางจะต้องไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดอย่างแน่นอนทั้งสองยิ้มให้กันแล้วออกไปรอจงเจิ้งเฟยและเมื่อมาถึงที่หน้าประตู รถม้าของตระกูลจงเจิ้งก็มาถึงเนื่องจากเป็นตระกูลใหญ่ จึงเป็นรถม้าที่มีม้าลากสี่ตัวที่ดูหรูหรามาก พวกนางทั้งสามคนยิ้มแย้มพูดคุยกันไปขณะที่มุ่งหน้าไปที่บ้านของหลงอิง“เสี่ยวอวี๋ ตระกูลของหลงอิงเป็นสายข้างเคียงของตระกูลหลง ดังนั้นที่ที่พวกเราจะไปกันจึงมิใช่คฤหาสน์ต้นตระกูล แต่เป็นคฤหาสน์ของครอบครัวนางเอง”เหลยเหวินแนะนำหลิงอวี๋อย่างกระตือรือร้น “แม้ว่าจะเป็นเพียงสายข้างเคียง แต่ครอบครัวหลงอิงก็ใหญ่โตมากเช่นกัน ต้องจัดงานยิ่งใหญ่เช่นนี้ประจำ
“เสี่ยวชี เจ้าอาศัยอยู่ที่ใด ข้าจะไปส่งเจ้า!”เย่หรงรู้สึกว่าคุยกับหลิงอวี๋ถูกคอมาก จึงรู้สึกว่ายังมิพอ“โรงเตี๊ยมเจ้าค่ะ!”ในเมื่อหลิงอวี๋ตัดสินใจที่จะสร้างพันธมิตรกับเย่หรงแล้ว นางจึงมิลังเลที่จะบอกเรื่องของตนให้เขารู้เย่หรงจึงเอ่ยออกมาอย่างประหลาดใจ “เจ้าสอบเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงได้แล้วนี่ เหตุใดยังพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมอีกเล่า? โรงเตี๊ยมในเมืองหลวงแดนเทพราคามิใช่ถูก ๆ เจ้าทำเช่นนี้มิสู้ซื้อเรือนสักหลังน่าจะคุ้มค่ากว่าหรือ!”หลิงอวี๋จึงยิ้มอย่างเย็นชา “เดิมทีข้ามีบ้านอยู่ แต่ถูกคนทำลายไปเสียแล้ว!”“เกิดเรื่องอันใดขึ้น? เจ้าเป็นศิษย์น้อยของอาสาม ใครกันที่ตาไร้แววกล้ามาทำลายเรือนของเจ้า?”เย่หรงยิ่งก็ยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้นไปอีกหลิงอวี๋จึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้เขาฟัง และสุดท้ายก็เอ่ยออกไป “เรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของเหมียวหยางเป็นแน่ ข้าไม่มีศัตรูอยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ และนอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครที่จะทำเรื่องเช่นนี้กับข้าด้วย!”เย่หรงได้ยินเช่นนั้นก็โกรธมาก “ไป่หลี่ไห่กับหอโอสถไป๋เป่าอาศัยว่ามีการสนับสนุนของเจ้าแห่งทะเล จึงได้กล้าทำสิ่งชั่วร้ายเช่นนี้!”“เสี่ยวช
แหกคุกหรือ?เหมือนว่าจะไม่มีใครเคยพูดเช่นนี้กับเย่หรงมาก่อนเลย เย่หรงเองก็ถูกการศึกษาที่แสนยาวนานยับยั้งเอาไว้ คิดมิถึงเลยว่าจะมีวิธีเช่นนี้ที่สามารถใช้ได้ด้วย!เขาประหลาดใจขึ้นมาในทันที แล้วก็มองหลิงอวี๋อย่างเหลือเชื่อเช่นนี้ก็ได้เช่นกันนี่?เพราะว่าเย่หรงเองก็เป็นคนที่มิทำตามกฎอยู่แล้ว หลังจากที่ตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง เขาก็คิดออกแล้วคำโน้มนำที่หลิงอวี๋ขว้างมาตรงหน้าตนนั้นเป็นราวกับต้นกล้าเล็ก ๆ ที่ทะลุผ่านดินขึ้นมาในชั่วพริบตา และเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ!ใครบอกว่ามิได้เล่า?ความผิดที่มารดาของเขาทำนั้นมิใช่ความผิดร้ายแรง ตระกูลหลงและตระกูลเย่ก็มิแม้แต่จะผ่านการพิจารณาคดีด้วยซ้ำ พวกเขาแค่ขังนางไว้ในคุกน้ำอันมืดมิดมาเป็นเวลานานสิบกว่าปีแล้วพวกเขาสามารถเพิกเฉยกฎเกณฑ์ได้ และทำตามอำเภอใจกันได้ เช่นนั้นเหตุใดตนจึงต้องปฏิบัติตามกฎของพวกเขาด้วยเล่า?มิรู้ว่าท่านแม่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนั้นจะถูกทรมานอย่างไรบ้าง เขาในฐานะลูกชายจะสามารถมองดูมารดาต้องทนทุกข์ต่อไปได้อย่างไรกัน?หากเขามิช่วยท่านแม่ออกมาจากสถานที่เลวร้ายนั้น เขาจะต้องสูญเสียท่านแม่ไปแน่“เสี่ยวชี ข้าจะหาช่องโหว่ได้
ก็มิรู้ว่าเพราะเหตุใดเช่นกัน!เป็นเพราะได้ยินหยางหงหนิงบอกว่าเย่หรงชอบหลิงอวี๋หรือ?หรือเป็นเพราะเมื่อครู่ได้ยินเย่หรงพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าตัวเขาไร้ประโยชน์ และไม่มีอะไรดี?หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะเคยได้ยินผู้รอบรู้เล่าเรื่องภูมิหลังของเย่หรง เมื่อหลิงอวี๋เห็นเย่หรงจึงไม่มีความระแวดระวังดังเช่นก่อนหน้านี้นี่คือคนที่น่าสงสารคนหนึ่ง!หลิงอวี๋มองใบหน้าที่คุ้นเคยนั้นแล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างประหม่า “คุณชายเย่ ข้ามิได้ตั้งใจจะแอบฟัง ข้าแค่ผ่านมา… แค่ผ่านมาเท่านั้นเอง!”เย่หรงจ้องมองนางอย่างดุร้าย และเมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกของศิษย์น้อยของเย่ซื่อฝาน ดูมิคล้ายกับพูดโกหกอยู่ เขาก็เอ่ยถามอย่างมิคาดคิด “เจ้าดื่มสุราเป็นหรือไม่?”เอ๊ะ นี่คือคำถามอะไรกัน?“มินับว่าดื่มเป็นเจ้าค่ะ!” หลิงอวี๋เอ่ยด้วยความเขินอายนางมิรู้ด้วยซ้ำว่าตนสามารถดื่มได้มากแค่ไหน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าดื่มเป็นหรือไม่“ไป ข้าจะเลี้ยงสุราเจ้าเอง!”เย่หรงมิพูดพร่ำทำเพลง แล้วเดินเข้ามาคว้าแขนของหลิงอวี๋เดินไป“คุณชายเย่ ข้าไปดื่มกับท่านมิได้เจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ตกใจ แล้วก็ดิ้นรนพลางเอ่ยออกมาแม้แต่คนตาบอดก็ยังมองเห็นชัดเจนว่
เย่ซื่อฝานทำการสอนหลิงอวี๋เป็นเวลาครึ่งวันแล้วก็กังวลว่า นางจะมิสามารถดูดซับความรู้ไปได้ทั้งหมด ในเวลาที่เหลือจึงปล่อยให้หลิงอวี๋ทำความคุ้นเคยกับเครื่องยาสมุนไพรด้วยตนเองหลิงอวี๋จึงขออนุญาตจากเย่ซื่อฝาน เรียนรู้อยู่ในห้องปรุงโอสถของเย่ซื่อฝานไปในตอนอาหารเที่ยง เย่ซื่อฝานก็ชวนหลิงอวี๋ไปกินข้าวด้วยกัน แต่หลิงอวี๋ปฏิเสธ บอกว่าตนมีอาหารแห้งมาแล้วเย่ซื่อฝานหมดคำพูดไปเลย เขาคำนึงถึงหลิงอวี๋ว่าเป็นเพราะความภาคภูมิใจในตนเองอาจทำให้เกิดปัญหา จึงมิอยากกินอาหารร่วมกับคนตระกูลเย่ เขาจึงให้คนรับใช้นำอาหารกลางวันไปให้หลิงอวี๋เพียงลำพังหลิงอวี๋ยืมใช้เตากลั่นโอสถของเย่ซื่อฝาน แล้วทำการกลั่นโอสถเสริมพลังวิญญาณไปสองเตา แต่มีอัตราความสำเร็จเพียงสี่ส่วนเท่านั้นนี่เป็นเพราะว่าพลังของหลิงอวี๋ในตอนนี้มิเพียงพอ จึงทำให้หลิงอวี๋ยิ่งมุ่งมั่นที่จะดึงเข็มเงินออกมากขึ้นหลิงอวี๋นำโอสถไปเพียงขวดเดียว ส่วนที่เหลือก็ถือเป็นการชดเชยการใช้เครื่องยาสมุนไพรของเย่ซื่อฝานไปเสียนอกจากนี้ หลิงอวี๋ยังใช้เครื่องยาสมุนไพรของเย่ซื่อฝานทำสองสิ่งด้วย นั่นก็คือจัดเตรียมเป็นยาพิษหนึ่ง และยาแก้พิษอีกหนึ่งนางพูดไปแล้วว่
กระทั่งผู้รอบรู้ฝ่าฝนกลับเข้ามา เขาก็เห็นหลิงอวี๋กำลังนั่งอยู่บนธรณีประตูที่ถูกทำลาย พร้อมทั้งมีห่อสัมภาระเล็ก ๆ สองห่อวางอยู่ข้างกาย“น้องหญิง… มันเกิดอะไรขึ้น? ใครเป็นคนทำ?”เมื่อผู้รอบรู้เห็นประตูใหญ่ถูกทำลายไป เขาก็เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ“ท่านพี่ เราอยู่ที่นี่มิได้แล้ว! คืนนี้พวกเราไปอยู่ที่โรงเตี๊ยมกันก่อน แล้ววันพรุ่งค่อยคิดหาทางกันเถิด!”หลิงอวี๋ยืนขึ้นอย่างสงบ แล้วยื่นสัมภาระห่อหนึ่งให้กับผู้รอบรู้เมื่อผู้รอบรู้เห็นความยุ่งเหยิงและเรือนที่ถูกฝนซัดสาด อีกทั้งหลังคาที่พังทลาย เขาก็เข้าใจทุกอย่างในทันที“เหมียวหยางทำหรือ?”“อืม! ไม่มีทางเป็นผู้อื่นนอกจากเขา!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะแล้วเอ่ยออกไป “ท่านพี่ พวกเราไปกันเถิด! ภายในสิบวัน ข้าจะทำให้เหมียวหยางควักเงินออกมาสร้างบ้านของเราใหม่ให้จงได้!”ผู้รอบรู้ตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วมองไปทางหลิงอวี๋แล้วเขาก็เห็นใบหน้าของนางที่ถูกชะล้างด้วยฝนนั้น เต็มไปด้วยความเย็นชาและความมุ่งมั่น“เจ้าจะทำกระไร?”ผู้รอบรู้มิได้คลางแคลงใจว่าหลิงอวี๋กำลังโอ้อวดหรือไม่ เขามองออกอยู่แล้วว่าที่หลิงอวี๋มั่นใจเช่นนี้นางจะต้องคิดวิธีดี ๆ ออกแล้วแน่นอน“
ผลลัพธ์ก็คือ หลังจากทดลองไปหนึ่งคืนหลิงอวี๋ได้กลั่นไปแล้วสามเตา และอัตราความสำเร็จสูงที่สุดในการกลั่นโอสถคือเจ็ดส่วนแต่นางก็พอใจแล้ว เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกในการกลั่นโอสถของตน มีอัตราความสำเร็จสูงถึงเพียงนี้ก็นับว่าดีแล้วเมื่อเห็นว่าฟ้าสางแล้ว หลิงอวี๋ก็รีบอาบน้ำและทำอาหารเช้า กระทั่งผู้รอบรู้ตื่นขึ้นมา นางก็นำโอสถที่กลั่นออกมาได้ให้เขาไปขาย และซื้อเครื่องยาสมุนไพรบางส่วนกลับมาอีกหลิงอวี๋วางแผนจะกลั่นโอสถเสริมพลังวิญญาณในคืนนี้แต่สิ่งที่ทำให้หลิงอวี๋และผู้รอบรู้คาดมิถึงก็คือ หลังจากที่ทั้งสองคนออกจากบ้านไป ก็มีกลุ่มคนเข้ามา และเตะประตูเปิดออกอย่างโหดร้าย จากนั้นก็ทุบทำลายเรือนที่พวกเขาสองคนซ่อมแซมกันมาอย่างยากลำบากจนพังยับเยินเตากลั่นโอสถก็ถูกทำลายไปเช่นกัน และเครื่องยาสมุนไพรที่เหลือก็ถูกทำลายไปด้วยวันนี้หลิงอวี๋เรียนครึ่งวัน นางพะวงเรื่องการกลั่นโอสถจึงกลับมาก่อน แต่เดินไปได้ครึ่งทางฝนก็โปรยปรายลงมาแล้วหลิงอวี๋จึงรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว แต่ไปถึงแค่ปากตรอก ฝนก็ตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ หลิงอวี๋จึงเปียกโชกเป็นลูกหมาตกน้ำไปในชั่วพริบตาจากนั้นนางก็เร่งฝีเท้าไป และขณะที่กำลังวิ่งอ
เรื่องเกี่ยวกับราชวงศ์ในเมืองหลวงแดนเทพและตระกูลใหญ่ทั้งหลายนั้น ผู้รอบรู้บอกหลิงอวี๋ไว้หมดแล้วนับตั้งแต่มหาเทพหลงอี้ก่อตั้งแดนเทพขึ้นมา ตระกูลหลงก็ปกครองมาเป็นเวลาแปดร้อยปีแล้วก่อนหน้านี้มีหลงอี้คอยสนับสนุนตระกูลหลงอยู่ ดังนั้นแม้ว่าจะมีคนมิพอใจ แต่พวกเขาก็ล้วนถูกอำนาจเทพของหลงอี้กดขี่ไว้ ทำให้มิสามารถต่อต้านได้แต่ตอนนี้หลงอี้อาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว บรรดาตระกูลใหญ่ที่ถูกกดขี่ไว้เหล่านี้ ผู้ใดจะยอมทนให้ตระกูลหลงกดหัวทุกคนไว้กันเล่า?จากการพัฒนามาหลายร้อยปี ตระกูลใหญ่เหล่านี้ล้วนร่ำรวยพอที่จะเป็นศัตรูกับแผ่นดินได้แล้ว มีลูกหลานอยู่ตั้งมากมาย หากตระกูลใดได้นั่งอยู่ในตำแหน่งนั้น ก็หมายถึงการเปลี่ยนอำนาจ มีเกียรติยศรุ่งเรืองไร้ขีดจำกัด และสามารถกำหนดกฎเกณฑ์ได้เองยามนี้ที่ยังอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข นั่นก็เป็นเพราะตระกูลใหญ่เหล่านี้กำลังรอโอกาสอยู่ก่อนที่พายุจะมาถึง สำนักต่าง ๆ ล้วนรับสมัครคนที่มีความสามารถกันอย่างกระตือรือร้น และการกระทำเช่นนี้ของตระกูลหลงนั้น ก็เพียงเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับอำนาจปกครองของตนเองเท่านั้นหลิงอวี๋มิได้สนใจการต่อสู้ภายในเหล่านี้นัก แต่นางกลับถูกดึงเ