อยากได้เท่าใดก็มีให้?เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว ทุก ๆ ปีทางราชสำนักล้วนเก็บรวบรวมในจำนวนที่คงที่ แล้วหยางต้าหู่เอามาความกล้าจากไหนมาพูดเกินจริงเช่นนี้!หรือว่ามีการใช้พืชผลสำรองในคลังของแคว้น?ทางการท้องถิ่นทุกแห่งมีคลังพืชผลเพื่อบรรเทาทุกข์แผ่นดินไหว และเตรียมพร้อมสำหรับการบรรเทาทุกข์ในสงครามฉุกเฉินหากหยางช่างจื้อข้าหลวงเว่ยโจวกล้าเอาพืชผลที่เก็บไว้ในคลังแคว้นก็เพียงพอที่จะตัดหัวเขาแล้ว!เซียวหลินเทียนเห็นทั้งสองคนกำลังคุยกัน เมื่อรถม้าบรรทุกเครื่องยาสมุนไพรจนเต็มแล้วก็หายไปบนถนนจากด้านหลังกระท่อมนั้นทีละคันเซียวหลินเทียนเห็นชายเหล่านั้นกับท่านเหอขึ้นรถม้าไปด้วย คนงานที่ขนยาก็แยกย้ายกันไปหมดในท้ายที่สุดก็เหลือเพียงสองพี่น้องนั้นเซียวหลินเทียนรออยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เห็นทั้งสองเข้าไปในกระท่อม จากนั้นเขาก็ไปแนบหูที่ผนังกระท่อมเสียงของเสี่ยวอู่ดังมาจากข้างใน “พี่ใหญ่ วันพรุ่งเหลือสินค้าชุดสุดท้ายแล้ว หากเจ้าจะหนีไปจริง ๆ ก็มีเพียงสองวิธี วิธีแรกคือการซ่อนตัวในสินค้าแล้วแอบออกไป เมื่อออกไปข้างนอกได้แล้วค่อยคิดหาทางหนีอีกที!”“อีกวิธีหนึ่งก็คือ แสร้งทำเป็นผู้ป่วยโรคระบาดและหนีออกไป
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยอมจำนนแล้ว เซียวหลินเทียนก็ผ่อนน้ำเสียงลง“เช่นนั้นข้าถามสิ่งใด พวกเจ้าต้องตอบตามความจริง มิเช่นนั้นหากข้าตรวจสอบเจอจะไม่มีการผ่อนปรน!”“ใต้เท้าถามเลยขอรับ ข้าจะบอกท่านทุกอย่าง!” ชายคนนั้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องคว้าโอกาสนี้ไว้เซียวหลินเทียนจึงเอ่ยถาม “เจ้ามีนามว่าอะไร?”ชายคนนั้นเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “ข้านามว่าหยางเม่า นี่คือน้องชายของข้านามว่าหยางอู่ขอรับ!”“ครอบครัวใหญ่ทางตะวันตกของหมู่บ้านเจ้าสมรู้ร่วมคิดกับหยางต้าหู่กับทำธุรกิจขายยาทั้งหมดใช่หรือไม่?”หยางเม่าพยักหน้า แล้วบอกทุกสิ่งที่เขารู้เองโดยที่เซียวหลินเทียนมิต้องถามอีกหลายปีมานี้หยางต้าหู่สมรู้ร่วมคิดกับข้าหลวงเว่ยโจว มิเพียงแต่ขายอาหาร แร่เหล็ก แต่ยังรวมถึงอาวุธกับสิ่งของต่าง ๆ ที่ฉีตะวันออกขาดแคลนอีกด้วยการขายเครื่องยาสมุนไพรเริ่มต้นเมื่อโรคระบาดเกิดขึ้นในฉีตะวันออก ครอบครัวใหญ่หลายครอบครัวทางตะวันตกของหมู่บ้านร่วมมือกันรวบรวมเครื่องยาสมุนไพรจากแต่ละที่ทั่วแคว้นมารวมกันไว้ที่เจ่าจวงแล้วขนส่งไปยังฉีตะวันออก“ใต้เท้า ก่อนหน้านี้ข้ามิรู้ว่าพวกเขาส่งของไปยังฉีตะวันออก ข้ากับพวกชาวบ้านคิดว่าพว
“โฮ่ง ๆๆ...”ไม่นานก็มีเสียงสุนัขเห่าพร้อมกับเสียงฝีเท้าอันวุ่นวายเร่งรีบมาทางนี้...“แย่แล้ว ผู้คุ้มกันพบเราแล้ว!”หยางเม่าตกใจหน้าเสีย พลางเอ่ยอย่างวิตกกังวล “พวกมันเลี้ยงหมาป่าดุร้ายไว้สิบกว่าตัว กลุ่มผู้คุ้มกันมีหน้าไม้เหล็กด้วย เราหนีไม่พ้นหรอก…”เซียวหลินเทียนกลั้นลมหายใจตั้งสติฟังเสียงฝีเท้า ในกลุ่มนี้มีกันอยู่เกือบยี่สิบคนรวมกับหมาป่าสิบกว่าตัวแล้ว แม้ว่าเขากับจ้าวซวนจะไม่อ่อนแอในเรื่องของวรยุทธ แต่ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพาหยางเม่าหลบหนีไปได้อย่างปลอดภัย!อีกทั้งเขามาที่นี่เพื่อรวบรวมหลักฐาน แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีหลักฐานแล้ว แต่หลิงอวี๋กับกองทัพที่เหลือก็ยังคงอยู่ในเจ่าจวง ฉินซานก็ถูกตนย้ายไปเป็นสายสืบที่เว่ยโจว เผยอวี้ก็ได้รับบาดเจ็บอีก!หากที่อยู่ของพวกเขาถูกเปิดเผยตอนนี้ ตนกับจ้าวซวนยังมีเวลาแจ้งให้หลิงอวี๋กับคนอื่น ๆ ทราบหรือไม่?หากหยางต้าหู่รู้ว่าการกระทำนี้ในครั้งนี้ตนออกโรงด้วยตัวเองเล่า...ขอเพียงหยางต้าหู่ส่งคนมาปิดกั้นทางกลับไปเจ่าจวงของตนเอง แล้วระดมกองกำลังของช้าหลวงเว่ยโจวกับแม่ทัพเซี่ยมา ก็ทำให้พวกเขาแยกกันแล้วโจมตีได้!ตอนนี้ศัตรูแข็งแกร่งกว่าตน วิธี
เสียงของเสี่ยวอู่เอ่ย “พี่หยาง ไม่มีใครมาเลยจริง ๆ! พี่ชายของข้ามาเข้าห้องน้ำ… บางทีเขาอาจจะตกใจพวกเจ้าจนตกลงไปก็ได้!"“เพียะ…” เสียงตบหน้าเสี่ยวอู่ดังลั่นหยางหมิงตะคอกอย่างดุร้าย “หมาป่าตามกลิ่นมาจากกับดัก เห็นได้ชัดว่ามีคนบุกเข้ามาภูเขาด้านหลัง เจ้ายังกล้าบอกว่าไม่มีอีกรึ?”“บอกความจริงมา พี่ชายของเจ้าพูดอะไรกับพวกเขา? หากเจ้าไม่บอกความจริง… ข้าจะฆ่าทั้งครอบครัวของเจ้า!”เสี่ยวอู่เอ่ยอย่างดื้อรั้น “สัตว์ร้ายจะไปเชื่อได้เยี่ยงไรกัน บางทีพวกมันอาจดมกลิ่นผิดก็ได้… ข้ามิเห็นใครมาเลยจริง ๆ!"“เจ้ามิเห็นโลงศพคงมิหลั่งน้ำตา!”หยางหมิงตะคอกอย่างดุร้าย "หากเจ้ามิบอกข้า ข้าจะฆ่าเจ้า!”พวกเซียวหลินเทียนอยู่ด้านล่างก็ไม่รู้ว่าหยางหมิงทำอะไร แต่พวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนซึ่งนั่นเป็นเสียงของเสี่ยวอู่“หยางเม่า ออกมาเสียเถิด ขอเพียงเจ้ามอบตัวสายลับออกมา ข้าจะไว้ชีวิตน้องชายของเจ้า!”หยางหมิงหักมือข้างหนึ่งของเสี่ยวอู่แล้วผลักเขาไปที่ขอบหน้าผา พลางตะโกนไปที่ด้านล่างหยางเม่าถูกเซียวหลินเทียนกดไว้ ร่างกายของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว“ปล่อยข้าไปเถิด ให้ข้าไปช่วยเสี่ยวอู่เถิด!” เขาขอร้องเ
เสี่ยวอู่ยอมตายแต่ไม่ยอมบอกทิศทางที่พวกเขาอยู่ออกไป หากพวกเขาพุ่งออกไปตอนนี้ เช่นนั้นจะไม่ทำให้การเสียสละของเสี่ยวอู่ไร้ผลหรือ?ดังนั้นเซียวหลินเทียนจึงทำได้เพียงกดหยางเม่าให้แน่น พลางจ้องมองไปที่กลุ่มคนที่อยู่ด้านบนเขาอย่างดุร้าย!เขาจะจดจำบัญชีแค้นนี้เอาไว้!กลุ่มคนพวกนั้นยืนอยู่ด้านบนนั้นเป็นเวลานาน พอเห็นว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ด้านล่างหยางหมิงก็เอ่ยขึ้นมา “รีบให้คนขนของข้ามคืนไปเลย… ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว!”“ส่งคนไปสกัดกั้นท้ายน้ำด้วย แม้พวกมันจะมีชีวิตอยู่ก็ปล่อยให้ออกไปรายงานข่าวมิได้!”เซียวหลินเทียนเห็นหยางหมิงพาคนออกไปแล้ว แต่ก็ยังเหลือคนไม่กี่คนที่ถือหน้าไม้เหล็กเฝ้าอยู่เขากดเสียงต่ำพลางเอ่ย “หยางเม่า เราต้องรีบออกไปช่วยครอบครัวของเจ้า! ขอเพียงเราเคลื่อนตัวช้า ๆ ไปที่พุ่มไม้ พวกมันจะไม่พบเรา!”หยางเม่าจ้องมองไปที่ร่างที่อยู่ไม่ไกล แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างเงียบ ๆเมื่อครู่เขาน่าจะพาเสี่ยวอู่กระโดดลงมาพร้อมกัน!หากทำเช่นนั้น เสี่ยวอู่ก็จะไม่ต้องตายโดยที่ร่างกายแยกจากกันอย่างอนาถเช่นนี้!“รอเราออกไปได้ แล้วข้าจะช่วยเสี่ยวอู่แก้แค้น! หากจับหยางหมิงได้ ข้าจะให้เจ้าจั
“เกิดอะไรขึ้น? ผู้ใดทำให้นิวนิวบาดเจ็บเช่นนี้?” หลิงอวี๋เอ่ยถามหลี่ว์จงเจ๋อหลี่ว์จงเจ๋อชี้ไปที่ผู้ป่วยสองคนที่อยู่ด้านข้าง พลางเอ่ยด้วยความโกรธ “พวกเขาขอรับ! สองคนนี้ติดเชื้อโรคระบาดแล้วไม่มารายงานตัว ทั้งยังทารุณเด็กที่บ้านอีก!”“พวกเขาให้เด็กเล็กเท่านี้ช่วยพวกเขาทำอาหาร พอเด็กหิวมากก็ขโมยหมั่นโถวครึ่งก้อนไปกิน หญิงชราโกรธมากจนเทน้ำเดือดใส่ทั่วตัวเด็ก!”“เด็กเจ็บจนร้องไห้มิหยุด พวกเขาก็ยังมิยอม กลัวว่าจะดึงดูดความสนใจของเรา จึงทุบตีเด็กอย่างรุนแรงมิให้เด็กร้องไห้!”“เพื่อนบ้านเขาทนดูมิไหวจึงมาแจ้งพวกเราขอรับ เรารีบไปก็พบว่าเด็กคนนี้เกือบจะตายอยู่แล้ว!”เฉียนฮ่าวองครักษ์ที่ติดตามเซียวหลินเทียนไปล่าสัตว์ปีกอยู่ด้วยพอดี อดมิไหวจึงเอ่ยขึ้นมา“พระชายาอ๋องอี้ ชายผู้นี้ชื่อหยางซง เป็นผู้สอบบัณฑิต ตอนเราไปบ้านเขาเพื่อล่าสัตว์ปีก พวกเขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางมิให้เราฆ่าสัตว์ปีกขอรับ!”“ตอนนั้นหญิงชราผู้นี้นั่งลงที่พื้นแล้วกล่าวหาเราอย่างผิด ๆ ว่าจะจับไก่ของพวกเขาไปเพราะว่าอยากกิน!”“จากนั้นพวกเขาก็ซ่อนไก่ไว้กินหนึ่งตัว พอกินเข้าไปแล้วก็ติดโรคระบาด! สมน้ำหน้าจริง ๆ คนเช่นนี้ไม่ควร
แม่นางหยางตะโกนใส่หยางซงด้วยความโกรธ“หยางซง นิวนิวเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเจ้านะ! แม่ของเจ้าปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ เจ้ามิจัดการเลยหรือ?”หยางซงเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ท่านแม่ของข้าพูดถูก นางเป็นเพียงแค่ภาระ ทำสิ่งใดมิได้สักอย่าง ต่อไปก็ต้องเก็บเงินไว้เพื่อเป็นสินสอดอีก ขายไปก็ยังมีเงินเลี้ยงดูลูกในท้องของเจ้า!”แม่นางหยางทนมิไหวอีกต่อไปแล้ว จึงพุ่งเข้าไปตบหน้าหยางซงอย่างแรงหยางซงถูกตบจนถอยหลังไปหลายก้าว ก็พลันโกรธขึ้นมาและพุ่งไปตบแม่นางหยางล้มลงกับพื้นเขากำลังจะยกขาขึ้นเตะแม่นางหยางตามความเคยชิน แต่หลี่ว์จงเจ๋อมิสามารถควบคุมความโกรธของตนได้แล้ว เขาพุ่งไปเตะที่ท้องหยางซงจนหยางซงกระเด็นออกไป“เจ้ามันสัตว์เดรัจฉาน มิเห็นหรือว่าภรรยาของเจ้ากำลังตั้งท้อง? หากยังกล้าตีนางอีก ข้าจะทุบตีสัตว์เดรัจฉานเยี่ยงเจ้าให้ตายเสีย!”หลี่ว์จงเจ๋อพุ่งเข้าไปอีกครั้งแล้วเตะหยางซงสองที แต่ก็ยังมิพอใจ ต่อยหยางซงไปอีกหลายหมัด“เจ้าหน้าที่ฆ่าคน!”แม่หยางปวดใจที่ลูกชายถูกทุบตี จึงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งนางรีบรุดเข้าไปดึงผมของแม่นางหยางและทุบตีพลางดุด่านางด้วย “เจ้ากล้าตีลูกชายข้า ข้าก็จะทุบตีเจ้าให้ตายก่อนเสีย!”
หลิงอวี๋กับหลี่ว์จงเจ๋อต่างตกตะลึง พวกเขามิคาดคิดว่าแม่นางหยางจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!“เร็วเข้า รีบพานางเข้าไป!”หลิงอวี๋มิสนใจหยางซงแล้ว นางกับหลิงซวนรีบแบกแม่นางหยางไปทันทีแต่เดิมทีแม่นางหยางก็กินยาของหมอเฝิงไปแล้วทำให้ทารกในครรภ์ไม่มั่นคง ตอนนี้นางก็โกรธมากจนทุบตีท้องตนเองอย่างไร้ความปรานีเช่นนี้อีกแม้ว่าหลิงอวี๋จะฉีดยารักษาการตั้งครรภ์ให้นาง แต่แม่นางหยางก็ยังพักไม่เกินครึ่งชั่วยามเลย ทารกหัวใจหยุดเต้นในท้องนางแล้วหลิงอวี๋รู้สึกกังวลมากจนพูดไม่ออก นางนิ่งอยู่นานก่อนที่จะบอกผลกับแม่นางหยางแต่แม่นางหยางกลับเอ่ยอย่างใจเย็น “โชคดีแล้วที่เด็กคนนี้มิได้เกิดมา จะได้ไปเกิดใหม่ในครอบครัวที่ดี!”“ข้ากับนิวนิวทนทุกข์ทรมานกันก็มากแล้ว! เรามิสามารถทำให้เขาทนทุกข์ได้อีก!”“พระชายาอ๋องอี้ ให้เขาส่งจดหมายขอหย่าให้ข้าเถิด ข้ามิต้องการสิ่งใดแล้วนอกจากนิวนิว!”หลิงอวี๋มองออกว่านี่คือสิ่งที่อยู่ในใจแม่นางหยางจริง ๆ แม้ว่าจะเสียดายที่เด็กในท้องของนางอายุได้หกเดือนแล้วแต่มิสามารถเกิดมาได้ แต่นางก็เคารพความคิดเห็นของแม่นางหยางหลังจากให้ยาแม่นางหยางแล้ว หลิงอวี๋ก็เดินออกมาแม่ลูกตระกูลหยาง
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต