เสียงการต่อสู้ข้างนอกดังมาอย่างต่อเนื่อง แต่หลังจากนั้นไม่นานก็สิ้นสุดลงกองทหารประจำของฉินซานได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี สามารถจัดการกับโจรเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายและราบรื่นเลยทีเดียวโจรสิบกว่าคนนั้น ไม่ถูกฆ่าทันทีก็ถูกทุบตีจนไม่สามารถขยับตัวได้แล้ว!และองครักษ์ที่ฉินชานพามานั้นมีแต่คนฉลาดอยู่ไม่น้อย เกรงว่าหากจับเป็นพวกโจรเหล่านี้ ต่อไปก็จะต้องลำบากตนพาพวกเขากลับไปเมืองหลวงอีก ดังนั้นจึงลงมืออย่างไร้ความปรานีไปเลยกระทั่งการต่อสู้สิ้นสุดลง ก็มีโจรไม่กี่คนที่รอดชีวิตไปได้สิ่งของในรถม้าสองคันถูกพวกโจรพลิกคว่ำจนกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นฉินชานเห็นแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เอาของมามากมายถึงเพียงนี้ มันลำบากมากจริง ๆ ในการที่จะเก็บข้าวของหากองค์หญิงหกผู้นี้ติดตามกองทัพใหญ่ไปติด ๆ เรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร!“องค์หญิงหก ไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”ฉินชานให้องครักษ์ช่วยนางกำนัลจัดการรถม้า จากนั้นตนจึงเดินไปเอ่ยถามเมื่อเซียวทงเห็นว่าไม่มีอันตรายแล้ว ก็นึกถึงความกลัวเมื่อครู่แล้วตะโกนใส่ฉินชานอย่างเสียใจ“แม่ทัพฉิน เหตุใดท่านถึงเพิ่งมาเล่า! ท่านมิรู้อะไร เมื่อครู่ข้ากลัวแทบตาย…”
ฉินรั่วซือถูกหยิกจนอยากจะกรีดร้องออกมา แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาเตือนของเซียวทง นางก็กัดริมฝีปากล่างไว้มิกล้าส่งเสียงออกไปในเวลานี้ ฉินรั่วซือรู้สึกเสียใจอย่างที่สุด หากองค์หญิงหกผู้วางอำนาจและโหดร้ายแต่งงานกับพี่ชายของตน เช่นนั้นจะไม่ทำร้ายพี่ชายตนหรอกหรือ?ตอนนี้องค์หญิงหกยังมิได้แต่งงานเข้าตระกูลฉินก็กล้ารังแกตนเช่นนี้แล้ว ถึงตอนนั้นหากให้นางแต่งงานเข้าตระกูลฉินจริง ๆ เช่นนั้นทั้งครอบครัวของตนก็จะถูกนางรังแกกันหมด!ไม่ได้… นางต้องหาทางป้องกันมิให้เซียวทงแต่งงานเข้าตระกูลฉิน!รถม้ายังคงดำเนินต่อไปภายใต้การเร่งของฉินซาน แต่ในไม่ช้าท้องฟ้าก็มืดลง การเดินทางก็ช้าลงไปด้วยพวกองครักษ์เหล่านั้นยังมีอาหารแห้งอยู่ แต่น้ำหมดไปแล้ว ความหิวและความเหนื่อยล้าจึงทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่สบายมีองครักษ์สองคนที่ดูแลด้านหลังรถม้าเห็นว่าฉินซานอยู่ข้างหน้า มิได้ยินที่ตนเอ่ย จึงเริ่มก่นด่าขึ้นมาอย่างหยาบคาย“ลากการเดินทางไปมาเช่นนี้มันลำบากพวกเรามิใช่รึ! วันนี้แค่วันแรกก็เหนื่อยเช่นนี้แล้ว… ข้าว่าเราได้เหนื่อยเลยระหว่างทางก่อนถึงชายแดนแน่เลย!”“เฮ้อ ก็ใครให้นางเป็นองค์หญิงเล่า! แค่เอ่ย
“จะเปลี่ยนไปที่ใด? กลับวังหรือไม่เล่า?”เซียวหลินเทียนอดทนกับเซียวทงมาทั้งวันแล้ว เมื่อเห็นว่านางยังคงดื้อรั้นเอาแต่ใจเช่นนี้ ก็ทนมิไหวพลางตะคอกด้วยความโกรธ“องค์จักรพรรดิสั่งให้ข้าไปที่ชายแดนกำจัดโรคระบาด! เซียวทง ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะติดตามพวกข้ามา เจ้าก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้า!”“ข้าบอกไปแล้วในช่วงอาหารกลางวันว่ามิให้พักผ่อนและให้เดินหน้าเต็มกำลัง! แต่เจ้ากลับเพิกเฉยต่อคำสั่งของข้าแล้วพักผ่อนตามใจตนเอง! ถ่วงเวลาการเดินทางของกองทัพใหญ่!”“เพื่อความปลอดภัยของเจ้า ข้าต้องส่งแม่ทัพฉินกลับไปหาเจ้า! วันนี้ถือว่าเจ้าโชคดีมากแล้วที่แม่ทัพฉินกลับไปช่วยเจ้าได้ทันเวลา!”“หากเขามิกลับไป เจ้าก็คงจะตายด้วยน้ำมือของพวกโจรพวกนั้นไปแล้ว!”ยังมิทันที่เซียวหลินเทียนจะเอ่ยจบ เซียวทงก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ“ใครให้เขากลับไปเล่า! เขามันจุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง! ต่อให้เขาไม่ไป องครักษ์ของหม่อมฉันก็ฆ่าพวกโจรเหล่านั้นได้!”“อวดดี!”เซียวหลินเทียนตะคอกเสียงแข็ง “แม่ทัพฉินช่วยเจ้าไว้ แต่เจ้ากลับมิรู้สึกขอบคุณ! เจ้าคิดว่าไม่มีใครสามารถควบคุมเจ้าได้จริง ๆ ใช่หรือไม่?”“เซียวทง เจ้าทำให้แม่ทัพฉินกับองคร
“กลุ่มของข้ามิเลี้ยงคนไร้ประโยชน์ หากเจ้ามิทำการใด ก็อย่าคิดว่าจะได้กินอิ่มนอนหลับสบาย!”“ข้าจะให้คนจับตาดูเจ้าไว้! หากเจ้าอยู่มิไหวก็หนีไปเสีย อย่าหวังว่าข้าจะส่งทหารพาเจ้ากลับไปเมืองหลวงเลย!”“เซียวทง จำสิ่งที่ข้าพูดในวันนี้ไว้ อย่าท้าทายความอดทนของข้า เพราะเจ้าทนรับผลที่ตามมาทนมิไหวแน่!”หลังจากที่เซียวหลินเทียนพูดจบก็พาคนออกไป เซียวทงมองแผ่นหลังของเขาแล้วบ่นเบา ๆองค์ชายพิการผู้นี้ แค่อยากจะอาศัยตนมาสร้างความน่าเกรงขามของตนเท่านั้น!นางมิเชื่อว่าเขาจะกล้าตีนางจริง ๆ หรอก!ดูสิ หากตอนนี้ตนยื่นบันไดให้เขา เขาก็ลงมิได้มิใช่หรือ?แม้ว่าเซียวทงจะคิดเช่นนี้ แต่ก็ยังคงเก็บคำพูดของเซียวหลินเทียนไว้ในใจนางเหนื่อยมากจึงเร่งให้พวกฉินรั่วซือเตรียมน้ำให้ตน อยากจะอาบน้ำคลายความเหนื่อยล้าเสียหน่อยแต่จะมีถังไม้สำหรับอาบน้ำในที่พักเรียบง่ายแห่งนี้ได้เยี่ยงไรกัน?นางถูกบังคับให้ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องอาบน้ำง่าย ๆ แล้วเข้านอนแต่รู้สึกเหมือนเพิ่งหลับตาไปได้ครู่หนึ่งก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงแตรเดินทัพแล้ว“องค์หญิงหก รีบตื่นบรรทมเร็วเพคะ เราจะออกเดินทางในอีกสิบห้านาทีเพคะ!”นางกำนัลวิ่งเ
หลิงอวี๋พยักหน้า นางแค่คิดว่าบางทีเซียวหลินเทียนอาจจะไม่มีประสบการณ์ในการจัดการกับโรคระบาด จึงเอ่ยเตือนเสียหน่อยเมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนพิจารณาอย่างรอบคอบเช่นนี้ก็รู้สึกโล่งใจวันนี้เซียวทงรู้สึกดีขึ้นมาก กลุ่มของนางติดตามกลุ่มของเซียวหลินเทียนได้อย่างใกล้ชิดกระทั่งไปถึงจุดพักผ่อน ฉินซานก็เข้ามากับบอกให้พวกเขาให้อาหารม้าเซียวทงสั่งให้อู่เวยพาคนไปให้อาหารม้า ขณะที่ตนนอนอย่างเกียจคร้านในรถม้าโดยไม่ขยับไปไหนฉินซานเองก็ไม่พูดอะไร เขามองนางแล้วเดินจากไปกระทั่งถึงเวลากินข้าว เซียวทงก็ยังคงรอให้นางกำนัลนำอาหารมาให้ตนเองกิน แต่หลังจากรอเป็นเวลานานแล้วนางกำนัลเพิ่งจะมา จากนั้นก็มอบอาหารแห้งให้นางอย่างเงียบ ๆ“สิ่งใดกัน? นี่มันของกินของคนรึ?”เซียวทงเคาะอาหารแห้งในมือของนางกำนัล พลางตะคอกด้วยความโกรธ“ข้านำขนมมาเยอะมากมิใช่รึ? หากพวกเขามิให้ข้ากิน เจ้าก็เอาขนมของข้ามาให้หน่อยมิได้หรือไร?”ใบหน้าของนางกำนัลกระตุก พลางกระซิบ “ขนมเหล่านั้นถูกคนของท่านอ๋องอี้มาค้นไปแล้วเพคะ!”“องค์หญิง ในรถม้าของเราตอนนี้ไม่มีอะไรให้กินแล้วเพคะ!”“ไม่เพียงเท่านั้น ท่านอ๋องยังสั่งให้รถม้าหลายคันที่บ
พวกเขายุ่งอยู่กับการเด็ดผัก แล้วเอาถุงใหญ่ไปหาที่ที่มีน้ำมาใส่ล้างแล้วเอากลับมาทางด้านเซียวทงกำลังทำน้ำแกงให้ทุกคนอยู่ พอหลิงอวี๋กับเถาจื่อเดินมาพร้อมกับผักป่าในอ้อมแขน นางกำนัลคนหนึ่งเห็นเข้าจึงตะโกนเสียงดัง “พระชายาอ๋องอี้ มาแล้วหรือเจ้าคะ?”หลิงอวี๋เอียงหัวเล็กน้อย รู้สึกค่อนข้างแปลกใจ เซียวทงก็อยู่ไม่ไกล นางกำนัลผู้นี้กลัวว่าเซียวทงจะไม่ได้ยินเลยตะโกนดังถึงเพียงนี้เลยหรือ?ทันทีที่เซียวทงได้ยินเสียงนี้ ก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วหลิงอวี๋เห็นนางซ่อนอะไรบางอย่างไว้ในแขนเสื้ออย่างรวดเร็วหลิงอวี๋จึงระวังตัวทันที“พี่สะใภ้สี่ ท่าน… ท่านมาทำอะไรที่นี่?” เซียวทงเอ่ยถามอย่างตะกุกตะกัก“ข้าเก็บผักป่ามา อยากจะเพิ่มลงในน้ำแกงเพื่อเป็นการเพิ่มอาหารให้ทุกคน!” หลิงอวี๋เอ่ย“อ๋อ พี่สะใภ้สี่ทำเถิด! ข้าจะไปพักผ่อนแล้ว!”เซียวทงยิ้มแล้วจะเดินออกไป“เดี๋ยวก่อน เจ้ายุ่งมานาน คงจะเหนื่อยแล้ว อาหารของข้าจะสุกในอีกไม่ช้า จะให้เจ้าก่อนชามหนึ่ง!”หลิงอวี๋คว้าตัวเซียวทงไว้เซียวทงผละออกจากหลิงอวี๋ทันที “ข้าไม่หิว พวกท่านกินก่อนเลย ข้าจะไปอาบน้ำแล้วค่อยกิน!”หลิงอวี๋คว้าตัวนางไว้อีกครั้ง พลางตะโ
เซียวหลินเทียนหลับตาลง เขารู้สึกละอายใจกับตนเองที่เมื่อครู่คิดว่าเซียวทงเปลี่ยนไปแล้ว!คุณหนูใหญ่ที่มีนิสัยเกเรเอาแต่ใจเยี่ยงนี้ เขาคิดไปได้เยี่ยงไรว่านางลำบากแล้วจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ไปได้!“หลิงอวี๋ใส่ร้ายหม่อมฉัน! พี่สี่ ได้ยินหม่อมฉันหรือไม่!”เซียวทงเห็นพวกฉินซานมองตนด้วยสายตาไม่เชื่อ จึงตะโกนอย่างกังวล“จะเป็นการใส่ร้ายหรือไม่ ลองดูก็รู้แล้ว! ใครก็ได้ ตักน้ำแกงมาสองชาม!”เซียวหลินเทียนออกคำสั่ง จากนั้นองครักษ์คนหนึ่งก็ก้าวไปตักน้ำแกงสองชามออกมา“เซียวทง กินสิ… กินแล้วข้าจะเชื่อเจ้า!” เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเย็นชา“หม่อมฉันมิกินหรอก! หลิงอวี๋ใส่ยาระบายลงไปในนี้ หม่อมฉันเห็นมากับตา ท่านพี่อย่าให้หม่อมฉันดื่มเลย!”เซียวทงมีหรือจะกล้ากิน จึงโยนความผิดไปให้หลิงอวี๋“ท่านอ๋อง กระหม่อมก็เห็นเช่นกัน พระชายาใส่ยาลงในน้ำแกงพ่ะย่ะค่ะ!”ทันทีที่อู่เวยเห็นเข้าก็รีบเอ่ยช่วยเซียวทง“ห่อยายังคงอยู่กับองค์หญิงหกอยู่เลยเพคะ!” หลิงอวี๋เตือนอย่างเย็นชาเซียวหลินเทียนหันไปหาเซียวทง “เจ้าจะเอามันออกมาเองหรือจะให้ข้าสั่งให้องครักษ์ค้นตัวเจ้า?”“พี่สี่ หม่อมฉันบอกแล้วว่ามิใช่หม่อมฉัน! เหตุใดเ
องค์หญิงของราชวงศ์คนหนึ่งที่ก่อนเกิดเหตุใหญ่ในแคว้น สิ่งที่คิดมิใช่ว่าจะช่วยเหลือราษฎรเยี่ยงไร แต่กลับวางแผนกำจัดคนของตนด้วยความปรารถนาอันเห็นแก่ตัว!แต่เซียวยังคงโต้แย้ง เมื่อเห็นว่าพบผงยามากมายถึงเพียงนี้ การจะโยนความผิดไปให้หลิงอวี๋คงเป็นไปมิได้แล้ว!เซียวทงกลอกตาพลางตะโกนออกมา “ฉินรั่วซือ เหตุใดเจ้าถึงร้ายกาจถึงเพียงนี้! ข้าพาเจ้าออกมาด้วยจะได้มีประสบการณ์ แต่เจ้ากลับเอายาที่ร้ายกาจพวกนี้มา!”“เจ้าคิดจะทำร้ายผู้ใดกัน?”ฉินรั่วซือตกใจจนคุกเข่าลงบนพื้นเสียงดัง พลางตะโกนอย่างกังวล“องค์หญิงหก ท่านจะตรัสส่งเดชมิได้นะเพคะ! ยาเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าเป็นขององค์หญิง… หม่อมฉันมิรู้เลยว่ามียามากมายถึงเพียงนี้ซ่อนอยู่ในรถม้า!”“ท่านพี่ ท่านเชื่อข้านะ ข้าไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้แน่!”ฉินรั่วซือมองไปทางฉินซานอย่างขอร้องตอนนี้นางกลัวจริง ๆ อันตรายเหล่านี้ หากโทษมาตกอยู่ที่นาง เช่นนั้นนางคงถูกตัดหัวแน่!“ท่านพี่ ข้าถูกองค์หญิงหกบีบบังคับให้มา! ข้ามาโดยที่มิได้เก็บกระทั่งอาภรณ์และกระเป๋าเดินทางด้วยซ้ำ… ยาพวกนั้นไม่ใช่ของข้าจริง ๆ!”ฉินซานเหลือบมองฉินรั่วซืออย่างเงียบ ๆ เขารู้จักน้องสาวของต